หักเหลี่ยมร้ายซ่อนลายรัก (จีนโบราณ)
เขาคืออดีตขุนนางที่มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์

ส่วนนางคือลูกสาวพ่อค้าที่ต้องจำใจเป็นชายด้วยภาระหน้าที่

เพียงแรกเจอเขาก็ล่วงรู้ความลับที่ทำให้ใจสั่น

ว่านางคือหญิงงามในร่างชายเข้าให้แล้ว...


หนึ่งบุรุษไร้รัก หนึ่งสตรีงามไร้ใจ

ใครจะเป็นผู้ชนะในเกมรักครั้งนี้



+++++++++++


ไม่ได้มาลงนานเลยค่ะ
มัวแต่เขียนจีนอยู่ >//<
ตอนนี้เขียนจบภาค 1 แล้ว ภาค 2 ก็ใกล้จะจบแล้ว
ขอฝากอีบุ๊กด้วยนะคะ

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTg3NjI2MCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijc2NjI4Ijt9

Tags: นิยายจีน จีนโบราณ นิยายรักจีนโบราณ ผจญภัย ดราม่า ปลอมตัว

ตอน: บทที่ 1 / แปดด้านหาเก้าด้าน 3

ไฟทางเดินทอดยาวในโรงเตี๊ยมเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ ตามระยะทางที่แคบลงจากเรือนพักหนึ่งไปยังอีกเรือนหนึ่งมีม่านสีแดงสดกั้นกับปิดกั้นการมองเห็นจากภายนอก

หลิวเสียะย่างเท้าแผ่วเบาระแวงระวัง มือกระชับกระบี่คู่ใจแน่นเตรียมพร้อมที่จะชักออกจากฝักตลอดเวลา
ทว่ากลิ่นเหม็นอับโชยมาแตะจมูกจนต้องยกหลังมือปิด นางเดินผ่านแต่ละห้องประตูมีหยากไย่จับราวกับปิดตายไม่ผ่านการใช้งานมานานปี ยิ่งผ่านหน้าต่างกระดาษที่ขาดวิ่นเป็นรูใหญ่น้อยยิ่งได้กลิ่นอับเหม็นสาบเกินกว่าจะเป็นเป็นที่พักสำหรับนักเดินทาง

เพราะเหตุใดกัน!

พลันเสียงร้องที่ได้ยินเมื่อครู่ใหญ่ก็ดังลอดออกมาจากลานดินโล่งสุดปลายทางมองเห็นแสงจากกองไฟวับ ๆ แวม ๆ คล้ายกับลานประลองอย่างไรอย่างนั้น แต่ที่เห็นกลับไม่ใช่!

เกือบเผลอออกไปแต่ไหวตัวหลบวูบเข้าในห้องทัน คุณชายร่างอรชรหาได้ใส่ใจห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับไร้แสงนี้ไม่กลับตรงไปยังผนังห้องลอบฟังเสียงและมองจากรอยแยกของไม้ผุกร่อนตรงขอบหน้าต่างแทน

“อย่าขายข้าเลย! ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าขอร้อง!”

สตรีนางนั้นถูกมัดมือไพล่หลังติดกับเก้าอี้กลางลาน ดวงหน้างดงามเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางสะบัดหน้าไปมาเมื่อถูกมือหยาบกร้านของบุรุษผลัดกันเชยคางสำรวจราวกับนางเป็นสินค้าที่ต้องตรวจตรา บ้างยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำจมูกฟุดฟิดราวกับจะสูดดมกลิ่นนางอย่างหื่นกระหาย

“อย่า! ข้ากลัวแล้ว!”

