รักร้อนๆ-Horse farm (เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "กลร้ายร่ายรัก")
คุณหนึ่ง สัตวแพทย์สาวสวยจอมห้าว และเค็มจนเดดซี
เรียกพี่ และเธอมีดีกรีเป็นเจ้าของฟาร์มม้าแข่ง
ที่อุตส่าห์มีม้าสายพันธุ์ดีแสนล่ำบึ้กเหมาะแก่การเป็นพ่อ
พันธุ์...แต่..เธอกลับไร้ชายหนุ่มพันธุ์ห้าวมาแนบข้าง
ซึ่งแตกต่างกับม้าของเธอที่สุด..
..ในขณะที่ม้าเธอขายน้ำเชื้อแทบไม่ทัน
แต่ไหงเธอดันขายไม่ออกเสียนี่...
เรียกพี่ และเธอมีดีกรีเป็นเจ้าของฟาร์มม้าแข่ง
ที่อุตส่าห์มีม้าสายพันธุ์ดีแสนล่ำบึ้กเหมาะแก่การเป็นพ่อ
พันธุ์...แต่..เธอกลับไร้ชายหนุ่มพันธุ์ห้าวมาแนบข้าง
ซึ่งแตกต่างกับม้าของเธอที่สุด..
..ในขณะที่ม้าเธอขายน้ำเชื้อแทบไม่ทัน
แต่ไหงเธอดันขายไม่ออกเสียนี่...
Tags: คุณหนึ่ง,ฟาร์มม้า,ภาม
ตอน: ตอนที่ 3
บทที่ 3
ร่างสูงของชายหนุ่มซึ่งเข้าไปเดินภายในบริเวณปล่อยม้า ก่อนเขาจะแวะเวียนไปยังสัตว์แสนสวยเหล่านั้น ทำให้เก็ตถวาต้องใช้สายตาจับพฤติกรรมของเขาอย่างพินิจ ม้าบางทีที่ยืนนิ่งก่อนจะใช้หางตาชำเลืองมายังภามอย่างระแวดระวังเพราะไม่คุ้นเคย และมีบางตัวอีกเช่นกันที่ทำท่าหูรี่เหมือนพร้อมจะหาเรื่อง แต่หญิงสาวก็ยังเกาะรั้วเพื่อมองเขาจัดการกับสัตว์ต่อไป แล้วที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมภามจึงได้ชื่อว่าเทรนเนอร์ฝีมือดี
เจ้าสกายซึ่งเป็นม้าตัวโปรดและมันเคยทำตัวน่ารักมาโดยตลอด กลับกลายเป็นม้าที่เหมือนจะแหกคอกเมื่อเห็นชายหนุ่ม...ร่างแกร่งบึกบันของมันยืนนิ่งเมื่อเห็นเขา และก่อนเก็ตถวาจะทันรู้ตัว หญิงสาวก็ต้องยกมือปิดปากตัวเองแน่นเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของมัน
ม้าที่ตั้งท่าก่อนจะออกวิ่งแล้วดีดร่าง จนขาหน้าทั้งคู่ยกสูงพร้อมส่งเสียงร้องกังวานขณะหยุดอยู่ห่างจากชายหนุ่ม และแทนที่เขาจะหนีหรือเบี่ยงตัวหลบก็หาไม่ เพราะภามกลับตวาดเสียงหนักแล้วดึงแส้เฆี่ยนกับอากาศจนดังหวีด..เสียงขวับๆที่เกิดขึ้นเล่นเอาเก็ตถวาหน้าซีด ความห่วงม้าตัวโปรดมีมากจนเธอต้องตะโกนห้ามเขาเสียงดัง
“อย่าตีมันนะ”
ไร้เสียงตอบจากเขา เพราะภามยังคงยืนกางขาปักหลักมั่นซึ่งเก็ตถวาก็เห็นว่าทั้งคู่ต่างทำท่าเหมือนรอดูท่าทีของอีกฝ่าย..แล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงร้องจากม้าของเธอดังขึ้นราวข่มขู่แทบจะพร้อมกับเสียงตวัดแส้ของเขาที่ดังหวีดหวิวพอๆกัน
“คุณหนึ่งบอกว่าอย่าตีเจ้าสกาย คุณไม่ได้ยินหรือไง”
“ชู่ว! ขืนพูดขึ้นมาอีกผมจะตีก้นสวยๆของคุณแทน”
เก็ตถวาได้ยินคำพูดนั้นแล้ว เธอก็เผลอตวัดมือกุมสะโพกของตัวเองอย่างตกใจ แม้อยากจะห้ามปรามและด่าทอชายหนุ่มมากขนาดไหน แต่เมื่อเห็นดวงตาเข้มเขียวจัดตวัดขวับมามอง หญิงสาวก็ต้องผงะพร้อมกุมก้นตัวเองแน่นขึ้นอีก...อีตาบ้า!นี่เขากล้าใช้สายตาทุเรศๆแบบนั้นมองเธอด้วยเหรอ
ภามดึงสายตาเจ้าชู้กลับมาจากสาวสวยคนนั้น ก่อนจะเริ่มทำสมาธิไม่ให้วอกแวกเพื่อต่อตากับเจ้าม้าดื้อ..เขารู้ว่าเธอหวงแต่ในเมื่อมันดื้อและก้าวร้าวปานนี้ ถ้าจะให้เขาสอนดีๆคงไม่ได้ และเมื่อชายหนุ่มเห็นมันยกแล้วดึงขาคู่หน้าขึ้นสูงราวจะทำร้าย ภามจึงตวัดแส้ในมือลงบนลำตัวมันอย่างรวดเร็ว
ครั้งเดียวเท่านั้นเจ้ากายก็ชะงักกึกและเมื่อเห็นสิ่งที่ทำให้มันเจ็บถูกเง้อง่าอีกหน ร่างแกร่งกำยำของม้าแข่งหนุ่มก็ถอยกรูดก่อนจะเบี่ยงร่างและทำเหมือนไม่เห็นเขาอย่างรวดเร็ว ภามอมยิ้มเมื่อรู้ว่ากำลังเจอม้าที่ทั้งฉลาดและแสนกลเข้าแล้ว และเมื่อรู้อย่างนั้นชายหนุ่มจึงกำแส้ไว้หลวมๆในมือก่อนจะย่างเท้าเข้าใกล้มันมากขึ้น
“กลับบ้านของแกดีกว่าสกาย..ร่างกายเจ็บขนาดนี้ยังคิดจะเป็นหัวหน้าฝูงอีกเรอะ ไม่เจียมสังขารสักนิด”
เขาทาบฝ่ามือแล้วลูบแผ่วไปบนเส้นขนเนียนละเอียด แต่กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังที่เกร็งของมันทำให้ภามรู้ว่า สกายยังไม่ยอมลงให้กับเขาเสียทีเดียว
เก็ตถวายืนมองปฏิกิริยาระหว่างม้าและชายหนุ่มอยู่เนิ่นนานและกว่าร่างสูงๆนั้นกวักมือเรียกเด็กในฟาร์มเพื่อให้ผูกเจ้าสกายและเดินกลับไปคอก พร้อมกับร่างสูงๆนั้นเดินกลับมาได้ เธอก็ต้องถอนใจเฮือกแล้วเอ่ยถามเขาเสียงรัว
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“ดื้อนิดหน่อย แต่ผมคุมได้”
ชายหนุ่มที่ตอบแล้วเหวี่ยงตัวข้ามรั้วสนามเดินเล่นของม้ากลับมา แล้วยืนเกาะรั้วมองม้าตัวอื่นๆอยู่ข้างๆเธอนั้นเหมือนจะสร้างคำถามให้เกิดกับหญิงสาวอีกหน และแน่นอนว่าเก็ตถวาต้องถามในสิ่งที่คาใจอยู่
“เมื่อครู่คุณใช้สายตามองคุณหนึ่งแปลกๆ คุณติดใจสงสัยตรงไหนไม่ทราบ”
“เปล่านี่”
เขาปฏิเสธเสียงสูงพร้อมหมุนตัวเดินลิ่วหนีไปเฉยๆทำให้หญิงสาวต้องซอยเท้าถี่ตามชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ
“ถ้าไม่มีปัญหาก็ดีแล้วล่ะค่ะ คุณภามคะคุณเพิ่งเดินทางมาถึงและอาจต้องการเวลาพักผ่อนสักครู่ แต่คุณหนึ่งก็อยากจะถามสักนิดว่าคุณภามจะเริ่มทำงานได้เวลาไหนคะ”
“ตอนบ่ายผมอยากดูเจ้าสกายของคุณ”
“ดีเลยค่ะ แล้วต่อจากนั้นละคะคุณภามจะทำอะไรอีก”
“ผมยังตอบไม่ได้เพราะต้องดูสภาพม้าของคุณรวมทั้งการรักษาด้วย บางทีอาจต้องใช้เวลาพอสมควร”
“อุ้ย!เจ้าสภายน่ะแข็งแรงนะคะ เพียงแต่อาจเจ็บข้อเท้าบ้าง แต่คุณหนึ่งดูแลมันตลอดเลยค่ะ”
