กลรักนักดีไซน์
...โบแว...หนุ่มฝรั่งเศสเอาแต่ใจรักการออกแบบเสื้อผ้าเป็นชีวิตจิตใจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ
...เพลิงฟ้า...สาวไทยหนีไปอยู่ปารีส
...เรื่องของคนเอาแต่ใจกับคนชอบตามใจมาเจอกันจะเกิดอะไรขึ้น...
...เพลิงฟ้า...สาวไทยหนีไปอยู่ปารีส
...เรื่องของคนเอาแต่ใจกับคนชอบตามใจมาเจอกันจะเกิดอะไรขึ้น...
Tags: รักลวง อิสระ
ตอน: Designer's desire By คชสีห์ 05
กลรักนักดีไซน์ (Designer's desire By คชสีห์) 05
เจนน่ามองตาม ไม่เห็นเขาลงลิฟต์ แต่ไปเดินลงบันได แปลว่าเขาต้องไปที่ไหนสักแห่งในสำนักงาน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ได้แต่ถอนหายใจยาว เพราะงานที่มอร์กานต้องการยังไม่เสร็จ
โบแวเดินมาจนถึงแผนกกราฟฟิค จริงๆ ก็แค่แผนกเล็กๆ เพราะมีคนไม่กี่คน แม่เขามีนิตยสารอยู่ไม่กี่หัว จึงไม่ต้องใช้คนเยอะ แต่จะมีการตรวจสอบต้นฉบับที่เอาไปแปลเป็นภาษาต่างชาติบ้าง ก็เท่านั้น แล้วมีการนำเนื้อหาเพิ่มเติมเข้าไป ซึ่งก็ต้องผ่านการเห็นชอบเพื่อควบคุมคุณภาพของนิตยสาร
แผนกกราฟฟิคเหมือนสวนสนุกอย่างไรอย่างนั้น จริงๆ แม่เขาออกแบบตึกเพื่อให้นักออกแบบทั้งหลายได้ผ่อนคลายจากสภาวะที่ถูกตีกรอบ ส่วนของคอลัมนิสต์ ก็เป็นอีกแบบอยู่ที่ว่านิตยสารหัวอะไร ถ้าเป็นหัวแฟชั่นมีแต่แฟชั่นเต็มไปหมด ถ้าเป็นการใช้ชีวิตก็จะเป็นตามนั้น
โบแวเดินผ่านไปยังโต๊ะของเพลิงฟ้า หาไม่ยาก เพราะขณะที่คนอื่นสนุกสนาน เพลิงฟ้าชอบอยู่ในมุมเงียบๆ ของตัวเอง “ไง”
เพลิงฟ้าเงยหน้าขึ้นมอง เห็นขาเขาปกติดีก็ดีใจ “เอาเฝือกออกเสร็จเร็วดีนี่ เดินได้ปกติไหม”
“ปกติมาก ตั้งใจว่ากลับบ้านไป จะไปออกแรงขาหน่อย ไม่ไหว เมื่อก่อนขาแข็งแรงกว่านี้ กลับพร้อมกันไหม” โบแวถามอย่างมีน้ำใจ
“ยังหรอก ยังไม่เลิกงานแล้วงานก็ยังไม่เสร็จ กลับไปก่อนเถอะ” เพลิงฟ้าตอบขณะที่อ่านงานและการตัดคำอีกเล็กน้อย ก่อนหันไปมองเขาที่ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ จึงถามเขา “ไม่กลับเหรอ”
“จะรอ” โบแวบอกแล้วนั่งกอดอกเหมือนจะบีบบังคับกลายๆ
เพลิงฟ้าไม่กลัวอยู่แล้ว จึงเอากระดาษในกระดานร่างภาพแล้วก็ปากกาให้เขาแทน “ก็ทำงานรอไปนะ”
“ฉันจะย้ายออกแล้วนะ” โบแวบอกหลังรับกระดานร่างภาพมา
“อ๋อ เมื่อไรล่ะ” เพลิงฟ้ารู้สึกใจหายนิดๆ ที่อยู่ๆ เพื่อนร่วมห้องก็จะไปอีกแล้ว
“พรุ่งนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะจ่ายค่าเช่าห้องให้จนกว่าเธอจะหาคนมาเช่าอยู่ได้” โบแวบอกในตอนท้าย
“อ่า ไม่กลัวฉันงุบงิบไม่ยอมหาคนเช่าใหม่เหรอ” เพลิงฟ้าพูดแล้วก็หัวเราะ
“ไม่กลัว ฉันรู้ดีว่าเธอเป็นคนที่ไม่เอาเปรียบใคร” โบแวพูดอย่างมั่นใจ ก่อนถาม “ฉันรู้มาว่าเธอมีอะไรบางอย่าง แม่ฉันไม่บอกว่าอะไร แต่ฉันอยากรู้ว่ามันเรื่องอะไร ทำไมต้องปกปิดกันให้วุ่นวาย”
เพลิงฟ้ามองเขาแล้วส่ายหน้า ตกใจเหมือนกันที่เขาถาม แต่เธอก็ไม่อยากพูดนัก จะว่าไปมันเป็นเรื่องน่าอาย และไม่ควรพูดถึง “บางเรื่องไม่พูดถึงดีกว่า”
“แต่ฉันอยากรู้ จะได้เข้าใจเหตุผลของเธอ หรือไม่ก็เป็นการกำจัดปมต่างๆ ออกไป เก็บไว้ก็รังแต่จะสร้างบาดแผลที่ฝังลึก มันจะเกาะกินใจเธอไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหมดสิ้น” โบแวพูดด้วยความเป็นห่วง
“ฉันว่าคุณเอาเวลาไปแก้ปัญหาชีวิตคุณก่อนดีกว่าไหม แทนที่จะมาวุ่นวายปัญหาของฉัน” เพลิงฟ้าเริ่มใส่อารมณ์ ดีที่ห้องนี้เปิดโล่งและมีเสียงเพลงคลอ จึงไม่ดังพอให้ใครได้ยิน
โบแวได้ยินชัดก็โกรธ ลุกจากเก้าอี้โยนกระดานทิ้งแล้วเดินออกไปจากห้องเลย
เพลิงฟ้าถอนหายใจยาว ได้แต่ปล่อยเขาไป คิดว่าด้วยนิสัยอย่างเขาและโกรธเธอแบบนี้ คงจะเก็บของกลับบ้านวันนี้เลยทีเดียว แต่เธอก็ได้แต่ทำใจ
ถ้าจะกลับไปแล้วพบว่าห้องพักเหลือเพียง...เธอ
****************************
เสียงพลิกตัวไปมาทำเอาเขารำคาญมากๆ เขาลุกขึ้นนั่งแล้วถอนหายใจ เพราะอยู่ในบ้านของตัวเอง เตียงตัวเดิมแล้วกลับนอนไม่ค่อยหลับ ชีวิตกลับไปเป็นอย่างเดิม ที่เขาตั้งใจจะเปลี่ยน และฉวยโอกาสที่ทุกอย่างกำลังพลิกผัน เลือกที่จะไปอยู่กับคนไม่คุ้นเคยและสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หากตอนนี้คนที่ไม่คุ้นเคยกลายเป็นคนที่คุ้นเคยไปเสียแล้ว
ยังโกรธหล่อนที่พยายามผลักไสเขา พอคิดว่าอาจเพราะเขาไม่มีคนนอนเป็นเพื่อน แต่นี่ก็ไม่ใช่ มาล่ากับร็อกแซนก็มานอนข้างๆ แต่เหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง และเขาก็คิดได้ว่าขาดเพื่อนข้างห้อง บ้านทั้งหลังมีเขาอยู่ชั้นบนเพียงลำพัง
โบแวพิจารณามาหลายวันแล้ว งานก็ไม่คืบหน้าตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน จึงถอนหายใจ มองเวลาก็รู้ว่าสว่างแล้ว เขาจึงทำธุระในห้องน้ำ แล้วคว้ากุญแจรถขับออกจากบ้าน ก่อนออกไปเจอมาดามโบวิเย่ว์ จึงสั่งความไปตามเรื่อง และตรงไปอพาร์ทเมนต์เพลิงฟ้าทันที
เพลิงฟ้าได้ยินเสียงโทรศัพท์ เพราะตั้งแต่เลิกกับโนราและโบแวย้ายออก เธอก็ได้สัมภาษณ์คนหลายคนแต่ยังไม่ถูกใจพอจะให้อยู่ร่วมห้องได้ จึงยังคิดอยู่ว่าใครโทรมาตอนเช้าแบบนี้ แต่ก็กดรับ
“เปิดประตูข้างล่างให้หน่อย” โบแวส่วนคำทันที
“ใคร” เพลิงฟ้าถามให้แน่ใจ ว่าเป็นเขาจริงๆ
“โบแว” เขาตอบแล้วถอนหายใจยาว
“โอเค” เพลิงฟ้าตอบแล้วก็กดวางสาย สักพักก็เปิดประตูในห้อง ส่วนกุญแจห้องเขามีอยู่แล้ว เพราะไม่ได้คืน และเธอก็ไม่ได้ทวง คิดว่าเขาคงลืมของ เธอจึงคลานขึ้นเตียงไปนอนต่อ
เสียงเขาไขประตูเข้ามาเอง เธอก็ไม่คิดมาก สักพักก็ต้องตกใจเพราะเขาอุ้มเธอขึ้นจากเตียง
“อะไรๆ” เพลิงฟ้าละเมอขึ้นในอ้อมแขนเขา ตกใจพยายามเรียกสติ
“เปล่า” โบแวบอกแล้วเริ่มมั่นใจนิดๆ ว่าเขาต้องมีหล่อนเป็นเพื่อนร่วมห้อง “ห้องข้างๆ ยังว่างอยู่ไหม”
“อืม ปล่อยได้แล้วง่วงจะตาย วันนี้วันหยุด ขอสงบสักวัน” เพลิงฟ้าอยากกลับไปนอนต่อเต็มทีแล้ว
โบแวปล่อยเธอ แล้วเดินไปห้องเดิม เธอเอาผ้าคลุมเตียงเดิมที่เขาบอกไม่เอาไปคลุมไว้ ดึงออกแล้วก็นอน สักพักเขาก็หลับสบายจนถึงช่วงเที่ยงของวัน
เพลิงฟ้าตื่นมาแล้วก็ขมวดคิ้ว คิดว่าฝันไป จึงเดินไปดูที่ห้องว่างข้างๆ เห็นเขาหลับอยู่ก็ส่ายหน้า เพราะเขาแก้ผ้านอน เสื้อผ้าทุกชิ้นโยนกองไว้ทั่วห้อง เหมือนกำลังรีบ จึงได้แต่ถอนหายใจแล้วเข้าครัวหาอะไรง่ายๆ กินแล้วก็อ่านหนังสือ ห้องเธอไม่มีโทรทัศน์ เพราะไม่อยากเสียภาษีจุกจิก มีแต่หนังสือเต็มห้องก็ประเทืองปัญญาดีกว่าอยู่แล้ว ข่าวก็อ่านหนังสือพิมพ์เอา โดยไปตามอ่านที่ร้านกาแฟแทน
