+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์

นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!

ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้

นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้



+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา

โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก

ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว

แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ

สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน

ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D


ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ

สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ

ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน

ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555

Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน

ตอน: ตอนที่ 28

เพลิงผลาญยับ โคลาสูญพันล้าน

ซูเปอร์โคลาวอด หุ้นดิ่ง

พาดหัวร้อนแรงที่สุดบนหนังสือพิมพ์ทุกฉบับยังไม่ทำให้ริสาเครียดได้มากเท่ากับเสียงทุ่มเถียงโวยวายของ ‘บ้านใหญ่บ้านเล็ก’ หน้าเตียงพักฟื้นของธนา

หญิงสาวปิดหน้าจอแท็บเล็ตวางไว้ข้างตัวแล้วลุกขึ้นอย่างเหลืออด

“ถ้าจะเถียงกันก็กลับไปที่บ้าน อย่ามาหนวกหูตรงนี้ มันรบกวนการพักผ่อนของเตี่ย” เธอจ้องมารดาตนเองและ ‘เมียน้อย’ ของพ่อด้วยสายตาดุดัน

“ให้มันกลับไป หม่าม้าจะอยู่เฝ้าเตี่ยเอง” ดารณีเกี่ยง

“ถ้าอยู่ก็อยู่ทั้งคู่ ถ้ากลับก็กลับทั้งสองคน เลือกเอาค่ะ” ริสากอดอกประกาศิตหน้าเคร่ง

ดารณีเม้มปากแน่น ขณะสาวิตรีเสแสร้งทำสีหน้าน่าสงสารตามเคย

“ตัดสินใจได้หรือยังคะ” ริสากวาดตาคมดุมองทีละคน

“ม้าอยู่/ดิฉันอยู่ค่ะ” คู่อริทั้งสองคนตอบแทบจะพร้อมกัน

“ดี! ” ริสาเบือนหน้าไปทางธนภูมิที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “ออกไปคุยกันข้างนอก”

เช้ามืดวันนี้ จู่ ๆ ผู้จัดการโรงงานที่โคราชก็โทร.มารายงานอุบัติเหตุเพลิงไหม้ หญิงสาวร้อนใจอยากเดินทางไปที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง ติดตรงที่ ‘พี่เพิ่ม’ คนขับรถประจำตัวลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด วัชระจึงอาสาไปรายงานสถานการณ์จากตรงนั้นให้เธอทราบแทน

ริสาอนุญาต ส่วนตัวเองรีบไปสำนักงานตั้งวอร์รูมเรียกตัวทีมประชาสัมพันธ์และผู้เกี่ยวข้องมาสั่งการ

ความวัวไม่ทันหาย สาวัชก็โทร.มารายงานว่าบิดาแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกและหมดสติแน่นิ่งไป เขานำตัวธนาส่งโรงพยาบาลแล้ว

เมื่อวัชระไปถึงที่เกิดเหตุจึงทราบว่าเพิ่มบุกเข้าไปช่วยคนที่ติดอยู่ในกองเพลิง จนทำให้ตัวเองถูกไฟคลอก ต้องหามส่งโรงพยาบาลอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน

หากมิได้บังคับตัวเองไว้ ทุกสิ่งที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกันเช่นนี้คงทำให้ริสาล้มตั้งแต่เห็นภาพพระเพลิงลุกโหมทั้งโรงงานจนเหลือเพียงกองไฟโชติช่วงเป็นสีแดงฉานและควันดำหนาทึบในข่าวแล้ว แต่ด้วยหน้าที่รับผิดชอบในฐานะเสาหลักของครอบครัว หญิงสาวจำต้องอดทน ฝืนควบคุมตัวเองไว้มิให้ใครเห็นความอ่อนแอ

ธนภูมิเดินตามหญิงสาวออกมาที่ระเบียงแล้วรายงาน “สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลยครับ เปิดตลาดมาราคาตกลงที่ฟลอร์แล้วเด้งไปที่ ๑๔ บาท ดีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขึ้นเครื่องหมาย H [1] เพื่อหยุดการซื้อขายหุ้นพีอาร์เอ็มชั่วคราว แต่ก็เหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้เลย ทุกคนจ่อขายหุ้นเราทิ้งกันจ้าละหวั่น”

“ตำรวจว่ายังไงบ้าง รู้สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้หรือยัง”

“ต้นเพลิงอยู่ในสำนักงาน คาดว่าปลั๊กต่อพ่วงคุณภาพต่ำทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรจนสะเก็ดไฟปะทุในห้อง พอมีเอกสารเป็นเชื้อเพลิง ทำให้ไฟลามเร็ว”

ริสาเหลียวกลับเข้าไปในห้องมองผ่านกระจกมองผู้ป่วยที่นอนแบบบนเตียง มีหน้ากากออกซิเจนครอบใบหน้าคนเจ็บและเครื่องวัดสัญญาณชีพเต็มอัตรา

“เตี่ยรักและภูมิใจกับโรงงานนั่นมาก แต่ฉันกลับปกป้องมันไม่ได้”

