+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์

นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!

ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้

นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้



+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา

โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก

ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว

แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ

สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน

ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D


ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ

สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ

ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน

ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555

Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน

ตอน: ตอนที่ 36

เช้าวันประกอบพิธีหมั้นของอิงอรุณ บรรยากาศในคฤหาสน์เทียมสุบรรณครึกครื้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง แม้ว่าที่คู่หมั้นฝ่ายหญิงจ้างมืออาชีพมาควบคุมดูแลความพร้อมในแต่ละด้านแล้ว แต่อิงอรุณก็ต้องตื่นตีสี่เพื่อแต่งหน้าทำผม

ว่าที่คู่หมั้นฝ่ายชายตั้งขบวนขันหมากหมั้นตอนเจ็ดนาฬิกาเศษ ศักดิ์สิทธิ์เชิญรองนายกรัฐมนตรีมาเป็นเถ้าแก่ทาบทามสู่ขอและเริ่มพิธีอย่างเรียบง่าย พลันที่เปิดผ้าคลุมขันหมากหมั้นเพื่อตรวจนับสินสอดตามธรรมเนียม เปรมิกาก็หุบยิ้มหันขวับไปทางสามี ถามเขาด้วยสายตาและสีหน้าบึ้งตึงโดยไม่ออกเสียง

สุพจน์ผงกศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงปราม แล้วยิ้มแย้มกับผู้ใหญ่ฝ่ายชายดุจไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่เปรมิกาทำได้จึงมีเพียงปั้นยิ้มวางไว้บนใบหน้าเช่นกัน

ผ้าโปร่งสีทองที่เปิดออกเผยให้เห็นธนบัตรสีเทาปึกใหญ่สูงกว่าคืบซ้อนกันสี่กอง ข้างกันเป็นทองคำแท่งน้ำหนัก ๒๐ บาทจำนวนสิบแท่งวางเรียงพูนเป็นกอง

แม้นมาศทยอยเปิดกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มทั้งสี่ใบหันออกให้แขกเห็นชัด อวดเครื่องเพชรหรูหราตระการตาส่องประกายระยิบเล่นแสงไฟจนคนมองตาพร่า

ศักดิ์สิทธิ์หยิบแหวนจากพานส่งให้บุตรชาย “สวมแหวนให้หนูอิงสิ”

หลังจากว่าที่คู่หมั้นทั้งฝ่ายหญิงและชายผลัดกันสวมแหวนและทำความเคารพอีกฝ่าย เถ้าแก่จึงประกาศเลียนแบบพิธีฝรั่งว่าทั้งสองเป็นคู่หมั้นกันแล้ว เรียกเสียงหัวเราะชื่นมื่นจากผู้มาร่วมงานกันถ้วนหน้า

มีเพียงคนสองคนในงานที่แววตาแห้งผากสิ้นดี น่าเศร้าที่คนสองคนดังกล่าวคือพระเอกนางเอกของงาน คู่หมั้นทั้งฝ่ายชายและหญิง พันเทพกับอิงอรุณ!



“คู่หมั้นฝ่ายหญิงสวยมากเลยนะคะ” อินทุอรวีชวนคนข้างกายคุยด้วยน้ำเสียงชื่นชม “เดรสลูกไม้อย่างนี้ใส่ไม่ดีเป็นป้าได้ง่าย ๆ แต่คุณอิงใส่แล้วสวยน่ามองจริง ๆ ”

“ครับ” ชายหนุ่มตอบสั้นสงวนคำพูด สีหน้านั้นเรียบเฉย...จนน่าเป็นห่วง

หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงลุกหนีไปแล้ว แต่วันนี้อินทุอรวีรู้ดีว่าสาวัชมีเหตุผลที่ปฏิบัติตนเช่นนั้น เขาเพิ่งสูญเสียบิดาไปไม่ถึงสัปดาห์เลย แล้วข่าวช็อกลำดับถัดมาก็ถาโถมเข้าสู่ชีวิตอย่างคาดไม่ถึง เมื่ออิงอรุณ...สตรีที่ทำให้เขาอ่อนโยนลงอย่างน่าอัศจรรย์ จู่ ๆ ก็กลายเป็นสตรีที่มีเจ้าของไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ที่เขายังหยัดยืนเข้มแข็งเช่นนี้ โดยไม่แสดงอาการครวญคร่ำให้ใครเห็น ก็นับว่าทรหดมากแล้ว

อินทุอรวีก็ตกใจกับการหมั้นครั้งนี้ไม่แพ้กัน เพราะตอนกามเทพสาวแนะนำว่าพันเทพเป็นคนรัก เธอยังแบ่งใจเชื่อแค่เสี้ยวเดียว คิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นที่หนุ่มสาวอำคนรู้จัก มาวันนี้จึงแปลกใจว่าตนมองคนผิดขนาดนั้นได้อย่างไร!

แม้ไม่สนิทสนมกัน แต่อินทุอรวีก็คุ้นกับสาวัชในระดับหนึ่ง การเห็นเขาในสภาพนี้ทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้ หญิงสาวจึงเปรยลอย ๆ “บางทีพอเวลาผ่านไปความรู้สึกเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ จางลงจนไม่ทำให้คุณเจ็บปวดอีกก็ได้นะคะ”

สายตาสาวัชประหลาดใจ เขางันไปชั่วครู่ดุจคาดไม่ถึงที่เธอ ‘รู้’ ความในใจ อินทุอรวีพยักหน้านิด ๆ แทนการรับคำว่าเธอ ‘เข้าใจ’ และรู้เห็นมาสักพักแล้ว

ชายหนุ่มเรียบเรียงคำพูดอยู่ครู่ใหญ่ “แล้วถ้าความรู้สึกของวันนี้มันไม่จางลง แต่กลับโตขึ้นเรื่อย ๆ ผมควรจะรับมือกับมันยังไง”

อินทุอรวีรู้ดีว่าที่สาวัชยอมเปิดปากพูดความรู้สึกในใจ เพราะเขามาใกล้ขีดสุดของความอดทนแล้ว ชายหนุ่มกำลังคว้าฟางทุกเส้นที่ลอยผ่านมา ด้วยหวังให้มันช่วยเขาให้พ้นจากการจมลงในห้วงทุกข์!

