กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: บทที่ ๑๕ ระยะห่าง (50%)







“โถ ไอ้คนหื่น! นั่นเมียนะไม่ใช่ตุ๊กตายาง แล้วไง อายหมอไหมล่ะที่เขาบอกให้เพลาๆ ลงบ้างน่ะ!”



คำด่านั่นคนได้รับกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง จะด่ากลับก็ใช่ที่เพราะมัน เอ่อ ก็ถูกอย่างที่อติยุทธว่า ก็เพราะหักโหมเกินไปทั้งๆ ที่รู้ว่าศศิพิมพ์ยังไม่เคย แล้วยังตากหมอกกันที่ระเบียงนั่นค่อนคืน ผลที่ออกมาหญิงสาวจึงได้ไข้



เขาตื่นก่อนเธออยู่นาน อาบน้ำจัดการกับตัวเองจนเอี่ยมอ่อง และลงไปที่ครัวแย่งหน้าที่แม่บ้าน กะทำเซอร์ไพรส์แบบถือถาดอาหารไปให้เมียบนเตียงเหมือนกับในละคร อยากมีโมเม้นต์แบบทำให้อีกฝ่ายประทับใจขั้นสุดกับเขาบ้าง แต่...



เธองัวเงียตื่นแล้วและสีหน้าไม่ค่อยดี บ่นว่าปวดหัว



ไอ้เซอร์ไพรส์นั่นกลายเป็นหมัน เมื่อจับตัวจึงพบว่าเธอตัวร้อนเอาการ แม้ตอนก่อนจะลุกจากเตียงตัวเธอจะอุ่นๆ อยู่บ้างแต่คิดว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นคนตัวร้อน แต่ก็ไม่ใช่



ศศิพิมพ์ป่วย ตาแดงเรื่อ ตัวร้อนผ่าว



เขาจับเธอเช็ดตัวและสวมเสื้อผ้าให้ เธอกินข้าวกินยานอนพัก แต่ไข้ไม่ลดเลย จนเขาหน้าตาตื่นไปบอกแม่บ้านช่วยตามหมอทีเพราะห่วง อติยุทธก็พลอยหน้าตาตื่นขับรถไปรับหมอที่อนามัยมาดูให้



หมอกับคนไข้ซักอาการกันไม่นานนัก คุณหมอที่เป็นผู้หญิงก็ดึงตัวเขาไปคุยกันตามลำพัง



หล่อนส่งยิ้มให้เขาขณะเอ่ยด้วยท่าทีปกติธรรมดา



‘ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะคะ แค่ไข้ธรรมดาค่ะ คนไข้มีอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ แล้วก็พักผ่อนน้อยอยู่แล้วด้วย พอเปลี่ยนอากาศก็เลยป่วยง่ายกว่าปกติ แต่ระยะนี้คงจะต้องงดกิจกรรมบนเตียงกันพักใหญ่นะคะ เพราะในผู้หญิงถ้าเป็นครั้งแรกแล้วหักโหมมากไป กล้ามเนื้อที่ตรงนั้นอาจจะอักเสบแล้วส่งผลให้ไม่สบายได้ค่ะ’



เขาฟังและชาไปทั้งหน้า... หมอตรงหน้าคือผู้หญิง และดันพูดเรื่องนี้ราวกับพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ หมอไม่อายเพราะเห็นเป็นเรื่องปกติ



แต่เขาโคตรอายที่สุดในชีวิตก็ตอนนี้!



“ไอ้สินคราวนี้แหละแกอดไปเลยเป็นอาทิตย์”



คำเปรยของอติยุทธทำเอาจิรสินถอนหายใจ คนพูดเห็นเข้าก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี



“นี่” เจ้าของรีสอร์ตวางมือฟาดบ่าเพื่อน “ถึงจะอดก็ยังได้แอ้มอะ แกควรดีใจมากกว่าที่น้องเขายอมรับแก เพราะมันแปลว่านอกจากแกรักเขา เขาก็รักแก เพราะถ้าไม่รัก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่ได้ชอบเซ็กส์ฉาบฉวย ให้ตายเขาก็ไม่ยอมให้แกกอด”



อติยุทธตีลงเบาๆ ที่บ่าหนาของสามีหมาดๆ



“ฉันจะไปส่งหมอ แกไปดูเมียเถอะ”



“เออขอบใจ”



จิรสินพยักหน้าสองสามครั้งก่อนแยกเขี้ยวเพราะได้ยินในประโยคท้ายของเพื่อน



“เรื่องนี้นะสินเอ๊ย กระจายแน่ไอ้หนุ่มพลังม้าไม่ได้ซัดไวอากร้า แต่เล่นจนเมียไข้ขึ้น เลี้ยงรุ่นปีหน้านะครับเพื่อน อย่างฮา!”



“ไอ้เวร!”


“ไอ้เวร!”