บ่ายคล้อยโบแวก็ตื่นเหมือนคนที่ได้หลับเต็มตื่น มานั่งที่โซฟาเดียวกับเธอ ก่อนนอนหนุนตักเธอ ตามประสาคนขี้อ้อน แล้วค่อยพูดขึ้น “บอกเลิกเช่าห้องนี้เถอะ แล้วไปอยู่บ้านฉัน ฉันจะได้หลับสบายแบบนี้อีก”
เพลิงฟ้าก้มลงมองเขา เบิกตาโต ก่อนดุเขาอย่างจริงจัง “จะบ้าหรือไง เกิดวันดีคืนดี คุณไล่ฉันออกจากบ้าน แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหน เลิกพูดอะไรเอาแต่ใจตัวเองได้ไหม”
“ทำสัญญาเลยก็ได้ว่าจะไม่มีวันไล่ออกจากบ้าน” โบแวพูดแล้วมองกาแฟที่เธอดื่มค้าง ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วคว้ามาดื่ม คาดว่าเธอคงตั้งใจกินแล้วอ่านหนังสือไปด้วย แต่ติดใจหนังสือ จึงดื่มไปได้แค่ครึ่งเท่านั้น มีคราบกาแฟรอยริมฝีปากติดอยู่ แต่เขาก็ไม่สนใจแล้ว
“ขนาดนั้นเชียว” เพลิงฟ้ามองเขาดื่มกาแฟดำของตัวเองแล้วถอนหายใจยาว ก่อนลุกไปคว้ากากาแฟดำที่ต้มค้างไว้มาเทเพิ่ม ทั้งเธอกับเขาดื่มกาแฟดำเข้มเหมือนกัน
“จ้างไปอยู่เป็นเพื่อน” โบแวพูดในตอนท้าย
“พูดดีๆ” เพลิงฟ้าฟันแซนวิชขาดสองท่อนเสียงดังลั่น
“ขอร้องเถอะนะ ไปอยู่เป็นเพื่อนกันจนกว่าเธอจะแต่งงานก็ได้” โบแวขอร้อง เพราะเพิ่งได้หลับสนิทจริงๆ ตั้งแต่ย้ายกลับบ้านตัวเอง จากนั้นก็ย้ายไปนั่งที่เก้าอี้ทรงสูงแทน
“ข้าวของจะเอาไปไว้ไหนได้ล่ะ” เพลิงฟ้าไม่คิดมากเรื่องย้ายออก ดีอีก ไม่ต้องเสียค่าเช่า แต่ทีนี้ข้าวของจะเอาไปไว้ไหน บ้านของเวอจินี่ก็อยู่นอกเมืองด้วย
“บ้านของเวอจินี่อยู่นอกเมืองมีโกดังนี่ ส่วนเตียงของฉันเดี๋ยวเอาไปวางไว้บ้านฉันก็ได้” โบแวพูดขึ้น
“รู้จักเวอจินี่ด้วยเหรอ” เพลิงฟ้าถามอย่างแปลกใจ
“ถึงเวอจินี่จะไปอยู่เมืองไทยหลายปี แต่เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่แม่ฉันรักมาก ยังไงก็ต้องเคยพูดถึงบ้าง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอกับเวอจินี่มีปัญหาอะไรกัน แต่สักวันเธอก็คงบอกเล่าฉันบ้างใช่ไหม เดี๋ยวให้บริษัทรับขนย้ายมาแพ็กของแล้วส่งไปเลย” โบแวสรุปอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่ได้มีปัญหากับเวอจินี่สักหน่อย” เพลิงฟ้าบอกเล่า แล้วถอนหายใจยาว
“ตกลงเป็นอันว่าเธอจะย้ายไปอยู่บ้านฉันนะ ขอให้ฉันได้หลับสบายๆ หน่อยเถอะ” โบแวเริ่มคุ้นเคยกับการมีใครสักคนอยู่ที่บ้าน ไม่นับสาวๆ ที่เข้ามาช่วยเขาปลดปล่อยและสนุกสนานกัน
“ต้องไปให้ได้ใช่ไหมเนี่ย” เพลิงฟ้าแล้วแล้วถอนหายใจยาว
“ถ้าไม่ไปจะให้คนมาอุ้ม” โบแวยักไหล่ไม่กลัวเพลิงฟ้าปฏิเสธ
“เอาแต่ใจ!!!” เพลิงฟ้าก็ว่าเขาเข้าให้
“เคยคิดจะตามใจคนอื่นบ้างไหมล่ะ” โบแวก็เถียงสู้
“ที่ผ่านมาไม่ตามใจเลยนะ” เพลิงฟ้าประชดกลับ
“ถ้าบอกว่าที่ผ่านมาตามใจ ก็ทำให้ตลอดละกัน” โบแวก็เถียงสู้อย่างมึนๆ
ทำไมเขาต้องพยายามพายัยคนนี้เข้าสู่ชีวิตเขามากอย่างนี้ กับคนอื่นแค่เห็นหน้าเขา รอยยิ้มเขาก็พร้อมจะตามใจเขาทุกอย่างแล้ว
เพลิงฟ้าขมวดคิ้วอย่างอึ้งๆ ที่เขาปิดปากมัดมือชกเสียอย่างนั้น
“งานแต่งพี่สาวฉัน เธอต้องไปกับฉันด้วย” โบแวได้ทีก็เอาใหญ่แต่เขายิ้มกวนใจเธอได้ตลอด
หากเขาก็ทำให้เพลิงฟ้าหัวเราะได้ เพราะสิ่งที่เขาทำเหมือนโนรา และดูเหมือนเธอจะแพ้ทางจอมบงการอยู่เรื่อย ได้แต่พยักหน้าช้าๆ ยอมๆ เขาไป เพราะเขาคงไม่รามือง่ายๆ แน่ ถ้าเธอไม่ยอม
“หัวเราะอะไร” โบแวเป็นงงที่อยู่ๆ เธอก็หัวเราะ
เพลิงฟ้าหยุดแล้วเลื่อนแซนวิชให้เขา “ไม่มีอะไร แค่รู้สึกตลกกับชีวิตเท่านั้น แต่สุดท้ายมีแต่คนอยากจะช่วยเหลือ เอาเถอะ ฉันยอมรับข้อเสนอแล้วกัน”
“ย้ายวันนี้เลยนะ” โบแวพูดตามประสาคนใจร้อน
เพลิงฟ้ามองสีหน้าโบแวแล้วรู้สึกเอ็นดู “คงต้องอย่างนั้นแหละ ไม่งั้นคุณคงขาดใจตาย”
“ขาดใจเรื่องอะไร จะบ้าเหรอ อย่าสำคัญผิดนักเลยน่า” โบแวพูดแก้เก้ออย่างไม่ยอมรับ
เพลิงฟ้าเห็นท่าทางเขาน่ารักก็รู้สึกเอ็นดู ก่อนเปลี่ยนเรื่อง “นอนแก้ผ้าอย่างนี้ประจำเหรอ”
โบแวฟังแล้วก็หัวเราะ “ใช่ อย่าบอกนะว่าแอบดู”
“แอบดูอะไร แค่สงสัยว่าฝันไปหรือเปล่า เห็นเสื้อผ้ากระจายทั่วห้องเลย” เพลิงฟ้ายิ้มอย่างเอ็นดู
โบแวกินๆ อย่างหิวโหย ไม่สนใจรอยยิ้มเธอเท่าไร ก่อนรอเธอเก็บของแล้วย้ายไปอยู่บ้านกับเขา เอาแต่ของจำเป็นไปก่อน แล้วค่อยย้ายอีกที โดยปล่อยห้องนี้ไป ให้เจ้าของอพาร์ทเมนต์จัดการปล่อยเช่าต่อ
****************************
บ้านของโบแวก็เป็นบ้านหลังใหญ่ มีพื้นที่พอควร กลางใจเมืองแบบนี้ ก็ถือว่ารวยมากพอสมควร จะไม่แปลกใจถ้าเขาจะรู้สึกเหงาๆ เพราะในเมืองแบบนี้ ต้องเป็นทาวน์เฮาส์หรืออพาร์ทเมนต์ คอนโดมิเนียม เพนส์ฮาวส์ ถือว่าผิดคาดตรงที่เป็นบ้านสีขาว แทนที่จะเป็นสีประหลาดๆ ตามใจเขา อยู่ไม่ห่างจากสวนสาธารณะขนาดใหญ่
“เป็นไง ห้องนอนอยู่ได้ไหม” โบแวกลัวหล่อนจะหนีกลับ ต้องทดลองคืนนี้ดูว่าเขาจะหลับสบายไหม
“ดีมากเลยแหละ เดี๋ยววางแผนย้ายของไปฝากเวอจินี่ก่อน” เพลิงฟ้าอธิบายความ บ้านทั้งหลังตกแต่งด้วยสีขาวดำ ทำให้งงเหมือนกันว่า คนอย่างโบแวน่าจะมีสีสันมากกว่านี้
“พรุ่งนี้ก็ได้” โบแวบอกแล้วก็ทำงานของเขาอย่างสบายใจ
เพลิงฟ้ามองแล้วก็หัวเราะ เห็นเขานั่งเอกเขนกในห้องรับแขกและทำงาน ขณะที่มาดามโบวิเย่ว์ออกจะแปลกใจที่เจ้านายนั่งทำงานในห้องรับแขก ทั้งที่ปกติจะทำงานในห้องทำงาน ยิ่งได้ยินเสียงฮัมเพลง ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกออกไป
ตกเย็นโบแวก็ไม่รับสายใคร และไม่ได้พาผู้หญิงมาค้างเหมือนเคย ทานอาหารเย็นกับเพลิงฟ้า และเข้านอนไม่ดึกเหมือนอย่างเคย
หลังจากแยกกับโบแวที่โต๊ะอาหาร เพลิงฟ้านอนพักบนเตียงราคาแพงในห้องข้างๆ ห้องเขาแล้วอ่านหนังสือ จนดึก เพราะพรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุดอยู่
ขณะที่โบแวกลับห้องนอนแล้วทำงานของเขาต่อ สักพักก็ปิดไฟนอน แล้วก็พลิกตัวไปมาบนเตียง ทั้งที่รู้ว่าเพลิงฟ้าอยู่ห้องข้างๆ แต่เขาก็ข่มตานอนไม่หลับ หรือเพราะห้องกว้างไป จึงลุกแล้วเคาะประตูห้องเพลิงฟ้า เมื่อเขาบอกให้เพลิงฟ้าล็อกประตูห้องนอน
เพลิงฟ้าถามจนแน่ใจว่าเป็นเขาก็มาเปิดประตู “มีอะไรเหรอคะ”
โบแวไม่ตอบ แล้วก็เดินไปขึ้นนอนบนเตียงเธอเฉยเลย
“อะไรๆ” เพลิงฟ้าถามเห็นเขาทำท่าทางง่วงๆ
“ง่วงนอน แต่นอนไม่หลับ” โบแวบอกตามตรงแล้วหันหลังให้แสงไฟ เอาหมอนปิดหน้าแล้วหลับ