“รับมือกับมันแบบที่ทำให้คุณมีความสุขสิคะ ความรู้สึกพวกนั้นจะโตขึ้นหรือเล็กลงก็ตาม ขอแค่คุณรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ และสิ่งที่ทำนั้นสร้างความเจ็บปวดให้คุณหรือเปล่า นั่นต่างหากคือสิ่งที่คุณควรแคร์ ใครจะคิดจะมองว่าคุณเป็นยังไงก็ช่าง อย่าไปสนใจความคิดของคนอื่นเลย ทั้งสุขและทุกข์บนโลกนี้ไม่มีอะไรจีรังสักอย่าง ตอนอยู่ในความมืด แม้แต่เงาก็ยังทิ้งเราไปเลย”

“หมายความว่าผมไม่จำเป็นต้องพยายามลืม หรือตัดใจ?”

“คุณก็แค่ต้องแยกระหว่างความรักกับการครอบครองออกจากกัน แล้วถามตัวเองว่าที่ทุกข์เพราะรัก หรือทุกข์เพราะไม่ได้ครอบครอง”

“รัก...งั้นเหรอ” ดวงตาสาวัชมีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อยเมื่อเอ่ยคำสั้น ๆ นั้นออกมา

“ถึงจะเป็นความรู้สึกเพียงฝ่ายเดียว แต่มันก็เป็นความรักนะคะ เรารักได้ตราบที่หัวใจเราอยากรัก ขอแค่อย่าให้ความรักนั้นทำร้ายเราก็พอ เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่ารักแล้วทุกข์เหลือเกิน ตอนนั้นค่อยมาหาทางทำใจให้เลิกรัก แต่ตอนนี้ถ้าการมอบความรักให้ไปยังทำให้เรามีความสุขอยู่ ก็รักไปเถอะค่ะ ความรู้สึกของเรานี่คะ จะรักใครก็เป็นสิทธิ์ของเรา ไม่ได้มีกฎหมายห้ามรักข้างเดียวสักหน่อย”

“คุณหญิงชำนาญเรื่องความรักจังนะครับ”

“เดาว่าคุณสาวัชคงไม่เคยรักใครมาก่อนใช่ไหมคะ”

ชายหนุ่มรู้สึกว่ารอยร้อน ๆ เห่อขึ้นบนใบหน้าเพียงได้ยินคำถามนั้น...

“ไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ ดิฉันพอเดาได้” อินทุอรวียิ้มนิด ๆ แทนการปลอบประโลม “คุณเสียศูนย์เพราะไม่เคยรู้จักความรู้สึกแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกเคว้งคว้าง ว่างเปล่า รู้สึกเหมือนในหัวมันโล่ง ๆ คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง หรือพอเริ่มมีสติ ก็จะมีแต่ภาพความทรงจำเก่า ๆ วนไปมาให้คิดถึง”

“คุณหญิงทราบได้ยังไงครับ” น้ำเสียงและสีหน้าเขาแสดงความข้องใจชัดเจน

“ไม่ต้องเป็นดอกเตอร์ก็รู้ค่ะ อาการพวกเนี้ยภาษาชาวบ้านเรียกว่าอกหักค่ะ! ”

ดุษฏีบัณฑิตด้านประวัติศาสตร์จากสหรัฐอเมริกายกมือกุมขมับ

“คุณควรดีใจนะคะที่ได้อกหัก เพราะเราต้องรู้จักความรักเสียก่อน เคยได้ยินไหมคะ ที่เขาบอกว่าอกหักดีกว่ารักไม่เป็นน่ะ”

“ความเจ็บปวดแบบนี้น่ะเหรอที่คุณว่าดี”

“ครั้งแรกที่เราเจอกันที่ธนาคาร ดิฉันคิดว่าคุณเป็นผู้ชายที่เย็นชา พูดน้อย แถมยังพูดจาห้วน ๆ ไม่มีหางเสียงอีก จัดว่าไม่น่ารัก ไม่น่าคบ แล้วก็ไม่น่าคุยด้วยเลย ปกติดิฉันไม่เคยมีปัญหากับการเจอคนแปลกหน้า แต่คุณทำให้ดิฉันอึดอัดมาก ที่บอกว่าจะแนะนำเจ้าหน้าที่สินเชื่อที่รับผิดชอบโดยตรงให้น่ะ หวังดีก็ส่วนนึง แต่อีกเหตุผลก็คืออยากให้คุณรีบ ๆ ออกจากออฟฟิศของดิฉันเสียที”

สาวัชไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่คนอึดอัดยามอยู่ใกล้เขา

“แล้วดูคุณตอนนี้สิ คุณมีอารมณ์ มีความรู้สึก รู้จักผ่อนคลาย ยิ้ม เศร้า เข้าใจความสุขความทุกข์ เป็นคนแบบที่จับต้องได้มากขึ้น เห็นไหมคะว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมากมาย ถึงรักแล้วต้องเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีอะไรต้องเสียดายเลย”

“ขอบคุณมากครับคุณหญิง ทั้งขอบคุณที่พยายามสอนให้ผมมองโลกในแง่ดี แล้วก็ขอบคุณที่โยนชูชีพมาให้ ผมนึกว่าตัวเองจะจมน้ำตายแล้วซะอีก”

