มนตราในฝัน
กานติศา หญิงสาวหลงทางในความฝัน จินตนาการของเธอ กระทั่งพบชายชุดดำปริศนาเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวยามกลางวัน กลืนเป็นสีน้ำเงินในรัตติกาล สัมผัสความลึกลับและอันตราย
เธอจะวิ่งหนีไปให้พ้นจาก 'ฝันร้าย' อย่างไร

Tags: ข้ามภพ,แฟนตาซี,ความรัก

ตอน: บทที่ 12 (1) สายเลือดบูชายัญ

12 สายเลือดบูชายัญ

เอเดรียน เขากำลังจะตาย หากเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง

ท้องฟ้าพิโรธรุนแรง ทั้งฟ้าร้องและฟ้าผ่านับร้อยครั้งไม่น่ากลัวเท่าสถานการณ์ในห้องนี้ ลมหายใจเขากำลังหดสั้นลงทุกนาที อาจจะหลุดลอยไปเมื่อไรก็ได้ กานติศาเขย่าร่างใหญ่ให้ลืมตามาพูดอะไรกับเธอสักอย่าง เสียงการดีดตัวของเปลวไฟปนสะอื้นน้ำตาของลูนาร์

ดูเหมือนสติสัมปชัญญะสุดท้ายยังเหลืออยู่ เอเดรียนช่วยปาดน้ำตาทิ้งและโอบอุ้มหน้าสวยของกานติศาเอาไว้ ประสานดวงตาสีเขียวจับจ้องมองแต่เธอ “ข้าไม่ตายหรอก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้”

ตราบใดกานติศายังไม่ปลอดภัย เขาจะตายไม่ได้

“คุณกำลังทรมาน ให้กานช่วยยังไงดี”

ตั้งแต่แรกพบ กานติศานอนขดตัวผวากลัวคนสติไม่สมบูรณ์อย่างเขา ถูกคมดาบ เอาแต่วิ่งหนี บัดนี้นางกลับยืนยันจะช่วยชีวิตเขาให้ได้ เอเดรียนไม่เคยรู้สึกขอบคุณใครมากเท่านี้ ความอบอุ่นของหญิงสาวอาบผิวกาย

“มีคนหนึ่งอาจจะช่วยได้ ข้าไม่อยากเสี่ยงให้เจ้าออกไปไหนคนเดียว“

กานติศาในคราบเด็กหนุ่มวิ่งฝ่าสายฝนกระหน่ำใส่หน้าไม่หยุด ขึ้นไปตามทางวนขึ้นเขา เพิ่งวิ่งผ่านจัตุรัสสีเขียวตามด้วยจัตุรัสสีน้ำเงิน จุดมุ่งหมายครั้งนี้ต้องวิ่งไปถึงจัตุรัสสีเหลืองซึ่งเป็นจุดพักอันดับสามของทางขึ้นเขา ยิ่งวิ่งขึ้นเขามากเท่าไรทางยิ่งชันขึ้น เอเดรียนวานให้ไปพบคนหนึ่ง ซึ่งไม่ให้ข้อมูลอะไรไปมากกว่าคนเคยรู้จัก กับเหรียญเงินสกุลอาณาจักรมอบมาสามเหรียญไว้ชดใช้หนี้

ทาสหนุ่มมาถึงอนุสาวรีย์สีเหลืองสำเร็จ มองหาบ้านเรือนที่มีรายละเอียดตรงตามที่เอเดรียนบอกไว้ ดีใจมองหาสัญลักษณ์ป้ายสมุนไพรได้ไม่ยาก จึงวิ่งเข้ามารัวเคาะประตูจนกลายเป็นการทุบประตูเสียงดังรบกวนชาวบ้าน เพราะทุกวินาทีมีค่า เสียงดังจนทนไม่ได้บานประตูถูกกระชากเปิดออกตามด้วยการโวยวาย

“ใครบังอาจมาเคาะดึกดื่นกันวะ” ชายวัยกลางคนโผล่มาในชุดนอน แปลกใจเจอเด็กชายหนุ่มตัวเปียกปอนโผล่มากลางดึก ฟ้าร้องเปรี้ยงปร้างไม่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจไปจากสามเหรียญเงินในมือ “แกเป็นใคร”

“สามเหรียญขอรับ เขาบอกว่ามาชดใช้หนี้”

ความทรงจำขุดหลุมฝังไว้นาน ถูกรื้อกลับคืนมา ตาเป็นประกายเพิ่งนึกออกอย่างดีใจ

“เขากลับมาแล้วหรือ เจ้าหนุ่ม”

