+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์

นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!

ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้

นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้



+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา

โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก

ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว

แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ

สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน

ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D


ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ

สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ

ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน

ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555

Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน

ตอน: ตอนที่ 15

แม้จะเป็นช่วงสายของวัน แต่ประมุขแห่งบ้านเทียมสุบรรณกลับยังอยู่ในห้องทำงานที่คฤหาสน์ บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด นอกจากเจ้าของห้องแล้ว ยังมีเปรมิกานั่งคอแข็งอยู่เคียงข้าง จ้องเขม็งไปยังพันเทพที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่ง

“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะเทพ” ผ้าพันแผลที่ต้นแขนชายหนุ่มมีเลือดซึมนิด ๆ

“ผม...ทำปืนลั่นน่ะครับ” วิธีที่เขาก้มหน้าหลบตาอธิบายได้ดีกว่าคำพูดเสียอีก

“เขาทำได้ลงคอเชียวหรือนี่ แล้วที่ลากขาเข้ามาก็เรื่องเดียวกันใช่ไหม”

“ท่านนายพลบอกว่าหลังแต่งงาน ท่านอยากให้ผมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านเทียม-สุบรรณ แต่ผมปฏิเสธ ผมก็เลยออกจากบ้านหลังนั้นไปเช่าอพาร์ตเม้นต์อยู่ชั่วคราว” กระทั่งคนฟังยังรู้ว่าสรรพนามที่ชายหนุ่มใช้บ่งบอกความห่างเหินและแสดงให้เห็นว่าสายใยความผูกพันเจียนจะขาดรอนเต็มที

“เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ! ” สุพจน์กำมือแน่น คนถูกยิงเข้าโรงพยาบาล เรื่องต้องถึงตำรวจอยู่แล้ว แต่นี่กลับไม่มีข่าวปรากฎในสื่อไหนสักแห่ง แสดงว่า ‘คนลงมือ’ มีอิทธิพลมากพอจะปิดปากทุกคนที่เกี่ยวข้องได้แนบเนียน

“งั้นแต่งงานแล้วเทพก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่กับพ่อแม่เถอะ อย่าไปขัดใจพ่อของเทพเลย” วันนี้ยังแค่แขนขา ครั้งหน้าเขาอาจบาดเจ็บถึงชีวิต!

“คุณสุพจน์! คุณจะยอมให้น้องอิงแต่งงานไม่ได้นะคะ”

ประมุขแห่งบ้านเทียมสุบรรณถอนใจ “เราต้องยอมรับความจริงนะคุณเปรมว่าพันเทพไม่ได้ทำอะไรผิด ในเมื่อเด็ก ๆ รักกัน คุณจะใจร้ายแยกเขาออกจากกันได้ลงคอหรือ เท่าที่เราทำได้ก็คือประนีประนอมเพื่อให้เขาได้อยู่ด้วยกัน”

“แต่ดิฉันรู้ว่าที่ลูกตกลงแต่งงานกับพันเทพก็เพราะสงสาร ไม่อยากให้เขาถูกพ่อตัวเองทำร้าย” เปรมิกาตวัดค้อนไปทางบุตรชายท่านนายพล ชำเลืองมองบาดแผลของเขาด้วยสายตาขุ่นมัว “แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์”

“คุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าพูดพล่อย ๆ มันไม่เหมาะ”

“ฉันไม่ได้พูดพล่อย ๆ ” นางหันไปทางชายหนุ่ม เสียงอ่อนลง “แม่ไม่ได้รังเกียจเทพนะ แต่เรากำลังพูดถึงชีวิตจากนี้จนตลอดไป เทพกับน้องอิงก็รู้แก่ใจดีว่าสองคนรักกันแบบไหน การใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน มันไม่เหมือนการเป็นเพื่อนกัน เทพตัดสินใจใหม่ดีกว่า ถ้าเทพยืนยันว่าไม่แต่ง น้องอิงก็ทำอะไรไม่ได้หรอก”

