มนตราในฝัน
กานติศา หญิงสาวหลงทางในความฝัน จินตนาการของเธอ กระทั่งพบชายชุดดำปริศนาเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวยามกลางวัน กลืนเป็นสีน้ำเงินในรัตติกาล สัมผัสความลึกลับและอันตราย
เธอจะวิ่งหนีไปให้พ้นจาก 'ฝันร้าย' อย่างไร

Tags: ข้ามภพ,แฟนตาซี,ความรัก

ตอน: บทที่ 11 (2) อาณาจักรวิสตาร์เรีย

“ท่านมัทธิอัสมาแล้ว”

ขบวนทหารม้าเร่งฝีเท้าฝ่ากลุ่มประชาชน ความเร็วตีฝุ่นตลบเป็นควันเข้ามาทางกานติศากำลังยืนหน้างง วางตัวไม่ถูกเพราะทุกอย่างมันเร็วเหลือเกิน ทหารคุมม้าไม่สนใจว่ามันจะวิ่งไปเหยียบอะไรเข้า และมันเพิ่งวิ่งเหยียบย้ำศพจนเละ เธอถูกกระชากเอี้ยวหลบไปด้านข้างทันที ก่อนขาม้าตัวนั้นเจาะหัวเธอเข้า พบว่าเอเดรียนอยู่ใต้ร่างเธอ ใบหน้าทั้งคู่ใกล้กันระยะผิวขนจนแมลงไม่สามารถบินลอดผ่านได้

“เอเดรียน” เธอสัมผัสความร้อนแผ่ออกมาจากตัวเขา ลมหายใจร้อนราวมีพิษไข้

“อย่าทำข้าใจหายอีก” สีหน้าโล่งอกเด่นชัด หลังหากานติศาแทบตาย ช่วงพลัดหลงใจหายเหมือนถูกใครควักหัวใจไปเสียแล้ว

“รอธดีนหายตัวไปแล้ว”

“ข้ารู้ แต่เราไม่มีเวลาแล้ว” แทนที่ห่วงเรื่องเด็กหายไป เอเดรียนกังวลสถานการณ์ตอนนี้มากกว่า คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาจ๊ะเอ๋พวกทหารตั้งแต่วันแรก เขาต้องรีบพากานติศาไปให้พ้นสายตาผู้ที่เอเดรียนไม่อยากให้เจอมากที่สุด

เจ้าของปืนโบราณลงจากม้าขนสีขาวรูปงามไม่แพ้เจ้าของ หากคิดว่าทหารม้าเหล่านี้ออกมาเพื่อปกป้องประชาชนคงเข้าใจผิดไปถนัด หน้าที่พวกเขาคือกั้นผู้คนมิย่างเข้าใกล้ท่านเจ้าเมืองต้องแปดเปื้อนต่างหาก
มัทธิอัส ผู้น่าเกรงขามในชุดเกราะสีทองเต็มยศ ผมสีน้ำตาลหยักศกยาวถูกมัดรวมเป็นหางม้า หากแปลงความงามบุรุษเพศกลายร่างเป็นมนุษย์อย่างมัทธิอัสจึงเหมาะสมที่สุด นัยน์ตาสีอ่อนกวาดสายตาไปที่ฝูงชนเชิงโกรธ

“แด่ประชาชนของข้า ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเสียแล้วหรือ มิเช่นนั้นกฎหมายมีเอาไว้ทำไม พฤติกรรมก้าวร้าวของพวกเจ้าทุกคน ก่อเหตุทะเลาะวิวาททุกวันต่อไปอย่างนี้ วิสตาร์เรีย จะไปเหลืออะไรให้ภูมิใจอีก...”

