เปลวไฟกามเทพ
เธอ...คือผู้ก่อสุมความแค้น
เขา...คือผู้แค้นเธอด้วยหัวใจ
เมื่อไฟแค้นเริ่มจะคุกโชนสิ่งไหนก็ยากที่จะยับยั้งได้
Tags: รักปนเศร้า

ตอน: ตอนที่ 3 ขอแต่งงาน

ตอนที่ 3

เวลาผ่านผันไปอย่างรวดเร็ว จากวินาทีเป็นนาที จากนาทีเป็นชั่วโมง และจากชั่วโมงเป็นหลายๆ ชั่วโมง จนเวลานี้ความสว่างได้เข้ามาเยือนโลกมนุษย์อีกครั้ง หลังจากที่ได้หลับใหลไปกับรัตติกาลอันยาวนาน นำพาให้หลายๆ ชีวิตเกลียดคร้านไปกับเวลาอันแสนจะสั้น หากแต่มันกลับตรงข้ามกับอีกชีวิตหนึ่งที่กำลังทำงานอยู่อย่างขะมักเขม้น

เช้าวันนี้เด็กสาวกันเกรากลับออกมาทำงานอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าหลายคืนก่อนเธอจะทุกข์ระทมเพียงไร แต่หญิงสาวกลับแปรเปลี่ยนความทุกข์เหล่านั้นให้เป็นพลังงานในการทำงานอย่างน่าอัศจรรย์

จากช่วงเช้าผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เด็กสาวถือของพะรุงพะรังกลับบ้าน มันมีทั้งของกินและของใช้ที่จำเป็นเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา โดยมีมารดาที่ชอบตีหน้าเหี้ยมไม่เคยนึกห่วงเธอแม้สักปลายก้อยที่รอเธออยู่ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังและลุ้นว่าวันนี้นางจะได้เงินสักเท่าไรไปถลุงที่บ่อนพนัน

"วันนี้เอ็งได้เท่าไร นังกันเกรา"

นี่เป็นประโยคแรกๆ ที่ลูกสาวเจอหน้าของแม่ ในยามที่ท้องฟ้าสีส้มอ่อนปรากฏอยู่ทางขอบฟ้าทางทิศตะวันออก

"วันนี้ได้เยอะเลยจ๊ะแม่ หลังจากที่หักค่าซื้อข้าวซื้อของเรียบร้อยแล้วฉันให้แม่สามร้อยเลยก็แล้วกัน"

และนี่ก็เป็นประโยคต่อมาที่กันเกราจะต้องบอกมารดาอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หญิงสาวส่งยิ้มไปให้กับมารดาด้วยความรู้สึกที่หวังอยู่ลึกๆ ว่าวันนี้แม่จะส่งยิ้มละมุนกลับมา หากแต่มันกลับไม่เป็นเป็นเช่นนั้นเพราะแทนที่จะส่งรอยยิ้มกลับมาสายตาของนางกระเพรากลับจิกมองบุตรสาวด้วยสายตาชนิดหนึ่งที่หญิงสาวสาบานเลยว่าไม่เคยเห็นแววตาแบบนี้มาก่อนจากแม่อย่างเด็ดขาด ก่อนที่เสียงสวรรค์จะดังตามมาอีกชุด

"แล้วใครบอกให้เอ็งซื้อของมาเยอะแบบนี้ฮึ แค่ของกินก็พอจะอิ่มปากได้อยู่ แล้วนี่อะไร ผงซักฟอก ยาสีฟัน น้ำยาล้างห้องน้ำ เอ็งจะซื้อมาหาพระแสงทำไมฮึ ของเก่ายังมีอยู่จะซื้อมาให้เปลืองตังส์ไปทำไม นังกันเกรา"

"ฉันจะซื้อมันก็เรื่องของฉัน แม่จะมาเกี่ยวอะไรด้วย หรือว่าแม่จะไม่เอาฉันจะได้เก็บ"

มันเป็นครั้งแรกที่เด็กสาวกล้าที่จะเถียง หากแต่มันกลับสร้างความไม่พอใจให้กับมารดาเป็นอย่างมาก

"หน็อย!! คราวนี้เอ็งกล้าเถียงข้าแล้วหรือ นังกันเกรา นังลูกไม่รักดี"

นางกระเพราชี้หน้าด่ากราด

"ฉันไม่ได้เถียง ที่ฉันบอกมันคือความจริง ของพวกนี้มันจำเป็นอย่างมาก ในยามที่เรามีเงินเราก็ควรซื้อเก็บเอาไว้ แม่ไม่เคยสังเกตหรือไอ้ตอนที่ของหมดทีไร เราไม่มีเงินซื้อสักกะครั้ง"

เด็กสาวพยายามจะแย้งและหาเหตุผลมาอ้าง ขณะที่นางกระเพราผู้เป็นแม่กลับไม่คิดเช่นนั้น ตรงกันข้ามความรู้สึกทั้งหมดของนางกลับพุ่งตรงไปที่เงินในกระเป๋าของบุตรสาวแทน ในเมื่อมันมีเงินที่จะซื้อของ นั่นก็แปลว่ามันมีเงินเก็บมากกว่าที่จะให้นางอย่างแน่นนอน