“วอลแตร์บอกว่า แม้เราจะไม่ได้พบสิ่งที่พอใจ แต่อย่างน้อยเราก็จะได้เจอกับสิ่งใหม่ ๆ ”

“คุณชอบวอลแตร์เหมือน ‘รายนั้น’ เลย”

“ค่ะ ‘รายนั้น’ น่ะทั้งสวย เก่ง ฉลาด น่ารัก ร่าเริง แถมยังจิตใจดี ใครอยู่ใกล้ก็คงห้ามใจไม่ให้รักไม่สำเร็จ อย่าโกรธตัวเองเลยที่รักคนแบบนี้ ต้องดีใจต่างหากที่เราตาถึงรักคนที่คู่ควร”

สาวัชมีสีหน้าอ่อนโยนผาสุก ทำให้คนมองเริ่มเบาใจ

เมื่อพิธีการเสร็จสิ้น พระเอกนางเอกของงานก็ตกอยู่กลางวงล้อมญาติผู้ใหญ่ ขณะแขกบางส่วนทยอยไปรับประทานอาหารฉลองคู่หมั้นใหม่ แพรวเพชรจึงพาเพื่อนมาแนะนำให้อินทุอรวีรู้จัก หม่อมราชวงศ์สาวทักทายทุกคนตามมารยาท ยิ้มรับสายตาแสดงความชื่นชม โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำนำหน้านามและการงานของเธอ

หลังทักทายกันพอควร แพรวเพชรก็คะยั้นคะยอให้ราชนิกุลสาวและสาวัชเคลื่อนขบวนไปห้องอาหารด้วยกัน ดูท่ากามเทพสาวคงพอระแคะระคายความรู้สึกของชายหนุ่ม จึงไม่อยากปล่อยให้เขาจมอยู่กับความผิดหวังเพียงลำพัง

“คุณสาวัชล่วงหน้าไปก่อนเลยค่ะ ดิฉันขอตัวไปห้องน้ำแป๊บนึง”

อินทุอรวีแยกไปตามที่เด็กรับใช้ชี้ทาง ทำธุระเสร็จแล้วกำลังจะไปยังห้องอาหาร ระหว่างนั้นเธอพินิจการตกแต่งภายในด้วยความสนใจ ประมุขของบ้านคงชอบศิลปะแบบโรมัน คฤหาสน์เทียมสุบรรณจึงตกแต่งด้วยซุ้มโค้ง เสาสูงสลักร่อง และไฟสีส้มนวลตา ซึ่งทำให้บ้านแลโปร่งสบาย แต่ก็อบอุ่นในที

อินทุอรวีมองกรอบรูปที่แขวนประดับอยู่ริมผนังอย่างชั่งใจ สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้มารยาทอันดีงาม เธอผ่านบริเวณนั้นโดยไม่เข้าไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นเจ้าของบ้าน

“อ้าว...ไม่แวะเข้าไปชมหน่อยหรือครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลดังจากเบื้องหลัง

อินทุอรวีหันไปทางต้นเสียง ครั้นเห็นผู้พูดชัด ๆ ก็รีบทำความเคารพอีกฝ่ายเพราะเคยเจอกันในงานสังคมและการงานที่เกี่ยวข้องกัน “สวัสดีค่ะท่านรัฐมนตรี”

ผู้มาใหม่แต่งเชิ้ตขาวทับกั๊กสีเทาควันบุหรี่ สูทและกางเกงสแลคสีดำพอดีตัวเน้นรูปร่างสูงโปร่งแข็งแรงมีกล้ามเนื้อให้น่ามองยิ่งขึ้น เน็กไทลายริ้วเฉียงสีเทาเข้มสลับดำขับให้เขายิ่งดูเนี้ยบสง่างามสมกับตำแหน่งทางการเมือง เคียงข้างกับเขาเป็นสุภาพสตรีรูปร่างบอบบาง ปล่อยผมดำขลับทิ้งตัวไว้เบื้องหลัง ใบหน้าตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบาง ๆ แลสดใสเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกเรียบร้อยอ่อนหวาน

“ยินดีที่ได้พบครับคุณหญิงรวี อ้อ...เรียกผมว่านราดีกว่าครับ เรียกท่านนี่ฟังแก่พิลึก” นราธิปรับไหว้ แล้วแนะนำเธอแก่สตรีข้างกาย “นวลรู้จักหม่อมราชวงศ์อินทุอรวี ชยาธร สิ ส่วนนี่ก็นวลนรีครับ”

อินทุอรวีสังเกตว่าเขาไม่ยักห้อยสถานะกำกับให้แก่นวลนรี แต่ดูจากท่าทางที่ปฏิบัติต่อกันแล้วก็เดาได้ว่าหญิงสาวต้องเป็นคนพิเศษของรัฐมนตรีหนุ่มผู้นี้แน่ ๆ

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ถ้าจำไม่ผิดคุณนวลนรีเป็นเจ้าของร้านเค้กหวาน ที่คิวปิดฯ ใช้บริการคอร์สทำขนมใช่ไหมคะ”

นวลนรียิ้มกระจ่างรับคำ “อิงพูดถึงคุณหญิงบ๊อยบ่อย เพิ่งรู้วันนี้เองว่าที่อิงเล่าสวยสง่าไม่ได้ครึ่งของตัวจริงเลย”

อินทุอรวีถ่อมตัวตามมารยาท ทว่าแอบชมอีกฝ่ายในใจ ทั้งการพูดจา กิริยามารยาทอันงามพร้อม นอกจากสมกับการเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่แล้ว หากวันหน้าต้องเป็นคุณหญิงท่านรัฐมนตรี ก็นับว่าคู่ควรเหมาะเจาะไม่น้อย

