A castle wall *กำแพงรัก*
ถ้าความรักคือเรื่องของคนสองคน ต้องมนต์ คงไม่นับรวมอยู่ในนั้นเป็นแน่ เพราะการแอบรักคนที่ไม่มีวันเป็นไปได้อย่าง ปัถย์ มันก็เหมือนยืนบนพื้นดินแล้วแหงนคอมองคนบนหอคอย อย่างไรอย่างนั้น...แต่ก็ไม่รู้ทำไม เสียงข้างในจิตใจก็ร่ำร้องถึงเค้าอยู่ร่ำไปสิน่า..
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 11 : ตัวละครลับ

หลังจากวันนั้นที่ฉันโดนคุกคามจากคุณปัถย์เพียง 3 วัน ทางบ้านคุณปัถย์ก็นัดพบครอบครัวของฉันเพื่อพูดคุยเจรจาพิธีแต่งงานของเราทั้งสอง และตกลงรายละเอียดเรื่องฤกษ์งามยามดี...หลายวันที่ผ่านมาฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะคุณปัถย์จ้องฉันทุกฝีก้าว ตามล้างตามผลาญประดุจเจ้าหนี้นอกระบบ เพราะฉะนั้นการที่ฉันจะลอบไปวางแผนอีกครั้งนั้น เป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก คุณปัถย์ทิ้งท้ายกับฉันไว้เสมอว่า

“อย่าคิดจะวางแผนอะไรอีก...เพราะพี่บอกแล้วว่า พี่จะไม่มีวันเลือกใครนอกจากแป๋ม”



ฟังแล้วน่าขนลุกยิ่งนัก นี่ถ้าเค้ารู้ความจริงว่า ฉัน คุณเต้ และ ขิง ร่วมวางแผนด้วยกัน ฉันคงแหลกละเอียดเป็นแน่ (บรื่ออออออ....)



แม่ฉันนำดวงของเราทั้งสองคนไปให้หมอดูที่ท่านนับถือ ท่านบอกว่า เราสองคนเป็นคู่สร้างคู่สมกันตั้งแต่ชาติปางก่อน เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก(ฉันฟังแม่เล่ามาอีกที) บอกว่าถ้าจะให้ดีเราต้องแต่งงานกันเดือนมีนาคมเท่านั้น ท่านให้เหตุผลว่าเป็นอภิมหาฤกษ์ที่ดีที่สุดของเราทั้งสอง(ขนาดนั้นเลยเหรอ)...แต่กลายเป็นว่าบ้านคุณปัถย์อยากได้เร็วกว่านั้น ท่านบอกว่าทุกเดือนดีทั้งนั้นไม่จำเป็นต้องรอนานแบบที่ท่านหมอดูว่า แล้วอีกอย่างท่านบอกว่ากลัวฉันจะท้องโย้เดินหราในงานแต่ง(ว่าเข้าไปนั่น)



ตอนนี้คนที่รับทุกข์ที่สุดคงเป็นฉัน เพราะพ่อกับแม่คาดโทษข้อหาเป็นเด็กสาวใจแตกที่ริอาจเสียตัวก่อนวันเข้าพิธี ทั้งที่ฉันพยายามอธิบายจนปากจะฉีกแต่ท่านทั้งสองก็ไม่สนใจจะฟังอะไรจากฉันทั้งสิ้น(ท่านคงรับข้อมูลมาอย่างละเอียดจากคุณท่านทั้งสอง รวมถึงเรื่องที่เราหายไปบนห้องด้วยกัน...เยี่ยมที่สุด)


กลายเป็นว่าสุดท้ายแล้วงานแต่งงานของเราเลยมีขึ้นในเดือนธันวาคม เพราะผู้ใหญ่ให้เหตุผลว่า “แค่ ห้าเดือนเอง ท้องสาวไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นหรอก” (ไปกันใหญ่เลยล่ะ...งานนี้)