นางผู้นั้นหลับตาเบือนหน้าหนีทั้งวอนขอแต่คนเหล่านั้นกลับปรบมือหัวเราะชอบใจราวกับกำลังชมการแสดงชิ้นเอก

“ขอร้อง! ปล่อยข้าไป”

“ปล่อยไปก็โง่สิ ไอ้คนเก็บฟืนเอาเจ้ามาแลกกับม้าเราไปถ้าไม่ได้ราคาเท่าม้าก็อย่าหวังว่าจะปล่อย” เจ้าของโรงเตี๊ยมตะคอกใส่หน้านาง

ท่ามกลางมวลหมู่ลูกสมุนรายล้อม เสียงหัวเราะดังไม่หยุด แต่ละคนล้วนกระเหี้ยนกระหือรือใคร่ได้นางจนร้องแข่งกันประมูลเซ็งแซ่

“ข้าให้สองร้อย” หนึ่งในชายฉกรรจ์ก้าวอาด ๆ มากลางลาน

“น้อยไป” เจ้าของโรงเตี๊ยมตอบแทบไม่คิด “มีผู้ใดจะให้ราคามากกว่านี้อีก”

“ข้าให้ม้าหนึ่งตัวกับเงินสองร้อยอีแปะ” ชายร่างใหญ่หน้าตาขึงขังลุกตอบพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนเอ่ยเสียงขึงขัง “ใครคิดหาญกล้าแข่งกับข้าก็ออกมา”

เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกรอบ เจ้าของโรงเตี๊ยมลูบเคราครุ่นคิดก่อนเอ่ยต่อสีหน้าเคร่งเครียด “น้อยไปหรือไม่ท่าน ข้าว่าหญิงงามขนาดนี้อย่างต่ำไม่น่าจะมากน้อยกว่าม้าหนึ่งตัวกับหนึ่งตำลึงเงิน แต่หากผู้ใดมีม้ามากกว่าสามก็เอามาแลกเป็นเงินรางวัลประมูลนางได้”

“มันไม่แพงไปหน่อยหรือ” หนึ่งในสองที่วางเดิมพันไปก่อนโอดครวญ “นางก็แค่สตรีที่พวกนอกด่านลักพาตัวมา”

“หากเจ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็อย่ามาประมูลนางกับข้า” ชายร่างใหญ่คนเดิมเอ่ยเสียงทรงอำนาจ “สตรีนางนี้งดงามยิ่งนัก สมควรเป็นของข้าผู้ยอมจ่ายเพื่อนางมากกว่าใคร หรือใครมีข้อโต้เถียง”

“ไม่มี! ไม่มีแน่นอน ต้องอย่างเถ้าแก่เหยาเท่านั้นถึงจะคู่ควรกับคำว่าสุดยอดผู้พิชิตหญิงงาม ใช่หรือไม่ขอรับ” เจ้าของโรงเตี๊ยมโน้มตัวเข้ามาพินอบพิเทา

“จะเป็นใครไปได้” เถ้าแก่เหยาที่เจ้าของโรงเตี๊ยมพาดพิงหัวเราะลั่นด้วยความพึงใจ

คุณชายน้อยแห่งหลิวซือซือแต่ฟังแล้วนึกเคืองในใจ ใยคนร่ำรวยเงินทองกลับแล้งน้ำใจคิดเอาแต่ได้ถึงเพียงนี้

“หนอย... ไอ้เจ้าพวกนี้เห็นสตรีเป็นของเล่น สารเลวจริง ๆ”

คุณชายน้อยครุ่นคิด มือกระชับดาบแน่นด้วยความขุ่นเคืองยิ่งเห็นสายตาโลมเลียและหื่นกระหายของมวลหมู่ชายในลานประมูลแล้วยิ่งนึกเคืองขุ่น โดยเฉพาะเจ้าของโรงเตี๊ยมที่เปิดให้ใช้สถานที่ไม่พอยังเป็นคนดำเนินการประมูลเสียเอง ยิ่งกิริยาพินอบพิเทาที่มีต่อชายร่างอ้วนนั่นเห็นแล้วยิ่งน่าสมเพช

“พวกเจ้ากระซิบเรื่องใดกัน อย่าเล่นเล่ห์กับข้า” ชายคนที่โดนเยาะเย้ยตวาดลุกขึ้นเท้าเอวยืนจังก้า “พวกเจ้าทำชอบกลเหมือนรู้กันเช่นนี้มิได้”

“แล้วเจ้าจะทำสิ่งใดได้เล่า นายข้ามิใช่คนที่เจ้าจะมาต่อกร”

