+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ
แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์
นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้
นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา
โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก
ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว
แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ
สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D
ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ
สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ
ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน
ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555
แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์
นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้
นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา
โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก
ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว
แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ
สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D
ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ
สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ
ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน
ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555
Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน
ตอน: ตอนที่ 16
งานว็อตช์เฟสติวัลจัดขึ้นยังลานกลางห้างหรู ราวขึงเชือกกำมะหยี่สีแดงกั้นบริเวณไว้อนุญาตให้เข้าเฉพาะแขกรับเชิญ หลังโต๊ะลงทะเบียนเป็นพรมแดงทอดเข้าสู่จุดถ่ายรูปซึ่งมีสื่อมวลชนคอยทำข่าวหนาตา
พื้นหลังของเวทีเป็นชื่องานสีทองบนแบคดรอปสีดำ ยกพื้นสูงครึ่งเมตรเชื่อมต่อกับรันเวย์รูปตัวทีปูพรมแดงทอดผ่านพื้นที่เกินครึ่ง เก้าอี้สามแถวจัดหันหน้าเข้าหารันเวย์ทั้งสองฟาก รอบนอกสุดเป็นแท่นสูงครอบกระจกนิรภัยจัดแสดงนาฬิการุ่นเด่น ๆ โดยมีเคาน์เตอร์นาฬิกากระจายทั่วพื้นที่ให้ลูกค้าเลือกชม
ชายหนุ่มรูปร่างสูงสวมกั๊กสูทเข้ารูปสีดำทับเสื้อยืดขาว ตัวนอกสุดเป็นแจ็คเก็ตสูทแบบลำลองสีเทาอมเขียวคู่กับสแลคสีเดียวกัน ผมตัดสั้นใส่เจลหวีตั้งขึ้นเปิดหน้าผากอวดดวงหน้ากระจ่างและไรเขียวตามแนวคาง ดวงตาคม จมูกโด่ง และริมฝีปากที่รับกันพอดีทำให้ผู้คนรอบข้างลอบพิจารณาเขาด้วยความสนใจ มองภายนอกเขาเหมือนหลุดมาจากนิตยสารแฟชันมากกว่า
แทนที่จะสนใจนาฬิกาซึ่งจัดแสดงอยู่ในงาน เขากลับกวาดตาไปรอบตัวคล้ายกำลังหาใครบางคน คิ้วเข้มขมวดมุ่น ขณะสีหน้าบอกชัดถึงความหงุดหงิดไม่พอใจ
‘วันนี้รีบออกจากออฟฟิศไปเชียร์พี่อิงเดินแบบที่งานว็อตช์เฟสติวัลกัน’
ขณะรับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์อาหารในอาคาร เขาได้ยินพนักงานของคิวปิดแอสซิสแทนซ์นัดแนะกันโดยบังเอิญ แม้สาวัชปัดเรื่องนี้ทิ้งนับครั้งไม่ถ้วน แต่มันกลับรบกวนใจอย่างบอกไม่ถูก และนั่นคือเหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่...ตอนนี้!
ผู้หญิงคนนั้นไม่บ้าก็คงเสียสติ ได้รับบาดเจ็บขนาดนั้น อย่าว่าแต่เดินแบบเลย ขนาดเดินธรรมดา เขาก็มั่นใจว่ามันต้องเจ็บปวดและระบมจนแทบทนไม่ได้ ไหนยังจะวัคซีนกันบาดทะยักอีก ใครก็รู้ว่าหลังฉีดวัคซีนคนส่วนใหญ่มักมีไข้และปวดบริเวณที่ฉีด ยายตัวยุ่งนั่นดันทุรังจนน่าโมโหจริง ๆ !
สาวัชเตร่ไปแถวเวทีเพื่อถามหาอิงอรุณ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่านางแบบกำลังแต่งตัวไม่สะดวกออกมาพบ เขาจึงชมนาฬิกาที่จัดแสดงอยู่ฆ่าเวลา
ชายหนุ่มอ่านแผ่นพับหานาฬิกาเรือนเด่นและไปชมของจริงด้วยความสนใจ ทว่าจู่ ๆ ก็มีคู่รักหนุ่มสาววัยทำงานมายืนข้าง ๆ ชวนกันเลือกนาฬิกาเสียงดัง ชายหนุ่มเหลือบตาตำหนิหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล เขาจึงหลบไปทางอื่นแทน ไม่รู้ตัวเลยว่าเพียงคล้อยหลัง คู่รักสุดสวีตลอบสบตากันอย่างสมใจ
โลกของเขาสงบสุขไม่นาน ผู้หญิงคนหนึ่งก็ยืนขวางหน้าตำหนิพนักงาน สาวัชจำต้องเลี่ยงไปอีกทาง สุดท้ายจึงมุ่งไปยังแท่นโชว์นาฬิกาที่ว่างอยู่
สาวัชเข้าไปยืนหน้าแท่นโชว์ พิจารณานาฬิกาในตู้ด้วยความชื่นชม นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแอดไมรัลส์คัพในปี ค.ศ.๑๙๖๐ โฆรุ่มไม่เคยทำให้สาวกผิดหวัง คราวนี้ก็เช่นกัน ตัวเรือนของแอดไมรัลส์คัพ เอซี-วัน ๔๕ สแควเลตต์ (Corum Admiral's Cup AC-One Squelette) สวยสง่ากว่าคาด ด้วยหน้าปัดสิบสองเหลี่ยมเปลือยกลไก มีชุดตัวเลขไทเทเนียมบอกวันที่ตรงตำแหน่งหกนาฬิกา ขนาดมองผ่านตู้กระจกยังเห็นชัดว่ามันมีเอกลักษณ์และโดดเด่นจนแทบลืมหายใจ ชายหนุ่มเหลือบดูราคาและลูบปลายคางครุ่นคิด สุดท้ายจึงสั่งจองและชำระด้วยบัตรเครดิตโดยมิพักลังเล!
“เอลังก์เง่ออุนโซฮ์เน่อ (A. Lange & Söhne) รุ่นลังเง่อเธอร์ตี้วัน (Lange 31) ” เสียงสุภาพสตรีเอ่ยลอย ๆ
สาวัชหันไปทางต้นเสียง พลันจำผู้หญิงคนนี้ได้ “คุณอินทุอรวี”
“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่เลยนะคะ” หญิงสาวทักทาย พลางชี้ข้อมือของเขาที่เพิ่งลดลงจากปลายคางอย่างสุภาพ “ขอโทษที่ทำให้ตกใจค่ะ ดิฉันกำลังตื่นเต้น เพราะเพิ่งมีโอกาสได้เห็นลังเง่อเธอร์ตี้วันใกล้ ๆ วันนี้เอง”
สาวัชหรี่ตาเล็กน้อย ยกข้อมือตัวเองขึ้นพิจารณานาฬิกาที่ทำให้อีกฝ่าย ‘ตื่นเต้น’ แล้วเบือนหน้าไปมองหญิงสาวตรง ๆ
อินทุอรวียกข้อมือเสมอใบหน้า ยกมุมปากเล็กน้อยด้วยกิริยาถือตัว “ที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เพราะจะหาเรื่องชวนคุยหรอกค่ะ บังเอิญดิฉันชอบโฆรุ่มน่ะ”
เธอสวมนาฬิกายี่ห้อเดียวกับในตู้ที่เขายืนชมอยู่ ไม่แปลกจริง ๆ แหละที่คนชอบโฆรุ่มจะยืนดูโฆรุ่มอยู่
สาวัชไม่เอ่ยอะไร ไม่ถามต่อ ไม่ชวนคุย เขาแค่ก้มศีรษะเป็นเชิงขออภัย
“ท่าทางคุณไม่ชอบคุยเรื่องมโนสาเร่ ดีนะเนี่ยที่คุณไม่ได้ทำหน้าหยิ่ง ๆ แล้วบอกดิฉันตรง ๆ ว่าไม่อยากพูดเรื่องส่วนตัวให้คนแปลกหน้าฟัง”
“คุณอาจจะเดาถูกก็ได้”
อินทุอรวีบุ้ยปากไปยังตู้แสดงนาฬิกา “คุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของโฆรุ่มเหมือนกันหรือคะ ไม่ถึงสิบนาทีก็เซ็นบัตรเครดิตเกินครึ่งล้านง่าย ๆ อย่างนั้น”
เขาไม่ตอบ ใช้สายตาเป็นเชิงตั้งคำถามคล้าย ๆ ’ จะรู้ไปทำไม’
“ดิฉันชอบโฆรุ่มเพราะมันเปลือยให้เห็นกลไก ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่มารวมกันแบบนี้ มักทำให้เราหยุดคิดเสมอว่าสิ่งยิ่งใหญ่ มักมาจากของเล็ก ๆ ”
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาชอบนาฬิกาแบรนด์นี้ แต่ชายหนุ่มไม่บอกเธอหรอก
“ขอบคุณที่แชร์ความคิดเห็น ผมขอตัวก่อนนะครับ” เสียงดนตรีดังเป็นสัญญาณบอกว่าพิธีเปิดกำลังจะเริ่มขึ้น เขาจึงเดินดุ่มจากไป ไม่สนใจว่าคนที่มองตามหลังจะรู้สึกอย่างไร ก็แค่คนรู้จักธรรมดา ๆ อีกคนหนึ่งในชีวิต!
