กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ
ตอน: ตอนที่ 3 เหตุบัญเอิญ กับความโชคร้าย
บทที่ 3
เหตุบังเอิญ กับความโชคร้าย
ภายหลังจากทุ่มเทเวลาในการทำงานติดต่อกันเกือบอาทิตย์ ราเมศก็วางมือและหาเวลาพักผ่อนด้วยการท่องราตรีตามประสาหนุ่มโสด ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีดำลายทางไม่ติดกระดุมคอ เผยให้เห็นสร้อยเลสสีเงินสะท้อนเงา ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่นภายใต้เส้นผมตัดสั้น คิ้วเข้มและดวงตาคม ๆ รับกับจมูกโด่งเป็นสัน แลดูมีเสน่ห์ชวนมองโดยเฉพาะกับเพศตรงกันข้าม
คืนนี้ชายหนุ่มเลือกที่จะมานั่งฟังเพลงเย็น ๆ กับเครื่องดื่มในบาร์หรูย่านใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ภายในมีนักเที่ยวยามราตรีมากหน้าหลายตาทั้งชายหญิง ราเมศเหยียดยิ้มให้กับสาวสวยในชุดกระโปรงสั้นรัดรูปสีแดงสด นัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มที่กำลังเต้นเชิญชวนอยู่บนฟลอเต้นรำ
“ขอมาตินีแก้วหนึ่ง” ราเมศสั่งเครื่องดื่มขณะเดินเข้าไปนั่ง บรรยากาศภายใต้แสงไฟสลัว ชวนให้มองหาสาวสวยสักคนมานั่งดื่มเป็นเพื่อน
ใบหน้าคมคายยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นจิบช้า ๆ ดวงตาคมกริบเหลียวมองไปรอบโต๊ะและสะดุดเข้ากับสาวสวยคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มอยู่ตามลำพัง
ใบหน้าหวานแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เส้นผมยาวเป็นคลื่นปละบ่าหน้าตาน่ารักคล้ายกับตุ๊กตา ร่างบางสวมชุดกระโปรงสีดำยาวจรดหัวเข่าแหวกด้านข้างเล็กน้อย ดูจากภายนอกแล้วน่าจะเป็นขาจรที่แวะเข้ามาหาอะไรดื่มฆ่าเวลามากกว่าที่จะเป็นนักท่องราตรียามค่ำคืน
“เอามาอีกแก้วหนึ่ง” ปิ่นแก้วดื่มรวดเดียวหมด หันไปสั่งบาเทนเดอร์
“คุณดื่มไปสองแก้วแล้วนะครับคุณผู้หญิง” อีกฝ่ายเตือนด้วยความหวังดี
“ไม่ต้องพูดมาก ทำตามที่ฉันสั่งก็พอแล้ว”
ปิ่นแก้วร้องสั่งตามนิสัยคุณหนูผู้เอาแต่ใจ เวลานี้เธอไม่สนอีกแล้วว่าฤทธิ์ของเหล้าจะส่งผลร้ายแรงอย่างไร หญิงสาวต้องการเพียงอย่างเดียวคือต้องการลืมผู้ชายไม่รักดีคนนั้น ลืมความเสียใจให้หมด ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม
“ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ เลวเหมือนกันทุกคนเลย…” ปิ่นแก้วเอามือท้าวคาง บ่นงึมงำในลำคอ ทำเอาผู้ชายที่ได้ยินหันเหลียวมามองพร้อมกัน
ยามปกติปิ่นแก้วไม่ค่อยเข้ามาหาอะไรดื่มแถวนี้มากนัก หากไม่ใช่งานสังสรรค์ตามโอกาสพิเศษต่าง ๆ หากแต่ในคืนนี้เธอไม่ต้องการทั้งเพื่อนดื่มและเพื่อนปลอบใจ เนื่องจากไม่ต้องการให้ใครต่อใครมองเห็นตัวเองในสภาพน่าอายแบบนี้
“ท่าทางคงหนีไม่พ้นอกหัก” ราเมศชำเลืองมองด้วยรอยยิ้ม เห็นมานักต่อนักแล้วเวลาที่ผู้หญิงอกหัก มักหาออกด้วยการมานั่งดื่มเหล้าร้องไห้ฟูมฟายตามลำพังเสมอ
ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองเธออยู่นาน กระทั่งปิ่นแก้วเหลือบมาเห็น ราเมศจึงชูแก้วเหล้าในมือให้แก่เธอพร้อมด้วยรอยยิ้ม แต่กลับถูกหญิงสาวเมินหน้าหนีราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
“โอ้โห...ท่าทางหยิ่งซะด้วย”