หญิงสาวที่เดินตามพร้อมซักไซ้ไม่ยอมเลิก เรียกให้ร่างสูงใหญ่ของภามต้องหยุดกึก ร่างเล็กที่ก้มหน้าก้มตาเดินตามจึงถลำเข้ากระแทกแผ่นหลังกว้าง แต่นอกจากภามจะไม่ช่วยแล้วเขายังหัวเราะเยาะกับท่าทีผวาราวนกปีกหักที่พยายามพยุงช่วยเหลือตนเอง และเมื่อเห็นเธอยืนได้ดีแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างชวนโมโห
“ผมทราบว่าคุณคงดูแลอย่างดี แต่บางครั้งความรู้ของสัตวแพทย์ก็อาจไม่ถูกต้องเสมอไป ผมหมายถึงถ้าคุณวิเคราะห์ผลพลาด”
“จะพลาดได้อย่างไรคะเพราะคุณหนึ่งเรียนมาทางนี้โดยตรง”
“ผมไม่เถียง!แต่หมออายุน้อย ก็ประสบการณ์น้อยตามไปด้วย ผมเป็นเทรนเนอร์และรู้จักม้ามานาน ผมมีประสบการณ์เยอะ..บางทีผมอาจช่วยสอนอะไรหลายๆอย่างซึ่งคุณไม่เคยรู้”
ดวงตาเข้มที่ตวัดขวับพร้อมร่างของเขาที่หมุนกลับมาหา ทำให้หญิงสาวซึ่งกำลังจะเดินขึ้นเคียงต้องพลอยหยุดตามเขาไปด้วย เก็ตถวาสบตาทอแววประหลาดของเขาอยู่ชั่วครู่ แล้วเธอก็ต้องเผยอปากพร้อมเบิกตากว้างอย่างรวดเร็ว
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรน่ะ”
“ผมเป็นเทรนเนอร์และอะไรที่สอนคุณได้ผมก็ยินดีจะช่วยสอน”
“คุณหนึ่งทราบว่าคุณเป็นเทรนเนอร์ แต่คุณหนึ่งอยากรู้ว่าคุณจะ..จะสอนอะไร”
“เยอะแยะไป แต่รับรองว่าสนุกทุกเรื่อง”
ดวงตาเข้มข้างหนึ่งของเขาที่ขยิบให้เธอก่อนร่างนั้นจะวิ่งขึ้นเนินจากไป เรียกให้สัตวแพทย์สาวต้องยืนอึ้งอยู่ที่เดิมเป็นชั่วครู่..ที่เขาพูดและทำท่าทางแปลกๆนั้นภามหมายความว่าอะไรกันแน่ ถ้าจะให้เธอตีความหมายว่าเขาพูดจาปกติแล้ว เก็ตถวากลับคิดว่าไม่น่าจะใช่
หญิงสาวต้องใช้เวลาเพื่อระงับหัวใจที่เต้นตึกตัก ให้สงบนิ่งลงชั่วครู่ก่อนจะเริ่มแช่งชักภาม รวมทั้งคนดูแลฟาร์มที่ชื่อว่าอชิระ เพราะเธอเริ่มรู้สึกไม่พอใจสองหนุ่มนี้ขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ..ทำไมผู้ชายสองคนนี้ชอบพูด
และกวนโทสะเธอได้ตลอดก็ไม่รู้
บ่ายจัดเก็ตถวาก็เดินเมียงมองไปที่คอกม้า และเมื่อเธอเห็นภามเดินออกมาจากที่แห่งนั้นหญิงสาวก็ยิ้มออกมาได้อย่างชื่นมื่น...เธออุตส่าห์ซักไซ้เขาไว้เพราะกลัวว่าภามจะทำตัวเหมือนบ๊อบ เนื่องจากรายนั้นเมื่อดูแลม้าเสร็จในตอนเช้า เขาก็เริ่มร่ำสุราตั้งแต่บ่าย
แต่สำหรับเทรนเนอร์ม้าที่มีราคาค่าตัวแพงอย่างแมทธิว กลับทำงานสมค่ากับราคาของเขา และนั่นมันทำให้หญิงสาวโล่งอกกับผลประโยชน์ที่ได้รับจากชายหนุ่มอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย..เธอรู้ว่าแมทธิวอยู่ที่ฟาร์มแห่งนี้ได้ไม่นาน ดังนั้นเขาก็ควรทำงานให้สมกับเวลาไม่ใช่หรือ
“ม้าของคุณหนึ่งเป็นอย่างไรบ้างคะ คุณภามคิดว่าคุณหนึ่งดูแลมันดีหรือเปล่า”
“ก็ดีในระกับหนึ่ง”
“แล้วเจ้าสกายละคะคุณคิดว่ามันจะหายและแข่งได้เมื่อไหร่”
“ผมคิดว่าคุณน่าจะปล่อยให้มันสบายใจสักพัก เพราะเจ้าสกายของคุณน่ะมันอารมณ์หงุดหงิดอยู่มาก”
“ถ้าปล่อยก็คงเป็นเหมือนวันนี้”
เธอตอบเสียงแผ่วลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..ปกติช่วงหลังมาเธอแทบไม่ปล่อยเจ้าสกาย ยกเว้นก็แต่วันนี้เพราะที่เธอกล้าปล่อยมันลงสนามเดินเล่น น่าจะเป็นเพราะรู้ว่าเทรนเนอร์อย่างเขากำลังเดินทางมานะสิ
“ผมเห็นแล้ว แต่คุณก็ต้องปล่อยมันบ้าง ถึงมันจะขาเจ็บแบบนี้แต่คุณไม่ควรขังมันไว้ที่นี่ตลอดเวลา”
“คุณหนึ่งก็ปล่อยนะคะ แต่ว่าพอปล่อยทีไรมันก็...”
“กัดหรือรังแกตัวอื่นใช่มั้ย”
“ค่ะ”
เธอตอบอุบอิบแต่ชายหนุ่มที่เดินเรื่อยๆเคียงเธอออกมาจากคอกพัก กลับตอบมาด้วยท่าทางทรงภูมิ
“เจ้าสกายพยายามทำตัวเป็นหัวหน้าฝูง หรือมันอาจเป็นจริงๆไปแล้วก็ได้ ยิ่งมันเจ็บแล้วคุณขังมันๆก็ยิ่งก้าวร้าวมากขึ้น ผลสุดท้ายอาการป่วยของมันก็ไม่หายสักที”
“คุณพูดเองว่ามันก้าวร้าว แล้ววันนี้คุณก็ตีมันไม่ใช่หรือคะ เท่าที่คุณหนึ่งรู้มาเขาบอกว่าม้ายิ่งตียิ่งก้าวร้าวนะคะ”
“ผมก็ไม่คิดจะตีมันตลอดหรอกน่า นั่นน่ะเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่ตอนนี้ผมว่าเราน่าจะหาวิธีอื่นเพื่อลดความก้าวร้าวของมันสิ”
“ยังไงดีคะ”
หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้นและตื่นเต้น เมื่อได้ยินคำพูดของภาม เธอรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มเป็นเทรนเนอร์ฝีมือดี และเขาน่าจะมีหนทางหรือคำตอบเพื่อช่วยแก้ไขอาการป่วยของม้าเธอจนมีอาการดีขึ้น
“เอาอย่างนี้ถือซะว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ผมจะให้เจ้าสกายมันทับตัวอื่นบ้าง นอกจากคุณจะได้เงินเพิ่มแล้ว ยังลดการเกเรของมันอีกด้วย”
“ห๊า!คุณว่าไงนะ..เพิ่มรายได้ด้วยการรับ..ทับม้า”
“งั้นสิ..เจ้าสกายของคุณ มันอายุพร้อมจะเป็นพ่อพันธุ์ได้แล้ว และอีกอย่างม้าฝีเท้าฉกาจขนาดนี้ใครก็อยากได้เชื้อของมันทั้งนั้น”
“ฉะ..เชื้ออย่างนั้นเหรอ”
ดวงตาเบิกกว้างและคำพูดอึกอักของเก็ตถวา ทำให้เขามองเธออย่างสงสัยอยู่แล้วและเมื่อภามเห็นใบหน้าแดงปลั่งอย่างขัดเขินของเธอ เขาก็ถามเสียงแผ่วเหมือนไม่เชื่อ
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้เรื่องแบบนี้”
“รู้สิ!ถ้าไม่รู้คุณหนึ่งจะเป็นสัตวแพทย์ได้ยังไง”
หญิงสาวแหวแวดอย่างลืมตัวก่อนขบริมฝีปากตัวเองแน่น เพื่อระงับความกระดากเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ฟัง แต่นอกจากภามจะทำท่าไม่รู้ไม่ชี้แล้ว เขายังพูดเรื่องเดิมอยู่ด้วยหน้าตาไร้ความรู้สึกเสียอย่างนั้น
“รู้ก็ดีและถ้าคุณยอมทำตามคำแนะนำของผม หลังจากนี้ไปฟาร์มของคุณหนึ่งจะมีรายได้เพิ่มขึ้น...คุณชอบไม่ใช่หรือ”