“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ อย่าโทษตัวเองเลย คุณต้องแบกรับเรื่องทั้งหมดไว้เอง ทั้งโรงงาน ท่านประธาน แล้วยังจะนายเพิ่มคนขับรถของคุณอีก ดูแลตัวเองให้ดีดีกว่า ถ้าคุณล้มไปอีกคน ทุกอย่างที่คุณทำมาตลอดจะพังหมดนะครับ”

ริสายิ้มเซียว “ฉันเป็นห่วงพี่เพิ่ม โรงพยาบาลทางโคราชว่ายังไงบ้าง”

ธนภูมิวิดีโอคอลล์ไปหาวัชระ น้องชายจึงหันกล้องให้เธอดูห้องกระจกซึ่งเห็นผู้ชายที่พันผ้าเกือบตลอดทั้งตัวมีเลือดสีแดงซึมนอนแซ่วอยู่บนเตียงสีเขียวเข้ม

“พี่เพิ่มอยู่ในห้องปลอดเชื้อ อาการยังโคม่า แต่หมอบอกว่าสัญญาณดีนะเจ้”

ริสารู้สึกคล้ายจะหมดเรี่ยวแรง “เขาไปอยู่ที่นั่นได้ไง ฮกรู้หรือเปล่า”

“บ้านเกิดเขาอยู่ที่บุรีรัมย์ จะกลับบ้านก็ต้องผ่านโคราชอยู่แล้ว นี่ผมโทร.ไปถามที่บริษัทรถทัวร์ เขาว่าพี่เพิ่มขอลงกลางทาง คนแถวนี้บอกว่าเขาเรียกรถสองแถวเข้าไปที่โรงงาน พอลงรถได้ก็วิ่งฝ่าเข้าไปช่วยคนที่ยังติดอยู่ข้างใน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามกันไว้แล้ว แต่เขาก็แอบเข้าไปจนได้”

“เขาบ้าแล้วก็โง่มากที่ทำอย่างนั้น” ริสาหลับตาลงอย่างหดหู่

“พี่เพิ่มคงไม่สบายใจ ถ้ารู้ว่าเจ้โทษตัวเองอย่างนี้”

“ขอบใจมากนะฮก” เธอฝืนยิ้มอย่างยากเย็น “เธอจะกลับกรุงเทพฯ เลยไหม”

“ที่นี่มีผู้จัดการโรงงานอยู่ละ เดี๋ยวผมจะกลับเลย คงถึงออฟฟิศไม่เกินเที่ยง”

“โอเค บอกคนขับรถเธอว่าไม่ต้องรีบ”

วัชระเป่าปากพรู! ดวงตากลอกไปมาเลิ่กลั่ก เธอสังเกตเห็นกิริยานั้นกระจ่างตา จึงอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “นี่เธอกินยาตรงเวลาหรือเปล่าเนี่ย”

“กินสิเจ้ ผมโตแล้วนะ ถามยังกับผมอายุห้าขวบไปได้” วัชระนิ่วหน้าไม่พอใจ

“ขอโทษที เจ้คงห่วงเธอไปหน่อยน่ะ เดินทางปลอดภัยนะ”

ริสาคอยจนน้องชายตัดการติดต่อไปแล้วจึงยิ้มนิด ๆ ด้วยความภูมิใจ “เวลาตั้งใจก็ทำได้ดีเหมือนกันนะ ฉันละอยากให้เขาเอาการเอางานแบบนี้ตลอดจริง ๆ ”

“นั่นสิครับ พักนี้คุณฮกขาดงานบ่อย เข้าออฟฟิศสาย แล้วก็กลับเร็วด้วย” นิติกรของบริษัทรายงาน

“ช่างเขาเถอะ เราก็รู้เท่า ๆ กันว่าเขาป่วย ฉันไม่อยากกดดันเขา”

“ผมจะให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์เตรียมแถลงการณ์ไว้ให้ คุณริสาจะได้แถลงข่าวเพื่อจำกัดความเสียหาย เราจะได้พยุงราคาหุ้นไว้”

ดวงตาซีอีโอป้ายแดงมีรอยครุ่นคิด “ฉันกำลังคิดว่าเราน่าจะระบุความเสียหายทั้งหมดมากกว่า”

ทนายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น พลันก็เบิกตากว้างเมื่อเข้าใจแจ่มแจ้งว่าอีกฝ่ายมีวัตถุประสงค์ใด “ผมจะทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ขอให้ปลดเครื่องหมายออกเปิดตลาดบ่ายหุ้นจะได้ลงต่อ”

“จัดการตามนั้นได้เลย” ริสายิ้มออก สุดปลายอุโมงค์มีแสงสว่างจริงด้วย

“เดี๋ยวคุณวัชระกลับถึงกรุงเทพฯ แล้ว ให้ผมเชิญคุณสาวัชมาพบพร้อมกันดีไหมครับ จะได้แบ่งงานให้ทุกคนช่วยกันทำ ดีกว่าให้คุณรับทั้งหมดไว้คนเดียว”