เก้าอี้ทุกตัวมีหมายเลขกำกับตรงกับบัตรเชิญ เขาได้ที่นั่งแถวที่สามตรงเกือบสุดปลายรันเวย์ นับว่าเป็นจุดที่ดีซึ่งสามารถเห็นผู้แสดงแบบได้ชัดเจน
หลังพิธีเปิดซึ่งเป็นไปอย่างหรูหราแต่กระชับ เสียงดนตรีก็ดังกระหึ่มขึ้นรอบด้าน แล้วบรรดานางแบบนายแบบทั้งมืออาชีพและรับเชิญก็ก้าวขึ้นรันเวย์
คอยไม่นานอิงอรุณก็ปรากฏตัวจากด้านขวาของเวที ฝั่งซ้ายเป็นนักแสดงหนุ่มรูปหล่อที่เดินมายืนเคียงข้างพร้อมกับยกแขนตั้งศอก หญิงสาวคล้องแขนอีกฝ่าย และฝ่ายชายก็ใช้มือข้างที่ว่างถกแขนเสื้อขึ้นอวดนาฬิกาวางทาบทับมืออิงอรุณ มองผาด ๆ ดูเป็นคู่รักสวีตหวานจนน่าอิจฉา
อิงอรุณเท้ามือซ้ายที่เอวก้าวเนิบมาดมั่น เธอเฉิดฉายในชุดเดรสลูกไม้สีทองเข้ารูป ปักคริสตัลสีทองเป็นดอกไม้กระจายทั้งตัวสะท้อนแสงไฟเป็นประกายระยิบ เข็มขัดสีทองคาดที่บั้นเอวเน้นทรวดทรงชัดเจน ขณะแคชชูส์สีครีมสูงจนน่ากลัวเสริมให้หญิงสาวแลเพรียวสะโอดสะองยิ่งขึ้น
หญิงสาวรวบผมข้างหนึ่งเปิดหูซึ่งสวมต่างหูเพชรเม็ดเดี่ยวเรียบแต่หรู ที่คอและข้อมือไม่สวมเครื่องประดับ นาฬิกาที่เธอสวมแสดงแบบคือ ยูลิสนาร์แดง (Ulysse Nardin) คลาสสิโค อเมริโก เวสปุชชี (Classico Americo Vespucci)
เครื่องแต่งกายของอิงอรุณขับให้นาฬิกาสายหนังจระเข้สีดำเด่นขึ้น ตัวเรือนเป็นทองคำขาวเรียบ ๆ หน้าปัดเขียนสีลงยาจำลองรูปเรือรบโบราณนาม อเมริโก เวสปุชชี กำลังแล่นในน้ำ เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันมีเพียง ๓๐ เรือนทั่วโลกซึ่งผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเรือรบที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งกองทัพเรืออิตาลี ราคาในต่างประเทศอยู่ที่สี่หมื่นเหรียญ เมื่อบวกภาษีแล้ว ราคาขายในเมืองไทยตกราวหนึ่งล้านสามแสน!
เมื่อเดินมาจนสุดรันเวย์ อิงอรุณยกมือซ้ายแตะแก้มขวา เชิดศีรษะนิด ๆ ส่วนนายแบบละมือที่กุมมือคู่ควง ยกกำปั้นขวาไขว้จรดอก
สาวัชมองหญิงสาวโปรยยิ้มอ่อนหวานเจิดจ้าไปทั่ว ๆ ไม่มีร่องรอยทรมานจากอาการบาดเจ็บสักนิด เขาหงุดหงิดตัวเองขึ้นมากะทันหันที่นึก ‘ห่วง’ ไม่เข้าเรื่อง ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย เธอสุขสบายดี ออกจะชื่นบานกว่าปกติด้วยซ้ำ ชายหนุ่มกำสูจิบัตรแน่น ความรู้สึกประหลาดระรานใจจนผลุนผลันลุกจากที่นั่งฝ่าฝูงชน มุ่งตรงไปยังทางออกโดยมิพักลังเล
สาวัชจึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าเมื่อไม่มีมือของนายแบบปิดไว้ อิงอรุณกำท่อนแขนอีกฝ่ายแน่นยึดเขาไว้สุดแรง จิกนิ้วลงในเสื้อสูทจนเห็นเป็นรอยกดชัดเจน!
ทั้งที่สาวิตรียืนยันว่าสาวัชจะไม่มางานนี้ แต่แพรวเพชรมั่นใจว่าเห็นชายหนุ่มในงานว็อตช์เฟสติวัลแน่ ๆ กามเทพสาวสั่งลูกน้องที่มาให้กำลังใจอิงอรุณเข้าประจำจุด ทำให้สาวัชพบอินทุอรวีและพูดคุยกันเล็กน้อย คนของเธอบันทึกทั้งภาพนิ่งและวิดีโอไว้ส่งมอบผลงานให้สาวิตรีเพื่อยืนยันว่าเสร็จภารกิจแล้ว
อาจเพราะยืนบนรองเท้าส้นสูงมาหลายชั่วโมง ระหว่างชมแฟชันโชว์ แพรวเพชรจึงรู้สึกคล้ายขาจะเป็นตะคริว เธอก้มลงนวดน่อง ปากก็งึมงำสาปแช่งอาการปวดหน่วง ๆ ตรงท้องน้อย เกลียดการเป็นผู้หญิงก็ตรงเนี้ย ปวดได้ปวดดี ปวดกันทุกเดือน ไม่รู้อะไรกันนักหนา!
หลังการเดินแบบจบลง นางแบบนายแบบจะทยอยออกไปยืนตามจุดต่าง ๆ ที่กำหนดไว้อีกราวสิบนาทีเพื่อให้แขกได้ชมนาฬิกาอย่างใกล้ชิด
แพรวเพชรกัดฟันลุกขึ้นยืน กำลังจะไปสมทบกับอิงอรุณ แต่ก็ช้ากว่าหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งที่ก้าวพรวด ๆ เข้าไปยืนประจันหน้ากับอิงอรุณ
นั่น...พิมพ์สนิท! แพรวเพชรข่มอาการปวดท้องรีบถลันเข้าไปหาเพื่อนรัก เพราะแม้สภาพภายนอกของอิงอรุณจะดูดี แต่เธอรู้ว่าความจริงแล้วเพื่อนย่ำแย่แค่ไหน ทั้งฉีดยาแก้ปวดข่มอาการเจ็บ แล้วยังต้องยืนบนส้นสูงขนาดนั้นอีก เธอมั่นใจว่าอิงอรุณไม่อยู่ในสภาพพร้อมรับศึกแน่นอน แต่แพรวเพชรก็ยังช้าไป...