“แต่ว่า..เอ่อคุณหนึ่งเคยรู้มาว่าปกติม้าพ่อพันธุ์ส่วนใหญ่ เขาต้องนำเข้ามาโดยเฉพาะไม่ใช่หรือคะ แต่เจ้าสกายคุณหนึ่งเอาเข้ามาเพื่อฝึกแข่ง คุณหนึ่งไม่ได้ต้องการให้มันเป็นพ่อพันธุ์นะคะ”
“คุณจะให้แข่งอย่างเดียวโดยไม่คิดถึงสัญชาติญาณของมันบ้างเลยหรือ..เชื่อผมสิ เจ้าสกายของคุณคงไม่ชอบวิ่งอย่างเดียวแน่ๆ แต่ถ้าคุณให้ปล่อยให้เขาได้ทับบ้าง นอกจากจะมีรายได้เพิ่มแล้ว ม้าของคุณอาจลดความก้าวร้าวลงได้”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเจ้าสกายมันก้าวร้าวเพราะ..เพราะมันไม่ได้ทับ! คุณหนึ่งก็เห็นมันปกติดีนี่คะ ติดจะน่ารักด้วยซ้ำ แต่ที่มันก้าวร้าวคงเพราะบาดเจ็บต่างหาก”
หญิงสาวเถียงเขาข้างๆคูๆด้วยใบหน้าแดงปลั่ง แน่ละสิจะไม่ให้เธออายได้อย่างไรเพราะตั้งแต่ทำฟาร์มมา ใครก็ไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้ให้เธอฟังสักหน และเมื่อได้ยินจากเขาโดยไม่ทันตั้งตัว เก็ตถวาก็อายจนหน้าตาแดงไปหมด
“สัญชาตญาณเพศผู้ถ้าไม่ได้สืบพันธุ์มันก็ขี้โมโหด้วยกันทั้งนั้น หรือคุณไม่เชื่อผม”
เขาถามย้ำและแน่นอนว่าเก็ตถวาต้องเถียงเขาอย่างรุกลน
“ทฤษฎีอะไรกัน คุณหนึ่งไม่เคยได้ยิน”
“ทฤษฎีการสืบเผ่าพันธุ์ของสัตว์โลก ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้พิสดารตรงไหน ความจริงคุณเป็นหมอน่าจะรู้เรื่องแบบนี้ดี แต่ถ้าไม่เคยได้ยินคุณก็ต้องหัดฟังแล้วหละ ผมน่ะอยู่กับม้ามานานอาจจะอยู่ตั้งแต่คุณเป็นวัยรุ่นด้วยซ้ำมั้ง อย่าเถียงคนที่รู้มากกว่าสิ”
คำพูดเนิบๆและชายหนุ่มที่หยุดเดินอีกครั้งทำให้เก็ตถวาต้องนิ่งคิด และครู่เดียวเธอก็ตอบรับอย่างยอมจำนน
“ก็ได้..ตกลงคุณหนึ่งจะลองเชื่อสิ่งที่คุณพูด”
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เดี๋ยวผมจะให้คุณอชิระช่วยสานต่อด้วยการจัดหาลูกค้า”
“แล้วคุณภามจะทำหน้าที่อะไรละคะ”
“ผมก็มีหน้าที่ดูแลเรื่องการทับน่ะสิ”
เก็ตถวานึกอยากจะตบปากเขาหลายๆทีเพราะเธอรู้สึกว่าหมั่นไส้กับคำพูดที่จงใจเอ่ยถึงคำว่าทับไม่รู้กี่รอบ..เธอรู้ตัวเองหรอกว่าไม่ชำนาญเรื่องการผสมม้า แต่เขาก็ไม่น่าจะเอ่ยย้ำบ่อยๆเพราะอย่างน้อยเธอก็ยังอายที่จะพูดเรื่องแบบนี้อยู่บ้าง
“เดี๋ยวค่ะ คุณหนึ่งเคยรู้มาว่าปกติม้าพ่อพันธุ์นี่ลูกค้าจะนิยมควอเตอร์เพ็นไม่ใช่หรือคะ แต่เจ้าสกายมันเป็นม้าแข่งนะคะ”
“นิยมควอเตอร์เพ็นเพราะมันสวย ตัวโตกล้ามเนื้อดี แต่เจ้าสกายของคุณก็ไม่ใช่ม้าเถื่อน ผมรู้ว่ามันมีสายเลือดเยี่ยมเพราะพ่อแม่ของมันผมก็รู้จัก ม้าแบบนี้ใครไม่ต้องการได้เชื้อของมันก็คง..โง่”
หญิงสาวแทบผงะ เพราะคำพูดสุดท้ายของภามนั้น เหมือนเขาจะจงใจพูดใส่หน้าเธออย่างเห็นๆ แต่เพราะต้องการให้ม้าของตนเองหายจากเจ็บป่วย รวมทั้งรายได้ก้อนงามที่เขาเอ่ยถึงจึงทำให้เธอแกล้งทำไม่เข้าใจคำพูด
กระทบนั้นแม้แต่น้อย..รอก่อนเถอะวันไหนที่เขาหมดสัญญากับฟาร์มของเธอละก้อ เธอจะถอนทุนคืนทั้งหมด และเธอจะเอาคืนทั้งต้นและดอกเสียด้วย
“เอาเป็นว่าคุณหนึ่งเข้าใจทุกอย่างแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวคุณหนึ่งจะไปบอกคุณอชิระนะคะ อ้อ..ห้องพักของคุณภามอยู่ที่..”
“ผมทราบแล้วเพราะคุณอชิบอกและจัดห้องให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องทับม้าเราก็เพิ่งคุยกันตอนเที่ยง คุณคงไม่ต้องบอกแล้วหละ”
“คุณอชิระรู้แล้วหรือคะ นี่คุณ..ตกลงกันเองโดยที่ยังไม่ได้ปรึกษาคุณหนึ่งอย่างนั้นเหรอ”
“รอคุณอาจจะไม่ทันการณ์ เพราะว่าการทับม้าเราไม่สามารถทำได้ทันที เราต้องมีการเตรียมม้าตัวแม่ด้วย ผมเลยให้อชิเขาลงเวปประกาศเรียบร้อย”
“อ้อ..ถ้าตัดสินใจได้เองทุกอย่าง คุณน่าจะเป็นเจ้าของฟาร์มภูคำเลยนะคะ”
หญิงสาวที่มองเขาด้วยดวงตาโกรธกรุ่นแล้วเอ่ยคำพูดเหมือนประชด ก่อนเธอจะสะบัดหน้าเดินหนีไปพร้อมความโมโหนั้น แทนที่จะสร้างความ ขุ่นใจให้ชายหนุ่มก็หาไม่ เพราะภามกำลังคิดอะไรเตลิดเปิดเปิงอย่างครึ้มอกครึ้มใจกับเรื่องบางอย่างอยู่..ความจริงไอ้ฟาร์มเล็กและกระจอกอย่างฟาร์มภูคำนี่ ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาต้องเดินทางไกลถึงค่อนโลก แต่เหตุผลที่เขาต้องมาจนถึงประเทศไทยนั้นภามยิ่งคิดก็ยิ่งขำตัวเองอย่างที่สุด
ข่าวความต้องการการจ้างตัวเทรนเนอร์ฝีมือดี เพื่อติดต่อให้ไปทำงานยังฟาร์มแห่งหนึ่งในประเทศไทย แม้มันจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เขาก็ยังไม่ได้สนใจแลแม้แต่หางตา แต่แค่สองวันถัดมาหลังจากได้ยินเรื่องนั้นผ่านหู เขาก็ได้ยินเรื่องนี้จากปากของโทนี่ ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นนั่งเล่าเรื่องราวความยุ่งยากคร่าวๆภายในฟาร์มภูคำ และท่ามกลางเหล่าเทรนเนอร์ระดับดีทั้งหลายเสียด้วย
“ผมไม่รู้จะขอร้องใครดี เพราะรู้ว่าช่วงนี้เทรนเนอร์ทุกท่านก็มีงานรัดตัวมาก”
“ไปขอให้นิกกี้ช่วยสิ รายนั้นน่ะชอบทำการกุศลไม่ใช่เรอะ”
เทรนเนอร์คนหนึ่งเสนอแนะ และแมทธิวซึ่งกลับมาจากฟาร์มของตนเอง แล้วเผลอเดินเข้าไปในสโมสรแห่งนั้นก็จำเป็นต้องนั่งทนฟังกับเพื่อนๆกลุ่มใหญ่อย่างเสียไม่ได้
“ถามแล้วแต่นิกกี้ไม่ว่าง”
“ก็ลองถามคนอื่นอีกสิ”
คนที่ยืนคุยกับโทนี่เสนอความเห็นขึ้นมาอีกแต่เพื่อนข้างๆกับแย้งเสียงเรียบ
“โทนี่ งานชั่วคราวและเดินทางไกลขนาดนี้หาคนไม่ง่ายนะครับ”
“ผมทราบว่าหาไม่ง่าย แต่เจ้าอชิระนั่นเป็นเพื่อนผมจะให้ทิ้งเลยก็กระไร”