“ได้ยินน้องอิงบอกว่าคุณหญิงเข้ามาช่วยดูงบการเงินให้คิวปิดแอสซิสแทนซ์ ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณคุณหญิงด้วยนะครับที่เมตตาความฝันของ ‘เด็กผู้หญิง’ สองคน เพราะน้องอิงกับเพชรทั้งดื้อแล้วก็หัวแข็งมาก ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยที่ต้องรับมือกับคนแบบนั้นพร้อมกัน” น้ำเสียงเขายามเอ่ยถึง ‘เด็กผู้หญิง’ ทั้งคู่ช่างเปี่ยมความรักความเอ็นดู จนอินทุอรวีเผลอหันไปมองปฏิกิริยาของนวลนรีโดยไม่ตั้งใจ

น่าแปลก...นวลนรียิ้มอ่อนใจ ทั้งยังตีแขนนราธิปเบา ๆ

“พี่นราพูดถึงอิงกับเพชรแบบนี้ นวลทนฟังไม่ได้นะเนี่ย เวลาเราดูแลธุรกิจของตัวเอง เป็นใครก็ต้องดื้อและรั้นทั้งนั้นแหละ เพราะมันเป็นความรักความภูมิใจของเรา เราอยู่กับมันตั้งแต่วันแรก เราถึงคิดว่ารู้จักธุรกิจของตัวเองดีที่สุด” นวลนรีปั้นหน้าขึงขัง แต่รอยยิ้มมุมปากบอกให้รู้ว่าเธอเย้าชายหนุ่ม มิได้โกรธเกรี้ยวจริงจัง

อินทุอรวีประหลาดใจ หัวใจ ‘ผู้หญิงคนใหม่’ ของนราธิปทำด้วยภูผาหรือไร ไฉนจึงฟังคนรักพูดถึง ‘อดีตภรรยา’ ด้วยความนิ่งเฉยปานนั้น ทั้งยังสนิทสนมกับทั้งสองฝ่ายได้แนบเนียนโดยไม่อึดอัด อิหลักอิเหลื่อ หรือริษยาเลยสักนิด!

ตอนนราธิปหย่ากับแพรวเพชร หนังสือพิมพ์หัวสีลงข่าวพาดหัวกันครึกโครม จนชาวบ้านมีหัวข้อวิจารณ์สนุกปากไปแรมเดือน ข่าวฉาวของแพรวเพชร ทำให้ภาพลักษณ์ของนราธิปกลายเป็นพระรองเกาหลีแสนดี หากนำสาว ๆ ที่ปลื้มเขามายืนเรียงกัน แถวคงยาวจากกรุงเทพฯ ไปถึงนครสวรรค์พอดี!

ด้วยกระแสความนิยมนั้น กอปรกับคุณสมบัติ วุฒิการศึกษา ประวัติส่วนตัวรวมถึงฐานะและชาติตระกูล ทำให้ชายหนุ่มถูกทาบทามเข้ารับตำแหน่งในคณะรัฐบาล จากที่ปรึกษาขุนคลังในก้าวแรก ครั้นท่านนายกฯ ปรับคณะรัฐมนตรีครั้งถัดมา เขาก็ได้เลื่อนขึ้นไปทำหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

หลังการรัฐประหาร รัฐบาลทหารจึงเชิญเขาเข้าร่วมคณะรัฐบาลโดยนั่งตำแหน่งสูงขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจนถึงปัจจุบัน ซึ่งชายหนุ่มแสดงฝีมือจนผลงานเข้าตาประชาชน โพลแทบทุกสำนักถึงกับคาดการณ์ว่าเขาคือตัวเก็งนายกรัฐมนตรีคนถัดไป!

“คุณอิงกับคุณเพชรไม่ดื้อหรอกค่ะ” อินทุอรวีห้ามศึก “สองคนนั้นแค่ใช้ชีวิตตามอุดมการณ์มากไปจนลืมดูว่าตัวเลขในบัญชีกำลังเดินสวนทางกัน แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว ที่ต้องช่วยผู้ประกอบการหารอยรั่วในระบบและอุดมันซะ”

“พอจะเยียวยาไหวไหมครับ” นราธิปยังคงห่วงใยและอาทร แม้สองสาวจะไม่อยู่ตรงนั้นและได้ยินก็ตาม “ถ้ามีอะไรที่ผมพอทำได้ คุณหญิงแจ้งผมนะครับ แต่อย่าให้น้องอิงกับเพชรรู้เด็ดขาดเลยนะ ผมไม่อยากฟังคำบ่นจนหูชา”

อินทุอรวีรับคำ คุยอีกสองสามประโยคจึงบอกลา “ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวสิครับ ผมกำลังจะชวนนวลมาดูรูปพอดี ถ้าคุณหญิงไม่รังเกียจ และพอมีเวลา เชิญคุณหญิงด้วยกันเลย”

“ขอบคุณที่ชวน แต่เพื่อนดิฉันคอยอยู่ ขอตัวไปสมทบกับเพื่อนดีกว่าค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณหญิง” นวลนรีเปิดยิ้มเจิดจ้า

อินทุอรวีก้มศีรษะให้ทั้งคู่แล้วแยกจากไป หูได้ยินเสียงสองหนุ่มสาวพูดคุยกันหนุงหนิงดังตามหลังมาเบา ๆ หญิงสาวเหลียวกลับไปมองพี่ชายของอิงอรุณอีกครั้ง เธออมยิ้มเมื่อเห็นนราธิปแตะข้อศอกนวลนรี อีกมือชี้ชวนให้ชมกรอบรูปที่แขวนติดผนัง พร้อมทั้งอธิบายถึงแต่ละเหตุการณ์ด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ ส่วนคนข้างกายก็ถามไถ่ ชวนคุยต่อเนื่องอย่างออกรส

อินทุอรวีเดินห่างออกมาพร้อมกับเอาใจช่วยนราธิปโดยไม่รู้ตัว สำหรับคนที่เคยเจอเรื่องราวร้าย ๆ จนครอบครัวล่มสลาย มันคงดีหากเขาได้พบกับใครคนใหม่ที่มาช่วยเยียวยาหัวใจและทำให้เขาได้รู้จักกับความรักอีกครั้ง

ความรักที่ได้มา และไม่ต้องสูญเสียไปให้กับใครอีก

รัก...ที่จะคงอยู่กับเขา...ชั่วนิรันดร์!