พิมพ์สนิทฟาดฝ่ามือใส่หน้าอิงอรุณอย่างแรง เป็นผลให้คนเจ็บเซแซด ๆ ล้มลงไปกองกับพื้น ผู้คนรอบด้านกรีดร้องกระเจิงฮือเป็นวงกว้างด้วยความตกใจ
“มีเงินมากแล้วทำให้หน้าด้านขึ้นหรือไง ถึงแย่งแฟนคนอื่น แล้วยังส่งคนมาทำร้ายฉันอีกน่ะ อิงอรุณ” คนพูดบริภาษพลางกระโจนตามไปนั่งคร่อมกลางลำตัวของอิงอรุณ รัวตบคนตัวเล็กกว่าซึ่งยังไม่ทันตั้งตัวซ้ำอีกหลายฉาด
แพรวเพชรโผเข้าทางด้านหลังพิมพ์สนิทสอดมือไปใต้รักแร้ล็อกแขนลากมือตบออกให้พ้นจากการนั่งคร่อมอิงอรุณ
พิมพ์สนิทถองศอกโดนท้องเธอจนจุก มือจึงคลายออกและหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ทีมรักษาความปลอดภัยฮือเข้าไปยึดแขนพิมพ์สนิท คุมตัวหญิงสาวเจ้าปัญหาออกจากพื้นที่งานอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่อีกส่วนประคองอิงอรุณและแพรวเพชรไปยังห้องพิเศษที่กันไว้รับรองแขกวีไอพี แล้วขอตัวไปจัดหาน้ำและยา
ผู้จัดงานรีบเปิดดนตรี และให้พิธีกรเล่นเกมตอบคำถามเบี่ยงเบนความสนใจ เพียงชั่วไม่ถึงนาที เหตุการณ์ก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ เจ้าของงานเสนอมอบของชำร่วยพิเศษแลกกับการขอให้แขกลบคลิปที่ถ่ายไว้ ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี กระนั้นแขกในงานยังคงจับกลุ่มนินทาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกันสนุกปาก
อิงอรุณทิ้งตัวบนโซฟาผมเผ้ากระเซิง ใบหน้ามีรอยแดงจาง ๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง ส่วนแพรวเพชรนั้นรู้สึกถึงแรงบีบรุนแรงในช่องท้อง เป็นอาการอันหนักหนาจนทำให้เธอกดท้องจนตัวงอ และต้องจิกเล็บลงในมือเพื่อบรรเทาความปวด
“เพชรโอเคหรือเปล่า หน้าตาไม่ดีเลย”
“ปวดท้องเมนส์น่ะ”
“เพชรหน้าซีดจัง” อิงอรุณใช้แขนเสื้อซับเหงื่อที่หน้าผากให้ กระไอร้อนที่แผ่มาโดนผิว ทำให้แพรวเพชรอังหน้าผากเพื่อน “อิงตัวร้อนจี๋เลย”
“เพชรมือเย็นต่างหาก ฝืนใจนิดนึงนะเพชร ไปหาหมอกันดีกว่า”
สองสาวเหลียวหาเจ้าหน้าที่ที่ไปหาน้ำ แต่รอไม่ไหว จึงประคองกันฝ่าคนลงลิฟต์ไปชั้นล่างสุด เพียงก้าวพ้นประตูออกสู่ลานจอดรถ แพรวเพชรก็เจอเผ่าภาคินที่เพิ่งมาถึงพอดี ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ามแดดโผเข้ามาประคองภรรยา ทั้งยังโอบประคองอย่างทะนุถนอม
“เพชรปวดท้องน่ะค่ะ อิงช่วยประคองลงมา”
“หน้าซีดขนาดนี้ ไม่น่าจะปวดธรรมดาแล้วนะ” ความห่วงใยฉายโชนจากดวงตาของเผ่าภาคินชัดเจน
“วันนั้นของเดือนค่ะพี่เผ่า ไม่มีอะไรหรอก”
เห็นเผ่าภาคินหน้าเคร่ง คิ้วขมวด อิงอรุณจึงโบกมือให้เธอโดยไม่ขยับ “พี่เผ่าพาเพชรไปโรงพยาบาลก่อนเลยค่ะ”
“แล้วอิงล่ะ ไปให้หมอดูด้วยกันเลยสิ” แพรวเพชรทิ้งหุ้นส่วนไว้คนเดียวไม่ลง อาการอิงอรุณน่าจะหนักหนาไม่แพ้เธอ แต่เพราะอีกฝ่ายแต่งหน้าจัดเต็มเพื่อเดินแบบ ทำให้สังเกตไม่ออกว่าสภาพสีหน้าแท้จริงเป็นอย่างไร
“เดี๋ยวเราเอานาฬิกาขึ้นไปคืนทีมงานก่อน แล้วจะให้คนขับรถพาไปหาหมอเอง เพชรไม่ต้องห่วง” อิงอรุณชูข้อมือประกอบ
“อ้าว! ใส่ติดมือมาด้วยเหรอ โอเค ๆ งั้นก็ตามใจ” หญิงสาวหันไปทางสามี “ไปกันเลยก็ได้ค่ะพี่เผ่า”
เผ่าภาคินอุ้มเธอขึ้นแนบอกดุจพร้อมปกปักคุ้มครองดูแลให้เธอปลอดภัย
อิงอรุณมองตามเพื่อนไปกระทั่งลับสายตา รู้สึกปวดศีรษะตุบ ๆ จนราวกับถูกค้อนกระหน่ำทุบอยู่ในนั้น ทั้งหน้าทั้งขาข้างขวาของเธอเจ็บจนชาจนไม่มีความรู้สึกแล้ว หญิงสาวถอดรองเท้าก้มลงไปจะเกี่ยวแคชชูส์ถือไว้ ทว่าเพียงโน้มตัวลง โลกทั้งใบก็ดับวูบไปทันที!
ห้องชุดผู้ป่วยในที่อิงอรุณเลือกคล้ายกับที่พันเทพเข้าพักฟื้นเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังเวรเปลออกไปแล้ว หญิงสาวจึงยันตัวลุกขึ้นนั่งอมยิ้ม
สาวัชยืนกอดอกหันหลังให้เธออยู่แทบจะสุดผนังห้อง ทอดสายตามองไปนอกหน้าต่างดุจว่าข้างนอกมีอะไรน่าสนใจมากกว่าอย่างไรอย่างนั้น!
“โชคดีจริง ๆ ที่คุณสาวัชไปซื้อหนังสือที่ห้างวันนี้พอดี นี่ถ้าไม่ได้คุณ อิงคงแย่ ไม่รู้ตัวเลยว่าหมดสติไปได้ยังไง ขอบคุณนะคะที่พาอิงมาโรงพยาบาล”
“คุณไม่รู้สภาพตัวเองเลยหรือไง ถึงฝืนสังขารไปเดินแบบจนแผลฉีกขนาดนั้น” เขาเหลียวกลับมา นอกจากไม่รับคำขอบคุณแล้ว ยังชี้ท่อนแขนที่มีผ้าพัน ตำหนิเสียงเข้ม “แผลเก่าไม่ทันหาย ยังรนหาที่ไปหาแผลใหม่มาอีกนะ”
“มันจำเป็นน่ะค่ะ ผู้จัดงานเขาหาคนแทนไม่ทันจริง ๆ ” เธอน้อมรับความผิดตาใส ไม่ใช่แค่บาดแผลปริ แต่ผลจากการฉีดวัคซีนทำให้เธอไข้ขึ้นซ้ำหนัก ที่ร้ายกว่านั้นคือนอกจากรอยช้ำบนใบหน้าที่โดนพิมพ์สนิททำร้าย เธอยังถูกอีกฝ่ายนั่งคร่อมกดกับพื้นจนแขนครูดพรมได้แผลถลอกยาวเกือบคืบตรงใต้ศอกมาเป็นของแถม
“คุณถึงมือหมอแล้ว งั้นผมกลับละ”
“เดี๋ยวค่ะ! คือทั้งกระเป๋าสตางค์ ทั้งโทรศัพท์ของอิง ยังอยู่หลังเวทีเลย”
“แล้วคุณมาบอกผมทำไม”
“อิงโทร.บอกผู้จัดงานให้ช่วยเก็บกระเป๋าไว้ให้แล้ว แต่ตอนนี้อิงไม่มีเงินติดตัวเลย พรุ่งนี้จะออกจากโรงพยาบาลยังไงล่ะคะ” อิงอรุณยิ้มประจบ
“บอกผมทำไม โทร.บอกแม่คุณมาจัดการให้สิ”
“ขืนบอกแม่ แม่คงตกใจแตกตื่นแย่”
แววตาระอาจากสายตาของสาวัชอ่อนลงเล็กน้อย
“อีกอย่างก็คือ...อิงอยากจ้างพยาบาลพิเศษ เผื่อตกดึกมีไข้จะได้มีคนดูแล แต่อิงเข้ามาดึกเกินไป พี่พยาบาลบอกว่าหาคนไม่ทัน”
“แล้วคุณมาบอกผมทำไม” สงสัยเขาอัดเสียงประโยคนี้เก็บไว้ พูดซ้ำอยู่แค่เนี้ย!