ริสาถอนหายใจ นึกถึงภาพที่เห็นตอนมาถึงโรงพยาบาล ดารณีและสาวิตรียืนล้อมเตียงผู้ป่วย เหน็บแนมกระทบกระเทียบซึ่งกันและกัน ขณะสาวัชยืนอยู่นอกวง มองไปที่เตียงคนเจ็บเงียบ ๆ

นับตั้งแต่เริ่มสังเกตน้องชายต่างมารดา เธอก็พบว่าสาวัชตีตัวออกห่างจากครอบครัวชัดเจน เขาทำตัวเสมือนเป็นคนนอกเสมอ ยิ่งนึกย้อนในแต่ละเหตุการณ์ของครอบครัว ก็ยิ่งพบว่าเขาไม่เคยมีภาพร่วมเฟรมกับสมาชิกในบ้านเลยสักหน

ครั้นสาวัชเห็นเธอ เขาก็ทำความเคารพ แล้วรายงานอาการของธนา

‘หมอบอกว่าเตี่ยช็อกเพราะตกใจ ให้พักมากหน่อยก็จะดีขึ้นครับ’

ริสาซักถามจนพอใจ แล้วเขาก็ขอตัว เธอนึกว่าสาวัชจะไปหาอะไรรับประทานแล้วกลับมารอ ‘ทำคะแนน’ ตอนธนารู้สึกตัว แต่ปรากฏว่าเขาเพียงส่งข้อความมาขออนุญาตบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการ เรียบร้อยแล้วจะเข้าออฟฟิศเลย

นั่นอย่างไร! เขารอส่งไม้ต่อให้เธอ แล้วก็แยกตัวออกไปอย่างที่คิดจริง ๆ !

“คุณริสาครับ” ธนภูมิเรียกเธออีกครั้ง

หญิงสาวจึงตัดสินใจ “เตี่ยอยู่กับหมอแล้ว แถมยังมีคนดูแลเต็มห้องไปหมด คงไม่มีอะไรต้องห่วงละ สาวัชอยู่ที่ออฟฟิศคนเดียวคงตัดสินใจอะไรไม่ได้มาก เดี๋ยวฉันเข้าออฟฟิศเลยดีกว่า อ้อ...เห็นอาเสือบอกว่าจะพาเจ้าหน้าที่เข้ามาสอบปากคำฉัน เตรียมตัวต้อนรับท่านด้วยละกัน”

ธนภูมินิ่วหน้าไม่ชอบใจ “พักนี้ดูคุณริสาสนิทสนมกับท่านสุรสีห์เป็นพิเศษ”

“ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ เป็นเพื่อนของเตี่ย แถมยังคอยให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกให้ปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นพิเศษเสมอ”

“คนข้างนอกร่ำลือกันว่าท่านเจ้าชู้”

“คุณกลัวฉันหลงเสน่ห์ท่าน หรือกลัวท่านมาติดพันฉันล่ะ” ริสาหัวเราะเบา ๆ โบกมือประหนึ่งเห็นเป็นเรื่องขัน “ไม่ต้องห่วงหรอก ทั้งสองอย่างนั่นไม่มีวันเกิดขึ้นแน่ ๆ ฉันเคารพท่านเหมือนญาติผู้ใหญ่ แล้วอาเสือไม่ชอบผู้หญิงแข็ง ๆ ด้วย”

“ถ้าคุณริสาว่าไม่มีอะไรต้องกังวล ผมก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก” ธนภูมิรับคำ “ผมโทร.เรียกเลขาฯ ของคุณแล้ว ปล่อยให้เลขาฯ จัดการเรื่องที่นี่เถอะครับ”

ริสาพยักหน้ารับ “ตกลงค่ะ เอาตามที่คุณว่าละกัน”



ข่าวไฟไหม้โรงงานซูเปอร์โคลาที่โคราชซึ่งแพร่ไปทั่วสังคมออนไลน์ทำให้อิงอรุณโทร.หาสาวัชทันที แต่เขาไม่รับสาย หญิงสาวซึ่งยังไม่มีรถใช้ และต้องพึ่งพาเขาคอยรับส่งทุกวัน จึงร้อนใจสั่งคนขับรถไปส่งยังสำนักงานของปรเมศวร์เทรดดิ้ง

อิงอรุณเป่าปากด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นรถญี่ปุ่นคันคุ้นตาจอดอยู่ในลานหน้าบริษัทคิวปิดแอสซิสแทนซ์ หญิงสาวเดินผ่านกระโปรงหน้าพบว่ามันยังอุ่น ๆ จึงมองเข้าไปภายในและยิ่งแปลกใจเมื่อพบเจ้าของรถนั่งอยู่ในนั้น สีหน้านิ่งเรียบ สายตาไม่โฟกัสสิ่งใด

อิงอรุณเคาะกระจกฝั่งคนขับ สาวัชสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อไขกระจกลง

“มานั่งทำอะไรตรงนี้คะ” ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ “ขอโทษที ผมมาจอดรถเกะกะหน้าบริษัทคุณ”