"ก็ได้ทีเอ็งยังซื้อของพวกนี้ได้ ถ้าอย่างนั้นเอ็งเอาเงินทั้งหมดในกระเป๋ามาให้กูเดี๋ยวนี้เลย"

ว่าแล้วจอมโจรแห่งความโลภก็รีบเข้าไปปล้นเงินจากบุตรสาวในทันที สองมือที่เหนียวแน่นจับตรึงอยู่ที่หูกระเป๋าสะพายของบุตรสาวแล้วกระชากออกมาอย่างรวดเร็ว หากแต่กันเกรากับเยื้อยุดเอาไว้อย่างรวดเร็ว

"ฉันไม่ให้"

"แต่กูจะเอา นังกันเกรา เอามาให้กูเดี๋ยวนี้เลยนะ"

"ฉันไม่ให้ นี่มันเงินที่ฉันหามาได้ แม่อยากได้ก็ออกไปหาเองสิ"

"แต่กูจะเอาของมึง เอามานะนังกันเกรา"

สองแม่ลูกผูกมิตรยังคงกระชากกระเป๋าใบเก่าไปมาอยู่เช่นนั้น เพียงเพราะความโลภของผู้เป็นมารดา จนทำให้แก้วกาญจน์ที่ออกมาเจอเหตุการณ์นั้นพอดีจึงรีบเข้ามาห้ามทัพ

"หยู้ด!! หยุดเลยนะแม่ กันเกรา!"

เสียงของแก้วกาญจน์ทำให้ทั้งสองแม่ลูกที่กำลังเยื้อแย่งกระเป๋าผ้าใบงามของกันเกราอยู่มีอันต้องหยุดชะงักในทันที

"นี่มันอะไรนะแม่ แม่ไปแย่งกระเป๋าของน้องมันทำไม"

หญิงสาวจิกตาปรามมารดาในทันที เมื่อเธอก็พอจะรู้อยู่เลาๆ แล้วว่าเรื่องมันเกิดอะไรขึ้น คงจะเป็นเรื่องเดิมๆ ที่แม่มักจะมาแย่งเงินจากน้องของเธอทุกครั้งที่ออกไปทำงานกลับมา จะเตือนสักเท่าใด จะต่อว่าสักเพียงไรแม่ก็ไม่เคยจะหยุดพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ มีแต่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถหยุดการกระทำของมารดาเอาไว้ได้ชั่วขณะเท่านั้น

"เอ่อ แม่ จะ-จะเอาเงินที่มันอยู่ในนี้ เอ็งเอามานะนังกันเกรา"

เมื่อยากที่จะปกปิดหรือหลีกเลี่ยงได้ นางกระเพราจึงดำเนินเรื่องของตนต่อ

"ฉันไม่ให้ นี่มันเงินของฉันนะแม่"

กันเกราไม่ยอมท่าเดียว แถมยังมือเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแกจึงไม่ยอมปล่อยกระเป๋าของตัวเองไปง่ายๆ

"แต่กูจะเอา เอามานี่นะนังกันเกรา"

"แม่ ปล่อยของน้องเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้ปล่อยไง"

เมื่อเห็นว่าศึกสองนางพญายังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ นางพญาคนที่สามจึงได้เข้าไปเป็นสื่อกลางแล้วช่วยห้ามทัพโดยการขยับตัวเข้าไปขวางแล้วดึงกระเป๋าเจ้าปัญหามาถือเอาไว้ในทันที

"หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ทั้งสองคนเลย"

"เอามาให้แม่นะลูกแก้ว เชื่อแม่นะลูกนะ"

นางกระเพรายื่นมือไปทางบุตรสาวคนโตหวังเพื่อที่จะให้เธอส่งกระเป๋ามาให้กับนาง หากแต่แก้วกาญจน์ กลับบิดยิ้มที่มุมปากแล้วหันไปทางน้องสาวแล้วยื่นกระเป๋าส่งให้

"เก็บเอาไว้ให้ดีนะกันเกรา อย่าให้แม่แย่งไปอีกเด็ดขาด ส่วนแม่ ตามฉันมานี่เลย แล้วไม่ต้องไปแย่งเงินของน้องมันอีกนะ แม่ก็น่าจะรู้อยู่ว่าน้องมันหาเงินยากขนาดไหนกว่าจะได้มาทุกบาททุกสตางค์”

ว่าแล้วหญิงสาวก็จูงมือมารดาให้ตามเข้าไปในห้องของเธอ ก่อนจะหยิบเงินในกระเป๋าของตนส่งให้กับมารดา

“แม่ แก้วขอร้องแม่เถอะนะ แม่อย่าไปเอาเงินของกันเกรามันเลย ถ้าแม่อยากจะได้เงินก็บอกกับแก้วตรงๆ แม่อยากได้เท่าไรก็บอกที่แก้วนี่ แล้วแก้วจะเอาให้ แม่ก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นแม่ของพวกเราแม่น่าจะรู้ว่าน้องมันขยันหาเงินเพื่อที่จะสร้างอนาคตของมันเอง แม่อย่าไปบั่นทอนเงินของกันเกราอีกเลยนะ ถือว่าแก้วขอร้องแม่อีกคนก็แล้วกัน”