“คุณอยู่เป็นเพื่อนอิงได้ไหมคะ” ผู้หญิงที่ไหนจะบ้าชวนให้ผู้ชายอยู่เฝ้าไข้ เธอแค่อยากจะหาเรื่องแกล้งให้เขาทำหน้าพิพักพิพ่วนต่างหาก ก็แหม...มันสนุกจะตายนี่นา!
รอเขาอาละวาดทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกปฏิเสธ แล้วค่อยเฉลยตอนท้ายว่าเธอจะโทร.หาแพรวเพชรให้ส่งคนใช้ที่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนแทนชั่วคราว
“ไม่ใช่เรื่องของผม” อิงอรุณเห็นเขายกมุมปากขึ้น แต่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนรอยยิ้ม นิสัยจริง ๆ ของผู้ชายคนนี้เป็นยังไงกันแน่เนี่ย “อีกอย่าง...คุณเป็นผู้หญิงยิงเรือ มาเที่ยวชวนผู้ชายค้างได้ยังไง น่าเกลียด”
“แค่ขอให้อยู่เป็นเพื่อนเอง” อิงอรุณแสร้งโอดเสียงอ่อยออดอ้อน “ปกติอิงนอนคนเดียวได้นะคะ แต่โรงพยาบาลนี่อิงไม่ไหวจริง ๆ มันวังเวงอะ คุณสาวัชอยู่เป็นเพื่อนอิงหน่อยนะคะ”
“เพื่อนฝูงคุณไปไหนหมด” ฟังก็รู้ว่าเขากำลังหาทางชิ่ง
“ถ้าเพื่อนสนิทว่าง อิงก็ไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ แต่นี่ทั้งกลุ่มไม่มีใครสะดวกเลย คนนึงไปต่างจังหวัดด่วนตั้งแต่เมื่อเช้า สองคนเป็นสามีภรรยากันไปประชุมที่บาหลี ส่วนคนสุดท้ายก็ป่วย สามีเพิ่งพาไปโรงพยาบาลเมื่อกี้เอง”
“ครอบครัวคุณล่ะ”
“พ่อเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ขืนรู้ว่าอิงเจ็บ ท่านคงเป็นห่วง อิงเลยกะจะโทร.ไปเรียนท่านว่าอิงไปค้างบ้านเพื่อนแทนน่ะค่ะ”
“ชีวิตคุณมีคนรู้จักน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาหงุดหงิด ดูก็รู้...เธอเข้าใกล้เส้นชัยมากละ อีกไม่ถึงสองประโยค เขาต้องปฏิเสธ แล้วเทศนาเธอยับแน่
“คนรู้จักน่ะมีเยอะค่ะ แต่คนที่อิงไว้ใจมีนิดเดียว” เธอยกมือทำนิ้วโป้งแตะตรงข้อแรกของนิ้วชี้ประกอบ
“นี่คุณไว้ใจผม” สาวัชชะงักคล้ายไม่เชื่อหูตัวเอง
“ก็ต้องไว้ใจสิคะ”
ชายหนุ่มทำสีหน้าพิพักพิพ่วนจนอิงอรุณต้องจิกเล็บลงในฝ่ามืออย่างแรงเพื่อกลั้นขำ กะว่าเขาต้องโวยเสียงแข็ง แล้วปึงปังกลับไปแน่นอน
ทว่าสาวัชกลับตวัดตามองเธอคล้าย ๆ ค้อน ปลดกระดุมถอดสูทตัวนอกออกม้วนเป็นก้อนกลม วางบนโซฟาแทนหมอน แล้วล้มตัวลงนอน หันหน้าเข้าหาพนัก หันหลังให้เธอดื้อ ๆ!
อิงอรุณอ้าปากค้าง จากที่คิดจะแกล้งอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ เขากลับเป็นฝ่ายเอาคืนเธอแทนซะแล้ว
“นอนได้แล้ว!” เสียงเข้มดังลอย ๆ มาจากคนที่นอนหันหลัง
หญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ เธอคิดไปเองหรือเปล่าว่าสาวัชกำลังแสดงความห่วงใย...ในแบบของเขา
“กลางดึกจะเอาอะไรก็เรียกละกัน” เขากำชับเสียงดุ “ไม่ได้ห่วงหรอกนะ ผมแค่อยากให้คุณหายไว ๆ จะได้เลิกก่อเรื่องสักที ตัวยุ่ง!”
คนเจ็บยังงงอยู่นาน กว่าจะปรับเตียงให้เอนลงในตำแหน่งนอนราบอย่างว่าง่าย เธอพลิกตัวตะแคง ทอดสายตามองแผ่นหลังของสาวัช แม้จะพิพักพิพ่วนที่ต้องนอนโดยมีผู้ชายอยู่ในห้องด้วย แต่สภาพเธอเป็นอย่างนี้ มั่นใจว่าคงไม่มีใครคิดอกุศลหรอก
ความรู้สึกหนึ่งแผ่กระจายไปทั่วหัวใจ อิงอรุณไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่าเธอชอบความรู้สึกนั้น!
วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุด ทั้งต้องฝืนลากสังขารที่เป็นไข้และบาดเจ็บกัดฟันไปเดินแบบ แถมยังโดนตบอีก การเห็นเผ่าภาคินห่วงใยอาทรแพรวเพชรเป็นคล้ายจอบขุดหลุมลึกในใจเธอและเติมความเหงาเปล่าดายลงในโพรงว่างนั้นจนเต็ม
แต่นั่นยังไม่ใช่ตอนเลวร้ายที่สุดหรอก ไอ้ที่ต้องหมดสติอย่างเดียวดายในลานจอดรถนั่นต่างหากที่ตอกย้ำให้เธอยิ่งตระหนักว่าโลกของเธอกว้างเกินไป ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวอยู่เคียงข้างในยามที่ต้องการคำปลอบประโลม
พันเทพซึ่งควรจะมาอยู่ข้าง ๆ ในวันเวลาอย่างนี้ กลับเห็นงานสำคัญกว่าโทร.มาบอกตั้งแต่เช้าว่าจะต้องไปทำงานด่วนที่ลพบุรีหนึ่งสัปดาห์
อิงอรุณเพิ่งเคยรู้จักคำนี้...เหงา! เพิ่งรู้ว่าอานุภาพของมันรุนแรงจนทำให้อยากร้องไห้ขึ้นมาดื้อ ๆ
โชคดีที่สาวัชเป็นคนพบเธอ เพราะถ้าเป็นคนอื่นเธออาจไม่ปลอดภัยเช่นนี้ แม้ผู้ชายคนนี้จะทั้งเย็นชา ปากร้าย หน้านิ่ง ไร้อารมณ์ แต่อิงอรุณกลับพบว่าลึก ๆ แล้วเขามีน้ำใจเอื้ออาทร เพียงแต่ไม่ค่อยแสดงออกให้ใครเห็นเท่านั้นเอง
หญิงสาวปล่อยใจล่องลอยไปไกล จึงไม่ทันตั้งตัวเมื่อสาวัชพลิกกายกลับมาและกำลังมองมาที่เธอพอดี สายตาของเขาสานสบกับเธอนิ่ง ๆ
อิงอรุณสะดุ้งโหยง เงอะงะพลิกตัวไปอีกฟากหนึ่งของเตียง มือกดหัวใจควบคุมจังหวะให้เต้นเป็นปกติ พร้อมกับนึกหงุดหงิดในใจที่พยาบาลตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศหนาวขนาดนี้ ทำให้มือเธอทั้งเย็นทั้งสั่นจนควบคุมไม่ได้!
