+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์

นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!

ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้

นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้



+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา

โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก

ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว

แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ

สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน

ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D


ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ

สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ

ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน

ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555

Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน

ตอน: ตอนที่ 38

ทั้งที่เกือบแปดนาฬิกาแล้ว แต่ตึกใหญ่บ้านปรเมศวร์ยังคงเงียบเหงา สาวใช้ทยอยเก็บสำรับที่วางดายไร้คนเหลียวแล ครั้นเห็นผู้ที่ก้าวเข้ามาในสภาพอิดโรยจนน่ากลัว ผู้น้อยรีบวิ่งเข้าไปประคองผู้มาใหม่ทันที

“ไม่เป็นไร ฉันเดินไหว” ริสาตบมืออีกฝ่ายที่ยึดแขนเธอไว้ แล้วก้าวช้า ๆ ไปที่โต๊ะ ใบหน้าซึ่งตกแต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตไม่อาจซ่อนรอยหม่นไหม้หรือปิดบังความร่วงโรยในแววตาคู่นั้น

“หม่าม้าล่ะ” น้ำเสียงริสาแห้งระโหย

“คุณทนายมารับตั้งแต่เช้าค่ะ ฝากเรียนว่าไปสถานีตำรวจให้ปากคำเพิ่มเติม” สาวใช้รีบอธิบาย “หนูเพิ่งเก็บสำรับ เดี๋ยวหนูไปทำแซนด์วิชกับเตรียมกาแฟใส่กระติกให้คุณหยงทานบนรถระหว่างทางแทนนะคะ รับรองว่าไม่นานค่ะ”

“คุณฮกกับคุณสาวัชไปทำงานหรือยัง”

“คุณสาวัชมาคอยคุณหยงที่ห้องทำงานนานแล้วค่ะ ส่วนคุณฮกยังไม่ลงมา”

“ไปเชิญคุณฮกมาพบฉันหน่อย” ริสาสั่ง แม้สภาพภายนอกดูย่ำแย่ แต่หญิงสาวยังหยัดยืนหลังไหล่ตั้งตรง

เมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องหนังสือซึ่งธนาเคยใช้เป็นที่ทำงาน สาวัชก็ผุดลุกขึ้นยืนทันที ทั้งที่ไฟในห้องค่อนข้างสลัว แต่เธอก็เห็นร่องรอยห่วงใยในดวงตาคู่นั้น

หญิงสาวชิงชังตัวเองนักที่เธอ...ดีใจ! ยามอีกฝ่ายพลาดพลั้งเธอไม่เคยละโอกาสเหยียดหยันซ้ำเติม ทว่าวันที่เธอล้มโลกหม่นมืด เธอกลับหวังให้สาวัชมอบกำลังใจและความอาทรให้แทน

ริสานั่งบนโซฟาถัดมา อีกฝ่ายเลื่อนซองเอกสารมาตรงหน้า “คุณธนภูมิฝากไว้ให้คุณหยงครับ กำชับว่าให้คุณหยงอ่านก่อนออกไปออฟฟิศให้ได้”

หญิงสาวแกะซองซึ่งปิดครั่งประทับตราดึงเอกสารออกมาอ่าน เธอกวาดตามองข้อความบนกระดาษซ้ำ ๆ สุดท้ายจึงถอนใจขณะส่งมันให้สาวัช

“คุณหยงจ้างบริษัทฯ ประเมินราคาหุ้นของพีอาร์เอ็มหรือครับ” ดวงตาชายหนุ่มที่เงยขึ้นสบสานกับเธอมีร่องรอยตื้นตันภาคภูมิ

“ตามคำแนะนำของเธอไง”

“บริษัทประเมินราคาหุ้นไว้ที่สี่สิบสองบาท” สาวัชพึมพำ “ตั้งแต่เตี่ยเสีย หุ้นเราก็ตกทุกวัน ถ้าข่าวนี้หลุดไป น่าจะพยุงราคาได้บ้าง”

ริสาหลับตาคลึงปลายนิ้วที่ขมับเพื่อคลายความตึงเครียด เมื่อลืมตาอีกครั้ง เธอเอ่ยเสียงแห้ง “ฉันได้ยินว่ามีคนเตรียมทำเทนเดอร์หุ้นเราอีกครั้ง คราวนี้จะตั้งโต๊ะขอซื้อที่สี่สิบสองบาท”

สาวัชวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง “ไม่น่าจะบังเอิญ มีคนรู้ว่าคุณหยงจ้างบริษัทประเมินราคาหุ้น และคนคนนั้นก็ตัดสินใจใช้ราคาที่เราได้มาเป็นเกณฑ์”

“ประเด็นก็คือเราต้องสู้ในสงครามแบบนี้อีกกี่หน ถ้าเราชนะเกมนี้ แล้วจะมีเกมใหม่เข้ามาอีกไหม” น้ำเสียงริสาแหบระโหยคล้ายสิ้นกำลังใจ

เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ แล้ววัชระก็ก้าวเข้ามาหน้าตาอิดโรยโผเผ “ขอโทษครับเจ้ ผมตื่นสายไปหน่อย”

“หน้าซีด ๆ นะฮก ยังกินยาตามเวลาอยู่หรือเปล่า”

“ตื่นเช้ามาหน้าก็เป็นงี้ทุกวันแหละ ผมห่วงหม่าม้าน่ะ” เขาสารภาพเสียงเครือ

“ห่วงได้ แต่อย่าให้ความเป็นห่วงนั้นย้อนมาทำร้ายตัวเอง ฮกต้องห่วงหม่าม้าอย่างเหมาะสมด้วย เจ้มั่นใจว่าหม่าม้าไม่ได้ทำ และตำรวจต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหม่าม้าได้แน่นอน” ริสาย้ำดุจต้องการปลอบใจตนเองให้เชื่อมั่นเช่นนั้นไปพร้อมกัน “นั่งสิ เจ้กำลังรอเธออยู่ จะได้คุยทีเดียว” แล้วเธอก็สรุปเรื่องบริษัทอย่างย่นย่อ

เพียงฟังจบวัชระก็ตบโต๊ะด้วยความฉุนเฉียว “ไอ้พวกนี้มันเป็นอะไรกันมากหรือเปล่าเนี่ย ทำไมมาจ้องแต่จะฮุบบริษัทเราอยู่ได้”

“ไว้ไปบอกคนที่มาขอซื้อหุ้นเราโน่น ไม่ต้องมาทำเสียงดังตรงนี้” เป็นครั้งแรกของวันที่ริสายิ้มออก “ฮกโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะทำยังไงต่อ ถ้าข่าวเทนเดอร์รอบใหม่หลุดไป หุ้นเราขึ้นไปแถว ๆ สี่สิบบาทแน่นอน”

“ฉวยโอกาสที่ตอนนี้หุ้นเราถูก ซื้อหุ้นเก็บไว้เลยไหมเจ้” วัชระเสนอ

“จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อ วงเงินกู้เราเต็มหมดแล้ว เธอคิดยังไงสาวัช”

“ในเมื่อราคาที่เขาทำเทนเดอร์ดีขนาดนี้ ทำไมเราไม่ขายล่ะครับ” สาวัชเสนอความเห็นเสียงเรียบ สีหน้านิ่ง ๆ

คนฟังตะลึง แต่วัชระปากไวกว่าจึงผรุสวาททันควัน “ไอ้บ้า สติไม่ดีหรือไง พูดอะไรออกมาคิดบ้างหรือเปล่า”

สาวัชสบตาริสา เห็นชัดว่าสนใจและรอดูปฏิกิริยาของเธอเพียงคนเดียว

“นี่เป็นบริษัทที่บรรพบุรุษของเราสร้างมากับมือนะสาวัช จะให้มาเปลี่ยนมือในรุ่นเราหรือไง” ริสาเสียงห้วน

“กลุ่มทุนที่เสนอขอทำเทนเดอร์รายใหม่รู้ข้อมูลภายในและความเคลื่อนไหวของเรา คุณหยงคิดว่าเขาจะไม่รู้อะไรไปมากกว่านี้หรือครับ ถ้าเขาต้องการบริษัทปรเมศวร์เทรดดิ้งขนาดนั้น ไม่ช้าก็เร็วเราต้องถูกบีบให้ขายหุ้นอยู่ดี ซึ่งถ้าเราขายวันนี้ อย่างน้อยเราก็สามารถกำหนดเงื่อนไขตามที่ต้องการได้ และที่สำคัญผมเชื่อว่าคุณหยงคงยอมขายบริษัทให้ใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ซูเปอร์โคลา”