“เฮ้อ” เพลิงฟ้ารู้แล้วว่าเธอกำลังเจอจอมบงการคนที่สองอย่างเลี่ยงไม่ได้ หวังว่าเขาจะแค่นอนเฉยๆ ไม่คิดอกุศลกับเธอ เธอจึงขึ้นเตียงแล้วปิดไฟนอน
นอนได้สักพัก โบแวก็พลิกมาสวมกอดเธอ จนเพลิงฟ้าต้องหันไปมองอย่างหวาดๆ กลัวว่าเขาจะทำอะไรมากกว่านั้น แต่สักพักเสียงลมหายใจเขาก็สม่ำเสมอ แสดงว่าหลับแล้วจริงๆ เธอก็ค่อยหันไปอีกด้านแล้วพยายามหลับตาลง
ไม่รู้ว่าคิดถูกคิดผิดที่ยอมแพ้จอมบงการ แต่ก็หวังว่าจะรอดปลอดภัย
****************************
งานแต่งงานของเลอายิ่งใหญ่สมกับเป็นลูกสาวคนโตของผู้ยิ่งใหญ่ในวงการแฟชั่น ชุดแต่งงานชนิดที่คนเอาไปพูดกันทั้งวงการ สีขาวสะอาดตา ใช้ลูกไม้ตกแต่งให้ความรู้สึกถึงแฟชั่นชั้นสูง ที่เหลือก็เตรียมเอาออกขายตามคอลเล็กชั่น เจ้าบ่าวเป็นลูกชายของราชาเครื่องประดับ สวมสูทสีขาวตัดกับไทด์ทันสมัยสีเลือดหมู
พนักงานนิตยสารวีฟวร์ได้มาร่วมงานกันหมด เพราะมอร์กานไม่ดูถูกลูกน้อง ขณะที่ทางราฟาแร็งก็ขนพนักงานมาเช่นกัน และค่าใช้จ่ายในงานก็แบ่งส่วนกันไป จัดโซนไม่ให้มาวุ่นวายกับแขกคนดังไฮโซ ซึ่งจัดโซนต่างหาก
โบแวสวมสูทสีเข้มมีเพลิงฟ้าอยู่ข้างๆ และกำลังทำท่าเซ็ง เพราะไม่ได้ไปร่วมกับเพื่อนๆ และต้องสวมบทบาทนางแบบคู่ควงเขาอีก ตอบคำถามอะไรก็ไม่ได้ คุยก็ไม่ได้ เขาไปแนะนำอีกว่าเธอชื่อพีโอนี่
สีหน้าเพลิงฟ้าเมื่อได้เห็นเวอจินี่อีกครั้งบอกไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ก็สวมกอดกันอย่างคิดถึง
“พีโอนี่เหรอ” เวอจินี่ถามนามแฝงของเพลิงฟ้า
“ค่ะ เขาตั้งให้” เพลิงฟ้าชี้ไปที่โบแว ก่อนจับมือเวอจินี่แล้วถามไถ่ “ลุงพรศักดิ์ไม่มาเหรอคะ”
“รายนั้นยาก ให้แหงะออกจากประเทศยากมากจ๊ะ” เวอจินี่มองเด็กสาวแล้วอมยิ้ม “ยอมสวยแล้วเหรอ”
“ค่ะ โบแวบังคับ ทวงหนี้ตลอดค่ะ” เพลิงฟ้าพูดแล้วหัวเราะ
“หนี้อะไร” เวอจินี่เป็นงง
“หนี้กรรมมั้งคะ ไม่รู้จะทวงอีกนานแค่ไหน” เพลิงฟ้าบอกเล่าแล้วมองโบแวด้วยสายตาที่คุ้นเคย
เวอจินี่เห็นสายตาก็เข้าใจในทันที แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะยังไม่รู้ตัว เธอก็ยิ้มให้ เมื่อความสดใสที่หายไปได้กลับมาแล้ว แต่ก็เสียดายที่คนจะได้เป็นเจ้าของไม่ใช่คนที่เธอหวัง และคนคนนั้นที่หวังอยากให้เพลิงฟ้าให้อภัย
โบแวเข้ามากอดเพื่อนแม่แล้วก็หอมแก้มตามมารยาท ก่อนจะบอก “ขอตัวพีโอนี่ก่อนนะครับ ไปเต้นรำกันเร็ว”
เพลิงฟ้าโดนลากไปในฟลอร์แล้วต้องเต้นรำกับเขา โบแวเอามือของเพลิงฟ้าวางบนไหล่แล้วโอบกอดใกล้ชิด แบบไม่ทิ้งระยะห่าง สักพักเขาก็ก้มลงหอมแก้มเธออีกแบบหวานฉ่ำ
“มีอะไรหรือเปล่า” เพลิงฟ้าถามอย่างงงๆ ที่เขาแสดงท่าทางแบบนี้
“อันนามา” โบแวไม่คิดว่าพี่สาวจะเชิญอันนามา
“อ๋อ” เพลิงฟ้าค่อยโล่งใจ แต่การที่เขาแทบจะกอดจูบเธอกลางฟลอร์ก็ใจเต้นแรงแย่แล้ว หากพอเขาเงยหน้าแล้วเชยคางก็จูบที่ริมฝีปากเธอเข้าให้ ดีที่ไม่ใช่เฟรนช์คิส
นานกว่าเขาจะถอนจูบ แล้วก็ซบหน้าลงที่ไหล่เธอเหมือนจะเคลิ้ม ตอนแรกตั้งใจแสดงละครเท่านั้น แต่พอจูบแล้ว กลับมีความรู้สึกบางอย่างพรั่งพรูออกมา จึงไม่กล้าสู้หน้าเธอเท่าไร ได้แต่ซบหน้าหลบสายตาเธอ
เพลิงฟ้านิ่งอึ้งกว่าเขา จึงซบไหล่เขาด้วย
“หวานไปไหม” โนอาเข้ามาสะกิดทั้งคู่ หงุดหงิดเห็นมานานแล้ว ยิ่งโบแวดูจะรักผู้หญิงคนใหม่นี่มากเท่าไร ปกป้องความลับของหล่อนมากเท่าไร ยิ่งทำให้น่าหงุดหงิดมากขึ้น นางแบบคนนี้ก็ไม่มีใครรู้ตัวจริงว่าเป็นใครมาจากไหน เป็นคนชาติใด รู้แต่ว่าโบแวระบุชัดว่าต้องมีเธออยู่ในทีมเดินแบบชุดใหม่ แม้แต่รีอาก็ไม่รู้เรื่อง
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” โบแวกอดเอวเพลิงฟ้าไว้
“นี่มันงานแต่งเลอา ไม่ใช่งานแต่งของพวกคุณหรอกนะ” โนอาทำเป็นสุภาพ อธิบายเหมือนคนดี
โบแวเห็นพี่สาวทำสีหน้าตื่นตระหนก กลัวน้องชายอาละวาดกลางงานแต่งงานจนอายแขกฝั่งเจ้าบ่าว เขาก็แค่ลากเพลิงฟ้าออกไปจากฟลอร์ ก่อนไปยังกระซิบข้างหูโนอาว่า “เห็นแก่เลอา ไม่งั้นมึง ศพไม่สวยแน่”
โนอาไม่กลัว เพราะคิดว่าฌากให้ท้าย แต่ไม่คิดถึงความเป็นจริงข้อที่ว่า ยังไงสุดท้ายฌากก็ต้องเข้าข้างลูกชายมากกว่าคู่ขาที่พร้อมจะไปอย่างเขา
โบแวเดินออกมาจากงานแล้วยืนในสนามหญ้า กระแทกลมหายใจแรงๆ เพราะรู้ว่าเพลิงฟ้าได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับโนอา ก่อนดึงเธอมากอดแล้วยืนนิ่ง โดยไม่พูดอะไร
เพลิงฟ้าตามอารมณ์เขาไม่ค่อยทัน ก็คือว่าอันนาออกมาหรือเปล่า เขาถึงดึงเธอไปกอด จึงปล่อยเขากอดไปจนกระทั่งเขาดึงเธอไปจูบอีกรอบนั่นแหละ และมีเสียงกระแอ้ม ถึงรู้ว่ามีใครมา
โบแวจึงถอนจูบแล้วกอดเพลิงฟ้าในอก “มีอะไรเหรอ อันนา”
อันนาชะงักเล็กน้อยเห็นเขามีความสุขกับผู้หญิงอื่น ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ยังคิดว่าเป็นเพราะเธอ แต่ตอนนี้เขาโชว์หวานกับผู้หญิงเอเชียที่ดูสวยมากคนหนึ่ง นึกแปลกใจอยู่
“ทักทายตามปกติน่ะ” อันนาบอกมองผู้หญิงในอ้อมกอดเขา
“โอเค สวัสดี ทักทายเสร็จแล้วก็ขอความเป็นส่วนตัวหน่อยนะ” โบแวพูดตัดบทคนรักเก่าทันที ก่อนตอกย้ำอีก “สามีเธอไม่ตามหาแล้วเหรอ ไปอยู่กับเขาเถอะ ผมได้เริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงที่สดใสกว่าแล้ว สบายใจได้แล้วล่ะ”
อันนาได้ฟังก็กำมือแน่น
“พีโอนี่ที่รักของผม” โบแวจับเพลิงฟ้าหันไปให้อันนาเห็นชัดๆ แล้วกอดเธอจากด้านหลัง สบตาอันนาอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นก็จับเพลิงฟ้าหันมาอีก แล้วจูบดูดดื่ม พร้อมสบตาอันนา จนอันนาต้องสะบัดหน้าเดินหนีไป
เมื่อเห็นอันนาไปแล้วเขาก็ถอนจูบ เพลิงฟ้ารีบซกอกเขา กลบเกลื่อน โดนจูบบ่อยๆ ก็ไม่ไหว หัวใจจะวายตายได้ เมื่อตั้งสติได้ก็ถอยออกมา แล้วพยายามสงบใจ
“จบเรื่องแล้วนะ กลับเข้างานเถอะ” เพลิงฟ้าบอกเขา แล้วเดินนำ
โบแวดึงเธอมากอดจากด้านหลัง แล้วกระซิบบอก “ขอบใจมากนะ”
เพลิงฟ้าพยักหน้าแล้วเดินนำ แต่เขากุมมือพาเดินเข้าไปงาน แล้วโอบไหล่เธออยู่ครึ่งค่อนงาน เพลิงฟ้ารู้สึกอยากกลับแล้วรู้สึกเมื่อยที่ต้องเดินไปเดินมา ทักทายญาติโบแวที่เธอไม่อยากจะรู้จัก
เมื่อโบแวเจอเพื่อนแล้ว เพลิงฟ้าค่อยได้พัก จึงนั่งลงแล้วนวดข้อเท้าเล็กน้อย
“เหนื่อยงั้นเชียว” มอร์กานในชุดสีแดงสดถามขึ้น ด้านข้างมีเวอจินี่ที่ใส่ชุดสีชมพู
“เหนื่อยค่ะ” เพลิงฟ้าบอกแล้วถอนหายใจที่แยกจากโบแวได้สักที
“เธอกับโบแวคือ ใช่ไหม” มอร์กานถาม เพราะเธอกับเวอจินี่ต่างก็สงสัยข้อนี้