หลังขอตัวจากญาติ คู่หมั้นป้ายแดงก็บ่ายหน้ามายังห้องที่จัดไว้รับรองเพื่อน ๆ แยกจากห้องที่ต้อนรับผู้ใหญ่ อิงอรุณกวาดตามองหาคนที่เธออยากเจอที่สุดทันที!

“เจ้าสาวมาแล้ว” เสียงแจ้วดังขึ้น แล้วเพื่อนทั้งกลุ่มก็วางจานขนม ฮือเข้ามารุมล้อมแสดงความยินดีกับเธอ โดยมีพันเทพยืนเป็นตัวประกอบอยู่ข้าง ๆ

“ขอบใจทุกคนที่มาร่วมงานนะ” อิงอรุณสวมหน้ากากปรับน้ำเสียงให้ร่าเริง

“พวกเราสิต้องขอบคุณอิงที่ชวนมากั้นประตู ได้ซองกินขนมกันปึกเบ้อเริ่มเลย ไหนขอยลแหวนหมั้นของคุณหนูอิงอรุณเป็นขวัญตาหน่อยซิ” คนพูดคว้ามือซ้ายเธอไปพิจารณา แล้วกรี๊ดกร๊าด “ต๊าย! แหวนแฮร์รี่ วินสตัน สวยสะพรึงเหนือชั้นกว่าทิฟฟานีหรือคาร์เทียร์จริงด้วย น้ำดี๊ดี เล่นไฟสุด ๆ กี่กะรัตเหรออิง”

“คุณแม่เทพบอกว่าทีแรกตั้งใจจะสั่งสี่กะรัต แต่แบบนี้แฮร์รี่ วินสตันมีขนาดใหญ่สุดแค่สามกะรัตครึ่งจ้ะ”

คำตอบนั้นเรียกเสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้นอีกคำรบ

อิงอรุณยื่นมือจนเมื่อย นาน...กว่าทุกคนจะหมดความสนใจกับแหวนหมั้นของเธอ หญิงสาวจึงแสร้งเหลียวไปรอบห้อง ทำทีเปรยลอย ๆ “แล้วนี่มีใครยังไม่มากินข้าวหรือเปล่าเนี่ย ทำไมดูคนน้อย ๆ ”

“หล่อนเชิญแขกกี่คนกันยะ จะให้มันเยอะแยะขนาดไหนกัน” แก้วกาญจน์เย้าเสียงสูง

“พี่เผ่ามีงานต่อ ก็เลยขอกลับก่อน เขาฝากขอโทษอิงด้วยน่ะ” แพรวเพชรอธิบายแทนสามี “เราให้เด็กที่บริษัทแยกไปห้องข้าง ๆ เสียงจะได้ไม่รบกวนผู้ใหญ่”

“ขอบใจนะที่ช่วยจัดการ” อิงอรุณผิดหวังเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว “หิวน้ำจัง เดี๋ยวอิงขอตัวไปหาน้ำดื่มหน่อยนะ”

“จะไปหาทำไม นี่ไง” พันเทพหยิบน้ำขวดจากโต๊ะข้าง ๆ มายื่นให้คู่หมั้น

อิงอรุณรับขวดน้ำไว้ แต่กลับหมุนตัวเดินดุ่มออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“อ้าว...น้ำก็ได้แล้ว ยังจะไปไหนอีก” พันเทพมองตามหญิงสาวไปอย่างงง ๆ

“อิงคงอยากไปเช็กเมคอัพน่ะ” แพรวเพชรแก้ตัวแทน ทว่าสายตาที่เหลือบแลไปตามทางที่อิงอรุณลับกาย กลับเต็มไปด้วยประกายของความไม่สบายใจชัดเจน!



“ยินดีที่ได้มาเป็นทองแผ่นเดียวกันนะคะท่านนายพล ท่านจัดสินสอดทองหมั้นมาขนาดนี้ เดี๋ยวต้องเป็นข่าวในหน้าสังคมของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับแหง ๆ ” น้ำเสียงยินดีนั้นดังมาจากกลุ่มญาติของฝ่ายหญิงซึ่งห้อมล้อมนายพลศักดิ์สิทธิ์อยู่

“ได้หนูอิงมาเป็นสะใภ้ทั้งที สินสอดน้อยกว่านี้ไม่ได้หรอกครับ ต้องให้เกียรติฝ่ายหญิงแล้วก็ให้พ่อแม่หนูอิงอุ่นใจว่าอีกหน่อยแต่งกับลูกผม หนูอิงจะไม่ลำบาก ลูกชายผมเลี้ยงไหวแน่นอน” พลเอกศักดิ์สิทธิ์ เทพวรสิงห์ โอ่ด้วยน้ำเสียงผยอง

เสียงหัวเราะครื้นเครงดังกราว ตามด้วยคำป้อยอที่ดูราวไม่มีวันสิ้นสุด

เปรมิกาจิกเล็บในฝ่ามือข่มอารมณ์ ครั้นเห็นสามีเพิ่งผละจากญาติผู้ใหญ่ เธอจึงก้าวเข้าไปหา แตะท่อนแขนคู่ชีวิตและให้หน้าไปทางห้องสมุดโดยไม่เอ่ยอะไร