ชายหนุ่มสบถไล่หลังรถจี๊ปที่แล่นห่างออกไป

จิรสินผ่อนลมหายใจ แต่รอยยิ้มยังเต็มหน้า ความสุขอัดแน่นในอกอย่างกับจะไม่มีวันถ่ายถอน เขาพบแม่บ้านที่ห้องครัว ชายหนุ่มชงโอวัลตินร้อนๆ แก้วหนึ่งถือใส่ถาดและก้าวขึ้นไปยังห้องนอนชั้นสอง

ศศิพิมพ์ยังไม่หลับ หน้าตาแดงก่ำเพราะพิษไข้

“เป็นไงบ้างคะ พี่ชงโอวัลตินมาให้ กินหน่อยนะ”

เขาทรุดลงนั่งเคียงประคองให้เธอลุกขึ้นเอนพิงกับหัวเตียงโดยใช้หมอนหนุนรอง ศศิพิมพ์หลับตาและยิ้มเมื่อเขากดจูบลงกับหน้าผากแผ่วเบา แล้วทั้งขำทั้งเขินเพราะเขาพูดต่อหน้าตาเฉย

“อายหมอตายเลย ยุทธมันขู่จะเอาเรื่องพี่ไปแฉ”

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ โอบเธอเข้าไปกอดอย่างไม่กลัวจะติดไข้แม้สักนิด แล้วยังกดจูบที่ข้างขมับแรงๆ กระซิบแผ่วๆ ที่ริมหู

“ขอโทษนะคะที่ทำให้พิมพ์ไม่สบาย”

ฟังดูดีแต่...

“ต้องอดไปเป็นอาทิตย์เลย พี่จะตายไหมเนี่ย”

ศศิพิมพ์กัดริมฝีปากหยิกหมับเข้าให้ที่เอวเขา ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงหัวเราะแผ่วๆ มองเธอตาหวานเชื่อม และดูดีใจที่แกล้งเธอได้

“ง่วงก็นอนนะคะ พี่จะอยู่ใกล้ๆ ถ้าพิมพ์ไม่สบายหรือรู้สึกไม่ดีก็บอกพี่ได้เลยนะ”

ไม่รู้เพราะไม่สบายหรืออารมณ์อยากอ้อนกันแน่ทำให้เธอพลั้งปากร้องขอออกไปว่า “กอดพิมพ์อยู่อย่างนี้ได้ไหมคะ”

ในชั่วหลายสิบวินาทีเกิดความเงียบขึ้น พอเธอแหงนมองก็พบกับดวงตาพราวระยับของเขา มันอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกหลากหลายแต่ที่ชัดเจนที่สุดคือ คำร้องขอของเธอสร้างความดีใจให้เกิดแก่เขา

ศศิพิมพ์ซุกตัวเข้าไปในวงแขนปลอดภัย วางศีรษะกับอกกว้างแนบหูฟังเสียงหัวใจเต้นของเขา

หญิงสาวหลับหลังจากนั้นไม่นานนักเพราะฤทธิ์ยา

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าใกล้ค่ำมากแล้ว จิรสินยังอยู่กับเธอ และพอเห็นเธอตื่นเขาก็วางมืออังบนหน้าผาก

“ตัวเย็นขึ้นแล้วนะคะเนี่ย แต่เหงื่อสิออกเยอะเชียว”

เธอยิ้มเพลียๆ ส่งให้

“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ”

“ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”

หญิงสาวขยับตัวจะลุกขึ้นนั่ง แต่เพราะยังเวียนหัวอยู่จิรสินเลยต้องช่วยประคอง

“กินข้าวกินยาค่อยเช็ดตัวดีไหม” ความห่วงใยในน้ำเสียงและแววตาทำเธอตื้นตัน

“เช็ดตัวก่อนได้ไหมคะ แล้วนี่พี่สินได้ทานอะไรบ้างหรือยัง”

“เรียบร้อยค่ะ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำอุ่นให้นะจะได้เช็ดตัว”

ชายหนุ่มขยับจะลุกจากเตียง แต่เพราะสายตาของภรรยาหมาดๆ มองจับอยู่จึงหยุดและนั่งลงอย่างเดิม

“หน้าพี่มีอะไรหรือเปล่า” ดวงตาสีดำสนิทราวกับนิลทอดมองมาตรงๆ และถ้าเธอตาไม่ฝาด ศศิพิมพ์คิดว่าในนัยน์ตาคู่นั้นมีแววเขินอาย คิดได้ดังนั้นก็อดเขินตามไม่ได้ โดยที่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะต้องเขินตามเขาทำไม

“อ้อ รู้แล้ว!”

จิรสินทำท่านึกขึ้นได้ โน้มเข้าไปใกล้กระซิบเบาๆ

“อยากให้พี่เช็ดตัวให้ก็ไม่บอก”

ศศิพิมพ์ผลักเขาออกห่างทันควัน ค้อนให้เสียหนึ่งขวับ

ชายหนุ่มหัวเราะพอใจกดจูบที่กลุ่มผมนุ่มหนักๆ

“เดี๋ยวพี่มานะคะ”

เธอยิ้มจาง และมองเขาเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ศศิพิมพ์ผ่อนลมหายใจขณะที่ยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้าย

เธอสูดลมหายใจเข้าลึก

การเปิดใจให้ใครสักคน การได้รักใครสักคนอีกสักครั้ง เธอเพิ่งรู้ว่ามันมีความสุขมากขนาดไหน

ศศิพิมพ์ผ่อนลมหายใจ เอี้ยวตัวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิด เลือกเข้าไปในแอพพลิเคชั่นแชทยอดฮิตในเครื่อง กับคนนี้ข้อความมีแค่ข้อความเดียว

‘ผมรู้ว่าคุณพิมพ์คงสงสัย แต่ผมอยากให้คุณได้ดูจริงๆ ครับ’

ไม่รู้เขาได้ไอดีเธอมาจากไหน แต่ก็แอดขอส่งข้อความมา ถัดจากข้อความนั้นเป็นคลิปวิดีโอที่ถูกส่ง

มันถูก... ส่งมาเมื่อคืน




ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2561, 20:20:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ค. 2561, 20:20:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 746





<< ๑๔ ฮันนีมูน -จบตอน-   บทที่ ๑๕ ระยะห่าง (75%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account