เพลิงฟ้าฟังแล้วก็หัวเราะ “เปล่าค่ะ ละครค่ะ”
“อ๋อ แต่ฉันไม่คิดจะห้ามหรอกนะ แต่อยากให้แน่ใจว่าไม่ใช่แค่เล่นๆ ถ้าจะทำอะไรให้จริงจังไปเลยน่ะ” มอร์กานไม่อยากให้ลูกชายต้องมาเจอเรื่องเล่นๆ
“แล้วทำไมแม่ต้องเชิญอันนากับสามีมาด้วย” โบแวพูดที่ด้านหลังแม่ ออกจะงอนสักหน่อย
“แม่ไม่ได้เชิญ รีอาต่างหากที่เชิญ เห็นบอกพ่อว่ายังไงก็แฟชั่นเหมือนกัน ควรเชิญล่ะมั้ง” มอร์กานบอกลูกชายให้เข้าใจเสียใหม่
“แม่ก็น่าจะดูหน่อย” โบแวเข้ามากอดแม่ ตัดพ้อแบบอ้อนๆ
ลูกชายคนเล็กก็ต้องขี้อ้อนเป็นธรรมดา
เพลิงฟ้าเห็นว่าพักมากพอแล้วก็ตามเขาไปคุยกับเพื่อนๆ เขา แม้จะฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างกับมุกของคนในกลุ่ม แต่เธอก็ไม่คิดจะเข้าใจอะไรมากนัก จนกระทั่งเลิกงาน เขาก็พาเธอกลับบ้าน
คืนนี้เพลิงฟ้าไม่คิดว่าเขาควรนอนห้องเดียวกับเธอ จึงบอกให้เขาไปห้องตัวเอง เพราะรู้ว่าเขาก็เมาแชมเปญอยู่ แต่ตกใจเพราะเขาดันเธอเข้าไปในห้อง แล้วนอนที่เตียงโดยไม่ยอมให้เธอไล่
“เราคุยกันแล้วว่าวันไหนคุณเมาต้องนอนห้องคุณ แล้วทำไมต้องมานอนกอดฉันทุกวันด้วยล่ะ” เพลิงฟ้าพยายามไล่เขาไปจากห้อง
“ไม่ได้แก้ผ้านอนกลัวอะไร เห็นไหมสูทยังไม่ถอดออกเลย” โบแวเถียงต่ออย่างมึนๆ แล้วหันหลังให้
“โธ่ คุณนี่นะ ฉันบอกแม่คุณแล้วไงว่าแค่ละคร ไปนอนห้องคุณสิ” เพลิงฟ้าพยายามดึงเขาให้ลุกจากเตียง แต่กลับถูกเขาดึงจนล้มลงไปนอนทับเขา
“เมานะ อย่ายั่วได้ไหม” โบแวย้อนคำพูดเธออย่างไม่ใส่ใจนัก
“ยั่ว? อีตาบ้า!! ไอ้ฝรั่งขี้โม้!!” เพลิงฟ้าด่าทั้งไทยทั้งฝรั่งเศส และต้องตกใจเมื่อเขาดึงเธอล้มลงที่เตียง
สุดท้ายเจอเขาปิดปากด้วยริมฝีปากเขา สักพักเขาก็ถอดเสื้อสูทเขาออก รูดซิบชุดเธอลง ปากก็ไม่ถอนจูบ มือก็สาละวนกับการถอด และลงน้ำหนักที่ร่างบางเต็มที่ แต่ก่อนที่เขาจะถอดชุดเธอออก เพลิงฟ้าก็ผลักเขาแรงๆ
“อย่า” เพลิงฟ้าผลักเขาแรงๆ จนปากแยกจากกัน จึงห้ามเขา ดึงผ้าห่มเข้าหาตัว
โบแวมองเห็นเธอตื่นตระหนกก็ทิ้งตัวลงบนที่นอน ก่อนลุกแล้วกลับห้องเขา โดยไม่พูดอะไร
เพลิงฟ้าก็ถอนหายใจยาว โล่งใจและอึดอัดใจในเวลาเดียวกัน แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนตอนโนรา เพราะเขาเป็นผู้ชายและเธอก็ไม่อยากคิดถึงปัญหาที่ยุ่งยากตามมา
****************************
หลังจากวันนั้นโบแวก็นอนในห้องเขา ทำงานในห้องทำงาน ไม่พูดคุยกับเพลิงฟ้าเหมือนปกติ เพราะยังปั้นหน้าไม่ถูกกับเรื่องที่เกิดขึ้น และวันนี้เขาออกมาประชุมงานกับพ่อ เรื่องโครงการบลอสซั่มเขาที่กำลังจะขึ้นโชว์ในอีกหนึ่งอาทิตย์
“พ่อชอบงานชุดนี้นะ อ่อนหวานมากลูก” ฌากชมลูกชาย และภูมิใจที่ลูกชายทำงานออกมาดี
“เหมาะกับราฟาแร็งมาก ดูเป็นแฟชั่นชั้นสูง” ฌากชื่นชมลูกชายหลังจากมองงานชุดนี้พร้อมออกสู่รันเวย์
ชุดราตรีสั้น กับชุดทำงาน ชุดลำลองแต่สามารถใส่ไปทำธุระที่เป็นทางการได้ หลากหลายสี ร่วมสามสิบชุด ในแนวคิดดอกไม้บานสะพรั่ง ทั้งดอกไม้เมืองหนาวเมืองร้อน คัดเลือกออกมา
คนออกแบบเป็นโบแวคนเดียว แต่คนตัดเย็บจะเป็นทีมของโบแว ซึ่งไม่ยอมให้รีอามาดู เพราะกลัวความลับรั่วไหล เข็ดที่ครั้งก่อนตอนที่โบแวยังไม่คิดทำยี่ห้อของตัวเอง เจอรีอาแอบอ้างผลงาน ตั้งแต่นั้นมาเขาไม่มีทางให้รีอาได้เห็นงานก่อนเลย
เขาไม่ยอมรับคนใหม่ด้วยเพราะกลัวเป็นคนของรีอา
ฌากมองลูกชายที่ยิ้มพอใจผลงานตัวเอง เห็นลูกอารมณ์ดีพอ จึงบอกข่าวร้าย “โบแว เรื่องเสื้อยืดของลูก พ่อกับรีอาคุยกันแล้วนะว่า ยังไม่ใช่จังหวะของราฟาแร็ง ราฟาแร็งก็มีเสื้อยืด แต่เป็นเสื้อยืดคุณภาพสูง พ่อว่าลูกน่าจะพิจารณาตลาดคุณภาพสูงแทนไปก่อนดีกว่าไหม”
โบแวมองพ่อแล้วขมวดคิ้ว ก่อนอธิบาย “ตลาดคุณภาพสูงมันตันแล้วครับ คนรวยๆ ที่ไหนจะมาใส่เสื้อยืดกันตลอดเวลา มันก็มีบ้าง แต่ก็ไม่ตลอดหรอก คนชั้นกลางซะอีกใส่เสื้อยืดกันเยอะกว่า ผมมองเห็นตลาดอยู่”
“พ่อว่าไว้วันหน้าค่อยคิดดีกว่านะ” ฌากตัดบทลูกชาย
“สรุปคือพ่อจะไม่ผ่านเรื่องนี้แน่ๆ ใช่ไหม ผมใช้แบรนด์ผมก็ได้ ไม่ต้องใช้ราฟาแร็ง” โบแวบอกพ่อตามตรง เขาก็ไม่อยากให้แบรนด์ราฟาแร็งเท่าไร
“ไม่ใช่ตอนนี้ ลูกรัก” ฌากพยายามประนีประนอมกับลูกชาย
โบแวทุบโต๊ะเสียงดังลั่น จนรีอาเข้ามาดู “ผมจะเอาไปเสนอบริษัทอื่น”
“ก็ได้นะ แต่เธอไม่มีสิทธิเอารูปของชุดบลอสซั่มไป” หญิงสาววัยกลางคนผมสีแดงยิ้มเหยียดอย่างดูถูก
“คิดว่าจะต้องใช้เหรอ คนมีสมองออกแบบใหม่ได้เรื่อยๆ แหละ ไม่เหมือนพวกเห็บเหากาฝาก ความสามารถในการออกแบบก็ไม่มี ได้แต่เกาะคนอื่นเพื่ออ้างผลงานของตัวเอง” โบแวด่ารีอาชัดๆ กลับโดนพ่อตบหน้า ทำให้เขาช็อคนิ่งอึ้ง
“แกต้องไม่ว่ารีอาอย่างนั้น” ฌากปกป้องลูกชายมาตลอด แต่ตอนนี้ลูกชายกำลังดื้อรั้น เหมือนที่รีอาเป่าหูเขา
ยิ่งโบแวพูดว่าจะเอาผลงานไปหาหุ้นส่วนใหม่ เขายิ่งแน่ใจว่าลูกชายกำลังเอาใจออกห่าง
โบแวเงยหน้าขึ้นมองพ่อ แล้วเก็บของออกไปเลยโดยไม่พูดอะไรอีก
ฌากเห็นแบบนั้นก็รีบตามไป แล้วดึงลูกชายไว้ “พ่อแค่พยายามเตือนสติแก”
โบแวสะบัดแขนจนหลุดแล้วจัดเสื้อ จากนั้นก็เดินหนีโดยไม่ต่อปากต่อคำกับพ่อสักคำ เขามองพ่ออีกครั้งเป็นเชิงไม่ให้ตามมา แล้วลงไปที่รถเขา เมื่อถึงก็ขับตรงกลับบ้านเลย
เขานอนบนเตียงตัวเองอย่างหงุดหงิดและเสียใจที่พ่อทำแบบนั้นกับเขา ต่อหน้ารีอาด้วยแล้ว เขายิ่งอับอาย สุดท้ายมองนาฬิกา ก่อนกดโทรออก
“ค่ะ” เพลิงฟ้ารับสายแล้วแปลกใจมากที่เขาโทรมาในตอนนี้
“กลับบ้านเร็วหน่อยได้ไหม” โบแวถามกึ่งบังคับ
“วันนี้ยุ่งมากเลยค่ะ ต้องเตรียมตัวอย่างนิตยสารก่อนแม่คุณขึ้นเครื่องตอนเช้า มีเรื่องอะไรบอกตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ” เพลิงฟ้าตอบเขาแล้วสงสัย ไม่ได้คุยกับเขามากนัก ตั้งแต่เจอเหตุการณ์วันนั้น
“รอกลับมาค่อยคุย รีบๆ ทำงานล่ะ” โบแวได้แต่ปล่อยเธอไป ไม่มีแก่ใจจะรับสายพ่อที่โทรมาจิกเขายิกๆ ก็กดปิดเครื่องแล้วหลับไป
ส่วนเพลิงฟ้าก็รีบทำงานอย่างหงุดหงิด เพราะไม่สรุปกันให้ลงตัวก่อน แล้วก็มีปัญหาคือมอร์กานจะไปอเมริกาถึงสองอาทิตย์แบบไม่ทันได้ตั้งตัว จะไม่ทันได้ดูเล่มที่จะปิด ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นในสำนักงาน
ตีสอง...เพลิงฟ้าถอนหายใจยาวเมื่องานเสร็จแล้ว ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไม่เข้าออฟฟิศแล้วนอนพักสักวัน ยังไงงานเธอเสร็จแล้วในระดับหนึ่ง รอมอร์กานส่งที่ต้องการแก้ไขกลับมาก็ค่อยว่ากันอีกที
