กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต
ตอน: ๑๗ หลอมรวม (150%)
“จ้าแม่คนรู้มาก”
จิรสุตาพยักหน้ารับกำลังจะยกกาแฟขึ้นจิบแต่ก็ชะงัก
“จริงสิตา ว่าแต่พี่กัญน่ะเป็นไงบ้าง”
คนถูกถามส่ายหน้าพลางถอนหายใจ
“ติดต่อไม่ได้แล้ว ไปหาที่คอนโดก็ปล่อยให้เช่า เพื่อนพี่กัญเป็นคนดูแล ก็ไม่รู้จะทำยังไงพี่กัญไม่มีญาติที่ไหน บ้านเก่าแกแถวฝั่งธนก็ขายไปนานแล้วด้วย นี่ก็นึกๆ กันว่าทำไมแกจงใจตัดพวกเราขาดทุกคนเลย ฉันยังสงสัยนะพวกเราทำอะไรให้พี่กัญเจ็บช้ำเข้าหรือเปล่า”
ที่พูดกันได้เพราะธนวัฒน์ไม่อยู่ เขาออกไปดูไซด์งานที่ปราจีนบุรีตั้งแต่กลางอาทิตย์ก่อนจะกลับเข้าบริษัทอีกทีก็ปลายอาทิตย์นี้เลย
“แล้วก็นะฉันไม่แน่ใจแต่ป้าแม่บ้านแกเม้าท์ให้ฟัง ว่าสองสามวันก่อนพี่กัญลาออกน่ะ แกดูไม่ค่อยดี โอ้กอ้ากในห้องน้ำบ่อยมาก-ก-ก เอ่อก็เลยสงสัยว่าที่แกลาออกเพราะเอ้อ... อาจจะท้อง”
สีหน้าศศิพิมพ์แทนคำถามชัดเจน
“ไม่รู้หรอกว่าแฟนแกเป็นใคร แต่แบบก็เดาเอาอะ เพราะตอนไปหาแกที่คอนโดยามบอกว่าเคยเห็นผู้ชายมาหาพี่กัญที่นี่สองสามครั้ง แต่เห็นหน้าไม่ชัด ก็คงจะเป็นแฟนพี่เขาแหละ แกคงตัดใจจากพี่วัฒน์ได้แล้ว และถ้านะ ถ้าพี่กัญท้องจริงก็คงลาออกไปเป็นแม่บ้านให้แฟนแกแหละ แต่แหม... อดเสียความรู้สึกนิดๆ ไม่ได้นะที่แกปิดเรา แล้วยังหนีหน้ากันไปดื้อๆ อย่างกับกำลังหนีหนี้แน่ะ”
“เรื่องมีแฟน” ศศิพิมพ์ขมวดคิ้ว “ไม่ค่อยอยากเชื่อเลย พี่กัญแกดูรักพี่วัฒน์มากนะ ถึงจะจิกๆ กัดๆ บ้างแต่ก็คอยดูแลตลอดเลย”
จิรสุตายักไหล่ จิบกาแฟไปอึกใหญ่แล้วจึงพูด
“เออ แล้วแกรู้ป่ะว่าณุเป็นไงบ้าง”
“ก็ไม่รู้เลย ตั้งแต่งานแต่งก็ไม่ค่อยได้เจอพี่ณันแล้วด้วย”
“เหรอ”
จิรสุตาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ก่อนเดินไปลากเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของศศิพิมพ์ หล่อนอึกอักครู่หนึ่งทีเดียวก่อนจะค่อยๆ พูดออกไป
“ฉันเจอณุล่ะ สองสามวันก่อนไปกันสองคนกับยัยอรคู่หมั้นเขา ฉันได้คุยกันนิดหน่อยเห็นว่าออกจากโรงพยาบาลได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว เดินได้ แต่ยังวิ่งไม่ได้ ขับรถไม่ได้เพราะยังสั่งการมือไม้ได้ไม่ดีเท่าไหร่ ก็ผอมเหมือนเดิมแต่เริ่มมีเนื้อหนังขึ้นมาแล้ว”
