กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๗ หมดโปรโมชั่น -จบตอน-

“เอ่อ--” คำถามของเธอทำจิรสินอึ้งไป “เปล่าค่ะพี่ชวน”

“งั้นขอปฏิเสธค่ะ งานยังเยอะกลัวจะเคลียร์ไม่ทัน”

เหมือนเกิดภาวะไร้แรงโน้มถ่วงในห้องนั้นอยู่อึดใจ ทุกคนที่ได้ยินต่างมองหน้ากัน ทุกคนยกเว้นจิรสินกับจักรีที่ไม่รู้ว่าศศิพิมพ์กำลังโกรธมาก จิรสุตาอยากบอกพี่ชายแต่ไม่สบโอกาสเลย

“งั้นอยากทานอะไรคะ พี่จะซื้อมาให้”

ศศิพิมพ์ยิ้มตามมารยาท “ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ พิมพ์สั่งร้านใกล้ๆ นี่ไปแล้ว”

ถึงตรงนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าศศิพิมพ์อารมณ์ไม่ดี บรรยากาศมาคุเสียจนจักรีต้องกระแอมขึ้นเพื่อให้จิรสินรู้ตัว ว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพังสองคนกับว่าที่เจ้าสาว

จิรสินถอนหายใจ “พี่กลับมาเราค่อยคุยกันนะคะ”

“สั่งงานตอนนี้ก็ได้ค่ะ”

“พิมพ์?”

นับว่าเสียงโทรศัพท์สายนอกที่โต๊ะศศิพิมพ์ดังขึ้นนั่นเป็นระฆังห้ามยก จิรสินมองหญิงสาวที่ยกโทรศัพท์ขึ้นรับพลางโคลงศีรษะ จะยืนรอคุยกันให้รู้เรื่องว่าเธอเป็นอะไรก็เกรงใจเพื่อนที่รออยู่ ดังนั้นจึงได้แต่หมุนตัวเดินจากมาเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่อยากคุยด้วย

จักรีตีลงที่บ่าเพื่อนสนิทเบาๆ ก่อนเดินออกไปด้วยกัน

จิรสุตาจึงลุกจากโต๊ะตัวเองตรงมาหาศศิพิมพ์ เธอวางมือลงบนบ่าเพื่อนสนิทเมื่อเจ้าหล่อนวางโทรศัพท์ลงกับแป้นเรียบร้อยแล้ว

“เป็นอะไร”

“เปล่า” คนปฏิเสธผ่อนลมหายใจ “ก็แค่... ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันควรอยู่ตรงไหนมากกว่า”

แม้ไม่เข้าใจแต่จิรสุตาก็ไม่กล้าถามต่อ แต่หันไปมองธนวัฒน์ที่หลบตาเธอทันที หญิงสาวหรี่ตามองเพื่อนร่วมงานอย่างครุ่นคิด แน่นอนว่าเขาจะต้องรู้อะไรที่เธอไม่รู้เป็นแน่

แต่จิรสุตาคิดผิด ถึงจะคาดคั้นข่มขู่ เธอก็ไม่ได้อะไรจากธนวัฒน์

ส่วนศศิพิมพ์น่ะหรือ หุบปากเงียบอย่างกับหอยกาบ เหมือนกับว่าแค่อ้าปากพูด ดอกพิกุลทองมันจะร่วงลงมา!

ช่วงเวลาในอาทิตย์นั้นทุกอย่างอึมครึม

ศศิพิมพ์นิ่งและเฉย จิรสินไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้อย่างตอนก่อนหน้านี้ กำแพงในใจของเธอยิ่งหนาและสูงชันมากขึ้นกว่าเดิม ขนาดที่จิรสุตาเองยังจนปัญญาจะช่วย

อาทิตย์ถัดมา จิรศักดิ์กับสุพนิตกลับจากเที่ยวและเริ่มพูดถึงเรื่องงานหมั้นงานแต่งงาน เมื่อมารดาศศิพิมพ์มากรุงเทพฯ ทุกคนไม่มีปัญหาในระยะเวลาสองเดือนกับอีกสองอาทิตย์ที่เหลือที่จะจัดงาน คงมีแค่ว่าที่เจ้าสาวที่ค้านหัวชนฝา

