กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ

ตอน: ตอนที่ 4 จูบแรก

บทที่ 4
จูบแรก

...แดดยามอรุณรุ่งทอแสงผ่านกระจกหน้าต่างกระทบแพขนตาหนา ส่งผลให้ปิ่นแก้วขมวดคิ้วแกมหงุดหงิด ร่างบางพลิกตัวนอนตะแคงป่ายมือเปะปะดึงผ้าห่มขึ้นมากอดนอนต่อ ดวงหน้าหวานหลับตาพริ้มราวกับเด็ก ๆ เส้นผมนุ่มสลวยเคลียหน้าผากมนและไหล่บางดูยวนตา

“อืม...” ปิ่นแก้วครางแผ่วในลำคอ ซุกตัวเบียดหาไออุ่นจากหมอนข้าง ความนุ่มสบายของฟูกใต้แผ่นหลังทำให้เธอไม่อยากตื่นเอาเสียเลย

ทว่าเสียงดังแปลก ๆ ริมหู ก็สร้างความรำคาญให้ปิ่นแก้ว เสียจนต้องปรือตาขึ้นมองอย่างหงุดหงิด และเมื่อหญิงสาวมองเห็นที่มาของเสียงประหลาดเต็มสองตา ปิ่นแก้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจสุดขีด !

เธอตกใจแทบสิ้นสติ เพราะนอกจากเธอจะไม่ได้อยู่บนเตียงของตัวเองแล้ว หมอนข้างที่กำลังกอดก่ายเสียงดิบดี ยังกลายสภาพเป็นชายหนุ่มเปลือยอกโชว์มัดกล้าม หน้าตาหล่อเหลานอนหันหน้ามาทางเธอ ในระยะใกล้เสียจนน่าตกใจ ปิ่นแก้วอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกหน้าตาแดงก่ำ ก่อนกรีดร้องออกมาสุดเสียง

“กรี้ดด”

เสียงร้องที่ดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วห้อง ทำให้ราเมศตกใจตื่นขึ้นทันที ร่างสูงยกมือขึ้นเกาท้ายทอยหันมาทางปิ่นแก้ว ด้วยท่าทางเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ ทำเอาเธอถึงกับหน้าร้อนผ่าวควันออกหู

“อะไรกันคุณ...ร้องเสียงดังขนาดนี้ เดี๋ยวข้างห้องก็เดินมาเคาะประตูเอาหรอก” เขาเอ่ยน้ำเสียงเนือย ๆ เส้นผมดกดำไม่เป็นระเบียบ

“คะ คุณทำอะไรฉัน” ปิ่นแก้วกลั้นใจถามออกไป

หญิงสาวรีบก้มลงสำรวจร่างกายตัวเองอย่างละเอียดแล้วก็แทบช็อก เมื่อพบว่าเสื้อผ้าที่เธอใส่มาเมื่อคืนถูกถอดออกไป กลายเป็นเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่มาแทนที่ หัวใจของเธอหล่นวูบหน้าซีดเผือด

“เสื้อผ้าของฉัน...หายไปไหน” เธอกระซิบเสียงแหบพร่า ทำท่าเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้

ราเมศนั่งท้าวแขนลงบนเตียงจ้องหน้าเธอพร้อมกับเหยียดยิ้ม

“อยู่ในตะกร้านั่นไง” เขาชำเลืองมองไปยังตะกร้ามุมห้อง

“นาย ไอ้คนบ้า กล้าดียังไงถึงทำแบบนี้กับฉัน” ปิ่นแก้วกรีดร้องเสียงดัง คว้าหมอนใบใหญ่ขึ้นมากระหน่ำฟาดใส่ราเมศด้วยความโกรธสุดขีด จนอีกฝ่ายต้องยกมือขั้นปัดป้องเป็นพัลวัน