ศศิพิมพ์อึ้งไปพักใหญ่ทีเดียว
“ณุ--”
“ณุถามถึงแก ฉันเลยบอกไปตรงๆ ว่าแกไปฮันนีมูนกับพี่สิน สงสารณุนะแต่ฉันไม่อยากให้มันมีความหวังน่ะ อีกอย่างยัยคู่หมั้นนั่นอีกฉันไม่อยากให้เป็นปัญหามาถึงแก”
ศศิพิมพ์นิ่งไปทันตาเห็น
“ฉันรู้นะแกมีความสุขมากแค่ไหนแต่ก็ยังอดโทษตัวเองเรื่องณุมันไม่ได้ แต่พิมพ์ คราวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ แกมีพี่สินแล้ว แล้วอีกหน่อยก็อาจจะมีเด็กตัวเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา แกควรปล่อยเรื่องณุได้แล้วนะ ที่ฉันเล่าก็แค่อยากให้แกสบายใจ ณุกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แกเองก็เหมือนกัน ถ้าจะสุขก็สุขให้เต็มทีเถอะ อย่าแบกความรู้สึกผิดไว้ให้มันเป็นทุกข์กับตัวแกเองเลย”
คนฟังยังครุ่นคิด จิรสุตาจึงตีลงบนหลังมือเบาๆ
“อดีตมันแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก ปัจจุบันต่างหากที่สำคัญ แกคิดดูนะพิมพ์ลองเทียบดูระหว่างณุ กับพี่สิน ถ้าตอนนี้พี่สินต้องเป็นฝ่ายเสียใจ แกทนมองได้ไหม”
ศศิพิมพ์ไม่ตอบ เพราะคำตอบชัดเจนยิ่ง
จริงอยู่ณวัฒน์เจ็บและเสียโอกาสไปหลายปีเพราะเธอ หากมีทางใดชดใช้ให้เขาได้เธอก็อยากชดใช้ แต่... การชดใช้นั้นเธอก็อยากให้มันตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า จิรสินจะไม่ต้องเจ็บกับการกระทำของเธอ เธอเคยรักณัฐพงษ์ รู้สึกผิดกับณวัฒน์ แต่ตอนนี้หัวใจนั่นมันเปลี่ยนไปแล้ว
หากต้องเฉือนหัวใจตัวเองเพื่อชดใช้ให้ณวัฒน์เธอทำไม่ได้ เมื่อก่อนอาจใช่ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ
วันนี้เป็นวันที่ต้องกลับดึกเพราะปัญหาที่เจอเมื่อตอนเย็นเขาจึงต้องประชุมกับวิศวกรประจำไซด์งานแบบเร่งด่วน
ชายหนุ่มใช้กุญแจไขประตูกระจกหน้าบ้านเปิดออก ครั้นเดินเข้าไปก็เห็นว่าทั้งหมาและเจ้าของหมาหลับ ศศิพิมพ์นั่งสัปหงกอยู่หน้าจอโทรทัศน์บนโซฟา แทบเท้าคือเจ้าหมาที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้านได้ยอดแย่
“ฟองน้ำ!”