“นายมันบ้าไร้ขีดจำกัดเลย” วัชระส่ายศีรษะไม่เชื่อหู “อยากขายก็ขายไปคนเดียวเถอะ อย่ามากล่อมเจ้กับเฮียให้บ้าไปกับนายด้วยเลย”

สาวัชย้ำเสียงเรียบ “ผมยืนยันว่าเราควรขายหุ้นในการเทนเดอร์ครั้งนี้ โดยยื่นเงื่อนไขว่าทางโน้นต้องให้คุณหยงนั่งเก้าอี้ซีอีโอบริหารปรเมศวร์เทรดดิ้งต่อไปจนกว่าคุณหยงจะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเอง”

ดวงตาริสาที่มัวหม่นเริ่มเปล่งประกายวาววับ “ข้อเสนอเธอน่าสนใจ เธอคิดว่าคนซื้อจะยอมเหรอ”

“ถ้าเขาอยากได้ปรเมศวร์เทรดดิ้งขนาดนั้น ผมว่าเงื่อนไขนี้ไม่มีอะไรต้องเสีย ในฐานะที่คุณหยงเป็นทายาทของผู้ก่อตั้ง คุณย่อมต้องอยากให้บริษัทคงอยู่และเจริญเติบโตยิ่ง ๆ ขึ้น ให้คุณเป็นซีอีโอ ยังไงก็มีแต่ข้อดี นอกจากนี้ถึงเราจะขายหุ้นไป แต่ก็ไม่มีกฎข้อไหนระบุว่าเราห้ามซื้อกลับนี่ครับ ถ้าคุณหยงคุณฮกยังอยากถือหุ้นพีอาร์เอ็ม เราจะทยอยเก็บหุ้นในตลาดสะสมใหม่อีกครั้งก็ได้”

“คนอื่นจะหาว่าพอเตี่ยไม่อยู่ เราก็ไปไม่รอด ต้องขายบริษัทกินนะเจ้” วัชระค้านเสียงเข้ม ไม่ยอมประนีประนอมดังเคย

ริสามองน้องชายทีละคนด้วยแววตาใคร่ครวญ สุดท้ายจึงตัดสินใจ “เธอสองคนเตรียมตัวไว้ละกัน เมื่อไหร่ที่คุณธนภูมิติดต่อกับบริษัทที่ขอทำเทนเดอร์ได้ ‘เราสามพี่น้อง’ จะเข้าไปเจรจาต่อรองด้วยกัน! ”

“มาเป็นเพื่อนแม่ช็อปปิ้งนะ ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยได้ไหมจ๊ะ คนอื่นเห็นเข้าจะนึกว่าแม่กำลังจะพาน้องอิงไปเชือด” เปรมิกามั่นใจว่าหากเป็นโหมดปกติ บุตรีต้องกะบึงกะบอนโต้แย้งทันควัน ทว่าวันนี้...

“ถ้าอิงทำให้แม่หมดสนุก อิงขอโทษนะคะ” หญิงสาวฝืนยิ้มเอาใจ

“เพื่อให้น้องอิงอารมณ์ดีขึ้น เดี๋ยวแม่ซื้อกำไลให้วงนึงละกันดีไหม” เปรมิกาเปลี่ยนกลยุทธ์มาติดสินบนแทน หวังว่าจะทำให้ลูกคลายเศร้าได้บ้าง

“แค่ที่คุณพ่อเทพจัดมาในพานสินสอด อิงก็มีเยอะจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไรแล้วค่ะ แม่อย่ามาเปลืองเงินกับอิงอีกเลย” น้ำเสียงที่เอ่ยประโยคนั้นราบเรียบ ไร้รอยตื่นเต้นชื่นชม เป็นผลให้เปรมิกามองลูกสาวอย่างตรวจตรา

“ท่าทางน้องอิงเหมือนมีเรื่องทุกข์กลุ้มใจ มีอะไรที่แม่พอช่วยได้บ้างหรือเปล่า” หลังพิธีหมั้นหมายเสร็จสิ้น เธอเข้าไปคุยกับสุพจน์ในห้องหนังสือ ครั้นมองออกไปนอกหน้าต่างเธอจึงเห็นเหตุการณ์ที่หน้าบ่อบัวชัดเจน...

