รหัสรัก...รหัสหัวใจ
อิงลดา หญิงสาวที่เพิ่งอกหักหมาดๆ ได้รับของขวัญประหลาดเป็นชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาสีฟ้า มีชื่อเล่นแปลว่าน้ำแข็ง เขาบอกตัวตัวเองเป็นของขวัญ แต่สำหรับเธอ คิดว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ในคราบปีศาจร้ายที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตมากกว่า เพราะเพียงเริ่มได้รู้จักกัน ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปแบบที่เจ้าตัวไม่เคยคิดมาก่อน
Tags: สิรินดา, รหัสรักรหัสหัวใจ, นิยายรัก
ตอน: 30: รหัสรัก
"ถ้านายยังไม่ปล่อยมือฉัน ... ฉันจะกลับไปทำงานไม่ได้"
"มีต้นฉบับต้องรีบส่งรึไง" ร่างสูงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงของฉันราวกับเตียงของตัวเอง เปลือยท่อนบน และมีพลาสเตอร์ปิดเแผลขนาดใหญ่อยู่ที่ใต้ชายโครงเอ่ยขึ้น
"ก็...เปล่า" ไม่ใช่ไม่เคยเห็นผู้ชายถอดเสื้อ แต่นั่นมันคนอื่นไม่ใช่...เขา หุ่นยนต์ตัวเป็นๆ ที่เนื้ออุ่นๆ แบบนี้
"ตอนนี้คุณเป็นฟรีแลนซ์ไม่ใช่รึ"
"ก็...ใช่" ตอบแบบคิดอะไรไม่ค่อยออกนัก รู้แต่ว่าเขาคงอ่านบันทึกเล่มนั้นจริงๆ
"นั่งคุยกันอีกแป๊บ โลกคงไม่ถล่มหรอก"
ปากร้ายขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย ฉันคิด
"และที่สำคัญ ผมอยากตอบ หลายเรื่องที่คุณทิ้งคำถามไว้ในสมุดบันทึกนั่น"
ฉันก้มหน้า รู้สึกว่าหูร้อน พอจำได้เลาๆ ว่ามีหลายคำถามที่ออกแนวเกินเรื่องส่วนตัวไปนิด
"นายยังเจ็บอยู่แน่ๆ เอายาแก้ปวดเพิ่มไหม" หันไปหันมา พยายามดึงมือออกแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า
อีกฝ่ายส่ายหน้าส่งแววตาดุแบบไม่จริงจังมา "เคยอ่านข้างขวดยาหรือเปล่า ว่ากินได้กี่ชั่วโมงครั้งหนึ่ง"
ฉันก้มหน้า "ก็...ไม่รู้จะทำยังไงดีนี่ นายเจ็บหนักขนาดนี้ แล้วยังไม่ไปหาหมออีก เดี๋ยวแผลอักเสบหรือเป็นอะไรมากกว่านี้หรอก"
รู้สึกได้ว่าถึงดึงมือไปจับไว้อีกรอบ ปลายนิ้วของตัวเองถูกรวบแรงขึ้น "เป็นห่วงผม?" แววตาไหวระริกแบบที่ฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นมนุษย์ผู้ชายคนไหนทำแบบนี้ให้
เอกวัตรมีแววตาเจ้าชู้ แต่กับฉัน เขามักส่งสายตาเบื่อๆ มาให้ ก็เมื่อก่อนฉันมันแค่สาวอวบๆ ที่เป็นสายเปย์ ให้ทุกอย่างที่เขาอยากได้นี่นะ เขาก็เลยอาจเห็นเป็นของตาย ไม่ต้องใส่ใจมากนักก็ได้
"ก็นายดื้อ เจ็บขนาดนี้ยังจะขับรถมาอีก ให้ไปโรงพยาบาลก็ไม่ไป เดี๋ยวมาตายอยู่ในห้องนี้ ฉันก็เดือดร้อน"
"ไม่อยากไปโรงพยาบาล ไม่อยากให้โดนตรวจเลือดโดยไม่จำเป็น อาจมีคนสงสัยได้ ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ตรวจละเอียดได้แค่ไหนแล้ว ไม่เสี่ยงไว้ก่อนดีกว่า อีกอย่าง ผมไม่เจ็บเท่าไหร่แล้ว แผลไม่ได้ลึกอย่างที่คิดหรอก"
นั่นสิ ลืมเรื่องนี้ไปสนิท "ถ้าอย่างนั้น มาคุยกันก็ได้ ตอบได้หรือยังว่าไปโดนใครทำร้ายมา มันเกี่ยวกับเรื่องที่นายมาจากโลกยุคอื่นหรือเปล่า" เมื่อพยายามดึงมือตัวเองออกไม่ได้ ก็หาเรื่องคุยกับเขาดีกว่า
ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนพยักหน้า "ความลับมันไม่มีในโลกจริงๆ คิดว่าตัวเองเก็บหลักฐานทุกอย่างดีแล้วนะแต่ก็ยังมีเรื่องจนได้"
"พวกเขาเป็นใคร ต้องการอะไร ตอนนี้นายอยู่ในอันตรายหรือเปล่า แล้ว..."
"ผมไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นใครแน่ รู้แต่ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง จากในยุคของผม" เขาตอบก่อนที่คำถามจะยาวไปกว่านั้น "นาธานกำลังช่วยดูให้อยู่ว่าเป็นพวกไหนกันแน่ คงได้คำตอบเร็วๆ นี้"
"แสดงว่ามีคนคิดค้นเครื่องย้อนเวลาได้แล้ว แล้วตามนายมางั้นเหรอ" ไม่อยากจะคิดว่านับจากนี้จะมีเรื่องโกลาหลอะไรเกิดขึ้นอีก หากมนุษย์ในยุคอนาคตสามารถเดินทางไปที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ทุกอย่างในโลกนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ประว้ติศาสตร์ทุกเรื่องอาจจะถูกเปลี่ยน ความพัวพันที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดเรื่องดีและเรื่องร้าย ...มันคือมหันตภัยชัดๆ
"จำผู้ช่วยอีกคนในแลบของผมได้ไหม"
ฉันพยักหน้า ผู้ชายอีกคนที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา ที่คอยช่วยทั้งคู่แก้ไขปัญหาเชิงเทคนิค "คนใกล้ตัวแท้ๆ"
"เขาเอามันไปขายให้นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ที่กำลังทดลองเรื่องเครื่องย้อนเวลาเหมือนกัน แต่ยังทำไม่สำเร็จ...เขาคิดว่า ผมกับนาธาน หวงเรื่องนี้ไว้เพราะอยากได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว ไม่แบ่งบัน เขาอยากได้เงินมากๆ"
สีหน้าของคนพูดกังวล "ผมเข้าใจแล้วที่พ่อพยายามไม่ให้ผมทำโปรเจคนี้ ไม่ให้ผมเปิดเผยตัว"
"แสดงว่าต่อไป อาจมีคนจากอนาคตย้อนเวลามาอีกหลายคนสินะ" ระยะเวลาที่ผ่านไป ไม่ช่วยให้กิเลสของคนลดลงได้เลย
"นาธานบอกว่า เหมือนต้นแบบที่ถูกแอบก๊อบบี้ไปมีปัญหา ตอนนี้พวกนั้นยังทำไม่สำเร็จกับคน มีผมคนเดียวที่ย้อนเวลามาได้ พวกนั้นเลยส่งหุ่นยนต์แบบพิเศษมา เพื่อจะพาผมกลับไปแก้ระบบ และพวกนั้นอยากรู้ว่าผมมาได้อย่างไร"
นั่นน่ากลัวเป็นสองเท่า
"พวกเขาเริ่มสงสัยแล้วว่าผมไม่ใช่คนธรรมดา"
โอว...ฉันได้แต่นิ่ง อ้างปากค้าง
"ผมเป็นต้นเหตุทำเรื่องทั้งหมด" น้ำเสียงสุดท้ายของคนเจ็บแผ่วเศร้า "ทั้งๆ ที่พ่อเตือนไว้แล้วว่ามันจะยุ่ง"
เพราะอะไรไม่รู้ ฉันตัดสินใจขยับเก้าอี้ข้างเตียงเข้าชิดเขาอีกนิด ก่อนจะโอบแขนไปรอบตัวอีกฝ่าย โดยระวังไม่ให้โดนบาดแผลของอีกฝ่าย
"มันไม่ใช่ความผิดของนายคนเดียวหรอก นายมาเพื่อช่วยฉัน ทั้งๆ ที่เราไม่รู้จักกันเลย และ...ฉันไม่มีค่าสักนิดที่นายจะมาช่วย"
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบ เพียงแต่ใช้มือข้างที่ว่างอยู่ โอบกลับมาที่ฉัน
"มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก อิง มันเป็นความผิดของผมจริงๆ"
