กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๑๙ คลางแคลง (200%)

“อ้าว สวัสดีครับคุณสิน”



คำทักทายมาพร้อมกับรอยยิ้ม และจิรสินก็ผงกศีรษะแทนการตอบรับ ศศิพิมพ์ดูชะงักไปนิดหน่อยแต่เขาอาจตาฝาด เพราะเธอหันมามองและยิ้มให้กับเขาเหมือนกับทุกวัน



“ตื่นสายเลยค่ะ ทำไมพิมพ์ไม่ปลุกพี่ล่ะคะ”



“เมื่อคืนนอนดึกนี่คะพิมพ์เลยอยากให้นอนต่ออีกหน่อย นี่พอรดน้ำต้นไม้แล้วเข้ามาทำกับข้าวณุก็มาพอดีค่ะ เอางานมาส่งกองโตเลย”



เขาพยักหน้ารับ รู้สึกเสียมารยาทที่ไม่สนใจแขกจึงหันไปชวนสนทนา “คุณณุขยันมากเลยนะครับเนี่ย สองสามวันเท่านั้นเองงานก็เสร็จแล้ว”



ณวัฒน์ยังคงยิ้มไว้ในหน้า



“ก็ว่างๆ ครับเผลอแผล็บเดียวก็เสร็จแล้ว”



“นี่ขนาดได้งานไปวันศุกร์เองนะครับ วันอาทิตย์เสร็จแล้ว”



พูดออกไปแล้วก็แทบจะกัดปากตัวเองที่เผลอไปแซะแขกเข้า แม้ณวัฒน์จะสีหน้าไม่เปลี่ยนแต่ศศิพิมพ์นั้นกลับหน้าเจื่อน มันพลอยทำให้จิรสินไม่พอใจขึ้นมาครามครัน เมื่อเธอดูจะห่วงความรู้สึกของณวัฒน์มากเกินไป



แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อศศิพิมพ์ไว้ใจเขา เขาก็ต้องไว้ใจเธอ เรารักกัน เขาย้ำกับตัวเอง เรารักกัน



เกือบเที่ยงณวัฒน์จึงได้กลับไป มันเป็นวันอาทิตย์ที่จิรสินหงุดหงิดมากอีกวัน วันหยุดที่เขากับเธอควรได้อยู่กันสองคน ใช้เวลาด้วยกันแค่สองคน กลับถูกแย่งชิงไปเสียครึ่งค่อนวันกับแขก



“คุณณุมาเช้าจังนะ”



มันฟังดูแปลกมาก ดังนั้นจิรสินจึงเอ่ยต่อ



“ร่างกายเขาคงดีขึ้นมากถึงได้โหมทำงานหนักได้”



“ณุบอกว่าดีใจที่ได้กลับมาทำงานค่ะ แต่พิมพ์ก็เตือนๆ อยู่เหมือนกันว่าอย่าเพิ่งโหมงานเลยเพิ่งดีขึ้น กลัวจะไม่สบายไปอีก”



ฟังแล้วก็ให้ขัดหู



“พิมพ์ดูเป็นห่วงคุณณุมาก”



พูดออกไปแล้วก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองอีกรอบ ไม่อยากหึงแต่มันก็ยังอดไม่ได้



“คะ” ศศิพิมพ์หันมามอง “ก็ณุเป็นเพื่อนพิมพ์นี่คะ”



“แต่--” ใบหน้าหล่อเหลายับยู่ยี่ขึ้นเรื่อยๆ คิ้วเข้มๆ ขมวดเข้าหากันจนน่ากลัวว่าเมื่อคลายออกมันคงทิ้งรอยย่นไว้แน่นอน “พี่รู้สึกเหมือน เอ่อ เขาอยู่กับพิมพ์มากเกินไป”



“ถ้าตามวิธีรักษาของหมอ ณุต้องเจอพิมพ์บ่อยมากกว่านี้อีกนะคะพี่สิน อย่างที่พี่ณันเล่าณุดีขึ้นมาก โรคซึมเศร้าแทบไม่มีอาการแสดงออกมาแล้ว เพราะณุได้เห็นได้สัมผัสได้รับรู้ได้อยู่กับความจริง ไม่นานณุก็คงหาย”



“แต่มันก็ไม่ใช่เช้าถึงเย็นถึงแบบนี้ไหม”



“พี่สินคะ”



“อย่างวันนี้มันวันหยุด แล้วเขาไม่คิดบ้างเหรอว่าพี่อยากอยู่กับพิมพ์แค่สองคน”



“ก็วันธรรมดาพิมพ์ก็ทำงาน” ศศิพิมพ์เอ่ยอย่างอ่อนใจ

อารมณ์หึงเล่นงานจนเขาไปไม่เป็น “ก็ใช่ แต่โทร.นัดก่อนไหม เอ้อ! แบบสะดวกหรือเปล่า เข้าไปได้ไหมประมาณนี้ ไม่ใช่มาแบบนี้ มันดูเหมือนอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ทำเหมือนบ้านตัวเอง”