เมื่อถูกผู้หญิงทำเฉยชาต่อหน้า ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายจอมเจ้าชู้อย่างราเมศ จึงถูกสั่นคลอนอย่างหนัก ชายหนุ่มยิ้มหยันดวงตาเป็นประกาย เขาไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายยามถูกผู้ชายหักอกและเป็นช่วงที่หัวใจอ่อนแอ จะไม่ต้องการใครสักคนมานั่งเป็นเพื่อนคอยรับฟังปัญหาหัวใจ
ดังนั้นราเมศจึงลุกเดินตรงไปหาเธอพร้อมแก้วน้ำสีอำพันในมือ ก่อนถือวิสาสะนั่งบนเก้าอี้ด้านข้างปิ่นแก้วอย่างไม่หน้าแตก
“สวัสดีครับคนสวย ถ้าไม่รังเกียจให้ผมนั่งด้วยคนนะครับ” ราเมศเอ่ยทักทาย พร้อมกับมอบรอยยิ้มที่ตัวเองเชื่อว่ามีเสน่ห์ที่สุด
ปิ่นแก้วทำเป็นไม่ได้ยิน นั่งจิบแก้วเหล้าของตัวเองต่อ
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าผู้หญิงสวยอย่างคุณ จะมานั่งดื่มคนเดียวตามลำพัง” ราเมศไม่ละความพยายามสร้างไมตรี “เมื่อครู่นี้ผมมองคุณอยู่นานแล้ว ดูเหมือนว่าคุณกำลังมีเรื่องกลุ้มใจไม่น้อย ถ้าไม่รังเกียจผมยินดีอยู่เป็นเพื่อนนั่งฟังคุณเล่าตลอดคืนก็ยังได้นะ”
“ขอบคุณ แต่ฉันไม่ต้องการเพื่อน” ปิ่นแก้วปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย “ถ้าให้ดี กรุณาถอยออกไปห่าง ๆ เพราะฉันต้องการนั่งดื่มคนเดียว”
คำตอบของหญิงสาว ส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ น้อยครั้งนักที่จะได้ยินคำปฏิเสธจากปากสาว ๆ
“อย่าเพิ่งรีบตัดรอนสิครับ ผมแค่อยากเลี้ยงเหล้าคุณสักแก้วเท่านั้นเอง”
หญิงสาวกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะเสียงดังปัง หันขวับไปมองดวงตาเป็นประกาย
“เหล้าแค่นี้ฉันมีปัญญาจ่าย” ปิ่นแก้วเอ่ยเสียงกระด้าง ราเมศถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก
“แต่ว่าผมแค่จะ”
“ไปให้พ้น ฉันเกลียดผู้ชายเจ้าชู้อย่างคุณที่สุด” ไม่พูดเปล่าปิ่นแก้วยังทำท่าจะยกแก้วเหล้าขึ้นสาดหน้าเขาอีกด้วย สีหน้าราเมศเข้มจัดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากผู้คนรอบข้างดังลอยมาให้ได้ยิน
นับว่าเป็นครั้งแรกที่คาสโนวาอย่างราเมศ ตกเป็นฝ่ายเสียหน้าให้แก่หญิงสาวร่างเล็กแต่ใจแข็งราวกับหิน แม่เสือสาวจ้องหน้าเขาอย่างโกรธจัด ใบหน้าปราศจากรอยยิ้มและบ่งบอกชัดเจนว่าเอาจริง หากเขายังไม่ยอมรามือถอยห่างออกมา
“ตกลงครับ” ราเมศยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ผมเองก็ไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงอกหักเท่าไหร่หรอก”
ปิ่นแก้วดวงตาลุกวาว
“นี่คุณ” เธออ้าปากจะเถียง แต่ราเมศผละเดินจากไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว หญิงสาวได้แต่กัดริมฝีปากล่างอย่างขัดใจ
ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ไม่ว่าหน้าไหน ๆ ก็เหมือนกันหมด
“เชอะ...บ้าที่สุดเลย” เธอบ่นเบา ๆ นั่งท้าวคางหมุนแก้วเหล้าในมือไปมาอย่างหัวเสีย
บรรยากาศในร้านเหล้าขุ่นมัวไม่น่าสนุกเหมือนเช่นเคย หลังจากถูกสาวสวยแปลกหน้าเหวี่ยงอารมณ์เข้าใส่อย่างไร้เยื่อใย ราเมศก็เดินเลี่ยงออกมายืนพิงบาร์ด้านในสุด ถือแก้วน้ำสีอำพันโดยไม่มีอารมณ์สนใจมันอีกต่อไป แต่ถึงแม้จะยังหัวเสียกับการถูกปฏิเสธ แต่ดวงตาคม ๆ ก็ยังลอบชำเลืองมองไปทางปิ่นแก้วที่ปล่อยตัวเองให้เมามายอย่างตำหนิ
“ไม่ระมัดระวังตัวเอาเสียเลย” ชายหนุ่มยิ้มหยัน