ฉันไม่เข้าใจประโยคนั้นเลย แต่น้ำเสียงของเขาดูจริงจังมาก
"มันคงถึงเวลาเสียที ที่คุณจะได้รู้เรื่องนี้"
"เรื่องอะไร"
คนฟังคลายอ้อมแขน ปล่อยให้ฉันได้เงยหน้าขึ้น จังหวะนั้น ตาของเราสบกัน โลกเหมือนหยุดหมุนไปชั่วคณะ เพราะดวงตาเปิดเผยความรู้สึกในใจนั้น
"รู้ไหมก่อนได้พบกับคุณผมเป็นนักวิจัยด้านชีวฟิสิกข์" ไอแซคเริ่มเรื่อง
"เหมือนนายเคยบอกแล้ว แต่อย่าถามฉันว่ามันแปลว่าอะไร"
"ผมศึกษาเรื่องเล็กที่สุดที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมา เหมือนที่พ่อของผมสนใจ ท่านสนใจสร้างหุ่นยนต์ จากการผสมดีเอ็นเอใหม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากรู้คือ ใครคือคู่ที่ดีที่สุดของเรา"
"หืม? อะไรนะ"
"ผมเชื่อว่าในดีเอ็นเอของเราสามารถบอกเรื่องนี้ได้ ถ้าเรารู้ว่าใครเหมาะกับใคร เราจะได้ไม่เสียเวลาอยู่หลายปีเพื่อจีบคนผิด แต่งงานกับคนที่ไม่ใช่ แล้วก็มีปัญหาในที่สุด ผมทำวิจัยอยู่หลายปี ได้แนวคิดแต่หาทางพิสูจน์ทฤษฎีไม่ได้เสียที ในที่สุดก็ลองทดสอบกับดีเอ็นเอของตัวเอง...."
ฉันไม่อยากเดาเรื่องต่อเลย
"ผมเอาคลังข้อมูลดีเอ็นเอที่สะสมไว้ที่มหาวิทยาลัยมาทดสอบ ผมพบว่ามีข้อมูลดีเอ็นเอชุดหนึ่งที่ตามทฤษฎีของผมแล้วเราแมทช์กันมาก...แต่...เธอมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน นั่นทำให้ผมย้อนไปหาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ เพราะอยากรู้จักเธอมากกว่านี้ อยากรู้ว่ามันจะจริงหรือเปล่า และถ้าจริงอะไรที่ทำให้มันเป็นเช่นนั้น"
นี่คือเหตุผลที่เขาย้อนเวลามาช่วยฉัน "สำหรับฉันมันเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์มากกว่าเรื่องจริง"
ไอแซคอมยิ้มที่มุมปาก "ผมเองก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งได้เห็นรูปของคุณ ก็เริ่ม...เชื่อ"
แค่รูป...งั้นเหรอ
"และผมได้อ่านบันทึกเล่มนั้น มันบอกว่าคุณกำลังจะตาย จังหวะเดียวกับที่โครงการเครื่องย้อนเวลาที่ทำกับนาธานเสร็จ เลยเสนอตัวที่จะย้อนเวลากลับมาเสียเอง เพราะอยากจะได้มาพบคุณก่อนที่จะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ อีกอย่างไม่อยากให้นาธานเสี่ยงด้วย"
การพบกันของเราจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ
"ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ จึงอยากพิสูจน์ทฤษฎีของตัวเอง" ปลายนิ้วของเขาเกลี่ยที่ข้างแก้มของฉัน ทิ้งรอยอุ่นๆ ตลอดทางที่มันลากผ่าน "ตอนนี้ผมเชื่อว่าทฤษฎีนั้นเป็นจริง เพราะถอนสายตาจากคุณไม่ได้เลย นับแต่วันที่เราได้พบกันครั้งแรก...และคุณเอาแต่ตะโกนใส่ผม"
