กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๑๗ หลอมรวม (100%)

อติยุทธเบือนหน้ากลับมามองเพื่อน



“แล้วก็คาดโทษว่า ไอ้คุณยุทธห้ามนอกใจนะ ไม่งั้นมีตบ!”



“ไอ้-เวร!” คนพูดแม้ตาจะยังเศร้าแต่หน้าก็เปื้อนยิ้ม “แล้วไง แกกับคุณพิมพ์จะเอายังไงต่อ จะปล่อยให้มีลูกเลยไหม กะกลับไปนี่ท้องเลยใช่มะ วันๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับเมียในห้อง”



“ไอ้คุณเวร” จิรสินฟาดที่คีบในมือไปหาคนพูด แต่อติยุทธหลับทันและหัวเราะกวนๆ “อันนี้ก็พูดเกินไป ทำงานโว้ย ให้เขามาเช็กบัญชี พอหายไข้ก็หอบแฟ้มเป็นตั้งๆ มาเช็ก มีเวลาทำอะไรที่ไหนเล่า”



“ฮะฮะ นี่พูดจริงนะสิน ถ้ามีเด็ก คำว่าครอบครัวจะสมบูรณ์ขึ้นนะ อยู่กันสองคนมันดีก็จริง แต่ไม่เท่ากับมีเด็กอีกคนหรอก เด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแกกับคุณพิมพ์น่ะ”



“ลูก--” จิรสินพึมพำขณะหันกลับไปมองภรรยา “งั้นเหรอ”



“เออ แต่งงานแล้วก็คิดกันได้แล้วนะ เด็กถ้าเกิดจากความรักของพ่อแม่ เขาจะไม่ใช่แค่เครื่องผูกมัดทางสังคมนะ แต่เขาจะเป็นส่วนเติมเต็มของคำว่าครอบครัวต่างหาก”



อติยุทธเห็นสายตาเพื่อนแล้วก็ได้แต่พูดต่อยิ้มๆ



“คุณพิมพ์ก็ดูรักเด็ก ถ้าแกกับเธอเข้าใจกันแล้วก็น่าจะคุยๆ เรื่องนี้ไว้บ้างนะ”



“นั่นสินะ”



“เออ แล้วก็ภาวนาเอาแล้วกัน”



“ภาวนา” จิรสินหันกลับมามองคนพูด “ภาวนาอะไรวะ”



“เอ้า!” อติยุทธพูดยิ้มๆ “ก็ลูกคนแรกขอให้ได้ผู้ชาย เพราะถ้าเป็นผู้หญิงไอ้สินเอ๊ย! ระวังกรรมจะติดจรวด แกได้หวงลูกสาวจนหนวดกระดิกแน่”



“ไอ้!”



“อ๊ะ! อย่าใช้ความรุนแรงเชียวนะ แล้วก็อย่าพูดคำหยาบนะครับคุณสิน เมียกำลังมองมาครับ เห็นผัวนิสัยไม่ดีตีเพื่อนระวังโดนเมียอบรมนะครับ”



จิรสินเข่นเขี้ยว แต่ไม่วายคาดโทษ... ด้วยเสียงอุบอิบ



“เออ ก็ได้ครับไอ้เวร ทีใครทีมันให้จำใส่กะโหลกไว้ด้วยเลยนะครับเพื่อน!”



อติยุทธหัวเราะลั่นอย่างพออกพอใจ และเสียงหัวเราะนั่นก็ดังเสียจนศศิพิมพ์ที่กำลังมองอยู่อดอยากรู้ไม่ได้ ว่าทั้งคู่กำลังคุยอะไรกัน เพราะสังหรณ์บอก เธออาจกำลังจะถูกนินทา!



