กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต
ตอน: ๑๑ แผน -จบตอน-
“ใครคะ”
“พี่เองค่ะ เห็นคุณแม่ว่าพิมพ์ขอมานอนบอกว่าเหนื่อย”
“หือ เหนื่อยจริงค่ะตอนนี้น่ะ”
จิรสินหัวเราะหึๆ “พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ เพราะเพิ่งเคยเห็นคนนอนทั้งชุดไทยก็คราวนี้” เขาเอนพิงกับพนักหัวเตียง สองมือเท้ากับพื้นเตียงขณะมองว่าที่เจ้าสาวที่ขยับนอนตัวชิดอีกฝั่งของที่นอน
“เพื่อนพี่สินกลับกันหมดแล้วหรือคะ”
“ไม่ค่ะ” บอกกลั้วหัวเราะ “แต่พี่บอกมันว่าเจ้าสาวหายเลยขอมาตามหา”
คนฟังแม้จะง่วงแสนง่วงแต่ก็อดหัวเราะไม่ได้
“นอนคว่ำทั้งชุดแบบนี้เดี๋ยวหายใจไม่ออกกันพอดี ลุกขึ้นมานอนใหม่เถอะค่ะ”ไม่ใช่คำบอกแต่เป็นคำสั่ง กระนั้นศศิพิมพ์ก็ทำตาม เขาช่วยประคองให้เธอลุกขึ้นนั่ง แต่กลับไม่ยอมปล่อยมือจากต้นแขนเธอแม้ว่าเธอจะนั่งได้เรียบร้อยดีแล้ว
“คะ?” เมื่อเขามองแต่ไม่ยอมพูด เธอจึงถามเสียเอง
“พี่แค่อยากมองพิมพ์ค่ะ” เขายิ้ม แต่สายตาของเขากลับทำเธอหน้าร้อนผ่าวจนต้องก้มหลบ “วันนี้พิมพ์สวยมากนะคะ พี่บอกหรือยัง”
คำหวานทำเธอใจสั่น
จิรสินเชยคางเจ้าสาวให้แหงนเงย ก่อนขยับมือทาบแก้มนวลไว้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ใจมันพองคับอกจริงจังก็วันนี้
เป็นอารมณ์ เป็นความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นเงียบๆ กว่าจะรู้มันก็หยั่งรากลึกในใจจนบางทีก็นึกกลัว
กลัวว่าถ้ารักไปมากกว่านี้ แล้วเธอไม่ได้รักเขามันจะเจ็บแค่ไหน
คิดได้นัยน์ตาจึงหม่นลง ศศิพิมพ์เห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น แม้จะเขินอายแต่ถึงอย่างไรก็แต่งงานกันแล้ว เธอยกมือวางทาบมือเขาที่แนบแก้ม แม้ไม่มีคำถามแต่สายตานั้นแทนคำพูด ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจและยิ้มตอบ ก่อนโน้มหน้าลงมาแนบหน้าผากเขากับหน้าผากของเธอ ลมหายใจอุ่นๆ รินรดปลายจมูก ละไล่ลงมาจนถึงริมฝีปาก
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาหลับตาอยู่นิ่งๆ และศศิพิมพ์ก็เขินจัดจนหน้าแดง
บ่ายสองโมงจิรสินถูกเตะโด่งออกจากห้องนอนตัวเองอีกครั้ง เพราะจิรสุตาพาช่างแต่งตัวแต่งหน้าเข้าไปในห้องนั้น
กว่าจิรสินจะได้เจอหน้าเจ้าสาวอีกครั้งก็พลบค่ำ
แขกที่มาตอนเย็นนับแล้วไม่เกินสามสิบคน งานเลี้ยงจัดที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ดอกไม้ที่ใช้ในงานคือดอกกุหลาบสีขาว เวลาทีทำเป็นยกพื้นง่ายๆ ไม่สูงมาก โต๊ะอาหารปูรองด้วยผ้าฝ้ายถักมือสีขาว ตั้งแจกันดอกไม้กล้วยไม้ส่งกลิ่นหอม