สุพจน์เห็นพันเทพก้มหน้าไม่กล้าสบตา มือทั้งคู่กำแน่นบอกความกดดันในใจ ท่านก็ยิ่งรู้สึกหนักหน่วงในหัวใจกว่าเดิม

“อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลยคุณเปรม สิ่งที่ท่านนายพลต้องการ ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงเกินกว่าเราจะให้ เห็นแก่ลูก อย่าทำให้อิงกับเทพอึดอัดใจเลย”

เปรมิกาสะบัดหน้าไปทางอื่นไม่ปิดบังความไม่พอใจ

สุพจน์ตบหลังมือคู่ชีวิตอย่างปลอบประโลม แล้วหันมาทางชายหนุ่ม “งั้นหลังแต่งงานแล้วเทพก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันซะที่นี่ เดี๋ยวยุบห้องสักสองสามห้องตีทะลุรวมกัน แล้วตกแต่งใหม่อย่างที่เทพสบายใจ เรื่องค่าใช้จ่ายพ่อเป็นเจ้าภาพให้เอง”

พันเทพกราบแทบเท้าสุพจน์และเปรมิกาด้วยท่าทีเก้งก้าง “ผมย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ไม่ได้จริง ๆ ครับ ขอให้ผมได้เหลือความนับถือตัวเองไว้บ้างเถอะ ผมมีที่อยู่แถว สุขุมวิท ตอนนี้สร้างบ้านไว้เกือบเสร็จแล้ว ผมอยากใช้ที่นั่นเป็นเรือนหอ”

“แต่มันจะเกิดปัญหาอย่างนี้ขึ้นอีกน่ะสิ” สุพจน์หนักใจ ชี้แผลที่แขนชายหนุ่ม

พันเทพแตะผ้าพันแผลที่ต้นแขน สีหน้าเยาะหยัน “ท่านนายพลน่าจะรู้แล้วละครับ ว่าเขาบังคับผมไม่ได้ ต่อให้ต้องตาย ผมก็จะไม่ยอมให้เขาได้สมใจเด็ดขาด”

“เทพ...สำหรับพ่อแล้ว ชีวิตคนคนนึงสำคัญกว่าเงินทองนะ การพยายามเอาชนะกันเพื่อความสะใจ สุดท้ายแล้วก็จะมีแต่เทพนั่นแหละที่เจ็บปวด เทพต้องหัดประนีประนอม ไม้ที่แข็งเกินไป มักจะหักเสมอ” คนอาบน้ำร้อนมาก่อนสั่งสอน

สุพจน์รู้ว่าการที่พันเทพยืนกรานเรื่องเรือนหอทำให้ศักดิ์สิทธิ์โกรธจัด และเพื่อรักษาชีวิตของชายหนุ่มไว้ เขาจึงตัดสินใจว่าต้องบังคับให้พันเทพทำบางอย่างเพื่อความพึงใจของพ่อบังเกิดเกล้าบ้าง

“เรื่องเรือนหอ พ่อแล้วแต่เทพละกัน แต่เรื่องนี้ยังไงเทพก็ปฏิเสธไม่ได้ พ่ออยากให้เทพมาช่วยงานที่สยามดริ๊งค์ฯ เพราะในฐานะว่าที่สามี เทพควรเข้ามามีส่วนร่วมในทรัพย์สินของอิงได้แล้ว”

เปรมิกาขมวดคิ้ว หันมาสบตาสามีตรง ๆ “คุณคงไม่ได้หมายถึง...”