“เอ เอาอย่างไรดีผมเองก็ติดงานซะด้วย ช่วงนี้มันเป็นช่วงใกล้แข่งระดับใหญ่แล้วนะครับ”
กลุ่มหนุ่มๆกลุ่มนั้นยังปรึกษาหารือกันต่อไป โดยที่คนอื่นๆเริ่มกระจายข่าวไปในสโมสรเพื่อให้ความช่วยเหลือกับโทนี่ให้มากที่สุด ช่วงจังหวะหนึ่งที่ภามดื่มวิสกี้จนหมดและเตรียมลุกออกจากที่แห่งนั้น เสียงใครคนหนึ่งก็ทักเขาจนคนอื่นๆหันมามอง
“แมทธิว..นี่ยังไงหละพระเอกของเรา ฟาร์มของคุณมีเทรนเนอร์หลายคนไม่ใช่หรือ น่าจะช่วยแบ่งให้โทนี่เขาได้อยู่หรอกนะ”
“ไม่มีใครว่าง แล้วอีกอย่างม้าของผมต้องลงแข่งทุกนัด”เขาบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย
“แต่คุณเป็นเจ้าของฟาร์มใหญ่ขนาดนั้น น่าจะพอมีเด็กหลงหูหลงตาบ้างหรอกมั้ง ว่าไงโทนี่ทางโน้นบอกหรือเปล่าว่าสู้ราคาเท่าไหร่ เทรนเนอร์ที่ฟาร์มคุณแมทธิวเขาน่ะราคาแพงอยู่หรอกนะ”
คำพูดที่เหมือนรวบรัดจะเอาคนจากเขาให้ได้ ทำให้แมทธิวกรุ่นๆอยู่หรอก แต่เมื่อเขาหันไปมองโทนี่และเห็นฝ่ายนั้นยิ้มเกรงๆ แมทธิวจึงเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะถามไปด้วยเสียงเกือบเยาะ
“ลองพูดราคามาสิ ถ้าราคาดีผมอาจจะให้เด็กไปสักคน”
“เอ่อ..คุณแมทธิวพอจะมีเวลาว่างคุยกับผมสักสิบนาทีหรือเปล่าครับ ผมจะได้ชี้แจงรายละเอียดต่างๆให้ฟัง”
“สิบนาทีมากไป ผมขอห้าก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณแมทธิวทางนี้ดีกว่า”
ก่อนจะเดินตามโทนี่ไป แมทธิวอดไม่ได้ที่จะตวัดตาขุ่นเข้าหาคนที่ดึงเขาให้ตกกระไดพลอยโจน แต่เมื่อเดินตามอีกฝ่ายไปแล้วเขาก็คิดขึ้นมาอย่างง่ายๆ...ถ้าเขารู้รายละเอียดแล้วไม่พอใจเขาก็ไม่จำเป็นต้องช่วยนี่นะ
“เชิญนั่งครับคุณแมทธิว อ้อว่าแต่คุณจะดื่มอะไรดีครับ”
“ไม่ต้อง พูดเรื่องงานของคุณมาดีกว่า”
เขาปฏิเสธเสียงห้วนแล้วจับพนักเก้าอี้เบี่ยงออกไปด้านข้างก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามกับโทนี่ แล้วไขว้ขายาวๆโดยนั่งหันข้างให้กับอีกฝ่ายด้วยท่าทางหยิ่งๆ...โทนี่เห็นแล้วก็รู้สึกได้ทันทีว่า งานนี้เขาอาจจะแห้วและไม่ได้อะไรจากผู้ชายคนนี้เลย และทั้งๆที่รู้ว่าอาจจะไม่ได้ แต่ชายหนุ่มก็ยังดันทุรังอธิบายเรื่องฟาร์มภูคำอย่างมีความหวัง
“อชิระเป็นเพื่อนผม และหมอนั่นดันมีเจ้านายเป็นคุณหนูที่เอาแต่ใจเสียด้วย ความจริงเท่าที่ฟังมา คุณเก็ตถวาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก เพียงแต่เธออาจจะเค็มไปบ้าง”
“เค็ม!แต่กล้าสู้ราคาเทรนเนอร์อย่างนั้นรึ”
“เอ่อ! ความจริงเธอไม่รู้เรื่องนี้หรอกครับเพราะอชิระบอกเธอว่า ทางฟาร์มต้นสังกัดของเจ้าสกายจะส่งเทรนเนอร์
ไปดูแลมันฟรี”
“ฮึ ดูแลฟรีฟาร์มที่ไหนน่ะ”แมทธิวถามงงๆ
“ไม่มีฟาร์มไหนที่ดูแลม้าฟรีหรอกครับคุณแมทธิว ขนาดผมจะจ้างยังไม่มีใครเอา แล้วเทรนเนอร์ฟรีจะมีในโลกใบนี้ได้ยังไง”
เสียงตอบที่สูงขึ้นอย่างมีอารมณ์หน่อยๆของโทนี่ กลายเป็นเรื่องตลกสำหรับแมทธิว และหลังจากเขาหัวเราะเสียงดังให้คนตอบตกใจไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามทั้งเสียงกลั้วหัวเราะ
“ตกลงผู้หญิงคนนั้นคิดว่า คำหลอกลวงนี้เชื่อได้อย่างนั้นรึ”
“เธอเชื่อนะครับและเชื่อมากซะด้วย ผมคิดว่าอาจเพราะความเค็มของเธอ จึงทำให้คุณเก็ตถวาเชื่อเรื่องไม่ควรเชื่อได้ขนาดนั้น”
“ขอดูรูปฟาร์มหน่อยสิ ว่าหน้าตามันเป็นยังไง”
“นี่ครับคุณแมทธิว ฟาร์มไม่ใหญ่เท่าไหร่แต่ว่าถ้าดูแลดีๆอาจจะพัฒนาได้”
โทนี่รีบหันโน้ตบุ๊คให้อีกฝ่ายดู และแค่ชายหนุ่มเห็นฟาร์มพร้อมรูปภาพของหญิงสาวแสนเค็มคนนั้น แมทธิวก็ต้องนิ่งจังงังไปชั่วครู่...
“ตกลงผมจะให้เทรนเนอร์คุณสักคน”
“จริงหรือครับคุณแมทธิว ถ้าอย่างนั้น..เอ่อราคา..”
โทนี่ถามแทบไม่เป็นคำเพราะความดีใจและเขาก็ต้องแปลกใจซ้ำเป็นล้นพ้น เมื่อได้ยินประโยคตามมาของชายหนุ่ม
“ตามที่คุณเสนอมาก็แล้วกัน เท่าไหร่ก็เท่านั้น ว่าแต่คุณต้องการเทรนเนอร์เร็วขนาดไหน”
“อาทิตย์หน้าได้หรือเปล่าครับ”
“อาทิตย์หน้าหรือ! ผมน่าจะเคลียร์งานเสร็จพอดี เอาเป็นคุณช่วยส่งรายละเอียดการเดินทางไปให้ผมทางอีเมลก็แล้วกัน อ้อแล้วตั๋วเครื่องบินช่วยจองให้ผมด้วยนะ”
“ได้เลยครับ แต่เงินอาจจะจำกัดนิดหน่อยเด็กของคุณอาจจะได้นั่งชั้นธรรมดา”
“จองเฟิร์สคราสไปเลยถ้าขาดเหลือ ผมจะเป็นคนจ่ายส่วนนี้เอง”
การตอบแบบรวบรัดของชายหนุ่มอาจจะทำให้โทนี่งงอยู่บ้าง แต่เพราะความดีใจที่สามารถช่วยเหลืออชิระได้ เขาจึงรีบจัดการทุกอย่างตามคำบอกนั้นอย่างเร่งรีบ..และหลังจากนั้นอีกสัปดาห์ ภามซึ่งจัดการสั่งงานในฟาร์มของตน รวมทั้งทิ้งรายละเอียดเพื่อการติดต่อไว้ให้กับผู้จัดการและดูแลฟาร์มของตัวเองเรียบร้อย เขาก็ออกเดินทางพร้อมกระเป๋าเดินทางแค่ใบเดียว
แมทธิวนึกถึงเรื่องราวเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาก็ให้นึกขำ..ถ้าคนอื่นๆในสโมสรแห่งนั้นรู้ว่า เด็กที่เขาบอกว่าจะแบ่งให้มาช่วยงานในฟาร์มภูคำ กลับกลายเป็นตัวเขาเอง คนพวกนั้นจะรู้สึกขำหรือตกใจมากขนาดไหน แต่จะทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อแค่เห็นรูปหญิงสาวคนนั้นเขาก็ดันนึกอยากจะเห็นตัวจริงของเธอขึ้นมาอย่างปุบปับ..ผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้ช่างสวยราวกับนางฟ้า แต่เค็มและงกยิ่งกว่านางมารร้ายนั่นต่างหากที่ทำให้เขาตัดสินใจยอมรับคำขอร้องของโทนี่จนต้องระเห็จมาถึงประเทศไทย..
.............................................
