กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๑๖ หวั่นไหว -จบตอน-

เธอไม่มองเขา ไม่มองมาเลย กลับมานั่งลงที่โต๊ะทำงานจากนั้นก็เป็นจิรศักดิ์ที่เดินตามออกมา แต่เดินเลยไปที่หลานสาวและเรียกให้เข้าไปในห้องทำงานด้วยกันตามลำพัง สักพักจิรสุตาก็เดินกลับออกมาหน้าตาไม่สู้ดีนัก เขายิ่งหวั่นใจและสงสัยแต่เธอกลับเดินไปที่โต๊ะของกัญญา ชั่วขณะที่ได้ยินในคำถามของจิรสุตา



“พี่กัญแน่ใจเหรอ”



แน่ใจ... ธนวัฒน์สงสัยและใคร่รู้ แต่จะให้ถามปากก็หนัก ใจหนึ่งที่ชังบอก เรื่องของหล่อนไม่ใช่เรื่องของเขา



และคำตอบของกัญญาที่แสนเบา น่าประหลาดเหลือที่เขาได้ยิน



“พี่แน่ใจ”











“อะไรนะพี่กัญลาออกงั้นหรือ” เป็นเรื่องน่าประหลาดใจและตกใจอย่างมากที่ศศิพิมพ์ไม่คิดว่าจะได้ยิน จิรสุตาโทรศัพท์มาบอกเมื่อไม่กี่นาทีนี้เองว่าจิรศักดิ์เรียกหล่อนเข้าไปในห้องทำงาน เพื่อให้ทำเรื่องจ่ายค่าแรงและค่าชดเชยต่างๆ ของกัญญาให้เรียบร้อย



“ใช่” ปลายสายตอบกลับ “พี่กัญยื่นใบลาออกไว้เป็นเดือนแล้วแต่ก็ถูกลุงห้ามไว้ บอกให้ไปคิดให้ดีๆ นี่ก็เห็นเงียบไปสองสามเดือน แล้วจู่ๆ ก็เข้าไปบอกลุงว่ายังยืนยัน พรุ่งนี้วันศุกร์พี่กัญจะมาทำงานเป็นวันสุดท้าย”



“รู้ไหมเรื่องอะไร”



เสียงปลายสายเหนื่อยหน่ายใจ



“ไม่รู้ไม่ยอมบอก ถ้าจะบอกว่าเรื่องพี่วัฒน์ก็เห็นพูดแรงๆ ใส่กันงี้มาไม่รู้กี่ปีละ แต่ถ้าให้คิดก็มีแค่เรื่องเดียว คืออย่าว่าเม้าท์เลยนะแอบได้ยินทิตย์พูด ก็ประมาณว่าพี่วัฒน์มีแฟนแล้วอะ แอบอยู่กันเงียบๆ แบบผัวเมียที่คอนโดไม่บอกใคร” เสียงคนพูดยิ่งค่อย “พี่กัญคงทำใจไม่ได้อะแกก็รักมาตั้งกี่ปี คงไม่อยากอยู่ให้เห็นตำตา”



“แล้วจะเลี้ยงส่งวันไหน”



“ไม่รู้สิ นี่พี่กัญบอกให้เก็บเงียบนะ ลุงก็กำชับมา ไม่ได้บอกใครเลยแต่กะว่าจะนัดเลี้ยงพี่เขาทีหลัง รอแกกลับมาพร้อมหน้ากันก่อน”



ศศิพิมพ์รับคำในลำคอ นึกสงสารกัญญาขึ้นมาติดหมัด แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อคนไม่ได้รัก เธอคุยกับน้องสามีอีกพักก่อนจะวางสายไป จากนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมกัญญาต้องรีบลาออก



แต่คิดยังไงก็ไม่มีเรื่องไหนเข้าท่าสักเรื่อง นอกจากเรื่องที่จิรสุตาบอกมา... ก็อาจจะจริง กัญญาคงอยากทำใจ แต่ถ้าให้เห็นหน้าของธนวัฒน์อยู่อย่างนี้ทุกวันมันก็คงทำใจได้ลำบาก



“ไปเดินเล่นกันไหม”



จิรสินวางมือบนบ่าภรรยา เธอโทรศัพท์เสร็จพอดีและเงยหน้ามองเขาพร้อมกับยิ้มจนตาหยี



“ไปค่ะ” ไม่ใช่พูดเปล่าแต่ยกมือชูขึ้นเหมือนเด็ก “ดึงหน่อยได้ไหมคะ”



คนฟังอมยิ้มในหน้า ยามเธอเปิดใจ ศศิพิมพ์ช่างน่ารัก เธอขี้อ้อนและเขาเองก็ช่างตามใจเสียด้วย เขาทำตามเธอร้องขอแต่ไม่วายแหย่