“เฮ้ เดี๋ยวสิคุณ มันเจ็บนะ” เขาร้องบอก แต่ปิ่นแก้วไม่ฟังเสียง

“ไอ้บ้ากาม ไอ้คนฉวยโอกาส ฉันจะฆ่านาย” คุณหนูผู้เอาแต่ใจหยิบฉวยทุกอย่างจากโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาคว้างใส่ราเมศ ราวกับต้องการให้เขาตายลงไปต่อหน้า ราเมศยกมือขึ้นรับสันหนังสือเล่มหนาแทบไม่ทัน

ใครเล่าจะไปคิดว่าการพาหญิงสาวแปลกน้ากลับมาด้วย จะกลายเป็นการทำบุญบูชาโทษได้ถึงขนาดนี้ ตอนแรกเขาตั้งใจรอให้เธอสร่างเมาเสียก่อนแล้วค่อยพาไปส่งที่บ้าน แต่แม่เสือสาวดันอาเจียนออกมาจนเสื้อผ้าเลอะเทอะ ราเมศจึงจำใจต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ แต่กลับกลายเป็นสาเหตุทำให้เธอยิ่งโกรธหนักเข้าไปใหญ่

“เดี๋ยวสิคุณ มันเจ็บนะ ฟังผมอธิบายก่อนได้ไหม”

“ไม่ฟัง ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ไปตายซะไป” ปิ่นแก้วร้องตะโกนทั้งน้ำตา

ราเมศเดาะลิ้นอย่างไม่วายหงุดหงิด ใจจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับเธออยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินวาจาร้ายกาจจากปากสาวสวยเข้า ชายหนุ่มก็อดที่จะโมโหไม่ได้เหมือนกัน ร่างสูงฉวยข้อมือบางมารวบเอาไว้พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“นี่คุณ ถ้าคุณยังไม่หายจากอาการสร่างเมาละก็ ผมจะช่วยเตือนความจำให้ก็ได้นะ ว่าเมื่อคืนคุณเมามากและถ้าผมไม่เข้าไปช่วยไว้ล่ะก็ ป่านนี้คุณคงถูกพวกอันธพาลฉุดไปรุมโทรมเรียบร้อยแล้ว แล้วนี่ยังจะ..”

ราเมศอ้าปากจะอธิบาย แต่ปิ่นแก้วสวนกลับอย่างรวดเร็ว

“อ๋อ ก็เลยทวงบุญคุณด้วยการพากลับมานอนที่บ้านแทนงั้นสิ”

“ผมเปล่านะ”

“เปล่ายังไง หลักฐานคาตาขนาดนี้ยังจะว่าไม่ได้ทำอีกเหรอ” ปิ่นแก้วหน้าแดงจัด จ้องเป๋งไปยังร่างเปลือยท่อนบนของคนตัวสูงอย่างกล่าวหา ทำเอาราเมศทำหน้าอธิบายไม่ถูก

“เรื่องนั้นมัน...เอ่อ”

“ว่ายังไง แก้ตัวไม่ขึ้นละสิ ไหนจะยังเรื่องเสื้อผ้าของฉันอีก คุณนี่มันเลวจริง ๆ เลย”

“เดี๋ยวก่อนสิ คุณกำลังเข้าใจผิดนะ ที่ผมถือวิสาสะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณนั่นเพราะเมื่อคุณคุณเมามาก ไม่ใช่สิ...คือผมกำลังจะพูดว่าคุณเมาแล้วก็อาเจียนต่างหาก”

ราเมศพยายามอธิบายอย่างมีสติ แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง

“สาบานได้ว่าผมไม่เห็นอะไรเลย อย่างมากก็แค่เลือน ๆ นิดหน่อยเท่านั้น”

“คนบ้า”