สุพจน์พยักหน้า “ผมกำลังจะขอให้เทพมารับตำแหน่งซีเอ็มโอที่บริษัท” เขา

เอ่ยถึงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด (Chief Marketing Officer)

“คุณจะเตรียมพันเทพให้เป็นซีอีโอคนต่อไปเหรอ ฉันไม่เห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหญ่ ดิฉันว่าเราเรียกประชุมผู้บริหารเพื่อคัดสรรผู้ที่เหมาะสมดีกว่า”

“ที่ผมให้เทพเป็นซีเอ็มโอก็เพราะอยากให้เทพแสดงฝีมือ สร้างผลงานและได้รับการยอมรับจากกรรมการ ก่อนขึ้นเป็นผู้บริหารสูงสุด”

“แต่เทพอายุยังน้อย ประสบการณ์เกี่ยวกับสินค้าของบริษัทเราก็แทบไม่มี ถึงจะให้เป็นซีเอ็มโอก่อน แต่ตำแหน่งนี้ต้องคุมการตลาดของบริษัททั้งเครือ พนักงานคงไม่ยอมรับง่าย ๆ นะคะ” เปรมิกาแย้งเสียงแข็ง

“ไม่ต้องห่วงน่าคุณเปรม นี่เป็นบริษัทที่พ่อผมภาคภูมิใจ ผมยังไม่ยกบริษัทให้เขาง่าย ๆ จนกว่าเทพจะพร้อมเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปเด็ดขาด” เขาหันไปทางว่าที่ลูกเขย “ว่าไงละเทพ สู้ไหวไหม”

“แต่ว่าผม...”

“ยืดหน้าอกรอรับกระสุนน่ะน่ากลัวที่สุดแล้ว สิ่งที่พ่อขอร้องง่ายกว่าตั้งเยอะ เทพไม่กล้ารับความท้าทายนี้เหรอ”

พันเทพหายใจเข้าลึก “ผมจะทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่คุณพ่อไว้วางใจครับ”

“งั้นพ่อจะให้คนไปส่งที่โรงพยาบาล เทพรักษาตัวให้หายดีซะ พร้อมเมื่อไหร่ก็มาเริ่มงานที่สยามดริ๊งค์ฯ ได้เลย”

“ค่ำนี้อิงจะเดินแบบที่งานว็อตช์เฟสติวัล ถ้าผมไม่ไป อิงจะ...”

“น้องอิงเจ็บขา เมื่อเช้ายังเดินแทบไม่ไหว วันนี้คงไม่ได้ไปเดินแบบหรอก ส่วนเรื่องนี้” ท่านพยักเพยิดไปยังแผลที่ต้นแขนและขาของเขา “อย่าให้น้องอิงรู้เรื่องเลย พ่อไม่อยากให้น้องเป็นกังวล หรือเทพคิดว่ายังไง”

แม้ไม่เห็นด้วย แต่พันเทพก็จำต้องรับสภาพอย่างยอมจำนน

“ลูกผู้ชายเรามันต้องอย่างนี้สิ” สุพจน์หัวเราะเบา ๆ ด้วยความพอใจ

เปรมิกาสะบัดหน้าไปทางอื่นระบายความหงุดหงิด เธอเคยรักและเอ็นดูพันเทพมาตลอด แต่วันนี้สุพจน์ยิ่งทำให้เธอก้าวเข้าไปใกล้ปากเหวตรงขีดสุดของความอดทนมากขึ้นทุกที!

น่าโมโหที่แม้แต่สุพจน์ก็ยังต้องเดินตามเกมของนายพลบ้าอำนาจคนนั้น!

เสียงพนักงานพูดคุยกันดังหึ่ง ๆ นอกห้องบอกให้รู้ว่าถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว สาวัชพับแฟ้มเอกสารเลื่อนไปวางไว้ด้านข้าง

“คุยกับแม่ได้สักที” สาวิตรีซึ่งนั่งหน้าตาไม่สบอารมณ์อยู่นานขยับตัวอย่างกระตือรือร้น “เตี่ยโอนหุ้นให้วัชหรือยัง”

สาวัชขมขื่นในใจ แม่คงร้อนใจ เพราะท่านไม่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเขาสักคำ!