มื้อค่ำจบลงเกือบสามทุ่ม สองสามีภรรยาเดินกลับบ้านพักกันเงียบๆ ไม่มีการจับจูง จะมีก็แต่เพียงสายตาที่คอยมองสบกันและกัน ความหมายในดวงตานั้นราวกับจะบอกอีกฝ่ายว่ากลัวคนข้างๆ จะหายไป แม้นเพียงละสายตาแค่ชั่ววินาที



คืนนั้นทุกอย่างจบลงด้วยการที่เราอยู่ในอ้อมแขนกันและกัน



ศศิพิมพ์หลับใหล และซุกตัวขดอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างกับเด็กตัวเล็กๆ จิรสินยังนอนไม่หลับ ชายหนุ่มพลิกตัวนอนตะแคงอย่างช้าๆ ขณะเท้าข้อศอกกับที่พื้นยันตัวขึ้นมองคนในอ้อมแขน



คิดถึงคำพูดของอติยุทธ จิรสินก็นึกฉงนอยู่



หากมีลูก ลูกของเธอกับเขา เด็กคนนั้นจะมีหน้าตาเหมือนใครมากกว่ากัน แล้วนิสัยจะคล้ายพ่อหรือแม่ หากเป็นผู้ชายและนิสัยคล้ายเขา แค่คิดจิรสินก็ปวดหัว แต่ถ้าหากได้ลูกสาวเขาคงปวดหัวยิ่งกว่าเพราะกลัวกรรมติดจรวดอย่างที่อติยุทธขู่



สมัยยังเด็ก ตอนเป็นพ่อพวงมาลัยก็ไม่ได้คิดอะไร มาตอนนี้พอมีครอบครัวและคิดว่าอนาคตอาจจะมีลูก... เขาก็อดเสียดายไม่ได้ว่าหากแรดน้อยลงกว่านั้นหน่อยก็คงดี



จิรสินผ่อนลมหายใจบางเบา และก้มลงแนบริมฝีปากกับหน้าผากคนหลับ



อดคิดไม่ได้ถึงเรื่องราวสมัยก่อน


เมื่อแรกมีเธอเป็นความบังเอิญ และเพราะความที่เป็นเด็กจึงเสียเธอไป เด็กชายคนเก่านั้นหวังเอาชนะ ส่วนเด็กหญิงคนนั้นถึงกับขยาดความรักไป พอโต ต่างคนต่างแยกย้าย เราสองได้เจอเส้นทางใหม่ของตัวเอง เขาเจอคนที่ทำให้รักและเจ็บ เธอเจอคนที่ต้องทำให้เจ็บและรัก สุดท้ายคือเขาเจ็บ เธอเจ็บ แล้วเราก็กลับมาเจอกัน

ไม่รู้เรื่องวันนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไรแต่เขาก็อยากขอบคุณ อยากขอบคุณความสับสนของตัวเอง อยากขอบคุณที่ไม่ปฏิเสธและปล่อยเธอไป และอยากขอบคุณที่เธอยอมเปิดใจให้เขาอีกครั้ง

เคยคิดหาคำตอบว่าหากรักศศิพิมพ์แล้วกับปุณณมาคืออะไร

ปุณณมาก็เป็นรัก รักอีกแบบที่เขาเคยได้สัมผัส เป็นรักรุนแรงที่เต็มไปด้วยความอยากเป็นเจ้าของ ความหึงหวง หวาดระแวง มีความสุขไหมที่ได้รักหล่อน มี... แต่เป็นสุขที่ปนกับทุกข์ จนสุดท้ายก็ไปกันไม่รอดและจบที่แยกย้าย

แต่กับศศิพิมพ์ช่างแตกต่าง

เธอให้ความรู้สึกเหมือนน้ำ เย็นฉ่ำชื่นใจ ความหึงหวงหรือ ความหวาดระแวงหรือแทบไม่เคยเกิด อาจเพราะมันเป็นการเปิดใจอย่างแท้จริง รู้สึกอย่างไร คิดแบบไหน เราไม่เคยปิดบัง เป็นความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นจากการเข้าใจกันและกัน อาจเพราะเราต่างเคยเจ็บจึงเข้าใจได้ดีว่าอีกฝ่ายคิดหรือรู้สึกเช่นไร

จิรสินค่อยเอนลงนอนและประคองกอดเธอเข้ามาไว้ในวงแขนยิ่งขึ้น คนหลับครางฮืออย่างขัดใจแต่สุดท้ายก็ซุกหน้าเข้าหา ชายหนุ่มแนบหน้ากับเส้นผมนุ่ม

เคยคิด ตอนอกหักจากปุณณมาแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่

แต่ครั้งนี้หากมีอะไรทำให้เขาเสียศศิพิมพ์ไป จิรสินมั่นใจเขาอยู่ได้แต่อยู่แบบตายทั้งเป็น!