ชายกลุ่มเดียวกับคนให้รางวัลสูงสุดเอ่ยเยาะ น้ำเสียงหยอกเย้าราวขบขันแล้วต่างพากันส่ายหน้า

“ข้ารู้ว่าเจ้าหามีปัญญาแข่งกับข้าไม่” เถ้าแก่เหยาออกหน้าพลางลุกยืนอวดพุงอุ้ยอ้ายเดินกร่างมาเผชิญหน้าอีกฝ่ายกลางลาน “เช่นนั้นข้าเพิ่มม้าอีกหนึ่งตัวเป็นอันว่าข้าชนะขาด”

เสียงโห่ลั่นรับคำผู้ท้าประมูลทันที ร่างอรชรนางนั้นกัดริมฝีปากแน่นพลันร่ำไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ท่าทางหวาดกลัวสุดขีดเมื่อถูกเถ้าแก่เหยาเชยคางโน้มตัวลงหมายประทับจูบ นางสะบัดหน้าหนีทำให้ชายร่างอ้วนเสียหน้าเงื้อมือหมายจะฟาดดวงหน้างาม

คุณชายน้อยทนไม่ไหวโผล่พรวดออกไปกลางลานกล่าวเสียกร้าว“เจ้ากล้าข่มเหงอิสตรีได้อย่างไร”

“เจ้าเป็นใครกัน!” เจ้าของโรงเตี๊ยมกับเถ้าแก่เหยาเอ่ยพร้อมกัน

ร่างอรชรในคราบคุณชายก้าวอาด ๆ มากลางลานเอาตัวยืนบังนางผู้นั้นเอาไว้แล้วมองกราดไปรอบบริเวณด้วยท่าทางห้าวหาญ ริมฝีปากกระตุกยิ้มเยาะเหล่าคนที่ลุกฮือเข้าหาอย่างไม่กลัวเกรง

“ข้าคือผู้ใดหาใช่เรื่องสำคัญไม่ แต่ดูเจ้าสิ”

“ข้า?” เถ้าแก่เหยาชี้มือที่ตัวเอง

“ก็เจ้าสิ” หลิวเสียะมองอีกฝ่ายศีรษะจรดปลายเท้าพลันยิ้มหยันก่อนเอ่ย “แก่เฒ่าปานนี้ใยมิเอาเวลาไปเลี้ยงลูกหลาน”

“เจ้าอย่ามาสู่รู้!”

“ข้ารู้ยิ่งกว่านั้น” คุณชายน้อยกล่าวยั่วโทสะ “เจ้าคือเหยาเหอไป่ผู้มีชื่อเสียงกระฉ่อน ใคร ๆ ก็รู้ว่าร้านเหอไป่ของเจ้านอกจากค้าข้าวบังหน้าแล้วเบื้องหลังยังเป็นโรงกษาปณ์รายใหญ่ ข้ายังได้ยินมาอีกว่าตอนนี้ทางการกำลังกวาดล้างพวกลักลอบอยู่มิใช่หรือ”

“เจ้า! เจ้าใส่ความข้า” เศรษฐีเฒ่าผงะหน้าซีดไปหลายส่วน พวกเรารุมมัน!”

“ช้าก่อน!” หลิวเสียะโบกมือห้าม “ในฐานะพ่อค้าเหมือนกัน ข้าให้สิบตำลึงเงิน แล้วยกนางให้ข้าเจ้าว่าดีกว่าหรือไม่”

สีหน้าขึงขังของคุณชายร่างอรชรที่ล้วงหยิบตั๋วเงินออกมาชูเหนือศีรษะทำให้คนทั้งลานฮือฮา พลันชายร่างใหญ่เจ้าของโรงสีก็เดินส่ายอาด ๆ ด้วยความโมโหเข้ามาหมายเอาเรื่อง

“เจ้าหนุ่มหน้าหวานริบังอาจต่อกรกับข้า ไม่รู้อะไรเสียแล้ว”

“ข้าไม่สนสิ่งใดแต่เงินถูกกฏหมายของข้าต้องใหญ่กว่าเจ้าแน่” คุณชายน้อยเหยียดยิ้มตอบ “เอานางมาให้ข้า... เดี๋ยวนี้!”