คนเป็นแม่รู้สึกเหมือนหัวใจสลาย เมื่ออิงอรุณเดินไปหา ‘ผู้ชายคนนั้น’ แม้ไม่ได้ยินคำพูด แค่สายตาที่ทอดมองกันก็บอกได้มากกว่าคำอธิบายนับล้าน ไหนยังจะกิริยาท่าทีที่ทั้งคู่เอื้ออาทรต่อกันช่างเป็นธรรมชาติจนไม่อาจคิดเป็นอื่นได้เลย

ที่นางยอมรับไม่ได้ก็คือ อิงอรุณมีใจให้ผู้ชายคนอื่น แต่กลับดื้อดันทุรังหมั้นหมายกับพันเทพ เพียงเพื่อใช้ฐานะของเทียมสุบรรณปกป้องเพื่อนไม่ให้ถูกพ่อตัวเองทำร้าย! มันใช่หรือลูกเอ๋ย! ห่วงคนอื่นจนลืมคิดถึงความสุขชั่วชีวิตของตัวเอง ชีวิตไม่ใช่ละครโทรทัศน์ เราไม่จำเป็นต้องเป็นนางเอกตลอดเวลาหรอก เห็นแก่ตัวบ้างก็ได้ เราเป็นมนุษย์นี่นะ!

“อิงมีความสุขจะตาย” นางอยากจับคนปากแข็งมาฟาดเหมือนเด็ก ๆ ซะจริง

“มีความสุขงั้นก็ยิ้มหน่อยจ้ะลูกรัก เดี๋ยวอาพรรณจะตกใจว่าว่าที่เจ้าสาวทำไมดูอมทุกข์นัก”

เปรมิกาคอยจนลูกสาวยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้างจนเธอพอใจแล้ว จึงควงแขนอิงอรุณเข้าไปในร้านเพชรเจ้าประจำ ผู้จัดการร้านออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง หลังทักทายและแสดงความยินดีกับคู่หมั้นสาวหมาด ๆ สาวใหญ่ก็เลื่อนสายตาเป็นประกายมามองแหวนเพชรของอิงอรุณด้วยความชื่นชม

“แหวนหมั้นนี่แฮร์รี่วินสตันเชียวหรือคะคุณหนูอิง สวยจริง ๆ ค่ะ น้ำเล่นไฟดี๊ดี ขออนุญาตนะคะ” คนพูดก้มศีรษะเป็นเชิงลุแก่โทษ แล้วจึงดึงมือหญิงสาวไปพิจารณาแหวนหมั้นของอิงอรุณด้วยท่าทีหลงใหลในความงามของอัญมณี

“เพชรทรงหมอนคุชชันคัท น้ำหนักสามกะรัตครึ่ง น้ำเป็นดีคัลเลอร์ใช่ไหมคะ” พรรณรายประเมินด้วยสายตา การเลือกซื้อเพชร นอกจากน้ำหนักและทรงที่เจียระไนแล้ว อีกสองส่วนที่สำคัญก็คือความขาวและความสะอาดของเพชร

“ไม่ถึงดีค่ะ แค่อีเท่านั้นเอง” อิงอรุณแก้ เพชรไร้สีที่ขาวที่สุดเรียกว่าดีคัลเลอร์ (D) ไล่มาถึงเอฟคัลเลอร์ ต่ำกว่านั้นที่ระดับ G-J จัดเป็นเกรด ‘เกือบไร้สี’ และสิ้นสุดที่ Z คือเหลืองอ่อน จากนั้นจึงเป็นสีแฟนซี ซึ่งราคาสูงกว่าเพชรขาว

“อีคัลเลอร์เหรอคะ ดูไม่ออกเลย อยากเห็นใบเซอร์ฯ [1] จัง มีตำหนิไหมคะ”

อิงอรุณรูดแหวนออกจากนิ้วให้อีกฝ่ายพิจารณาใกล้ ๆ อย่างใจดี พร้อมกับอธิบาย “ไอเอฟค่ะ” เธอตอบคำถามด้วยคำศัพท์ที่ใช้ในใบรับประกันเพชร อันหมายถึงเพชรที่แทบไร้ตำหนิ (Internal Flawless) จัดอยู่ในเกรดระดับดีเกือบที่สุด เพราะเพชรเกรดที่ดีกว่านี้คือไร้ตำหนิโดยสิ้นเชิง ซึ่งหายากมากในธรรมชาติ