เพียะ

ปิ่นแก้วหน้าแดงจัด เหวี่ยงฝ่ามือเล็กเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรง ราเมศถึงกับหน้าหัน ชายหนุ่มถึงกับอึ้งจัดเพราะตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าตบหน้าเขาขนาดนี้มาก่อน ความเจ็บแปลบที่แล่นริ้วอยู่บนใบหน้า ทำให้ราเมศหันมาจ้องปิ่นแก้วอย่างฉุน ๆ

“คุณตบผม” เขาตวัดเสียง

“แล้วนึกว่าฉันกำลังจูบนายอยู่หรือไง” ปิ่นแก้วเองก็แรงไม่แพ้กัน นิสัยสุดขั้วระหว่างเขาและเธอเปรียบเสมือนน้ำมันกับไฟไม่มีผิด “อย่านึกนะว่าเรื่องนี้จะจบลงง่าย ๆ คอยดูเถอะฉันจะกลับไปฟ้องคุณพ่อ ให้ส่งมือปืนมาเก็บนายเสียเลย”

เธอข่มขู่นัยน์ตาวาว หวังทำให้อีกฝ่ายกลัวจนหัวหด

ราเมศยิ้มหยันออกมาที่มุมปาก ยิ่งพิศเห็นดวงหน้างามกับดวงตาคู่สวยในระยะใกล้ ชายหนุ่มก็นึกอยากลองดีขึ้นมาดูสักตั้ง ร่างสูงแกล้งกระชากปิ่นแก้วเข้ามากอดไว้ในวงแขนแนบแน่น พร้อมกับโน้มหน้าลงไปหา

“คิดว่าผมจะกลัวคุณเหรอคนสวย” เขายิ้มเยาะ

ปิ่นแก้วลืมตาโต หน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเก่า

“ปล่อยฉัน” หญิงสาวดันตัวออกห่าง แต่กลับกลายเป็นช่องว่างให้ราเมศกดลงกับฟูกหนาโดยไม่ทันระวังตัว “อย่านะ จะทำอะไร”

“ทำอะไรเหรอ ไหน ๆ คุณก็ตบหน้าผมไปแล้ว ผมขอเอาคืนบ้างน่ะสิ”

ราเมศยิ้มนัยน์ตาวาว มองดูร่างน้อยที่กำลังตกใจจนหน้าซีดเผือดอย่างขัน ๆ ความจริงเขาเองก็ไม่ได้มีนิสัยชอบแกล้งผู้หญิงเท่าไหร่หรอก ตรงกันข้ามออกจะเป็นสุภาพบุรุษมากด้วยซ้ำในยามปกติ แต่สำหรับคุณหนูปากร้ายแถมยังเอาแต่ใจไม่ยอมฟังเหตุผลคนนี้ ถือเป็นข้อยกเว้น

ร่างนุ่มนิ่มที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวบางปกปิด เผยให้เห็นไหล่ขาวเนียนและเนินอกลออตา ใบหน้าหวานแต่งแต้มด้วยดวงตากลมโต จมูกเชิดรั้น รับกับเรียวปากสีชมพูระเรื่อเอิบอิ่มเป็นธรรมชาติ แลดูงดงามยิ่งกว่าเมื่อคืนหลายเท่านัก ราเมศหรี่ตาลงมองเธออย่างพินิศก่อนโน้มริมฝีปากลงไปหาช้า ๆ

“ไม่”

ปิ่นแก้วรีบเบี่ยงหน้าหนี ออกแรงดันอกหนาเต็มที่ ฝ่าใหญ่จึงรวบจับข้อมือบางกดลงกับฟูกหนาแน่น ราเมศแนบริมฝีปากบดเบียดเข้ากับเรียวปากสีชมพูหนักหน่วง หญิงสาวได้แต่เม้มปากเข้าหากันอย่างไม่ยอมจำนน ใบหน้าคมคายจึงเปลี่ยนวิธีด้วยการเป่าลมหายใจอุ่นราดรดใบหู จนปิ่นแก้วสะท้านเฮือกอุทานออกมาอย่างตกใจ