“ไม่ได้เกะกะค่ะ” เธอมองเสื้อผ้าทำงานของอีกฝ่ายเห็นเนี้ยบเรียบร้อยดี แสดงว่าเขามาจากบ้าน “คุณลืมไปรับอิง”

“ลืม?” เขากะพริบตาปริบ ๆ “จริงด้วย ขอโทษอีกที”

“ช่างมันเถอะค่ะ อิงเข้าใจ คงเป็นเพราะข่าวเอ่อ...ไฟไหม้ ใช่ไหมคะ” เธอยืดตัวตรง “เราจะคุยกันตรงนี้เหรอ เข้าไปในออฟฟิศอิง ดื่มกาแฟสักแก้วดีไหมคะ”

“อย่าดีกว่า” เขาถอนหายใจอีกครั้ง

อิงอรุณดูนาฬิกา “นี่เจ็ดโมงกว่าแล้ว คุณเข้างานสายได้ไหม อิงจะชวนหนีเที่ยวสักสองสามชั่วโมง”

จอมเผด็จการไม่รอฟังคำตอบ แต่เปิดประตูรถ คว้าข้อมือดึงชายหนุ่มลงมา แล้วรุนหลังเขาไปนั่งยังฝั่งข้างคนขับแทนอย่างรวดเร็ว

“คุณอิง...”

อิงอรุณไม่ฟังทำทัดทาน เธองับประตูปิด วิ่งอ้อมมาฝั่งคนขับ กามเทพสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้วจึงหันมาส่งยิ้มกระจ่างสว่างไสวให้ชายหนุ่ม

“ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าคุณโดนหักเงินเพราะเข้างานสาย อิงจะจ่ายค่าปรับให้! ”



ณ สวนสาธารณะกลางกรุงในช่วงเช้ามีประชาชนหนาตา ด้วยมีหนุ่มสาวและผู้อาวุโสมาออกกำลังกายกระจายอยู่ตามมุมต่าง ๆ ที่ม้าหินริมบึงน้ำอันเป็นจุดชมวิวยอดนิยม บัดนี้สาวัชนั่งหลังตรงจับจองเก้าอี้อยู่ เขาทอดสายตาเหม่อไปแสนไกล

อิงอรุณย่ำสนามหญ้าเข้าไปนั่งข้างชายหนุ่ม ยื่นแก้วกระดาษเห็นควันลอยกรุ่นให้เขา “โกโก้ร้อนค่ะ จิบสักนิด มันจะช่วยให้คุณผ่อนคลายขึ้น”

“ขอบคุณ” สาวัชรับแก้วไปใช้สองมือกุมไว้นิ่ง ๆ

“ดื่มสักหน่อยสิคะ” อิงอรุณคะยั้นคะยอ รอจนเขาทำตามแล้วจึงถามต่อ “แม่ค้าชงหวานไปหรือเปล่าคะ” คำตอบนั้นไม่ใช่สาระสำคัญ เธอแค่อยากให้เขาพูด จะตอบสั้นตอบยาวหรือตอบห้วนก็ได้ ขอแค่ให้เขาพูดบ้าง ไม่ใช่นั่งเงียบเป็นรูปสลัก ไม่หือไม่อือใด ๆ เหมือนตลอดทางที่มาที่นี่!

“กำลังดีแล้ว” สาวัชมองรอบตัวเหมือนเพิ่งได้สติ “คุณพาผมมาที่นี่ทำไม”

“เวลาเครียด ๆ อิงชอบหลบมาหลบหน้ามนุษย์ที่นี่ค่ะ การนั่งมองน้ำในบึง มองเมฆบนฟ้า มองต้นไม้ใบหญ้ามันช่วยให้เราเข้าใจว่าโลกใบนี้มันกว้างใหญ่แค่ไหน แล้วเราก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีที่เล็กยิ่งกว่าฝุ่นผงในจักรวาลนี้เสียอีก”

“คุณชอบมาที่นี่เหรอ” เขากวาดตาไปรอบบึงน้ำอีกครั้ง ทำท่าจะเอ่ยบางสิ่ง แต่กลับเปลี่ยนใจหุบปากฉับดังเดิม

อิงอรุณเห็นกิริยานั้นกระจ่างตา แต่ก็ไม่เซ้าซี้ เธอยังคงแสร้งทำเป็นเพลิดเพลินกับการเล่าเรื่องของตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ “เวลาคิดงานไม่ออก เวลาเหงา เวลาโกรธอยากอาละวาด อิงก็มาที่นี่ เห็นคนมาวิ่งออกกำลังกายมาเดินเล่น แล้วก็ถามตัวเองว่าที่เห็นเขายิ้มแย้มผ่านหน้าไป คนพวกนี้ไม่มีความทุกข์กันหรือไง หรือว่าจริง ๆ เขาก็ทุกข์ แต่เลือกเก็บเรื่องแย่ ๆ พับไว้ก่อน เปลี่ยนตัวเองมาอยู่ในโหมดมีความสุขบ้าง เผื่อจะหาวิธีรับมือกับเหตุอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น”