“แต่มันจะต้องให้แม่นี่ เพราะแม่คือผู้ให้กำเนิดมัน มันจะต้องหาเงินมาให้กับแม่ได้ใช้บ้าง ไม่ใช่เก็บเงินแล้วให้เอง” นางกระเพราเถียงไปแบบน้ำขุ่นๆ

“ฉันบอกแม่แล้วยังไง เรื่องเงินก็ให้แม่มาเอาที่แก้ว แม่ แล้วแม่ไม่ดีใจหรือที่กันเกรามันจะได้เรียนหนังสือ พอมันเรียนจบน้องมันก็จะได้งานทำ พอมันได้งานทำแล้วมันก็มีเงินมาให้แม่ใช้เหมือนกับฉันนี่ อีกหน่อยถ้าเราสองคนทำงานช่วยกันเลี้ยงแม่ แม่จะได้สบายไง”

หญิงสาวพยายามจะอธิบายให้ผู้เป็นมารดาเข้าใจได้มากที่สุด ที่มารดาของเธอทำแบบนี้มันก็เท่ากับตัดโอกาสของกันเกราที่จะได้สร้างอนาคตของตัวเอง

“มันจะเรียนไปทำไมให้เปลืองเงินเปลืองทอง แก้วก็รู้ว่านังกันเกรามันโง่ขนาดไหน มันจะเอาดีอย่างลูกไม่ได้หรอก”

“แม่ไม่เคยเปิดโอกาสให้กับมันต่างหาก แม่ถึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วน้องมันเป็นยังไง แก้วว่าแม่ลองถอยมาสักก้าวดูสิ เปิดโอกาสให้น้องมันได้เรียนหนังสือ เพื่อความสบายของแม่ในอนาคตไงจ๊ะ”

หญิงสาวทิ้งปมคำถามให้ผู้เป็นมารดาได้คิด ขณะที่นางกระเพราะได้แต่นิ่งเงียบ เริ่มจะโลเลกับคำของบุตรสาว หญิงกลางคนคิดฝันไปถึงวันสบายในอนาคตของตนเอง แล้วภาพของนางในสภาพของคุณนาย รอบข้างมีแต่ข้าทาสบริวารให้คอยจิกหัวใช้ก็ลอยเข้ามาสู่ในห้วงมโนนึกของนางกระเพราให้ต้องเพ้อฝันอยู่เช่นนั้น

“ก็ได้ แม่จะลองเชื่อลูกแก้วดูสักครั้ง”

นางเอ่ยออกมาในที่สุด ก่อนจะรีบไปคว้าเงินในมือของบุตรสาวมาถือเอาไว้แล้วรีบออกไปจากห้องนั้นในที่สุด ขณะที่แก้วกาญจน์ได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา คำพูดของเธอจะเปลี่ยนแปลงมารดาได้มากแค่ไหนคงจะต้องคอยดูกันต่อไป
TTTTTT
หลังจากที่ได้พูดกับมารดาจนเข้าใจแล้ว แก้วกาญจน์ก็ได้เดินมาหาน้องสาวที่กำลังร้อยพวงมาลัยอยู่หลังบ้าน ถึงแม้จะมีนิสัยไปในทางกระโตกกระตากเหมือนกับเด็กผู้ชาย หากแต่กันเกรากลับเป็นอีกคนหนึ่งที่ร้อยพวงมาลัยได้สวยงามไม่แพ้ใครเหมือนกัน ความอ่อนหวานที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นถูกความเข้มแข็งและสู้ชีวิตปิดบังเอาไว้จนใครก็ดูไม่ออกว่าบางครั้งหัวใจของเด็กสาวก็อ่อนแอได้เหมือนกัน

“พักบ้างก็ได้นะกันเกรา พี่เห็นเธอทำแบบนี้ทุกวันไม่เบื่อเลยหรือไง”

เสียงหวานจากผู้เป็นพี่สาวหยุดมือที่กำลังหยิบดอกไม้มาสอดกับเข็มของกัญจนาหยุดลง และหันมาทางต้นเสียงด้วยรอยยิ้มจางๆ

“ไม่เบื่อหรอกจ๊ะพี่ กันเกราจะเข้ามหา’ลัย แล้วก็ต้องขยันเก็บเงินเข้าไว้สิจ๊ะ”

“ขยันน่ะ เราก็ควรทำอยู่แล้ว แต่พี่อยากจะให้เราพักบ้าง ดูสิ ทำแต่งานผอมไปมากเลยนะไม่น่าดูเลย”

ว่าแล้วผู้เป็นพี่สาวก็เอื้อมมือไปจับข้อมือบางของเด็กสาวแล้วยึดเอาพวงมาลัยจากมือนั้นมาวางเอาไว้ตรงหน้าเป็นการปรามไม่ให้กัญจนาทำสิ่งนั้นอีก

“แต่กันเกราจะต้องรีบหาเงินให้ครบก่อนวันละทะเบียนนะพี่แก้ว”

“ไม่ต้องกลัว ถ้าไม่ครบพี่จะช่วยจ่ายให้เอง”

“แต่แม่”