หลังจากหญิงสาวดื่มหมดไปเป็นแก้วที่สาม ปิ่นแก้วก็เริ่มออกอาการเมาเสียจนแทบครองสติเอาไว้ไม่อยู่ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์กับดวงตาหวานฉ่ำ เป็นเหยื่อล่อแมลงชั้นดีที่ทำให้พวกมันเข้ามาเกาะแกะ
“ว่ายังไงจ้ะคนสวย นั่งดื่มเหล้าคนเดียวไม่เหงาบ้างหรือไง” ชายสองคนสามคนเดินเข้าไปหาเธอ พลางทำตาเจ้าชู้ใส่
ปิ่นแก้วตวัดหางตามอง แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน อีกฝ่ายจึงถือวิสาสะเบียดเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น
“อย่าทำท่าเฉยชานักสิจ้ะ พวกเราแค่อยากรู้จักและนั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อนน้องสาวเท่านั้นเอง”
“ใครเป็นน้องแก ไปให้พ้นเลยไป” ปิ่นแก้วเอ่ยเสียงกระด้าง
“ไม่ไปใครจะทำไม” อีกฝ่ายยียวนกวนประสาท
เมื่อออกปากไล่ไม่ได้ผล ปิ่นแก้วจึงตัดปัญหาด้วยการคว้ากระเป๋าลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปต่อที่อื่น ทว่ายังไม่ทันได้ลุกหนี ชายดังกล่าวก็ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนสนใจ ฉวยจับข้อมือเธอพร้อมกับรั้งเข้ามาใกล้
“จะรีบไปไหน อยู่คุยด้วยกันก่อนสิ”
ปิ่นแก้วสะบัดข้อมืออย่างรังเกียจ แต่ถูกจับยึดไว้แน่นหนา
“ทำอะไรของพวกแก ปล่อยฉันนะ” เธอร้องเสียงดัง
“ถือว่าสวยแล้วทำเป็นหยิ่งหรือไง อย่าล่นตัวไปหน่อยเลยน่า เธอเองก็เป็นพวกนักเที่ยวที่ต้องการจับเหยื่อเหมือนกันนั่นแหละ” ชายตัวใหญ่ยิ้มเยาะ
ซ่าา
“เฮ้ย” ขาดคำน้ำสีอำพันในแก้วเหล้าของปิ่นแก้ว ก็สาดเข้าใส่ใบหน้าของคนพูดด้วยความโมโห สร้างความตกใจให้กับคนที่มุงดูเหตุการณ์เป็นอย่างยิ่ง
“สมน้ำหน้า อยากหาเรื่องกันดีนัก”
ปิ่นแก้วเชิดหน้าอย่างไม่ยี่หระ จะด้วยความเมาหรือนิสัยส่วนตัวก็ช่าง แต่หญิงสาวไม่คิดยอมให้ใครหน้าไหนมาดูถูกเอาง่าย ๆ อยู่แล้ว
“หนอย นังนี่มันจะมากไปแล้ว”
คนอื่นพากันหวีดร้องอย่างตกใจ เพราะคิดว่าพวกผู้ชายอันธพาลจะต้องรุมทำร้ายหญิงสาวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่แล้วเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร เนื่องจากมีใครบางคนกระโจนเข้ามาจากทางด้านหลัง เหวี่ยงหมัดเข้าใส่ชายฉกรรจ์จนล้มคว่ำ และหันมาจัดการกับพรรคพวกที่เหลือชนิดตั้งตัวไม่ติด
ผัวะ “อั่ก”
“แก ไอ้บัดซบ”
ราเมศเอี้ยวตัวหลบหมัดที่เหวี่ยงเข้ามา ก่อนประเคนเข่าสวนเข้าที่กลางลำตัวของอันธพาลคนสุดท้าย จนมันลงไปนอนตัวงออยู่บนพื้นด้วยความจุก ฉากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ปิ่นแก้วหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ก่อนที่ราเมศจะหันไปฉุดข้อมือบางพร้อมกับร้องตะโกน
“วิ่งตามผมมาเร็วเข้า มัวยืนทื่ออยู่ได้”
แทบไม่ต้องรอคำตอบ ราเมศก็ออกแรงฉุดปิ่นแก้วให้วิ่งตามออกไปยังประตูหลังโดยไม่รอช้า หญิงสาวออกแรงขัดขืนมาตลอดทาง กระทั่งเดินมาถึงบริเวณลานจอดรถ ชายหนุ่มจึงยอมปล่อยมือ
“ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ เจ็บนะ” ปิ่นแก้วร้องโวย
“ผมต่างหากที่ต้องถาม ว่าคุณทำบ้าอะไรลงไป” ราเมศสวนกลับด้วยความโมโห “พวกมันเป็นกลุ่มนักเลงอันธพาลนะ คุณเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กล้าเอาเหล้าไปสาดใส่หน้าพวกมันได้ยังไง เดี๋ยวก็ได้เจอดีหรอก”
“ช่างสิ ไม่เห็นจะกลัวเลย” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาตอบ
“ว่ายังไงนะ”
“ช่วยไม่ได้นี่ พวกมันอยากลวนลามฉันก่อนทำไม คุณนั่นแหละที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง คนไม่ได้ขอร้องให้ช่วยสักหน่อย”
ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นสีเข้มด้วยความโกรธ ให้ตายเถอะ ผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขาเวลานี้ยังสติดีอยู่หรือเปล่า ถ้าเมื่อกี้เขาไม่เข้าไปช่วยเธอออกมา ป่านนี้จะมีสภาพเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ แต่แทนที่หญิงสาวจะสำนึกขอบคุณ กลับกลายเป็นหาว่าเขายุ่งไม่เข้าเรื่องซะอย่างนั้น
“เอาล่ะคนสวย ผมเองก็ไม่ได้อยากยุ่งกับคุณนักหรอกนะ แต่ไม่อยากปล่อยให้ผู้หญิงถูกรุมทำร้ายต่อหน้าต่อตาเท่านั้นเอง”
ราเมศสรุปอย่างหัวเสีย
“ตอนนี้หมดหน้าที่ผมแล้ว คุณเองก็ควรรีบกลับบ้านไปพักผ่อนซะ หากพวกมันฟื้นแล้ววิ่งตามออกมา จะกลายเป็นเรื่องยุ่งกันไปใหญ่”
“รู้แล้วน่า...” ปิ่นแก้วบ่นงึมงำ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าควานหากุญแจรถ “กุญแจรถไปซ่อนอยู่ตรงไหนกันเนี่ย”
อาการเมาไม่สร่างของหญิงสาว สร้างความหนักอกหนักใจให้แก่ราเมศไม่น้อย ขืนปล่อยให้ขับรถกลับบ้านในสภาพแบบนี้ เห็นทีชาตินี้ก็คงไปไม่ถึง
“พอเถอะไม่ต้องหากุญแจแล้ว เดี๋ยวผมอาสาขับรถไปส่งที่บ้านให้ แล้วก็ช่วยบอกทางดี ๆ อย่าให้หลงล่ะ” ร่างสูงถอนหายใจยาว
“ขอบใจ แต่ฉันกลับเองได้”
“เมาขนาดนี้ยังจะอวดเก่งอีก ถามจริง ๆ เถอะคุณไม่เคยได้ยินสโลแกน ‘เมาไม่ขับ’ บ้างหรือไง อย่าหาว่าผมไม่เตือนเลยนะ แต่สารรูปอย่างคุณนี่อย่างเก่งก็ขับไปได้แค่หน้าถนนเท่านั้นแหละ”
ราเมศยกมือขึ้นท้าวเอว จ้องหน้าเธอราวกับกำลังดุเด็ก
“เชอะ...ดูถูก” ปิ่นแก้วหันไปทางคนพูดอย่างหมั่นไส้ แต่แล้วก็ต้องยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างงง ๆ “ทำไมคุณมีหลายหน้าจังเลยล่ะ”
หญิงสาวสะบัดศีรษะไปมา
“สงสัยจะดื่มมากไปนิดแฮะ”
“นี่คุณ อย่าเพิ่งมาเมาตรงนี้นะ รีบขึ้นรถได้แล้วผมจะได้รีบไปส่ง” ราเมศหันไปเปิดประตูรถให้
แต่เมื่อปิ่นแก้วได้กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศที่ลอยออกมาจากรถยนต์คันหรู อาการคลื่นเหียนต่าง ๆ ก็สำแดงอาการออกมาทันที
“อื้อ” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากหน้าซีดเผือด ร้อนถึงราเมศต้องก้าวเข้ามาช่วยประคอง
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ”
“ฉัน...คลื่นไส้”
“อะไรนะ อย่าล้อเล่นน่า เฮ้” ขาดคำ ปิ่นแก้วก็อาเจียนใส่แขนเสื้อชายหนุ่ม กลายเป็นความโชคร้ายยกกำลังสอง “โอ...ให้ตายเถอะ”
...ภายหลังจากที่ปิ่นแก้วเสร็จธุระของตัวเอง ร่างบางก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ทิ้งภาระใหญ่หลวงให้ราเมศแก้ปัญหาตามหลังนานกว่าสิบนาที ชายหนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตตัวเก่ายัดไว้ด้านหลังเบาะเหลือไว้เพียงเสื้อยืดตัวใน
ราเมศระบายลมหายใจออกมาช้า ๆ ท้าวศอกมองดูหญิงสาวกำลังนั่งหลับตาพริ้มอยู่บนเบาะด้านข้างคนขับอย่างไม่วายหัวเสีย
“ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ” เพลบอยหนุ่มส่ายหน้าอย่างจนแต้ม “เล่นหลับสนิทแบบนี้...แล้วผมจะพาคุณกลับไปส่งบ้านถูกได้ยังไงกันล่ะ...”