ฉันไม่สามารถทนบรรยากาศกดดันภายในบ้านได้ เพราะพ่อกับแม่ต่างปฏิบัติกับฉันเหมือนเป็นส่วนเกินของบ้าน ฉันคิดว่าสิ่งที่ทำให้ท่านไม่พอใจ น่าจะมาจากเรื่องที่ฉันไม่ยอมบอกความจริงว่า กำลังตั้งครรภ์ทายาท ปิลันธบุตร เป็นแน่ (ก็คนมันไม่ได้ท้องนี่น่า)



“พี่ปัถย์ค่ะ...แป๋มไม่ไหวแล้วนะ” ทันทีที่ปลายสายตอบรับฉันเลยหมดความอดทน -ขึ้นเสียงอย่างสุดขีด





“ตอนนี้เลยเหรอ” ตอนนี้...ตอนนี้อะไรอ่ะ





“ตอนนี้อะไรของพี่ปัถย์”





“ก็แป๋มบอกว่าไม่ไหว...แต่พี่ทำงานอยู่ ทั้งที่จริงพี่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน” ไม่ไหวเหมือนกัน...แกร้ายมากกกกกกกกกกกกกกกก ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องใต้สะดือนั่น





“พี่ปัถย์!!!!!!!!”





“ฮ่า.....แป๋มนี่ไม่ทันคนจริงจริงนะ” ฉันทันทุกคนยกเว้นแกย่ะ





“ตกลงโทรหาพี่มีอะไร”





“พ่อกับแม่ไม่คุยกับแป๋มมาสามวันล่ะนะ เพราะเค้าฟังเรื่องที่แป๋มท้อง....ที่พี่ปัถย์ไปบอกคุณปราชญ์และคุณหญิงป้าในวันนั้นอ่ะ”





“ไม่ใช่เพราะพี่....เพราะแป๋มไม่ทำตามกติกาที่พี่บอก” ฉันไปเป็นผู้เล่นฝ่ายแกตั้งแต่เมื่อไร





“ก็แป๋ม............”





“เพราะฉะนั้น ทางที่ดีตอนนี้พี่ว่าเรามาแก้ปัญหากันดีกว่า” ฉันหูผึ่งทันทีที่คุณปัถย์พูดจบ



“ผลิตลูกกัน” กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด..........แกพูดอะไรออกมา!!!!!!





“พี่ปัถย์....แป๋มไม่คุยด้วยแล้ว” ฉันตัดสายทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ผู้ชายคนนี้ในหัวคิดอะไรอยู่กันแน่ วันวันจะคิดแต่เรื่องนั้นอย่างเดียวใช่ไหม ให้มันได้อย่างนี้เส่! สุดท้ายฉันเลยต้องทนรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อต่อไป...อย่าให้ถึงทีต้องมนต์บ้างนะ



บ้านของเราทั้งคู่นัดพูดคุยกันอีกครั้งในอาทิตย์ถัดมาแต่กลายเป็นว่า งานนี้ไม่มีคุณปัถย์ เพราะเค้าต้องไปดูงานที่ประเทศจีนเป็นเวลาหนึ่งเดือน ฉันเลยมีหน้าที่รับหน้าทุกเรื่องอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยความที่งานแต่งงานของเราค่อนข้างฉุกละหุก เพราะฉะนั้นเรือนหอของเราทั้งคู่เลยต้องเป็นที่บ้านปิลันธบุตรไปก่อน แต่คุณปราชญ์กลับบอกว่า ก็ให้ที่นี่เป็นเรือนหอไปเลย เพราะท่านอยากจะเห็นหลานวิ่งในพื้นที่บ้านเต็มทีแล้ว(ความฝันลมลมแล้งแล้งของคนแก่) เรื่องสินสอดทองหมั้นแม้ฉันบอกว่า ไม่อยากเรียกร้องอะไรมาก เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี ท่านขอแค่ว่าให้เลี้ยงดูฉันนั่นก็เพียงพอ(มักน้อยจริงจริง)





