มนตราในฝัน
กานติศา หญิงสาวหลงทางในความฝัน จินตนาการของเธอ กระทั่งพบชายชุดดำปริศนาเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวยามกลางวัน กลืนเป็นสีน้ำเงินในรัตติกาล สัมผัสความลึกลับและอันตราย
เธอจะวิ่งหนีไปให้พ้นจาก 'ฝันร้าย' อย่างไร
เธอจะวิ่งหนีไปให้พ้นจาก 'ฝันร้าย' อย่างไร
Tags: ข้ามภพ,แฟนตาซี,ความรัก
ตอน: บทที่ 5 (1) ความลับของเอเดรียน
5 ความลับของเอเดรียน
‘เอเดรียน’
เธอเร่งฝีเท้าวิ่งให้ทันคนข้างหน้าที่ก้าวฉับไวนำหน้าไปมา เอเดรียนใจเย็นเหลียวหลังไปดูเธอเสมอ เพื่อแน่ใจว่าร่างกายเธอยังไหวกับการเดินฝ่าเข้าไปในดงป่า นอกจากเส้นทางขรุขระแล้วยังต้องหลบสิ่งกีดขวาง ต้นไม้หนาชุ่มแผ่กิ่งก้านสาขาขวางเส้นทาง กานติศาไม่สันทัดกับกับกิจกรรมนี้เท่าไรนัก จึงมักจะสะดุดหกล้มต่อหน้าเขาเสมอ เธอได้แผลจากกิ่งไม้เกี่ยวบาดลำตัวและหน้าเป็นของที่ระลึก ตั้งแต่วันเริ่มต้นเป็นไปด้วยความยากลำบากแม้ว่าจะล่วงผ่านไปหลายวันก็ตาม เพราะร่างกายเธอไม่ฟิตห่างหายเรื่องออกกำลังกายมานาน ซิกแพ็กบนหน้าท้องผิวสีแทนของผู้นำทางใช้เวลาว่างไปออกกำลังกายควงดาบอย่างเดียวถึงได้ฟิตปั๋ง นำทางวันละหลายสิบยี่สิบกิโ
เพราะมัวแต่นินทาอยู่ในใจ ไม่มีสมาธิกานติศาจึงสะดุดก้อนหินก้อนสุดท้าย ก่อนจะล้มไปนอนแอ้งแม้งบนพื้นอย่างหมดท่า ถ้าไม่มีมือหนาเข้ามารั้งตัวไว้ดึงร่างน้อยชนกับแผงอกกำยำภายใต้ชุดเกราะ กานติศาสบสายตาดุนัยน์ตาสีเขียวตอนกลางวัน “ระวังหน่อยสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เราจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้ มีสติหน่อย” เขาเอ็ดแล้วหันหลังกลับไป จึงไม่เห็นหญิงสาวแอบส่งคำล้อเลียนลับหลัง
เอเดรียน ผู้ชายอะไรขี้บ่นเป็นบ้า ไม่เห็นหรือว่าเธอก็มีความพยายามนะ
พวกเขาพยายามเดินเลียบเคียงทางเลียบไปทางลำคลองให้มากที่สุด เอเดรียนเชื่อว่าทางนำไปสู่น้ำตกยักษ์ นั้นเป็นเหตุว่าทำไมเธอจึงได้ยินเสียงสายน้ำอันเชี่ยวกรากปลอบใจ ทางคดเคี้ยวไปมาเหมือนเส้นทางในวงกต บางก็เดินขึ้นเขาลงเขาบ้าง สิ่งเหมือนเดิมคือภาพวิวทัศน์ซึ่งดูไม่แตกต่างจากก้าวแรกที่เข้ามาในป่า ความเชี่ยวชาญในป่าของเขาตอกย้ำว่าพวกเธอมาทางถูก กานติศาเองไม่มีมูลมาเถียง เธอปาดเหงื่อ ถึงแม้ว่าใส่ผ้าคลุมตัวเดียวเธอยังรู้สึกเหนียวตัวไปกับหยาดเหงื่อบวกอากาศเย็นชื่น
เอเดรียนใช้ดาบเล่มยักษ์เล่มใหม่ตวัดตัดกิ่งไม้ขวางเส้นทางเดินไปสู่เป้าหมาย เส้นทางน้ำตกไปสู่ที่พวกเธอจากมา เขาบอกว่าพรีอุสจะรออยู่ที่เดิม จะไม่เคลื่อนย้ายไปไหนจนกว่าเห็นเจ้านาย ถึงอย่างนั้นกานติศาก็ไม่สนใจ จิตใจเธอมุ่งไปที่ต้นไม้วิสทีเรียสีม่วงต้นยักษ์ต้นเดิม เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอข้ามมายังที่นี่
ดาบเล่มยักษ์ซึ่งควรปักอยู่ที่น้ำตกกลับมาอยู่ในกำมือเอเดรียนได้อย่างไร เขาได้เผยความลับของดาบยังรู้สึกสยองกับภาพน่ากลัวไม่หาย หลายวันก่อนเอเดรียนเพิ่งจำชื่อเรียกนามตัวเอง
“ขอโทษที่ทำให้คุณเสียดาบไป ม้าคุณ แล้วมือคุณเป็นยังไงบ้างคะ”
ตอนแรกเอเดรียนไม่เข้าใจความหมายเธอสื่อถึง กระทั่งฟังรายละเอียดเกี่ยวกับบาดแผลที่เธอหนำแทงมือเขา เขาชูหลังมือสะอาดให้เธอเห็นซึ่งมันหายสนิท