ลูกบอลสีสดกลิ้งมาจากด้านหลังทำท่าจะตกลงไปในบึงน้ำ อิงอรุณรีบวิ่งไปคว้าไว้ แล้วหันมาส่งให้หญิงวัยรุ่นเข้ามารับคืน โดยมีเด็กน้อยวัยไม่เกินห้าขวบร้องไห้โยเยเตาะแตะตามมาด้านหลัง

“ขอบคุณที่ช่วยเก็บให้ค่ะ” คนพูดรับบอลไปส่งให้ลูก “เล่นบอลกับแม่ก่อนนะคนดี เดี๋ยวค่อยกินน้ำหวาน”

เด็กหญิงงอแง ไม่สนใจลูกบอล แต่เอื้อมจะคว้ากระป๋องน้ำอัดลมจากอีกมือที่มารดาถืออยู่ เมื่อไม่ได้ดังใจก็ดิ้นปัด ๆ ทิ้งตัวลงบนพื้นร้องกรี๊ด ๆ ไม่ได้ดังใจ

คนเป็นแม่ใจแข็งไม่พอ สุดท้ายจึงช้อนตัวเด็กน้อยขึ้นมาปลอบโยน ยื่นหลอดใส่ปาก “แม่ยอมแล้ว เอ้านี่...หวาน ๆ ” มือพลางลูบหน้าเช็ดน้ำตาให้ตัวจ้อยที่กำลังสะอื้น แล้วหันมาด้วยสีหน้าลุแก่โทษ “ขอโทษนะคะที่ทำเสียงหนวกหู”

รอจนสองแม่ลูกลับตาไป อิงอรุณจึงเปรย “นึกถึงมาชมาลโลวเทสต์ [2] นะคะ”

ชายหนุ่มเหลียวไปทางเด็กต้นเหตุแวบเดียว แล้วพยักหน้าอย่างขอไปที ภาษากายนั้นอ่านออกง่ายดายว่าเขารู้เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่...ไม่อยากคุยต่อ

“ถ้าคุณได้ทำการทดลองนี้ตอนเด็ก ๆ คุณคงนั่งรอได้เป็นชั่วโมงแน่ ๆ ”

“นี่วิธีปลอบใจคนของคุณเหรอ” สาวัชตั้งคำถามตรงไปตรงมา

หญิงสาวยิ้มแหย “ไม่ได้เรื่องเลยเหรอคะ”

เขาพยักหน้า “มาก”

“ไม่เห็นต้องจริงใจขนาดนั้นเลย” อิงอรุณโอด สบโอกาสที่เขาเหลือบตามองมา รีบชงเข้าประเด็น “อิงเห็นข่าวไฟไหม้โรงงานซูเปอร์โคลากับที่คุณธนาเข้าโรงพยาบาลละ ทำไมคุณถึงไปอยู่หน้าออฟฟิศอิง ทั้ง ๆ ที่ควรไปเฝ้าคุณพ่อล่ะคะ”

“แม่ผมกับคุณนายใหญ่อยู่ที่นั่นแล้ว คุณหยงอาจไม่พอใจถ้าเห็นผมอีกคน”

นี่เอง...ความทุกข์ของเขา ห่วงแต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงออก ทั้งยังรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินอยู่ตลอดเวลา

“สถานการณ์ตอนนี้ คงไม่มีใครมามัวคิดเล็กคิดน้อยอย่างนั้นหรอก...มั้งคะ” สองคำสุดท้ายเธอเติมไปดุจไม่แน่ใจ เพราะหากคาดอารมณ์ริสาผิด เกิดพี่สาวใจโหดนั่น ‘คิดเล็กคิดน้อย’ จนอาละวาดขึ้นมา สาวัชคงพังทลายยิ่งกว่าที่เป็นอยู่

“ให้อิงไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนไหมคะ”

“อย่าเลย”

“งั้นมีอะไรที่อิงพอจะช่วยได้ไหมคะ”

ชายหนุ่มส่ายศีรษะ

“แต่การปิดการติดต่อกับชาวโลกแบบนี้ ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเหมือนกันนะคะ” อิงอรุณโอด ปล่อยให้ความห่วงใยทำหน้าที่อย่างเต็มที่ “ปัญหาน่ะมันมีสองแบบ คือปัญหาที่แก้ได้กับแก้ไม่ได้ ถ้ามันแก้ได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวล หรือถ้ามันแก้ไม่ได้ เราก็ยิ่งไม่ต้องเครียดเลย เพราะเครียดไปก็แก้ไม่ได้อยู่ดี จริงไหมคะ”

ชายหนุ่มสบตาเธอนิ่ง ๆ สุดท้ายจึงขยับตัว

“กลับกันเถอะ” เขาลุกขึ้นเดินไปตามทางปูน

อิงอรุณวิ่งจี๋ตามไปดึงแขนเสื้อเขา “เดี๋ยวค่ะ อิงทำให้คุณโกรธหรือคะ”

“เปล่า”

“อ้าว! แล้วทำไม...”