ร่างสูงดึงฉันเข้าชิดตัวอีกนิด และใบหน้านั้นก็ก้มต่ำลงมา ฉันหลับตา แต่ไม่ผละหนี...ปล่อยให้ริมฝีปากของอีกฝ่ายแตะลงเบาๆ ที่ริมฝีปากของตัวเอง
...ทฤษฎีนั้นของเขาจะจริงหรือเปล่าไม่รู้ ที่รู้ ตอนนี้ริมฝีปากอุ่นของไอแซคทำให้ฉันชาไปทั้งตัว คิดอะไรไม่ออกในตอนแรก แต่ริมฝีปากของเรากลับคุ้นเคยกันอย่างรวดเร็ว "ผมต้องห้ามใจแค่ไหนรู้หรือเปล่าที่จะไม่ทำแบบนี้ ทั้งๆ ที่เชื่อว่าเราจะเข้ากันได้ดีทุกเรื่อง แต่ถ้าคุณไม่รู้สึกชอบผมเลย
มันก็จบ"
ริมฝีปากอุ่นลากมาข้างแก้ม "การมองสิ่งที่ควรจะเป็นของเรา ไม่สนใจเรา มันเจ็บปวดนะ" เขายังเอ่ยเบาๆ ที่ข้างหู
"แต่นายก็เงียบหายไปนานมาก หลังจากอ่านบันทึก"
"มีเรื่องขึ้นมาก่อน นาธานติดต่อมาให้ผมรีบหนี เลยต้องพักเรื่องของเราไว้ ทั้งๆ ที่ยากตามมาจะแย่" ตอนนี้สองมือของเจ้าหุ่นอายุยี่สิบห้ารวบฉันไว้ชิดตัว แล้วก็ทำท่าจะก้มลงมาอีกรอบ
"เดี๋ยว" ฉันผลักอกเขาไว้ก่อน แล้วรีบดีดตัวออก "นายบาดเจ็บ แล้วก็มีคนตามล่า มาช่วยกันคิดเรื่องหนีดีกว่า..."
"โธ่...."
"อย่ามาทำตาอย่างนั้น นอนพักผ่อนไป ฉันจะไปเก็บของ"
"เก็บของ?"
"เราควรจะหนี หรือทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะมีใครตามมาหานายอีก" พูดจบก็รีบหันหลัง กลัวตัวเองจะใจอ่อนกับบรรยากาศใกล้ชิดนั่นอีก
มันเร็ว...มันยังไม่ทันตั้งตัว ของถอยออกมาคิดด้วยการเก็บของ ทำโน่นทำนี่สักหน่อยก็แล้วกัน
....
"มีต้นฉบับต้องรีบส่งรึไง" ร่างสูงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงของฉันราวกับเตียงของตัวเอง เปลือยท่อนบน และมีพลาสเตอร์ปิดเแผลขนาดใหญ่อยู่ที่ใต้ชายโครงเอ่ยขึ้น
"ก็...เปล่า" ไม่ใช่ไม่เคยเห็นผู้ชายถอดเสื้อ แต่นั่นมันคนอื่นไม่ใช่...เขา หุ่นยนต์ตัวเป็นๆ ที่เนื้ออุ่นๆ แบบนี้
"ตอนนี้คุณเป็นฟรีแลนซ์ไม่ใช่รึ"
"ก็...ใช่" ตอบแบบคิดอะไรไม่ค่อยออกนัก รู้แต่ว่าเขาคงอ่านบันทึกเล่มนั้นจริงๆ
"นั่งคุยกันอีกแป๊บ โลกคงไม่ถล่มหรอก"
ปากร้ายขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย ฉันคิด
"และที่สำคัญ ผมอยากตอบ หลายเรื่องที่คุณทิ้งคำถามไว้ในสมุดบันทึกนั่น"
ฉันก้มหน้า รู้สึกว่าหูร้อน พอจำได้เลาๆ ว่ามีหลายคำถามที่ออกแนวเกินเรื่องส่วนตัวไปนิด
"นายยังเจ็บอยู่แน่ๆ เอายาแก้ปวดเพิ่มไหม" หันไปหันมา พยายามดึงมือออกแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า
อีกฝ่ายส่ายหน้าส่งแววตาดุแบบไม่จริงจังมา "เคยอ่านข้างขวดยาหรือเปล่า ว่ากินได้กี่ชั่วโมงครั้งหนึ่ง"