********************************************
พรุ่งนี้มีกิจกรรมแจกของที่แฟนเพจนะคะ
ใครยังไม่ได้กดไล้ค์ รีบไปกดกันเลยจ้า
www.facebook.com/SirinFC/
พื้นหลังของเวทีเป็นชื่องานสีทองบนแบคดรอปสีดำ ยกพื้นสูงครึ่งเมตรเชื่อมต่อกับรันเวย์รูปตัวทีปูพรมแดงทอดผ่านพื้นที่เกินครึ่ง เก้าอี้สามแถวจัดหันหน้าเข้าหารันเวย์ทั้งสองฟาก รอบนอกสุดเป็นแท่นสูงครอบกระจกนิรภัยจัดแสดงนาฬิการุ่นเด่น ๆ โดยมีเคาน์เตอร์นาฬิกากระจายทั่วพื้นที่ให้ลูกค้าเลือกชม
ชายหนุ่มรูปร่างสูงสวมกั๊กสูทเข้ารูปสีดำทับเสื้อยืดขาว ตัวนอกสุดเป็นแจ็คเก็ตสูทแบบลำลองสีเทาอมเขียวคู่กับสแลคสีเดียวกัน ผมตัดสั้นใส่เจลหวีตั้งขึ้นเปิดหน้าผากอวดดวงหน้ากระจ่างและไรเขียวตามแนวคาง ดวงตาคม จมูกโด่ง และริมฝีปากที่รับกันพอดีทำให้ผู้คนรอบข้างลอบพิจารณาเขาด้วยความสนใจ มองภายนอกเขาเหมือนหลุดมาจากนิตยสารแฟชันมากกว่า
แทนที่จะสนใจนาฬิกาซึ่งจัดแสดงอยู่ในงาน เขากลับกวาดตาไปรอบตัวคล้ายกำลังหาใครบางคน คิ้วเข้มขมวดมุ่น ขณะสีหน้าบอกชัดถึงความหงุดหงิดไม่พอใจ
‘วันนี้รีบออกจากออฟฟิศไปเชียร์พี่อิงเดินแบบที่งานว็อตช์เฟสติวัลกัน’
ขณะรับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์อาหารในอาคาร เขาได้ยินพนักงานของคิวปิดแอสซิสแทนซ์นัดแนะกันโดยบังเอิญ แม้สาวัชปัดเรื่องนี้ทิ้งนับครั้งไม่ถ้วน แต่มันกลับรบกวนใจอย่างบอกไม่ถูก และนั่นคือเหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่...ตอนนี้!
ผู้หญิงคนนั้นไม่บ้าก็คงเสียสติ ได้รับบาดเจ็บขนาดนั้น อย่าว่าแต่เดินแบบเลย ขนาดเดินธรรมดา เขาก็มั่นใจว่ามันต้องเจ็บปวดและระบมจนแทบทนไม่ได้ ไหนยังจะวัคซีนกันบาดทะยักอีก ใครก็รู้ว่าหลังฉีดวัคซีนคนส่วนใหญ่มักมีไข้และปวดบริเวณที่ฉีด ยายตัวยุ่งนั่นดันทุรังจนน่าโมโหจริง ๆ !
สาวัชเตร่ไปแถวเวทีเพื่อถามหาอิงอรุณ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่านางแบบกำลังแต่งตัวไม่สะดวกออกมาพบ เขาจึงชมนาฬิกาที่จัดแสดงอยู่ฆ่าเวลา
ชายหนุ่มอ่านแผ่นพับหานาฬิกาเรือนเด่นและไปชมของจริงด้วยความสนใจ ทว่าจู่ ๆ ก็มีคู่รักหนุ่มสาววัยทำงานมายืนข้าง ๆ ชวนกันเลือกนาฬิกาเสียงดัง ชายหนุ่มเหลือบตาตำหนิหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล เขาจึงหลบไปทางอื่นแทน ไม่รู้ตัวเลยว่าเพียงคล้อยหลัง คู่รักสุดสวีตลอบสบตากันอย่างสมใจ
โลกของเขาสงบสุขไม่นาน ผู้หญิงคนหนึ่งก็ยืนขวางหน้าตำหนิพนักงาน สาวัชจำต้องเลี่ยงไปอีกทาง สุดท้ายจึงมุ่งไปยังแท่นโชว์นาฬิกาที่ว่างอยู่
สาวัชเข้าไปยืนหน้าแท่นโชว์ พิจารณานาฬิกาในตู้ด้วยความชื่นชม นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแอดไมรัลส์คัพในปี ค.ศ.๑๙๖๐ โฆรุ่มไม่เคยทำให้สาวกผิดหวัง คราวนี้ก็เช่นกัน ตัวเรือนของแอดไมรัลส์คัพ เอซี-วัน ๔๕ สแควเลตต์ (Corum Admiral's Cup AC-One Squelette) สวยสง่ากว่าคาด ด้วยหน้าปัดสิบสองเหลี่ยมเปลือยกลไก มีชุดตัวเลขไทเทเนียมบอกวันที่ตรงตำแหน่งหกนาฬิกา ขนาดมองผ่านตู้กระจกยังเห็นชัดว่ามันมีเอกลักษณ์และโดดเด่นจนแทบลืมหายใจ ชายหนุ่มเหลือบดูราคาและลูบปลายคางครุ่นคิด สุดท้ายจึงสั่งจองและชำระด้วยบัตรเครดิตโดยมิพักลังเล!
“เอลังก์เง่ออุนโซฮ์เน่อ (A. Lange & Söhne) รุ่นลังเง่อเธอร์ตี้วัน (Lange 31) ” เสียงสุภาพสตรีเอ่ยลอย ๆ
สาวัชหันไปทางต้นเสียง พลันจำผู้หญิงคนนี้ได้ “คุณอินทุอรวี”
“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่เลยนะคะ” หญิงสาวทักทาย พลางชี้ข้อมือของเขาที่เพิ่งลดลงจากปลายคางอย่างสุภาพ “ขอโทษที่ทำให้ตกใจค่ะ ดิฉันกำลังตื่นเต้น เพราะเพิ่งมีโอกาสได้เห็นลังเง่อเธอร์ตี้วันใกล้ ๆ วันนี้เอง”
สาวัชหรี่ตาเล็กน้อย ยกข้อมือตัวเองขึ้นพิจารณานาฬิกาที่ทำให้อีกฝ่าย ‘ตื่นเต้น’ แล้วเบือนหน้าไปมองหญิงสาวตรง ๆ
อินทุอรวียกข้อมือเสมอใบหน้า ยกมุมปากเล็กน้อยด้วยกิริยาถือตัว “ที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เพราะจะหาเรื่องชวนคุยหรอกค่ะ บังเอิญดิฉันชอบโฆรุ่มน่ะ”
เธอสวมนาฬิกายี่ห้อเดียวกับในตู้ที่เขายืนชมอยู่ ไม่แปลกจริง ๆ แหละที่คนชอบโฆรุ่มจะยืนดูโฆรุ่มอยู่
สาวัชไม่เอ่ยอะไร ไม่ถามต่อ ไม่ชวนคุย เขาแค่ก้มศีรษะเป็นเชิงขออภัย
“ท่าทางคุณไม่ชอบคุยเรื่องมโนสาเร่ ดีนะเนี่ยที่คุณไม่ได้ทำหน้าหยิ่ง ๆ แล้วบอกดิฉันตรง ๆ ว่าไม่อยากพูดเรื่องส่วนตัวให้คนแปลกหน้าฟัง”
“คุณอาจจะเดาถูกก็ได้”
อินทุอรวีบุ้ยปากไปยังตู้แสดงนาฬิกา “คุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของโฆรุ่มเหมือนกันหรือคะ ไม่ถึงสิบนาทีก็เซ็นบัตรเครดิตเกินครึ่งล้านง่าย ๆ อย่างนั้น”
เขาไม่ตอบ ใช้สายตาเป็นเชิงตั้งคำถามคล้าย ๆ ’ จะรู้ไปทำไม’
“ดิฉันชอบโฆรุ่มเพราะมันเปลือยให้เห็นกลไก ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่มารวมกันแบบนี้ มักทำให้เราหยุดคิดเสมอว่าสิ่งยิ่งใหญ่ มักมาจากของเล็ก ๆ ”
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาชอบนาฬิกาแบรนด์นี้ แต่ชายหนุ่มไม่บอกเธอหรอก
“ขอบคุณที่แชร์ความคิดเห็น ผมขอตัวก่อนนะครับ” เสียงดนตรีดังเป็นสัญญาณบอกว่าพิธีเปิดกำลังจะเริ่มขึ้น เขาจึงเดินดุ่มจากไป ไม่สนใจว่าคนที่มองตามหลังจะรู้สึกอย่างไร ก็แค่คนรู้จักธรรมดา ๆ อีกคนหนึ่งในชีวิต!