“เพราะวิสตาร์เรียไม่เหลืออะไรแล้วขอรับ ท่านมัทธิอัส”

เสียงฮือฮาในกลุ่มประชาชน ผู้ก้าวออกมาเป็นชายวัยกลางคน อาศัยความกล้าเป็นปากเสียงแทนให้กับประชาชนทุกคนพูดให้ท่านเจ้าเมืองได้รับฟัง

“ขะ ข้าต้องขออภัยท่านมัทธิอัสที่เสียมารยาท แต่ข้าต้องพูดแทนทุกๆ คน เพราะไม่รู้จะมีครั้งต่อไปที่ท่านเมตตายอมลงมาเพื่อพบปะ พูดคุยกับประชาชนอีกเมื่อไร”

“เจ้ามีอะไรพูดก็รีบพูด” แววตามัทธิอัสโกรธมาก ถูกขัดจังหวะระหว่างที่ยังพูดไม่จบ

ชายวัยกลางคนนึกดีใจที่ท่านเจ้าเมือง ผู้มีพระคุณต่ออาณาจักร ให้โอกาสและฟังสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ หวังว่าคุณภาพชีวิตที่แย่ลงทุกวันนี้จะได้รับแก้ไข “ขอบพระคุณขอรับ ท่านมัทธิอัส”

“ข้าเคยประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ หลายปีผ่านมานี้ พวกเราประชาชนคุณภาพชีวิตแย่ลงทุกวัน ภรรยาข้าเองเพิ่งตายด้วยโรคแห่งความตาย เหลือตัวข้าคนเดียว ทำนาทำไร่ล้มเหลวเพราะสภาพดินกลายเป็นพิษ นับวันสายน้ำอันเป็นหัวใจของอาณาจักรแทบหยุดไหล ทุกวันเราต้องห้ำหั่นเพื่อต้องหาทางชีวิตรอด พวกเราขาดแหล่งอาหารและน้ำ พวกเราทรมานเพราะคำสาปขอรับ”

‘คำสาป’ ภายในหัวใจกานติศาเต้นแรง ร่างกายเธอตอบสนอง สายเลือดในร่างกายเธอไหลวนอย่างเฉียบพลัน

“คำสาป เขาหมายถึงอะไรคะ”

เอเดรียนไม่ตอบ พุ่งสายตาไปยังมัทธิอัสอย่างโกรธเกลียด

“ร่วมก่อการกบฏ เพราะเชื่อว่าพวกท่านจะทำให้คุณภาพชีวิตพวกเราทุกคนดีขึ้น อาณาจักรร่มเย็นมีความสุข วันนี้ท่านดูสภาพพวกข้าสิ พวกเด็กๆ ขาดสารอาหาร พวกผู้หญิงอ่อนแอไม่สามารถเป็นแม่คนเลี้ยงลูกตัวเอง ท่านมัทธิอัสจะให้พวกข้ามีชีวิตอยู่เพื่อรอความตายอย่างเดียวหรือขอรับ”

จริงสิ กานติศาเพิ่งสังเกตว่าทุกคนมีสภาพอิดโรย ร่างกายซูบผอมเหมือนเป็นโรคขาดสารอาหาร บางรายถึงขั้นพิการ ร่างกายไม่สมประกอบ พวกเขากำลังป่วยจากโรคแห่งความตายนั้นหรือเปล่า

ปัง

ชายวัยกลางคนชะงักหยุดหายใจ หน้าผากถูกกระสุนเจาะหัวทะลุเข้าทำลายสมอง ปล่อยร่างไร้วิญญาณล้มลงกับพื้น เอเดรียนดึงร่างกานติศาเข้ามาใต้ผ้าคลุม ลอบมองเหตุการณ์ท่ามกลางเสียงความไม่พอใจของมวลหมู่ประชาชน

มัทธิอัสยิงปืนขึ้นท้องฟ้าอีกครั้ง ข่มขู่ให้อยู่ในความสงบ เปลี่ยนความงามบุรุษเพศเป็นความโหดเหี้ยมเพียงชั่ววินาที ลงมือเอาชีวิตคนอย่างเลือดเย็น

