กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๑๔ ฮันนีมูน (75%)

เราไม่ได้นั่งกันที่โต๊ะ แต่เป็นฟูกกับกลุ่มหมอนบนพื้น แม่บ้านเตรียมไว้ให้ก่อนกลับหลังศศิพิมพ์เปรยๆ ว่าวันนี้มีฝนดาวตก

“จำได้ว่าตอนทำบ้านเสร็จใหม่ๆ ยุทธชวนมาเที่ยว ก็มีแต่เพื่อนๆ ผู้ชายนี่แหละค่ะมา ช่วงนั้นหน้าหนาว บนฟ้าเห็นดาวเต็มแบบนี้แหละ มานั่งกองกันตรงนี้ หนาวก็หนาว แต่อยากดูดาวตก เลยตั้งวงรอดูกัน แบบอยากเป็นผู้ชายสายอบอุ่นกันบ้างอะไรแบบนี้”

ศศิพิมพ์หัวเราะดักทางเขาไว้ว่า

“ก็คงกะไว้ว่าจะเอาไปไว้ใช้หลอกสาวสินะคะ แต่แท้ที่จริงกลับเมาเละเลยใช่ไหมล่ะ”

จิรสินโคลงศีรษะ เบือนสายตากลับมาจ้องคนข้างตัว “ก็มันหนาวเลยกินเหล้าให้หายหนาว”

ศศิพิมพ์เลิกคิ้วขึ้นและเขาก็หัวเราะ

“ก็แค่ข้ออ้างน่ะค่ะ ที่พิมพ์พูดไม่ผิดหรอก เมาแล้วก็นอนเกะกะตั้งแต่ยังไม่ตีสอง แม่บ้านบ่นแล้วบ่นอีกว่าต้องหาผ้าห่มมาห่มให้ ลูกชายแกที่มาช่วยงานวันไม่มีเรียนได้เอาเตาถ่านมาตั้งรอบวง วันนั้นจำได้ว่าหนาวที่สุดสักห้าองศาได้มั้งแล้วหมอกลงจัด จะลากเข้าไปนอนในบ้านก็เกินกำลัง เพราะแต่ละคนมีแต่ตัวใหญ่ๆ”

“แล้วเป็นไงคะ”

“ดีไม่ตายเพราะเดาะกินเหล้าแก้หนาว ทั้งๆ ที่ข่าวออกโครมๆ ว่าคนหนาวตายเพราะเหล้ามาเยอะแล้ว” ศศิพิมพ์หลุดหัวเราะเสียงดัง “แต่ก็ไข้กินค่ะ ป่วยกันไปคนละอาทิตย์ จากที่กะว่าจะมาเที่ยวสนุกๆ นะคะ กลายเป็นว่าแค่เปลี่ยนที่นอนซมกันไป”

คนฟังฟังแล้วหัวเราะตามเพราะอดไม่ได้

“แต่คราวนี้คงได้ดู” เสียงเขาเบาลง สายตาละมุนมากขึ้น “เพราะมากับพิมพ์”

ศศิพิมพ์ตีสีหน้าไม่ถูกเมื่อเขาเปลี่ยนเรื่องพูดเอาดื้อๆ

“เอ่อ--” เธอหลบตาและยื่นมือถือส่งให้เขา “เลือกรูปไหมคะ จะได้เอาไปล้างเก็บไว้”

จิรสินเกือบจะถอนใจด้วยซ้ำแต่ก็ข่มให้ตัวเองยิ้มเพียงจางๆ พูดกันเรื่องนี้ทีไร ศศิพิมพ์เป็นต้องหนีทุกที กระนั้นแววตาก็ยังตัดพ้อ

“พี่ให้พิมพ์เลือกดีกว่าค่ะ พิมพ์ว่าดีพี่ก็ว่าดี”

พูดจบเขาก็เงียบไป แต่ก็ยังจ้องเธออยู่อย่างนั้น ศศิพิมพ์ผ่อนลมหายใจมองสบตาเขา อาการสับสนของเธอแสดงออกชัดเจน

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

บางครั้งเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองออกจะเป็นคนโหดร้าย เพราะจากคำถามที่เธอใช้ การแกล้งทำเป็นไม่รู้ โหดร้ายมากกว่าการทำเฉยหรือเปลี่ยนเรื่องเสียอีก

จิรสินผ่อนลมหายใจ อยากปฏิเสธแต่...