เด็กสาวยังมีท่าทีทีลังเลเพราะยังมีแม่ของเธออีกที่จะตามมารังครวญเรื่องเงินส่วนแบ่งจากการทำงานของเธอ

“แม่เข้าใจแล้วล่ะกันเกรา พี่อธิบายให้แม่ฟังทุกอย่างแล้ว ต่อแต่นี้เป็นต้นไปแม่จะไม่มารบกวนเรื่องเงินของกันเกราอีก เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เราได้มาก็จงเก็บเอาไว้ให้ดีเพื่อความฝันของเธอจะเป็นจริง”

“จริงหรือจ๊ะพี่แก้ว”

กัญจนายังไม่แน่ใจกับสิ่งที่พี่สาวพูด เธอรู้นิสัยของแม่ดี วันใดที่นางต้องการเงินจากเธอ ต่อให้มีช้างตัวใหญ่มาขวางอยู่ตรงหน้า นางกระเพราะก็ต้องเอาเงินจากเธอให้ได้

“ใช่จ๊ะ อ้อ ถ้าอย่างนั้นตามพี่มานี่เลย พี่มีอะไรจะให้”

แก้วกาญจน์จูงมือน้องสาวให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามเธอตรงไปที่ห้องของน้องสาว

“พี่แก้วจะให้อะไรกันเกราหรือจ๊ะ” เด็กสาวถามด้วยสีหน้าสงสัย

หากแต่เธอก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากพี่สาวอยู่ดี ต่อเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องของเธอแล้วแก้วกาญจน์จึงได้หันมาทางน้องสาวด้วยรอยยิ้มแจ่มใส

“ไหนตอนนี้เราเก็บเงินได้เท่าไรแล้ว เอาออกมาให้พี่ดูหน่อยสิจ๊ะ”

แก้วกาญจน์มองน้องสาวด้วยใบหน้ายิ้มๆ ขณะที่กันเกราได้แต่เอียงหน้ามองผู้เป็นพี่สาวอย่างแปลกใจ เรียวปากสวยค่อยๆ แย้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะหันไปทางที่นอนของตนแล้วล้วงมือไปที่ใต้หมอนเอาถุงเงินที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้นออกมา เด็กสาวจัดการนับเงินในนั้นก่อนจะล้วงเอาเงินที่ได้จากการทำงานของวันนี้มารวมเข้ากับเงินที่มีอยู่มันก็มากโขเหมือนกันสำหรับคนจนๆ อย่างเธอ

“รวมกับของวันนี้แล้วก็ได้หนึ่งหมื่นห้าพันบาทพอดีจ๊ะพี่ เหลืออีกไม่กี่พันก็จะครบแล้ว” เธอบอกด้วยสีหน้าที่สดใสยามที่ได้เห็นเงินอยู่ในมือ

“เพราะความอดทนและความขยันของกันเกราแท้ๆ ที่ทำให้เก็บเงินได้มากขนาดนี้”

ผู้เป็นพี่เอ่ยชื่นชมน้องสาวอย่างจริงใจ ขณะที่อีกฝ่ายก็ได้แต่อมยิ้มกับผลงานของตนที่นับวันมันก็ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว

“เพราะฉันมีความฝันยังไงจ๊ะพี่แก้ว กันเกราฝันอยากจะได้ทำงานเหมือนอย่างพี่แก้ว และมีการงานที่มั่นคงเพื่อที่จะได้เลี้ยงแม่กับพี่ไปตลอดชีวิตและครอบครัวของเราจะได้อยู่อย่างมีความสุขยังไงล่ะจ๊ะ”

สิ่งที่เด็กสาวเอ่ยออกมานั้นถึงแม้มันจะเป็นเรื่องเพ้อฝันของเด็กคนหนึ่ง หากแต่มันจะผิดอะไรเมื่อเธอฝันแล้วก็ทำจริง ไม่วันใดก็วันหนึ่งฝันนั้นก็คงจะเป็นจริงขึ้นมาสักทีหนึ่ง

“พี่ดีใจที่กันเกราคิดแบบนั้น”

แก้วกาญจน์พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มไม่แพ้กับน้องสาว ก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อของตนหยิบสิ่งหนึ่งออกมาส่งยื่นออกมาตรงหน้า

“เป็นของคุณภาวสุทธิ์นะ พอเขาทราบเรื่องของกันเกราที่กำลังเก็บเงินเพื่อจะเรียนต่อ เขาจึงช่วยสนับสนุนอีกคน คุณภาวสุทธิ์เขาชอบคนที่สู้ชีวิตเหมือนน้องสาวของพี่ เขาจึงยินดีช่วยอย่างเต็มที่เลย”

ผู้เป็นพี่สาวยื่นธนบัตรใบสีม่วงออกไปตรงหน้า หากแต่กันเกรากลับยังลังเลที่จะรับ ถึงแม้ภายในหัวใจของเธอจะดีใจขนาดไหนก็ตาม

“สนับสนุน” หรือ “ดีใจ” หรือ เขาคิดแค่นั้นจริงๆ หรือ ประกายตาคู่สวยฉายแววผิดหวังออกมาทางสายตา หากแต่เธอก็สามารถที่จะข่มความรู้สึกเหล่านั้นลงไปได้อย่างเจ็บปวด