“มือคุณหายแล้ว เป็นไปได้ไง” เธอจำได้ว่าแทงมือเขาเป็นแผลลึกมากไม่น่าหายเร็วในสองสามวัน มือเขาเป็นสีแทนสะอาดไม่มีรอยแผลเป็นหลงเหลือให้เห็น
“ร่างกายข้าค่อนข้างพิเศษ ส่วนเรื่องดาบ ข้าไม่รู้จะอธิบายเจ้าให้เข้าใจอย่างไรดี ข้าจะแสดงให้เห็น เจ้าต้องดูแล้วจะเข้าใจเอง” จากนั้นเขาหยิบมีดสั้นใช้ทำอาหารออกมา
“คุณจะทำอะไร” หวาดผวากลัวเมื่อเห็นเขานำมีดมาเหมือนใช้ทำร้ายตัวเอง
เอเดรียนกรีดแขนเป็นรอยยาวท่ามกลางเสียงหลง ปักมีดจนมิดด้ามไปจนถึงเส้นข้อศอก น้ำตกเลือดสีแดงคล้ำจำนวนมหาศาลรินไหลออกมาจากบาดแผลไม่หยุด เขายังออกแรงหมุนเกลียวเพื่อให้เลือดออกมาให้มากที่สุด จนผู้ร่วมเหตุการณ์ต้องเบือดหน้าหนีภาพสยอง ใบหน้าตาเรียบเฉยราวกับเขาเคยกระทำไว้เป็นร้อยครั้งเป็นพันครั้ง
“ทำอะไรบ้าของคุณ” กลุ่มเลือดสีแดงฉาดแผ่กระจายจนเธอต้องยกเท้าหนี
น้ำตกเลือดสีแดงกลายเป็นสีดำ เปลี่ยนมวลของเหลวกลายเป็นของแข็งในกะพริบตา กานติศาไม่เชื่อตาเห็น ร่างกายเขาพิเศษสามารถสร้างดาบเล่มใหม่ด้วยเพียงสายโลหิต อีกทั้งรอยกรีดค่อยๆ สมานแผลจนปิดสนิทราวกับปลุกเสกด้วยเวทมนต์ เอเดรียนตวัดดาบยักษ์เล่มใหม่ด้วยความพอใจ
ดาบ คุณใช้เลือดสร้างอาวุธ เอเดรียนเป็นใครกันแน่
กานติศาชำเลืองตามองดาบเล่มเดิมเขาใช้ตัดพืชสมุนไพรที่ขึ้นตามลำต้นไม้ต้นใหญ่ด้วยความสยดสยอง ในโลกความฝันที่เธอเป็นผู้จินตนาการสร้างขึ้น รวมถึงหลายอย่างไม่สามารถสรรหาคำอธิบายได้ อุปนิสัยในตัวผู้ชายคนนี้กับร่างกายพิเศษเหมือนใช้เวทมนต์ได้ มีปัญหาเรื่องความทรงจำขาดๆ หายๆ ผืนป่าดิบชื้นแห่งนี้ มีต้นไม้นานาพันธุ์รูปร่าง รูปทรง สี ส่งกลิ่นหอมประหลาดที่เธอไม่เคยพบในโลกจริง ต้นไม้ก้านยาวสีแดงที่เขาตัดมาประดิษฐ์ทำร้องเท้าคู่ใหม่ให้ กานติศากับรองเท้าสานคู่ใหม่สีแดงสด ขนาดพอดีราวกับมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเธอ เอเดรียนไปวัดขนาดตั้งแต่ตอนไหน
“ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ ” หญิงสาวนั่งลงบนก้อนหินหลังจากเดินทางมานับชั่วโมง ส่งค้อนเขาที่ไม่ขัดเวลาให้หยุดพัก
หนุ่มที่เดินนำหน้าเธอไปค่อนมากต้องเดินย้อนศรกลับมากับใบหน้าเย็นชาเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว สวมชุดเกราะเต็มยศซึ่งไม่ใช่ภาระที่เขาต้องห่วง เขาเคลื่อนไหวอย่างเหมือนผิวหนังชั้นสอง
“เราควรไปถึงจุดปลอดภัยก่อนฟ้ามืด”
“ฉันเองก็อยากไปถึงเร็วพอๆกับคุณ แต่ฉันเหนื่อยมาก” เธอรอคอยวันแยกจากเขาเช่นกัน เมื่อเจอต้นไม้นั้นเธอกับเขาไปทางใครทางมัน ดูสภาพตัวเธอตอนนี้ไม่แตกต่างลูกหมาตกน้ำ เธอจมบ่อขี้ไคล้และเหงื่อตัวเอง ผมเผ้าเปียกเละจนทนดูเงาในน้ำยังไม่ได้ เขากลับไม่มีเหงื่อสักเม็ด ร่างกายพิเศษติดแอร์รึไง
“งั้นเจ้าพักตรงนี้ ข้าจะไปลาดเลาแถวนี้ก่อน เพื่อเจออะไรเป็นประโยชน์” จากนั้นเขาก็หายเข้าไปในพุ่มไม้ ทิ้งเธอจมอยู่กับความเหนื่อยคนเดียว
กานติศาไม่ปฏิเสธตัวเอง เธอคือตัวถ่วงหนึ่งเดียวขวางเส้นทางกลับบ้าน ส่งผลต่อการเดินทางล่าช้า กินเวลาหลายวัน จุดที่เธอกระโดดลงไปในม่านน้ำตก ซึ่งเธอเองก็จำไม่ได้ว่าตกลงมาสูงแค่ไหน ดูจากความเร่งรีบระหว่างวันคงใช้เวลานานกว่าจะไต่ระดับขึ้นไประดับเดียวกับน้ำตก เขาบอกว่าต้องไปหาพรีอุส ม้าซึ่งมีสัมภาระติดอยู่ครบ มีทั้งเสบียงและอาวุธ ไม่ได้บอกเธอว่าหลังจากนั้นจะไปไหน