“ขะ ขอรับ เขากำลังอาการหนัก ท่านต้องไปช่วยท่านเอเดรียน” สิ้นคำ ถูกชายตรงหน้าปิดปากทันที ส่งสายตาดุ “อย่าพูดชื่อ เราจะปล่อยหน่วยทางการรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขากลับมาแล้ว”

คุณลุงคนนี้เป็นใคร มีความสัมพันธ์อะไรกับเอเดรียน จึงไม่อยากให้ใครรู้ เขาสั่งทาสหนุ่มช่วยถือกระเป๋ากล่องใส่ยา วิ่งลุยฝนออกไปด้วยกัน ทางลงจากเขาทำให้ลุงเคลื่อนกายเป็นไปด้วยความยากลำบาก ผู้อายุน้อยกว่าจึงเข้าไปช่วยพยุงอีกแรง

พอไปถึงชั้นสองของโรงเตี๊ยม สภาพเอเดรียนดูแย่มากกว่าก่อนหน้านี้ ปากเขาท่วมไปด้วยน้ำโลหิตต้องอ้วกคายออกมาไม่หยุด จนภายในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่น เสมือนห้องถูกฆาตกรรมดีๆ นี่เอง

“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ทำไมอาการหนักแบบนี้”

“คุณลุง รีบช่วยท่านพ่อเร็วเข้า” ลูนาร์ปรากฏตัวต่อหน้าแขกครั้งแรก

“ท่านพ่อ!!!” ทวนคำสรรพนามใหม่ และมีภูติน้อยเป็นลูกสาว เขาต้องหาเวลาคุยกับเอเดรียนใหม่แล้ว

“ข้าไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น นายท่านบาดเจ็บเมื่อหลายวันก่อน แผลเพิ่งสมานหายได้ไม่นาน แต่ยังมีไข้ ลมหายใจร้อนจัด อยู่ๆ ก็อาเจียนเป็นเลือดไม่หยุดขอรับ”

“เจ้าเป็นใคร” คุณลุงมองมาอย่างไม่ไว้ใจ นอกจากรู้จักเอเดรียนแล้วยังรู้เรื่องร่างกายพิเศษอีกด้วย

“ข้าชื่อ เรเวน เป็นทาสทำงานกับนายท่านมาหลายปีแล้วขอรับ” เรเวนโกหกเล่นไปตามบท ตามที่เอเดรียนเคยย้ำให้เล่นละครต่อไป

อดีตผู้ชำนาญกรแพทย์ประจำอาณาจักรตกอับ ผันตัวเป็นพ่อค้าสมุนไพร คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้น่าสนใจ

“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าต้องเป็นผู้ช่วยข้า เราจะทำการรักษาเขา”

“อะไรนะขอรับ”

อดีตแพทย์ถลกแขนเสื้อ เปิดก๊อกน้ำล้างมืออย่างชำนาญ คลี่กระเป๋าหนังม้วนออกเผยเครื่องมือการแพทย์รูปร่างประหลาด มีบางอันใกล้เคียงกับเครื่องมือที่เคยเห็นในปัจจุบัน เขานำเหล้ามาราดเครื่องมือฆ่าเชื้อ คุณลุงต้องล้อเล่นแน่

แต่เรเวนยอมทำตามคำสั่งโดยดี เพราะคุณลุงทั้งดุ ตวาดเสียงดังเมื่อเห็นว่าผู้ช่วยตะกุกตะกัก เชื่องช้า และย้ำอีกว่าเอเดรียนเหลือเวลาน้อยเกินไป เมื่อตรวจพบชีพจรอ่อนมากเนื่องจากขาดเลือด ผู้ช่วยใช้หมอนหนุนคอให้หายใจคล่องตามคำสั่ง ขณะที่คุณลุงกำลังทำการตรวจเบื้องต้น

“แปลกจริง สมานแผลหายเกือบหมดแล้ว แล้วอะไรทำให้เขาเป็นแบบนี้ มันต้องมีสาเหตุสิ” ลงมือการทำตรวจต่อไป จนในที่สุด “เจอแล้ว ตรงนี้นี่เอง”

“บาดแผลที่หายสนิทแล้วนี่ขอรับ” จุดนั้นที่เธอเคยเจอและใส่สมุนไพรรักษาเอเดรียนทันทีพร้อมกับรอธดีน บริเวณบั้นเอวด้านซ้าย

“เจ้าแหกตาดูดีๆ ”