ฉันก้มหน้า "ก็...ไม่รู้จะทำยังไงดีนี่ นายเจ็บหนักขนาดนี้ แล้วยังไม่ไปหาหมออีก เดี๋ยวแผลอักเสบหรือเป็นอะไรมากกว่านี้หรอก"
รู้สึกได้ว่าถึงดึงมือไปจับไว้อีกรอบ ปลายนิ้วของตัวเองถูกรวบแรงขึ้น "เป็นห่วงผม?" แววตาไหวระริกแบบที่ฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นมนุษย์ผู้ชายคนไหนทำแบบนี้ให้
เอกวัตรมีแววตาเจ้าชู้ แต่กับฉัน เขามักส่งสายตาเบื่อๆ มาให้ ก็เมื่อก่อนฉันมันแค่สาวอวบๆ ที่เป็นสายเปย์ ให้ทุกอย่างที่เขาอยากได้นี่นะ เขาก็เลยอาจเห็นเป็นของตาย ไม่ต้องใส่ใจมากนักก็ได้
"ก็นายดื้อ เจ็บขนาดนี้ยังจะขับรถมาอีก ให้ไปโรงพยาบาลก็ไม่ไป เดี๋ยวมาตายอยู่ในห้องนี้ ฉันก็เดือดร้อน"
"ไม่อยากไปโรงพยาบาล ไม่อยากให้โดนตรวจเลือดโดยไม่จำเป็น อาจมีคนสงสัยได้ ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ตรวจละเอียดได้แค่ไหนแล้ว ไม่เสี่ยงไว้ก่อนดีกว่า อีกอย่าง ผมไม่เจ็บเท่าไหร่แล้ว แผลไม่ได้ลึกอย่างที่คิดหรอก"
นั่นสิ ลืมเรื่องนี้ไปสนิท "ถ้าอย่างนั้น มาคุยกันก็ได้ ตอบได้หรือยังว่าไปโดนใครทำร้ายมา มันเกี่ยวกับเรื่องที่นายมาจากโลกยุคอื่นหรือเปล่า" เมื่อพยายามดึงมือตัวเองออกไม่ได้ ก็หาเรื่องคุยกับเขาดีกว่า
ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนพยักหน้า "ความลับมันไม่มีในโลกจริงๆ คิดว่าตัวเองเก็บหลักฐานทุกอย่างดีแล้วนะแต่ก็ยังมีเรื่องจนได้"
"พวกเขาเป็นใคร ต้องการอะไร ตอนนี้นายอยู่ในอันตรายหรือเปล่า แล้ว..."
"ผมไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นใครแน่ รู้แต่ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง จากในยุคของผม" เขาตอบก่อนที่คำถามจะยาวไปกว่านั้น "นาธานกำลังช่วยดูให้อยู่ว่าเป็นพวกไหนกันแน่ คงได้คำตอบเร็วๆ นี้"
"แสดงว่ามีคนคิดค้นเครื่องย้อนเวลาได้แล้ว แล้วตามนายมางั้นเหรอ" ไม่อยากจะคิดว่านับจากนี้จะมีเรื่องโกลาหลอะไรเกิดขึ้นอีก หากมนุษย์ในยุคอนาคตสามารถเดินทางไปที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ทุกอย่างในโลกนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ประว้ติศาสตร์ทุกเรื่องอาจจะถูกเปลี่ยน ความพัวพันที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดเรื่องดีและเรื่องร้าย ...มันคือมหันตภัยชัดๆ
"จำผู้ช่วยอีกคนในแลบของผมได้ไหม"
ฉันพยักหน้า ผู้ชายอีกคนที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา ที่คอยช่วยทั้งคู่แก้ไขปัญหาเชิงเทคนิค "คนใกล้ตัวแท้ๆ"