“อื้อ” ปิ่นแก้วร้องในลำคอ

เพียงชั่ววินาทีที่เธอเผลอ ราเมศก็ชำแรกปลายลิ้นอุ่นเข้าไปลิ้มรสชาติความหวานภายใน ปิ่นแก้วตัวแข็งไปชั่วขณะพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ชายหนุ่มสอดปลายนิ้วประคองหลังต้นคอ บังคับดวงหน้างามให้เงยขึ้นรับรอยจูบไม่ให้ถอยหนี

ริมฝีปากร้อนรุ่มแนบชิดกับเรียวปากบางจนไร้ช่องว่าง ปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างให้กลืนหายลงไปในลำคอ ร่างบางตัวสั่นเทาด้วยความกลัวระคนวาบหวามคิดอ่านอะไรไม่ออก รู้สึกได้ถึงความแข็งกระด้างของแผ่นอกเปลือยเปล่าที่แนบชิดและอุณหภูมิที่สูงขึ้นจนเนื้อตัวแทบหลอมละลาย

จูบแรกของปิ่นแก้วดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ทั้งอ่อนหวานและหนักหน่วงระคนกัน หญิงสาวไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านขัดขืน แหงนหน้าขึ้นรับจุมพิตราวกับตกอยู่ในห้วงมนต์ ปิ่นแก้วสั่นสะท้านเมื่อฝ่ามือหนาสอดเข้าไปลูบไล้แผ่นหลัง กดลำตัวของเธอให้แนบชิดกับแผ่นอกหนามากยิ่งขึ้น ความร้อนระอุของฝ่ามือและเรียวปากที่สัมผัสทำให้ปิ่นแก้วครางออกมาโดยไม่รู้ตัว

“อย่า”

ปิ่นแก้วถอยหนีออกห่าง…ทว่าสัมผัสไม่ตั้งใจที่เกิดจากผิวกายเบียดชิดทำให้เลือดในกายของราเมศร้อนรุ่มอย่างห้ามไม่อยู่ ชายหนุ่มปิดปากเธอด้วยจุมพิตลึกซึ้ง และต้องแปลกใจเมื่อปฏิกิริยาตอบสนองจากร่างบางไม่ได้เชี่ยวชาญอย่างที่เขาคาดเอาไว้ ตรงกันข้ามกับแสดงออกอย่างไร้เดียงสาและไม่คุ้นเคย แปรเปลี่ยนเป็นความพึงใจอย่างประหลาด

ปิ่นแก้วร่างบางสั่นเทาด้วยความรู้สึกวาบหวาม เมื่อราเมศเลื่อนริมฝีปากลงไปตามซอกคอหอมกรุ่นและเนินไหล่ลาดละมุนเปลือยเปล่า อาการสั่นน้อย ๆ จากหญิงสาวในอ้อมกอด ช่วยเรียกสติชายหนุ่มคืนมาอีกครั้ง ดวงตาคม ๆ สำรวจร่างยวนตาจนกระทั่งพอใจ จึงยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสสระ

“คุณนี่ทำให้ผมแปลกใจได้เสมอเลยนะ สาวน้อย” เขาซ่อนรอยยิ้มในดวงตา

“..!!?” ปิ่นแก้วหน้าแดงจัด กัดริมฝีปากล่างจนรู้สึกเจ็บไปหมด

แต่นั่นก็ยังเทียบไม่ได้กับความโกรธและอับอายที่เธอได้รับจากผู้ชายตรงหน้า ปิ่นแก้วจ้องใบหน้าหล่อเหลาอย่างอาฆาต สาบานได้เลยว่าเมื่อเธอหลุดจากสถานการณ์บ้า ๆ นี่ไปได้เมื่อไหร่ เธอจะหาทางเอาคืนให้หนักเลยคอยดู