จุดนั้นเขากับเธอคงต้องแยกจากกันตลอดชีวิต กานติศามองโลกในแง่ดี อย่างน้อยกลับไปอยู่สถานที่ใกล้เคียงกับเส้นทางกลับบ้านมากที่สุด ต้นวิสทีเรียสีม่วงต้นยักษ์ตั้งโดดเด่นท่ามกลางทุ่ง
กานติศาหยิบกระปุกยามาทาบริเวณบาดแผลตามลำตัว บลูเอิร์ฟ พืชสมุนไพรมีดอกไม้สีฟ้าเล็กๆตำบดละเอียดเป็นครีมใส่กระปุกไว้ มีสรรพคุณเป็นยารักษาบาดแผล ที่เขาเคยใช้รักษาจนบาดแผลแห้งสนิท รอยแผลเป็นเริ่มจางหาย เสมือนผลงานทำความดีด้านการรักษาเธอจึงวางใจเขาสนิทใจ
“คุณอยู่มานานแค่ไหน จึงรู้จักสมุนไพรอย่างดี”
กานติศาไม่พอใจกับความนิ่งเงียบ นานๆทีเขาจะตอบคำถาม บางครั้งใช้ความเงียบเป็นคำตอบ เขาพูดกับเธอน้อยมากจนน่าหงุดหงิด จงใจไม่ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ ราวมีความลับบางอย่างไม่อยากให้รับรู้ เอเดรียน ผู้ชายงี่เง่ามาจากจินตนาการเล็ก ๆ ในหัวเธอ ทั้งนิสัยใจคอ รสนิยมการพูดคุย ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขา ไม่มีสิ่งใดที่กานติศาพอใจสักนิด หากเป็นโลกปกติทั่วไปเธอจะปิดประตูไม่อดทนอยู่ด้วย
“ถ้ายังปิดปากสนิทแบบนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องไปกับคนที่ไม่ไว้ใจฉัน เราพอกันแค่นี้เถอะค่ะ ทิ้งฉันให้ตายไว้ตรงนี้ ” กานติศาขึ้นเสียงด้วยอารมณ์โกรธเคือง ไม่อยากเป็นคนโง่ในสายตาเขา
“ไม่มีข้อมูลให้เพราะข้าจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากชื่อตัวเอง พอใจยัง” เสียงตวาดหยุดเธอไว้ คนน่ากลัวพอเจ้าอารมณ์เข้าดูน่ากลัวกว่าเดิมเสียอีก ได้ผลเขาทำให้เธอกลัวไม่เปลี่ยนแปลง
“เจ้าก็เห็น ข้าอยู่คนเดียวมานานพอจนเสียสติเป็นบ้า เกือบทำร้ายเจ้าจนตาย”
ทั้งคู่จมอยู่กับความเงียบ ไม่มีใครพูดต่อจากนั้น จนกว่ากองไฟมอดดับลง เอเดรียนนั่งจดจ่ออยู่กับตัวเองคนเดียวเป็นฝ่ายทำลายความเงียบด้วยคำขอโทษที่เธอไม่คาดว่าจะได้ยิน
“ข้าขอโทษที่ทำร้ายเจ้า กานติศา”
สนทนาเต็มไปด้วยอารมณ์ของทั้งคู่เกิดขึ้นในวันแรกๆของการเดินทาง กานติศายังจำใบหน้าสับสนกับเรื่องราวชีวิตตนเอง นัยน์ตาสีเขียวไม่ได้โกหก หากเธอเป็นเขาคงสติแตกเป็นบ้าทนอยู่คนเดียวนานอย่างนี้ไม่ไหวเช่นกัน อีกทั้งคำขอโทษที่เขาเอ่ยขึ้นมาในตอนนั้น ได้ชโลมจิตใจเธอเรียบร้อย คำขอโทษหมายถึงเรื่องไหน เรื่องนั้น ไม่งั้นเขาทิ้งกระปุกยา บลูเอิร์ฟไว้กับเธอทำไม สาวกำกระปุกยาไว้แน่นประหนึ่งของมีค่า
‘กานติศา’ ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนขานเรียกเธอด้วยชื่อเต็ม แม้แต่พี่ต้น ธรณินทร์พี่ชายแสนดี ความจริงเธอไม่ได้คิดถึงผู้คนในโลกแห่งความจริงมานานแค่ไหนแล้ว พี่ต้น รติรส กันต์ แม้แต่ครอบครัวเธอเอง
“ข้าเจอบ่อน้ำสะอาดอยู่ไม่ไกล ถ้าเจ้าอยากอาบน้ำก็ควรอาบซะตอนนี้” เอเดรียนแหวกม่านรากต้นไม้ปรากฎตัว เผยให้เห็นเส้นทางลับ หลังจากหายไปจากการตระเวนแถวนี้
“อาบน้ำเหรอ ไหนว่าคุณไม่อยากเสียเวลา อยากให้ไปถึงเร็วๆ ” พอพูดเรื่องน้ำชักเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวอยากอาบน้ำ ภายใต้เสื้อคลุมที่ขโมยมามีแต่ความอึดอัดระคนความเหนียวเหนอะไปทั้งตัวคล้ายจะมีไข้
“ดูสภาพเจ้าสิ จะให้ข้าใจร้ายปล่อยเจ้าเดินทางในสภาพอย่างนี้หรือ”