“เอ่อ กันเกรา”

“อย่าปฏิเสธน้ำใจของเขาเลยนะกันเกรา พี่รู้ว่าคุณภาวสุทธิ์เอ็นดูเธอขนาดไหน ขนาดแค่รู้ถึงความตั้งใจของน้องสาวของพี่ เขาก็ยังออกปากช่วยในทันที รับไปเถอะนะกันเกรา”

แก้วกาญจน์ว่าแล้วก็รีบยัดเงินใส่ในอุ้งมือของน้องสาวในทันที พร้อมกับพูดปรามตามหน้าที่

“ห้ามปฏิเสธ ห้ามเอาคืนเด็ดขาด นี่คือคำสั่ง”

“เอ่อ”

เด็กสาวถึงกับพูดไม่ออก ถึงแม้เธอจะรู้สึกดีใจมากเพียงไรแต่เธอก็ยังนึกน้อยใจเขาเมื่อคำพูดคำหนึ่งที่พี่สาวของเธอเพิ่งพูดผ่านไป เขาเอ็นดูเธอนะ คุณภาวสุทธิ์เขาคิดกับเธอแค่คำว่า “เอ็นดูสงสาร” แค่นี้จริงๆ หรือ ในชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันที่จะเปลี่ยนจากคำว่า “เอ็นดู” มาเป็น “ความรัก” เลยหรือยังไง

คิดไปก็เสียความรู้สึกไปเท่านั้น เด็กสาวจึงได้แต่ปั้นหน้าฝืนยิ้มออกมาในที่สุด

“ถ้าอย่างนั้นกันเกราฝากพี่แก้วขอบคุณ คุณภาวสุทธิ์ด้วยนะจ๊ะที่กรุณาให้เงินช่วยเหลือฉัน”

ถึงคำพูดจะค่อนไปทางดีใจ หากแต่ในแววตาคู่นั้นกลับเศร้าเสียใจ ยากนักที่ใครจะล่วงรู้ความรู้สึกในตอนนี้ของเธอได้ ในเวลานี้เธอคิดก้าวล้ำกับคนที่เป็นคนรักของพี่สาวไปมากแค่ไหนแล้วก็สุดจะรู้ได้

“ไม่ต้องฝากคำขอบคุณไปให้เขาหรอกกันเกรา เพราะวันนี้เขาจะมาที่บ้านของเรา”

“มาบ้านเรา วันนี้”

คำตอบจากพี่สาวทำให้กันเกราถึงกับตกใจ เขามาทำไม เขาจะมาด้วยเรื่องอะไร เมื่อไม่อยากที่จะให้ความสงสัยก่อเกิดขึ้นกับหัวใจดวงน้อยไปมากกว่านี้ กันเกราจึงรีบเอ่ยถามพี่สาวในทันที

“เขาจะมาทำไมล่ะจ๊ะพี่”

“คุณภาวสุทธิ์ จะมาคุยกับแม่เรื่องงานแต่งของพี่กับเขาจ๊ะ”

น้ำเสียงที่พูดขึ้นของผู้เป็นพี่สาวเต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกดีใจอย่างล้นเหลือ หากแต่มันกลับตรงข้ามกับผู้เป็นน้องสาวอย่างสิ้นเชิง

กรอบหน้าสวยน่ารักซีดเผือดเมื่อได้ยินคำนั้นชัดเจนทั้งสองหูกับผู้เป็นพี่สาว

“แต่งงาน!!”

ถึงแม้จะเจ็บปวดเพียงไร แต่เธอก็ยังที่จะสามารถข่มมันลงได้ในที่สุด และเปลี่ยนเป็นคำถามที่ถามขึ้นอย่างตกใจ

“ใช่จ๊ะ เขาขอพี่แต่งงาน และในวันนี้เขาก็จะมาคุยเรื่องนี้กับแม่ พี่ว่าเราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้กันเลยนะ กันเกราเก็บเงินพวกนี้เอาไว้ก่อนเถอะเดี๋ยวจะหาย”

“ไม่หายหรอกพี่แก้ว เงินมันอยู่ในห้องของฉัน ใครมันจะเอาไปได้”

เด็กสาวว่าเสร็จก็โน้มตัวลงไปนอนราบกับพื้นที่นอนแล้วรีบซุกซ่อนเงินเอาไว้ที่เดิม โดยที่ทั้งสองพี่น้องไม่รู้เลยว่าข้างนอกห้องมีร่างของนางกระเพรายืนแอบดูอยู่ แววตาทั้งสองข้างวาวโรจน์เมื่อนางเห็นเงินในมือของบุตรสาวคนเล็กที่หายเข้าไปใต้ที่นอน
TTTTTTTTTTTTTTTTTT

เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที แก้วกาญจน์ก็พาชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ กรอบหน้าสวยหันมามองเขาอีกครั้งเหมือนจะถามและชั่งใจ หากแต่ชายหนุ่มกลับคลี่ยิ้มรับไม่บอกความรู้สึกที่รังเกียจเลยสักน้อยนิด

“ได้โปรดเชื่อใจผมเถอะครับแก้วกาญจน์ ผมสัญญาว่าผมจะไม่มีวันที่จะทำให้คุณเสียใจ เข้าไปกันเถอะครับ”