“อ๊ะ ๆ อย่าจ้องหน้าผมแบบนั้นสิ คุณเป็นคนผิดตั้งแต่ทีแรกแล้วต่างหาก ที่ปล่อยตัวเมามายอยู่ในร้านเหล้าตามลำพังแบบนั้น” ราเมศยิ้มหวานให้ดวงตาคู่สวยที่กำลังจ้องมาอย่างดุ ๆ “จูบครั้งนี้ ถือซะว่าเจ๊ากันไปก็แล้วกัน”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

ปิ่นแก้วร้องกรี้ด ราเมศจึงยอมปล่อยเธอลุกขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ดวงตาคมกริบมองดูร่างบางตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าอย่างเจ้าชู้นิด ๆ เสื้อเชิ้ตตัวบางที่เขาให้เธอยืมใส่เมื่อคืนนับว่าไม่เลวนัก กว่าจะรู้ตัวว่าถูกสำรวจไปถึงไหนต่อไหน ปิ่นแก้วก็ตะครุบผ้าห่มขึ้นมาปิดแทบไม่ทัน ความโกรธที่ถูกยั่วเย้าทำให้เธอคิดจะหันไปคว้าที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะริมหัวเตียงขึ้นมาปาใส่ราเมศเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“อย่าแม้แต่จะคิด เพราะผมจะไม่รับรองความปลอดภัยของคุณอีกต่อไป” ชายหนุ่มแกล้งขู่ ซึ่งมันก็ได้ผล

ปิ่นแก้วได้แต่เม้มปากเข้าหากันอย่างแค้นใจ จ้องหน้าเขาราวกับศัตรูคู่อาฆาต

นับตั้งแต่เกิดจนกระทั่งโตจนอายุยี่สิบเอ็ดปี ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ปิ่นแก้วได้รับความอับอายเท่ากับครั้งนี้

“ฉันจะฆ่านายให้ได้เลยคอยดู” หญิงสาวโกรธจนแทบร้องไห้ ขณะที่ชายหนุ่มเอาแต่ยิ้มยั่วใจเย็น

“แล้วผมจะรออย่างใจจดใจจ่อ” ร่างสูงยกมือขึ้นล้วงกระเป๋า “เอาล่ะ ผมให้เวลาคุณแค่ห้านาที เสื้อผ้าสำรองผมหามาไว้ให้คุณบนโต๊ะนั่นแล้ว กรุณาเอาเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”

ปิ่นแก้วหน้าแดงจัด “อะไรนะ”

“ผมจะเริ่มจับเวลาแล้วนะ” ไม่พูดเปล่าแต่ชายหนุ่มยังแกล้งยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาจับเวลาอีกด้วย

แทบไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ ปิ่นแก้วก็ดีดตัวลงจากเตียงวิ่งไปคว้ากองเสื้อผ้าบนโต๊ะเผ่นหายเข้าไปในประตูห้องน้ำจนแทบมองตามไม่ทัน เสียงปิดประตูโครมใหญ่ ทำให้ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ

“เฮ้อ...เด็กชะมัดเลย” เขาเอ่ยพลางยิ้มขัน

************************

“ว่ายังไงนะยายปิ่น นี่เธอไปค้างบ้านผู้ชายมางั้นเหรอ”

ม่านนทีตะเบ็งเสียงถามเพื่อนสาวคนสนิทอย่างไม่อย่างเชื่อหู หน้าตาซีดเผือดยิ่งกว่าโดนผีหลอก หลังจากที่เห็นปิ่นแก้วแบกหน้าบุญไม่รับ เดินเข้ามาหาเธอถึงห้องทำงานที่บริษัทเล่าให้ฟังถึงความผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่สุดในชีวิต

“เบา ๆ หน่อยได้ไหม เดี๋ยวใครขาก็ได้ยินกันหมดหรอก” คุณหนูผู้เอาแต่ใจ ยกมือขึ้นกุมขมับอยู่บนเก้าอี้โซฟา ร่างบางสวมชุดกระโปรงสีครีมสั้นเหนือเข่า เส้นผมสลวยเป็นคลื่นยาวจรดบ่า