พอมองดูใกล้ๆแล้วพบว่ามีร่องรอยของเส้นเลือดสีเข้มซ่อนใต้ผิวหนัง เคลื่อนไหวทำลายเนื้อเยื่อเหมือนตัวเชื้อโรค เธอรับผ้าเปียกหอมสมุนไพรไปอังจมูกเอเดรียน เขาบอกว่าเป็นสมุนไพรที่ช่วยให้เมา ผ่อนคลาย ลดปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเจ็บปวดได้ดี เอเดรียนต้องรับการผ่าตัดทันที

เมื่อสายตาเอเดรียนเริ่มเลื่อนลอย ปลายมีดกดลงผิวหนัง อดีตแพทย์กรีดเป็นทางยาว เธอทำหน้าที่ซับเลือด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก จนเธอกลัวว่าเอเดรียนจะทนไม่ไหว แต่เขาสงบนิ่งมาก ตรงกันข้ามบีบมือเธอที่ให้กำลังใจไว้แน่นมาก หยิบยื่นอุปกรณ์เหมือนที่คีบหมูแฮมถึงมือเป็นขั้นตอนสุดท้าย “นี่ไง อย่างที่คาดไว้ เขาถูกวางพิษ”

พิษ เป็นไปได้ไง

เรเวนเบิกตากว้างมองสิ่งประหลาดที่คีบออกมาจากท้องเอเดรียน สิ่งๆ เล็กรูปร่างเหมือนลูกปาล์มเปลือกแข็งสีดำสนิท “นายท่านป่วยเพราะลูกผลไม้นี้จริงๆ หรือขอรับ”

“ผลไม้อะไร มันคือแมลงต่างหากเจ้าโง่ นี่ไม่รู้จักตัวสคารับหรือ”

“สคารับ?”

“แมลงสคารับ* เป็นแมลงที่มีกัดกินเนื้อคน ปล่อยสารพิษทำให้เลือดเป็นพิษ ร่างกายคนเรายิ่งมีสารพิษมากเท่าไรยิ่งยากขับออกมา เอเดรียนถึงได้อ้วกเป็นเลือดไม่หยุดแบบนี้ไง ขอชมเชยเจ้าที่มาหาข้าถูกเวลา ถ้ามาช้ากว่านี้เป็นเราสองคนต้องขุดหลุมฝังศพเขาแทน” อดีตแพทย์ลงมือทำการรักษาด้วยสมุนไพรต่อ แต่ผู้ช่วยยังไม่เข้าใจอยู่ดี

“ที่ท่านบอกว่าเขาถูกวางพิษ หมายความว่ายังไง”

“แมลงชนิดนี้หาพบได้ที่ทะเลทรายเท่านั้น จะมาอยู่ในตัวเขาได้ยังไง นอกจากมีใครจงใจแอบวางยาตอนบาดเจ็บ”

จงใจวางพิษ กานติศามั่นใจว่าตอนทำการห้ามเลือดในตอนนั้น ไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดๆ เธอกับรอธดีนดูแล เฝ้าอย่างใกล้ชิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ยกเว้นตอนโกรธง้องอน เขาอาจจะไปพบใครอื่นในป่า ซึ่งเธอคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ คนที่ใกล้ชิดมีเพียงเธอกับรอธดีนเท่านั้น

แน่นอนกานติศาไม่ได้ทำ

“รอธดีน” อีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กชายวัยเก้าขวบกำพร้าพ่อ แม่กำลังล้มป่วย มีจิตใจทำร้ายเอเดรียนได้อย่างไร เรเวนปักใจเชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือเด็ก งั้นก็ต้องมีคนอื่นอีก

“ไม่ได้การ ชีพจรอ่อน เสียเลือดมากเกินไป” ทันทีผูกปมไหมสำหรับการเย็บแผลเสร็จ สีหน้าผู้ป่วยยังไม่ดีขึ้น แม้หยุดอาเจียนแล้ว ชีพจรยังเต้นอ่อน อดีตแพทย์จำต้องบอกข่าวร้าย “เขากำลังช็อค เสียเลือดต้องหาเลือดทดแทน ไม่งั้นเขาไม่น่ารอดพ้นคืนนี้”

“เชื่อว่าถ้าไม่ใช่โรคแห่งความตาย ข้า จิลเลี่ยน จะรักษาได้ทุกโรค ดูท่าวันนี้ต้องผิดหวังตัวเองแล้ว” ใบหน้ากังวลชัดเจน สั่งเรเวนให้เตรียมร่างเอเดรียนลุกนั่ง “ท่านจะทำอย่างไร”