‘เลื่อนออกไปก่อนเถอะนะคะ ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนพฤษภาพิมพ์งานเยอะจริงๆ ค่ะ ไหนจะปิดงบบริษัท แล้วยังงานที่รับไว้อีก มันกะทันหันเกินไป พิมพ์อยากเคลียร์งานให้จบก่อนไม่งั้นก็ไม่สบายใจแล้วจะพลอยเสียลูกค้าไปอีก’

เหตุผลมีเท่านี้ ฟังดูพอใช้แต่ก็ไม่ได้เข้าท่า

ครั้นพอผู้ใหญ่จี้ถามมากๆ เข้า

‘เรื่องคืนนั้นถ้าพิมพ์บอกว่าไม่มีอะไรก็คงไม่มีใครเชื่อ ดังนั้นตอนนี้ที่ทุกคนกังวลก็คือเกิดพิมพ์ท้อง แต่นี่มันผ่านมาเดือนกว่าแล้วนะคะ ประจำเดือนพิมพ์มาเป็นปกติดีแสดงว่าไม่ท้อง ถ้าเป็นไปได้พิมพ์ก็ไม่อยากให้มีทั้งงานแต่งงานหมั้นแหละค่ะ เพราะพิมพ์กับพี่สินไม่ได้รักกัน’

เจอหมัดเด็ดกันเข้าไป กระทั่งผู้ใหญ่ก็ยังอึ้ง แต่คนที่อาการเพียบหนักคือมารดาเธอ เพราะถึงกับต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาลเพราะโรคหัวใจกำเริบ

‘หนูพิมพ์ลูก ป้าเข้าใจนะแต่หนูพิมพ์ดูคุณแม่สิคะ จริงอยู่คุณแม่หนูพิมพ์บอกไม่เป็นไรเข้าใจหนูพิมพ์ แต่คุณแม่ก็เสียใจจนต้องเข้าโรงพยาบาลไปแบบนั้น’

เป็นสุพนิตที่เกลี้ยกล่อม... กึ่งบังคับ

‘ไม่แต่งตอนนี้ก็ได้จ้ะ แต่ยังไงสินก็ต้องรับผิดชอบที่ทำให้ชื่อเสียงหนูเสียหาย ถ้าหนูยังไม่พร้อมป้าก็เข้าใจ แต่ลองคุยกับพี่เขาสิลูก หนูอยากให้พี่เขาปรับตัวอะไร ยังไงก็คุยกันก่อน ถึงยังไงตอนนี้ข้าวสารก็เหมือนเป็นข้าวสุกไปแล้ว ป้าอยากให้หนูคิดให้ดีๆ เพื่อตัวหนูเอง’

และเธอก็ชิ่งยังไม่ยอมคุยกับเขา

ก็จะให้เธอคุยอะไร ในเมื่อสิ่งที่เธอทำมันดีกับเขาที่สุดแล้ว การที่เขาไม่โต้แย้งและนิ่งเฉยนั่นก็เท่ากับเขายอมรับในเหตุผลของเธอ

“กลับมาแล้ว”

เป็นพี่สาวของเธอที่เปิดประตูหน้าบ้านเข้ามา ศศินิภาหน้าตาเป็นมัน สะพายกระเป๋าเข้ามานั่งลงตรงกันข้ามกับเธอ

“แม่เป็นไงบ้าง”

“ดีขึ้นแล้ว” ได้รับคำตอบศศิพิมพ์ก็รินน้ำหวานที่ผสมไว้ใส่แก้วส่งให้พี่สาว บนโต๊ะรอบตัวเธอเต็มไปด้วยแฟ้มงาน แต่รายละเอียดในหน้าจอที่เปิดไว้แทบไม่กระดิก

“อัฐกับหลานอยู่เฝ้าน่ะ เห็นหัวเราะเฮฮากันดี”

“ก็ยังดีที่รู้จักหน้าที่” ศศิพิมพ์พึมพำ

“นี่เมื่อคืนอยู่เฝ้าแม่ทั้งคืนกลับมายังมานั่งทำงานต่ออีกเหรอ” พี่สาวก้มดูเวลาในนาฬิกาข้อมือ “พิมพ์ได้นอนกี่ชั่วโมง”

“ไม่ง่วง เดี๋ยวไปงีบตอนเฝ้าแม่ก็ได้”

ศศินิภาถอนหายใจ “นี่บอกมาได้ไหมทำไมถึงได้โพล่งออกไปกลางวงแบบนั้น ก็รู้ทั้งรู้ว่าแม่ป่วย”