“กฎหมายข้อแรกของอาณาจักรพวกเจ้าควรจำ ห้ามพูดแทรกข้าเด็ดขาด ข้อสองการพูดจาว่าร้ายให้ข้าทำให้เจ้าเป็นกบฏ” ใช้เท้าเขี่ยศพจนพลิกไปมา ออกคำสั่งทหาร

“ทหาร นำศพนอกรีตไปขายทอดตลาด ใครไม่ซื้อ ขายไม่ได้ก็จับโยนออกนอกกำแพงได้เลย”

“ขะ ขอรับ” ทหารผู้หนึ่งรับคำบัญชาด้วยกลืนน้ำลายไม่ลง ความโหดเหี้ยมของท่านอยู่ระดับคงเส้นคงวา บริเวณจัตุรัสสีเขียวพูดกันให้แซ่ดกรุ่นความไม่พอใจ คำด่าทอหลุดออกมาให้ท่านเจ้าเมืองได้ยินเข้า

เจ้าทรราช โหดร้าย อำมหิต อสุรกายร้ายกลับชาติมาเกิด

“ไยจึงไม่พอใจ ประชาชนของข้า พวกเจ้าประสบความขาดแคลน ข้ามอบแหล่งอาหารตอบสนองให้แล้ว” หมายถึงเศษอาหารที่พวกเขาเหลือกินนำมาแจกประชาชนชนชั้นล่างสุด มัทธิอัสเหยียดยิ้มด้วยความหลุ่มหลงในอำนาจที่ได้มาด้วยการแย่งชิง หาใช่การกบฏ

มันบังอาจหาว่าข้าทำการกบฏ คำที่ใช้เรียกพวกขี้แพ้

บังอาจทำลายชื่อเสียง วิสตาร์เรีย อาณาจักรของข้าต้องแปดเปื้อน

เพราะเห็นตัวอย่างการกระทำห้าวหาญเมื่อครู่นี้ จึงไม่มีใครกล้าก้าวออกมาต่อกรท่านเจ้าเมืองอีก นับเป็นการตัดสินใจผิดไว้ตั้งแต่แรก สนับสนุนท่านมัทธิอีส ช่วงชิงอำนาจกลับมาเป็นของพวกเขา สนับสนุนท่านให้ตัดหัวกษัตริย์ กวาดล้างตระกูลราชวงศ์อย่างเลือดเย็น

ทุกชีวิตในวิสตาร์เรียน่าสงสาร ขาดแคลนในทุกด้าน อยู่ภายใต้อำนาจเจ้าเมืองโหดร้ายป่าเถื่อน กานติศาไม่อยากยอมรับเลยว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในจินตนาการที่สร้างขึ้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไปกำหนดความเลวชั่วในร่างผู้คนเหมือนปีศาจ ทั้งที่เธอไม่เคยมีความคิดอยากฆ่าแกงฟันใครทั้งนั้น

ความฝันของเธอมันคืออะไรกันแน่

“ทหาร เก็บภาษีเพิ่ม เฉพาะเขตสีเขียวเก็บให้ครบทุกครัวเรือน เป็นการลงโทษ” นอกจากไร้ความปราณีแล้ว มัทธิอัสเป็นคนเห็นแก่ตัว ฉวยจังหวะนี้เก็บภาษีประชาชนไม่เหลืออะไรให้ขูดรีด

ชายร่างสูงท่านหนึ่งขี่ม้าเร็วเข้ามาสมทบที่ท้ายขบวน คุมม้าพันธุ์สีน้ำตาลอ่อนมาอยู่เคียงข้างท่านเจ้าเมือง ส่งข้อความด้วยวิธีการซิบกระซาบให้ได้ยินกันสองคน “นางเจ็บท้องคลอดแล้ว ควรรีบไป”

ท่านไธด์ สหายผู้มาใหม่ของท่านเจ้าเมืองในเครื่องแบบนักบวช เสมือนน้ำเย็นบริสุทธิ์ทำหน้าที่เข้าระงับคลายความร้อนในตัวมัทธิอัสใจเย็นลง จึงมาในจังหวะที่เหมาะสมแล้ว