ในบ่ายของวันหนึ่งกลางสัปดาห์ที่สองหลังจากที่พี่ปัถย์ไปดูงาน ฉันได้รับข้อความภาพจากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ส่งรูปของคุณปัถย์กับผู้หญิงอีกคนนึงซึ่งฉันเห็นหน้าไม่ชัด เพราะภาพเหมือนถ่ายมาจากที่ไกล กำลังนั่งทานข้าวด้วยกันอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ฉันไม่คุ้นตา แม้ฉันจะพยายามกดโทรศัพท์กลับไปยังเบอร์ที่ส่งมา กลายเป็นว่า ไม่มีหมายเลขนี้เปิดให้บริการ อารมณ์หึงหวงของฉันพุ่งพล่านอย่างทันควัน แต่คนอย่างฉันน่ะเหรอจะทำอะไรได้ นอกจากแจ้นไปฟ้องศิราณีหนึ่งเดียวที่มี(งานการไม่สนอะไรอีกแล้ว) ดีที่ขิงลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์ ฉันเลยสามารถไปมาหาสู่กับมันได้อย่างสบายใจ



“ขิง....แกดูรูปสิ” ทันทีที่ได้รับรูปฉันก็รีบมาหาขิงที่บ้านทันที ของแบบนี้ฉันต้องการที่ระบาย





“เฮ้ย..เป็นไปได้ไง นี่คุณปัถย์มีเด็กที่จีนอีกเหรอว่ะ”







“ก็นั่นน่ะสิ...นี่ฉันลองโทรกลับเบอร์นี้ด้วยนะ แต่เค้าบอกยังไม่เปิดให้บริการ”







“แล้วใครในภาพว่ะเนี่ย ถ่ายทั้งที ถ่ายซะไกลเชียว” มันถามฉันแล้วฉันจะถามใคร





“ไม่รู้” ตอนนี้อารมณ์ฉันเดือดดาล ร้อนรุ่มอยู่ภายใน อยากจะวิ่งไปในที่ที่คนสองคนอยู่ด้วยกันแล้วทำการอาละวาด(โหดมาก)







“อาจเป็นลูกค้าก็ได้นะ” ฉันรู้ว่ามันพยายามปลอบใจฉัน







“ทำไมไปกะลูกค้าต้องไปกันสองคน”







“แกคิดมาก...เค้าจะแต่งงานกะแกล่ะนะ”





“เพราะจะแต่งนี่แหละ....แล้วอีกอย่างนะแกก็รู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ มันไม่ได้เกิดจากความรัก”







“แกรู้ได้ไงว่าเค้าไม่รักแก...”







“เค้าไม่เคยพูด”





“โธ่....เด็กน้อย บางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้นะ ฉันว่าเค้าก็น่าจะรักแกบ้างแหละ ไม่งั้นคงไม่แต่งกะแกหรอก”



“แต่ฉันอยากได้ยิน” ฉันอยากได้ยินจริงจริงนะ เพราะว่าความรักของเราทั้งสองมันช่างพิลึกพิลั่นสิ้นดี อยู่ดีดีผู้ชายที่ฉันจ้องตาและหลงใหลอย่างบ้าคลั่งกลับกลายมาเป็นสามีในอนาคต เพียงเพราะเค้าให้เหตุผลว่า...เค้าไม่อยากแต่งงานกับอีกคน แล้วที่สำคัญคำตอบที่ยังค้างคาอยู่ในใจฉันจากวันนั้นจนถึงวันนี้ นั่นก็คือ แล้วทำไมต้องเป็นฉัน



ขิงพยายามจะอธิบายความเป็นไปได้ที่ฉันว่ามันฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไรมาให้ฉันได้คิด เห็นถึงความพยายามมันแล้วฉันเลยขอตัวกลับบ้านดีกว่า ยิ่งฟังมันพูดนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกถึงความคับแคบในจิตใจของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น





วันนี้คุณปัถย์ส่งข้อความมาให้ฉันเหมือนเช่นทุกวัน เขามักจะอวยพรให้หลับฝันดี แล้วก็มีข้อความสองแง่สองง่ามทิ้งท้ายเสมอ แต่วันนี้มันกลับทำให้จิตใจของฉันไม่สดชื่นเหมือนทุกวันเลย