เป็นศศิพิมพ์ที่นิ่งอั้น ก่อนเงยมองเมื่อได้ยินเสียงเลื่อนเปิดประตูกระจก และคนที่เข้ามาคือจิรสิน

“สวัสดีครับคุณพลอย”

“สวัสดีค่ะ มาเอาหนังสือให้แม่น่ะค่ะ”

“เอ่อ” ชายหนุ่มยืนอ้ำอึ้งยังไม่ขยับ

“คุยกันไปก่อนนะคะเดี๋ยวขอตัวก่อน”

เมื่อว่าที่พี่ภรรยาเปิดทางให้จิรสินจึงก้าวเข้ามา ศศิพิมพ์หลุบตาทำเป็นสนใจกับงานตรงหน้ากระทั่งเขาเอ่ยขึ้น

“พี่อยากคุยด้วย”

“เรื่องอะไรคะ”

“เรื่องของเรา”

หญิงสาวถอนหายใจ “ก็ตามที่บอกแหละค่ะ”

เขาลากเก้าอี้มานั่งลงใกล้ๆ และคว้าแขนเธอไว้เมื่อเธอขยับจะลุก

“ตอนแรกพี่ไม่เห็นพิมพ์ปฏิเสธ เราคุยกันแล้วนะ--”

“แล้วมันต่างกันตรงไหนคะพี่สิน มันก็แค่ถ่วงเวลาออกไป เออพิมพ์ผิดที่โพล่งออกไปแล้วแม่พิมพ์ก็เข้าโรงพยาบาล พิมพ์รู้ แต่ชีวิตทั้งชีวิตนะคะอ้ำอึ้งไม่พูดมันก็มีแต่ทรมาน สู้ๆ พูดกันให้เข้าใจไปเลยก็จบ จริงแม่พิมพ์เสียใจ แม่พิมพ์เข้าโรงพยาบาล แต่ก็ยังดีกว่าให้แม่รู้ตอนที่หมั้นไปแล้ว ถึงตอนนั้นแม่คงไม่แค่เข้าโรงพยาบาลหรอกค่ะ”

“ก่อนนี้พี่รู้สึกว่าเราเข้าใจกัน แต่ตอนนี้พี่ไม่เข้าใจพิมพ์”

“ก็เหมือนพิมพ์แหละค่ะ พิมพ์ไม่เข้าใจว่าพี่สินต้องการอะไร พี่อยากแต่งงานกับพิมพ์หรือก็เปล่า พี่รักพิมพ์ก็ไม่ใช่ แล้วยังไงคะไม่รักกันแต่อยู่ด้วยกันงี้เหรอ”

ชายหนุ่มอึ้งไปอีกคำรบ เขาหลับตาลงแล้วถอนหายใจ ศศิพิมพ์โคลงศีรษะเธอดึงแขนออกขยับจะลุกขึ้นยืนแต่เขายังยื้อไว้

“เวลาสำหรับเรามันสั้นไป พี่ยังต้องการเวลา”

หญิงสาวยิ้มหยัน “แต่พิมพ์ไม่ต้องการ อนาคตมันก็แน่อยู่แล้ว คนไม่รักกันทำยังไงมันก็ไม่รัก และสำหรับพิมพ์ พิมพ์จะไม่แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด เพราะพิมพ์ทนอยู่กับคนที่พิมพ์ไม่ได้รักไม่ได้”

“พิมพ์--”

“ถ้าจะช่วยนะคะ ช่วยยืนยันกับคุณลุงคุณป้า พิมพ์ก็ผิด พี่สินก็ผิดที่ไม่พูดให้ชัดเจนแต่แรกว่าจะไม่มีงานแต่งงาน”

เธอมองเขานิ่ง สายตานั้นบอกว่าผิดหวังอยู่ลึกๆ

“พิมพ์ไม่อยากฝืนใจใคร แล้วทางที่ดีพิมพ์อยากเตือน ความรู้สึกของคนไม่ใช่ของเล่น พี่สินอย่าเล่นกับความรู้สึกของคนเลยค่ะ มันสนุกก็จริง แต่คนที่โดนไม่ได้สนุกด้วย พิมพ์เคยทำมาแล้วและพิมพ์รู้ว่ามันไม่ดีเลย”




ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2561, 20:37:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มิ.ย. 2561, 20:37:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 738





<< ๗ หมดโปรโมชั่น (75%)   ๘ เข้าใจผิด (25%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account