ที่จริงเขาเองก็ลืมไปว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มีผู้ร่วมเดินทางอ่อนแอที่เขาควรประคับประคองไปจนกว่าถึงตอนนั้น ควรใจเย็นลงมากกว่านี้ ขืนทำอะไรหุนหันไม่มีสตินางจะตกใจแตกตื่นหนีหายไป เขาเองไม่อยากปลีกเวลาในการตามล่าอีก นัยน์ตาคมดุมองไปที่สาวตัวเล็กอย่างสำรวจ และหล่อนไม่ยอมเคลื่อนกายสักที จึงเข้าใกล้นางแหวกสาบเสื้อคลุมออก กานติศารีบกระชับผ้าคลุมเข้าหากัน ใบหน้าแดงก่ำตกใจการกระทำของเขา
“มัวชักช้าอยู่ได้ ยังไม่ไปอีก” เสียงต่ำรบเร้าไล่ให้นางไปอาบน้ำเสียที
ก่อนจะไป กานติศาเพิ่งนึกได้เรื่องความปลอดภัยของตัวเอง
“แล้วคุณล่ะคะ” นี่เขาจะไม่ตามมาดูเธอใช่มั้ย
“ข้านั่งเฝ้าต้นทางตรงนี้เอง และกะว่าจะทำรองเท้าคู่ใหม่ให้เจ้า” กานติศาก้มมองดูรองเท้าตนซึ่งถูกใช้งานหนักจนฉีกขาดเป็นเศษใบไม้ ควรแก่การเปลี่ยนเต็มที่ ลับหลังสาวไปอาบน้ำตามคำเซ้าซี้ มีเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตนไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด นอกจากจำชื่อเรียกนามของตน ยังจำเรื่องอื่นได้อีก
เธอไม่มีทางได้ชมวิวธรรมชาติงดงามอย่างนี้ในเมืองที่เธอเกิดมารายล้อมไปด้วยตึกคอนกรีต บ่อน้ำเล็กที่เขากล่าวถึงสำหรับเธอเหมือนสะว่ายน้ำขนาดย่อม ก้อนหินประดับริมตลิ่งเหมือนภูเขาขยาดเล็ก น้ำใสมากสามารถมองเห็นทะลุถึงก้นบ่อ ไม่ต้องสงสัยความอันตรายซ่อนอยู่ใต้ความลึก ปลดผ้าคลุมออกพร้อมกวาดสายตามองรอบอย่างหวาดหวั่นเล็กน้อย ร่างเปลือยเปล่าสัมผัสอากาศชื้นจุ่มตัวลงไปในน้ำเย็น ความลึกของบ่ออยู่ในระดับหน้าอกพอดี มือโปรยสมุนไพร บลูเอิร์ฟ ชนิดผงลงไปในน้ำตามคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญ นอกจากใช้รักษาอาการบาดเจ็บแล้วยังช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายอีกด้วย
เธอมีอารมณ์ฮัมเพลงไประหว่างเล่นน้ำ พืชไม้น้ำตามซอกหินหลากหลายสีดึงความสนใจไป ธรรมชาติที่นี่แฝงความงามทั้งความอันตราย จำเนื้อหารายละเอียดที่เอเดรียนอธิบายให้เธอฟังได้ พืชไม้สวยงามบางชนิดมักอาบยาพิษที่ร้ายแรงขนาดสามารถล้มตัวโทรลล์ได้ทั้งฝูง พิษฤทธิ์น้อยก็เพียงพอทำให้เกิดอาการตัวชาเป็นอัมพาตชั่วคราว ประสาทหลอน กานติศาแหวกว่ายน้ำไปอีกฝากหนึ่งของบ่อ หลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้พืชพวกนั้น
เอเดรียนนอกจากชำนาญทางแล้วยังพร่ำสอนเรื่องพืชสมุนไพรให้รู้จักไว้เป็นประโยชน์ นั้นทำให้เธอมีความรู้ติดตัวอยู่บ้าง หลังจากคำขอโทษและสงบศึก ทั้งสองอยู่ร่วมกับได้ดีเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือ จากคนเสียสติเป็นบ้าไล่ล่าจับเธอเหมือนสัตว์กลายเป็นคนธรรมดาที่สูญเสียความทรงจำ
ถึงคราวเธอต้องเริ่มไว้ใจเขาบ้าง เขาคือความหวังเดียวพาเธอกลับบ้าน
นัยน์ตาสีเหมือนอัญมณีจับจ้องทุกอิริยาบถมาตั้งแต่ต้น ตัวการกำลังแหวกว่ายไปมาในบ่อน้ำซึ่งคล้ายกับดักที่เขาขุดหลุมสร้างขึ้น จิตใจหาได้เกิดความเสน่หาไม่ สิ่งเดียวที่อยู่ในความต้องการคือการวางใจจากเหยื่อหรือเครื่องบูชายัญ บัดนี้นางหลงเชื่อเขาอย่างสนิทใจ เอเดรียนหยิบสร้อยวัตถุโลหะวงกลมสีทองเหมือนนาฬิการุ่นคุณปู่ เผยอักขระสะท้อนแสง หน้าปัดทำหน้าที่เป็นตัวนำทางหมุนติ้วและชี้ไปทางตำแหน่งคนในบ่อน้ำเสมอ กานติศาเล่นน้ำอย่างมีความสุขปราศจากรับรู้การเคลื่อนไหวขอผู้ซ่อนตัวในต้นไม้สูง