เสียงเรียกคุ้นชินทำให้สุนัขตัวโตหูผึ่งลุกขึ้นยืน แต่พอเห็นเป็นนายก็วิ่งระริกระรี้ส่ายหางระรัวเข้ามาหา จิรสินตบหัวทักทายสองสามครั้ง
“ไงไอ้หลังอานเซินเจิ้น เฝ้าบ้านได้ดีเชียวนะแก”
ฟองน้ำครางหงิงเลียมือพ่อสองสามที จากนั้นก็ทิ้งแม่วิ่งไปนอนแนบประตูกระจกหน้าบ้านเฉยเสีย
จิรสินมองตามและอดขำไม่ได้ เพราะที่ตั้งฉายาให้ฟองน้ำแบบนั้น ก็เนื่องจากเจ้าหมามีลักษณะเหมือนสุนัขพันธ์หลังอานทุกประการ แต่... ขนตรงกลางหลังไม่ย้อนกลับ และตา จมูก ปาก เป็นสีชมพู ไม่ได้เป็นสีดำเหมือนพันธ์แท้
“พิมพ์คะ” ชายหนุ่มเอ่ยเรียก แต่ภรรยาไม่ได้รู้สึกตัว เขายิ้มขำปิดโทรทัศน์จากนั้นก็วางของที่หอบหิ้วมาลงบนโต๊ะ แล้วจึงได้ช้อนหญิงสาวขึ้นอุ้ม
เธอคงเหนื่อยมากถึงได้หลับลึกขนาดนี้
จิรสินอุ้มเธอเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง เมื่อวางหญิงสาวลงบนเตียงก็อดจะมองใบหน้าของเธออีกไม่ได้ เขาชอบมองเธอ อยากเห็นเธออยู่ในสายตาแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าใจมันสงบดี
ชายหนุ่มกลับลงมาชั้นล่าง เก็บข้าวของที่ตัวเองเอากลับมา เช็กกลอนประตูหน้าต่างจากนั้นก็ปิดไฟแล้วกลับขึ้นชั้นบนไป
เกือบตีสองแล้วตอนที่เขาทำล้มตัวลงนอนบนเตียง ชายหนุ่มดึงเอาร่างบางเข้ามากอดไว้เหมือนอย่างเคย และนั่นก็ทำให้ศศิพิมพ์รู้สึกตัวตื่น เธอลืมตางัวเงียมองมาและยิ้มทั้งๆ อย่างนั้นส่งให้
“กลับมานานหรือยังคะ พิมพ์ไม่รู้เลย”
“สักพักค่ะ แต่คนขี้เซาไม่ยอมตื่นเลย”
ชายหนุ่มยิ้มกดจมูกตัวเองแนบกับจมูกภรรยา
“พี่บอกแล้วไงถ้าง่วงก็ไม่ต้องรอ”
ในความสลัว แววตาเป็นห่วงเป็นใยนั้นกลับเห็นได้ชัด
“อยากรอค่ะ”
คำตอบนั้นทำคนฟังยิ้มปลื้ม จิรสินแนบจูบกับหน้าผากนวล เมื่อเขามองสบตาเธออีกครั้งเราต่างก็ยิ้มให้กัน
ศศิพิมพ์ขยับตัวซุกหน้าแนบกับอกกว้าง ผ่อนลมหายใจเมื่อเขากอดเธอแน่นขึ้นอีกนิด หญิงสาววางมือทาบกับแผงอก และสุดท้ายก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองเขา
“มันดึกแล้ว พิมพ์รู้ว่าไม่ดีที่จะพูดวันนี้แต่--” เธอผ่อนลมหายใจอีกครั้ง “วันนี้ตาเล่าเรื่องที่เจอณุให้พิมพ์ฟังค่ะ”
ไม่มีใครยินดีกับเรื่องเล่าแฟนเก่าของคนรัก เจ็บเสียดในใจบ้างไหม เขายอมรับมีบ้าง แต่... มันก็แค่นั้น
อาจเพราะเธอเลือกที่จะเล่า ทำอย่างที่เราทำมาตลอด... เปิดใจ
“ตาเจอณุกับคู่หมั้นเขาที่ห้าง ณุดีขึ้นมากแบบมาก-มาก และพิมพ์” เธออึกอัก “พิมพ์อยากไปเยี่ยมณุอีกสักครั้งค่ะ อยากไปขอโทษ อยากบอกว่าพิมพ์ผิดจริงๆ พิมพ์ไม่ได้จะขอให้ณุยกโทษให้แต่... ขอให้พิมพ์ได้บอกกับณุสักครั้งว่าพิมพ์เสียใจจริงๆ พิมพ์หลอกณุ พิมพ์ตั้งใจ ตอนนั้นไม่รู้พิมพ์คิดได้ยังไงถึงคิดจะใช้ณุเป็นเครื่องมือ”