สุพจน์พยักหน้าแล้วเดินเคียงข้าง โดยตบมือเธอที่วางบนท่อนแขนเขาเบา ๆ อย่างปลอบประโลม

เปรมิกาปิดประตูลงกลอนตามหลัง แล้วระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธเกรี้ยว “ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะจัดสินสอดใส่พานให้ตามที่นายพลบ้าอำนาจนั่นเรียกร้องน่ะ คุณกลัวมันเหรอ”

แทนคำตอบสุพจน์กลับไปที่โต๊ะหนังสือ ไขลิ้นชักหยิบซองสีน้ำตาลออกมาส่งให้ภรรยา “อาทิตย์ก่อนผมได้รับซองนี่ แล้วท่านนายพลก็โทร.มาบอกว่าพันเทพจะมารับของ ให้ผมเตรียมสินสอดไว้ให้เขาด้วย”

ของที่อยู่ด้านในเป็นภาพอิงอรุณในอิริยาบถต่าง ๆ นับร้อยรูป ต่างวัน เวลา และสถานที่ เปรมิกาโยนซองลงบนโต๊ะจนรูปกระจายเกลื่อน

“เขาจงใจขู่ว่าส่งคนลอบติดตามน้องอิงอยู่ลับ ๆ ถ้าอยากให้ลูกปลอดภัย เราต้องทำตามที่เขาต้องการ ท่านนายพลนี่ช่างเดินเกมฉลาดจริง ๆ ” เปรมิกาฮึดฮัด

“ถ้านายพลศักดิ์สิทธิ์คิดว่าวางอำนาจเหนือเราได้ ก็ให้เขาคิดไป ผมไม่แคร์สิ่งที่เขาคิด แค่จัดเงินทองใส่พานสินสอดตามที่เขาต้องการไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยังไงเขาก็เอามันกลับคืนมาให้เราอยู่แล้ว”

เปรมิกาถอนใจ เสียงอ่อยผิดจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง “เขาเอาชีวิตพันเทพ เอาน้องอิงมาข่มขู่ นี่เราจะไม่มีทางหลุดจากบ่วงนี้ได้เลยเหรอคะ”

“โอกาสน่ะมีแน่ เราแค่ต้องอดทนและรอเวลา” สุพจน์ปลอบภรรยา จากนั้นเขี่ยรูปหลายใบให้นางเห็นชัด ๆ “คุณรู้หรือเปล่าว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมมีรูปอยู่กับน้องอิงบ่อย ๆ ”

“เพื่อนน้องอิงค่ะ ชื่อสาวัช เห็นว่าเป็นผู้จัดการฝึกหัดอยู่ที่ปรเมศวร์เทรดดิ้ง”

สุพจน์คุ้นชื่อนี้ พลันจึงนึกออก สาวัช - ปรเมศวร์เทรดดิ้ง หรือว่าเขาจะเป็นตัวละครลับที่มือขวาเคยบอกไว้! ลูกชายคนเล็กของธนา ปรเมศวร์ ลูกชายที่จู่ ๆ ก็ปรากฎตัวขึ้นมาดื้อ ๆ

“แล้วสองคนนี้ไปรู้จักกันได้ยังไง”

“ดิฉันก็ไม่ทราบรายละเอียด ฉันเจอเขาครั้งแรกตอนคุณเข้าโรงพยาบาลคราวก่อน ผู้ชายคนนี้มากับน้องอิง แถมยังอวดดีอบรมฉันว่าต้องระวังการให้ข่าว เพราะอาจกระทบความเชื่อมั่นผู้ถือหุ้น ทำยังกับฉันเพิ่งอายุสิบแปดงั้นแหละ”

“แต่ดูคุณไม่ค่อยโกรธเท่าไหร่นะ”

“ตอนนั้นน่ะโกรธค่ะ แต่พอมันผ่านไปแล้ว ฉันว่าผู้ชายคนนี้น่าสนใจ ไอ้ที่เขาเตือนมันก็ถูกต้อง เขาไม่รู้นี่ว่าฉันรู้เรื่องธุรกิจมากน้อยแค่ไหน เตือนไว้ก่อนอย่างมากก็แค่เสี่ยงกับการถูกฉันเหวี่ยงกลับ แต่ถ้าฉันไม่ทันคิด อย่างน้อยเขาก็ทำให้ฉันฉุกใจ จะว่าไปก็รอบคอบไม่เบา ว่าแต่คุณถามทำไมคะ คุณรู้จักเขาเหรอ”

สุพจน์ส่ายหน้า เขาแค่ได้ยินชื่อเสียงของสาวัช ปรเมศวร์ จากหลาย ๆ แหล่ง แต่เพราะยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน เพราะฉะนั้นจะเรียกว่ารู้จักคงไม่ได้

“วันนี้เขาก็มางานนะคะ น้องอิงเชิญมา นั่งอยู่แถวหลัง ๆ ประกบกับคุณหญิงรวีตลอดเลย สงสัยจะควงกันอยู่”

สุพจน์ขมวดคิ้วไม่สบายใจ การที่ลูกสาวคนเล็กเชิญผู้ชายคนนั้นมาร่วมงานด้วย แสดงว่าสาวัชจัดอยู่ในกลุ่ม ‘เพื่อนสนิท’ หวังว่านี่คงไม่ใช่เหตุผลที่หลายวันก่อนอิงอรุณร้องไห้โฮ สะอื้นฮักจนไหล่ไหวแรง ยืนยันแค่คำเดียวว่าอยากยกเลิกการหมั้น แล้วลูกสาวผู้มักรวบรวมความสดใสของโลกทั้งใบมาไว้ด้วยกันเป็นนิจ ก็เปลี่ยนไปสู่โหมดเงียบขรึมซึมเศร้าจนถึงวันนี้ รอยยิ้มในช่วงพิธีนั้น มีหรือเขาจะมองไม่ออกว่าดวงตาลูกแห้งแล้งเสียดเศร้าเพียงใด