“ผมอยู่ตรงนี้ มีแต่จะทำให้คุณไม่สบายใจเปล่า ๆ ”

“เวลาทุกข์ ถ้ามีคนช่วยแบ่งปัน ความทุกข์จะลดน้อยลงนะคะ”

“มันเป็นปัญหาของผม ผมไม่คิดแบ่งมันไปให้ใครเป็นทุกข์ด้วยหรอก”

อิงอรุณส่ายศีรษะ “เราเป็นเพื่อนกันนะคะ และความหมายของเพื่อนก็มีไว้เพื่อเวลาแบบนี้แหละ ถ้าคุณไม่อยากพูดอะไร อิงก็จะไม่เซ้าซี้อีก จะนั่งเงียบ ๆ ปิดปากให้สนิทเลย”

“กลับกันเถอะ” เขาก้าวช้าลง “นำทางได้ไหม เมื่อกี้ผมไม่ทันดู จำไม่ได้จริง ๆ ว่าคุณจอดรถไว้ตรงไหน”

อิงอรุณชี้จุดแล้วเดินเคียงข้างเขากลับไปที่รถ เธอทำหน้าที่สารถี ปล่อยให้เขาจมอยู่กับความคิดเงียบ ๆ กระทั่งรถญี่ปุ่นของสาวัชเลี้ยวเข้าอาคารโภไคยทาว-เวอร์ และเธอดับเครื่องเรียบร้อย สาวัชจึงปลดเข็มขัดนิรภัย

“คุณจะโอเคใช่ไหมคะ” อิงอรุณล็อกรถแล้วถือกุญแจมาส่งให้ชายหนุ่ม

สาวัชพยักหน้า “ผมจะโอเค...จริง ๆ ”

หญิงสาวล้วงกระเป๋ากระโปรงหยิบซองช็อกโกแลตออกมา เธอคว้ามือชายหนุ่มมาแบแล้ววางซองลงในนั้น “วันที่อิงรู้สึกแย่ที่สุด ช็อกโกแลตของคุณสาวัช ช่วยให้อิงผ่านมาได้ วันนี้...อิงหวังว่าของสิ่งเดียวกันนั้นจะช่วยให้คุณผ่านวันนี้ไปได้เช่นกัน อย่าลืมนะคะว่าแม้แต่นาทีที่ยาวนานที่สุด มันก็มีแค่หกสิบวินาทีเท่านั้น”

สาวัชมองสบตาเธอนิ่ง มือกำซองพลาสติกไว้หลวม ๆ หัวคิ้วที่คลายออก กระแสดุคมในดวงตาที่อ่อนลง และมุมปากที่ยกขึ้นนิด ๆ ทำให้เขาดูอ่อนโยน อบอุ่น และงดงาม อย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

“ขอบคุณมากอิงอรุณ แค่ทั้งหมดที่คุณทำมา ผมก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว”

“คะ? อิงยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

“เชื่อเถอะ ว่าคุณทำมากกว่าที่ตัวเองคิด” ชายหนุ่มตบหลังมือเธอเบา ๆ ก่อนปลดมือเธอออก

“จำไว้นะคะ ว่าคุณกล้าหาญกว่าที่คุณเชื่อว่าตัวเองเป็น เข้มแข็งกว่าที่ใคร ๆ เห็น และฉลาดกว่าที่คิดด้วย”

“ขอบคุณครับ คริสโตเฟอร์ โรบิน [3] ”

อิงอรุณส่ายหน้าพลางเบ้ปาก “อิงอุตส่าห์จะวางท่าพูดจาฉลาด ๆ ซะหน่อย คุณดันรู้อีกว่าอิงลอกคำคมมาจากการ์ตูน ไม่สนุกเลย”

“สักวันผมจะขอบคุณคุณให้มากกว่าความรู้สึกทั้งหมดของผม” เขานำเธอมาส่งที่หน้าลิฟต์ “คุณกลับไปทำงานเถอะ ผมรบกวนเวลาคุณมานานแล้ว”

อิงอรุณก้าวเข้าไปในลิฟต์ มองชายหนุ่มจนประตูงับสนิท นึกภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่เธอนับถือช่วยปกป้องคุ้มครองให้เขารับมือกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นด้วยสติ ด้วยปัญญา และที่สำคัญ...ด้วยความเชื่อมั่น!



เมื่อวัชระกลับมาถึงกรุงเทพ ริสาจึงเรียก ‘น้องชาย’ มาประชุมที่ห้องทำงาน โดยเริ่มด้วยการแจ้งความคืบหน้าเรื่องการซื้อหุ้นจากครอบครัวเศรษฐ์สถาพร

“ราคาในตลาดลงมาขนาดนี้แล้ว เจ้จะยอมซื้อหุ้นที่ราคา ๒๙ บาททำไม โง่ชิบหายเลย” วัชระสบถ

“พักนี้คุณชายฮกชักจะพูดคำหยาบมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ เจ้ไม่ชอบฟังเลย”

ริสาประชดน้องชายขณะส่ายหน้าทั้งเอ็นดูระคนระอา “ถึงจะฟังดูโง่ แต่เตี่ยตกลงกับเศรษฐ์สถาพรแล้ว ขืนผิดคำพูด มันจะเสียถึงทั้งบ้านเราแล้วก็บริษัท”