ความตาย คือชะตากรรมของเจ้า
‘เอเดรียน’
เธอเร่งฝีเท้าวิ่งให้ทันคนข้างหน้าที่ก้าวฉับไวนำหน้าไปมา เอเดรียนใจเย็นเหลียวหลังไปดูเธอเสมอ เพื่อแน่ใจว่าร่างกายเธอยังไหวกับการเดินฝ่าเข้าไปในดงป่า นอกจากเส้นทางขรุขระแล้วยังต้องหลบสิ่งกีดขวาง ต้นไม้หนาชุ่มแผ่กิ่งก้านสาขาขวางเส้นทาง กานติศาไม่สันทัดกับกับกิจกรรมนี้เท่าไรนัก จึงมักจะสะดุดหกล้มต่อหน้าเขาเสมอ เธอได้แผลจากกิ่งไม้เกี่ยวบาดลำตัวและหน้าเป็นของที่ระลึก ตั้งแต่วันเริ่มต้นเป็นไปด้วยความยากลำบากแม้ว่าจะล่วงผ่านไปหลายวันก็ตาม เพราะร่างกายเธอไม่ฟิตห่างหายเรื่องออกกำลังกายมานาน ซิกแพ็กบนหน้าท้องผิวสีแทนของผู้นำทางใช้เวลาว่างไปออกกำลังกายควงดาบอย่างเดียวถึงได้ฟิตปั๋ง นำทางวันละหลายสิบยี่สิบกิโ
เพราะมัวแต่นินทาอยู่ในใจ ไม่มีสมาธิกานติศาจึงสะดุดก้อนหินก้อนสุดท้าย ก่อนจะล้มไปนอนแอ้งแม้งบนพื้นอย่างหมดท่า ถ้าไม่มีมือหนาเข้ามารั้งตัวไว้ดึงร่างน้อยชนกับแผงอกกำยำภายใต้ชุดเกราะ กานติศาสบสายตาดุนัยน์ตาสีเขียวตอนกลางวัน “ระวังหน่อยสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เราจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้ มีสติหน่อย” เขาเอ็ดแล้วหันหลังกลับไป จึงไม่เห็นหญิงสาวแอบส่งคำล้อเลียนลับหลัง
เอเดรียน ผู้ชายอะไรขี้บ่นเป็นบ้า ไม่เห็นหรือว่าเธอก็มีความพยายามนะ
พวกเขาพยายามเดินเลียบเคียงทางเลียบไปทางลำคลองให้มากที่สุด เอเดรียนเชื่อว่าทางนำไปสู่น้ำตกยักษ์ นั้นเป็นเหตุว่าทำไมเธอจึงได้ยินเสียงสายน้ำอันเชี่ยวกรากปลอบใจ ทางคดเคี้ยวไปมาเหมือนเส้นทางในวงกต บางก็เดินขึ้นเขาลงเขาบ้าง สิ่งเหมือนเดิมคือภาพวิวทัศน์ซึ่งดูไม่แตกต่างจากก้าวแรกที่เข้ามาในป่า ความเชี่ยวชาญในป่าของเขาตอกย้ำว่าพวกเธอมาทางถูก กานติศาเองไม่มีมูลมาเถียง เธอปาดเหงื่อ ถึงแม้ว่าใส่ผ้าคลุมตัวเดียวเธอยังรู้สึกเหนียวตัวไปกับหยาดเหงื่อบวกอากาศเย็นชื่น
เอเดรียนใช้ดาบเล่มยักษ์เล่มใหม่ตวัดตัดกิ่งไม้ขวางเส้นทางเดินไปสู่เป้าหมาย เส้นทางน้ำตกไปสู่ที่พวกเธอจากมา เขาบอกว่าพรีอุสจะรออยู่ที่เดิม จะไม่เคลื่อนย้ายไปไหนจนกว่าเห็นเจ้านาย ถึงอย่างนั้นกานติศาก็ไม่สนใจ จิตใจเธอมุ่งไปที่ต้นไม้วิสทีเรียสีม่วงต้นยักษ์ต้นเดิม เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอข้ามมายังที่นี่
ดาบเล่มยักษ์ซึ่งควรปักอยู่ที่น้ำตกกลับมาอยู่ในกำมือเอเดรียนได้อย่างไร เขาได้เผยความลับของดาบยังรู้สึกสยองกับภาพน่ากลัวไม่หาย หลายวันก่อนเอเดรียนเพิ่งจำชื่อเรียกนามตัวเอง
“ขอโทษที่ทำให้คุณเสียดาบไป ม้าคุณ แล้วมือคุณเป็นยังไงบ้างคะ”
ตอนแรกเอเดรียนไม่เข้าใจความหมายเธอสื่อถึง กระทั่งฟังรายละเอียดเกี่ยวกับบาดแผลที่เธอหนำแทงมือเขา เขาชูหลังมือสะอาดให้เธอเห็นซึ่งมันหายสนิท
“มือคุณหายแล้ว เป็นไปได้ไง” เธอจำได้ว่าแทงมือเขาเป็นแผลลึกมากไม่น่าหายเร็วในสองสามวัน มือเขาเป็นสีแทนสะอาดไม่มีรอยแผลเป็นหลงเหลือให้เห็น
“ร่างกายข้าค่อนข้างพิเศษ ส่วนเรื่องดาบ ข้าไม่รู้จะอธิบายเจ้าให้เข้าใจอย่างไรดี ข้าจะแสดงให้เห็น เจ้าต้องดูแล้วจะเข้าใจเอง” จากนั้นเขาหยิบมีดสั้นใช้ทำอาหารออกมา
“คุณจะทำอะไร” หวาดผวากลัวเมื่อเห็นเขานำมีดมาเหมือนใช้ทำร้ายตัวเอง