“แม่รู้เรื่องโอนหุ้นได้ยังไง” เขาใช้น้ำเสียงเย็นชาเช่นเคย

“เตี่ยบอกแม่นานละ แม่กลัวเตี่ยลืม ถ้ายังไงคืนนี้แม่จะเตือนท่านอีกที”

“อย่ารบกวนเตี่ยด้วยเรื่องแค่นี้เลย ผมไม่อยากให้เตี่ยรกใจ”

สาวิตรีภาคภูมิ “ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับแม่ ไม่เคยเป็นเรื่องรกใจของเตี่ยหรอก”

เขาเดินไปยืนที่ริมหน้าต่าง มองไปยังอาคารสีขาวเบื้องล่าง หลีกเลี่ยงไม่อยากมองสีหน้านั้นของมารดา ครั้นเห็นออดี้ขับเคลื่อนสี่ล้อสีขาวในลานจอดของคิวปิด-แอสซิสแทนซ์ คิ้วเข้มก็ขมวดนิด ๆ ความหงุดหงิดอันไม่รู้ที่มาผุดขึ้นในใจ

“อ้อ...มีบัตรเชิญส่งไปที่บ้านหลายวันละ แม่กลัววัชไม่เห็น เลยถือมาให้”

สาวิตรีเปิดกระเป๋าดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ ชายหนุ่มหยิบโปสต์การ์ดเชิญไปร่วมงานแสดงนาฬิการะดับโลกที่ห้างหรูกลางกรุงขึ้นมาพิจารณา

“งานมีเย็นนี้ วัชจะไปไหม” มารดาตั้งใจรอฟังคำตอบเต็มที่

มีไม่กี่เรื่องในชีวิตที่สาวัชอนุญาตให้ตัวเองมีความสุขกับมันอย่างเต็มที่ และนาฬิกาสะสมก็จัดอยู่ในเรื่องจำพวกนี้ แต่เพราะคู่สนทนาคือมารดา เขาจึงย้อนถามแทนการตอบรับตรง ๆ “แม่จะรู้ไปทำไมครับ”

“ก็เห็นวัชไปทุกปีนี่” น้ำเสียงอาทรดุจมารดาผู้รักลูกดังดวงใจ

แต่เพราะแม่ไม่เคยสนใจว่าเขาจะทำอะไรที่ไหนหรืออย่างไร ไม่แปลกที่สาวัชไม่ซาบซึ้งกับบทที่ท่านกำลังเล่น “ปีนี้ผมไม่ได้สนใจนาฬิกาเรือนไหนเป็นพิเศษ ไปก็เสียเวลาเปล่า แม่เสร็จธุระแล้วใช่ไหม” เขาไม่รู้สึกผิดสักนิดที่ตัดบทไร้เยื่อไย

“แม่ก็แค่อยากรู้ บอกแม่แค่นี้ไม่ได้หรือไง” สาวิตรีหน้าบึ้งเน้นเสียงหงุดหงิด

“แม่ชอบเงิน ผมก็ให้เงินแม่ รับเงินไปแล้ว ก็ช่วยกรุณาอย่ามายุ่งกับเรื่องอื่น

ในชีวิตผมเลย” สาวัชรู้ว่าคำพูดนั้นทั้งเย็นชา หยาบคาย และร้ายกาจมาก แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเขาคิดดังที่พูดจริง ๆ

“วัชไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ ทั้งที่เงินเดือนอาจารย์ก็นิดเดียว แต่นาฬิกาที่วัชซื้อราคาเรือนนึงไม่ใช่ถูก ๆ แม่เห็นนะว่าเป็นยี่ห้อเดียวกับที่เตี่ยใช้” ชายหนุ่มจับสำเนียงความอยากรู้อยากเห็นในดวงตาของสาวิตรีได้ครบถ้วน

สาวัชเบือนหน้าไปสบตามารดา ยิ้มหยัน “แม่ใช้ไปเถอะ ไม่ต้องรู้ว่าหรอกมันมาจากไหน รู้แค่ว่าผมไม่ได้ไปโกงใครมาก็พอแล้ว! ”