เก้าอี้ทุกตัวมีหมายเลขกำกับตรงกับบัตรเชิญ เขาได้ที่นั่งแถวที่สามตรงเกือบสุดปลายรันเวย์ นับว่าเป็นจุดที่ดีซึ่งสามารถเห็นผู้แสดงแบบได้ชัดเจน
หลังพิธีเปิดซึ่งเป็นไปอย่างหรูหราแต่กระชับ เสียงดนตรีก็ดังกระหึ่มขึ้นรอบด้าน แล้วบรรดานางแบบนายแบบทั้งมืออาชีพและรับเชิญก็ก้าวขึ้นรันเวย์
คอยไม่นานอิงอรุณก็ปรากฏตัวจากด้านขวาของเวที ฝั่งซ้ายเป็นนักแสดงหนุ่มรูปหล่อที่เดินมายืนเคียงข้างพร้อมกับยกแขนตั้งศอก หญิงสาวคล้องแขนอีกฝ่าย และฝ่ายชายก็ใช้มือข้างที่ว่างถกแขนเสื้อขึ้นอวดนาฬิกาวางทาบทับมืออิงอรุณ มองผาด ๆ ดูเป็นคู่รักสวีตหวานจนน่าอิจฉา
อิงอรุณเท้ามือซ้ายที่เอวก้าวเนิบมาดมั่น เธอเฉิดฉายในชุดเดรสลูกไม้สีทองเข้ารูป ปักคริสตัลสีทองเป็นดอกไม้กระจายทั้งตัวสะท้อนแสงไฟเป็นประกายระยิบ เข็มขัดสีทองคาดที่บั้นเอวเน้นทรวดทรงชัดเจน ขณะแคชชูส์สีครีมสูงจนน่ากลัวเสริมให้หญิงสาวแลเพรียวสะโอดสะองยิ่งขึ้น
หญิงสาวรวบผมข้างหนึ่งเปิดหูซึ่งสวมต่างหูเพชรเม็ดเดี่ยวเรียบแต่หรู ที่คอและข้อมือไม่สวมเครื่องประดับ นาฬิกาที่เธอสวมแสดงแบบคือ ยูลิสนาร์แดง (Ulysse Nardin) คลาสสิโค อเมริโก เวสปุชชี (Classico Americo Vespucci)
เครื่องแต่งกายของอิงอรุณขับให้นาฬิกาสายหนังจระเข้สีดำเด่นขึ้น ตัวเรือนเป็นทองคำขาวเรียบ ๆ หน้าปัดเขียนสีลงยาจำลองรูปเรือรบโบราณนาม อเมริโก เวสปุชชี กำลังแล่นในน้ำ เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันมีเพียง ๓๐ เรือนทั่วโลกซึ่งผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเรือรบที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งกองทัพเรืออิตาลี ราคาในต่างประเทศอยู่ที่สี่หมื่นเหรียญ เมื่อบวกภาษีแล้ว ราคาขายในเมืองไทยตกราวหนึ่งล้านสามแสน!
เมื่อเดินมาจนสุดรันเวย์ อิงอรุณยกมือซ้ายแตะแก้มขวา เชิดศีรษะนิด ๆ ส่วนนายแบบละมือที่กุมมือคู่ควง ยกกำปั้นขวาไขว้จรดอก
สาวัชมองหญิงสาวโปรยยิ้มอ่อนหวานเจิดจ้าไปทั่ว ๆ ไม่มีร่องรอยทรมานจากอาการบาดเจ็บสักนิด เขาหงุดหงิดตัวเองขึ้นมากะทันหันที่นึก ‘ห่วง’ ไม่เข้าเรื่อง ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย เธอสุขสบายดี ออกจะชื่นบานกว่าปกติด้วยซ้ำ ชายหนุ่มกำสูจิบัตรแน่น ความรู้สึกประหลาดระรานใจจนผลุนผลันลุกจากที่นั่งฝ่าฝูงชน มุ่งตรงไปยังทางออกโดยมิพักลังเล
สาวัชจึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าเมื่อไม่มีมือของนายแบบปิดไว้ อิงอรุณกำท่อนแขนอีกฝ่ายแน่นยึดเขาไว้สุดแรง จิกนิ้วลงในเสื้อสูทจนเห็นเป็นรอยกดชัดเจน!
ทั้งที่สาวิตรียืนยันว่าสาวัชจะไม่มางานนี้ แต่แพรวเพชรมั่นใจว่าเห็นชายหนุ่มในงานว็อตช์เฟสติวัลแน่ ๆ กามเทพสาวสั่งลูกน้องที่มาให้กำลังใจอิงอรุณเข้าประจำจุด ทำให้สาวัชพบอินทุอรวีและพูดคุยกันเล็กน้อย คนของเธอบันทึกทั้งภาพนิ่งและวิดีโอไว้ส่งมอบผลงานให้สาวิตรีเพื่อยืนยันว่าเสร็จภารกิจแล้ว
อาจเพราะยืนบนรองเท้าส้นสูงมาหลายชั่วโมง ระหว่างชมแฟชันโชว์ แพรวเพชรจึงรู้สึกคล้ายขาจะเป็นตะคริว เธอก้มลงนวดน่อง ปากก็งึมงำสาปแช่งอาการปวดหน่วง ๆ ตรงท้องน้อย เกลียดการเป็นผู้หญิงก็ตรงเนี้ย ปวดได้ปวดดี ปวดกันทุกเดือน ไม่รู้อะไรกันนักหนา!
หลังการเดินแบบจบลง นางแบบนายแบบจะทยอยออกไปยืนตามจุดต่าง ๆ ที่กำหนดไว้อีกราวสิบนาทีเพื่อให้แขกได้ชมนาฬิกาอย่างใกล้ชิด
แพรวเพชรกัดฟันลุกขึ้นยืน กำลังจะไปสมทบกับอิงอรุณ แต่ก็ช้ากว่าหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งที่ก้าวพรวด ๆ เข้าไปยืนประจันหน้ากับอิงอรุณ
นั่น...พิมพ์สนิท! แพรวเพชรข่มอาการปวดท้องรีบถลันเข้าไปหาเพื่อนรัก เพราะแม้สภาพภายนอกของอิงอรุณจะดูดี แต่เธอรู้ว่าความจริงแล้วเพื่อนย่ำแย่แค่ไหน ทั้งฉีดยาแก้ปวดข่มอาการเจ็บ แล้วยังต้องยืนบนส้นสูงขนาดนั้นอีก เธอมั่นใจว่าอิงอรุณไม่อยู่ในสภาพพร้อมรับศึกแน่นอน แต่แพรวเพชรก็ยังช้าไป...