เขารักเธอ รักเสียจนไม่รู้ว่าความรู้สึกลึกซึ้งนี้พันผูกเขาไว้ตั้งแต่ตอนไหน มารู้ตัวก็ต่อเมื่อมันแนบแน่นเสียจน... เขายังรู้สึกว่าเริ่มกลัวตัวเอง กลัวเพราะรักเธอมากเกินไป

รักจนกลัวว่าถ้าสักวันหากเห็นเธอไม่มีความสุข และเขาเป็นตัวทุกข์ของเธอ เขาจะต้องปล่อยเธอไป




เรากลับมาจากแม่ฮ่องสอน และได้นอนพักหนึ่งคืนในวันอาทิตย์ก่อนจะเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่พร้อมกับงานค้างที่รอสะสางมาตลอดสองสัปดาห์ที่ขึ้นไปเหนือกัน

ศศิพิมพ์รู้... รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไป

หัวใจมันเบาขึ้น รู้สึกว่าตัวเองมั่นคงขึ้น และมีความสุขมากขึ้นจนอดละอายลึกๆ ไม่ได้ว่า เธอมีความสุขมากเกินไป สำหรับเธอไม่ควรได้รับความสุขมากเท่านี้ เพราะบาปจากการทำให้คนคนหนึ่งตายทั้งเป็น เธอทำร้ายณวัฒน์ ทำร้ายอย่างเลือดเย็นจนไม่น่าได้รับความสุขใดๆ อีก

“แหมะ!”

จิรสุตาถือแก้วกาแฟในตอนบ่ายแก่เดินเตร่ตรงมาหาพี่สะใภ้

“กลับมายิ้มย่องผ่องใส แฮปปี้น่าดู๊” ประโยคต่อมาป้องปากกระซิบถาม “กลับมาคราวเนี้ยอะ ฉันต้องเป็นอาแล้วใช่ไหมแก”

“บ้า!” เสียงแหวเบาแสนเบา และคนแหวก็แก้มแดงเรื่อ “ทะลึ่ง”

“อ๊ายทำเขิน”

จิรสุตาหัวเราะร่วนและไม่วายกระซิบ

“แล้วไง คือแบบก็ไม่ได้อยากรู้อะนะแต่ว่าเคยได้ยินคนพูดกันว่าเรื่องรักไม่ใช่แค่บนเตียงไปที่ระเบียงบ้างก็ได้น่ะมันจริงไหม”

ศศิพิมพ์หน้าร้อนวาบพาลคิดไปถึงเรื่องเมื่อตอนนั้น ทั้งเขินทั้งอายเสียจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองเพื่อนสนิทอย่างคาดโทษ ในขณะที่อีกฝ่ายทิ้งสะโพกพิงขอบโต๊ะ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกอดอก อีกข้างยกแก้วกาแฟขึ้นจิบพลางหัวเราะหัวใคร่พอใจ

“อายุอานามก็ขนาดนี้แล้วนะแก คิดไว้บ้างก็ดี พี่สินน่ะอีกไม่กี่ปีจะสี่สิบ กว่าลูกจะโตคงได้ตะบันน้ำกิน”

“หื้อแกนี่ พูดอย่างกับเคยมีประสบการณ์”

“โฮะ” จิรสุตาใช้หางตามองคนเหน็บ “ประสบการณ์มีในกูเกิ้ลค่ะแม่ชี อยากรู้อะไรถามอากู๋ดูสิคะ”





ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2561, 20:10:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ส.ค. 2561, 20:10:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 791





<< ๑๗ หลอมรวม (50%)   ๑๗ หลอมรวม (150%) >>
์nuch 1 ส.ค. 2561, 20:26:28 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account