ฉันได้รับข้อความภาพอีกครั้งในกลางดึกของคืนนั้น(ฉันยังคงไม่หลับง่ายง่าย) แต่คราวนี้เป็นภาพที่ส่งมาเป็นจำนวน 4 ภาพ อันประกอบด้วย รูปคุณปัถย์และผู้หญิงผมยาวร่างสูง ภาพที่สองก็ยังคงเป็นภาพของบุคคลสองคนนั้น ที่ถูกถ่ายตรงโถงลิฟท์ของสถานที่ที่ดูแล้วหรูหรามาก ภาพที่สามฉันถึงเข้าใจว่ามันน่าจะเป็นโรงแรมแห่งหนึ่ง เพราะภาพนี้เป็นภาพทางเดินโดยซ้ายและขวามีประตูห้อง และภาพสุดท้ายเป็นภาพที่คุณปัถย์กำลังจะก้าวเข้าห้องนั้นไป โดยทั้งสี่ภาพ คนทั้งคู่ล้วนแต่ถูกถ่ายจากทางด้านหลังทั้งสิ้น





กลายเป็นว่าคืนนั้นฉันเลยตาค้างจนกระทั่งรุ่งสางของวันใหม่...ใจหนึ่งก็อยากจะโทรถามคุณปัถย์ให้รู้เรื่องไปเลย แต่อีกใจก็กลัวเค้าตอบกลับมาว่า มันเรื่องของผม ฉันคงกลัวที่จะได้ยินประโยคท้ายมากกว่า ฉันเลยตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้เพียงลำพังอย่างไม่สบายใจเป็นที่สุด



“น้องแป๋ม.....”


ฉันเดินทางมาทำงานที่บ้านปิลันธบุตรเช่นเดิมอย่างที่เคยทำ แต่วันนี้แปลกว่าทุกวัน นั่นคือ ฉันพบคุณเต้ที่นั่งรอฉันอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านหลังดังกล่าว




“อ้าว...พี่เต้ สวัสดีค่ะ”





“น้องแป๋มพี่มีเรื่องอยากคุยด้วยครับ” โอ๊ยยยยย จะคุยอะไรกันวันนี้ ไม่มีอารมณ์ เข้าใจบ้างไหม





“เรื่องอะไรค่ะ พี่เต้”





“ทำไมน้องแป๋มถึงไปแต่งงานกับพี่ปัถย์ได้ครับ”





ฉันเลยตัดสินใจเชิญคุณเต้ให้ไปคุยในที่โล่งและลับตาคนดีกว่า โดยสอบถามว่า ทำไมเรื่องราวที่เราวางแผนวันนั้นมันถึงกลับกลายเป็นผิดแผนไปเสียอย่างนั้น คุณเต้ได้แต่ทำสีหน้างุนงงเพราะแกยืนยันว่า แกโทรไปกำชับเลขาของคุณปัถย์ให้กล่าวแบบที่เราคิดแผนกันไว้แล้ว


“แล้วทำไมน้องแป๋มถึงตกลงแต่งงานกับพี่ปัถย์ล่ะ” เอาไงดีฉันควรจะบอกเรื่องจริงไปดีไหม



“เอ่อ....คือว่า.........................” ฉันพูดไม่ออกจริงจริง





“บอกพี่ได้นะ ถ้าน้องแป๋มไม่สบายใจ”





“...................................................”

ถ้าฉันเล่าเรื่องจริงของการแต่งงานพิลึกพิลั่นนั่นไป เรื่องนี้จะจบลงเช่นไร มันจะยุ่งยากกว่าที่เป็นอยู่ไหม...หรือมันจะทำอะไรให้ดีขึ้น


“ว่าไงครับ” คุณเต้พยายามรุกถามคำถามฉันอย่างจริงจัง



“เอ่อ.......................”