พิมพ์สนิทฟาดฝ่ามือใส่หน้าอิงอรุณอย่างแรง เป็นผลให้คนเจ็บเซแซด ๆ ล้มลงไปกองกับพื้น ผู้คนรอบด้านกรีดร้องกระเจิงฮือเป็นวงกว้างด้วยความตกใจ
“มีเงินมากแล้วทำให้หน้าด้านขึ้นหรือไง ถึงแย่งแฟนคนอื่น แล้วยังส่งคนมาทำร้ายฉันอีกน่ะ อิงอรุณ” คนพูดบริภาษพลางกระโจนตามไปนั่งคร่อมกลางลำตัวของอิงอรุณ รัวตบคนตัวเล็กกว่าซึ่งยังไม่ทันตั้งตัวซ้ำอีกหลายฉาด
แพรวเพชรโผเข้าทางด้านหลังพิมพ์สนิทสอดมือไปใต้รักแร้ล็อกแขนลากมือตบออกให้พ้นจากการนั่งคร่อมอิงอรุณ
พิมพ์สนิทถองศอกโดนท้องเธอจนจุก มือจึงคลายออกและหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ทีมรักษาความปลอดภัยฮือเข้าไปยึดแขนพิมพ์สนิท คุมตัวหญิงสาวเจ้าปัญหาออกจากพื้นที่งานอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่อีกส่วนประคองอิงอรุณและแพรวเพชรไปยังห้องพิเศษที่กันไว้รับรองแขกวีไอพี แล้วขอตัวไปจัดหาน้ำและยา
ผู้จัดงานรีบเปิดดนตรี และให้พิธีกรเล่นเกมตอบคำถามเบี่ยงเบนความสนใจ เพียงชั่วไม่ถึงนาที เหตุการณ์ก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ เจ้าของงานเสนอมอบของชำร่วยพิเศษแลกกับการขอให้แขกลบคลิปที่ถ่ายไว้ ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี กระนั้นแขกในงานยังคงจับกลุ่มนินทาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกันสนุกปาก
อิงอรุณทิ้งตัวบนโซฟาผมเผ้ากระเซิง ใบหน้ามีรอยแดงจาง ๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง ส่วนแพรวเพชรนั้นรู้สึกถึงแรงบีบรุนแรงในช่องท้อง เป็นอาการอันหนักหนาจนทำให้เธอกดท้องจนตัวงอ และต้องจิกเล็บลงในมือเพื่อบรรเทาความปวด
“เพชรโอเคหรือเปล่า หน้าตาไม่ดีเลย”
“ปวดท้องเมนส์น่ะ”
“เพชรหน้าซีดจัง” อิงอรุณใช้แขนเสื้อซับเหงื่อที่หน้าผากให้ กระไอร้อนที่แผ่มาโดนผิว ทำให้แพรวเพชรอังหน้าผากเพื่อน “อิงตัวร้อนจี๋เลย”
“เพชรมือเย็นต่างหาก ฝืนใจนิดนึงนะเพชร ไปหาหมอกันดีกว่า”
สองสาวเหลียวหาเจ้าหน้าที่ที่ไปหาน้ำ แต่รอไม่ไหว จึงประคองกันฝ่าคนลงลิฟต์ไปชั้นล่างสุด เพียงก้าวพ้นประตูออกสู่ลานจอดรถ แพรวเพชรก็เจอเผ่าภาคินที่เพิ่งมาถึงพอดี ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ามแดดโผเข้ามาประคองภรรยา ทั้งยังโอบประคองอย่างทะนุถนอม
“เพชรปวดท้องน่ะค่ะ อิงช่วยประคองลงมา”
“หน้าซีดขนาดนี้ ไม่น่าจะปวดธรรมดาแล้วนะ” ความห่วงใยฉายโชนจากดวงตาของเผ่าภาคินชัดเจน
“วันนั้นของเดือนค่ะพี่เผ่า ไม่มีอะไรหรอก”
เห็นเผ่าภาคินหน้าเคร่ง คิ้วขมวด อิงอรุณจึงโบกมือให้เธอโดยไม่ขยับ “พี่เผ่าพาเพชรไปโรงพยาบาลก่อนเลยค่ะ”
“แล้วอิงล่ะ ไปให้หมอดูด้วยกันเลยสิ” แพรวเพชรทิ้งหุ้นส่วนไว้คนเดียวไม่ลง อาการอิงอรุณน่าจะหนักหนาไม่แพ้เธอ แต่เพราะอีกฝ่ายแต่งหน้าจัดเต็มเพื่อเดินแบบ ทำให้สังเกตไม่ออกว่าสภาพสีหน้าแท้จริงเป็นอย่างไร
“เดี๋ยวเราเอานาฬิกาขึ้นไปคืนทีมงานก่อน แล้วจะให้คนขับรถพาไปหาหมอเอง เพชรไม่ต้องห่วง” อิงอรุณชูข้อมือประกอบ
“อ้าว! ใส่ติดมือมาด้วยเหรอ โอเค ๆ งั้นก็ตามใจ” หญิงสาวหันไปทางสามี “ไปกันเลยก็ได้ค่ะพี่เผ่า”
เผ่าภาคินอุ้มเธอขึ้นแนบอกดุจพร้อมปกปักคุ้มครองดูแลให้เธอปลอดภัย
อิงอรุณมองตามเพื่อนไปกระทั่งลับสายตา รู้สึกปวดศีรษะตุบ ๆ จนราวกับถูกค้อนกระหน่ำทุบอยู่ในนั้น ทั้งหน้าทั้งขาข้างขวาของเธอเจ็บจนชาจนไม่มีความรู้สึกแล้ว หญิงสาวถอดรองเท้าก้มลงไปจะเกี่ยวแคชชูส์ถือไว้ ทว่าเพียงโน้มตัวลง โลกทั้งใบก็ดับวูบไปทันที!
ห้องชุดผู้ป่วยในที่อิงอรุณเลือกคล้ายกับที่พันเทพเข้าพักฟื้นเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังเวรเปลออกไปแล้ว หญิงสาวจึงยันตัวลุกขึ้นนั่งอมยิ้ม
สาวัชยืนกอดอกหันหลังให้เธออยู่แทบจะสุดผนังห้อง ทอดสายตามองไปนอกหน้าต่างดุจว่าข้างนอกมีอะไรน่าสนใจมากกว่าอย่างไรอย่างนั้น!
“โชคดีจริง ๆ ที่คุณสาวัชไปซื้อหนังสือที่ห้างวันนี้พอดี นี่ถ้าไม่ได้คุณ อิงคงแย่ ไม่รู้ตัวเลยว่าหมดสติไปได้ยังไง ขอบคุณนะคะที่พาอิงมาโรงพยาบาล”
“คุณไม่รู้สภาพตัวเองเลยหรือไง ถึงฝืนสังขารไปเดินแบบจนแผลฉีกขนาดนั้น” เขาเหลียวกลับมา นอกจากไม่รับคำขอบคุณแล้ว ยังชี้ท่อนแขนที่มีผ้าพัน ตำหนิเสียงเข้ม “แผลเก่าไม่ทันหาย ยังรนหาที่ไปหาแผลใหม่มาอีกนะ”
“มันจำเป็นน่ะค่ะ ผู้จัดงานเขาหาคนแทนไม่ทันจริง ๆ ” เธอน้อมรับความผิดตาใส ไม่ใช่แค่บาดแผลปริ แต่ผลจากการฉีดวัคซีนทำให้เธอไข้ขึ้นซ้ำหนัก ที่ร้ายกว่านั้นคือนอกจากรอยช้ำบนใบหน้าที่โดนพิมพ์สนิททำร้าย เธอยังถูกอีกฝ่ายนั่งคร่อมกดกับพื้นจนแขนครูดพรมได้แผลถลอกยาวเกือบคืบตรงใต้ศอกมาเป็นของแถม
“คุณถึงมือหมอแล้ว งั้นผมกลับละ”
“เดี๋ยวค่ะ! คือทั้งกระเป๋าสตางค์ ทั้งโทรศัพท์ของอิง ยังอยู่หลังเวทีเลย”
“แล้วคุณมาบอกผมทำไม”
“อิงโทร.บอกผู้จัดงานให้ช่วยเก็บกระเป๋าไว้ให้แล้ว แต่ตอนนี้อิงไม่มีเงินติดตัวเลย พรุ่งนี้จะออกจากโรงพยาบาลยังไงล่ะคะ” อิงอรุณยิ้มประจบ
“บอกผมทำไม โทร.บอกแม่คุณมาจัดการให้สิ”
“ขืนบอกแม่ แม่คงตกใจแตกตื่นแย่”
แววตาระอาจากสายตาของสาวัชอ่อนลงเล็กน้อย
“อีกอย่างก็คือ...อิงอยากจ้างพยาบาลพิเศษ เผื่อตกดึกมีไข้จะได้มีคนดูแล แต่อิงเข้ามาดึกเกินไป พี่พยาบาลบอกว่าหาคนไม่ทัน”
“แล้วคุณมาบอกผมทำไม” สงสัยเขาอัดเสียงประโยคนี้เก็บไว้ พูดซ้ำอยู่แค่เนี้ย!