เสียงยืนยันจากเขาทำให้จิตใจของหญิงสาวชุ่มชื่นได้อีกครั้ง เธอพยักหน้าตอบรับกับคำบอกเล่าของเขาแล้วเดินนำชายหนุ่มเข้าไปในบ้านหลังน้อยของเธอ ซึ่งในเวลานี้มีนางกระเพราผู้เป็นมารดาของเธอนั่งรออยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และเมื่อเห็นชายหนุ่มแล้วหญิงกลางคนก็ไม่วายลุกขึ้นแล้วรีบรี่ตรงเข้าไปจับแขนของเขาเป็นการใหญ่

“สวัสดีค่ะคุณภาวสุทธิ์ แหมๆ หล่อจังนะคะ มาสิจ๊ะ มาค่ะ มานั่งก่อนนะจ๊ะ”

ว่าที่แม่ยายลากแขนของชายหนุ่มให้นั่งลงตรงเก้าอี้ที่นางได้เตรียมเอาไว้ จนแก้วกาญจน์ต้องปรามมารดาเบาๆ เป็นการเตือนสตินางว่าสิ่งที่ผู้เป็นแม่กำลังทำอยู่นั้นมันกำลังจะเป็นการเสียมารยาท นิสัยแบบนี้คนรวยอย่างคุณภาวสุทธิ์เขาไม่ทำกันหรอกนะแม่

“แม่”

หากแต่ผู้เป็นมารดากลับไม่รู้สึกตัวแถมยังทำหน้าระรื่นชื่นสุขเต็มทีกับการกระทำของตน

“ทานน้ำทานท่าก่อนนะคะคุณ เพิ่งเดินทางมาถึงคงเหนื่อย”

ว่าแล้วคุณหล่อนก็ได้เลื่อนแก้วน้ำไปให้กับชายหนุ่มพร้อมกับคะยั้นคะยอให้เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่มตามที่นางต้องการ

“แม่ เกรงใจคุณภาวสุทธิ์บ้างสิจ๊ะ”

แก้วกาญจน์เอ็ดขึ้นเบาๆ เป็นเชิงปราม หากแต่ภาวสุทธิ์ กลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา เขารับน้ำจากนางกระเพรามาดื่มก่อนจะส่งยิ้มให้กับหญิงสาว

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณแก้ว ขอบคุณนะครับคุณแม่”

“คุณแม่!!”

นางกระเพราตะลึงทำตาโตที่ชายหนุ่มใช้คำว่า “แม่” แทนการเรียกหล่อนในคำพูดประโยคนั้นของเขา

“อ้อ ยินดีจ๊ะ แม่ยินดีมากๆ เลยจ๊ะ คุณภาวสุทธิ์ คุณทานอะไรมาหรือยังคะเดี๋ยวแม่จะเข้าครัวไปทำอาหารมาเลี้ยง เอ้ย มาต้อนรับคุณค่ะ”

“ขอบคุณครับคุณแม่ พอดีก่อนมานี้ผมทานข้าวมาแล้วล่ะครับ เอาไว้เป็นโอกาสหน้าดีกว่านะครับรับรองว่าผมจะเอาท้องมาฝากกับรสอาหารของคุณแม่แน่นอน ที่ผมมาในวันนี้ก็เพื่อจะมาคุยกับคุณแม่เรื่องงานแต่งงานของผมกับแก้วกาญจน์ ผมจะขอแก้วจากคุณแม่ คุณแม่ว่าจะว่ายังไงบ้างครับ”

“แต่งงาน!!!”

ถึงจะทราบเรื่องนี้มาพอเลาๆ แล้ว หากแต่คำที่ได้ยินจากปากของชายหนุ่มมันกลับเซอร์ไพรส์กับเธอเป็นที่สุด

“ใช่ครับคุณแม่ ผมรักแก้วกาญจน์ และในวันนี้ที่มิผมจะขอเธอจากคุณแม่เพื่อที่จะมาเป็นสะใภ้ของตระกูลรุจยาวัฒนา ไม่ทราบว่าเรื่องนี้คุณแม่จะว่ายังไงครับ”

เสียงคำยืนยันจากชายหนุ่มทำให้ร่างที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ กับมารดายิ่งรู้สึกเขินอายกับคำพูดของเขา หัวใจสาวเต้นรัวแรง ขณะที่ดวงตาของนางกระเพราเบิกโตเท่าไข่ห่าน ใครก็ได้บอกทีว่านางได้ยินไม่ผิดลูกสาวของนางกำลังจะได้ไปเป็นสะใภ้ของตระกูลนักธุรกิจชื่อดัง แก้วกาญจน์กำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา และนางก็กำลังจะมีลูกเขยเป็นมหาเศรษฐีระดับประเทศ

“ว่ายังไงครับคุณแม่ ผมรักแก้วกาญจน์ คุณแม่อนุญาตให้ผมแต่งงานกับเธอเถอะนะครับ”

ขณะที่พูดสายตาของเขาก็ยังเลื่อนไปจับจ้องที่วงหน้าสวยของหญิงสาวที่แดงระเรื่อรอฟังคำตอบจากมารดาไปพร้อมๆ กับเขา