เอเดรียนกรีดแขนเป็นรอยยาวท่ามกลางเสียงหลง ปักมีดจนมิดด้ามไปจนถึงเส้นข้อศอก น้ำตกเลือดสีแดงคล้ำจำนวนมหาศาลรินไหลออกมาจากบาดแผลไม่หยุด เขายังออกแรงหมุนเกลียวเพื่อให้เลือดออกมาให้มากที่สุด จนผู้ร่วมเหตุการณ์ต้องเบือดหน้าหนีภาพสยอง ใบหน้าตาเรียบเฉยราวกับเขาเคยกระทำไว้เป็นร้อยครั้งเป็นพันครั้ง
“ทำอะไรบ้าของคุณ” กลุ่มเลือดสีแดงฉาดแผ่กระจายจนเธอต้องยกเท้าหนี
น้ำตกเลือดสีแดงกลายเป็นสีดำ เปลี่ยนมวลของเหลวกลายเป็นของแข็งในกะพริบตา กานติศาไม่เชื่อตาเห็น ร่างกายเขาพิเศษสามารถสร้างดาบเล่มใหม่ด้วยเพียงสายโลหิต อีกทั้งรอยกรีดค่อยๆ สมานแผลจนปิดสนิทราวกับปลุกเสกด้วยเวทมนต์ เอเดรียนตวัดดาบยักษ์เล่มใหม่ด้วยความพอใจ
ดาบ คุณใช้เลือดสร้างอาวุธ เอเดรียนเป็นใครกันแน่
กานติศาชำเลืองตามองดาบเล่มเดิมเขาใช้ตัดพืชสมุนไพรที่ขึ้นตามลำต้นไม้ต้นใหญ่ด้วยความสยดสยอง ในโลกความฝันที่เธอเป็นผู้จินตนาการสร้างขึ้น รวมถึงหลายอย่างไม่สามารถสรรหาคำอธิบายได้ อุปนิสัยในตัวผู้ชายคนนี้กับร่างกายพิเศษเหมือนใช้เวทมนต์ได้ มีปัญหาเรื่องความทรงจำขาดๆ หายๆ ผืนป่าดิบชื้นแห่งนี้ มีต้นไม้นานาพันธุ์รูปร่าง รูปทรง สี ส่งกลิ่นหอมประหลาดที่เธอไม่เคยพบในโลกจริง ต้นไม้ก้านยาวสีแดงที่เขาตัดมาประดิษฐ์ทำร้องเท้าคู่ใหม่ให้ กานติศากับรองเท้าสานคู่ใหม่สีแดงสด ขนาดพอดีราวกับมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเธอ เอเดรียนไปวัดขนาดตั้งแต่ตอนไหน
“ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ ” หญิงสาวนั่งลงบนก้อนหินหลังจากเดินทางมานับชั่วโมง ส่งค้อนเขาที่ไม่ขัดเวลาให้หยุดพัก
หนุ่มที่เดินนำหน้าเธอไปค่อนมากต้องเดินย้อนศรกลับมากับใบหน้าเย็นชาเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว สวมชุดเกราะเต็มยศซึ่งไม่ใช่ภาระที่เขาต้องห่วง เขาเคลื่อนไหวอย่างเหมือนผิวหนังชั้นสอง
“เราควรไปถึงจุดปลอดภัยก่อนฟ้ามืด”
“ฉันเองก็อยากไปถึงเร็วพอๆกับคุณ แต่ฉันเหนื่อยมาก” เธอรอคอยวันแยกจากเขาเช่นกัน เมื่อเจอต้นไม้นั้นเธอกับเขาไปทางใครทางมัน ดูสภาพตัวเธอตอนนี้ไม่แตกต่างลูกหมาตกน้ำ เธอจมบ่อขี้ไคล้และเหงื่อตัวเอง ผมเผ้าเปียกเละจนทนดูเงาในน้ำยังไม่ได้ เขากลับไม่มีเหงื่อสักเม็ด ร่างกายพิเศษติดแอร์รึไง
“งั้นเจ้าพักตรงนี้ ข้าจะไปลาดเลาแถวนี้ก่อน เพื่อเจออะไรเป็นประโยชน์” จากนั้นเขาก็หายเข้าไปในพุ่มไม้ ทิ้งเธอจมอยู่กับความเหนื่อยคนเดียว
กานติศาไม่ปฏิเสธตัวเอง เธอคือตัวถ่วงหนึ่งเดียวขวางเส้นทางกลับบ้าน ส่งผลต่อการเดินทางล่าช้า กินเวลาหลายวัน จุดที่เธอกระโดดลงไปในม่านน้ำตก ซึ่งเธอเองก็จำไม่ได้ว่าตกลงมาสูงแค่ไหน ดูจากความเร่งรีบระหว่างวันคงใช้เวลานานกว่าจะไต่ระดับขึ้นไประดับเดียวกับน้ำตก เขาบอกว่าต้องไปหาพรีอุส ม้าซึ่งมีสัมภาระติดอยู่ครบ มีทั้งเสบียงและอาวุธ ไม่ได้บอกเธอว่าหลังจากนั้นจะไปไหน
จุดนั้นเขากับเธอคงต้องแยกจากกันตลอดชีวิต กานติศามองโลกในแง่ดี อย่างน้อยกลับไปอยู่สถานที่ใกล้เคียงกับเส้นทางกลับบ้านมากที่สุด ต้นวิสทีเรียสีม่วงต้นยักษ์ตั้งโดดเด่นท่ามกลางทุ่ง
กานติศาหยิบกระปุกยามาทาบริเวณบาดแผลตามลำตัว บลูเอิร์ฟ พืชสมุนไพรมีดอกไม้สีฟ้าเล็กๆตำบดละเอียดเป็นครีมใส่กระปุกไว้ มีสรรพคุณเป็นยารักษาบาดแผล ที่เขาเคยใช้รักษาจนบาดแผลแห้งสนิท รอยแผลเป็นเริ่มจางหาย เสมือนผลงานทำความดีด้านการรักษาเธอจึงวางใจเขาสนิทใจ