ค่ำสักหน่อยเจ้าบ่าวที่อยู่ในชุดลำลองสบายๆ ก็ปรากฏตัวพร้อมกับเจ้าสาว ผมยาวสลวยถูกดัดเป็นลอนน้อยๆ ใบหน้าถูกแต่งแต้มเบาบาง ชุดที่เลือกสวมเป็นเดรสสีฟ้าอ่อน เข้ากับเชิ้ตเจ้าบ่าว
หน้าที่พิธีกรเป็นของจิรสุตากับจักรี และไม่วายที่ทั้งคู่จะเม้าท์บ่าวสาวออกอากาศสนุกปาก
พรีเซนเทชั่นที่ถูกเปิดทำเอาเจ้าสาวอายม้วน แต่ไม่วายอาฆาตเพื่อนสนิทโดยเฉพาะช็อตขอแต่งงานที่ทำเอาโห่แซวกันทั้งงาน
แต่ความหวานก็มีอันสะดุดอยู่บ้างเพราะแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
สาวสวยสวมชุดแดง และแต่งหน้าเข้มเดินเข้างานมาพร้อมกับหนุ่มหล่อร่างสูง ชุดที่สวมเต็มยศทำให้นึกถึงคนแต่งว่าคงไปร่วมงานที่โรงแรมไหนมาสักงาน
แขกผู้ใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องไม่เท่าไหร่ แต่เพื่อนเจ้าบ่าวรวมถึงเพื่อนเจ้าสาวต่างจำได้และเริ่มซุบซิบ ธนวัฒน์ปากเสียถึงกับโพล่งออกมากับเพื่อนร่วมโต๊ะว่า
‘นั่นนางแบบที่คลิปหลุดเมื่อตอนนั้นนี่นา’
เป็นตีรณาจริงๆ ที่มา ชุดของหล่อนรัดรูปและเปิดเปลือยเนินอกสล้าง หล่อนคล้องแขนมากับคู่ควงคนใหม่ และเดินนวยนาดราวกับอยู่บนแคทวอล์ค กระทั่งเข้าไปหยุดลงตรงหน้าจิรสินและศศิพิมพ์
“ดีใจด้วยนะคะสิน”
รอยยิ้มของหล่อนยั่วยวนอย่างจงใจ คงหวังให้เจ้าสาวปรี๊ดแตกแต่ผลที่ได้กลับตรงข้าม ศศิพิมพ์ถอนหายใจ
“ตี๊เพิ่งรู้น่ะค่ะเลยอยากมาแสดงความยินดีด้วย ในฐานะที่เรา” หล่อนจงใจเว้นคำไว้รอดูปฏิกิริยาแต่เจ้าของงานทั้งสองกับเฉยจนนึกขัดใจ “เคยรู้จักกันมาก่อน”
“ขอบใจ”
เจ้าบ่าวตอบรับหน้าตาเฉย แถมยังหันไปยิ้มกับศศิพิมพ์จนหวานเลี่ยน เธอรู้ว่าเขาแสบ แต่หญิงสาวเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเขาแสบมากแค่ไหน
“ก็ต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้เชิญ เพราะจัดกันเล็กๆ แล้วก็เชิญแค่คนสำคัญจริงๆ”
ตีรณาถึงกับหน้าม้านไปเลยทีเดียวเมื่อได้ฟัง หล่อนอ้าปากคล้ายจะตอบโต้แต่เสียงธนวัฒน์กับกลุ่มเพื่อนศศิพิมพ์ดังมาแว่วๆ
“ไหนว่าคลิปหลุดเลยแสดงสปิริตด้วยการออกจากวงการ ก็นึกว่าไปอยู่เมืองนอกแล้วนะ ไหงยังอยู่เมืองไทยได้อีกล่ะน่ะ”
ตีรณาคอแข็งทันควัน หล่อนเชิดหน้า
“กลับละนะสิน”
สุดท้ายเจ้าบ่าวก็ยังมารยาทดี “ไม่ส่งนะ”
สุดท้ายหล่อนก็ตีสีหน้าให้นิ่งสนิทไม่ได้ จากที่หวังมาป่วนกลับกลายเป็นการมาทำให้ตัวเองอับอาย ขามาตีรณามาอย่างราชสีห์ แต่ขากลับไม่เหลือมาดนั่นเลยแม้แต่นิดเดียว
“พี่เองค่ะ เห็นคุณแม่ว่าพิมพ์ขอมานอนบอกว่าเหนื่อย”