ร่างสูงของชายหนุ่มซึ่งเข้าไปเดินภายในบริเวณปล่อยม้า ก่อนเขาจะแวะเวียนไปยังสัตว์แสนสวยเหล่านั้น ทำให้เก็ตถวาต้องใช้สายตาจับพฤติกรรมของเขาอย่างพินิจ ม้าบางทีที่ยืนนิ่งก่อนจะใช้หางตาชำเลืองมายังภามอย่างระแวดระวังเพราะไม่คุ้นเคย และมีบางตัวอีกเช่นกันที่ทำท่าหูรี่เหมือนพร้อมจะหาเรื่อง แต่หญิงสาวก็ยังเกาะรั้วเพื่อมองเขาจัดการกับสัตว์ต่อไป แล้วที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมภามจึงได้ชื่อว่าเทรนเนอร์ฝีมือดี
เจ้าสกายซึ่งเป็นม้าตัวโปรดและมันเคยทำตัวน่ารักมาโดยตลอด กลับกลายเป็นม้าที่เหมือนจะแหกคอกเมื่อเห็นชายหนุ่ม...ร่างแกร่งบึกบันของมันยืนนิ่งเมื่อเห็นเขา และก่อนเก็ตถวาจะทันรู้ตัว หญิงสาวก็ต้องยกมือปิดปากตัวเองแน่นเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของมัน
ม้าที่ตั้งท่าก่อนจะออกวิ่งแล้วดีดร่าง จนขาหน้าทั้งคู่ยกสูงพร้อมส่งเสียงร้องกังวานขณะหยุดอยู่ห่างจากชายหนุ่ม และแทนที่เขาจะหนีหรือเบี่ยงตัวหลบก็หาไม่ เพราะภามกลับตวาดเสียงหนักแล้วดึงแส้เฆี่ยนกับอากาศจนดังหวีด..เสียงขวับๆที่เกิดขึ้นเล่นเอาเก็ตถวาหน้าซีด ความห่วงม้าตัวโปรดมีมากจนเธอต้องตะโกนห้ามเขาเสียงดัง
“อย่าตีมันนะ”
ไร้เสียงตอบจากเขา เพราะภามยังคงยืนกางขาปักหลักมั่นซึ่งเก็ตถวาก็เห็นว่าทั้งคู่ต่างทำท่าเหมือนรอดูท่าทีของอีกฝ่าย..แล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงร้องจากม้าของเธอดังขึ้นราวข่มขู่แทบจะพร้อมกับเสียงตวัดแส้ของเขาที่ดังหวีดหวิวพอๆกัน
“คุณหนึ่งบอกว่าอย่าตีเจ้าสกาย คุณไม่ได้ยินหรือไง”
“ชู่ว! ขืนพูดขึ้นมาอีกผมจะตีก้นสวยๆของคุณแทน”
เก็ตถวาได้ยินคำพูดนั้นแล้ว เธอก็เผลอตวัดมือกุมสะโพกของตัวเองอย่างตกใจ แม้อยากจะห้ามปรามและด่าทอชายหนุ่มมากขนาดไหน แต่เมื่อเห็นดวงตาเข้มเขียวจัดตวัดขวับมามอง หญิงสาวก็ต้องผงะพร้อมกุมก้นตัวเองแน่นขึ้นอีก...อีตาบ้า!นี่เขากล้าใช้สายตาทุเรศๆแบบนั้นมองเธอด้วยเหรอ
ภามดึงสายตาเจ้าชู้กลับมาจากสาวสวยคนนั้น ก่อนจะเริ่มทำสมาธิไม่ให้วอกแวกเพื่อต่อตากับเจ้าม้าดื้อ..เขารู้ว่าเธอหวงแต่ในเมื่อมันดื้อและก้าวร้าวปานนี้ ถ้าจะให้เขาสอนดีๆคงไม่ได้ และเมื่อชายหนุ่มเห็นมันยกแล้วดึงขาคู่หน้าขึ้นสูงราวจะทำร้าย ภามจึงตวัดแส้ในมือลงบนลำตัวมันอย่างรวดเร็ว
ครั้งเดียวเท่านั้นเจ้ากายก็ชะงักกึกและเมื่อเห็นสิ่งที่ทำให้มันเจ็บถูกเง้อง่าอีกหน ร่างแกร่งกำยำของม้าแข่งหนุ่มก็ถอยกรูดก่อนจะเบี่ยงร่างและทำเหมือนไม่เห็นเขาอย่างรวดเร็ว ภามอมยิ้มเมื่อรู้ว่ากำลังเจอม้าที่ทั้งฉลาดและแสนกลเข้าแล้ว และเมื่อรู้อย่างนั้นชายหนุ่มจึงกำแส้ไว้หลวมๆในมือก่อนจะย่างเท้าเข้าใกล้มันมากขึ้น
“กลับบ้านของแกดีกว่าสกาย..ร่างกายเจ็บขนาดนี้ยังคิดจะเป็นหัวหน้าฝูงอีกเรอะ ไม่เจียมสังขารสักนิด”
เขาทาบฝ่ามือแล้วลูบแผ่วไปบนเส้นขนเนียนละเอียด แต่กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังที่เกร็งของมันทำให้ภามรู้ว่า สกายยังไม่ยอมลงให้กับเขาเสียทีเดียว
เก็ตถวายืนมองปฏิกิริยาระหว่างม้าและชายหนุ่มอยู่เนิ่นนานและกว่าร่างสูงๆนั้นกวักมือเรียกเด็กในฟาร์มเพื่อให้ผูกเจ้าสกายและเดินกลับไปคอก พร้อมกับร่างสูงๆนั้นเดินกลับมาได้ เธอก็ต้องถอนใจเฮือกแล้วเอ่ยถามเขาเสียงรัว
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“ดื้อนิดหน่อย แต่ผมคุมได้”
ชายหนุ่มที่ตอบแล้วเหวี่ยงตัวข้ามรั้วสนามเดินเล่นของม้ากลับมา แล้วยืนเกาะรั้วมองม้าตัวอื่นๆอยู่ข้างๆเธอนั้นเหมือนจะสร้างคำถามให้เกิดกับหญิงสาวอีกหน และแน่นอนว่าเก็ตถวาต้องถามในสิ่งที่คาใจอยู่
“เมื่อครู่คุณใช้สายตามองคุณหนึ่งแปลกๆ คุณติดใจสงสัยตรงไหนไม่ทราบ”
“เปล่านี่”
เขาปฏิเสธเสียงสูงพร้อมหมุนตัวเดินลิ่วหนีไปเฉยๆทำให้หญิงสาวต้องซอยเท้าถี่ตามชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ
“ถ้าไม่มีปัญหาก็ดีแล้วล่ะค่ะ คุณภามคะคุณเพิ่งเดินทางมาถึงและอาจต้องการเวลาพักผ่อนสักครู่ แต่คุณหนึ่งก็อยากจะถามสักนิดว่าคุณภามจะเริ่มทำงานได้เวลาไหนคะ”
“ตอนบ่ายผมอยากดูเจ้าสกายของคุณ”
“ดีเลยค่ะ แล้วต่อจากนั้นละคะคุณภามจะทำอะไรอีก”
“ผมยังตอบไม่ได้เพราะต้องดูสภาพม้าของคุณรวมทั้งการรักษาด้วย บางทีอาจต้องใช้เวลาพอสมควร”
“อุ้ย!เจ้าสภายน่ะแข็งแรงนะคะ เพียงแต่อาจเจ็บข้อเท้าบ้าง แต่คุณหนึ่งดูแลมันตลอดเลยค่ะ”
หญิงสาวที่เดินตามพร้อมซักไซ้ไม่ยอมเลิก เรียกให้ร่างสูงใหญ่ของภามต้องหยุดกึก ร่างเล็กที่ก้มหน้าก้มตาเดินตามจึงถลำเข้ากระแทกแผ่นหลังกว้าง แต่นอกจากภามจะไม่ช่วยแล้วเขายังหัวเราะเยาะกับท่าทีผวาราวนกปีกหักที่พยายามพยุงช่วยเหลือตนเอง และเมื่อเห็นเธอยืนได้ดีแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างชวนโมโห
“ผมทราบว่าคุณคงดูแลอย่างดี แต่บางครั้งความรู้ของสัตวแพทย์ก็อาจไม่ถูกต้องเสมอไป ผมหมายถึงถ้าคุณวิเคราะห์ผลพลาด”
“จะพลาดได้อย่างไรคะเพราะคุณหนึ่งเรียนมาทางนี้โดยตรง”
“ผมไม่เถียง!แต่หมออายุน้อย ก็ประสบการณ์น้อยตามไปด้วย ผมเป็นเทรนเนอร์และรู้จักม้ามานาน ผมมีประสบการณ์เยอะ..บางทีผมอาจช่วยสอนอะไรหลายๆอย่างซึ่งคุณไม่เคยรู้”
ดวงตาเข้มที่ตวัดขวับพร้อมร่างของเขาที่หมุนกลับมาหา ทำให้หญิงสาวซึ่งกำลังจะเดินขึ้นเคียงต้องพลอยหยุดตามเขาไปด้วย เก็ตถวาสบตาทอแววประหลาดของเขาอยู่ชั่วครู่ แล้วเธอก็ต้องเผยอปากพร้อมเบิกตากว้างอย่างรวดเร็ว
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรน่ะ”
“ผมเป็นเทรนเนอร์และอะไรที่สอนคุณได้ผมก็ยินดีจะช่วยสอน”
“คุณหนึ่งทราบว่าคุณเป็นเทรนเนอร์ แต่คุณหนึ่งอยากรู้ว่าคุณจะ..จะสอนอะไร”
“เยอะแยะไป แต่รับรองว่าสนุกทุกเรื่อง”
ดวงตาเข้มข้างหนึ่งของเขาที่ขยิบให้เธอก่อนร่างนั้นจะวิ่งขึ้นเนินจากไป เรียกให้สัตวแพทย์สาวต้องยืนอึ้งอยู่ที่เดิมเป็นชั่วครู่..ที่เขาพูดและทำท่าทางแปลกๆนั้นภามหมายความว่าอะไรกันแน่ ถ้าจะให้เธอตีความหมายว่าเขาพูดจาปกติแล้ว เก็ตถวากลับคิดว่าไม่น่าจะใช่
หญิงสาวต้องใช้เวลาเพื่อระงับหัวใจที่เต้นตึกตัก ให้สงบนิ่งลงชั่วครู่ก่อนจะเริ่มแช่งชักภาม รวมทั้งคนดูแลฟาร์มที่ชื่อว่าอชิระ เพราะเธอเริ่มรู้สึกไม่พอใจสองหนุ่มนี้ขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ..ทำไมผู้ชายสองคนนี้ชอบพูด
และกวนโทสะเธอได้ตลอดก็ไม่รู้
บ่ายจัดเก็ตถวาก็เดินเมียงมองไปที่คอกม้า และเมื่อเธอเห็นภามเดินออกมาจากที่แห่งนั้นหญิงสาวก็ยิ้มออกมาได้อย่างชื่นมื่น...เธออุตส่าห์ซักไซ้เขาไว้เพราะกลัวว่าภามจะทำตัวเหมือนบ๊อบ เนื่องจากรายนั้นเมื่อดูแลม้าเสร็จในตอนเช้า เขาก็เริ่มร่ำสุราตั้งแต่บ่าย
