กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต
ตอน: ๙ แค่คำพูด (50%)
“นี่พี่ต้องตัดให้ขาดนะ ถ้าพี่คิดจริงจังกับยายพิมพ์ไม่ใช่แค่ว่าแก้เหงา สงสารยายพิมพ์มัน ไม่ได้อยากกดดันแต่พี่สินคิดดูสิ ยากแค่ไหนกว่ายายพิมพ์จะเปิดใจให้พี่”
เสียงเคาะประตูห้องทำให้จิรสุตาเงียบปากทันควัน เธอลุกขึ้นยืนและหันไปมองก่อนพบว่าคนเคาะคือแม่บ้าน ส่วนที่ตามหลังมาเป็นจักรี จิรสุตายิ้มแฉ่งลุกขึ้นไปหาแฟนหนุ่ม
“มาไงคะ”
“มารับไปทานข้าวเที่ยงค่ะ งานเสร็จยังคะเนี่ย”
“อีกนิดค่ะ รออีกแป๊บ” ว่าแล้วหญิงสาวก็เผ่นแผล็วออกไปจากห้อง จักรีหันมามองเพื่อน จิรสินรอจนอีกฝ่ายก้าวเข้ามานั่งลงเรียบร้อยแล้วถึงได้เอ่ย
“ยายตาจะเคยรู้ไหมว่าถูกแกไล่ออกไปจากห้อง”
คนถูกรู้ทันหัวเราะพลางเกาที่คิ้ว “อย่าเพิ่งเฉไฉเลย ฉันมานี่เพราะมีเรื่องจะพูดด้วย เห็นว่าแกไปเจอจันทร์มา” จากนั้นก็รีบเอ่ยต่อ “เผอิญเจออี๊ดมัน มันว่าเห็นแกกับจันทร์อยู่ด้วยกัน นี่ไม่ใช่ว่าถ่านไฟเก่าจะคุหรอกใช่ไหม”
“พวกแกนี่ข่าวไวจริง”
“แล้วยังไง”
“แค่บังเอิญเจอกันเท่านั้นเองเลยคุยกันนิดหน่อย”
“แล้วนี่เครียดเรื่องอะไร ให้ฉันเดาแกกลัวถ่านไฟเก่าจะคุ”
จริงๆ จักรีก็ไม่ได้จะห้ามถ้าหากว่าจิรสินจะไม่มีแฟนสาวที่อุตส่าห์ไปง้อขอเขาคืนดีกลับมา จริงๆ ปุณณมาก็ไม่ใช่คนเลวร้าย หล่อนสวย นิสัยก็ดี เคยเป็นถึงนางเอกละครแต่ก็มาเงียบไปเพราะแต่งงาน ถ้าไม่รวมเรื่องที่หล่อนขอเลิกกับจิรสินก็นับว่าหล่อนเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่พูดกันตรงๆ คนเราย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
“ไอ้นี่ก็ถ่านไฟเก่ายันเตเลย ไม่ใช่” จิรสินเอ็ด “ก็คุยกัน อัพเดตชีวิตช่วงที่ผ่านมา”
“แล้วเป็นยังไง”
“ก็แย่ จันทร์เขาเจออะไรมาเยอะ”
ภาพของปุณณมายังชัดเจนในหัวของเขา เธอผอมลงมาก ผมยาวที่เธอเคยภูมิใจกับมันตัดสั้น ใบหน้าหวานอมเศร้ายิ่งหมอง เพราะแววตาสดใสที่เคยมองทุกอย่าง เปลี่ยนไปเป็นหมองเศร้า และยังแฝงไว้ด้วยความชอกช้ำที่เจ้าตัวพยายามปกปิดไว้ไม่แสดงออกมา
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงแกต่างหาก” จักรีปฏิเสธชี้ปากกาไปที่จิรสิน “หัวใจแกน่ะมันเข้มแข็งพอหรือยัง นี่จะเตือนนะถ้าแกลังเล แน่ๆ เลยต้องมีผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งเสียใจ ไม่มีใครแทนที่ใครได้ ทุกคนแตกต่างมากบ้างน้อยบ้างไม่เหมือนกัน”
จิรสินนิ่งฟัง แต่ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ จักรีพยักหน้าก่อนลุกขึ้นยืน เขาเดินออกจากห้องไปช้าๆ ปล่อยให้เพื่อนสนิทได้คิดตามลำพัง
“พี่เขาไปไหนซะละวันนี้ถึงไม่ได้มาส่ง นี่แม่ทำกับข้าวเผื่อว่าจะฝากไปให้คุณที่บ้านโน้นทานด้วย” สริพรเอ่ยกับบุตรสาวที่เดินเข้ามาในบ้าน เพราะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์จึงพอเดาได้ว่าจิรสินคงไม่ได้มา
มารดาของศศิพิมพ์อายุเจ็ดสิบปีแล้ว และเพราะโรคหัวใจซึ่งพ่วงมากับความดันทำให้รูปร่างค่อนข้างท้วม ซึ่งหากจะเรียกว่าบวมก็ไม่ผิดนัก หล่อนไว้ผมสั้นและดัดน้อยๆ มีผมหงอกแซมประปราย แต่ที่ไม่เปลี่ยนคือแววตายามมองลูกสาว
“จะไปเจอเพื่อนจ้ะ พิมพ์เลยว่ากลับเองดีกว่าเพราะอยู่คนละทาง” หญิงสาวโอบเอวมารดาไว้และหอมแก้มซ้ายขวา ก่อนผละออกทรุดลงนั่งยองทักลูกหมาที่เก็บมาเลี้ยง
“แล้ววันนี้เป็นไงบ้างล่ะลูก”
“ก็เรื่อยๆ จ้ะแม่ แต่--”