“ทหาร กลับฐาน” ท้องฟ้าก้องคำรามส่งสัญญาณว่าจะมีพายุฝนตามมา

“เดี๋ยวก่อน ข้าได้กลิ่นผู้หญิง” เป็นมัทธิอัสเอ่ยขึ้น กลิ่นดอกไม้ป่าหอมหวนเกือบจางหายเข้าไปในอากาศ ได้เข้ากระแทกจมูกพอดี ดอกไม้ป่าเป็นพืชที่หาพบยาก นอกจากเป็นสาวต่างถิ่นเดินทางเข้ามา

“ผู้หญิง มันก็มีกันเกลื่อนนี่ขอรับ” ไธด์ตอบ เบื้องหน้าพวกเขามีผู้หญิงน้อยเสียเมื่อไร ขาดอย่างเดียวพวกนางไม่มีความงาม บางรายพ่วงติดโรคแห่งความตาย

“ไม่ กลิ่นนางแตกต่าง” เขาตอบไธด์ หมายถึงสาวแรกรุ่น กลิ่นสาวพรหมจรรย์หอมหวาน แบบที่ชื่นชอบและอยากช่วงชิงมาเป็นของตน มั่นใจว่านางนั้นต้องซ่อนตัวอยู่ในหมู่คนอย่างแน่นอนจึงออกคำสั่ง

“ทหาร ตามหานางซะ”

คำสั่งมัทธิอัสถือเป็นคำขาด ต้องปฏิบัติตามเท่านั้นไม่มีบิดพลิ้ว

เอเดรียนเห็นทหารรับคำสั่ง แล้วเคลื่อนไหวเหมือนหาใครบางคนในฝูงชน หรือว่าพวกมันรู้ตัวแล้ว สิ่งที่เขากลัวที่สุดนับตั้งแต่เปลี่ยนแผนการเดินทาง นำกานติศาเข้ามาในสถานที่อันตรายที่สุด

“เราต้องวิ่งหนีเดี๋ยวนี้”

หากมันเจอกานติศาจะรอดพ้นน้ำมืออย่างมัทธิอัสได้อย่างไร เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด รีบฉกมือเธอให้วิ่งตามเขาไปพร้อมกับสายฝนริเริ่มตกลงมาอย่างปาฏิหาริย์ ด้วยความบังเอิญเธอไปสบตานัยน์ตาสีฟ้าสดใสผู้ชายรูปงามคนหนึ่งเข้า ผมสีทองในชุดนักบวชอยู่เคียงข้างท่านเจ้าเมือง กับรอยยิ้มจงใจให้เธอเห็นผู้เดียว
เขาเป็นใคร ถึงยิ้มทักทายเหมือนรู้จักเธอมาก่อน



“เดี๋ยวก่อน คุณตัวร้อนเหมือนจะมีไข้ เราต้องหยุดพัก” พอจับตัวเขาภายใต้ชุดเกราะพบว่าเอเดรียนตัวร้อนจี๋ พวกเธอจะวิ่งหนีฝ่าสายฝนต่อไปได้อย่างไร ก่อนมีอาการแย่กว่านี้พวกเธอควรเข้าที่พัก

“ยังไหว” ถึงจะไม่ไหวก็ต้องฝืนสังขารพากานติศาไปยังที่ปลอดภัยให้ได้ เอเดรียนแปลกใจกับความผิดปกติร่างกายเขา ตั้งแต่วันนั้นบาดแผลควรสมานแผลเหายแล้ว ทำไมหวนกลับมาเล่นงานอีก

หรือเวลานั้นจะมาเร็วกว่าที่คิด

กานติศาพยุงเอเดรียนเข้าที่หลบฝน ตกใจเขาอาเจียนเป็นเลือดต่อหน้าเธอ ในเวลานี้รอธดีนดันหายตัวไป เอเดรียนก็มาล้มป่วยอีกเธอจึงตัดสินใจอะไรไม่ถูก เหมือนโลกถล่มทลายปิดทางรอด