ผู้จัดการสาวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามอย่างหมดแรง

“เธอทำอะไรลงไป รู้ตัวบ้างไหม” น้ำเสียงตำหนิไม่ปิดบัง “กะอีแค่เรื่องผู้ชายเลว ๆ คนเดียว เธอถึงกับดื่มเหล้าทำตัวเหลวแหลกขนาดนี้เลยเหรอ ฉันไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ”

ปิ่นแก้วทำหน้าตาอธิบายไม่ถูก พยายามแก้ตัวแต่ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

“ก็...ฉันไม่รู้จริง ๆ นี่นา ว่าเหล้ามันจะทำให้เสียผู้เสียคนได้ขนาดนี้” เธอสารภาพเสียงอ่อย “บอกตรง ๆ ฉันเองก็จำไม่ได้ด้วย ว่าออกมาจากร้านแล้วมานอนอยู่บนคอนโดของอีตานั่นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ยังจะมาพูดอีก บอกมานะว่าเธอสึกหรอไปกี่เซ็นแล้ว” ม่านนทียกมือขึ้นกอดอก คาดคั้นด้วยสายตา ทำเอาอีกฝ่ายหน้าแดงจรดใบหู

“พูดจาน่าเกลียด สึกหรอกี่เซ็นอะไรของเธอ” ปิ่นแก้วร้องเสียงดัง

“ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ผู้หญิงสาวไปนอนค้างอ้างแรมบ้านผู้ชายขนาดนั้น ยังจะให้ฉันมองโลกในแง่ดีอยู่อีกได้ยังไง” ม่านนทีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าเกิดเรื่องนี้เข้าถึงหูบิดาของปิ่นแก้วเมื่อไหร่ มีหวังคราวนี้ได้เดือดร้อนกันหมดแน่

“บอกมาซิ ว่าหมอนั่นล่วงเกินเธอหรือเปล่า”

“เอ่อ..” ปิ่นแก้วอึกอักไม่กล้าตอบ เพราะเธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ‘จูบ’ นั่นรวมอยู่ในคำว่าล่วงเกินด้วยหรือเปล่า แต่เท่าที่ดูร่างกายก็ไม่เห็นจะมีความผิดปกติตรงไหน

“ยายปิ่น”

“ไม่รู้สิ คือฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน โธ่อย่าทำเสียงแบบนั้นสิ” ปิ่นแก้วทำตาละห้อย จนม่านนทีนึกอยากเดินเข้าไปเขย่าตัวแรง ๆ

“หมายความว่ายังไง ที่ว่าไม่แน่ใจ”

“ฉันเมาจนจำอะไรไม่ได้เลย” เธอสารภาพ “ตื่นขึ้นมาอีกทีก็นอนอยู่บนเตียงกับผู้ชายแปลกหน้า แถมชุดที่ใส่ไปเมื่อคืน ก็เปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

ม่านนทียกมือขึ้นนวดหน้าผาก “โอย...ฉันอยากจะเป็นลม”

“ขอร้องล่ะน้ำ อย่าบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อนะ ไม่งั้นท่านเอาฉันตายแน่เลย” ปิ่นแก้วเอื้อมมือไปจับมือเพื่อน

“กล้าทำความผิดขนาดนี้ แล้วจะยังกลัวอีกนะ” ม่านนทีประชดประชัน

“น้ำ”

“เอาเถอะ ฉันจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครฟังก็แล้วกัน” เธอสรุป “ว่าแต่เธอจะเอายังไงต่อไปล่ะ จะให้ฉันโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจให้ไปจับหมอนั่นมาลงโทษให้เอาไหม จะให้จบ ๆ เรื่องไป”

“ไม่ได้นะ” ปิ่นแก้วร้องเสียงหลง

“ทำไมอีกล่ะ”