“หือ เหนื่อยจริงค่ะตอนนี้น่ะ”
จิรสินหัวเราะหึๆ “พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ เพราะเพิ่งเคยเห็นคนนอนทั้งชุดไทยก็คราวนี้” เขาเอนพิงกับพนักหัวเตียง สองมือเท้ากับพื้นเตียงขณะมองว่าที่เจ้าสาวที่ขยับนอนตัวชิดอีกฝั่งของที่นอน
“เพื่อนพี่สินกลับกันหมดแล้วหรือคะ”
“ไม่ค่ะ” บอกกลั้วหัวเราะ “แต่พี่บอกมันว่าเจ้าสาวหายเลยขอมาตามหา”
คนฟังแม้จะง่วงแสนง่วงแต่ก็อดหัวเราะไม่ได้
“นอนคว่ำทั้งชุดแบบนี้เดี๋ยวหายใจไม่ออกกันพอดี ลุกขึ้นมานอนใหม่เถอะค่ะ”ไม่ใช่คำบอกแต่เป็นคำสั่ง กระนั้นศศิพิมพ์ก็ทำตาม เขาช่วยประคองให้เธอลุกขึ้นนั่ง แต่กลับไม่ยอมปล่อยมือจากต้นแขนเธอแม้ว่าเธอจะนั่งได้เรียบร้อยดีแล้ว
“คะ?” เมื่อเขามองแต่ไม่ยอมพูด เธอจึงถามเสียเอง
“พี่แค่อยากมองพิมพ์ค่ะ” เขายิ้ม แต่สายตาของเขากลับทำเธอหน้าร้อนผ่าวจนต้องก้มหลบ “วันนี้พิมพ์สวยมากนะคะ พี่บอกหรือยัง”
คำหวานทำเธอใจสั่น
จิรสินเชยคางเจ้าสาวให้แหงนเงย ก่อนขยับมือทาบแก้มนวลไว้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ใจมันพองคับอกจริงจังก็วันนี้
เป็นอารมณ์ เป็นความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นเงียบๆ กว่าจะรู้มันก็หยั่งรากลึกในใจจนบางทีก็นึกกลัว
กลัวว่าถ้ารักไปมากกว่านี้ แล้วเธอไม่ได้รักเขามันจะเจ็บแค่ไหน
คิดได้นัยน์ตาจึงหม่นลง ศศิพิมพ์เห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น แม้จะเขินอายแต่ถึงอย่างไรก็แต่งงานกันแล้ว เธอยกมือวางทาบมือเขาที่แนบแก้ม แม้ไม่มีคำถามแต่สายตานั้นแทนคำพูด ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจและยิ้มตอบ ก่อนโน้มหน้าลงมาแนบหน้าผากเขากับหน้าผากของเธอ ลมหายใจอุ่นๆ รินรดปลายจมูก ละไล่ลงมาจนถึงริมฝีปาก
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาหลับตาอยู่นิ่งๆ และศศิพิมพ์ก็เขินจัดจนหน้าแดง
บ่ายสองโมงจิรสินถูกเตะโด่งออกจากห้องนอนตัวเองอีกครั้ง เพราะจิรสุตาพาช่างแต่งตัวแต่งหน้าเข้าไปในห้องนั้น
กว่าจิรสินจะได้เจอหน้าเจ้าสาวอีกครั้งก็พลบค่ำ
แขกที่มาตอนเย็นนับแล้วไม่เกินสามสิบคน งานเลี้ยงจัดที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ดอกไม้ที่ใช้ในงานคือดอกกุหลาบสีขาว เวลาทีทำเป็นยกพื้นง่ายๆ ไม่สูงมาก โต๊ะอาหารปูรองด้วยผ้าฝ้ายถักมือสีขาว ตั้งแจกันดอกไม้กล้วยไม้ส่งกลิ่นหอม
ค่ำสักหน่อยเจ้าบ่าวที่อยู่ในชุดลำลองสบายๆ ก็ปรากฏตัวพร้อมกับเจ้าสาว ผมยาวสลวยถูกดัดเป็นลอนน้อยๆ ใบหน้าถูกแต่งแต้มเบาบาง ชุดที่เลือกสวมเป็นเดรสสีฟ้าอ่อน เข้ากับเชิ้ตเจ้าบ่าว