ตาคู่สวยหม่น เสียงเครือ ศศิพิมพ์สะเทือนใจ
จิรสุตาพยักหน้ารับกำลังจะยกกาแฟขึ้นจิบแต่ก็ชะงัก
“จริงสิตา ว่าแต่พี่กัญน่ะเป็นไงบ้าง”
คนถูกถามส่ายหน้าพลางถอนหายใจ
“ติดต่อไม่ได้แล้ว ไปหาที่คอนโดก็ปล่อยให้เช่า เพื่อนพี่กัญเป็นคนดูแล ก็ไม่รู้จะทำยังไงพี่กัญไม่มีญาติที่ไหน บ้านเก่าแกแถวฝั่งธนก็ขายไปนานแล้วด้วย นี่ก็นึกๆ กันว่าทำไมแกจงใจตัดพวกเราขาดทุกคนเลย ฉันยังสงสัยนะพวกเราทำอะไรให้พี่กัญเจ็บช้ำเข้าหรือเปล่า”
ที่พูดกันได้เพราะธนวัฒน์ไม่อยู่ เขาออกไปดูไซด์งานที่ปราจีนบุรีตั้งแต่กลางอาทิตย์ก่อนจะกลับเข้าบริษัทอีกทีก็ปลายอาทิตย์นี้เลย
“แล้วก็นะฉันไม่แน่ใจแต่ป้าแม่บ้านแกเม้าท์ให้ฟัง ว่าสองสามวันก่อนพี่กัญลาออกน่ะ แกดูไม่ค่อยดี โอ้กอ้ากในห้องน้ำบ่อยมาก-ก-ก เอ่อก็เลยสงสัยว่าที่แกลาออกเพราะเอ้อ... อาจจะท้อง”
สีหน้าศศิพิมพ์แทนคำถามชัดเจน
“ไม่รู้หรอกว่าแฟนแกเป็นใคร แต่แบบก็เดาเอาอะ เพราะตอนไปหาแกที่คอนโดยามบอกว่าเคยเห็นผู้ชายมาหาพี่กัญที่นี่สองสามครั้ง แต่เห็นหน้าไม่ชัด ก็คงจะเป็นแฟนพี่เขาแหละ แกคงตัดใจจากพี่วัฒน์ได้แล้ว และถ้านะ ถ้าพี่กัญท้องจริงก็คงลาออกไปเป็นแม่บ้านให้แฟนแกแหละ แต่แหม... อดเสียความรู้สึกนิดๆ ไม่ได้นะที่แกปิดเรา แล้วยังหนีหน้ากันไปดื้อๆ อย่างกับกำลังหนีหนี้แน่ะ”
“เรื่องมีแฟน” ศศิพิมพ์ขมวดคิ้ว “ไม่ค่อยอยากเชื่อเลย พี่กัญแกดูรักพี่วัฒน์มากนะ ถึงจะจิกๆ กัดๆ บ้างแต่ก็คอยดูแลตลอดเลย”
จิรสุตายักไหล่ จิบกาแฟไปอึกใหญ่แล้วจึงพูด
“เออ แล้วแกรู้ป่ะว่าณุเป็นไงบ้าง”
“ก็ไม่รู้เลย ตั้งแต่งานแต่งก็ไม่ค่อยได้เจอพี่ณันแล้วด้วย”
“เหรอ”
จิรสุตาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ก่อนเดินไปลากเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของศศิพิมพ์ หล่อนอึกอักครู่หนึ่งทีเดียวก่อนจะค่อยๆ พูดออกไป
“ฉันเจอณุล่ะ สองสามวันก่อนไปกันสองคนกับยัยอรคู่หมั้นเขา ฉันได้คุยกันนิดหน่อยเห็นว่าออกจากโรงพยาบาลได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว เดินได้ แต่ยังวิ่งไม่ได้ ขับรถไม่ได้เพราะยังสั่งการมือไม้ได้ไม่ดีเท่าไหร่ ก็ผอมเหมือนเดิมแต่เริ่มมีเนื้อหนังขึ้นมาแล้ว”
ศศิพิมพ์อึ้งไปพักใหญ่ทีเดียว
“ณุ--”
“ณุถามถึงแก ฉันเลยบอกไปตรงๆ ว่าแกไปฮันนีมูนกับพี่สิน สงสารณุนะแต่ฉันไม่อยากให้มันมีความหวังน่ะ อีกอย่างยัยคู่หมั้นนั่นอีกฉันไม่อยากให้เป็นปัญหามาถึงแก”