พรรณรายหยิบแหวนมาพิจารณาใกล้ ๆ ครั้นมองผ่านเพชร คิ้วทั้งคู่กลับขมวดมุ่น เธอใช้มือหนึ่งถือแหวน อีกมือหยิบกล้องมาส่องดูเหลี่ยมเพชร แล้วสีหน้าตื่นเต้นประหลาดใจเมื่อครู่ก็จางลง เธอหน้าเจื่อนขณะส่งแหวนคืนอิงอรุณ

เปรมิกาแปลกใจที่อีกฝ่ายมีท่าทีแปลก ๆ “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณพรรณ”

“ไม่มีค่ะ” แต่คนพูดกลับหลบตาคู่สนทนาดื้อ ๆ เห็นได้ชัดว่าปิดบังบางสิ่งไว้

“คุณพรรณมีอะไรในใจคะ พูดออกมาเถอะค่ะ ดิฉันสัญญาว่าจะไม่โกรธ”

พรรณรายถอนหายใจ เลื่อนกล้องส่องเพชรไปให้เปรมิกา ส่วนตัวเองเปิดลิ้นชัก ดึงหนังสือพิมพ์ออกมาวางบนโต๊ะ เธอหยิบแหวนหมั้นของหญิงสาวมาคว่ำหน้าเพชรบนหนังสือพิมพ์ รูดแหวนจากนิ้วตัวเองวางเทียบไว้คู่กัน แล้วเลื่อนไปตรงหน้าอิงอรุณ ไม่เอ่ยอะไร

เปรมิกาเอนตัวมาดูสิ่งที่ปรากฏอยู่บนโต๊ะ พลันก็ตัวแข็ง โกรธจัดจนหูอื้อตาลาย เมื่อมองแหวนของพรรณรายพบว่าตัวหนังสือด้านล่างเลือนลางอ่านไม่ออกสักตัว ทว่าขณะเพ่งสายตาผ่านแหวนหมั้นของอิงอรุณ ตัวหนังสือกลับชัดเจน ไร้เหลี่ยมมุมในเนื้อเพชรที่ทำให้เกิดการหักเหของแสงเลยแม้แต่น้อย

“เพชรปลอม! นี่บ้านนั้นเขาดูถูกเราขนาดนี้เชียวหรือ” อุทานแล้ว นางจึงรู้สึกตัวหันไปสบตาพรรณราย หน้าร้อนฉ่าด้วยความอับอาย

พรรณรายปลอบใจ “แบรนด์นี้ถ้าซื้อของจริงยังไงก็ไม่ต่ำกว่าสี่ห้าล้าน แต่ถ้าจะทำปลอมได้เหมือนขนาดนี้ ต้องไปสั่งทำจากต่างประเทศเท่านั้น แล้วค่าทำก็ต้องมีถึงหกหลักกลาง ๆ นะคะ เพราะปลอมตั้งแต่เพชร ตัวเรือน ไปจนถึงใบเซอร์เลย”

เปรมิกาขบริมฝีปากพยายามข่มใจสุดความสามารถ

อิงอรุณก้มลงมองเพชรที่คว่ำอยู่ตรงหน้า แล้วหันมาสบตานาง “แม่คะ...”

“แม่จะให้น้องอิงถอนหมั้น” เปรมิกาประกาศ ไม่สนใจแม้อยู่ต่อหน้าคนนอกครอบครัว “เขากล้าทำแบบนี้กับเรา แสดงว่าไม่ให้เกียรติกันเลย จะให้แม่ดองกับคนแบบนี้ได้ยังไง”

“ใจเย็นก่อนค่ะคุณเปรม” พรรณรายเอื้อมมาแตะมือ ขึงตาให้เธอหยุด ซึ่งเป็นกิริยาที่ไม่ค่อยมีใครกล้ากระทำกับเปรมิกา เทียมสุบรรณ มากนัก

“คุณพรรณเอาเพชรไปตรวจตามวิธีของคุณ แล้วออกหนังสือยืนยันให้ฉันได้ไหมคะว่ามันเป็นของปลอม”