หน้าที่พิธีกรเป็นของจิรสุตากับจักรี และไม่วายที่ทั้งคู่จะเม้าท์บ่าวสาวออกอากาศสนุกปาก
พรีเซนเทชั่นที่ถูกเปิดทำเอาเจ้าสาวอายม้วน แต่ไม่วายอาฆาตเพื่อนสนิทโดยเฉพาะช็อตขอแต่งงานที่ทำเอาโห่แซวกันทั้งงาน
แต่ความหวานก็มีอันสะดุดอยู่บ้างเพราะแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
สาวสวยสวมชุดแดง และแต่งหน้าเข้มเดินเข้างานมาพร้อมกับหนุ่มหล่อร่างสูง ชุดที่สวมเต็มยศทำให้นึกถึงคนแต่งว่าคงไปร่วมงานที่โรงแรมไหนมาสักงาน
แขกผู้ใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องไม่เท่าไหร่ แต่เพื่อนเจ้าบ่าวรวมถึงเพื่อนเจ้าสาวต่างจำได้และเริ่มซุบซิบ ธนวัฒน์ปากเสียถึงกับโพล่งออกมากับเพื่อนร่วมโต๊ะว่า
‘นั่นนางแบบที่คลิปหลุดเมื่อตอนนั้นนี่นา’
เป็นตีรณาจริงๆ ที่มา ชุดของหล่อนรัดรูปและเปิดเปลือยเนินอกสล้าง หล่อนคล้องแขนมากับคู่ควงคนใหม่ และเดินนวยนาดราวกับอยู่บนแคทวอล์ค กระทั่งเข้าไปหยุดลงตรงหน้าจิรสินและศศิพิมพ์
“ดีใจด้วยนะคะสิน”
รอยยิ้มของหล่อนยั่วยวนอย่างจงใจ คงหวังให้เจ้าสาวปรี๊ดแตกแต่ผลที่ได้กลับตรงข้าม ศศิพิมพ์ถอนหายใจ
“ตี๊เพิ่งรู้น่ะค่ะเลยอยากมาแสดงความยินดีด้วย ในฐานะที่เรา” หล่อนจงใจเว้นคำไว้รอดูปฏิกิริยาแต่เจ้าของงานทั้งสองกับเฉยจนนึกขัดใจ “เคยรู้จักกันมาก่อน”
“ขอบใจ”
เจ้าบ่าวตอบรับหน้าตาเฉย แถมยังหันไปยิ้มกับศศิพิมพ์จนหวานเลี่ยน เธอรู้ว่าเขาแสบ แต่หญิงสาวเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเขาแสบมากแค่ไหน
“ก็ต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้เชิญ เพราะจัดกันเล็กๆ แล้วก็เชิญแค่คนสำคัญจริงๆ”
ตีรณาถึงกับหน้าม้านไปเลยทีเดียวเมื่อได้ฟัง หล่อนอ้าปากคล้ายจะตอบโต้แต่เสียงธนวัฒน์กับกลุ่มเพื่อนศศิพิมพ์ดังมาแว่วๆ
“ไหนว่าคลิปหลุดเลยแสดงสปิริตด้วยการออกจากวงการ ก็นึกว่าไปอยู่เมืองนอกแล้วนะ ไหงยังอยู่เมืองไทยได้อีกล่ะน่ะ”
ตีรณาคอแข็งทันควัน หล่อนเชิดหน้า
“กลับละนะสิน”
สุดท้ายเจ้าบ่าวก็ยังมารยาทดี “ไม่ส่งนะ”
สุดท้ายหล่อนก็ตีสีหน้าให้นิ่งสนิทไม่ได้ จากที่หวังมาป่วนกลับกลายเป็นการมาทำให้ตัวเองอับอาย ขามาตีรณามาอย่างราชสีห์ แต่ขากลับไม่เหลือมาดนั่นเลยแม้แต่นิดเดียว
ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มิ.ย. 2561, 20:41:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มิ.ย. 2561, 20:41:36 น.
จำนวนการเข้าชม : 993
<< ๑๑ แผน (50%) | ๑๒ แผนหนึ่ง (25%) >> |