“ลูนาร์ไม่เคยเห็นท่านพ่อป่วยขนาดนี้ พี่สาว เราควรรีบทำอะไรสักอย่าง ก่อนจะเป็นอะไรไป” ลูนาร์ที่หายไปตอนเกิดเหตุโกลาหล พบว่านั่งซ่อนตัวสั่นเทาใต้ผ้าคลุมเอเดรียน

เธอควรทำอย่างไรดี

เสียงฝนตกพร่ำๆ พาประชาชนในแถบนั้นออกจากบ้านเรือน เด็กๆ มาวิ่งเล่นตากฝนอย่างตื่นเต้น หัวเราะมีความสุข ผู้ใหญ่นำถังไม้ออกมาตากฝนหวังกักเก็บน้ำให้มากสุด เพราะวิสตาร์เรีย พื้นที่ของอาณาจักรทั้งหมดประสบความแห้งแล้ง บางปีไม่เคยฝนตก เหมือนฟ้าประทานความโชคดีมาให้กับพวกเขา

กานติศาประกบมือเข้าตีหน้าตัวเองเบาๆ ปลุกสติตนกลับคืนมา เธอมีบ้านให้กลับไป มีครอบครัวที่รออยู่ ประเทศที่มีธรรมชาติอบอุ่น แต่พวกเขาที่นี่มีชีวิตแย่กว่าหลายเท่ากลับมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะมีความสุขได้ในระยะเวลาอันสั้น

พวกเขาคือแรงบันดาลใจ ปลุกพลังกำลังใจเธอคืนมา ห้ามท้อใจ

อย่างน้อยตอนนี้เอเดรียนหวังพึ่งเธอ

“เราต้องหาที่พักคืนนี้ ลูนาร์ช่วยบินหาที่พักหน่อย” เพราะเธอต้องประคองร่างเขาซึ่งเคลื่อนไหวไปไหนลำบาก

“ได้สิ ปล่อยเป็นหน้าที่ของลูนาร์เอง” ภูติน้อยออกจากที่หลบซ่อน กางปีกเรืองแสง ทันทีก้าวออกมาพร้อมเผชิญอันตราย เพื่อเอเดรียน ท่านพ่อผู้มีพระคุณเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด ลูนาร์ยินดีรับความเสี่ยง

“ลูนาร์ ระวังตัวดีๆนะ”

สิ่งแรกที่พวกเธอต้องการมากที่สุดคือ การทำตัวให้แห้งและหาที่พักหลบความเย็นจากอากาศอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ฝนฟ้าคะนอง พายุฝนไล่ลงมาไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด แต่สำหรับชาววิสตาร์เรียนมีความปิติยินดี แม้ว่าน้ำฝนลงสู่พื้นดินเป็นพิษ สู่อ่างเก็บน้ำทำจากดินเป็นผลให้น้ำกลายเป็นพิษ

จงยิ้ม หัวเราะกับสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้

ต่างออกมาวิ่งเล่นท้าสายฝนไล่ช้างได้ทั้งฝูง แต่ไล่พวกเขาเท่าไรก็ไล่ไม่ไป ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดี มีความหวังตั้งตารอคอยวันที่เครื่องบูชายัญจักต้องถูกทำลาย

ยอดเขาเหนือเมฆฝนมีต้นวิสทีเรียเก่าแก่ดำรงอยู่มาหลายศตวรรษใกล้ตายเต็มที่ หากมองดีๆ แล้วจะพบว่าใต้ไม้เลื้อยมีซากปรักหักพังตั้งอยู่ สิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่เป็นอดีตปราสาทที่ถูกหลงลืม โศกนาฏกรรม เศษเสี้ยวของความทรงจำเสมือนตราบาปของอาณาจักร