“ก็ผิดไปสิ ตอนนี้ราคาหุ้นดิ่งลงเหว พรุ่งนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะหมู่หรือจ่า ในตลาดซื้อขายกันสิบสี่บาท ทำไมเราต้องจ่ายแพงตั้งสองเท่าล่ะ หุ้นก็ไม่ได้น้อย ๆ ตั้งสิบสองเปอร์เซ็นต์นี่มันคิดเป็น...” เขาหยิบเครื่องคิดเลขมาคำนวณแล้วตาโต “สามสิบเอ็ดล้านสองแสนหุ้น ต้องใช้เงินตั้งเก้าร้อยล้านเชียวนะเจ้ บ้าไปแล้ว!”

ริสาฟังเขาพูดจบ จึงหันไปทางสาวัช “เธอล่ะ คิดว่ายังไง”

“โดยมารยาท เราควรทำตามที่ตกลงกันไว้แต่แรกครับ”

“นายก็เป็นไปกับเจ้หยงด้วยเหรอเนี่ย โว้ย! กูจะบ้า” วัชระสบถอีกคำรบ

“ผมคิดว่าถ้าตอนนี้เตี่ยแข็งแรงดี เตี่ยก็คงจะเห็นด้วยกับคุณหยงครับ”

“ไม่มีใครรู้ใจเตี่ยหรอก นายอย่ามาเสือกทำอวดรู้เลย”

สาวัชไม่ถือสาที่ถูกบริภาษ “คุณฮกไม่ต้องกังวลหรอกครับ เราส่งรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสให้ตลาดหลักทรัพย์แล้ว ซึ่งบริษัททำกำไรต่อหุ้นได้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เมื่อไหร่ที่ ตลท. ประกาศข้อมูลนี้ หุ้นคงกลับมาราคาเดิมไม่ยาก ต่อให้ต้องซื้อหุ้นสิบสองเปอร์เซ็นต์นี้ที่ยี่สิบเก้าบาท แต่ผมเชื่อว่าในระยะยาวเราจะไม่ขาดทุนหรอกครับ”

“นายเพิ่งเข้ามาทำงานที่บริษัทไม่นาน จะไปรู้อะไร” วัชระทำสีหน้าอ่อนใจเหมือนผู้ใหญ่ระอาเด็กน้อยที่มองโลกในแง่ดีจนน่าขัน

“เลิกเถียงกันได้แล้ว” ริสาเบือนหน้ามาทางสาวัช “ทีแรกเตี่ยจะถือหุ้น ๑๒% นี้ไว้เอง แต่ตอนนี้เตี่ยยังไม่ได้สติ พวกเธอคิดว่าเราควรทำยังไงกับหุ้นจำนวนนี้”

“ใช้ชื่อคุณหยงเป็นผู้ถือหุ้นครับ รวมกับเจ็ดเปอร์เซ็นต์ที่คุณหยงมีอยู่แล้ว และหุ้นที่ปรเมศร์ทุกคนถืออยู่ ฝั่งเราจะมีหุ้นรวม ๒๖% นั่นจะทำให้คุณหยงขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสองซึ่งทำให้อำนาจการต่อรองของเราดูดีขึ้น” สาวัชเสนอเสียงเรียบ

“แต่ผมว่า...” วัชระยังไม่ทันแสดงความเห็น พี่สาวคนโตก็ยกมือปราม

“ฟังดูเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ งั้นเจ้จะถือหุ้นจำนวนนี้เอง”

“ไม่ว่าเจ้จะตัดสินใจยังไง ผมก็เห็นด้วยและสนับสนุนอยู่แล้ว” วัชระกอดอก เอนสะโพกพิงขอบโต๊ะ

สาวัชเห็นกิริยานั้นชัดเจน อิงอรุณเคยบอกว่าการกอดอกแสดงถึงการปิดกั้นและไม่รับฟังความคิดเห็นของคู่สนทนา! ปากวัชระบอกว่าเห็นด้วย แต่การกระทำกลับไม่สามารถปกปิดความคิดในใจได้เลย!

“ไม่ใช่ว่าเจ้ไม่เชื่อใจพวกเธอนะ แต่สถานการณ์ตอนนี้เจ้ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ต่อให้เป็นคนสกุลปรเมศวร์เหมือนกันก็ตาม” ริสาปรายตามาทางสาวัช

ชายหนุ่มก้มศีรษะอย่างรู้ตัวดี “ผมเข้าใจครับ”

“งั้นก็ตกลงตามนี้ละ ระหว่างนี้ฝากฮกดูแลเตี่ยหน่อย ส่วนสาวัชไปโคราชติดตามเรื่องประกันภัยกับความเสียหายของโรงงาน และรายงานให้ฉันรู้ทุกวัน”

ชายหนุ่มยังไม่ทันรับคำ วัชระก็ชิงค้าน “สาวัชยังไม่คล่องเรื่องที่โรงงาน เจ้ให้ผมจัดการแทนดีกว่า”