************************
เหตุบังเอิญ กับความโชคร้าย
ภายหลังจากทุ่มเทเวลาในการทำงานติดต่อกันเกือบอาทิตย์ ราเมศก็วางมือและหาเวลาพักผ่อนด้วยการท่องราตรีตามประสาหนุ่มโสด ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีดำลายทางไม่ติดกระดุมคอ เผยให้เห็นสร้อยเลสสีเงินสะท้อนเงา ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่นภายใต้เส้นผมตัดสั้น คิ้วเข้มและดวงตาคม ๆ รับกับจมูกโด่งเป็นสัน แลดูมีเสน่ห์ชวนมองโดยเฉพาะกับเพศตรงกันข้าม
คืนนี้ชายหนุ่มเลือกที่จะมานั่งฟังเพลงเย็น ๆ กับเครื่องดื่มในบาร์หรูย่านใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ภายในมีนักเที่ยวยามราตรีมากหน้าหลายตาทั้งชายหญิง ราเมศเหยียดยิ้มให้กับสาวสวยในชุดกระโปรงสั้นรัดรูปสีแดงสด นัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มที่กำลังเต้นเชิญชวนอยู่บนฟลอเต้นรำ
“ขอมาตินีแก้วหนึ่ง” ราเมศสั่งเครื่องดื่มขณะเดินเข้าไปนั่ง บรรยากาศภายใต้แสงไฟสลัว ชวนให้มองหาสาวสวยสักคนมานั่งดื่มเป็นเพื่อน
ใบหน้าคมคายยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นจิบช้า ๆ ดวงตาคมกริบเหลียวมองไปรอบโต๊ะและสะดุดเข้ากับสาวสวยคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มอยู่ตามลำพัง
ใบหน้าหวานแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เส้นผมยาวเป็นคลื่นปละบ่าหน้าตาน่ารักคล้ายกับตุ๊กตา ร่างบางสวมชุดกระโปรงสีดำยาวจรดหัวเข่าแหวกด้านข้างเล็กน้อย ดูจากภายนอกแล้วน่าจะเป็นขาจรที่แวะเข้ามาหาอะไรดื่มฆ่าเวลามากกว่าที่จะเป็นนักท่องราตรียามค่ำคืน
“เอามาอีกแก้วหนึ่ง” ปิ่นแก้วดื่มรวดเดียวหมด หันไปสั่งบาเทนเดอร์
“คุณดื่มไปสองแก้วแล้วนะครับคุณผู้หญิง” อีกฝ่ายเตือนด้วยความหวังดี
“ไม่ต้องพูดมาก ทำตามที่ฉันสั่งก็พอแล้ว”
ปิ่นแก้วร้องสั่งตามนิสัยคุณหนูผู้เอาแต่ใจ เวลานี้เธอไม่สนอีกแล้วว่าฤทธิ์ของเหล้าจะส่งผลร้ายแรงอย่างไร หญิงสาวต้องการเพียงอย่างเดียวคือต้องการลืมผู้ชายไม่รักดีคนนั้น ลืมความเสียใจให้หมด ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม
“ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ เลวเหมือนกันทุกคนเลย…” ปิ่นแก้วเอามือท้าวคาง บ่นงึมงำในลำคอ ทำเอาผู้ชายที่ได้ยินหันเหลียวมามองพร้อมกัน
ยามปกติปิ่นแก้วไม่ค่อยเข้ามาหาอะไรดื่มแถวนี้มากนัก หากไม่ใช่งานสังสรรค์ตามโอกาสพิเศษต่าง ๆ หากแต่ในคืนนี้เธอไม่ต้องการทั้งเพื่อนดื่มและเพื่อนปลอบใจ เนื่องจากไม่ต้องการให้ใครต่อใครมองเห็นตัวเองในสภาพน่าอายแบบนี้
“ท่าทางคงหนีไม่พ้นอกหัก” ราเมศชำเลืองมองด้วยรอยยิ้ม เห็นมานักต่อนักแล้วเวลาที่ผู้หญิงอกหัก มักหาออกด้วยการมานั่งดื่มเหล้าร้องไห้ฟูมฟายตามลำพังเสมอ
ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองเธออยู่นาน กระทั่งปิ่นแก้วเหลือบมาเห็น ราเมศจึงชูแก้วเหล้าในมือให้แก่เธอพร้อมด้วยรอยยิ้ม แต่กลับถูกหญิงสาวเมินหน้าหนีราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
“โอ้โห...ท่าทางหยิ่งซะด้วย”
เมื่อถูกผู้หญิงทำเฉยชาต่อหน้า ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายจอมเจ้าชู้อย่างราเมศ จึงถูกสั่นคลอนอย่างหนัก ชายหนุ่มยิ้มหยันดวงตาเป็นประกาย เขาไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายยามถูกผู้ชายหักอกและเป็นช่วงที่หัวใจอ่อนแอ จะไม่ต้องการใครสักคนมานั่งเป็นเพื่อนคอยรับฟังปัญหาหัวใจ