“ขอรับ ๆ” เจ้าของโรงเตี๊ยมรับคำพลางถูมือไปมาถูกใจ

มือหยาบสั่นระริกยื่นไปรับห่อเงินหนักอึ้งจากมือคุณชาย พลันห่อเงินกลับถูกฉวยไปต่อหน้า ทั้งหมดหันมองตามมือปริศนาเป็นตาเดียว แล้วคุณชายน้อยก็ชักสีหน้าทันทีที่รู้ว่าใครบังอาจมาทำให้เสียเรื่อง

“เจ้า!”

“ข้าชื่อหยางซุนหยาง” บุรุษพเนจรลากเสียงยาวแล้วยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบก่อนโน้มหน้าเข้าหาอีกฝ่ายพลางกระซิบ “ส่วนเจ้าคือคุณชายหน้าหวาน... หลิวเสียะ”

“รู้จักข้าได้อย่างไร” หลิวเสียะถามแต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่ท่าทางยียวน

“ข้ารู้ก็แล้วกันน่า”

นางฟังแล้วยิ่งเคืองยื่นมือคว้าถุงเงินคืนแต่ได้ลมเพราะคนพเนจรรู้ทันเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินหนีไปอีกทางเป็นการดึงสายตาคนทั้งลานให้ตกอยู่ที่เขา หลิวเสียะพลันเห็นบ่าวของตนย่องเข้ามาด้านหลังก็พอเข้าใจ นางได้แต่ช่วยดึงความสนใจให้อีกทาง

สวี่ลี่แกะมัดเชือกอย่างรีบร้อนทั้งให้สัญญาณให้เงียบ สตรีงามพยักหน้ารับสีหน้าตื่นกลัวพลางกระซิบถาม
“เจ้าคือ?”

“ข้าเป็นบ่าวของคุณชายคนที่ช่วยเจ้า ไปได้แล้วข้าจะพาเจ้าหนีออกไปก่อนที่พวกมันจะเห็น”

“แต่ว่าคุณชายเล่า!”

“คุณชายข้าเก่ง เอาตัวรอดได้”

ขณะที่ความสนใจทั้งหมดพุ่งตรงมายังคุณชายน้อยแห่งหลิวซือซือกับชายพเนจร ไม่มีสักคนที่เห็นว่าสวี่ลี่พานางผู้นั้นออกไปจากลาน คงเหลือแต่คุณชายกับหนุ่มร่างบึกบึนยืนหันหลังชนกันท่ามกลางเหล่าคนโฉดที่กรูกันเข้ามา หยางซุนหยางพลันร้องลั่น

“พี่ชายทั้งหลาย ช้าก่อน!”

เหล่าชายโฉดชะงักหันมองหน้ากันเลิ่กลัก คุณชายน้อยกราดตามองรอบ ๆ ด้วยความระแวงแล้วกระซิบอีกฝ่าย
“เจ้าจะบ้าหรือ รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำให้เรื่องยุ่ง”

“รู้” หยางซุนหยางตอบโดยไม่ละสายตาจากชายฉกรรจ์

“รู้แล้วยังทำ”

“ข้าจะทำให้เจ้าไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะเลยก็ยังได้ แค่ใช้นี่”

ขาดคำบุรุษพเนจรก็ใช้นิ้วเคาะศีรษะอีกฝ่ายแทนคำตอบ หลิวเสียะถึงกับเคืองเมื่อสบดวงตาฉลาดแกมโกงนั่น


++++++++++


จบบทที่ 1 ค่ะ
^__^



lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2561, 13:05:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ส.ค. 2561, 13:05:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 733





<< บทที่ 1 / แปดด้านหาเก้าด้าน 2   บทที่ 2 / ขนห่านส่งจากแดนไกลหมื่นลี้ 1 >>
ปริยาธร 6 ส.ค. 2561, 20:29:08 น.
มารอต่อค่า


lovereason2 13 ส.ค. 2561, 20:31:58 น.
ขอบคุณค่ะพี่นุ้ย ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account