แต่สำหรับเทรนเนอร์ม้าที่มีราคาค่าตัวแพงอย่างแมทธิว กลับทำงานสมค่ากับราคาของเขา และนั่นมันทำให้หญิงสาวโล่งอกกับผลประโยชน์ที่ได้รับจากชายหนุ่มอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย..เธอรู้ว่าแมทธิวอยู่ที่ฟาร์มแห่งนี้ได้ไม่นาน ดังนั้นเขาก็ควรทำงานให้สมกับเวลาไม่ใช่หรือ
“ม้าของคุณหนึ่งเป็นอย่างไรบ้างคะ คุณภามคิดว่าคุณหนึ่งดูแลมันดีหรือเปล่า”
“ก็ดีในระกับหนึ่ง”
“แล้วเจ้าสกายละคะคุณคิดว่ามันจะหายและแข่งได้เมื่อไหร่”
“ผมคิดว่าคุณน่าจะปล่อยให้มันสบายใจสักพัก เพราะเจ้าสกายของคุณน่ะมันอารมณ์หงุดหงิดอยู่มาก”
“ถ้าปล่อยก็คงเป็นเหมือนวันนี้”
เธอตอบเสียงแผ่วลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..ปกติช่วงหลังมาเธอแทบไม่ปล่อยเจ้าสกาย ยกเว้นก็แต่วันนี้เพราะที่เธอกล้าปล่อยมันลงสนามเดินเล่น น่าจะเป็นเพราะรู้ว่าเทรนเนอร์อย่างเขากำลังเดินทางมานะสิ
“ผมเห็นแล้ว แต่คุณก็ต้องปล่อยมันบ้าง ถึงมันจะขาเจ็บแบบนี้แต่คุณไม่ควรขังมันไว้ที่นี่ตลอดเวลา”
“คุณหนึ่งก็ปล่อยนะคะ แต่ว่าพอปล่อยทีไรมันก็...”
“กัดหรือรังแกตัวอื่นใช่มั้ย”
“ค่ะ”
เธอตอบอุบอิบแต่ชายหนุ่มที่เดินเรื่อยๆเคียงเธอออกมาจากคอกพัก กลับตอบมาด้วยท่าทางทรงภูมิ
“เจ้าสกายพยายามทำตัวเป็นหัวหน้าฝูง หรือมันอาจเป็นจริงๆไปแล้วก็ได้ ยิ่งมันเจ็บแล้วคุณขังมันๆก็ยิ่งก้าวร้าวมากขึ้น ผลสุดท้ายอาการป่วยของมันก็ไม่หายสักที”
“คุณพูดเองว่ามันก้าวร้าว แล้ววันนี้คุณก็ตีมันไม่ใช่หรือคะ เท่าที่คุณหนึ่งรู้มาเขาบอกว่าม้ายิ่งตียิ่งก้าวร้าวนะคะ”
“ผมก็ไม่คิดจะตีมันตลอดหรอกน่า นั่นน่ะเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่ตอนนี้ผมว่าเราน่าจะหาวิธีอื่นเพื่อลดความก้าวร้าวของมันสิ”
“ยังไงดีคะ”
หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้นและตื่นเต้น เมื่อได้ยินคำพูดของภาม เธอรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มเป็นเทรนเนอร์ฝีมือดี และเขาน่าจะมีหนทางหรือคำตอบเพื่อช่วยแก้ไขอาการป่วยของม้าเธอจนมีอาการดีขึ้น
“เอาอย่างนี้ถือซะว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ผมจะให้เจ้าสกายมันทับตัวอื่นบ้าง นอกจากคุณจะได้เงินเพิ่มแล้ว ยังลดการเกเรของมันอีกด้วย”
“ห๊า!คุณว่าไงนะ..เพิ่มรายได้ด้วยการรับ..ทับม้า”
“งั้นสิ..เจ้าสกายของคุณ มันอายุพร้อมจะเป็นพ่อพันธุ์ได้แล้ว และอีกอย่างม้าฝีเท้าฉกาจขนาดนี้ใครก็อยากได้เชื้อของมันทั้งนั้น”
“ฉะ..เชื้ออย่างนั้นเหรอ”
ดวงตาเบิกกว้างและคำพูดอึกอักของเก็ตถวา ทำให้เขามองเธออย่างสงสัยอยู่แล้วและเมื่อภามเห็นใบหน้าแดงปลั่งอย่างขัดเขินของเธอ เขาก็ถามเสียงแผ่วเหมือนไม่เชื่อ
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้เรื่องแบบนี้”
“รู้สิ!ถ้าไม่รู้คุณหนึ่งจะเป็นสัตวแพทย์ได้ยังไง”
หญิงสาวแหวแวดอย่างลืมตัวก่อนขบริมฝีปากตัวเองแน่น เพื่อระงับความกระดากเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ฟัง แต่นอกจากภามจะทำท่าไม่รู้ไม่ชี้แล้ว เขายังพูดเรื่องเดิมอยู่ด้วยหน้าตาไร้ความรู้สึกเสียอย่างนั้น
“รู้ก็ดีและถ้าคุณยอมทำตามคำแนะนำของผม หลังจากนี้ไปฟาร์มของคุณหนึ่งจะมีรายได้เพิ่มขึ้น...คุณชอบไม่ใช่หรือ”
“แต่ว่า..เอ่อคุณหนึ่งเคยรู้มาว่าปกติม้าพ่อพันธุ์ส่วนใหญ่ เขาต้องนำเข้ามาโดยเฉพาะไม่ใช่หรือคะ แต่เจ้าสกายคุณหนึ่งเอาเข้ามาเพื่อฝึกแข่ง คุณหนึ่งไม่ได้ต้องการให้มันเป็นพ่อพันธุ์นะคะ”
“คุณจะให้แข่งอย่างเดียวโดยไม่คิดถึงสัญชาติญาณของมันบ้างเลยหรือ..เชื่อผมสิ เจ้าสกายของคุณคงไม่ชอบวิ่งอย่างเดียวแน่ๆ แต่ถ้าคุณให้ปล่อยให้เขาได้ทับบ้าง นอกจากจะมีรายได้เพิ่มแล้ว ม้าของคุณอาจลดความก้าวร้าวลงได้”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเจ้าสกายมันก้าวร้าวเพราะ..เพราะมันไม่ได้ทับ! คุณหนึ่งก็เห็นมันปกติดีนี่คะ ติดจะน่ารักด้วยซ้ำ แต่ที่มันก้าวร้าวคงเพราะบาดเจ็บต่างหาก”
หญิงสาวเถียงเขาข้างๆคูๆด้วยใบหน้าแดงปลั่ง แน่ละสิจะไม่ให้เธออายได้อย่างไรเพราะตั้งแต่ทำฟาร์มมา ใครก็ไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้ให้เธอฟังสักหน และเมื่อได้ยินจากเขาโดยไม่ทันตั้งตัว เก็ตถวาก็อายจนหน้าตาแดงไปหมด
“สัญชาตญาณเพศผู้ถ้าไม่ได้สืบพันธุ์มันก็ขี้โมโหด้วยกันทั้งนั้น หรือคุณไม่เชื่อผม”
เขาถามย้ำและแน่นอนว่าเก็ตถวาต้องเถียงเขาอย่างรุกลน
“ทฤษฎีอะไรกัน คุณหนึ่งไม่เคยได้ยิน”
“ทฤษฎีการสืบเผ่าพันธุ์ของสัตว์โลก ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้พิสดารตรงไหน ความจริงคุณเป็นหมอน่าจะรู้เรื่องแบบนี้ดี แต่ถ้าไม่เคยได้ยินคุณก็ต้องหัดฟังแล้วหละ ผมน่ะอยู่กับม้ามานานอาจจะอยู่ตั้งแต่คุณเป็นวัยรุ่นด้วยซ้ำมั้ง อย่าเถียงคนที่รู้มากกว่าสิ”
คำพูดเนิบๆและชายหนุ่มที่หยุดเดินอีกครั้งทำให้เก็ตถวาต้องนิ่งคิด และครู่เดียวเธอก็ตอบรับอย่างยอมจำนน
“ก็ได้..ตกลงคุณหนึ่งจะลองเชื่อสิ่งที่คุณพูด”
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เดี๋ยวผมจะให้คุณอชิระช่วยสานต่อด้วยการจัดหาลูกค้า”
“แล้วคุณภามจะทำหน้าที่อะไรละคะ”
“ผมก็มีหน้าที่ดูแลเรื่องการทับน่ะสิ”
เก็ตถวานึกอยากจะตบปากเขาหลายๆทีเพราะเธอรู้สึกว่าหมั่นไส้กับคำพูดที่จงใจเอ่ยถึงคำว่าทับไม่รู้กี่รอบ..เธอรู้ตัวเองหรอกว่าไม่ชำนาญเรื่องการผสมม้า แต่เขาก็ไม่น่าจะเอ่ยย้ำบ่อยๆเพราะอย่างน้อยเธอก็ยังอายที่จะพูดเรื่องแบบนี้อยู่บ้าง
“เดี๋ยวค่ะ คุณหนึ่งเคยรู้มาว่าปกติม้าพ่อพันธุ์นี่ลูกค้าจะนิยมควอเตอร์เพ็นไม่ใช่หรือคะ แต่เจ้าสกายมันเป็นม้าแข่งนะคะ”
“นิยมควอเตอร์เพ็นเพราะมันสวย ตัวโตกล้ามเนื้อดี แต่เจ้าสกายของคุณก็ไม่ใช่ม้าเถื่อน ผมรู้ว่ามันมีสายเลือดเยี่ยมเพราะพ่อแม่ของมันผมก็รู้จัก ม้าแบบนี้ใครไม่ต้องการได้เชื้อของมันก็คง..โง่”
หญิงสาวแทบผงะ เพราะคำพูดสุดท้ายของภามนั้น เหมือนเขาจะจงใจพูดใส่หน้าเธออย่างเห็นๆ แต่เพราะต้องการให้ม้าของตนเองหายจากเจ็บป่วย รวมทั้งรายได้ก้อนงามที่เขาเอ่ยถึงจึงทำให้เธอแกล้งทำไม่เข้าใจคำพูด
กระทบนั้นแม้แต่น้อย..รอก่อนเถอะวันไหนที่เขาหมดสัญญากับฟาร์มของเธอละก้อ เธอจะถอนทุนคืนทั้งหมด และเธอจะเอาคืนทั้งต้นและดอกเสียด้วย
“เอาเป็นว่าคุณหนึ่งเข้าใจทุกอย่างแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวคุณหนึ่งจะไปบอกคุณอชิระนะคะ อ้อ..ห้องพักของคุณภามอยู่ที่..”