ศศิพิมพ์นิ่งไปทันตาเห็น
“ฉันรู้นะแกมีความสุขมากแค่ไหนแต่ก็ยังอดโทษตัวเองเรื่องณุมันไม่ได้ แต่พิมพ์ คราวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ แกมีพี่สินแล้ว แล้วอีกหน่อยก็อาจจะมีเด็กตัวเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา แกควรปล่อยเรื่องณุได้แล้วนะ ที่ฉันเล่าก็แค่อยากให้แกสบายใจ ณุกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แกเองก็เหมือนกัน ถ้าจะสุขก็สุขให้เต็มทีเถอะ อย่าแบกความรู้สึกผิดไว้ให้มันเป็นทุกข์กับตัวแกเองเลย”
คนฟังยังครุ่นคิด จิรสุตาจึงตีลงบนหลังมือเบาๆ
“อดีตมันแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก ปัจจุบันต่างหากที่สำคัญ แกคิดดูนะพิมพ์ลองเทียบดูระหว่างณุ กับพี่สิน ถ้าตอนนี้พี่สินต้องเป็นฝ่ายเสียใจ แกทนมองได้ไหม”
ศศิพิมพ์ไม่ตอบ เพราะคำตอบชัดเจนยิ่ง
จริงอยู่ณวัฒน์เจ็บและเสียโอกาสไปหลายปีเพราะเธอ หากมีทางใดชดใช้ให้เขาได้เธอก็อยากชดใช้ แต่... การชดใช้นั้นเธอก็อยากให้มันตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า จิรสินจะไม่ต้องเจ็บกับการกระทำของเธอ เธอเคยรักณัฐพงษ์ รู้สึกผิดกับณวัฒน์ แต่ตอนนี้หัวใจนั่นมันเปลี่ยนไปแล้ว
หากต้องเฉือนหัวใจตัวเองเพื่อชดใช้ให้ณวัฒน์เธอทำไม่ได้ เมื่อก่อนอาจใช่ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ
วันนี้เป็นวันที่ต้องกลับดึกเพราะปัญหาที่เจอเมื่อตอนเย็นเขาจึงต้องประชุมกับวิศวกรประจำไซด์งานแบบเร่งด่วน
ชายหนุ่มใช้กุญแจไขประตูกระจกหน้าบ้านเปิดออก ครั้นเดินเข้าไปก็เห็นว่าทั้งหมาและเจ้าของหมาหลับ ศศิพิมพ์นั่งสัปหงกอยู่หน้าจอโทรทัศน์บนโซฟา แทบเท้าคือเจ้าหมาที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้านได้ยอดแย่
“ฟองน้ำ!”
เสียงเรียกคุ้นชินทำให้สุนัขตัวโตหูผึ่งลุกขึ้นยืน แต่พอเห็นเป็นนายก็วิ่งระริกระรี้ส่ายหางระรัวเข้ามาหา จิรสินตบหัวทักทายสองสามครั้ง
“ไงไอ้หลังอานเซินเจิ้น เฝ้าบ้านได้ดีเชียวนะแก”
ฟองน้ำครางหงิงเลียมือพ่อสองสามที จากนั้นก็ทิ้งแม่วิ่งไปนอนแนบประตูกระจกหน้าบ้านเฉยเสีย
จิรสินมองตามและอดขำไม่ได้ เพราะที่ตั้งฉายาให้ฟองน้ำแบบนั้น ก็เนื่องจากเจ้าหมามีลักษณะเหมือนสุนัขพันธ์หลังอานทุกประการ แต่... ขนตรงกลางหลังไม่ย้อนกลับ และตา จมูก ปาก เป็นสีชมพู ไม่ได้เป็นสีดำเหมือนพันธ์แท้
“พิมพ์คะ” ชายหนุ่มเอ่ยเรียก แต่ภรรยาไม่ได้รู้สึกตัว เขายิ้มขำปิดโทรทัศน์จากนั้นก็วางของที่หอบหิ้วมาลงบนโต๊ะ แล้วจึงได้ช้อนหญิงสาวขึ้นอุ้ม