แผนผังการจัดเวทีและตู้แสดงนาฬิกาในงานว็อตช์เฟสติวัลถูกกางอยู่บนโต๊ะ ทีมงานแต่ละคนชี้จุดของตนและทบทวนภารกิจจนครบ

แพรวเพชรพยักหน้าพึงพอใจ “ดีมาก ใครรับผิดชอบในส่วนของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็ไปยืนรวมกลุ่มกันให้เหมือนว่าเราไปเชียร์พี่อิงจริง ๆ เข้าใจไหม”

ทีมงาน ‘สร้างความบังเอิญ’ มั่นใจเต็มเปี่ยม แผนการที่ทบทวนกันครั้งแล้วครั้งเล่า ล้วนได้รับการปรับปรุง แนะนำ และแก้ไขจนมั่นใจว่าไม่มีจุดบอด ผลลัพธ์ที่ทุกคนคาดหวังมีเพียงสิ่งเดียว...ความสำเร็จ!

“พี่อิงเจ็บแผลขนาดนั้นแล้วยังจะไปเดินแบบอีกเหรอคะ” กัญญาเป็นห่วง

“ทำไงได้ อุบัติเหตุมันกะทันหันเกินไป คนจัดงานหาคนแทนไม่ทัน คิวทุกอย่างก็ซ้อมไว้หมดแล้ว ขาดไปคนนึง งานคงป่วน พี่อิงไม่อยากเสียคำพูดเพราะเจ้าของห้างเป็นเพื่อนคุณแม่ ไปทำเขาเสียหาย เดี๋ยวจะหมางใจกันเปล่า ๆ ”

“นี่ถ้าเมื่อเช้าไม่เห็นพี่อิงสวมรองเท้าแตะ กับให้คนขับรถมาส่ง กุ้งคงดูไม่ออกหรอกว่าขาพี่อิงมีแผล หมอเก๊งเก่งผ้าพันแผลงี้เนียนกริ๊บสีเดียวกับเนื้อเลย”

“พี่อิงเขาสวมถุงน่องช่วยจ้ะ เป็นผู้ช่วยกามเทพประสาอะไร ไม่ช่างสังเกตเลย” แพรวเพชรเย้า พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หญิงสาวรับสาย เจรจาไม่กี่คำ ก็ตัดการติดต่อด้วยสีหน้าผิดหวัง

“เราต้องยกเลิกแผนวันนี้แล้วละ แม่เอสพีโทร.มาบอกว่าเป้าหมายจะไม่ไปงานว็อตช์เฟสติวัล! ”



*******************************************************

นิยายเรื่องนี้มี 60 ตอนนะคะ

สิริณจะลงให้อ่าน "จนจบ"

ไม่เท ไม่ทิ้งกันแน่นอน

แต่ในฉบับหนังสือและอีบุ๊ก

จะมีตอนพิเศษจัดเต็มอีกเกือบ 100 หน้า

(ประมาณ 1/5 ของเล่ม)

วันนี้เปิดให้จองหนังสือแล้วจ้า

ไม่มีวางขายหน้าร้านนะค้า

หนังสือหนา 600 หน้า + ที่คั่น

ราคา 450 บาท ค่าจัดส่ง 30 บาท

สนใจสั่งจองที่ https://goo.gl/kHN2TN

** สำหรับ 100 คนแรกที่จองและโอนเงิน จัดส่งฟรี พร้อมรับของแถมพิเศษ **

ฉบับอีบุ๊ค รอประมาณกลางเดือนนะคะ

ตอนนี้กำลังรีบจัดหน้าและขอเลข ISBN อยู่ค่ะ
















สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ค. 2561, 08:53:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ค. 2561, 08:53:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 585





<< ตอนที่ 14   ตอนที่ 16 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account