****************************
เจนน่ามองตาม ไม่เห็นเขาลงลิฟต์ แต่ไปเดินลงบันได แปลว่าเขาต้องไปที่ไหนสักแห่งในสำนักงาน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ได้แต่ถอนหายใจยาว เพราะงานที่มอร์กานต้องการยังไม่เสร็จ
โบแวเดินมาจนถึงแผนกกราฟฟิค จริงๆ ก็แค่แผนกเล็กๆ เพราะมีคนไม่กี่คน แม่เขามีนิตยสารอยู่ไม่กี่หัว จึงไม่ต้องใช้คนเยอะ แต่จะมีการตรวจสอบต้นฉบับที่เอาไปแปลเป็นภาษาต่างชาติบ้าง ก็เท่านั้น แล้วมีการนำเนื้อหาเพิ่มเติมเข้าไป ซึ่งก็ต้องผ่านการเห็นชอบเพื่อควบคุมคุณภาพของนิตยสาร
แผนกกราฟฟิคเหมือนสวนสนุกอย่างไรอย่างนั้น จริงๆ แม่เขาออกแบบตึกเพื่อให้นักออกแบบทั้งหลายได้ผ่อนคลายจากสภาวะที่ถูกตีกรอบ ส่วนของคอลัมนิสต์ ก็เป็นอีกแบบอยู่ที่ว่านิตยสารหัวอะไร ถ้าเป็นหัวแฟชั่นมีแต่แฟชั่นเต็มไปหมด ถ้าเป็นการใช้ชีวิตก็จะเป็นตามนั้น
โบแวเดินผ่านไปยังโต๊ะของเพลิงฟ้า หาไม่ยาก เพราะขณะที่คนอื่นสนุกสนาน เพลิงฟ้าชอบอยู่ในมุมเงียบๆ ของตัวเอง “ไง”
เพลิงฟ้าเงยหน้าขึ้นมอง เห็นขาเขาปกติดีก็ดีใจ “เอาเฝือกออกเสร็จเร็วดีนี่ เดินได้ปกติไหม”
“ปกติมาก ตั้งใจว่ากลับบ้านไป จะไปออกแรงขาหน่อย ไม่ไหว เมื่อก่อนขาแข็งแรงกว่านี้ กลับพร้อมกันไหม” โบแวถามอย่างมีน้ำใจ
“ยังหรอก ยังไม่เลิกงานแล้วงานก็ยังไม่เสร็จ กลับไปก่อนเถอะ” เพลิงฟ้าตอบขณะที่อ่านงานและการตัดคำอีกเล็กน้อย ก่อนหันไปมองเขาที่ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ จึงถามเขา “ไม่กลับเหรอ”
“จะรอ” โบแวบอกแล้วนั่งกอดอกเหมือนจะบีบบังคับกลายๆ
เพลิงฟ้าไม่กลัวอยู่แล้ว จึงเอากระดาษในกระดานร่างภาพแล้วก็ปากกาให้เขาแทน “ก็ทำงานรอไปนะ”
“ฉันจะย้ายออกแล้วนะ” โบแวบอกหลังรับกระดานร่างภาพมา
“อ๋อ เมื่อไรล่ะ” เพลิงฟ้ารู้สึกใจหายนิดๆ ที่อยู่ๆ เพื่อนร่วมห้องก็จะไปอีกแล้ว
“พรุ่งนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะจ่ายค่าเช่าห้องให้จนกว่าเธอจะหาคนมาเช่าอยู่ได้” โบแวบอกในตอนท้าย
“อ่า ไม่กลัวฉันงุบงิบไม่ยอมหาคนเช่าใหม่เหรอ” เพลิงฟ้าพูดแล้วก็หัวเราะ
“ไม่กลัว ฉันรู้ดีว่าเธอเป็นคนที่ไม่เอาเปรียบใคร” โบแวพูดอย่างมั่นใจ ก่อนถาม “ฉันรู้มาว่าเธอมีอะไรบางอย่าง แม่ฉันไม่บอกว่าอะไร แต่ฉันอยากรู้ว่ามันเรื่องอะไร ทำไมต้องปกปิดกันให้วุ่นวาย”
เพลิงฟ้ามองเขาแล้วส่ายหน้า ตกใจเหมือนกันที่เขาถาม แต่เธอก็ไม่อยากพูดนัก จะว่าไปมันเป็นเรื่องน่าอาย และไม่ควรพูดถึง “บางเรื่องไม่พูดถึงดีกว่า”
“แต่ฉันอยากรู้ จะได้เข้าใจเหตุผลของเธอ หรือไม่ก็เป็นการกำจัดปมต่างๆ ออกไป เก็บไว้ก็รังแต่จะสร้างบาดแผลที่ฝังลึก มันจะเกาะกินใจเธอไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหมดสิ้น” โบแวพูดด้วยความเป็นห่วง
“ฉันว่าคุณเอาเวลาไปแก้ปัญหาชีวิตคุณก่อนดีกว่าไหม แทนที่จะมาวุ่นวายปัญหาของฉัน” เพลิงฟ้าเริ่มใส่อารมณ์ ดีที่ห้องนี้เปิดโล่งและมีเสียงเพลงคลอ จึงไม่ดังพอให้ใครได้ยิน
โบแวได้ยินชัดก็โกรธ ลุกจากเก้าอี้โยนกระดานทิ้งแล้วเดินออกไปจากห้องเลย
เพลิงฟ้าถอนหายใจยาว ได้แต่ปล่อยเขาไป คิดว่าด้วยนิสัยอย่างเขาและโกรธเธอแบบนี้ คงจะเก็บของกลับบ้านวันนี้เลยทีเดียว แต่เธอก็ได้แต่ทำใจ
ถ้าจะกลับไปแล้วพบว่าห้องพักเหลือเพียง...เธอ
****************************
เสียงพลิกตัวไปมาทำเอาเขารำคาญมากๆ เขาลุกขึ้นนั่งแล้วถอนหายใจ เพราะอยู่ในบ้านของตัวเอง เตียงตัวเดิมแล้วกลับนอนไม่ค่อยหลับ ชีวิตกลับไปเป็นอย่างเดิม ที่เขาตั้งใจจะเปลี่ยน และฉวยโอกาสที่ทุกอย่างกำลังพลิกผัน เลือกที่จะไปอยู่กับคนไม่คุ้นเคยและสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หากตอนนี้คนที่ไม่คุ้นเคยกลายเป็นคนที่คุ้นเคยไปเสียแล้ว
ยังโกรธหล่อนที่พยายามผลักไสเขา พอคิดว่าอาจเพราะเขาไม่มีคนนอนเป็นเพื่อน แต่นี่ก็ไม่ใช่ มาล่ากับร็อกแซนก็มานอนข้างๆ แต่เหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง และเขาก็คิดได้ว่าขาดเพื่อนข้างห้อง บ้านทั้งหลังมีเขาอยู่ชั้นบนเพียงลำพัง
โบแวพิจารณามาหลายวันแล้ว งานก็ไม่คืบหน้าตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน จึงถอนหายใจ มองเวลาก็รู้ว่าสว่างแล้ว เขาจึงทำธุระในห้องน้ำ แล้วคว้ากุญแจรถขับออกจากบ้าน ก่อนออกไปเจอมาดามโบวิเย่ว์ จึงสั่งความไปตามเรื่อง และตรงไปอพาร์ทเมนต์เพลิงฟ้าทันที
เพลิงฟ้าได้ยินเสียงโทรศัพท์ เพราะตั้งแต่เลิกกับโนราและโบแวย้ายออก เธอก็ได้สัมภาษณ์คนหลายคนแต่ยังไม่ถูกใจพอจะให้อยู่ร่วมห้องได้ จึงยังคิดอยู่ว่าใครโทรมาตอนเช้าแบบนี้ แต่ก็กดรับ
“เปิดประตูข้างล่างให้หน่อย” โบแวส่วนคำทันที
“ใคร” เพลิงฟ้าถามให้แน่ใจ ว่าเป็นเขาจริงๆ
“โบแว” เขาตอบแล้วถอนหายใจยาว
“โอเค” เพลิงฟ้าตอบแล้วก็กดวางสาย สักพักก็เปิดประตูในห้อง ส่วนกุญแจห้องเขามีอยู่แล้ว เพราะไม่ได้คืน และเธอก็ไม่ได้ทวง คิดว่าเขาคงลืมของ เธอจึงคลานขึ้นเตียงไปนอนต่อ
เสียงเขาไขประตูเข้ามาเอง เธอก็ไม่คิดมาก สักพักก็ต้องตกใจเพราะเขาอุ้มเธอขึ้นจากเตียง
“อะไรๆ” เพลิงฟ้าละเมอขึ้นในอ้อมแขนเขา ตกใจพยายามเรียกสติ
“เปล่า” โบแวบอกแล้วเริ่มมั่นใจนิดๆ ว่าเขาต้องมีหล่อนเป็นเพื่อนร่วมห้อง “ห้องข้างๆ ยังว่างอยู่ไหม”
“อืม ปล่อยได้แล้วง่วงจะตาย วันนี้วันหยุด ขอสงบสักวัน” เพลิงฟ้าอยากกลับไปนอนต่อเต็มทีแล้ว
โบแวปล่อยเธอ แล้วเดินไปห้องเดิม เธอเอาผ้าคลุมเตียงเดิมที่เขาบอกไม่เอาไปคลุมไว้ ดึงออกแล้วก็นอน สักพักเขาก็หลับสบายจนถึงช่วงเที่ยงของวัน
เพลิงฟ้าตื่นมาแล้วก็ขมวดคิ้ว คิดว่าฝันไป จึงเดินไปดูที่ห้องว่างข้างๆ เห็นเขาหลับอยู่ก็ส่ายหน้า เพราะเขาแก้ผ้านอน เสื้อผ้าทุกชิ้นโยนกองไว้ทั่วห้อง เหมือนกำลังรีบ จึงได้แต่ถอนหายใจแล้วเข้าครัวหาอะไรง่ายๆ กินแล้วก็อ่านหนังสือ ห้องเธอไม่มีโทรทัศน์ เพราะไม่อยากเสียภาษีจุกจิก มีแต่หนังสือเต็มห้องก็ประเทืองปัญญาดีกว่าอยู่แล้ว ข่าวก็อ่านหนังสือพิมพ์เอา โดยไปตามอ่านที่ร้านกาแฟแทน
บ่ายคล้อยโบแวก็ตื่นเหมือนคนที่ได้หลับเต็มตื่น มานั่งที่โซฟาเดียวกับเธอ ก่อนนอนหนุนตักเธอ ตามประสาคนขี้อ้อน แล้วค่อยพูดขึ้น “บอกเลิกเช่าห้องนี้เถอะ แล้วไปอยู่บ้านฉัน ฉันจะได้หลับสบายแบบนี้อีก”