“ไอ้ทำน่ะทำได้ค่ะ แต่มันจะเป็นเรื่องใหญ่ คุณเปรมกับทางโน้นจะหมางใจกันจนมองหน้ากันไม่ติดนะคะ” คำอธิบายเสียงอ่อน ๆ นั้นช่วยให้เปรมิกาคลายโทสะ

“แล้วคุณพรรณว่าดิฉันควรทำยังไงคะ” เปรมิกาขอความเห็น เพราะอีกฝ่ายคร่ำหวอดกับการรับมือผู้คนในวงสังคมชั้นสูง

“เชิญคุณพันเทพมาเจรจา ให้เขาไปแจ้งพ่อแม่ก่อนดีไหมคะ แล้วค่อยถอนหมั้นกันเป็นการภายในเงียบ ๆ ”

เปรมิกาดวงตาเป็นประกาย ในที่สุดเธอก็หาทางลงให้กับสถานการณ์แสนอิหลักอิเหลื่อของลูกรักได้อย่างงดงาม คำขู่ของศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นแค่เสือกระดาษ เพราะหากนายพลผู้นั้นไม่รามือจากการหมั้นหมายครั้งนี้ เรื่องที่เขานำแหวนเพชรปลอมมาหมั้นลูกสาวเธอ จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหมากสำคัญในเกมนี้แทน คนรักหน้าอย่างนั้น ไม่มีวันยอมเสียหน้าครั้งใหญ่อย่างนี้แน่นอน

“คุณพรรณแนะนำถูกใจดิฉันมากค่ะ ว่าไหมน้องอิง” นางหันไปทางอิงอรุณ

อิงอรุณดูมีสีหน้ายินดีจนราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อเช้า “ถอนหมั้นได้จริงเหรอคะ” ครั้นนึกได้จึงถามเสียงอ่อย “แต่เทพจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะแม่”

“งั้นแม่รับประกันให้น้องอิงได้เลย ว่าเทพจะปลอดภัยแน่นอน น้องอิงจะยอมถอนหมั้นใช่ไหม”

“ถ้าแม่มั่นใจอย่างนั้น ก็จัดการตามที่เห็นสมควรเถอะค่ะ” เธอยิ้มกว้าง ดวงตาพราวด้วยประกายความสุข

เปรมิกาสบตาพรรณรายอย่างมีเลศนัย ขณะหมายมาดว่า กระสุนนัดที่จะจัดการ ‘ตามสมควร’ ของเธอนั้น ต้องได้นกลงมาทั้งฝูง ทั้งยังเป็นไปในทางที่นายพลบ้าอำนาจคนนั้นอาจคลั่งตายได้ในครั้งเดียว!



พลิกล็อก ธนาถูกฆาตกรรม!

เมียหลวงหึงโหด ฆ่าเสี่ยโคลา

แล้วความลับก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป ซึ่งหากความสั่นสะเทือนของข่าวที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ สามารถวัดเป็นค่ามาตรฐานอย่างริกเตอร์ได้ พาดหัวของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับรวมถึงข่าวที่เผยแพร่ต่อกันทางโลกออนไลน์ก็คงถูกจัดไว้ที่แมกนิจูดสิบ! เพราะนักลงทุนทั้งตลาดเทขายหุ้นพีอาร์เอ็มจ้าละหวั่น ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็พากันทิ้งหุ้นไม่ขาดสาย ส่งผลให้ราคาหุ้นดิ่งลงฟลอร์ทันทีที่เปิดตลาด

ริสาเรียกประชุมบอร์ดบริหารด่วนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ทว่าหญิงสาวเพิ่งเข้าใจว่า ‘ยามถังแตกผีอ้วนชวนกันหนี’ เป็นเช่นนี้เอง เพราะกรรมการบริหารที่ควรเข้าประชุมพร้อมหน้า กลับวางจดหมายลาออกปึกใหญ่ไว้บนโต๊ะแทน

ทั้งที่มิใช่คนอ่อนแอจนถึงกับเคยถูกตั้งฉายาว่าเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็งแห่งวงการน้ำอัดลม แต่วินาทีนั้นริสารู้สึกเหมือนเป็นเพียงเด็กน้อยที่พลัดหลงกับผู้ปกครอง ยิ่งตามหาทางออก กลับพบว่าตัวเองเดินลึกเข้าไปในความมืดมากขึ้นทุกที สิ่งเดียวที่เธออยากทำก็คือ...ร้องไห้!