“ก็ตำยาอยู่นี่ไง เสียเลือดมากก็ต้องทำยาบำรุงเลือดขึ้นมาสิ” ท่านจิลเลี่ยนหันมาตวาดตอบ เพราะเจ้าทาสนี่ไปเร่งรัดเขาเหลือเกิน แพทย์หน้าไหนจะโชคร้ายไปมากกว่าเขา ได้รับแจ็คพอตไปเจอตัวสคารับเข้า

“มีไม่พอ” ต้องพบความโชคร้ายเล่นงานอีกครั้ง กระเป๋าบรรจุสมุนไพรนานาชนิดมีหร็อมแหร็ม เพราะประสบความแห้งแล้ง เขาจึงหลับตาเปิดตำราแพทย์ทำงานในหัวเพื่อค้นหายาสูตรใหม่ “อย่างนี้ข้าจะไปหาเลือดทดแทนได้ที่ไหน”

เจ้าเด็กนี่ตัวคนเดียว ญาติครอบครัวพาตายกันหมดแล้ว จิลเลี่ยนมืดแปดด้าน

“ใช้เลือดข้าสิขอรับ”

“เรเวน เจ้าพูดบ้าอะไรออกมา” เขาเพิ่งได้ยินความคิดบ้าบิ่นที่สุดมาจากปากเจ้าทาส แทบจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ญาติพี่น้องแล้วเลือดจะเข้ากันได้ตามตำราแพทย์เขียนไว้ “มีตัวแปรสำคัญหลายอย่าง ไม่มีอะไรเป็นตัวการันตีว่าพวกเจ้าเลือดเข้ากันได้”

“ได้โปรดเชื่อใจข้าสักนิดขอรับ ท่านใช้เลือดข้าได้”

กานติศาในคราบเด็กหนุ่มยืนยันคำพูดเดิม ภาวนาอย่าถามอะไรเธอไปมากกว่านี้ เพราะหากได้ฟังคำอธิบายแล้ว ท่านจิลเลี่ยนอาจจะมองเธอเป็นมนุษย์ต่างดาว หรือสัตว์ประหลาด สาวเลือดกรุ๊ปโอเชื่ออย่างนั้น จากที่เรียนมาเลือดกรุ๊ปนี้บริจาคให้กับเลือดได้ทุกกรุ๊ป เอเดรียนจะมีโอกาสรอดสูงถ้าใช้เลือดเธอ มีตัวแปรน้อยที่สุดถ้าเกิดเลือดเข้ากันไม่ได้

จิลเลี่ยนมองเธออย่างไม่เชื่อหู แต่เขาจะขัดไปเพื่ออะไร ในเมื่อเขาคิดหาทางอื่นไม่ออก

“หากตายขึ้นมา จะถือว่าเป็นความผิดเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า”





อะไรดลใจยอมลงทุนลงแรงเพื่อช่วยชีวิตเอเดรียนได้ขนาดนี้ กานติศานั่งเก้าอี้ข้างเตียง ลอบมองเสี้ยวหน้าคมกำลังนอนหลับ สายท่อยาวลำเลียงโลหิตเสียบเข้าที่แขนเชื่อมกันระหว่างสองคน เสียงการไหลเม็ดทรายภายในตัวนาฬิกาเป็นตัวชี้วัดของระยะเวลา

แทนที่ใช้โอกาสนี้ ยามเอเดรียนอ่อนแอ ควรหนีไปจากเขาเพื่อหาทางกลับบ้าน แต่เธอไม่ได้ทำ กล่าวให้ชัดเจน เธอไม่สามารถทิ้งเอเดรียนแล้วหนีไป ต่อให้เขาเอ่ยปากขับไล่ไสส่งยังไงสาวยืนยันไม่ไปอยู่ดี

มันสายเกินกว่าจะถอนตัว กับความคิดอยากเข้าใกล้ เพื่อครอบครองผลงานศิลปะชิ้นนี้

ปรากฏความกระจ่างชัดเจน กับความจริงที่กานติศาอยากด่าทอตนเอง ความลุ่มหลงไปกับจินตนาการของตัวเอง เสียจนเธอไม่อยากตื่น

ถึงแม้รู้ดีว่าเขาเป็นบุคคลไม่มีตัวตน ไม่มีหนทางกลับบ้านไปพร้อมกับเธอ

กานติศาสัมผัสหน้าเขาแล้วโล่งอก ดีใจที่ใบหน้าหล่อกลับมามีเลือดฝาดมากขึ้น หน้าตาผ่องใสกับลมหายใจสงบ สร้อยนาฬิกาสีทองนั้นหลุดออกมาจากเสื้อในดึงความสนใจ ด้วยความบังเอิญเขาหลุดคำละเมอเรียกชื่อทำเอาสาวหดมือคืนทันทีทันใด