เพลิงฟ้าก้มลงมองเขา เบิกตาโต ก่อนดุเขาอย่างจริงจัง “จะบ้าหรือไง เกิดวันดีคืนดี คุณไล่ฉันออกจากบ้าน แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหน เลิกพูดอะไรเอาแต่ใจตัวเองได้ไหม”
“ทำสัญญาเลยก็ได้ว่าจะไม่มีวันไล่ออกจากบ้าน” โบแวพูดแล้วมองกาแฟที่เธอดื่มค้าง ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วคว้ามาดื่ม คาดว่าเธอคงตั้งใจกินแล้วอ่านหนังสือไปด้วย แต่ติดใจหนังสือ จึงดื่มไปได้แค่ครึ่งเท่านั้น มีคราบกาแฟรอยริมฝีปากติดอยู่ แต่เขาก็ไม่สนใจแล้ว
“ขนาดนั้นเชียว” เพลิงฟ้ามองเขาดื่มกาแฟดำของตัวเองแล้วถอนหายใจยาว ก่อนลุกไปคว้ากากาแฟดำที่ต้มค้างไว้มาเทเพิ่ม ทั้งเธอกับเขาดื่มกาแฟดำเข้มเหมือนกัน
“จ้างไปอยู่เป็นเพื่อน” โบแวพูดในตอนท้าย
“พูดดีๆ” เพลิงฟ้าฟันแซนวิชขาดสองท่อนเสียงดังลั่น
“ขอร้องเถอะนะ ไปอยู่เป็นเพื่อนกันจนกว่าเธอจะแต่งงานก็ได้” โบแวขอร้อง เพราะเพิ่งได้หลับสนิทจริงๆ ตั้งแต่ย้ายกลับบ้านตัวเอง จากนั้นก็ย้ายไปนั่งที่เก้าอี้ทรงสูงแทน
“ข้าวของจะเอาไปไว้ไหนได้ล่ะ” เพลิงฟ้าไม่คิดมากเรื่องย้ายออก ดีอีก ไม่ต้องเสียค่าเช่า แต่ทีนี้ข้าวของจะเอาไปไว้ไหน บ้านของเวอจินี่ก็อยู่นอกเมืองด้วย
“บ้านของเวอจินี่อยู่นอกเมืองมีโกดังนี่ ส่วนเตียงของฉันเดี๋ยวเอาไปวางไว้บ้านฉันก็ได้” โบแวพูดขึ้น
“รู้จักเวอจินี่ด้วยเหรอ” เพลิงฟ้าถามอย่างแปลกใจ
“ถึงเวอจินี่จะไปอยู่เมืองไทยหลายปี แต่เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่แม่ฉันรักมาก ยังไงก็ต้องเคยพูดถึงบ้าง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอกับเวอจินี่มีปัญหาอะไรกัน แต่สักวันเธอก็คงบอกเล่าฉันบ้างใช่ไหม เดี๋ยวให้บริษัทรับขนย้ายมาแพ็กของแล้วส่งไปเลย” โบแวสรุปอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่ได้มีปัญหากับเวอจินี่สักหน่อย” เพลิงฟ้าบอกเล่า แล้วถอนหายใจยาว
“ตกลงเป็นอันว่าเธอจะย้ายไปอยู่บ้านฉันนะ ขอให้ฉันได้หลับสบายๆ หน่อยเถอะ” โบแวเริ่มคุ้นเคยกับการมีใครสักคนอยู่ที่บ้าน ไม่นับสาวๆ ที่เข้ามาช่วยเขาปลดปล่อยและสนุกสนานกัน
“ต้องไปให้ได้ใช่ไหมเนี่ย” เพลิงฟ้าแล้วแล้วถอนหายใจยาว
“ถ้าไม่ไปจะให้คนมาอุ้ม” โบแวยักไหล่ไม่กลัวเพลิงฟ้าปฏิเสธ
“เอาแต่ใจ!!!” เพลิงฟ้าก็ว่าเขาเข้าให้
“เคยคิดจะตามใจคนอื่นบ้างไหมล่ะ” โบแวก็เถียงสู้
“ที่ผ่านมาไม่ตามใจเลยนะ” เพลิงฟ้าประชดกลับ
“ถ้าบอกว่าที่ผ่านมาตามใจ ก็ทำให้ตลอดละกัน” โบแวก็เถียงสู้อย่างมึนๆ
ทำไมเขาต้องพยายามพายัยคนนี้เข้าสู่ชีวิตเขามากอย่างนี้ กับคนอื่นแค่เห็นหน้าเขา รอยยิ้มเขาก็พร้อมจะตามใจเขาทุกอย่างแล้ว
เพลิงฟ้าขมวดคิ้วอย่างอึ้งๆ ที่เขาปิดปากมัดมือชกเสียอย่างนั้น
“งานแต่งพี่สาวฉัน เธอต้องไปกับฉันด้วย” โบแวได้ทีก็เอาใหญ่แต่เขายิ้มกวนใจเธอได้ตลอด
หากเขาก็ทำให้เพลิงฟ้าหัวเราะได้ เพราะสิ่งที่เขาทำเหมือนโนรา และดูเหมือนเธอจะแพ้ทางจอมบงการอยู่เรื่อย ได้แต่พยักหน้าช้าๆ ยอมๆ เขาไป เพราะเขาคงไม่รามือง่ายๆ แน่ ถ้าเธอไม่ยอม
“หัวเราะอะไร” โบแวเป็นงงที่อยู่ๆ เธอก็หัวเราะ
เพลิงฟ้าหยุดแล้วเลื่อนแซนวิชให้เขา “ไม่มีอะไร แค่รู้สึกตลกกับชีวิตเท่านั้น แต่สุดท้ายมีแต่คนอยากจะช่วยเหลือ เอาเถอะ ฉันยอมรับข้อเสนอแล้วกัน”
“ย้ายวันนี้เลยนะ” โบแวพูดตามประสาคนใจร้อน
เพลิงฟ้ามองสีหน้าโบแวแล้วรู้สึกเอ็นดู “คงต้องอย่างนั้นแหละ ไม่งั้นคุณคงขาดใจตาย”
“ขาดใจเรื่องอะไร จะบ้าเหรอ อย่าสำคัญผิดนักเลยน่า” โบแวพูดแก้เก้ออย่างไม่ยอมรับ
เพลิงฟ้าเห็นท่าทางเขาน่ารักก็รู้สึกเอ็นดู ก่อนเปลี่ยนเรื่อง “นอนแก้ผ้าอย่างนี้ประจำเหรอ”
โบแวฟังแล้วก็หัวเราะ “ใช่ อย่าบอกนะว่าแอบดู”
“แอบดูอะไร แค่สงสัยว่าฝันไปหรือเปล่า เห็นเสื้อผ้ากระจายทั่วห้องเลย” เพลิงฟ้ายิ้มอย่างเอ็นดู
โบแวกินๆ อย่างหิวโหย ไม่สนใจรอยยิ้มเธอเท่าไร ก่อนรอเธอเก็บของแล้วย้ายไปอยู่บ้านกับเขา เอาแต่ของจำเป็นไปก่อน แล้วค่อยย้ายอีกที โดยปล่อยห้องนี้ไป ให้เจ้าของอพาร์ทเมนต์จัดการปล่อยเช่าต่อ
****************************
บ้านของโบแวก็เป็นบ้านหลังใหญ่ มีพื้นที่พอควร กลางใจเมืองแบบนี้ ก็ถือว่ารวยมากพอสมควร จะไม่แปลกใจถ้าเขาจะรู้สึกเหงาๆ เพราะในเมืองแบบนี้ ต้องเป็นทาวน์เฮาส์หรืออพาร์ทเมนต์ คอนโดมิเนียม เพนส์ฮาวส์ ถือว่าผิดคาดตรงที่เป็นบ้านสีขาว แทนที่จะเป็นสีประหลาดๆ ตามใจเขา อยู่ไม่ห่างจากสวนสาธารณะขนาดใหญ่
“เป็นไง ห้องนอนอยู่ได้ไหม” โบแวกลัวหล่อนจะหนีกลับ ต้องทดลองคืนนี้ดูว่าเขาจะหลับสบายไหม
“ดีมากเลยแหละ เดี๋ยววางแผนย้ายของไปฝากเวอจินี่ก่อน” เพลิงฟ้าอธิบายความ บ้านทั้งหลังตกแต่งด้วยสีขาวดำ ทำให้งงเหมือนกันว่า คนอย่างโบแวน่าจะมีสีสันมากกว่านี้
“พรุ่งนี้ก็ได้” โบแวบอกแล้วก็ทำงานของเขาอย่างสบายใจ
เพลิงฟ้ามองแล้วก็หัวเราะ เห็นเขานั่งเอกเขนกในห้องรับแขกและทำงาน ขณะที่มาดามโบวิเย่ว์ออกจะแปลกใจที่เจ้านายนั่งทำงานในห้องรับแขก ทั้งที่ปกติจะทำงานในห้องทำงาน ยิ่งได้ยินเสียงฮัมเพลง ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกออกไป
ตกเย็นโบแวก็ไม่รับสายใคร และไม่ได้พาผู้หญิงมาค้างเหมือนเคย ทานอาหารเย็นกับเพลิงฟ้า และเข้านอนไม่ดึกเหมือนอย่างเคย
หลังจากแยกกับโบแวที่โต๊ะอาหาร เพลิงฟ้านอนพักบนเตียงราคาแพงในห้องข้างๆ ห้องเขาแล้วอ่านหนังสือ จนดึก เพราะพรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุดอยู่
ขณะที่โบแวกลับห้องนอนแล้วทำงานของเขาต่อ สักพักก็ปิดไฟนอน แล้วก็พลิกตัวไปมาบนเตียง ทั้งที่รู้ว่าเพลิงฟ้าอยู่ห้องข้างๆ แต่เขาก็ข่มตานอนไม่หลับ หรือเพราะห้องกว้างไป จึงลุกแล้วเคาะประตูห้องเพลิงฟ้า เมื่อเขาบอกให้เพลิงฟ้าล็อกประตูห้องนอน
เพลิงฟ้าถามจนแน่ใจว่าเป็นเขาก็มาเปิดประตู “มีอะไรเหรอคะ”
โบแวไม่ตอบ แล้วก็เดินไปขึ้นนอนบนเตียงเธอเฉยเลย
“อะไรๆ” เพลิงฟ้าถามเห็นเขาทำท่าทางง่วงๆ
“ง่วงนอน แต่นอนไม่หลับ” โบแวบอกตามตรงแล้วหันหลังให้แสงไฟ เอาหมอนปิดหน้าแล้วหลับ
“เฮ้อ” เพลิงฟ้ารู้แล้วว่าเธอกำลังเจอจอมบงการคนที่สองอย่างเลี่ยงไม่ได้ หวังว่าเขาจะแค่นอนเฉยๆ ไม่คิดอกุศลกับเธอ เธอจึงขึ้นเตียงแล้วปิดไฟนอน
นอนได้สักพัก โบแวก็พลิกมาสวมกอดเธอ จนเพลิงฟ้าต้องหันไปมองอย่างหวาดๆ กลัวว่าเขาจะทำอะไรมากกว่านั้น แต่สักพักเสียงลมหายใจเขาก็สม่ำเสมอ แสดงว่าหลับแล้วจริงๆ เธอก็ค่อยหันไปอีกด้านแล้วพยายามหลับตาลง
ไม่รู้ว่าคิดถูกคิดผิดที่ยอมแพ้จอมบงการ แต่ก็หวังว่าจะรอดปลอดภัย