“คุณแป๋มค่ะ คุณหญิงเชิญให้ไปพบที่ห้องอ่านหนังสือของท่านค่ะ” ฉันได้ยินเสียงพี่แม่บ้านเรียกฉันจากทางด้านหลัง จึงหันไปหาพี่เขาทันที



“เอ่อ...แป๋มขอตัวก่อนนะพี่เต้”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของพี่แม่บ้านร้องเรียก สติของฉันของเริ่มกลับมารวมตัวอีกครั้ง คราวนี้ฉันพึงระลึกได้ทันทีเลยว่าเรื่องนี้ฉันคงไม่ควรบอกใครอื่นอีกเป็นแน่ ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกสับสนมากเพียงใด หรือไม่มั่นใจในความรักของฉันและคุณปัถย์มากแค่ไหน แต่ในเมื่อฉันตัดสินใจที่จะแต่งงานด้วยแล้ว บางเรื่องไม่พูดเลยมันอาจจะดีเสียกว่า...จริงไหม




ฉันเอ่ยลาคุณเต้ทันที แอบสังเกตเห็นสีหน้าไม่พอใจของคุณเต้ แต่มันก็เพียงแค่ชั่วระยะเวลาสั้นสั้นเท่านั้น ฉันจึงกล่าวขอโทษคุณเต้ไปอีกครั้ง และขอขอบคุณในความหวังดีของเขาที่มีต่อฉัน




คุณหญิงป้าเรียกฉันเข้าไปพบเพื่อพูดคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องโรงแรมที่จัดงาน และ ชุดแต่งงาน ที่คุณหญิงป้าบอกว่าให้ฉันไปเลือกชุดให้เสร็จภายในดือนนี้....เหลือเวลาอีกสองอาทิตย์เนี่ยนะ ในขณะที่ฉันกำลังจะขอตัวกลับไปทำงาน คุณเต้กลับขออนุญาตเข้าพบท่านทันที



“พ่อเต้...มีอะไรกะป้าเหรอลูก”



ฉันได้ยินแค่นั้น ก็จำเป็นต้องเดินออกจากห้องไปทั้งที่ในใจอยากจะวิ่งไปฟังเต็มที คุณเต้จะคุยกับคุณป้าเรื่องอะไรกันแน่ โทรศัพท์มือถือฉันดังขึ้นขัดอารมณ์สงสัยใคร่รู้ของตัวเอง




“ค่ะ...พี่ปัถย์” โทรมาทำไม...ชิชิ




“พี่อยู่สนามบินแล้ว มารับหน่อย คิดถึง” เฮ้ย....มาได้ไง เมื่อวานยังเพิ่งไปเริงร่าอยู่กับสาวสวยอยู่เลย




“พี่ปัถย์กลับมาตั้งแต่เมื่อไรค่ะ”




“จะมารับไหม...ถ้าไม่มาพี่จะกลับไปจัดการ” นี่แหละคุณปัถย์ตัวจริงเสียจริง





“ค่า.....พี่ฮิตเล่อร์” สั่งจริง คนนะไม่ขี้มูก




“เรียกพี่ว่าอะไรนะ”




“แป๋ม บอกว่าพี่ปัถย์เป็นผู้นำ เหมือน ฮิตเล่อร์เลยค่ะ” ฉันประชดหวังว่าพี่ปัถย์จะเข้าใจ




สุดท้ายฉันเลยต้องถูกมัดมือชก(เป็นสิ่งที่ฉันถูกกระทำหลังจากเจอพี่ปัถย์) ให้ไปรับที่สนามบินโดยพี่คนขับรถของบ้านปิลันธบุตร




“ทำไมช้าจัง” พี่ปัถย์เอ่ยถามทันทีที่เราสองคนเจอหน้าปัถย์ รู้สึกแปลกเหมือนกัน เพราะเราสองคนเหมือนเป็นคู่รักกันจริงจริงเลย




“จะให้แป๋มบินมารึไงค่ะ...แล้วทำไมพี่ปัถย์กลับเร็วจัง” ฉันถามคำถามกับคุณปัถย์อย่างสงสัย แต่กลับกลายเป็นว่า ฉันถูกขโมยหอมฟอดใหญ่ไปหลายรอบเลยล่ะ นอกจากจะไม่ตอบแล้วยังมาเอาเปรียบฉันอีกนะ




“อยากกลับมาหา....เมีย” กรี๊ดดดดดดดดดดดดด อายอ่ะ




“พี่ปัถย์อ่ะ...........”