ดังนั้นราเมศจึงลุกเดินตรงไปหาเธอพร้อมแก้วน้ำสีอำพันในมือ ก่อนถือวิสาสะนั่งบนเก้าอี้ด้านข้างปิ่นแก้วอย่างไม่หน้าแตก
“สวัสดีครับคนสวย ถ้าไม่รังเกียจให้ผมนั่งด้วยคนนะครับ” ราเมศเอ่ยทักทาย พร้อมกับมอบรอยยิ้มที่ตัวเองเชื่อว่ามีเสน่ห์ที่สุด
ปิ่นแก้วทำเป็นไม่ได้ยิน นั่งจิบแก้วเหล้าของตัวเองต่อ
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าผู้หญิงสวยอย่างคุณ จะมานั่งดื่มคนเดียวตามลำพัง” ราเมศไม่ละความพยายามสร้างไมตรี “เมื่อครู่นี้ผมมองคุณอยู่นานแล้ว ดูเหมือนว่าคุณกำลังมีเรื่องกลุ้มใจไม่น้อย ถ้าไม่รังเกียจผมยินดีอยู่เป็นเพื่อนนั่งฟังคุณเล่าตลอดคืนก็ยังได้นะ”
“ขอบคุณ แต่ฉันไม่ต้องการเพื่อน” ปิ่นแก้วปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย “ถ้าให้ดี กรุณาถอยออกไปห่าง ๆ เพราะฉันต้องการนั่งดื่มคนเดียว”
คำตอบของหญิงสาว ส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ น้อยครั้งนักที่จะได้ยินคำปฏิเสธจากปากสาว ๆ
“อย่าเพิ่งรีบตัดรอนสิครับ ผมแค่อยากเลี้ยงเหล้าคุณสักแก้วเท่านั้นเอง”
หญิงสาวกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะเสียงดังปัง หันขวับไปมองดวงตาเป็นประกาย
“เหล้าแค่นี้ฉันมีปัญญาจ่าย” ปิ่นแก้วเอ่ยเสียงกระด้าง ราเมศถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก
“แต่ว่าผมแค่จะ”
“ไปให้พ้น ฉันเกลียดผู้ชายเจ้าชู้อย่างคุณที่สุด” ไม่พูดเปล่าปิ่นแก้วยังทำท่าจะยกแก้วเหล้าขึ้นสาดหน้าเขาอีกด้วย สีหน้าราเมศเข้มจัดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากผู้คนรอบข้างดังลอยมาให้ได้ยิน
นับว่าเป็นครั้งแรกที่คาสโนวาอย่างราเมศ ตกเป็นฝ่ายเสียหน้าให้แก่หญิงสาวร่างเล็กแต่ใจแข็งราวกับหิน แม่เสือสาวจ้องหน้าเขาอย่างโกรธจัด ใบหน้าปราศจากรอยยิ้มและบ่งบอกชัดเจนว่าเอาจริง หากเขายังไม่ยอมรามือถอยห่างออกมา
“ตกลงครับ” ราเมศยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ผมเองก็ไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงอกหักเท่าไหร่หรอก”
ปิ่นแก้วดวงตาลุกวาว
“นี่คุณ” เธออ้าปากจะเถียง แต่ราเมศผละเดินจากไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว หญิงสาวได้แต่กัดริมฝีปากล่างอย่างขัดใจ
ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ไม่ว่าหน้าไหน ๆ ก็เหมือนกันหมด
“เชอะ...บ้าที่สุดเลย” เธอบ่นเบา ๆ นั่งท้าวคางหมุนแก้วเหล้าในมือไปมาอย่างหัวเสีย
บรรยากาศในร้านเหล้าขุ่นมัวไม่น่าสนุกเหมือนเช่นเคย หลังจากถูกสาวสวยแปลกหน้าเหวี่ยงอารมณ์เข้าใส่อย่างไร้เยื่อใย ราเมศก็เดินเลี่ยงออกมายืนพิงบาร์ด้านในสุด ถือแก้วน้ำสีอำพันโดยไม่มีอารมณ์สนใจมันอีกต่อไป แต่ถึงแม้จะยังหัวเสียกับการถูกปฏิเสธ แต่ดวงตาคม ๆ ก็ยังลอบชำเลืองมองไปทางปิ่นแก้วที่ปล่อยตัวเองให้เมามายอย่างตำหนิ
“ไม่ระมัดระวังตัวเอาเสียเลย” ชายหนุ่มยิ้มหยัน
หลังจากหญิงสาวดื่มหมดไปเป็นแก้วที่สาม ปิ่นแก้วก็เริ่มออกอาการเมาเสียจนแทบครองสติเอาไว้ไม่อยู่ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์กับดวงตาหวานฉ่ำ เป็นเหยื่อล่อแมลงชั้นดีที่ทำให้พวกมันเข้ามาเกาะแกะ
“ว่ายังไงจ้ะคนสวย นั่งดื่มเหล้าคนเดียวไม่เหงาบ้างหรือไง” ชายสองคนสามคนเดินเข้าไปหาเธอ พลางทำตาเจ้าชู้ใส่
ปิ่นแก้วตวัดหางตามอง แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน อีกฝ่ายจึงถือวิสาสะเบียดเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น