****************************
งานแต่งงานของเลอายิ่งใหญ่สมกับเป็นลูกสาวคนโตของผู้ยิ่งใหญ่ในวงการแฟชั่น ชุดแต่งงานชนิดที่คนเอาไปพูดกันทั้งวงการ สีขาวสะอาดตา ใช้ลูกไม้ตกแต่งให้ความรู้สึกถึงแฟชั่นชั้นสูง ที่เหลือก็เตรียมเอาออกขายตามคอลเล็กชั่น เจ้าบ่าวเป็นลูกชายของราชาเครื่องประดับ สวมสูทสีขาวตัดกับไทด์ทันสมัยสีเลือดหมู
พนักงานนิตยสารวีฟวร์ได้มาร่วมงานกันหมด เพราะมอร์กานไม่ดูถูกลูกน้อง ขณะที่ทางราฟาแร็งก็ขนพนักงานมาเช่นกัน และค่าใช้จ่ายในงานก็แบ่งส่วนกันไป จัดโซนไม่ให้มาวุ่นวายกับแขกคนดังไฮโซ ซึ่งจัดโซนต่างหาก
โบแวสวมสูทสีเข้มมีเพลิงฟ้าอยู่ข้างๆ และกำลังทำท่าเซ็ง เพราะไม่ได้ไปร่วมกับเพื่อนๆ และต้องสวมบทบาทนางแบบคู่ควงเขาอีก ตอบคำถามอะไรก็ไม่ได้ คุยก็ไม่ได้ เขาไปแนะนำอีกว่าเธอชื่อพีโอนี่
สีหน้าเพลิงฟ้าเมื่อได้เห็นเวอจินี่อีกครั้งบอกไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ก็สวมกอดกันอย่างคิดถึง
“พีโอนี่เหรอ” เวอจินี่ถามนามแฝงของเพลิงฟ้า
“ค่ะ เขาตั้งให้” เพลิงฟ้าชี้ไปที่โบแว ก่อนจับมือเวอจินี่แล้วถามไถ่ “ลุงพรศักดิ์ไม่มาเหรอคะ”
“รายนั้นยาก ให้แหงะออกจากประเทศยากมากจ๊ะ” เวอจินี่มองเด็กสาวแล้วอมยิ้ม “ยอมสวยแล้วเหรอ”
“ค่ะ โบแวบังคับ ทวงหนี้ตลอดค่ะ” เพลิงฟ้าพูดแล้วหัวเราะ
“หนี้อะไร” เวอจินี่เป็นงง
“หนี้กรรมมั้งคะ ไม่รู้จะทวงอีกนานแค่ไหน” เพลิงฟ้าบอกเล่าแล้วมองโบแวด้วยสายตาที่คุ้นเคย
เวอจินี่เห็นสายตาก็เข้าใจในทันที แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะยังไม่รู้ตัว เธอก็ยิ้มให้ เมื่อความสดใสที่หายไปได้กลับมาแล้ว แต่ก็เสียดายที่คนจะได้เป็นเจ้าของไม่ใช่คนที่เธอหวัง และคนคนนั้นที่หวังอยากให้เพลิงฟ้าให้อภัย
โบแวเข้ามากอดเพื่อนแม่แล้วก็หอมแก้มตามมารยาท ก่อนจะบอก “ขอตัวพีโอนี่ก่อนนะครับ ไปเต้นรำกันเร็ว”
เพลิงฟ้าโดนลากไปในฟลอร์แล้วต้องเต้นรำกับเขา โบแวเอามือของเพลิงฟ้าวางบนไหล่แล้วโอบกอดใกล้ชิด แบบไม่ทิ้งระยะห่าง สักพักเขาก็ก้มลงหอมแก้มเธออีกแบบหวานฉ่ำ
“มีอะไรหรือเปล่า” เพลิงฟ้าถามอย่างงงๆ ที่เขาแสดงท่าทางแบบนี้
“อันนามา” โบแวไม่คิดว่าพี่สาวจะเชิญอันนามา
“อ๋อ” เพลิงฟ้าค่อยโล่งใจ แต่การที่เขาแทบจะกอดจูบเธอกลางฟลอร์ก็ใจเต้นแรงแย่แล้ว หากพอเขาเงยหน้าแล้วเชยคางก็จูบที่ริมฝีปากเธอเข้าให้ ดีที่ไม่ใช่เฟรนช์คิส
นานกว่าเขาจะถอนจูบ แล้วก็ซบหน้าลงที่ไหล่เธอเหมือนจะเคลิ้ม ตอนแรกตั้งใจแสดงละครเท่านั้น แต่พอจูบแล้ว กลับมีความรู้สึกบางอย่างพรั่งพรูออกมา จึงไม่กล้าสู้หน้าเธอเท่าไร ได้แต่ซบหน้าหลบสายตาเธอ
เพลิงฟ้านิ่งอึ้งกว่าเขา จึงซบไหล่เขาด้วย
“หวานไปไหม” โนอาเข้ามาสะกิดทั้งคู่ หงุดหงิดเห็นมานานแล้ว ยิ่งโบแวดูจะรักผู้หญิงคนใหม่นี่มากเท่าไร ปกป้องความลับของหล่อนมากเท่าไร ยิ่งทำให้น่าหงุดหงิดมากขึ้น นางแบบคนนี้ก็ไม่มีใครรู้ตัวจริงว่าเป็นใครมาจากไหน เป็นคนชาติใด รู้แต่ว่าโบแวระบุชัดว่าต้องมีเธออยู่ในทีมเดินแบบชุดใหม่ แม้แต่รีอาก็ไม่รู้เรื่อง
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” โบแวกอดเอวเพลิงฟ้าไว้
“นี่มันงานแต่งเลอา ไม่ใช่งานแต่งของพวกคุณหรอกนะ” โนอาทำเป็นสุภาพ อธิบายเหมือนคนดี
โบแวเห็นพี่สาวทำสีหน้าตื่นตระหนก กลัวน้องชายอาละวาดกลางงานแต่งงานจนอายแขกฝั่งเจ้าบ่าว เขาก็แค่ลากเพลิงฟ้าออกไปจากฟลอร์ ก่อนไปยังกระซิบข้างหูโนอาว่า “เห็นแก่เลอา ไม่งั้นมึง ศพไม่สวยแน่”
โนอาไม่กลัว เพราะคิดว่าฌากให้ท้าย แต่ไม่คิดถึงความเป็นจริงข้อที่ว่า ยังไงสุดท้ายฌากก็ต้องเข้าข้างลูกชายมากกว่าคู่ขาที่พร้อมจะไปอย่างเขา
โบแวเดินออกมาจากงานแล้วยืนในสนามหญ้า กระแทกลมหายใจแรงๆ เพราะรู้ว่าเพลิงฟ้าได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับโนอา ก่อนดึงเธอมากอดแล้วยืนนิ่ง โดยไม่พูดอะไร
เพลิงฟ้าตามอารมณ์เขาไม่ค่อยทัน ก็คือว่าอันนาออกมาหรือเปล่า เขาถึงดึงเธอไปกอด จึงปล่อยเขากอดไปจนกระทั่งเขาดึงเธอไปจูบอีกรอบนั่นแหละ และมีเสียงกระแอ้ม ถึงรู้ว่ามีใครมา
โบแวจึงถอนจูบแล้วกอดเพลิงฟ้าในอก “มีอะไรเหรอ อันนา”
อันนาชะงักเล็กน้อยเห็นเขามีความสุขกับผู้หญิงอื่น ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ยังคิดว่าเป็นเพราะเธอ แต่ตอนนี้เขาโชว์หวานกับผู้หญิงเอเชียที่ดูสวยมากคนหนึ่ง นึกแปลกใจอยู่
“ทักทายตามปกติน่ะ” อันนาบอกมองผู้หญิงในอ้อมกอดเขา
“โอเค สวัสดี ทักทายเสร็จแล้วก็ขอความเป็นส่วนตัวหน่อยนะ” โบแวพูดตัดบทคนรักเก่าทันที ก่อนตอกย้ำอีก “สามีเธอไม่ตามหาแล้วเหรอ ไปอยู่กับเขาเถอะ ผมได้เริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงที่สดใสกว่าแล้ว สบายใจได้แล้วล่ะ”
อันนาได้ฟังก็กำมือแน่น
“พีโอนี่ที่รักของผม” โบแวจับเพลิงฟ้าหันไปให้อันนาเห็นชัดๆ แล้วกอดเธอจากด้านหลัง สบตาอันนาอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นก็จับเพลิงฟ้าหันมาอีก แล้วจูบดูดดื่ม พร้อมสบตาอันนา จนอันนาต้องสะบัดหน้าเดินหนีไป
เมื่อเห็นอันนาไปแล้วเขาก็ถอนจูบ เพลิงฟ้ารีบซกอกเขา กลบเกลื่อน โดนจูบบ่อยๆ ก็ไม่ไหว หัวใจจะวายตายได้ เมื่อตั้งสติได้ก็ถอยออกมา แล้วพยายามสงบใจ
“จบเรื่องแล้วนะ กลับเข้างานเถอะ” เพลิงฟ้าบอกเขา แล้วเดินนำ
โบแวดึงเธอมากอดจากด้านหลัง แล้วกระซิบบอก “ขอบใจมากนะ”
เพลิงฟ้าพยักหน้าแล้วเดินนำ แต่เขากุมมือพาเดินเข้าไปงาน แล้วโอบไหล่เธออยู่ครึ่งค่อนงาน เพลิงฟ้ารู้สึกอยากกลับแล้วรู้สึกเมื่อยที่ต้องเดินไปเดินมา ทักทายญาติโบแวที่เธอไม่อยากจะรู้จัก
เมื่อโบแวเจอเพื่อนแล้ว เพลิงฟ้าค่อยได้พัก จึงนั่งลงแล้วนวดข้อเท้าเล็กน้อย
“เหนื่อยงั้นเชียว” มอร์กานในชุดสีแดงสดถามขึ้น ด้านข้างมีเวอจินี่ที่ใส่ชุดสีชมพู
“เหนื่อยค่ะ” เพลิงฟ้าบอกแล้วถอนหายใจที่แยกจากโบแวได้สักที
“เธอกับโบแวคือ ใช่ไหม” มอร์กานถาม เพราะเธอกับเวอจินี่ต่างก็สงสัยข้อนี้
เพลิงฟ้าฟังแล้วก็หัวเราะ “เปล่าค่ะ ละครค่ะ”
“อ๋อ แต่ฉันไม่คิดจะห้ามหรอกนะ แต่อยากให้แน่ใจว่าไม่ใช่แค่เล่นๆ ถ้าจะทำอะไรให้จริงจังไปเลยน่ะ” มอร์กานไม่อยากให้ลูกชายต้องมาเจอเรื่องเล่นๆ
“แล้วทำไมแม่ต้องเชิญอันนากับสามีมาด้วย” โบแวพูดที่ด้านหลังแม่ ออกจะงอนสักหน่อย
“แม่ไม่ได้เชิญ รีอาต่างหากที่เชิญ เห็นบอกพ่อว่ายังไงก็แฟชั่นเหมือนกัน ควรเชิญล่ะมั้ง” มอร์กานบอกลูกชายให้เข้าใจเสียใหม่