เขารักแก้วกาญจน์ ความรู้สึกนี้จึงทำให้ชายหนุมกล้าที่จะเข้ามาพูดกับมารดาของเธอ

“คุณแม่ครับ”

นางกระเพรายังนิ่งอึ้งกับความรู้สึกที่มันหมุนวนอยู่ภายในใจ ทั้งดีใจ ทั้งสุขล้น โอ้โฮ ใครมันจะโชคดีเท่ากับนางกระเพราไม่มีอีกแล้ว เศรษฐีระดับพันล้านกำลังอ้อนวอนขอลูกสาวของนางอยู่ตรงหน้า นางจะหาคำตอบใดดีนะที่มันอ่อนหวานและสุภาพให้กับเขาได้พอใจ แววตาของหญิงกลางคนส่อแววแห่งความดีใจอันมากล้น ภายในใจก็ภาวนาแต่คำว่าลูกเขย ลูกเขย แล้วก็ลูกเขย

“แม่จ๊ะ แม่”

“เอ่อ วะ ว่าอะไรนะลูกแก้ว คุณภาวสุทธิ์”

นางกระเพราหลุดออกจากห้วงแห่งความดีใจเมื่อบุตรสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ สะกิดเรียก

“ผมจะขอแก้วกาญจน์แต่งงาน คุณแม่จะอนุญาตให้ผมได้แต่งงานกับเธอไหมครับ”

เป็นอีกครั้งที่ภาวสุทธิ์เน้นคำพูดเสียงหนักแน่น ถึงแม้จะให้พูดเป็นร้อยครั้งแต่เขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนคำพูดนี้เด็ดขาด

“จ๊ะ เอาไปเลย แม่อนุญาต ถ้าลูกสองคนรักกันก็ต้องทำจริงให้แม่เห็น คุณภาวสุทธิ์แม่ดีใจเหลือเกินที่คุณไม่คิดรังเกียจพวกเรา และได้คุณมาเป็นลูกเขย แต่แม่ขอถามคุณสักข้อหนึ่งเถอะว่าคุณจะยอมรับสถานะครอบครัวของแม่ในเวลานี้หรือไม่ ถ้าคุณรับได้ เรื่องทั้งหมดแม่จะไม่ว่า ขอแค่คุณทำตามประเพณีเท่านี้แม่ก็ดีใจแล้ว”

ถึงจะยอมรับแต่สัญชาติญาณของความเป็นแม่ก็ยังมีอยู่ในหัวใจดวงน้อยๆ ของนางกระเพรา ถึงจะดีใจขนาดไหน หากแต่ความเป็นห่วงบุตรสาวก็มีมากเหมือนกัน นางกลัวว่าชีวิตคู่ของบุตรสาวจะไปแบบไม่เรียบง่ายเมื่อชีวิตการแต่งงานผ่านพ้นไปแล้ว คำพูดของเขาจะเปลี่ยนไป จนก่อเกิดเป็นปัญหาของครอบครัว ผลสุดท้ายครอบครัวก็แตกแยก ชีวิตคู่ก็ไม่มีความสุขอีกต่อไป

ทางด้านของภาวสุทธิ์ ชายหนุ่มได้เตรียมคำพูดที่จะตอบคำถามเหล่านี้เอาไว้แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา ภายในหัวใจของเขาคิดเช่นไร บัดนี้เขาก็ยังคิดกับเธอเช่นนั้น ความรักที่มอบให้กับเธอมันเปี่ยมล้นไม่มีที่สิ้นสุด ชายหนุ่มสัญญาว่าจะไม่มีสิ่งไหนที่จะเปลี่ยนแปลงความรักของเขาและเธอไปได้เลย

จะวันนี้หรือวันไหนๆ เขาจะไม่มีวันหมดรักในตัวของแก้วกาญจน์

“ครับคุณแม่ ผมได้ยอมรับมันตั้งแต่ที่ผมได้พบกับแก้วกาญจน์แล้วครับ ผมขอสัญญากับคุณแม่ตรงนี้เลยว่าผมจะไม่มีวันคิดนอกใจแก้วกาญจน์ และจะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจเด็ดขาด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรผมจะไม่มีวันหมดรักเธอครับ ผมสัญญา”
TTTTTTTTTTTTTTT
ขณะที่ทั้งสามชีวิตกำลังสนทนากันอย่างมีความสุขอยู่กับเรื่องที่น่ายินดีนั้น ใครจะไปรู้ได้ว่ายังมีอีกชีวิตหนึ่งที่บัดนี้ “หัวใจ” กำลังแหลกสลายไปกับความเจ็บปวดที่มันโหมกระหน่ำเข้ามาหาเธออย่างไม่ปราณีสักน้อยนิด

ตรงประตูไม้บานเก่าที่ห้องของกันเกรา บัดนี้ตรงนั้นเปิดแง้มออกมาเพียงน้อยนิดเพื่อที่จะให้ดวงตากลมโตคู่สวยได้มองเห็นสิ่งที่เธออยากรู้ตรงหน้าอย่างชัดเจน ภายในดวงตาคู่นั้นกลับเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่ค่อยๆ ล้นออกมาแล้วไหลลงสู่เบื้องต่ำ เธอไม่รู้เลยว่าบัดนี้ตนเองกำลังคิดทำอะไรอยู่กันแน่ ดีใจ หรือว่าเจ็บปวดทุรนทุราย