ปลายแหลมปากกาดิจิตอลจิ้มวาดลงบนกระดานทำงานควบคู่กัน ปรากฎภาพรางขึ้นจอมอนิเตอร์แบรนด์ผลไม้ชื่อดัง นิสัยบ้าทำงานทำทั้งวันทั้งคืน กินอาหารไม่เป็นเวลาเกิดปวดท้อง เขาไม่มีวันล้มเลิกวาดภาพ ถ้าผลลัพธ์ภาพไม่เสร็จตามเป้าที่ตั้งใจไว้ ธรณินทร์จิ้มปากกาเพื่อลงสีชมพูและสีม่วงเข้มไล่สีลงบนรูปดอกไม้สามมิติ ใส่แสงเงาซ้อนกันไว้เป็นเลเยอร์ สลับกับดูเอกสารเนื้อหาสตอรี่บอร์ดเพื่อให้แน่ใจว่าคุมโทนสีถูกต้องหรือไม่ หากสีผิดไปเบอร์เดียว อารมณ์ภาพยนตร์จะเพี้ยนไปทั้งเรื่อง

ถึงคราวอ่อนล้า ธรณินทร์ถอดแว่นตากรอบไม้ มองไปที่เพื่อนร่วมงานหลายคนตกอยู่ในห้วงนิทรา พวกเขาทำงานหนักติดต่อกันมาหลายวันเพื่อตอบสนองความต้องการคณะกรรมการสร้างภาพยนต์สั้นเรื่องหนึ่ง

The Lost Fantasy and Time

ชายหนุ่มมือคีบบุหรี่ ธรณินทร์อยู่ระเบียงด้านนอก ซึ่งเขาลังเลว่าจะจุดไฟกลับมาสูบดีไหมหลังเลิกร้างมานานเกือบห้าปี เพราะมีคำพูดเจื้อยแจ้วค่อยห้ามเขาไม่ให้สูบสารนิโคตินมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยปีแรก เด็กสาวพูดจาเหลวไหลทั้งน้ำตา ขี้มูกโป่ง กลัวเขาตายเพราะสิ่งเสพติด แต่นั่นไม่ใช่เหตุที่เขาต้องเลิกสูบ

วันหนึ่งกานติศาพูดประโยคหนึ่งกระแทกใจจรต้องรีบปาม้วนบุหรี่ทิ้งลงทะเล

“รู้ไหมคะว่ากลิ่นสบู่ติดตัวพี่ตอนอาบน้ำใหม่ๆ เป็นกลิ่นที่กานชอบที่สุด แต่บางวันพี่มีกลิ่นติดมือ ไม่อยากเข้าใกล้พี่เลยค่ะ มันขมคอเพราะกานแพ้กลิ่นบุหรี่”

จงเลิกสูบเพื่อคนที่คุณรัก มีชีวิตยืดยาวอยู่กับคนที่คุณรัก

เขาหัวเราะให้กับตัวเองหลังจากทำลายม้วนบุหรี่ไปแล้ว เป็นความจริงที่ยอมเลิกบุหรี่เพื่อให้กานติศาไม่ลังเลเข้ามาคลอเคลียอยู่ใกล้เขาอย่างสนิทใจ ยิ่งตัวติดกันเป็นตังเมเท่าไรยิ่งชอบ หลายวันมานี้เขาไม่เจอกานติศา แล้วตอนนี้เจ้าตัวทำอะไรอยู่ทำไมไม่โทรติดต่อเขาเสียที

“ครับ” เขารับโทรศัพท์มือถือทันที สงสัยมีญาณทิพย์

“ต้น กี่โมงกี่ยาม ยังไม่นอนอีก” นางวรรณิภา มารดาของเขาเอง คงโทรมาเช็คลูกชายว่าได้หลับนอนตามเวลาหรือไม่ เขาไม่ควรรับสายนี้เอาซะเลย จึงโดนอีกฝ่ายจับผิด

“รู้แล้วครับแม่ จะนอนเดี๋ยวนี้แหละ”