“แม่ก็น่าจะดูหน่อย” โบแวเข้ามากอดแม่ ตัดพ้อแบบอ้อนๆ
ลูกชายคนเล็กก็ต้องขี้อ้อนเป็นธรรมดา
เพลิงฟ้าเห็นว่าพักมากพอแล้วก็ตามเขาไปคุยกับเพื่อนๆ เขา แม้จะฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างกับมุกของคนในกลุ่ม แต่เธอก็ไม่คิดจะเข้าใจอะไรมากนัก จนกระทั่งเลิกงาน เขาก็พาเธอกลับบ้าน
คืนนี้เพลิงฟ้าไม่คิดว่าเขาควรนอนห้องเดียวกับเธอ จึงบอกให้เขาไปห้องตัวเอง เพราะรู้ว่าเขาก็เมาแชมเปญอยู่ แต่ตกใจเพราะเขาดันเธอเข้าไปในห้อง แล้วนอนที่เตียงโดยไม่ยอมให้เธอไล่
“เราคุยกันแล้วว่าวันไหนคุณเมาต้องนอนห้องคุณ แล้วทำไมต้องมานอนกอดฉันทุกวันด้วยล่ะ” เพลิงฟ้าพยายามไล่เขาไปจากห้อง
“ไม่ได้แก้ผ้านอนกลัวอะไร เห็นไหมสูทยังไม่ถอดออกเลย” โบแวเถียงต่ออย่างมึนๆ แล้วหันหลังให้
“โธ่ คุณนี่นะ ฉันบอกแม่คุณแล้วไงว่าแค่ละคร ไปนอนห้องคุณสิ” เพลิงฟ้าพยายามดึงเขาให้ลุกจากเตียง แต่กลับถูกเขาดึงจนล้มลงไปนอนทับเขา
“เมานะ อย่ายั่วได้ไหม” โบแวย้อนคำพูดเธออย่างไม่ใส่ใจนัก
“ยั่ว? อีตาบ้า!! ไอ้ฝรั่งขี้โม้!!” เพลิงฟ้าด่าทั้งไทยทั้งฝรั่งเศส และต้องตกใจเมื่อเขาดึงเธอล้มลงที่เตียง
สุดท้ายเจอเขาปิดปากด้วยริมฝีปากเขา สักพักเขาก็ถอดเสื้อสูทเขาออก รูดซิบชุดเธอลง ปากก็ไม่ถอนจูบ มือก็สาละวนกับการถอด และลงน้ำหนักที่ร่างบางเต็มที่ แต่ก่อนที่เขาจะถอดชุดเธอออก เพลิงฟ้าก็ผลักเขาแรงๆ
“อย่า” เพลิงฟ้าผลักเขาแรงๆ จนปากแยกจากกัน จึงห้ามเขา ดึงผ้าห่มเข้าหาตัว
โบแวมองเห็นเธอตื่นตระหนกก็ทิ้งตัวลงบนที่นอน ก่อนลุกแล้วกลับห้องเขา โดยไม่พูดอะไร
เพลิงฟ้าก็ถอนหายใจยาว โล่งใจและอึดอัดใจในเวลาเดียวกัน แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนตอนโนรา เพราะเขาเป็นผู้ชายและเธอก็ไม่อยากคิดถึงปัญหาที่ยุ่งยากตามมา
****************************
หลังจากวันนั้นโบแวก็นอนในห้องเขา ทำงานในห้องทำงาน ไม่พูดคุยกับเพลิงฟ้าเหมือนปกติ เพราะยังปั้นหน้าไม่ถูกกับเรื่องที่เกิดขึ้น และวันนี้เขาออกมาประชุมงานกับพ่อ เรื่องโครงการบลอสซั่มเขาที่กำลังจะขึ้นโชว์ในอีกหนึ่งอาทิตย์
“พ่อชอบงานชุดนี้นะ อ่อนหวานมากลูก” ฌากชมลูกชาย และภูมิใจที่ลูกชายทำงานออกมาดี
“เหมาะกับราฟาแร็งมาก ดูเป็นแฟชั่นชั้นสูง” ฌากชื่นชมลูกชายหลังจากมองงานชุดนี้พร้อมออกสู่รันเวย์
ชุดราตรีสั้น กับชุดทำงาน ชุดลำลองแต่สามารถใส่ไปทำธุระที่เป็นทางการได้ หลากหลายสี ร่วมสามสิบชุด ในแนวคิดดอกไม้บานสะพรั่ง ทั้งดอกไม้เมืองหนาวเมืองร้อน คัดเลือกออกมา
คนออกแบบเป็นโบแวคนเดียว แต่คนตัดเย็บจะเป็นทีมของโบแว ซึ่งไม่ยอมให้รีอามาดู เพราะกลัวความลับรั่วไหล เข็ดที่ครั้งก่อนตอนที่โบแวยังไม่คิดทำยี่ห้อของตัวเอง เจอรีอาแอบอ้างผลงาน ตั้งแต่นั้นมาเขาไม่มีทางให้รีอาได้เห็นงานก่อนเลย
เขาไม่ยอมรับคนใหม่ด้วยเพราะกลัวเป็นคนของรีอา
ฌากมองลูกชายที่ยิ้มพอใจผลงานตัวเอง เห็นลูกอารมณ์ดีพอ จึงบอกข่าวร้าย “โบแว เรื่องเสื้อยืดของลูก พ่อกับรีอาคุยกันแล้วนะว่า ยังไม่ใช่จังหวะของราฟาแร็ง ราฟาแร็งก็มีเสื้อยืด แต่เป็นเสื้อยืดคุณภาพสูง พ่อว่าลูกน่าจะพิจารณาตลาดคุณภาพสูงแทนไปก่อนดีกว่าไหม”
โบแวมองพ่อแล้วขมวดคิ้ว ก่อนอธิบาย “ตลาดคุณภาพสูงมันตันแล้วครับ คนรวยๆ ที่ไหนจะมาใส่เสื้อยืดกันตลอดเวลา มันก็มีบ้าง แต่ก็ไม่ตลอดหรอก คนชั้นกลางซะอีกใส่เสื้อยืดกันเยอะกว่า ผมมองเห็นตลาดอยู่”
“พ่อว่าไว้วันหน้าค่อยคิดดีกว่านะ” ฌากตัดบทลูกชาย
“สรุปคือพ่อจะไม่ผ่านเรื่องนี้แน่ๆ ใช่ไหม ผมใช้แบรนด์ผมก็ได้ ไม่ต้องใช้ราฟาแร็ง” โบแวบอกพ่อตามตรง เขาก็ไม่อยากให้แบรนด์ราฟาแร็งเท่าไร
“ไม่ใช่ตอนนี้ ลูกรัก” ฌากพยายามประนีประนอมกับลูกชาย
โบแวทุบโต๊ะเสียงดังลั่น จนรีอาเข้ามาดู “ผมจะเอาไปเสนอบริษัทอื่น”
“ก็ได้นะ แต่เธอไม่มีสิทธิเอารูปของชุดบลอสซั่มไป” หญิงสาววัยกลางคนผมสีแดงยิ้มเหยียดอย่างดูถูก
“คิดว่าจะต้องใช้เหรอ คนมีสมองออกแบบใหม่ได้เรื่อยๆ แหละ ไม่เหมือนพวกเห็บเหากาฝาก ความสามารถในการออกแบบก็ไม่มี ได้แต่เกาะคนอื่นเพื่ออ้างผลงานของตัวเอง” โบแวด่ารีอาชัดๆ กลับโดนพ่อตบหน้า ทำให้เขาช็อคนิ่งอึ้ง
“แกต้องไม่ว่ารีอาอย่างนั้น” ฌากปกป้องลูกชายมาตลอด แต่ตอนนี้ลูกชายกำลังดื้อรั้น เหมือนที่รีอาเป่าหูเขา
ยิ่งโบแวพูดว่าจะเอาผลงานไปหาหุ้นส่วนใหม่ เขายิ่งแน่ใจว่าลูกชายกำลังเอาใจออกห่าง
โบแวเงยหน้าขึ้นมองพ่อ แล้วเก็บของออกไปเลยโดยไม่พูดอะไรอีก
ฌากเห็นแบบนั้นก็รีบตามไป แล้วดึงลูกชายไว้ “พ่อแค่พยายามเตือนสติแก”
โบแวสะบัดแขนจนหลุดแล้วจัดเสื้อ จากนั้นก็เดินหนีโดยไม่ต่อปากต่อคำกับพ่อสักคำ เขามองพ่ออีกครั้งเป็นเชิงไม่ให้ตามมา แล้วลงไปที่รถเขา เมื่อถึงก็ขับตรงกลับบ้านเลย
เขานอนบนเตียงตัวเองอย่างหงุดหงิดและเสียใจที่พ่อทำแบบนั้นกับเขา ต่อหน้ารีอาด้วยแล้ว เขายิ่งอับอาย สุดท้ายมองนาฬิกา ก่อนกดโทรออก
“ค่ะ” เพลิงฟ้ารับสายแล้วแปลกใจมากที่เขาโทรมาในตอนนี้
“กลับบ้านเร็วหน่อยได้ไหม” โบแวถามกึ่งบังคับ
“วันนี้ยุ่งมากเลยค่ะ ต้องเตรียมตัวอย่างนิตยสารก่อนแม่คุณขึ้นเครื่องตอนเช้า มีเรื่องอะไรบอกตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ” เพลิงฟ้าตอบเขาแล้วสงสัย ไม่ได้คุยกับเขามากนัก ตั้งแต่เจอเหตุการณ์วันนั้น
“รอกลับมาค่อยคุย รีบๆ ทำงานล่ะ” โบแวได้แต่ปล่อยเธอไป ไม่มีแก่ใจจะรับสายพ่อที่โทรมาจิกเขายิกๆ ก็กดปิดเครื่องแล้วหลับไป
ส่วนเพลิงฟ้าก็รีบทำงานอย่างหงุดหงิด เพราะไม่สรุปกันให้ลงตัวก่อน แล้วก็มีปัญหาคือมอร์กานจะไปอเมริกาถึงสองอาทิตย์แบบไม่ทันได้ตั้งตัว จะไม่ทันได้ดูเล่มที่จะปิด ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นในสำนักงาน
ตีสอง...เพลิงฟ้าถอนหายใจยาวเมื่องานเสร็จแล้ว ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไม่เข้าออฟฟิศแล้วนอนพักสักวัน ยังไงงานเธอเสร็จแล้วในระดับหนึ่ง รอมอร์กานส่งที่ต้องการแก้ไขกลับมาก็ค่อยว่ากันอีกที
****************************
เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ส.ค. 2561, 16:09:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ส.ค. 2561, 16:09:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 634
<< Designer's desire By คชสีห์ 04 | Designer's desire By คชสีห์ 06-07 >> |