“ก็...ฉันกลัวเรื่องกลายเป็นข่าวใหญ่ จนคุณพ่อจับได้น่ะสิ” ปิ่นแก้วสารภาพเสียงอ่อย

ม่านนทีลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทำท่ายักไหล่ปลง ๆ บางครั้งความเอาแต่ใจและขี้กลัวเกินเหตุของปิ่นแก้ว ก็ทำให้เธอนึกรำคาญใจขึ้นมาตงิด ๆ อาจเป็นเพราะว่าม่านนทีชินกับการใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวไม่มีเกียรติหรือศักดิ์ศรีใด ๆ ให้ต้องรักษา จึงไม่เข้าใจเหตุผลเท่าไหร่

“ตามใจ ชีวิตเป็นของเธอนี่ จะทำยังไงกับมันก็ตามใจเถอะ”

“โธ่น้ำ อย่าโกรธกันสิ ฉันอุตส่าห์แบกหน้ามาขอคำปรึกษากับเธอนะ อย่าใจร้ายนักจะได้ไหม” ปิ่นแก้วเม้มปากเหมือนจะร้องไห้ ส่งผลให้ม่านนทีใจอ่อนเหมือนทุกที

หญิงสาวเดินเข้ามาโอบกอดปิ่นแก้วอย่างปลอบประโลม

“ขอโทษ ฉันออกจะพูดแรงไปหน่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะห่วงเธอหรอก เอาเป็นว่า...เรื่องมันแล้วก็ปล่อยให้มันแล้วไป ต่อไปนี้เราสองคนก็ช่วยกันระมัดระวัง อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกก็แล้วกันนะ”

ปิ่นแก้วพยักหน้าให้สัญญา “จ้ะ ฉันจะไม่ดื่มเหล้าจนเมาแบบนี้อีกแล้ว เข็ดแล้วจริง ๆ”

“ต้องแบบนี้สิ” ม่านนทีหัวเราะเบา ๆ หันมาหยิกแกมหยอกเพื่อนรักด้วยความหมั่นเขี้ยว


หลายวันต่อมา หลังจากเหตุการณ์ปะทะคารมกับสาวน้อยแปลกหน้าผ่านพ้นไป ราเมศก็ขลุกตัวอยู่ที่บริษัท สะสางงานบนโต๊ะเกือบตลอดทั้งวัน ยามปกติชายหนุ่มจัดได้ว่าเป็นผู้ชายเอาการเอางานคนหนึ่ง ความรับผิดชอบในฐานรองประธานผู้บริหารในบริษัท ทำให้ราเมศในยามปกติค่อนข้างแตกต่างไปจากยามเที่ยวราตรีราวกับเป็นคนละคน

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ ก่อนเลขาหน้าสวยจะเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับแฟ้มเสนอเซ็น

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณราเมศ ดิฉันนำเอกสารโครงการมาให้ตรวจค่ะ” อีกฝ่ายยิ้มหวาน

“ขอบคุณ เอาวางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ ใบหน้าหล่อเหลายามเอาการเอางานแลดูมีเสน่ห์กว่าปกติ

“รับกาแฟสักแก้วดีไหมคะ เดี๋ยวดิฉันจะออกไปชงมาให้” เลขานุการสาวเสนอ พลางเดินอ้อมเข้าไปด้านหลัง วางมือลงบนบ่ากล้างออกแรงนวดอย่างเอาใจ ราเมศเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร เอ่ยขอบคุณเบา ๆ

“ขอบคุณ แต่ผมขอแค่น้ำเย็นสักแก้วก็พอ”

อีกฝ่ายยิ้มหวาน โน้มใบหน้าลงไปกระซิบเสียงแผ่วข้างใบหู กลิ่นน้ำหอมยวนใจลอยกรุ่นแตะปลายจมูก ชวนให้นึกถึงดอกกุหลาบสีแดงสวยที่เขาเคยซื้อให้