เสียงเคาะประตูห้องทำให้จิรสุตาเงียบปากทันควัน เธอลุกขึ้นยืนและหันไปมองก่อนพบว่าคนเคาะคือแม่บ้าน ส่วนที่ตามหลังมาเป็นจักรี จิรสุตายิ้มแฉ่งลุกขึ้นไปหาแฟนหนุ่ม
“มาไงคะ”
“มารับไปทานข้าวเที่ยงค่ะ งานเสร็จยังคะเนี่ย”
“อีกนิดค่ะ รออีกแป๊บ” ว่าแล้วหญิงสาวก็เผ่นแผล็วออกไปจากห้อง จักรีหันมามองเพื่อน จิรสินรอจนอีกฝ่ายก้าวเข้ามานั่งลงเรียบร้อยแล้วถึงได้เอ่ย
“ยายตาจะเคยรู้ไหมว่าถูกแกไล่ออกไปจากห้อง”
คนถูกรู้ทันหัวเราะพลางเกาที่คิ้ว “อย่าเพิ่งเฉไฉเลย ฉันมานี่เพราะมีเรื่องจะพูดด้วย เห็นว่าแกไปเจอจันทร์มา” จากนั้นก็รีบเอ่ยต่อ “เผอิญเจออี๊ดมัน มันว่าเห็นแกกับจันทร์อยู่ด้วยกัน นี่ไม่ใช่ว่าถ่านไฟเก่าจะคุหรอกใช่ไหม”
“พวกแกนี่ข่าวไวจริง”
“แล้วยังไง”
“แค่บังเอิญเจอกันเท่านั้นเองเลยคุยกันนิดหน่อย”
“แล้วนี่เครียดเรื่องอะไร ให้ฉันเดาแกกลัวถ่านไฟเก่าจะคุ”
จริงๆ จักรีก็ไม่ได้จะห้ามถ้าหากว่าจิรสินจะไม่มีแฟนสาวที่อุตส่าห์ไปง้อขอเขาคืนดีกลับมา จริงๆ ปุณณมาก็ไม่ใช่คนเลวร้าย หล่อนสวย นิสัยก็ดี เคยเป็นถึงนางเอกละครแต่ก็มาเงียบไปเพราะแต่งงาน ถ้าไม่รวมเรื่องที่หล่อนขอเลิกกับจิรสินก็นับว่าหล่อนเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่พูดกันตรงๆ คนเราย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
“ไอ้นี่ก็ถ่านไฟเก่ายันเตเลย ไม่ใช่” จิรสินเอ็ด “ก็คุยกัน อัพเดตชีวิตช่วงที่ผ่านมา”
“แล้วเป็นยังไง”
“ก็แย่ จันทร์เขาเจออะไรมาเยอะ”
ภาพของปุณณมายังชัดเจนในหัวของเขา เธอผอมลงมาก ผมยาวที่เธอเคยภูมิใจกับมันตัดสั้น ใบหน้าหวานอมเศร้ายิ่งหมอง เพราะแววตาสดใสที่เคยมองทุกอย่าง เปลี่ยนไปเป็นหมองเศร้า และยังแฝงไว้ด้วยความชอกช้ำที่เจ้าตัวพยายามปกปิดไว้ไม่แสดงออกมา
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงแกต่างหาก” จักรีปฏิเสธชี้ปากกาไปที่จิรสิน “หัวใจแกน่ะมันเข้มแข็งพอหรือยัง นี่จะเตือนนะถ้าแกลังเล แน่ๆ เลยต้องมีผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งเสียใจ ไม่มีใครแทนที่ใครได้ ทุกคนแตกต่างมากบ้างน้อยบ้างไม่เหมือนกัน”
จิรสินนิ่งฟัง แต่ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ จักรีพยักหน้าก่อนลุกขึ้นยืน เขาเดินออกจากห้องไปช้าๆ ปล่อยให้เพื่อนสนิทได้คิดตามลำพัง
“พี่เขาไปไหนซะละวันนี้ถึงไม่ได้มาส่ง นี่แม่ทำกับข้าวเผื่อว่าจะฝากไปให้คุณที่บ้านโน้นทานด้วย” สริพรเอ่ยกับบุตรสาวที่เดินเข้ามาในบ้าน เพราะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์จึงพอเดาได้ว่าจิรสินคงไม่ได้มา
มารดาของศศิพิมพ์อายุเจ็ดสิบปีแล้ว และเพราะโรคหัวใจซึ่งพ่วงมากับความดันทำให้รูปร่างค่อนข้างท้วม ซึ่งหากจะเรียกว่าบวมก็ไม่ผิดนัก หล่อนไว้ผมสั้นและดัดน้อยๆ มีผมหงอกแซมประปราย แต่ที่ไม่เปลี่ยนคือแววตายามมองลูกสาว
“จะไปเจอเพื่อนจ้ะ พิมพ์เลยว่ากลับเองดีกว่าเพราะอยู่คนละทาง” หญิงสาวโอบเอวมารดาไว้และหอมแก้มซ้ายขวา ก่อนผละออกทรุดลงนั่งยองทักลูกหมาที่เก็บมาเลี้ยง
“แล้ววันนี้เป็นไงบ้างล่ะลูก”
“ก็เรื่อยๆ จ้ะแม่ แต่--”
ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มิ.ย. 2561, 20:16:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2561, 20:16:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 632
<< ๙ แค่คำพูด (25%) | ๙ แค่คำพูด (75%) >> |