“สาวัชยังไม่รู้เรื่องที่โรงงานก็ควรให้เขาอาศัยช่วงนี้เรียนรู้ อีกอย่างเจ้ไม่ไว้ใจให้ใครดูแลเตี่ยเหมือนเธอ”

วัชระกำมือแน่น ทว่าครู่หนึ่งก็ฝืนแต้มยิ้มไว้บนใบหน้า “โอเคครับ เจ้ว่ายังไง ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ”

สาวัชลุกขึ้นกลัดกระดุมเสื้อสูท ล้วงมือในกระเป๋ากางเกง กำซองช็อกโกแลตหลวม ๆ ขณะสบตาริสารับคำหนักแน่น “ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”

ชายหนุ่มออกจากห้องทำงานของ ‘ซีอีโอคนใหม่’ พลางถอนหายใจยาว ปล่อยใจนึกถึงใครคนที่มอบช็อกโกแลตนี้มาให้เป็น ‘เข็มทิศ’ สำหรับชีวิตเขา

‘จำไว้นะคะ ว่าคุณกล้าหาญกว่าที่คุณเชื่อว่าตัวเองเป็น เข้มแข็งกว่าที่ใคร ๆ เห็น และฉลาดกว่าที่คุณคิดเองด้วย’

นั่นเป็นครั้งแรกที่มีใครสักคน ‘เชื่อมั่น’ ในตัวเขา

สาวัชใจลอย พลันนึกสงสัย

วินนี่เดอะพูห์รู้สึกอย่างไรบ้างนะ ที่เป็นเพียงตุ๊กตาตัวหนึ่งในจำนวนมากมายของคริสโตเฟอร์ โรบิน ขณะที่เด็กชายเป็นโลกทั้งใบของเจ้าหมีโง่ตัวนั้น!


[1] ตลาดหลักทรัพย์จะขึ้นเครื่องหมาย H (Halt) เพื่อแสดงให้ผู้ลงทุนทราบว่าหลักทรัพย์ดังกล่าวอยู่ระหว่างถูกห้ามซื้อขายในรอบนั้น ๆ

[2] Stanford Mashmallow Test ทดลองด้วยการนำเด็กวัย ๔-๖ ปีจำนวน ๖๐๐ คน เข้าไปในห้องที่ปราศจากสิ่งเร้า โดยให้มาชมาลโลว์หนึ่งชิ้นพร้อมเงื่อนไขว่าเด็กสามารถกินขนมได้เลย แต่ถ้ารอจนครบ ๑๕ นาทีก่อนค่อยรับประทาน เด็กจะได้รับขนมเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น

[3] จากการ์ตูนเรื่องวินนีเดอะพูห์ (Winnie the Pooh)



-----------------------------------------------------------

ประกาศ

เรื่องนี้จะลงให้อ่านฟรีจนจบ

หลังลงครบทุกตอน

จะลบ 5/6 ของเล่มนะคะ



ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า

มีเฉพาะในฉบับตีพิมพ์และอีบุ๊คเท่านั้นค่ะ

ตามไปจิกหมอน+ฟินกันในเล่มได้เลย








หนังสือและอีบุ๊คพร้อมจำหน่ายแล้วนะคะ

สั่งซื้อฉบับหนังสือ https://goo.gl/HA1QWz

100 คนแรก จัดส่งฟรี + รับที่คั่นนกฟลามิงโกเพิ่มพิเศษ

หรือซื้อฉบับหนังสือจากร้านออนไลน์ชื่อดัง

ร้านนิยายรัก https://goo.gl/uPTdCs



E-Book

mebmarket >>https://goo.gl/o9FXn6

ookbee >>https://goo.gl/rf274b

Hytexts >>https://goo.gl/KcekzB



โหลดอีบุ๊คพยศดอกฟ้าภายใน 31 พ.ค.61

รับที่คั่นลายนกฟลามิงโกจัดส่งถึงบ้าน

อีก 100 รางวัลจ้ะ จัดกันไปเน้นๆ

บอกให้รู้ว่าจะซื้อเล่มหรืออีบุ๊ก ก็รักเท่ากันนะจ๊ะ



วิธีการรับของรางวัล อ่านกันดีๆ ค่ะ

1. ถ้าซื้อจาก Meb ไปที่ My Account -> My privilege แล้วรับสิทธิ์เลย

2. ถ้าซื้อจาก ookbee หรือ hytexts แคปหน้าจอการสั่งซื้อ ระบุอีเมลที่ใช้ login ส่งมาที่กล่องข้อความของเพจสิริณ

สิริณจะยืนยันกลับเฉพาะท่านที่ได้รับสิทธิ์นะคะ

เฉพาะอีบุ๊ก แจก 100 ชิ้นค่ะ ครบเมื่อไหร่ ปิดการแจกทันที



สะดวกช่องทางไหนสั่งซื้อเลยค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่ยังรักและเมตตากันเสมอนะคะ






สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ค. 2561, 22:29:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ค. 2561, 22:38:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 679





<< ตอนที่ 27   ตอนที่ 29 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account