“คุณอยู่เป็นเพื่อนอิงได้ไหมคะ” ผู้หญิงที่ไหนจะบ้าชวนให้ผู้ชายอยู่เฝ้าไข้ เธอแค่อยากจะหาเรื่องแกล้งให้เขาทำหน้าพิพักพิพ่วนต่างหาก ก็แหม...มันสนุกจะตายนี่นา!
รอเขาอาละวาดทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกปฏิเสธ แล้วค่อยเฉลยตอนท้ายว่าเธอจะโทร.หาแพรวเพชรให้ส่งคนใช้ที่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนแทนชั่วคราว
“ไม่ใช่เรื่องของผม” อิงอรุณเห็นเขายกมุมปากขึ้น แต่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนรอยยิ้ม นิสัยจริง ๆ ของผู้ชายคนนี้เป็นยังไงกันแน่เนี่ย “อีกอย่าง...คุณเป็นผู้หญิงยิงเรือ มาเที่ยวชวนผู้ชายค้างได้ยังไง น่าเกลียด”
“แค่ขอให้อยู่เป็นเพื่อนเอง” อิงอรุณแสร้งโอดเสียงอ่อยออดอ้อน “ปกติอิงนอนคนเดียวได้นะคะ แต่โรงพยาบาลนี่อิงไม่ไหวจริง ๆ มันวังเวงอะ คุณสาวัชอยู่เป็นเพื่อนอิงหน่อยนะคะ”
“เพื่อนฝูงคุณไปไหนหมด” ฟังก็รู้ว่าเขากำลังหาทางชิ่ง
“ถ้าเพื่อนสนิทว่าง อิงก็ไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ แต่นี่ทั้งกลุ่มไม่มีใครสะดวกเลย คนนึงไปต่างจังหวัดด่วนตั้งแต่เมื่อเช้า สองคนเป็นสามีภรรยากันไปประชุมที่บาหลี ส่วนคนสุดท้ายก็ป่วย สามีเพิ่งพาไปโรงพยาบาลเมื่อกี้เอง”
“ครอบครัวคุณล่ะ”
“พ่อเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ขืนรู้ว่าอิงเจ็บ ท่านคงเป็นห่วง อิงเลยกะจะโทร.ไปเรียนท่านว่าอิงไปค้างบ้านเพื่อนแทนน่ะค่ะ”
“ชีวิตคุณมีคนรู้จักน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาหงุดหงิด ดูก็รู้...เธอเข้าใกล้เส้นชัยมากละ อีกไม่ถึงสองประโยค เขาต้องปฏิเสธ แล้วเทศนาเธอยับแน่
“คนรู้จักน่ะมีเยอะค่ะ แต่คนที่อิงไว้ใจมีนิดเดียว” เธอยกมือทำนิ้วโป้งแตะตรงข้อแรกของนิ้วชี้ประกอบ
“นี่คุณไว้ใจผม” สาวัชชะงักคล้ายไม่เชื่อหูตัวเอง
“ก็ต้องไว้ใจสิคะ”
ชายหนุ่มทำสีหน้าพิพักพิพ่วนจนอิงอรุณต้องจิกเล็บลงในฝ่ามืออย่างแรงเพื่อกลั้นขำ กะว่าเขาต้องโวยเสียงแข็ง แล้วปึงปังกลับไปแน่นอน
ทว่าสาวัชกลับตวัดตามองเธอคล้าย ๆ ค้อน ปลดกระดุมถอดสูทตัวนอกออกม้วนเป็นก้อนกลม วางบนโซฟาแทนหมอน แล้วล้มตัวลงนอน หันหน้าเข้าหาพนัก หันหลังให้เธอดื้อ ๆ!
อิงอรุณอ้าปากค้าง จากที่คิดจะแกล้งอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ เขากลับเป็นฝ่ายเอาคืนเธอแทนซะแล้ว
“นอนได้แล้ว!” เสียงเข้มดังลอย ๆ มาจากคนที่นอนหันหลัง
หญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ เธอคิดไปเองหรือเปล่าว่าสาวัชกำลังแสดงความห่วงใย...ในแบบของเขา
“กลางดึกจะเอาอะไรก็เรียกละกัน” เขากำชับเสียงดุ “ไม่ได้ห่วงหรอกนะ ผมแค่อยากให้คุณหายไว ๆ จะได้เลิกก่อเรื่องสักที ตัวยุ่ง!”
คนเจ็บยังงงอยู่นาน กว่าจะปรับเตียงให้เอนลงในตำแหน่งนอนราบอย่างว่าง่าย เธอพลิกตัวตะแคง ทอดสายตามองแผ่นหลังของสาวัช แม้จะพิพักพิพ่วนที่ต้องนอนโดยมีผู้ชายอยู่ในห้องด้วย แต่สภาพเธอเป็นอย่างนี้ มั่นใจว่าคงไม่มีใครคิดอกุศลหรอก
ความรู้สึกหนึ่งแผ่กระจายไปทั่วหัวใจ อิงอรุณไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่าเธอชอบความรู้สึกนั้น!
วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุด ทั้งต้องฝืนลากสังขารที่เป็นไข้และบาดเจ็บกัดฟันไปเดินแบบ แถมยังโดนตบอีก การเห็นเผ่าภาคินห่วงใยอาทรแพรวเพชรเป็นคล้ายจอบขุดหลุมลึกในใจเธอและเติมความเหงาเปล่าดายลงในโพรงว่างนั้นจนเต็ม
แต่นั่นยังไม่ใช่ตอนเลวร้ายที่สุดหรอก ไอ้ที่ต้องหมดสติอย่างเดียวดายในลานจอดรถนั่นต่างหากที่ตอกย้ำให้เธอยิ่งตระหนักว่าโลกของเธอกว้างเกินไป ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวอยู่เคียงข้างในยามที่ต้องการคำปลอบประโลม
พันเทพซึ่งควรจะมาอยู่ข้าง ๆ ในวันเวลาอย่างนี้ กลับเห็นงานสำคัญกว่าโทร.มาบอกตั้งแต่เช้าว่าจะต้องไปทำงานด่วนที่ลพบุรีหนึ่งสัปดาห์
อิงอรุณเพิ่งเคยรู้จักคำนี้...เหงา! เพิ่งรู้ว่าอานุภาพของมันรุนแรงจนทำให้อยากร้องไห้ขึ้นมาดื้อ ๆ
โชคดีที่สาวัชเป็นคนพบเธอ เพราะถ้าเป็นคนอื่นเธออาจไม่ปลอดภัยเช่นนี้ แม้ผู้ชายคนนี้จะทั้งเย็นชา ปากร้าย หน้านิ่ง ไร้อารมณ์ แต่อิงอรุณกลับพบว่าลึก ๆ แล้วเขามีน้ำใจเอื้ออาทร เพียงแต่ไม่ค่อยแสดงออกให้ใครเห็นเท่านั้นเอง
หญิงสาวปล่อยใจล่องลอยไปไกล จึงไม่ทันตั้งตัวเมื่อสาวัชพลิกกายกลับมาและกำลังมองมาที่เธอพอดี สายตาของเขาสานสบกับเธอนิ่ง ๆ
อิงอรุณสะดุ้งโหยง เงอะงะพลิกตัวไปอีกฟากหนึ่งของเตียง มือกดหัวใจควบคุมจังหวะให้เต้นเป็นปกติ พร้อมกับนึกหงุดหงิดในใจที่พยาบาลตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศหนาวขนาดนี้ ทำให้มือเธอทั้งเย็นทั้งสั่นจนควบคุมไม่ได้!
********************************************
พรุ่งนี้มีกิจกรรมแจกของที่แฟนเพจนะคะ
ใครยังไม่ได้กดไล้ค์ รีบไปกดกันเลยจ้า
www.facebook.com/SirinFC/
สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ค. 2561, 21:46:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ค. 2561, 21:46:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 739
<< ตอนที่ 15 | ตอนที่ 17 >> |