“ผมทราบแล้วเพราะคุณอชิบอกและจัดห้องให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องทับม้าเราก็เพิ่งคุยกันตอนเที่ยง คุณคงไม่ต้องบอกแล้วหละ”
“คุณอชิระรู้แล้วหรือคะ นี่คุณ..ตกลงกันเองโดยที่ยังไม่ได้ปรึกษาคุณหนึ่งอย่างนั้นเหรอ”
“รอคุณอาจจะไม่ทันการณ์ เพราะว่าการทับม้าเราไม่สามารถทำได้ทันที เราต้องมีการเตรียมม้าตัวแม่ด้วย ผมเลยให้อชิเขาลงเวปประกาศเรียบร้อย”
“อ้อ..ถ้าตัดสินใจได้เองทุกอย่าง คุณน่าจะเป็นเจ้าของฟาร์มภูคำเลยนะคะ”
หญิงสาวที่มองเขาด้วยดวงตาโกรธกรุ่นแล้วเอ่ยคำพูดเหมือนประชด ก่อนเธอจะสะบัดหน้าเดินหนีไปพร้อมความโมโหนั้น แทนที่จะสร้างความ ขุ่นใจให้ชายหนุ่มก็หาไม่ เพราะภามกำลังคิดอะไรเตลิดเปิดเปิงอย่างครึ้มอกครึ้มใจกับเรื่องบางอย่างอยู่..ความจริงไอ้ฟาร์มเล็กและกระจอกอย่างฟาร์มภูคำนี่ ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาต้องเดินทางไกลถึงค่อนโลก แต่เหตุผลที่เขาต้องมาจนถึงประเทศไทยนั้นภามยิ่งคิดก็ยิ่งขำตัวเองอย่างที่สุด
ข่าวความต้องการการจ้างตัวเทรนเนอร์ฝีมือดี เพื่อติดต่อให้ไปทำงานยังฟาร์มแห่งหนึ่งในประเทศไทย แม้มันจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เขาก็ยังไม่ได้สนใจแลแม้แต่หางตา แต่แค่สองวันถัดมาหลังจากได้ยินเรื่องนั้นผ่านหู เขาก็ได้ยินเรื่องนี้จากปากของโทนี่ ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นนั่งเล่าเรื่องราวความยุ่งยากคร่าวๆภายในฟาร์มภูคำ และท่ามกลางเหล่าเทรนเนอร์ระดับดีทั้งหลายเสียด้วย
“ผมไม่รู้จะขอร้องใครดี เพราะรู้ว่าช่วงนี้เทรนเนอร์ทุกท่านก็มีงานรัดตัวมาก”
“ไปขอให้นิกกี้ช่วยสิ รายนั้นน่ะชอบทำการกุศลไม่ใช่เรอะ”
เทรนเนอร์คนหนึ่งเสนอแนะ และแมทธิวซึ่งกลับมาจากฟาร์มของตนเอง แล้วเผลอเดินเข้าไปในสโมสรแห่งนั้นก็จำเป็นต้องนั่งทนฟังกับเพื่อนๆกลุ่มใหญ่อย่างเสียไม่ได้
“ถามแล้วแต่นิกกี้ไม่ว่าง”
“ก็ลองถามคนอื่นอีกสิ”
คนที่ยืนคุยกับโทนี่เสนอความเห็นขึ้นมาอีกแต่เพื่อนข้างๆกับแย้งเสียงเรียบ
“โทนี่ งานชั่วคราวและเดินทางไกลขนาดนี้หาคนไม่ง่ายนะครับ”
“ผมทราบว่าหาไม่ง่าย แต่เจ้าอชิระนั่นเป็นเพื่อนผมจะให้ทิ้งเลยก็กระไร”
“เอ เอาอย่างไรดีผมเองก็ติดงานซะด้วย ช่วงนี้มันเป็นช่วงใกล้แข่งระดับใหญ่แล้วนะครับ”
กลุ่มหนุ่มๆกลุ่มนั้นยังปรึกษาหารือกันต่อไป โดยที่คนอื่นๆเริ่มกระจายข่าวไปในสโมสรเพื่อให้ความช่วยเหลือกับโทนี่ให้มากที่สุด ช่วงจังหวะหนึ่งที่ภามดื่มวิสกี้จนหมดและเตรียมลุกออกจากที่แห่งนั้น เสียงใครคนหนึ่งก็ทักเขาจนคนอื่นๆหันมามอง
“แมทธิว..นี่ยังไงหละพระเอกของเรา ฟาร์มของคุณมีเทรนเนอร์หลายคนไม่ใช่หรือ น่าจะช่วยแบ่งให้โทนี่เขาได้อยู่หรอกนะ”
“ไม่มีใครว่าง แล้วอีกอย่างม้าของผมต้องลงแข่งทุกนัด”เขาบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย
“แต่คุณเป็นเจ้าของฟาร์มใหญ่ขนาดนั้น น่าจะพอมีเด็กหลงหูหลงตาบ้างหรอกมั้ง ว่าไงโทนี่ทางโน้นบอกหรือเปล่าว่าสู้ราคาเท่าไหร่ เทรนเนอร์ที่ฟาร์มคุณแมทธิวเขาน่ะราคาแพงอยู่หรอกนะ”
คำพูดที่เหมือนรวบรัดจะเอาคนจากเขาให้ได้ ทำให้แมทธิวกรุ่นๆอยู่หรอก แต่เมื่อเขาหันไปมองโทนี่และเห็นฝ่ายนั้นยิ้มเกรงๆ แมทธิวจึงเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะถามไปด้วยเสียงเกือบเยาะ
“ลองพูดราคามาสิ ถ้าราคาดีผมอาจจะให้เด็กไปสักคน”
“เอ่อ..คุณแมทธิวพอจะมีเวลาว่างคุยกับผมสักสิบนาทีหรือเปล่าครับ ผมจะได้ชี้แจงรายละเอียดต่างๆให้ฟัง”
“สิบนาทีมากไป ผมขอห้าก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณแมทธิวทางนี้ดีกว่า”
ก่อนจะเดินตามโทนี่ไป แมทธิวอดไม่ได้ที่จะตวัดตาขุ่นเข้าหาคนที่ดึงเขาให้ตกกระไดพลอยโจน แต่เมื่อเดินตามอีกฝ่ายไปแล้วเขาก็คิดขึ้นมาอย่างง่ายๆ...ถ้าเขารู้รายละเอียดแล้วไม่พอใจเขาก็ไม่จำเป็นต้องช่วยนี่นะ
“เชิญนั่งครับคุณแมทธิว อ้อว่าแต่คุณจะดื่มอะไรดีครับ”
“ไม่ต้อง พูดเรื่องงานของคุณมาดีกว่า”
เขาปฏิเสธเสียงห้วนแล้วจับพนักเก้าอี้เบี่ยงออกไปด้านข้างก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามกับโทนี่ แล้วไขว้ขายาวๆโดยนั่งหันข้างให้กับอีกฝ่ายด้วยท่าทางหยิ่งๆ...โทนี่เห็นแล้วก็รู้สึกได้ทันทีว่า งานนี้เขาอาจจะแห้วและไม่ได้อะไรจากผู้ชายคนนี้เลย และทั้งๆที่รู้ว่าอาจจะไม่ได้ แต่ชายหนุ่มก็ยังดันทุรังอธิบายเรื่องฟาร์มภูคำอย่างมีความหวัง
“อชิระเป็นเพื่อนผม และหมอนั่นดันมีเจ้านายเป็นคุณหนูที่เอาแต่ใจเสียด้วย ความจริงเท่าที่ฟังมา คุณเก็ตถวาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก เพียงแต่เธออาจจะเค็มไปบ้าง”
“เค็ม!แต่กล้าสู้ราคาเทรนเนอร์อย่างนั้นรึ”
“เอ่อ! ความจริงเธอไม่รู้เรื่องนี้หรอกครับเพราะอชิระบอกเธอว่า ทางฟาร์มต้นสังกัดของเจ้าสกายจะส่งเทรนเนอร์
ไปดูแลมันฟรี”
“ฮึ ดูแลฟรีฟาร์มที่ไหนน่ะ”แมทธิวถามงงๆ
“ไม่มีฟาร์มไหนที่ดูแลม้าฟรีหรอกครับคุณแมทธิว ขนาดผมจะจ้างยังไม่มีใครเอา แล้วเทรนเนอร์ฟรีจะมีในโลกใบนี้ได้ยังไง”