“เขินแล้วยิ่งน่า....” ฉันรีบเอามืออุดปากพี่ปัถย์ทันที รับไม่ได้กลับคำพูดทำนองนี้จริงจริง




ฉันยังคงเก็บความสงสัยเรื่องรูปภาพปริศนานั่น แม้พี่ปัถย์จะคอยคลอเคลียไม่ห่างตัวฉัน(เสียเปรียบจริงจริง) เราสองคนเดินทางถึงบ้านปิลันธบุตรในเวลาไม่นาน แต่ปัญหาคือ พี่เต้ ยังคงอยู่ที่บ้านหลังนี้ ในที่สุดคนทั้งคู่ก็เผชิญหน้ากันจนได้



“อ้าว..พี่ปัถย์ ทำไมกลับเร็วนักล่ะครับ”




“คิดถึงเมีย” ฉันหันขวับมองหน้าคุณปัถย์ทันที เอางี้เลยเหรอพ่อคุณ




“อ่อ...เมียกำมะลอรึเปล่าครับ” คุณเต้พูดแบบนั้นทำไมมมมมมมม ฉันไม่น่าไว้ใจเล่าเรื่องนั้นเลย ดีนะที่ให้คุณเต้ฟังเรื่องเมื่อเช้า





“หึ...ถ้านายยังไม่รู้อะไร อย่าพูดเลยดีกว่า”





“ครับ..ผมขอโทษด้วย เพราะสิ่งที่ผมรู้ก็น้องแป๋มเป็นคนบอกผม” แกมาโยนระเบิดใส่ฉันทำไม...แล้วดูสายตาของคุณปัถย์ที่มองฉัน ฮือออออออออออออออออออออ




“บางครั้งแป๋มก็งอนพี่บ้างเป็นธรรมดา เค้าอาจจะพูดอะไรผิดไปบ้าง หวังว่านายคงไม่ถือหรอกนะ” ฮืออออออออออออออออออ.....อย่ามองหน้าฉันแบบนั้น ฉันกลัว






“งั้นเดี๋ยวพี่กับแป๋มขอตัวก่อนนะ ห่างเมียนาน....คิดถึง”



คุณปัถย์ไม่รอคำตอบจากใครทั้งสิ้น เขาดึงมือฉันเดินไปทางบันไดของตัวบ้านทันที ฮึ่ย....ทำไมคุณเต้ทำแบบนี้ แล้วฉันจะโดนอะไรบ้างล่ะเนี่ยยยย




“แป๋มไปบอกอะไรมัน” ง่า.................




“พี่ถาม!!!!!!!!!!” อย่าเร่งหนูสิ....หนูกำลังคิดอยู่




“มะ ไม่ได้บอกอะไรเลยนะ”




“แล้วทำไมมันถึงพูดเหมือนรู้อะไร” เอาดีว่ะต้องมนต์ คิดสิ...คิด




“พี่ปัถย์ค่ะ....แป๋มมีเรื่องอยากจะถาม”



“เรื่องของพี่แป๋มยังไม่ตอบ งั้นคำถามของแป๋มก็ไม่มีสิทธิ์” บร๊ะ จะเปลี่ยนเรื่องซะหน่อย




“แต่..........”




“แป๋ม บอก อะ ไร นาย เต้ มัน ” รุกอีกแล้ว




“ก็.....ก็แค่บอกเหมือนที่แป๋มบอกคุณป้ากับคุณลุง ในวันที่พี่ปัถย์มาทันนั่นแหละ”




“แค่นั้นจริงจริงเหรอ” ฉันพยักหน้าหงึกหงักขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เห็นหน้าคุณปัถย์ที่หรี่ตามองอย่างชั่งใจก็ได้แต่พยายามยิ้มสู้


"


“แป๋มจะโดนพี่คิดบัญชีแน่!!!!!! งั้นว่าเรื่องของแป๋มมา” วื่อ.....โหดจริงจริง





“พี่ปัถย์ ไปทำอะไรที่จีนค่ะ” เอาว่ะ...ลองถามดู เก็บไว้ก็ทรมานเปล่าๆ





“หืม....ไปทำงานสิ” คุณปัถย์เลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัย





“แล้วรูปพวกนี้มาได้ยังไงค่ะ” ฉันยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปให้คุณปัถย์ดูทันที พยายามจะจับพิรุธสีหน้าทันทีที่เค้าเห็นรูปภาพเหล่านั้น แต่ฉันก็หาได้พบไม่





“ใครส่งมาให้แป๋ม”





“ไม่ทราบค่ะ”





คุณปัถย์ไม่ได้ตอบคำถามของฉัน เขามองภาพในมือถืออีกครั้งสลับกับจ้องหน้าฉันอยู่นาน ฉันได้แต่ทำสีหน้านิ่งเฉย เพราะฉันไม่รู้ว่าตอนนี้คุณปัถย์กำลังคิดอะไรอยู่


"หึงใช่ไหม" เปล๊า....ใครจะไปหึง หึงทำไมมมมม



"ทำหน้าอย่างนี้แสดงว่าหึง....น่ารักจริงจริงเลยเมียพี่"



“แป๋ม...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่มีแค่แป๋มคนเดียวเท่านั้น” ช่างเป็นประโยคที่ทำให้ฉันสะเทิ้นอายเสียจริง คุณปัถย์มอบจูบที่แสนอ่อนหวานเป็นการยืนยันให้ฉันอีกด้วย....แล้วฉันก็แพ้อย่างราบคาบเช่นเคย




“มีลูกกันเถอะนะ” อ๊ายยยยย...เผลอไม่ได้เลย




“ไม่ได้ค่ะ...รอวันแต่งงานก่อนนะ” คุณปัถย์ร้องโอดครวญดึงแก้มแล้วจับมันส่ายไปมาซ้ายขวา




“ห้าเดือน พี่ก็ตายกันพอดี” ขาดไม่ได้เลยใช่ไหม




“ห้าเดือนสิค่ะ...แค่นี้แป๋มก็รู้สึกว่าการแต่งงานของเรามันประหลาดแล้ว จะให้มีลูกด้วยอีกทั้งที่ยังไม่มั่นใจอะไรในตัวพี่ปัถย์เลยนี่นะค่ะ” คุณปัถย์สบตาฉันอีกครั้ง




“งั้นแป๋มอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวพี่...ห้าเดือนนี้เรามาศึกษาโอเคไหม” ฉันส่งยิ้มกว้างให้คุณปัถย์ ในที่สุดฉันก็จะได้มีความรักที่ปกติเหมือนคนอื่นเค้าเสียที




“ขอบคุณพี่ปัถย์มากนะค่ะ”




“เปลี่ยนเป็นจูบหนึ่งทีได้ไหม” ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่ออดอ้อนเท่านั้น ยังมีการชี้มือไปที่ปากของตัวเองอีก.....ทุกเวลาจริงจริง



“ทีเดียวพอนะ”


วันนี้คุณปัถย์ใจดีกับฉันมาก ฉันเลยคิดว่าในเมื่อเราจะดูใจกันแล้ว ฉันก็ควรจะให้รางวัลเค้าตอบแทนไม่ใช่เหรอ คุณปัถย์พยักหน้าทันที ด้วยความที่ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ฉันเลยขอให้คุณปัถย์หลับตาก่อน ฉันอายเกินกว่าจะจ้องตาเค้าในขณะที่หน้าตัวเองค่อยค่อยเข้าไปใกล้เค้านี่น่า



ฉันตัดสินใจเขย่งปลายเท้าเพื่อมอบของขวัญให้กับคุณปัถย์ แต่มีหรือที่มันจะจบลงแค่นั้น เพราะเพียงแค่ปากของเราทั้งคู่สัมผัสกัน คุณปัถย์ก็โอบเอวฉันไว้ทันที แล้วจูบต่อมามันก็ร้อนแรงขึ้น จนฉันไม่สามารถพยุงร่างกายตัวเองได้ ฉันพยายามที่จะดึงสติของตัวเองกลับมาให้ทันท่วงที ก่อนที่ร่างกายของฉันจะไม่เชื่อฟังตัวเองไปมากกว่านี้