ทว่าหญิงสาวรู้ดีว่าน้ำตาไม่อาจช่วยอะไร เพราะโลกนี้ไม่เคยหยุดหมุนเพื่อรอให้ใครหายทุกข์ เธอมีหน้าที่เดินหน้าต่อไป แม้จะต้องร้องไห้ไปด้วยเช็ดน้ำตาไปด้วย...ก็ต้องเดิน!



พันเทพวิ่งพรวดราวพายุเข้ามาในบ้าน พร้อมกับตะโกนก้องถามหาบิดาด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว

“ท่านเซ็นเอกสารอยู่ในห้องทำงานค่ะ” เด็กรับใช้รายงาน

ชายหนุ่มพุ่งตรงไปยังห้องหนังสือของพลเอกศักดิ์สิทธิ์ เทพวรสิงห์ ทันที

พันเทพผลักประตูถลันเข้าไปยืนหอบอยู่หน้าโต๊ะ ตะคอก ทส.ของบิดาให้ออกจากห้องโดยไม่ควบคุมอารมณ์

“ไปกินรังแตนที่ไหนมา” ศักดิ์สิทธิ์อารมณ์ดีจนไม่ถือสากิริยาของบุตรชาย

“ผมติดต่อพิมพ์ไม่ได้มาเป็นอาทิตย์แล้ว ไปหาที่คอนโดฯ ก็ไม่เจอ บอกมานะว่าพ่อเอาพิมพ์ไปไว้ที่ไหน” พันเทพเองก็ไม่ปกติเช่นกัน เพราะเขาตวาดบิดาเสียงสั่นอย่างที่ไม่เคยกล้าทำมาก่อน

“พิมพ์? แกกำลังพูดถึงใครเหรอ”

“พิมพ์สนิทแฟนผม! ”

“คู่หมั้นแกชื่ออิงอรุณต่างหาก” ศักดิ์สิทธิ์หัวเราะหึ ๆ สีหน้าขบขัน

“ไม่มีคู่หมั้นอะไรทั้งนั้น แม่อิงโทร.มาเรียกผมไปพบ พร้อมกับฝากมาบอกพ่อว่าท่านจะยกเลิกการหมั้น เพราะพ่อกับแม่เอาแหวนเพชรปลอมให้ผมไปหมั้นลูกสาวเขา! ” เขาเค้นเสียงแทบเป็นตะโกน หน้าแดงก่ำ ทั้งยังหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มออกมาขว้างใส่บิดาด้วย

“แล้วแกก็ตอบตกลงไปเนี่ยนะ” ศักดิ์สิทธิ์เสียงเหี้ยม ผุดลุกขึ้นยืนกำมือแน่น ท่าทีผ่อนคลายหายวับไปในพริบตา

“พ่อทำได้ยังไง ให้ผมเอาเพชรปลอมไปหมั้นอิงอรุณ เทียมสุบรรณ เนี่ยนะ” เขาทำน้ำเสียงเยาะหยัน “ผมไม่อยากจะเชื่อเลย พ่อไม่มีศักดิ์ศรีบ้างหรือไง”

ฝ่ามือหนาหนักฟาดใบหน้าเขาจนหน้าหัน แก้มซีกหนึ่งชาหนึบ ทว่าพันเทพกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง เขาหันกลับมาทางบิดาช้า ๆ

“นังนั่นก็ไม่ควรเที่ยวเอาแหวนไปอวดให้ใครดู” การยอมรับว่าตนทำผิดคงไม่ใช่จุดแข็งของศักดิ์สิทธิ์ เพราะเขาโยนความผิดไปเป็นของอิงอรุณง่ายดาย

“พ่อไม่อาย แต่ผมอาย ผมจะประกาศให้การหมั้นเป็นโมฆะ ต่อให้พ่อฆ่าผมตายตรงนี้ พ่อก็บังคับให้ผมแต่งงานกับอิงไม่ได้แล้ว”