“อย่าทำท่าเฉยชานักสิจ้ะ พวกเราแค่อยากรู้จักและนั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อนน้องสาวเท่านั้นเอง”
“ใครเป็นน้องแก ไปให้พ้นเลยไป” ปิ่นแก้วเอ่ยเสียงกระด้าง
“ไม่ไปใครจะทำไม” อีกฝ่ายยียวนกวนประสาท
เมื่อออกปากไล่ไม่ได้ผล ปิ่นแก้วจึงตัดปัญหาด้วยการคว้ากระเป๋าลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปต่อที่อื่น ทว่ายังไม่ทันได้ลุกหนี ชายดังกล่าวก็ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนสนใจ ฉวยจับข้อมือเธอพร้อมกับรั้งเข้ามาใกล้
“จะรีบไปไหน อยู่คุยด้วยกันก่อนสิ”
ปิ่นแก้วสะบัดข้อมืออย่างรังเกียจ แต่ถูกจับยึดไว้แน่นหนา
“ทำอะไรของพวกแก ปล่อยฉันนะ” เธอร้องเสียงดัง
“ถือว่าสวยแล้วทำเป็นหยิ่งหรือไง อย่าล่นตัวไปหน่อยเลยน่า เธอเองก็เป็นพวกนักเที่ยวที่ต้องการจับเหยื่อเหมือนกันนั่นแหละ” ชายตัวใหญ่ยิ้มเยาะ
ซ่าา
“เฮ้ย” ขาดคำน้ำสีอำพันในแก้วเหล้าของปิ่นแก้ว ก็สาดเข้าใส่ใบหน้าของคนพูดด้วยความโมโห สร้างความตกใจให้กับคนที่มุงดูเหตุการณ์เป็นอย่างยิ่ง
“สมน้ำหน้า อยากหาเรื่องกันดีนัก”
ปิ่นแก้วเชิดหน้าอย่างไม่ยี่หระ จะด้วยความเมาหรือนิสัยส่วนตัวก็ช่าง แต่หญิงสาวไม่คิดยอมให้ใครหน้าไหนมาดูถูกเอาง่าย ๆ อยู่แล้ว
“หนอย นังนี่มันจะมากไปแล้ว”
คนอื่นพากันหวีดร้องอย่างตกใจ เพราะคิดว่าพวกผู้ชายอันธพาลจะต้องรุมทำร้ายหญิงสาวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่แล้วเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร เนื่องจากมีใครบางคนกระโจนเข้ามาจากทางด้านหลัง เหวี่ยงหมัดเข้าใส่ชายฉกรรจ์จนล้มคว่ำ และหันมาจัดการกับพรรคพวกที่เหลือชนิดตั้งตัวไม่ติด
ผัวะ “อั่ก”
“แก ไอ้บัดซบ”
ราเมศเอี้ยวตัวหลบหมัดที่เหวี่ยงเข้ามา ก่อนประเคนเข่าสวนเข้าที่กลางลำตัวของอันธพาลคนสุดท้าย จนมันลงไปนอนตัวงออยู่บนพื้นด้วยความจุก ฉากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ปิ่นแก้วหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ก่อนที่ราเมศจะหันไปฉุดข้อมือบางพร้อมกับร้องตะโกน
“วิ่งตามผมมาเร็วเข้า มัวยืนทื่ออยู่ได้”
แทบไม่ต้องรอคำตอบ ราเมศก็ออกแรงฉุดปิ่นแก้วให้วิ่งตามออกไปยังประตูหลังโดยไม่รอช้า หญิงสาวออกแรงขัดขืนมาตลอดทาง กระทั่งเดินมาถึงบริเวณลานจอดรถ ชายหนุ่มจึงยอมปล่อยมือ
“ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ เจ็บนะ” ปิ่นแก้วร้องโวย
“ผมต่างหากที่ต้องถาม ว่าคุณทำบ้าอะไรลงไป” ราเมศสวนกลับด้วยความโมโห “พวกมันเป็นกลุ่มนักเลงอันธพาลนะ คุณเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กล้าเอาเหล้าไปสาดใส่หน้าพวกมันได้ยังไง เดี๋ยวก็ได้เจอดีหรอก”
“ช่างสิ ไม่เห็นจะกลัวเลย” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาตอบ
“ว่ายังไงนะ”
“ช่วยไม่ได้นี่ พวกมันอยากลวนลามฉันก่อนทำไม คุณนั่นแหละที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง คนไม่ได้ขอร้องให้ช่วยสักหน่อย”
ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นสีเข้มด้วยความโกรธ ให้ตายเถอะ ผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขาเวลานี้ยังสติดีอยู่หรือเปล่า ถ้าเมื่อกี้เขาไม่เข้าไปช่วยเธอออกมา ป่านนี้จะมีสภาพเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ แต่แทนที่หญิงสาวจะสำนึกขอบคุณ กลับกลายเป็นหาว่าเขายุ่งไม่เข้าเรื่องซะอย่างนั้น
“เอาล่ะคนสวย ผมเองก็ไม่ได้อยากยุ่งกับคุณนักหรอกนะ แต่ไม่อยากปล่อยให้ผู้หญิงถูกรุมทำร้ายต่อหน้าต่อตาเท่านั้นเอง”