ศศิพิมพ์ไม่รู้ทำไมเขาต้องใส่อารมณ์แบบนี้ ทั้งๆ ที่เธอก็อธิบายไปแล้ว ณวัฒน์ยังป่วย แค่นี้ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมเขาถึงได้ทำอะไรๆ ในบางครั้งแบบไม่นึกถึงมารยาท

“ก็แค่มาเองค่ะ”

หญิงสาวพยายามใจเย็น ทั้งๆ ที่เริ่มกรุ่นๆ เมื่อนึกไปว่าแล้วทีปุณณมาเล่า เธอยังไม่ว่าอะไรเลย ทั้งๆ ที่การหอบหิ้วเข้าไปในบ้านแบบนั้นมันน่าถูกนินทามากกว่าเธอเป็นไหนๆ

“แต่เขาเป็นผู้ชาย แล้วพิมพ์ก็แต่งงานแล้ว”

ศศิพิมพ์นิ่งอึ้งไม่คิดว่าจิรสินจะคิดอกุศลเช่นนี้

“มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะพิมพ์ ตอนที่พิมพ์กับเขายังคบกัน ตอนนั้นเขาจะมาหรือจะไปก็ได้ แต่ตอนนี้พี่ว่ามันไม่เหมาะเลย”

“ถ้าใครยังจะเก็บไปลือได้ก็ปล่อยเขาเถอะค่ะ คนจะพูดเราห้ามปากเขาไม่ได้หรอก แล้วณุก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ไว้ใจไม่ได้”

ความโมโหทำให้พลั้งปากพูดออกไป จิรสินชะงักไปทันทีและไม่พูดอะไรอีก เขาแค่ลุกและเดินหนีขึ้นชั้นบนไป ศศิพิมพ์ได้แต่มองตาม รู้ว่าตัวผิด แต่จะให้ตามไปพูดกันในตอนที่อารมณ์เป็นแบบนี้คงไม่มีประโยชน์อะไร




‘มันเป็นเรื่องบอบบางจนเราสองคนไม่กล้าจะแตะเรื่องนั้นอีก’

นับแต่วันที่ทะเลาะกันบรรยากาศระหว่างศศิพิมพ์กับจิรสินก็ยังคงอึมครึม จากวันนั้นผ่านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ แต่ในหัวใจและความรู้สึกของคนทั้งคู่ยังคงมีจุดดำเล็กๆ ที่ขยายตัวขึ้นทีละน้อยๆ

จิรสินยังระแวง ยิ่งณวัฒน์มาที่บ้านมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งไม่สบายใจ ยิ่งไม่อยากให้ณวัฒน์อยู่ใกล้ศศิพิมพ์ เขายอมรับว่าทั้งหวงและหึงไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ แต่... ถึงอย่างไรนั่นก็แฟนเก่า แถมศศิพิมพ์ยังฝังใจว่าต้องรับผิดชอบที่ทำให้อีกฝ่ายเกือบตาย กระนั้นชายหนุ่มก็เลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้ เพราะรู้แล้วว่ามันทำให้เราทะเลาะกัน

แต่มันก็มีค่าเท่านั้นเพราะตอนนี้ระหว่างเราเหมือนมีกำแพงขวางอยู่ เป็นกำแพงบางๆ ที่มองไม่เห็นแต่รู้สึกได้ว่ามี

เราพูดกันน้อยลง เว้นระยะห่างระหว่างกันโดยไม่รู้ตัว

จิรสินมัวแต่คิดเรื่องศศิพิมพ์จนไม่รู้ตัวว่าตีรณายังมารยาทแย่ หล่อนถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงานเขาเข้ามาดื้อๆ

“สินคะ นี่สิน!”

เมื่อเจ้าของห้องทำท่าว่าไม่ได้ยิน ตีรณาจึงตะโกน จิรสุตายืนหน้ายักษ์จับลูกบิดประตูไว้มั่น เมื่อครู่นางแบบสาวอาศัยตอนเธอหันไปตอบนิตาเรื่องงาน แผล็บเดียวก็วิ่งฉิวมาเปิดประตูห้องพี่ชายเธอ!

จิรสินได้ยินในประโยคหลัง เขากะพริบตาและขมวดคิ้ว

“ตี๊?”

“โอเคยังได้ยิน ตี๊ว่าคุณควรไปเช็กหูหน่อยนะ”

จิรสุตาถือโอกาสนั้นจะแย้ง “คุณ--”

“ฉันขอกาแฟ น้ำตาลก้อนเดียวครีมไม่ต้อง” ตีรณาหันไปบอกเสร็จสรรพและถือโอกาสนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของจิรสิน แล้วไม่สนใจอะไรอีก จิรสุตาถลึงตามองจากด้านหลังแต่จิรสินพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้น้องสาวทำตามที่แขกบอกเพื่อยุติปัญหา

“คุณมานี่มีธุระอะไร”

ชายหนุ่มเอ่ยถามหลังน้องสาวปิดประตูห้องลง

“มาสมน้ำหน้า”



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ส.ค. 2561, 22:13:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ส.ค. 2561, 22:13:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 720





<< ๑๙ คลางแคลง (150%)   ๑๙ คลางแคลง (255%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account