เสียงตอบที่สูงขึ้นอย่างมีอารมณ์หน่อยๆของโทนี่ กลายเป็นเรื่องตลกสำหรับแมทธิว และหลังจากเขาหัวเราะเสียงดังให้คนตอบตกใจไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามทั้งเสียงกลั้วหัวเราะ
“ตกลงผู้หญิงคนนั้นคิดว่า คำหลอกลวงนี้เชื่อได้อย่างนั้นรึ”
“เธอเชื่อนะครับและเชื่อมากซะด้วย ผมคิดว่าอาจเพราะความเค็มของเธอ จึงทำให้คุณเก็ตถวาเชื่อเรื่องไม่ควรเชื่อได้ขนาดนั้น”
“ขอดูรูปฟาร์มหน่อยสิ ว่าหน้าตามันเป็นยังไง”
“นี่ครับคุณแมทธิว ฟาร์มไม่ใหญ่เท่าไหร่แต่ว่าถ้าดูแลดีๆอาจจะพัฒนาได้”
โทนี่รีบหันโน้ตบุ๊คให้อีกฝ่ายดู และแค่ชายหนุ่มเห็นฟาร์มพร้อมรูปภาพของหญิงสาวแสนเค็มคนนั้น แมทธิวก็ต้องนิ่งจังงังไปชั่วครู่...
“ตกลงผมจะให้เทรนเนอร์คุณสักคน”
“จริงหรือครับคุณแมทธิว ถ้าอย่างนั้น..เอ่อราคา..”
โทนี่ถามแทบไม่เป็นคำเพราะความดีใจและเขาก็ต้องแปลกใจซ้ำเป็นล้นพ้น เมื่อได้ยินประโยคตามมาของชายหนุ่ม
“ตามที่คุณเสนอมาก็แล้วกัน เท่าไหร่ก็เท่านั้น ว่าแต่คุณต้องการเทรนเนอร์เร็วขนาดไหน”
“อาทิตย์หน้าได้หรือเปล่าครับ”
“อาทิตย์หน้าหรือ! ผมน่าจะเคลียร์งานเสร็จพอดี เอาเป็นคุณช่วยส่งรายละเอียดการเดินทางไปให้ผมทางอีเมลก็แล้วกัน อ้อแล้วตั๋วเครื่องบินช่วยจองให้ผมด้วยนะ”
“ได้เลยครับ แต่เงินอาจจะจำกัดนิดหน่อยเด็กของคุณอาจจะได้นั่งชั้นธรรมดา”
“จองเฟิร์สคราสไปเลยถ้าขาดเหลือ ผมจะเป็นคนจ่ายส่วนนี้เอง”
การตอบแบบรวบรัดของชายหนุ่มอาจจะทำให้โทนี่งงอยู่บ้าง แต่เพราะความดีใจที่สามารถช่วยเหลืออชิระได้ เขาจึงรีบจัดการทุกอย่างตามคำบอกนั้นอย่างเร่งรีบ..และหลังจากนั้นอีกสัปดาห์ ภามซึ่งจัดการสั่งงานในฟาร์มของตน รวมทั้งทิ้งรายละเอียดเพื่อการติดต่อไว้ให้กับผู้จัดการและดูแลฟาร์มของตัวเองเรียบร้อย เขาก็ออกเดินทางพร้อมกระเป๋าเดินทางแค่ใบเดียว
แมทธิวนึกถึงเรื่องราวเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาก็ให้นึกขำ..ถ้าคนอื่นๆในสโมสรแห่งนั้นรู้ว่า เด็กที่เขาบอกว่าจะแบ่งให้มาช่วยงานในฟาร์มภูคำ กลับกลายเป็นตัวเขาเอง คนพวกนั้นจะรู้สึกขำหรือตกใจมากขนาดไหน แต่จะทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อแค่เห็นรูปหญิงสาวคนนั้นเขาก็ดันนึกอยากจะเห็นตัวจริงของเธอขึ้นมาอย่างปุบปับ..ผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้ช่างสวยราวกับนางฟ้า แต่เค็มและงกยิ่งกว่านางมารร้ายนั่นต่างหากที่ทำให้เขาตัดสินใจยอมรับคำขอร้องของโทนี่จนต้องระเห็จมาถึงประเทศไทย..
.............................................

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2554, 14:25:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ส.ค. 2554, 14:25:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 2438
<< ตอนที่ 2 | ตอนที่ 4 >> |

innam 17 ส.ค. 2554, 15:55:05 น.
ตามเป็นกำลังใจ
ตามเป็นกำลังใจ

แพรพริมา 17 ส.ค. 2554, 15:58:17 น.
กรี๊ดดดดด (มากรี๊ดอย่างเดียวเลย อิอิ)
กรี๊ดดดดด (มากรี๊ดอย่างเดียวเลย อิอิ)


ann 17 ส.ค. 2554, 19:17:37 น.
อยากอ่านอีกๆๆๆๆ
อยากอ่านอีกๆๆๆๆ

nutcha 17 ส.ค. 2554, 20:46:14 น.
คุณภามมาถึงก็ช่วยหารายได้เข้ากระเป๋าคุณหนึ่งเลยนะ
คุณภามมาถึงก็ช่วยหารายได้เข้ากระเป๋าคุณหนึ่งเลยนะ

nutcha 17 ส.ค. 2554, 20:46:16 น.
คุณภามมาถึงก็ช่วยหารายได้เข้ากระเป๋าคุณหนึ่งเลยนะ
คุณภามมาถึงก็ช่วยหารายได้เข้ากระเป๋าคุณหนึ่งเลยนะ

หมูอ้วน 18 ส.ค. 2554, 05:29:54 น.
รอตอนต่อไปค่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ปูจ้า 18 ส.ค. 2554, 10:16:21 น.
สวยแต่เค็มอิอิ ชอบคุณภามจัง มาเรื่อยๆนะคะ
สวยแต่เค็มอิอิ ชอบคุณภามจัง มาเรื่อยๆนะคะ

anOO 18 ส.ค. 2554, 15:53:04 น.
อย่างนี้ก็ไม่ต้องไปหาม้าที่ไหนหรอก
เอาม้าฟาร์มคุณภามก็ได้มั้ง คู่ของสกายอ่ะ
อย่างนี้ก็ไม่ต้องไปหาม้าที่ไหนหรอก
เอาม้าฟาร์มคุณภามก็ได้มั้ง คู่ของสกายอ่ะ

LAM 18 ส.ค. 2554, 17:13:11 น.
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ น่ารักทั้งคุณภามและคุณหนึ่งเลยค่ะ
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ น่ารักทั้งคุณภามและคุณหนึ่งเลยค่ะ


bigger 18 ส.ค. 2554, 22:22:41 น.
ลืมบอกไปคร่า..ว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นๆ เล่มเล็กๆ ประมาณ 10 กว่าตอนก็จบอะคร่า
ขอบคุณ คุณwindy2000 คุณ lam anoo nutcha ann innam หนูปูจ้า หมูอ้วน แว่นใส ที่ช่วยอ่านนะคะ อาจตกหล่นเยอะแยะ เพราะรีบๆเขียนยังไม่ได้ตรวจทาน ไม่ว่ากันน้า(และแทงยูยายแพรที่มากรี๊ดเป็นหน้าม้า 555)
ลืมบอกไปคร่า..ว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นๆ เล่มเล็กๆ ประมาณ 10 กว่าตอนก็จบอะคร่า
ขอบคุณ คุณwindy2000 คุณ lam anoo nutcha ann innam หนูปูจ้า หมูอ้วน แว่นใส ที่ช่วยอ่านนะคะ อาจตกหล่นเยอะแยะ เพราะรีบๆเขียนยังไม่ได้ตรวจทาน ไม่ว่ากันน้า(และแทงยูยายแพรที่มากรี๊ดเป็นหน้าม้า 555)