สุพจน์เหลือบมองรูปที่วางกระจายอยู่บนโต๊ะอีกครั้งแล้วถอนหายใจ ใจคอคนข้างบนไม่คิดจะส่งบททดสอบง่าย ๆ มาให้ลูกสาวเขาเลย

ไม่ว่าจะพันเทพหรือสาวัช ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่หนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบทั้งสิ้น เส้นทางเดิมก็แย่ ทางเลือกใหม่ก็ใช่ว่าดีนัก เพราะจากวงในที่ทราบมา สุพจน์รู้ดีว่าเรื่องวุ่นระลอกใหม่กำลังรอครอบครัวปรเมศวร์อยู่ข้างหน้า เรื่อง...ที่เกี่ยวพันกับการตายของธนา ปรเมศวร์!



“คุณสาวัชอยู่นี่เอง อิงตามหาแทบทั้งบ้านแน่ะ” น้ำเสียงนุ่มนวล ติดจะเว้าวอนนิด ๆ ดังขึ้นเบื้องหลัง เป็นผลให้ชายหนุ่มละสายตาจากสระบัว หันไปทางต้นเสียง

“ยินดีด้วยครับคุณอิงอรุณ” สาวัชหลุบตาซ่อนความรู้สึก ทว่ากลับเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมองต่ำเขาจึงเห็นแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอชัดเจน เพชรเจียระไนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสทรงหมอนขอบมนหรือที่เรียกว่าคุชชันล้อมด้วยเพชรเม็ดเล็กส่องประกายวิบวับขับให้เพชรชูเด่นขึ้น ตัวเรือนแพลตินัมฝังเพชรตลอดทั้งวงดูงดงาม หรูหรา และสูงค่าจนเขารู้สึกเจ็บแปลบในใจเมื่อตระหนักว่าเธอหลุดลอยไปสู่มือของผู้ชายคนอื่นโดยสมบูรณ์แล้ว

แม้จะเป็นเพียงการหมั้นหมาย แต่สำหรับสตรีผู้มีหน้าตาและเกียรติยศที่ต้องแบกรับเช่นอิงอรุณแล้ว มันแทบไม่ต่างกับการประกาศแต่งงาน หญิงสาวไม่มีวันเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

วันนี้อิงอรุณสวยสง่าในเดรสเจ้าสาวที่ตัดเย็บจากลูกไม้สเปนเนื้อบางเบาคอปาดพอดีตัว แขนเลยข้อศอก ส่วนกระโปรงบานน้อย ๆ อยู่เหนือหัวเข่า ซับด้านในเป็นเกาะอก ทำให้เห็นผิวเนื้อวับแวมแลอ่อนหวานและน่ามองไปพร้อมกัน

เรือนผมสั้นม้วนเป็นเกลียวหลวม ๆ เกล้าขึ้นเปิดใบหน้าหวานให้แจ่มกระจ่าง ทิ้งไรผมบางส่วนเคลียข้างแก้มขับเน้นให้เห็นดวงตากลมสุกใสและจมูกเรียวปลายเชิดนิด ๆ อย่างคนหัวรั้น เธองดงามไร้ที่ติดุจนางฟ้าชะลอลงมาตรงหน้า

ฉากหลังอันโอฬารตระการดุจวิมานของนางฟ้าเป็นฉากที่คู่ควรกับเธอ นี่ต่างหาก...ที่ที่เหมาะสมของอิงอรุณ

ไม่ใช่ร้านก๋วยจั๊บริมทาง หรือการยืนรับประทานไอศกรีมแท่งในสถานีน้ำมันเฉกยามอยู่กับเขา สาวัชรู้ตัวดีว่าเขาไม่มีวันเนรมิตฉากชีวิตที่ดีงามพร้อมเช่นนี้ไว้ให้เธอได้ แค่ตัวเองเขายังแทบเอาไม่รอดอยู่แล้ว!

ถ้าไม่นับเรื่องรสนิยมที่ไม่ปกติ คุณสมบัติข้ออื่นของพันเทพจัดว่าไร้ที่ติ รูปหล่อ การศึกษาดี นิสัยน่าคบ เป็นคนที่ทำให้คนอยู่ใกล้สบายใจและมีความสุข ที่สำคัญพ่อแม่ของชายหนุ่มดูจะรักลูกชายมาก จนเผื่อแผ่ความเอื้อเอ็นดูมาให้กับหญิงสาวผู้เป็นว่าที่สะใภ้ไปด้วย

อิงอรุณกำลังจะมีชีวิตที่ดี...เทียบเท่ากับชีวิตที่เคยเป็นมา เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการมีความรู้สึกอ่อนหวานงดงามให้แก่เขา เขาควรดีใจกับหญิงสาวมากกว่ามานั่งสงสารตัวเองอย่างที่กำลังทำอยู่!