กันเกรา เวลานี้เธอเป็นอะไร จะยืนฟังให้หัวใจของเธอเจ็บปวดไปมากกว่านี้หรือยังไง เธอจะถลำลึกไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ หลบเข้าไปสิ อย่ามอง อย่าฟังเสียงเหล่านั้นของพวกเขา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้เธอเจ็บปวดมากในขณะนี้ เธออย่าหลงระเริงไปกับมันอีกเลย

เสียงหนึ่งจากส่วนลึกของหัวใจที่เจ็บปวดเอ่ยเตือนด้วยความอ่อนล้าเต็มที หากแต่มันกลับไม่มีประโยชน์อะไรในเวลานี้แล้วเพราะบัดนี้เรี่ยวแรงที่มีอยู่กลับหมดไปอย่างน่าใจหาย แรงที่จะหันหลังให้กับภาพเหล่านั้นกลับไม่มี ในเวลานี้ร่างกายของเธอทุดสัดส่วนเหมือนถูกตรึงให้ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเพื่อที่จะยอมรับกับความเจ็บปวดให้มากที่สุด

เนิ่นนาน สติที่มันหลุดลอยไปไกลหลายร้อยกิโล ก็ได้หวนกลับมาสู่ร่างอันบอบบางนั้นอีกครั้ง เด็กสาวก้มลงมองตัวเองพร้อมกับนึกต่อว่าตัวเองอยู่ในใจ เธอกำลังเป็นอะไรอยู่กันแน่กันเกรา เธอจะอ่อนแอกับเรื่องพวกนี้ไปทำไมกัน

ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจหันหลังให้กับภาพเหล่านั้นจนได้ เธอค่อยๆ เอื้อมมือบางที่สั่นเทาไปผลักประตูปิดอย่างแผ่วเบาก่อนจะทรุดตัวลงนั่งลงตรงนั้น สองเข่าตั้งชันขึ้นเพื่อคอยรับกับกรอบหน้างามที่ค่อยๆ ก้มลงซบเพื่อจะซับหยาดน้ำตาที่มันยังไหลเอ่อออกมาไม่หยุด หากแต่มันกลับไม่เป็นผลเมื่อบัดนี้ภายในหัวใจของเธอมันกำลังมีใบหน้าของเขาลอยวนเข้ามากวนใจอยู่ตลอดเวลา

“ความรัก” มันเจ็บปวดเช่นนี้เลยหรือ เธอก็เพิ่งจะรู้การที่เรารักเขาเพียงข้างเดียวมันจะสามารถที่จะทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอเจ็บปวดได้มากขนาดนี้เลยหรือยังไง ถ้ารู้แบบนี้ เธอจะเลือกไม่ขอรักใครเลยจะดีกว่า แต่มันจะทำยังไงได้ก็บัดนี้หัวใจของเธอมีเขาไปนั่งอยู่ในนั้นตั้งนานแล้ว

กันเกรา เธอจะทำยังไงดีกับหัวใจที่เจ็บปวดดวงนี้

ดวงตาคู่สวยฉายวูบซึ่งความเจ็บปวดที่ยากจะยอมรับได้ แค่การที่เธอจะรักใครสักคนทำไมมันถึงได้มีอุปสรรคมากมายถึงเพียงนี้ จะรักใครสักคนเขาคนนั้นกลับมีคนรักไปเสียแล้ว

แก้วกาญจน์เป็นทั้งพี่สาวและเพื่อนในยามที่เธอท้อแท้ เธอคิดที่จะหักหลังพี่สาวที่รักเธอมากเลยหรือยังไง แค่ความคิดที่จะ “ริษยา” และ “อิจฉา” ที่มีอยู่ภายในหัวใจของเธอมันก็เป็นความคิดที่ทุเรศสิ้นดีอยู่แล้ว คนอย่างเธอไม่น่าที่จะมีความคิดแบบนี้อยู่ในใจเสียด้วยซ้ำ เธอควรจะดีใจสิที่พี่สาวของตัวเองจะมีคนดีอย่างภาวสุทธิ์มาคอยดูแล เธอควรจะดีใจไม่ใช่หรือที่ชีวิตคู่ของพี่สาวของตัวเองไปได้แบบราบรื่นเพราะความรักของพวกเขาที่มอบให้แก่กัน

ร่างบางค่อยๆ ทอดตัวลงนอนกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง กี่ครั้งแล้วที่ความเจ็บปวดมันได้จู่โจมหัวใจของเธอ กี่ครั้งแล้วที่เธอจะต้องทนกับภาพที่มันเจ็บปวดอยู่แบบนี้ หรือว่าความเจ็บปวดแบบนี้มันจะอยู่ในหัวใจของเธอตลอดไป



พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 เม.ย. 2554, 19:19:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 เม.ย. 2554, 19:23:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1712





<< ตอนที่ 2 หัวใจ...อีกดวง   ตอนที่ 4 แรกพบเจอ ตอนที่ 5 ฝันสลาย >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account