"เขาเอามันไปขายให้นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ที่กำลังทดลองเรื่องเครื่องย้อนเวลาเหมือนกัน แต่ยังทำไม่สำเร็จ...เขาคิดว่า ผมกับนาธาน หวงเรื่องนี้ไว้เพราะอยากได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว ไม่แบ่งบัน เขาอยากได้เงินมากๆ"
สีหน้าของคนพูดกังวล "ผมเข้าใจแล้วที่พ่อพยายามไม่ให้ผมทำโปรเจคนี้ ไม่ให้ผมเปิดเผยตัว"
"แสดงว่าต่อไป อาจมีคนจากอนาคตย้อนเวลามาอีกหลายคนสินะ" ระยะเวลาที่ผ่านไป ไม่ช่วยให้กิเลสของคนลดลงได้เลย
"นาธานบอกว่า เหมือนต้นแบบที่ถูกแอบก๊อบบี้ไปมีปัญหา ตอนนี้พวกนั้นยังทำไม่สำเร็จกับคน มีผมคนเดียวที่ย้อนเวลามาได้ พวกนั้นเลยส่งหุ่นยนต์แบบพิเศษมา เพื่อจะพาผมกลับไปแก้ระบบ และพวกนั้นอยากรู้ว่าผมมาได้อย่างไร"
นั่นน่ากลัวเป็นสองเท่า
"พวกเขาเริ่มสงสัยแล้วว่าผมไม่ใช่คนธรรมดา"
โอว...ฉันได้แต่นิ่ง อ้างปากค้าง
"ผมเป็นต้นเหตุทำเรื่องทั้งหมด" น้ำเสียงสุดท้ายของคนเจ็บแผ่วเศร้า "ทั้งๆ ที่พ่อเตือนไว้แล้วว่ามันจะยุ่ง"
เพราะอะไรไม่รู้ ฉันตัดสินใจขยับเก้าอี้ข้างเตียงเข้าชิดเขาอีกนิด ก่อนจะโอบแขนไปรอบตัวอีกฝ่าย โดยระวังไม่ให้โดนบาดแผลของอีกฝ่าย
"มันไม่ใช่ความผิดของนายคนเดียวหรอก นายมาเพื่อช่วยฉัน ทั้งๆ ที่เราไม่รู้จักกันเลย และ...ฉันไม่มีค่าสักนิดที่นายจะมาช่วย"
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบ เพียงแต่ใช้มือข้างที่ว่างอยู่ โอบกลับมาที่ฉัน
"มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก อิง มันเป็นความผิดของผมจริงๆ"
ฉันไม่เข้าใจประโยคนั้นเลย แต่น้ำเสียงของเขาดูจริงจังมาก
"มันคงถึงเวลาเสียที ที่คุณจะได้รู้เรื่องนี้"
"เรื่องอะไร"
คนฟังคลายอ้อมแขน ปล่อยให้ฉันได้เงยหน้าขึ้น จังหวะนั้น ตาของเราสบกัน โลกเหมือนหยุดหมุนไปชั่วคณะ เพราะดวงตาเปิดเผยความรู้สึกในใจนั้น
"รู้ไหมก่อนได้พบกับคุณผมเป็นนักวิจัยด้านชีวฟิสิกข์" ไอแซคเริ่มเรื่อง
"เหมือนนายเคยบอกแล้ว แต่อย่าถามฉันว่ามันแปลว่าอะไร"
"ผมศึกษาเรื่องเล็กที่สุดที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมา เหมือนที่พ่อของผมสนใจ ท่านสนใจสร้างหุ่นยนต์ จากการผสมดีเอ็นเอใหม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากรู้คือ ใครคือคู่ที่ดีที่สุดของเรา"
"หืม? อะไรนะ"
"ผมเชื่อว่าในดีเอ็นเอของเราสามารถบอกเรื่องนี้ได้ ถ้าเรารู้ว่าใครเหมาะกับใคร เราจะได้ไม่เสียเวลาอยู่หลายปีเพื่อจีบคนผิด แต่งงานกับคนที่ไม่ใช่ แล้วก็มีปัญหาในที่สุด ผมทำวิจัยอยู่หลายปี ได้แนวคิดแต่หาทางพิสูจน์ทฤษฎีไม่ได้เสียที ในที่สุดก็ลองทดสอบกับดีเอ็นเอของตัวเอง...."