“ดะ ไดอาน่า”

สาวรู้สึกโกรธอยากเหวี่ยงใส่ผู้นอนหลับ เช่นดึงสายท่อโลหิตออก ปล่อยให้ป่วยไปตามเดิม เมื่อนึกว่าเพิ่งคิดร้ายอะไรออกมา จึงสะท้อนใจระงับอาการโกรธขึ้ง

เอเดรียนได้ปลดผนึกความคิดไม่ดีในตัวเธอเสียแล้ว

จิลเลี่ยนจัดเตรียมกระเป๋ายาเตรียมตัวกลับไปที่ร้าน ให้เหตุผลว่าเขาต้องรีบกลับไปก่อนจะมีใครหรือหน่วยทางการสังเกตความผิดปกติ สีหน้าอมทุกข์ ไม่พูดไม่จา ของทาสหนุ่มตรงหน้าทำให้เขาหงุดหงิด

“อะไร น้ำหวานรสชาติแย่ขนาดนี้เชียวหรือ”

“ปะ เปล่าขอรับ” เรเวนผละจากถ้วยน้ำหวาน หลังจากบริจาคเลือดเสร็จแล้ว ยังมีหลายอย่างมากมายที่อยากถามเอาข้อมูล แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อนดี “ท่านพอรู้ไหมว่าโรคแห่งความตายคืออะไร”

“งั้นข้าคาดเดาถูกต้อง เจ้าไม่ใช่คนของที่นี่” เขาพลางนั่งลงถลกขากางเกงขึ้นให้ดู

“ขาท่านถูกตัดทั้งสองข้าง” เรเวนตะลึง มองดูขาปลอมทั้งสองข้าง มิน่าขาลงจากเขาท่านจิลเลี่ยนจึงลำบาก ถ้านี่คือโรคความตาย “ถ้าอย่างนั้นชาววิสตาร์เรียนส่วนใหญ่ก็ติดโรคนี้ทั้งนั้น เป็นโรคระบาดหรือขอรับ”

จำได้ดีว่าคุณป้าในกระท่อมที่ช่วยชีวิตสวมใส่ขาปลอมเช่นกัน เป็นชาววิสตาร์เรีย

“ไม่ใช่โรคระบาด มันคือการเสี่ยงโชค ผู้โชคร้ายเป็นโรคนี้ก็ต้องถูกตัดขาตัดแขนทิ้งป้องการลุกลาม ข้าเองเป็นหนึ่งในผู้โชคร้าย ฮึ ตัดแล้วยังไม่รู้จะกลับมาเป็นอีกมั้ย” พลางเกาคางคำนึงเรื่องความโชคร้ายที่ต้องเผชิญเจอ

“แล้วนอกกำแพงเมือง สุสานคนตายจำนวนมากมาย พวกเขาตายเพราะโรคนี้ด้วยหรือ”

“อ้อนั้นเหรอ พวกเขาประสบโชคร้ายยิ่งกว่า ส่วนใหญ่เป็นคนอ่อนแอหรือเด็กเล็กๆ ยากจะต้านทานโรค ทุกคนต้องทนทรมานราวต้องสาป”

“คำสาป” พลันนึกถึงสภาพศพน่ากลัวพวกนั้นขึ้นมา

“อาณาจักรถูกสาปแช่ง อย่างที่เจ้าเห็นพวกชาวบ้านพากันเดือดร้อน เฉพาะเด็กในท้องแม่เกิดมาก็ต้องตายทุกราย ไม่มีการรอดชีวิต เพราะฉะนี้เจ้าสุนัขมันถึงลักสาวงาม สาวพรหมจรรย์ สาวมีมดลูกจากทุกหนแห่ง ชาติสุนัขมันเอาหมดเพื่อกำเนิดทายาท ถ่ายทอดความชั่วของมัน” ออกกำปั้นทุบโต๊ะระบายความโกรธ เห็นชัดเลยว่าจิลเลี่ยนกำลังเคียดแค้นบุคคลอ้างถึง

“แต่มันก็คว้าน้ำเหลวทุกครั้ง เจ้าสุนัขทำชื่อสุนัขยังต้องเสียเกียรติ คนเนรคุณ มัทธิอัส”



KAVIDA
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ค. 2561, 13:55:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ค. 2561, 13:55:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 544





<< บทที่ 11 (2) อาณาจักรวิสตาร์เรีย   บทที่ 12 (2) สายเลือดบูชายัญ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account