“แค่น้ำเย็นเท่านั้นเหรอคะ” เธอกระซิบเสียงยั่วยวน “คุณทำงานหนักมาทั้งอาทิตย์แล้ว น่าจะหาเวลาผ่อนคลายร่างกายบ้างนะคะ”

ราเมศเพียงแต่เหยียดยิ้ม ไม่ตอบรับเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เวลานี้เขาอยากทุ่มเทเวลาให้กับงานมากกว่า สำหรับเรื่องการหาเวลาผ่อนคลายค่อยว่ากันทีหลัง อันที่จริงเรื่องสมภารกับไก่วัดเป็นเรื่องที่ผู้บริหารอย่างเขาต้องระมัดระวังอยู่แล้ว เพราะขืนทำตามใจมากเกินไปจะพลอยลำบากทีหลัง

“ขอบคุณครับคุณเกตุ แต่ตอนนี้ผมกำลังยุ่งอยู่จริง ๆ เอาไว้คราวหน้าเราค่อยไปหาร้านอร่อย ๆ ทานกันดีกว่า”

“งั้นก็ได้ค่ะ เกตุจะรอคุณ” เลขานุการสาวสวยผมสีน้ำตาลเข้ม ยอมผละจากไปทำหน้าที่ของตนแต่โดยดี แต่ยังไม่ทันจะก้าวออกไปจากห้อง ร่างยวนตาก็หันมากล่าวอะไรบางอย่าง

“เมื่อสักครู่ คุณหญิงวิมลชื่นโทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่า อีกราวยี่สิบนาทีจะเข้าหาพบคุณ กรุณาทำตัวให้ว่างไว้นะคะ ท่านรองประธาน” เธอส่งสายตายิ้มหวานเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเดินออกจากประตูไป

ประโยคดังกล่าว ทำเอาความเครียดที่มีมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วของราเมศ มีแนวโน้มหนักหนามากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก ร่างสูงถึงกับเอนหลังลงกับพนักพิง ยกมือขึ้นนวดหน้าผาก ถอนหายใจออกมาอย่างไม่วายหนักใจ

“เฮ้อ...อีกแล้วหรือนี่” เขารำพึงแผ่ว

***************************
เอาตอนที่ 4 มาลงให้อ่านกันค่ะ
ยังไม่ทันไร หนูปิ่นแก้ว ก็เสียท่าราเมศซะแล้ว
แต่คู่นี้ไม่ลงเอยกันง่าย ๆ หรอกนะคะ
เพราะยังต้องเปิดศึกล้างตากันอีกหลายรอบ
นักอ่านท่านไหนหลงเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ ก็ช่วยให้กำลังใจทั้งคู่ด้วยนะคะ

เบลินญา







เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ส.ค. 2554, 09:27:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2554, 18:46:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 2662





<< ตอนที่ 3 เหตุบัญเอิญ กับความโชคร้าย   ตอนที่ 5 พรหมลิขิต หรือความบังเอิญ >>
แว่นใส 18 ส.ค. 2554, 10:15:07 น.
น่าสนุกนะ



เบลินญา 18 ส.ค. 2554, 10:37:46 น.
แว่นใส >> ขอบคุณค่า


Zephyr 18 ส.ค. 2554, 14:28:07 น.
ว้าว คู่นี้นี่พอฟัดพอเหวี่ยงที่เดียวเชียว ออกแนวรสแซ่บนะคะ อีกคู่ดูหวานๆเรื่อยๆนะ


Pat 18 ส.ค. 2554, 22:02:17 น.
มีพิมพ์หลงติดชื่อเพลงพิณมาค่ะสองที่ >.<


เบลินญา 19 ส.ค. 2554, 18:48:08 น.
อ๊าาา ขออภัยในความผิดพลาด
แก้ไขให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
แหม ดันจำตัวละครสลับกันซะงั้น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account