ฉันไม่อยากเดาเรื่องต่อเลย
"ผมเอาคลังข้อมูลดีเอ็นเอที่สะสมไว้ที่มหาวิทยาลัยมาทดสอบ ผมพบว่ามีข้อมูลดีเอ็นเอชุดหนึ่งที่ตามทฤษฎีของผมแล้วเราแมทช์กันมาก...แต่...เธอมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน นั่นทำให้ผมย้อนไปหาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ เพราะอยากรู้จักเธอมากกว่านี้ อยากรู้ว่ามันจะจริงหรือเปล่า และถ้าจริงอะไรที่ทำให้มันเป็นเช่นนั้น"
นี่คือเหตุผลที่เขาย้อนเวลามาช่วยฉัน "สำหรับฉันมันเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์มากกว่าเรื่องจริง"
ไอแซคอมยิ้มที่มุมปาก "ผมเองก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งได้เห็นรูปของคุณ ก็เริ่ม...เชื่อ"
แค่รูป...งั้นเหรอ
"และผมได้อ่านบันทึกเล่มนั้น มันบอกว่าคุณกำลังจะตาย จังหวะเดียวกับที่โครงการเครื่องย้อนเวลาที่ทำกับนาธานเสร็จ เลยเสนอตัวที่จะย้อนเวลากลับมาเสียเอง เพราะอยากจะได้มาพบคุณก่อนที่จะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ อีกอย่างไม่อยากให้นาธานเสี่ยงด้วย"
การพบกันของเราจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ
"ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ จึงอยากพิสูจน์ทฤษฎีของตัวเอง" ปลายนิ้วของเขาเกลี่ยที่ข้างแก้มของฉัน ทิ้งรอยอุ่นๆ ตลอดทางที่มันลากผ่าน "ตอนนี้ผมเชื่อว่าทฤษฎีนั้นเป็นจริง เพราะถอนสายตาจากคุณไม่ได้เลย นับแต่วันที่เราได้พบกันครั้งแรก...และคุณเอาแต่ตะโกนใส่ผม"
ร่างสูงดึงฉันเข้าชิดตัวอีกนิด และใบหน้านั้นก็ก้มต่ำลงมา ฉันหลับตา แต่ไม่ผละหนี...ปล่อยให้ริมฝีปากของอีกฝ่ายแตะลงเบาๆ ที่ริมฝีปากของตัวเอง
...ทฤษฎีนั้นของเขาจะจริงหรือเปล่าไม่รู้ ที่รู้ ตอนนี้ริมฝีปากอุ่นของไอแซคทำให้ฉันชาไปทั้งตัว คิดอะไรไม่ออกในตอนแรก แต่ริมฝีปากของเรากลับคุ้นเคยกันอย่างรวดเร็ว "ผมต้องห้ามใจแค่ไหนรู้หรือเปล่าที่จะไม่ทำแบบนี้ ทั้งๆ ที่เชื่อว่าเราจะเข้ากันได้ดีทุกเรื่อง แต่ถ้าคุณไม่รู้สึกชอบผมเลย
มันก็จบ"
ริมฝีปากอุ่นลากมาข้างแก้ม "การมองสิ่งที่ควรจะเป็นของเรา ไม่สนใจเรา มันเจ็บปวดนะ" เขายังเอ่ยเบาๆ ที่ข้างหู
"แต่นายก็เงียบหายไปนานมาก หลังจากอ่านบันทึก"
"มีเรื่องขึ้นมาก่อน นาธานติดต่อมาให้ผมรีบหนี เลยต้องพักเรื่องของเราไว้ ทั้งๆ ที่ยากตามมาจะแย่" ตอนนี้สองมือของเจ้าหุ่นอายุยี่สิบห้ารวบฉันไว้ชิดตัว แล้วก็ทำท่าจะก้มลงมาอีกรอบ
"เดี๋ยว" ฉันผลักอกเขาไว้ก่อน แล้วรีบดีดตัวออก "นายบาดเจ็บ แล้วก็มีคนตามล่า มาช่วยกันคิดเรื่องหนีดีกว่า..."
"โธ่...."
"อย่ามาทำตาอย่างนั้น นอนพักผ่อนไป ฉันจะไปเก็บของ"
"เก็บของ?"
"เราควรจะหนี หรือทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะมีใครตามมาหานายอีก" พูดจบก็รีบหันหลัง กลัวตัวเองจะใจอ่อนกับบรรยากาศใกล้ชิดนั่นอีก
มันเร็ว...มันยังไม่ทันตั้งตัว ของถอยออกมาคิดด้วยการเก็บของ ทำโน่นทำนี่สักหน่อยก็แล้วกัน
....
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2561, 22:03:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2561, 22:40:36 น.
จำนวนการเข้าชม : 1488
<< 29. การตัดสินใจ | 31: ดูเหมือนเจ้าหุ่นนี่จะพูดได้อยู่ประโยคเดียวนะ >> |
titirat 16 พ.ค. 2561, 09:12:10 น.
มาอัพลงบ่อยๆ นะคะ รออ่านอยู่
มาอัพลงบ่อยๆ นะคะ รออ่านอยู่