“คุณอยู่มานานแค่ไหน จึงรู้จักสมุนไพรอย่างดี”
กานติศาไม่พอใจกับความนิ่งเงียบ นานๆทีเขาจะตอบคำถาม บางครั้งใช้ความเงียบเป็นคำตอบ เขาพูดกับเธอน้อยมากจนน่าหงุดหงิด จงใจไม่ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ ราวมีความลับบางอย่างไม่อยากให้รับรู้ เอเดรียน ผู้ชายงี่เง่ามาจากจินตนาการเล็ก ๆ ในหัวเธอ ทั้งนิสัยใจคอ รสนิยมการพูดคุย ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขา ไม่มีสิ่งใดที่กานติศาพอใจสักนิด หากเป็นโลกปกติทั่วไปเธอจะปิดประตูไม่อดทนอยู่ด้วย
“ถ้ายังปิดปากสนิทแบบนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องไปกับคนที่ไม่ไว้ใจฉัน เราพอกันแค่นี้เถอะค่ะ ทิ้งฉันให้ตายไว้ตรงนี้ ” กานติศาขึ้นเสียงด้วยอารมณ์โกรธเคือง ไม่อยากเป็นคนโง่ในสายตาเขา
“ไม่มีข้อมูลให้เพราะข้าจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากชื่อตัวเอง พอใจยัง” เสียงตวาดหยุดเธอไว้ คนน่ากลัวพอเจ้าอารมณ์เข้าดูน่ากลัวกว่าเดิมเสียอีก ได้ผลเขาทำให้เธอกลัวไม่เปลี่ยนแปลง
“เจ้าก็เห็น ข้าอยู่คนเดียวมานานพอจนเสียสติเป็นบ้า เกือบทำร้ายเจ้าจนตาย”
ทั้งคู่จมอยู่กับความเงียบ ไม่มีใครพูดต่อจากนั้น จนกว่ากองไฟมอดดับลง เอเดรียนนั่งจดจ่ออยู่กับตัวเองคนเดียวเป็นฝ่ายทำลายความเงียบด้วยคำขอโทษที่เธอไม่คาดว่าจะได้ยิน
“ข้าขอโทษที่ทำร้ายเจ้า กานติศา”
สนทนาเต็มไปด้วยอารมณ์ของทั้งคู่เกิดขึ้นในวันแรกๆของการเดินทาง กานติศายังจำใบหน้าสับสนกับเรื่องราวชีวิตตนเอง นัยน์ตาสีเขียวไม่ได้โกหก หากเธอเป็นเขาคงสติแตกเป็นบ้าทนอยู่คนเดียวนานอย่างนี้ไม่ไหวเช่นกัน อีกทั้งคำขอโทษที่เขาเอ่ยขึ้นมาในตอนนั้น ได้ชโลมจิตใจเธอเรียบร้อย คำขอโทษหมายถึงเรื่องไหน เรื่องนั้น ไม่งั้นเขาทิ้งกระปุกยา บลูเอิร์ฟไว้กับเธอทำไม สาวกำกระปุกยาไว้แน่นประหนึ่งของมีค่า
‘กานติศา’ ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนขานเรียกเธอด้วยชื่อเต็ม แม้แต่พี่ต้น ธรณินทร์พี่ชายแสนดี ความจริงเธอไม่ได้คิดถึงผู้คนในโลกแห่งความจริงมานานแค่ไหนแล้ว พี่ต้น รติรส กันต์ แม้แต่ครอบครัวเธอเอง
“ข้าเจอบ่อน้ำสะอาดอยู่ไม่ไกล ถ้าเจ้าอยากอาบน้ำก็ควรอาบซะตอนนี้” เอเดรียนแหวกม่านรากต้นไม้ปรากฎตัว เผยให้เห็นเส้นทางลับ หลังจากหายไปจากการตระเวนแถวนี้
“อาบน้ำเหรอ ไหนว่าคุณไม่อยากเสียเวลา อยากให้ไปถึงเร็วๆ ” พอพูดเรื่องน้ำชักเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวอยากอาบน้ำ ภายใต้เสื้อคลุมที่ขโมยมามีแต่ความอึดอัดระคนความเหนียวเหนอะไปทั้งตัวคล้ายจะมีไข้
“ดูสภาพเจ้าสิ จะให้ข้าใจร้ายปล่อยเจ้าเดินทางในสภาพอย่างนี้หรือ”
ที่จริงเขาเองก็ลืมไปว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มีผู้ร่วมเดินทางอ่อนแอที่เขาควรประคับประคองไปจนกว่าถึงตอนนั้น ควรใจเย็นลงมากกว่านี้ ขืนทำอะไรหุนหันไม่มีสตินางจะตกใจแตกตื่นหนีหายไป เขาเองไม่อยากปลีกเวลาในการตามล่าอีก นัยน์ตาคมดุมองไปที่สาวตัวเล็กอย่างสำรวจ และหล่อนไม่ยอมเคลื่อนกายสักที จึงเข้าใกล้นางแหวกสาบเสื้อคลุมออก กานติศารีบกระชับผ้าคลุมเข้าหากัน ใบหน้าแดงก่ำตกใจการกระทำของเขา