บิดาหอบหายใจแรงหน้าบิดเบี้ยวดุจจะกินเลือดกินเนื้อเขา นานกว่าจะผ่อนรอยโกรธเกรี้ยว สีหน้าเคร่งเครียดคลายลงยอมรับการตัดสินใจของเขาแต่โดยดี

“เอาสิ อยากยกเลิกการหมั้นก็ได้ แต่แกก็เลิกหวังไปเลยว่าชาตินี้จะได้เจอหน้านังพิมพ์สนิทอีก ฉันสัญญาด้วยเกียรติของชายชาติทหารเลย ว่าผู้หญิงคนนั้นจะได้ไปท่อง ‘สวรรค์ทุกชั้น’ ที่เคยมีบนโลกนี้จนฉ่ำใจแน่นอน! ”

เอ่ยจบประโยคนั้นศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดลิ้นชักหยิบแหวนทองเกลี้ยงวงหนึ่งมาวางบนโต๊ะ แล้วออกจากห้องไปทันที

พันเทพมองแหวนด้วยความสังหรณ์ใจ ครั้นหยิบมาพลิกดูก็พบรอยสลักเป็นชื่อย่อของเขาและพิมพ์สนิทอยู่ด้านใน ชายหนุ่มตกตะลึง ทิ้งตัวลงคุกเข่าบนพื้น ไหล่งองุ้ม สองมือประคองแหวนกุมแนบหัวใจอย่างอับจนหนทาง

จากที่คิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า สุดท้าย...เขาก็พ่ายแพ้แก่บิดาอยู่ดี!



ศักดิ์สิทธิ์เรียกคนสนิทเข้ามาพบทันทีที่ลูกชายขับรถออกจากบ้าน เขาโยนรูปถ่ายปึกหนึ่งลงบนโต๊ะ “รู้จักอิงอรุณ เทียมสุบรรณ ใช่ไหม”

ผู้ใต้บังคับบัญชาก้มมองภาพหญิงสาวรูปร่างบอบบางผมบ๊อบสไลด์ซอยสั้นผู้มีดวงตากลมโตโดดเด่นในหลายอิริยาบถแล้วรับคำ “รู้จักครับ คู่หมั้นคุณพันเทพ”

“ดี! จัดการพาไปหาที่ ‘พักร้อน’ สักสองสามวันสิ ดูแลดี ๆ ละ”

“รับทราบครับผม! ”

ศักดิ์สิทธิ์คอยจนลูกน้องออกจากห้องไปแล้ว จึงเคาะมือกับโต๊ะอย่างครึ้มอกครึ้มใจ จินตนาการถึงเรื่อง ‘สนุก ๆ ’ ที่กำลังจะเกิดขึ้น แล้วหัวเราะเบา ๆ ด้วยความพึงใจ รอยยิ้มเยาะหยันปรากฏบนใบหน้าเมื่อเขาพึมพำเสียงเข้ม

“คิดต่อรองกับกูหรืออีเปรมิกา มึงยังอ่อนหัด ต้องฝึกฝีมืออีกเยอะ! ”


[1] ใบเซอร์ฯ (Diamond Certificate) ออกโดยสถาบันอัญมณีสำหรับเพชรที่มีขนาดตั้งแต่ ๐.๓๐ กะรัตขึ้นไป มีรายละเอียดระบุขนาด สี ทรงเจียระไน ความสะอาด รูปแบบและตำแหน่งของตำหนิ ความลึกของเพชร โดยยิงเลเซอร์หมายเลขใบเซอร์ฯ ที่ขอบเพชร เพื่อใช้ตรวจสอบคู่กับเพชรเม็ดนั้น ๆ



....................................................



พยศดอกฟ้ามีขายทั้งฉบับหนังสือและอีบุ๊ค

จำนวน 600 หน้า ราคา 450 บาท ค่าส่ง 30 บาท



สั่งซื้อหนังสือกับสิริณ https://goo.gl/HA1QWz

หรือซื้อจากร้านร้านนิยายรัก https://goo.gl/uPTdCs



E-book

mebmarket >>https://goo.gl/o9FXn6

ookbee >>https://goo.gl/rf274b

Hytexts >>https://goo.gl/KcekzB






สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มิ.ย. 2561, 15:29:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มิ.ย. 2561, 15:29:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 681





<< ตอนที่ 37   ตอนที่ 39 (50%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account