ลูนาร์บินกลับมาบอกข่าวดีมีโรงพักแรมอยู่ไม่ไกล กานติศาตกลงราคาห้องกับเจ้าของโรงเตี๊ยมเก่าซอมซ่อ สีหน้าหล่อนดูไม่อยากรับแขกใดทั้งสิ้นในยามฝนตก ต้องตาโตเมื่อเธอตัดสินใจให้เหรียญเพิ่ม เหรียญเงินสกุลอาณาจักรที่เธอได้มาจากถุงหนังในกระเป๋าสัมภาระของเขา

“กรุณารับพวกเราให้เข้าพักเถอะขอรับ เจ้านายข้าป่วยมาก”

กานติศาในคราบเรเวน ทาสหนุ่มพยุงร่างเอเดรียนขึ้นไปชั้นสองของโรงเตี๊ยมอย่างทุลักทุเล ลูนาร์ตัวเล็กช่วยอะไรได้ไม่มากนอกจากส่งแรงเชียร์ ห้องพักขนาดเล็กเท่ารูหนูที่แลกมาด้วยจำนวนเหรียญช่างไม่คุ้มค่า ยังดีที่เจ้าของประทานห้องมีเตาผิงขนาดเล็กให้

“ลูนาร์เกือบจะด่ายายแก่ขี้งก หน้าเลือด ถ้าไม่เห็นเตาผิงเสียก่อน”

กานติศาจุดไฟเร่งความร้อน ตัวเธอและเขาในสภาพเปียกปอนหากปล่อยไว้เช่นนี้คงปอดบวม สาวจึงลังเลมือสั่นเล็กน้อย เพราะหนาวสั่นหรือความประหม่า ปลดชุดเกราะหนักอึ้งตามด้วยเสื้อผ้าออกจากร่างเขาและตัวเธอเอง

“พี่สาวกำลังทำอะไรท่านพ่อ”

เธอไม่เสียสติก็เป็นบ้าไปแล้วแน่ จงนึกถึงตอนเขาช่วยชีวิตเธอเอาไว้

“ต้องทำให้เขาอุ่น ลูนาร์ช่วยดูเตาผิงอย่าให้ดับ เติมฟืนให้เต็มตลอดไว้”

บนเตียงนอนขนาดกลาง กานติศาสภาพล่อแหลม ร่างบางสวมกอดเรือนร่างกำยำ พูดให้ถูกเนื้อแนบเนื้อชนิดไม่มีส่วนไหนปล่อยให้ลำแสงลอดผ่านได้ เธอปัดไล่ความเอียงอายที่ไม่เหมาะสมทิ้ง

เอเดรียนยังพอมีสติ รู้สึกตัวว่าตนอยู่ในสภาพแบบไหน แต่บาดแผลร้อนปานถูกเผาไหม้เล่นงานไม่หยุดจึงหลุดเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด

“เอเดรียน ท่านเป็นอะไรไป”

“ข้าเจ็บปวดมาก กานติศา”

สีหน้าเหยเกของเขาทำสาวต้องร้อนใจตาม เจ็บใจไม่มีความสามารถใดมาช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดนี้ได้ เขาลุกขึ้นมาสำลักไอออกมาเป็นเลือด สีแดงจำนวนมากไหลล้นปากเขาออกมาปานราวท่อน้ำแตก

จังหวะเดียวกับดาบสายโลหิตของเขาวางผิงตรงมุมห้อง ปรากฏรอยร้าวจนแตกกระจัดกระจายแปลงสภาพเป็นของเหลวสีแดงเข้มหกราดเต็มพื้น ลูนาร์กรีดร้องไห้คุมสติไม่อยู่ก่อนเธออีก

เอเดรียนเคยบอกเธอไว้ว่า ตราบใดดาบสายโลหิตถูกทำลายลงด้วยตัวของมันเอง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเจ้าของกำลังเดินทางสู่ความตาย



KAVIDA
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มิ.ย. 2561, 17:42:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2561, 17:42:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 574





<< บทที่ 11 (1) อาณาจักรวิสตาร์เรีย   บทที่ 12 (1) สายเลือดบูชายัญ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account