“มัวชักช้าอยู่ได้ ยังไม่ไปอีก” เสียงต่ำรบเร้าไล่ให้นางไปอาบน้ำเสียที
ก่อนจะไป กานติศาเพิ่งนึกได้เรื่องความปลอดภัยของตัวเอง
“แล้วคุณล่ะคะ” นี่เขาจะไม่ตามมาดูเธอใช่มั้ย
“ข้านั่งเฝ้าต้นทางตรงนี้เอง และกะว่าจะทำรองเท้าคู่ใหม่ให้เจ้า” กานติศาก้มมองดูรองเท้าตนซึ่งถูกใช้งานหนักจนฉีกขาดเป็นเศษใบไม้ ควรแก่การเปลี่ยนเต็มที่ ลับหลังสาวไปอาบน้ำตามคำเซ้าซี้ มีเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตนไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด นอกจากจำชื่อเรียกนามของตน ยังจำเรื่องอื่นได้อีก
เธอไม่มีทางได้ชมวิวธรรมชาติงดงามอย่างนี้ในเมืองที่เธอเกิดมารายล้อมไปด้วยตึกคอนกรีต บ่อน้ำเล็กที่เขากล่าวถึงสำหรับเธอเหมือนสะว่ายน้ำขนาดย่อม ก้อนหินประดับริมตลิ่งเหมือนภูเขาขยาดเล็ก น้ำใสมากสามารถมองเห็นทะลุถึงก้นบ่อ ไม่ต้องสงสัยความอันตรายซ่อนอยู่ใต้ความลึก ปลดผ้าคลุมออกพร้อมกวาดสายตามองรอบอย่างหวาดหวั่นเล็กน้อย ร่างเปลือยเปล่าสัมผัสอากาศชื้นจุ่มตัวลงไปในน้ำเย็น ความลึกของบ่ออยู่ในระดับหน้าอกพอดี มือโปรยสมุนไพร บลูเอิร์ฟ ชนิดผงลงไปในน้ำตามคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญ นอกจากใช้รักษาอาการบาดเจ็บแล้วยังช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายอีกด้วย
เธอมีอารมณ์ฮัมเพลงไประหว่างเล่นน้ำ พืชไม้น้ำตามซอกหินหลากหลายสีดึงความสนใจไป ธรรมชาติที่นี่แฝงความงามทั้งความอันตราย จำเนื้อหารายละเอียดที่เอเดรียนอธิบายให้เธอฟังได้ พืชไม้สวยงามบางชนิดมักอาบยาพิษที่ร้ายแรงขนาดสามารถล้มตัวโทรลล์ได้ทั้งฝูง พิษฤทธิ์น้อยก็เพียงพอทำให้เกิดอาการตัวชาเป็นอัมพาตชั่วคราว ประสาทหลอน กานติศาแหวกว่ายน้ำไปอีกฝากหนึ่งของบ่อ หลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้พืชพวกนั้น
เอเดรียนนอกจากชำนาญทางแล้วยังพร่ำสอนเรื่องพืชสมุนไพรให้รู้จักไว้เป็นประโยชน์ นั้นทำให้เธอมีความรู้ติดตัวอยู่บ้าง หลังจากคำขอโทษและสงบศึก ทั้งสองอยู่ร่วมกับได้ดีเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือ จากคนเสียสติเป็นบ้าไล่ล่าจับเธอเหมือนสัตว์กลายเป็นคนธรรมดาที่สูญเสียความทรงจำ
ถึงคราวเธอต้องเริ่มไว้ใจเขาบ้าง เขาคือความหวังเดียวพาเธอกลับบ้าน
นัยน์ตาสีเหมือนอัญมณีจับจ้องทุกอิริยาบถมาตั้งแต่ต้น ตัวการกำลังแหวกว่ายไปมาในบ่อน้ำซึ่งคล้ายกับดักที่เขาขุดหลุมสร้างขึ้น จิตใจหาได้เกิดความเสน่หาไม่ สิ่งเดียวที่อยู่ในความต้องการคือการวางใจจากเหยื่อหรือเครื่องบูชายัญ บัดนี้นางหลงเชื่อเขาอย่างสนิทใจ เอเดรียนหยิบสร้อยวัตถุโลหะวงกลมสีทองเหมือนนาฬิการุ่นคุณปู่ เผยอักขระสะท้อนแสง หน้าปัดทำหน้าที่เป็นตัวนำทางหมุนติ้วและชี้ไปทางตำแหน่งคนในบ่อน้ำเสมอ กานติศาเล่นน้ำอย่างมีความสุขปราศจากรับรู้การเคลื่อนไหวขอผู้ซ่อนตัวในต้นไม้สูง
ความตาย คือชะตากรรมของเจ้า
KAVIDA
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ค. 2561, 15:05:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ค. 2561, 15:05:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 581
<< บทที่ 4 (2) ผู้ช่วยชีวิต | บทที่ 5 (2) ความลับของเอเดรียน >> |