“พะ...พอ แล้วพี่ปัถย์”




“อยากแต่งงานกับแป๋มพรุ่งนี้จังเลย” อะไรจะหื่นขนาดนั้นย่ะ



คุณปัถย์ปล่อยตัวฉันแล้วกดหัวฉันซบลงบนหน้าอกของเขา เขาลูบหัวฉันไปมาอยู่อย่างนั้น ฉันจึงได้โอกาสสูดกลิ่นน้ำหอมกลิ่นที่คุ้นเคยจากเขา จนเต็มปอดเลยล่ะ



“อย่ายุ่งกับนายเต้อีก ถ้าไม่จำเป็น” ฉันพยายามที่จะเงยหน้ามองคุณปัถย์ เมื่อได้ยินประโยคนี้




“นับวันพี่ก็ยิ่งหวงแป๋มขึ้นไปทุกที” บ้า...บ้า...บ้า พูดอะไรแบบนั้น เค้าเขินนะตัวเอง




เหมือนเรื่องราวความรักของฉันและคุณปัถย์กำลังจะเริ่มต้นได้ด้วยดีแล้วสินะ คุณปัถย์ถึงแม้จะดุฉันบางครั้ง และชอบทำท่าโมโหหิวตลอดเวลา แม้ว่าเค้าจะมีสาวสาวในสต๊อคมามากมายแค่ไหน หรือแม้ว่ารูปของหญิงสาวที่อยู่ในมือถือฉันยังไม่ได้รับคำตอบอะไรที่ชัดเจน แต่ฉันก็ยังยืนยันได้ว่า...ฉันรักผู้ชายคนนี้เต็มหัวใจแล้วสินะ




- - - - - - - - - - - - - - - - - - -

จบตอนที่สิบเอ็ดแล้ว วันนี้มาครบตอนให้ผู้อ่านที่น่ารักได้เชยชมกัน
กลายเป็นว่าเหมือนคุณเต้จะแอบร้ายเนอะ
แต่ป๋อมแป๋มก็ยังเซ่อซ่า ไม่รู้เรื่องราวอยู่ดี งานนี้ผู้พิทักษ์คุณปัถย์ต้องเจองานหนักล่ะค่ะ
ไหนจะต้องปกป้องแป๋ม แล้วยังต้องคอยดูแลไม่ให้นายเต้มาปั่นหัวอีก ไหนจะมีหญิงตี้อีก กว่าจะถึงงานแต่งน้องแป๋มงอมกันพอดี

แอบกระซิบว่า....ตัวละครลับจะไปถูกเฉลยในอีกสักสองสามตอนข้างหน้า
เพราะตอนนี้ไรเตอร์กำลังหาตอนลงให้ตัวละครอยู่ (แหะ แหะ)

งานนี้ถึงคุณปัถย์จะไม่เอ่ยบอกรัก..แต่การกระทำก็น่าจะดูออกแหละเนอะ
ไว้ตอนท้ายๆ ไรเตอร์จะเขียนความรักของคุณปัถย์ที่มีต่อป๋อมแป๋มให้

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะค่ะ

เลิฟเลิฟคนอ่านมากกกกกก...รักทุกรีวิว ทุกคอมเม้น แล้วก็แฟนพันธุ์แท้ด้วย



คุณิณพัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2554, 18:17:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ส.ค. 2554, 18:17:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2405





<< บทที่ 10 : สงครามยังไม่จบ..อย่าเพิ่งนับศพทหาร - - -(60%)ครบ   บทที่ 12 : ตรวจครรภ์ >>
รอให้เป็นเล่ม 17 ส.ค. 2554, 20:03:40 น.
เอิ่มมมมม
ถึงบางครั้งจะไม่แสดงตัว
แต่อยากบอกว่าตามอ่านอยู่นะคะ


pretty 18 ส.ค. 2554, 08:30:24 น.
รออ่านนะค๊า


คุณิณพัณณ์ 18 ส.ค. 2554, 16:35:29 น.
ขอบคุณทุกกำลังใจค่าาาา...ไรเตอร์ชื่นใจจจจจจจจจจจจจจจ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account