ราเมศสรุปอย่างหัวเสีย
“ตอนนี้หมดหน้าที่ผมแล้ว คุณเองก็ควรรีบกลับบ้านไปพักผ่อนซะ หากพวกมันฟื้นแล้ววิ่งตามออกมา จะกลายเป็นเรื่องยุ่งกันไปใหญ่”
“รู้แล้วน่า...” ปิ่นแก้วบ่นงึมงำ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าควานหากุญแจรถ “กุญแจรถไปซ่อนอยู่ตรงไหนกันเนี่ย”
อาการเมาไม่สร่างของหญิงสาว สร้างความหนักอกหนักใจให้แก่ราเมศไม่น้อย ขืนปล่อยให้ขับรถกลับบ้านในสภาพแบบนี้ เห็นทีชาตินี้ก็คงไปไม่ถึง
“พอเถอะไม่ต้องหากุญแจแล้ว เดี๋ยวผมอาสาขับรถไปส่งที่บ้านให้ แล้วก็ช่วยบอกทางดี ๆ อย่าให้หลงล่ะ” ร่างสูงถอนหายใจยาว
“ขอบใจ แต่ฉันกลับเองได้”
“เมาขนาดนี้ยังจะอวดเก่งอีก ถามจริง ๆ เถอะคุณไม่เคยได้ยินสโลแกน ‘เมาไม่ขับ’ บ้างหรือไง อย่าหาว่าผมไม่เตือนเลยนะ แต่สารรูปอย่างคุณนี่อย่างเก่งก็ขับไปได้แค่หน้าถนนเท่านั้นแหละ”
ราเมศยกมือขึ้นท้าวเอว จ้องหน้าเธอราวกับกำลังดุเด็ก
“เชอะ...ดูถูก” ปิ่นแก้วหันไปทางคนพูดอย่างหมั่นไส้ แต่แล้วก็ต้องยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างงง ๆ “ทำไมคุณมีหลายหน้าจังเลยล่ะ”
หญิงสาวสะบัดศีรษะไปมา
“สงสัยจะดื่มมากไปนิดแฮะ”
“นี่คุณ อย่าเพิ่งมาเมาตรงนี้นะ รีบขึ้นรถได้แล้วผมจะได้รีบไปส่ง” ราเมศหันไปเปิดประตูรถให้
แต่เมื่อปิ่นแก้วได้กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศที่ลอยออกมาจากรถยนต์คันหรู อาการคลื่นเหียนต่าง ๆ ก็สำแดงอาการออกมาทันที
“อื้อ” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากหน้าซีดเผือด ร้อนถึงราเมศต้องก้าวเข้ามาช่วยประคอง
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ”
“ฉัน...คลื่นไส้”
“อะไรนะ อย่าล้อเล่นน่า เฮ้” ขาดคำ ปิ่นแก้วก็อาเจียนใส่แขนเสื้อชายหนุ่ม กลายเป็นความโชคร้ายยกกำลังสอง “โอ...ให้ตายเถอะ”
...ภายหลังจากที่ปิ่นแก้วเสร็จธุระของตัวเอง ร่างบางก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ทิ้งภาระใหญ่หลวงให้ราเมศแก้ปัญหาตามหลังนานกว่าสิบนาที ชายหนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตตัวเก่ายัดไว้ด้านหลังเบาะเหลือไว้เพียงเสื้อยืดตัวใน
ราเมศระบายลมหายใจออกมาช้า ๆ ท้าวศอกมองดูหญิงสาวกำลังนั่งหลับตาพริ้มอยู่บนเบาะด้านข้างคนขับอย่างไม่วายหัวเสีย
“ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ” เพลบอยหนุ่มส่ายหน้าอย่างจนแต้ม “เล่นหลับสนิทแบบนี้...แล้วผมจะพาคุณกลับไปส่งบ้านถูกได้ยังไงกันล่ะ...”
************************

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2554, 10:35:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ส.ค. 2554, 10:35:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 2514
<< ตอนที่ 2 แผนการ ป่วนหัวใจ | ตอนที่ 4 จูบแรก >> |



Zephyr 17 ส.ค. 2554, 13:44:23 น.
จริงๆไม่ต้องดูตัวก็ได้เนอะ ยังไงเค้าก็ได้เจอกันอยู่แล้ว อิอิ แต่นะถ้าไม่ดูตัวเรื่องนี้คงมีแค่คู่เดียว ตอนนี้มีสองคู่แล้ว มาลุ้นต่อค่ะ
จริงๆไม่ต้องดูตัวก็ได้เนอะ ยังไงเค้าก็ได้เจอกันอยู่แล้ว อิอิ แต่นะถ้าไม่ดูตัวเรื่องนี้คงมีแค่คู่เดียว ตอนนี้มีสองคู่แล้ว มาลุ้นต่อค่ะ

Gingfara 18 ส.ค. 2554, 00:23:35 น.
รอลุ้นค่ะ เอาให้เดี้ยงเลย อิอิ แรงไปๆๆ
รอลุ้นค่ะ เอาให้เดี้ยงเลย อิอิ แรงไปๆๆ

anOO 28 ส.ค. 2554, 14:07:53 น.
กะแล้วเชียว...ว่าคู่นี้ยังไงก็หนีกันไม่พ้น
กะแล้วเชียว...ว่าคู่นี้ยังไงก็หนีกันไม่พ้น