“เราแต่งงานกันมาห้าเดือนแล้ว--”

พูดกันให้ชัดเจนเสียดีกว่า ถึงจะเสียดายความสัมพันธ์ระหว่างเราในตอนนี้ แต่มันก็ดีกว่าปล่อยให้อึมครึม ไม่ใช่ดีกับใครแต่ดีกับเขานี่แหละ เพราะหากปล่อยไว้นานไม่แน่ เขาอาจเจ็บปางตายเสียยิ่งกว่าตอนอกหักจากปุณณมา

“พี่รู้ว่ามันเหมือนเร่งพิมพ์ แต่พี่อยากรู้ พี่พอจะทำให้พิมพ์ไว้ใจได้หรือยัง”

การรอคอยช่างยาวนาน นานกว่าเธอจะเอ่ยออกมา

“ห้าเดือน... เราแต่งงานกันมาห้าเดือน แล้วก่อนหน้านั้นที่เราได้กลับมาเจอกันก็ปีกว่า พิมพ์รู้นะคะว่าที่เราทำอยู่มันไม่ปกติแต่--” เขายังคงรอฟังด้วยด้วยหัวใจที่เต้นตุ๊ม-ตุ๊ม ต่อม-ต่อม แอบหวังครึ่งหนึ่ง และเตรียมใจไว้สำหรับผิดหวังอีกครึ่งหนึ่ง “พิมพ์ไม่รู้จะอธิบายยังไง เพราะพิมพ์เองก็ยังไม่เข้าใจ”

ไหนๆ ในเมื่อพูดกันแล้ว จิรสินก็อยากจะพูดกันให้เข้าใจ หากเธอไม่รัก ไม่มีใจ เขาจะยอมถอย มันคงดูง่ายไปแต่เขาไม่อยากให้เธออึดอัด และในวันข้างหน้าเขาจะให้อิสระแก่เธอไม่ผูกมัดไว้ แม้ใจจะเจียนขาดก็ตาม!

“พิมพ์ไม่แน่ใจไม่ไว้ใจ พิมพ์ยังกังวลเพราะมันก็แค่คำพูดของคนๆ หนึ่งที่ไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าในอนาคตผู้ชายคนนี้จะยังเป็นเหมือนเดิมใช่ไหมคะ”

“พิมพ์ไม่ได้จะบอกว่าพี่สินเป็นคนไม่มีสัจจะนะคะ”

เขายิ้ม “พี่เข้าใจค่ะ กับผู้ชายแบบพี่คงทำให้ใครมั่นใจในตัวพี่ได้ยาก มันคงไม่ง่ายที่จะให้พิมพ์ไว้ใจพี่”

เขาผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ ส่งยิ้มให้และเบือนหน้าหนีทำทีหันไปมองบรรยากาศรอบด้านแทน ในใจเจ็บนิดๆ ปนโกรธตัวเองหน่อยๆ อดีต... ยังคงเป็นตัวตัดสินเขาแม้กระทั่งในปัจจุบัน

คำเตือนของแม่สมัยที่ยังแรดมากนั่นฟุ้งขึ้นมาในหัวเหมือนพลุดอกไม้ไฟระเบิด

‘นี่แม่จะเตือนนะ สักวันเถอะไอ้ค่าที่ทำตัวหว่านเสน่ห์แบบนี้น่ะ มันจะทำให้อนาคตเราลำบาก ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขาจะยอมตกลงปลงใจด้วย จะมีผัวทั้งทีแต่ผัวดันแรดยกกำลังสอง แล้วไหนจะโรค ไหนจะไปไข่ไว้อีก อยู่ดีๆ วันหนึ่งมีเด็กโผล่มาละบอก คนเนี้ยพ่อผม!’

จิรสินเผลอผ่อนลมหายใจ นึกโมโหตงิดทำไมไม่เชื่อแม่!

แต่กิริยานั้นกลับทำให้ศศิพิมพ์คิดไปอีกอย่าง ท่าทีเขาอ่อนเหนื่อยเหมือนว่าคำตอบของเธอได้ทำร้ายเขา เธอใจหายวาบ และไม่รู้เลยว่าเอื้อมมือไปแตะต้นแขนเขาเมื่อไร มารู้ตัวก็ตอนที่เขาหันกลับมามอง หญิงสาวชะงักจะชักมือกลับก็ไม่ทันแล้ว เพราะเขาคว้ามือเธอไว้มั่น

“พิมพ์กลัว”

เสียงเธอเบาราวกระซิบ

“กลัวว่าเรื่องดีๆ ระหว่างเราจะจบลงในสักวัน เพราะอย่างนั้นพิมพ์ถึงได้บอกตัวเองว่าอยู่ตรงนี้แหละดีแล้ว ถ้าก้าวไปอีกก้าวมันจะอันตรายเกินไป”

เขายังคงนิ่งเพื่อรอฟังแต่กำมือเธอแน่นขึ้น หญิงสาวเม้มริมฝีปาก เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อรวบรวมกำลังใจพูดต่อ

“พิมพ์เคยเจ็บ แล้วก็ไม่อยากต้องเจ็บอีก มันทรมานเกินไป”



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ค. 2561, 21:20:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ค. 2561, 21:20:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 902





<< ๑๔ ฮันนีมูน (50%)   ๑๔ ฮันนีมูน (100%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account