ดูเหมือนเธอจะเข้าใจว่าสายตาเขากำลังจับจ้องอยู่ที่ใด อิงอรุณซ่อนมือไว้ด้านหลัง ทำให้เขาเห็นว่ามืออีกข้าง เธอถือขวดน้ำติดมาด้วย

ชายหนุ่มยื่นมือไปรับขวดน้ำมาบิดเปิดฝาแล้วส่งคืนให้เธอตามความเคยชิน

“วันพิเศษยังดื่มน้ำเปล่าหรือ ผมนึกว่าคุณจะเปิดแชมเปญฉลองซะอีก”

อิงอรุณถอนใจ “ไม่มีเหตุผลอะไรที่ดีพอให้เราต้องทำผิดศีลหรอกค่ะ ส่วนใหญ่มันเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อให้คนทำหลอกตัวเอง และรู้สึกผิดน้อยลงเท่านั้นเอง”

ครั้นเขาไม่เอ่ยอะไร เธอจึงตะกุกตะกักถามอย่างระมัดระวัง “เรื่องคุณพ่อคุณเป็นยังไงบ้างคะ”

“ทางตำรวจคงจะได้บทสรุปเร็ว ๆ นี้ละครับ”

“สู้ ๆ นะคะ ถ้ามีอะไรที่อิงช่วยได้...”

“ผมจัดการทุกอย่างเองได้ ขอบคุณมากที่มีน้ำใจ” เขาขัดขึ้นกลางคันทั้งยังข่มน้ำเสียงมิให้แสดงความน้อยใจ

“ขอโทษด้วยค่ะที่อิงก้าวก่าย” สีหน้าสลดของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกดื้อ ๆ ในใจกู่ตะโกนด้วยความอาวรณ์

กลับไปเถอะอิงอรุณ เดินไปจากตรงนี้ ถ้าต้องใกล้กันแค่นี้ แต่เขากลับไม่มีสิทธิ์ยื่นมือไปคว้าเธอไว้ ก็ให้ห่างไกลกันไปสุดตาเลยดีกว่า!

“ถ้าคำพูดผมทำให้เข้าใจผิดก็ขอโทษด้วย คุณไม่ได้ก้าวก่ายหรอก ผมแค่ไม่อยากให้ตัวเองเคยชินกับการพึ่งพากำลังใจจากใคร คุณควรกลับเข้าไปในงานได้แล้ว เพื่อน ๆ คงอยากฉลองกับคุณ ส่วนผม...คงต้องขอตัวกลับเสียที”

“คุณโอเคใช่ไหมคะ” น้ำเสียงเธอกระท่อนกระแท่น ฟังออกว่าแท้จริงแล้วคนที่ ‘ไม่โอเค’ เลยคือเธอต่างหาก!

“ผมไม่เป็นไรหรอก”

“แล้วทำไมไม่อยู่ฉลองด้วยกันก่อนละคะ”

“อย่าเลย” เขาสบตาเธอนิ่ง ๆ “การที่ผมบอกว่าไม่เป็นไร มันก็เพราะผมอยากให้คุณสบายใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่เป็นอะไรจริง ๆ หรอกนะ”

อิงอรุณเม้มปากแน่น กะพริบตาถี่ ๆ แต่ก็ซ่อนรอยแวววาวที่เอ่อคลอดวงตากลมโตคู่นั้นไม่ได้

สาวัชยิ้มปลอบโยน เอ่ยด้วยความปรารถนาดีจากหัวใจ “ในเมื่อคุณเลือกทางของคุณแล้ว ก็จงก้าวไปข้างหน้า อะไรหรือใครที่คุณทิ้งไว้ข้างหลัง มันย่อมไม่มีค่าพอที่จะหันกลับมาสนใจมันอีก”

หญิงสาวฝืนยิ้มทั้งที่หน้าตาเหมือนใกล้ร้องไห้เต็มแก่ “ขอบคุณมากนะคะที่กรุณามาร่วมงานวันนี้”

“ขอให้คุณกับพันเทพมีความสุขมาก ๆ ถึงงานแต่งเมื่อไหร่ รับรองว่าผมอยู่จนปาร์ตี้จบแน่นอน จะช่วยเก็บของหลังงานด้วย” สาวัชทิ้งท้ายพร้อมกับฝืนยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม

น่าเสียดาย...ยิ้มแรกที่อิงอรุณได้รับจากเขา กลับเป็นรอยยิ้มที่แสนเศร้าและเจ็บปวดเช่นนี้

สาวัชหมุนตัวแยกจากไปทันทีที่เอ่ยจบประโยค มือทั้งคู่กำแน่นดุจต้องการระบายความเจ็บปวดให้ผ่านออกไปทางนั้น

เมื่อกลับมาถึงลานจอดรถ เขาถอนหายใจแหงนมองท้องฟ้า รำพันในใจด้วยความน้อยใจต่อโชคชะตา

‘พรหมลิขิต’ ใจร้ายกับเขาเหลือเกิน ชักนำให้เขาได้พบและรู้จักกับความรัก แต่กลับต้องสูญเสียมันไปโดยไม่มีโอกาสครอบครอง ถ้ารู้ว่าความรักต้องนำมาซึ่งความเจ็บปวดเช่นนี้ เขาคงย้อนเวลากลับไประมัดระวังหัวใจให้ดีกว่าที่ผ่านมา เผื่อว่าหัวใจเขาจะได้ไม่ต้องบาดเจ็บเลือดโซมอย่างที่กำลังเป็นอยู่!



.................................................................



พยศดอกฟ้ามีขายทั้งฉบับหนังสือและอีบุ๊คแล้วนะคะ

โดยจะมีตอนพิเศษให้ฟินกันให้จุใจอีกเกือบหนึ่งร้อยหน้า

จำนวน 600 หน้า ราคา 450 บาท ค่าส่ง 30 บาท

สั่งซื้อหนังสือกับสิริณ : https://goo.gl/HA1QWz

หรือซื้อจากร้านนิยายรัก : https://goo.gl/uPTdCs



​​​​​​​E-book

mebmarket >>https://goo.gl/o9FXn6

ookbee >>https://goo.gl/rf274b

Hytexts >>https://goo.gl/KcekzB







สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มิ.ย. 2561, 21:54:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มิ.ย. 2561, 21:54:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 679





<< ตอนที่ 35   ตอนที่ 37 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account