เธอคงเหนื่อยมากถึงได้หลับลึกขนาดนี้
จิรสินอุ้มเธอเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง เมื่อวางหญิงสาวลงบนเตียงก็อดจะมองใบหน้าของเธออีกไม่ได้ เขาชอบมองเธอ อยากเห็นเธออยู่ในสายตาแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าใจมันสงบดี
ชายหนุ่มกลับลงมาชั้นล่าง เก็บข้าวของที่ตัวเองเอากลับมา เช็กกลอนประตูหน้าต่างจากนั้นก็ปิดไฟแล้วกลับขึ้นชั้นบนไป
เกือบตีสองแล้วตอนที่เขาทำล้มตัวลงนอนบนเตียง ชายหนุ่มดึงเอาร่างบางเข้ามากอดไว้เหมือนอย่างเคย และนั่นก็ทำให้ศศิพิมพ์รู้สึกตัวตื่น เธอลืมตางัวเงียมองมาและยิ้มทั้งๆ อย่างนั้นส่งให้
“กลับมานานหรือยังคะ พิมพ์ไม่รู้เลย”
“สักพักค่ะ แต่คนขี้เซาไม่ยอมตื่นเลย”
ชายหนุ่มยิ้มกดจมูกตัวเองแนบกับจมูกภรรยา
“พี่บอกแล้วไงถ้าง่วงก็ไม่ต้องรอ”
ในความสลัว แววตาเป็นห่วงเป็นใยนั้นกลับเห็นได้ชัด
“อยากรอค่ะ”
คำตอบนั้นทำคนฟังยิ้มปลื้ม จิรสินแนบจูบกับหน้าผากนวล เมื่อเขามองสบตาเธออีกครั้งเราต่างก็ยิ้มให้กัน
ศศิพิมพ์ขยับตัวซุกหน้าแนบกับอกกว้าง ผ่อนลมหายใจเมื่อเขากอดเธอแน่นขึ้นอีกนิด หญิงสาววางมือทาบกับแผงอก และสุดท้ายก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองเขา
“มันดึกแล้ว พิมพ์รู้ว่าไม่ดีที่จะพูดวันนี้แต่--” เธอผ่อนลมหายใจอีกครั้ง “วันนี้ตาเล่าเรื่องที่เจอณุให้พิมพ์ฟังค่ะ”
ไม่มีใครยินดีกับเรื่องเล่าแฟนเก่าของคนรัก เจ็บเสียดในใจบ้างไหม เขายอมรับมีบ้าง แต่... มันก็แค่นั้น
อาจเพราะเธอเลือกที่จะเล่า ทำอย่างที่เราทำมาตลอด... เปิดใจ
“ตาเจอณุกับคู่หมั้นเขาที่ห้าง ณุดีขึ้นมากแบบมาก-มาก และพิมพ์” เธออึกอัก “พิมพ์อยากไปเยี่ยมณุอีกสักครั้งค่ะ อยากไปขอโทษ อยากบอกว่าพิมพ์ผิดจริงๆ พิมพ์ไม่ได้จะขอให้ณุยกโทษให้แต่... ขอให้พิมพ์ได้บอกกับณุสักครั้งว่าพิมพ์เสียใจจริงๆ พิมพ์หลอกณุ พิมพ์ตั้งใจ ตอนนั้นไม่รู้พิมพ์คิดได้ยังไงถึงคิดจะใช้ณุเป็นเครื่องมือ”
ตาคู่สวยหม่น เสียงเครือ ศศิพิมพ์สะเทือนใจ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ส.ค. 2561, 20:59:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ส.ค. 2561, 20:59:17 น.
จำนวนการเข้าชม : 843
<< ๑๗ หลอมรวม (100%) | ๑๗ หลอมรวม (200%) >> |


กาซะลองพลัดถิ่น 2 ส.ค. 2561, 22:14:39 น.
ก็รู้ว่าผิดนะพิมพ์...แต่จะไปเยี่ยมไปขอโทษให้เกิดอะไรขึ้นมาอีก ต่างคนต่างเริ่มชีวิตใหม่จะดีกว่าไหม....
ก็รู้ว่าผิดนะพิมพ์...แต่จะไปเยี่ยมไปขอโทษให้เกิดอะไรขึ้นมาอีก ต่างคนต่างเริ่มชีวิตใหม่จะดีกว่าไหม....