“อุ้มก็ได้นะคะ พิมพ์ตัวนิดเดียว”

แต่ท่าทีหนักเสียเต็มประดานั่นทำเอาศศิพิมพ์ค้อนวงใหญ่

เราสองคนจูงมือกันเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านพัก จิรสิน คอยจนเราออกเดินกันมาสักพักจึงได้ถาม

“ยายตาโทร.มา มีปัญหาอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

หญิงสาวอมยิ้ม เดี๋ยวนี้นอกจากคะขา มีจ๊ะจ๋าเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“พี่กัญลาออกค่ะ ตาบอกว่าเรากลับจะนัดพี่เขาเลี้ยงส่งอีกที”

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“เอ่อตาว่าอาจจะเพราะพี่วัฒน์มีแฟนแล้วค่ะ”

จิรสินขมวดคิ้ว

“นี่เขาตัดใจจากเมียพี่ได้แล้วหรือจ๊ะ”

ศศิพิมพ์ฟาดเพียะ ส่วนคนถูกตีหัวเราะร่วนด้วยซ้ำ และหัวข้อพูดคุยก็เปลี่ยนไป

จากโซนบ้านพักไม่ถึงห้าร้อยเมตรทางทิศตะวันตกเป็นไร่ชา ยามใกล้ค่ำแสงตะวันรอนทำให้ทิวทัศน์ที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ทำเอาคนทั้งคู่ถึงกับหยุดมองราวต้องมนตร์

หน้าฝน ไอน้ำเยอะฉะนั้นเวลาสี่โมงเย็นกว่าอย่างนี้จึงเห็นละอองหมอกบางเบา แถวต้นชามองดูคล้ายเขาวงกตสีเขียว แนวไหล่เขาและการปลูกเป็นขั้นบันไดทำให้ดูเหมือนเขาวงกต

“ไปนั่งตรงโน้นกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพี่ถ่ายรูปให้”

จิรสินเอ่ยบอกพลางจับจูงเธอให้เดินตาม ใต้ต้นกาสะลองต้นใหญ่มีม้านั่งทำจากไม้ตั้งอยู่ตรงโคนต้น ดอกสีขาวร่างอยู่บนพื้น ดอกบนต้นส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยตามลม

ศศิพิมพ์กลายเป็นนางแบบจำเป็น และขณะมองตากล้องที่ยืนหันหลังให้ดวงอาทิตย์ เธอรู้สึกว่ามันเป็นภาพที่คงประทับอยู่ในใจไปตลอดชีวิต แม้เงามืดจะครอบไว้ แต่เธอกลับเห็นเขาเด่นชัดเหลือเกิน แม้เขายืนห่างออกไป แต่กลับเหมือนเขายืนอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ

นานกับตากล้องจำเป็นที่สนุกกับการเก็บภาพภรรยา เกือบห้าโมงเย็นเขาถึงได้มานั่งลงข้างๆ มองพระอาทิตย์ที่กำลังลับเหลี่ยมเขาด้วยกัน

จิรสินไม่ได้มองไปยังเบื้องหน้าเลย แต่เขามองคนข้างตัว

ดวงหน้าที่เขาพึงใจ ยามต้องแสงจนเกิดเงาอีกด้านนั้นทำให้คนมองเผลอยิ้ม และยกมือขึ้นสัมผัส เธอละสายตามามองและส่งยิ้มให้เขา จิรสินส่งยิ้มตอบ อดใจไม่ได้จึงจูบลงกับหน้าผากเนียนนั้น

และ... ชายหนุ่มก็เพิ่งรู้ ภรรยาเขาช่างซุกซน

ศศิพิมพ์เงยหน้าและจูบที่ปลายคางเขาแผ่วเบา เธอยังคงมองเขาและไม่ได้ก้มหน้าหลบเมื่อเขาก้มลงมอง จิรสินไล้ปลายนิ้วโป้งกับแก้มนิ่มนั้นไปมาเบาๆ และเมื่อเธอหลับตาลง เขาก็แนบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของเธอ

เป็นจูบที่หวานยิ่งอีกหนึ่งจูบ

เขาไม่ได้พูดว่ารักอีก แต่จูบที่แนบนานก็ราวกับคำกล่าวจากใจของเขาแล้ว

ศศิพิมพ์สัมผัสมันได้ และหัวใจก็อิ่มเอม

เธอกลัวมาตลอดที่จะเปิดใจ เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด




ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2561, 19:53:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ค. 2561, 19:53:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 719





<< ๑๖ หวั่นไหว (25%)   ๑๗ หลอมรวม (50%) >>
์nuch 30 ก.ค. 2561, 20:36:46 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account