กาลครั้งหนึ่งนั้น(ในความบังเอิญ)
เธอกับเขา ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมาก็แค่... อดีตกิ๊ก!
Tags: แต่งงาน,อดีต,รัก,บุพเพสันนิวาส,พรหมลิขิต

ตอน: ๒๐ สุดทาง (100%)

“คุณจะแต่งเรื่องหลอกเด็กก็ไปที่อื่นเถอะ”



“ฉันมีเอกสารนะ”



ตีรณาวางซองเอกสารซองใหม่ลงบนโต๊ะ



“อ๋อ ดีเอ็นเอไม่เคยโกหกใคร แล้วก็นี่เป็นเอกสารจากโรงพยาบาลของแท้ เห็นไหมล่ะทั้งตราประทับทั้งลายเซ็น ทุกอย่างไม่ใช่ว่าสร้างขึ้นมา ถ้าถามว่าฉันได้มายังไง ฉันจะบอกให้ ฉันมีเส้นสายและมีเงินมากพอที่ฉันจะได้ในสิ่งที่อยากได้ ดูซะ... พวกเขาตรวจกันตั้งแต่ตอนคลอดเลย”



ณวัฒน์หยิบขึ้นมาเปิดอ่าน เขาไม่รู้เรื่องมากนักแต่ถ้อยสรุปในนั้นบ่งบอกว่าเป็นตามที่ตีรณาเอ่ย



“คุณศศิพิมพ์เธอเป็นได้แค่ไม้กันหมารอวันผู้หญิงหย่าขาดจากสามีเก่าสำเร็จเท่านั้นแหละ ที่ฉันเอามาให้คุณก็ไม่ใช่อะไรหรอก ฉันสมเพชหล่อนที่ได้ผู้ชายอย่างสินเป็นสามี”



ตีรณาลุกขึ้นยืนและยิ้มยังประดับบนใบหน้า



“ถ้าฉันไปบอกคุณศศิพิมพ์เองหล่อนก็คงไม่เชื่อเพราะฉันน่ะอยากให้หล่อนเลิกกับสินอยู่แล้ว อันนี้ก็แล้วแต่คุณละนะว่าจะทำยังไง จะปล่อยให้หล่อนโดนหลอกต่อไป หรือจะทำให้หล่อนตาสว่างก็แล้วแต่”



เธอสวมแว่นตาดำและไม่วายทิ้งท้าย



“ผู้ชายอย่างสินก็เหมาะกับผู้หญิงอย่างปุณณมาเท่านั้นแหละ ผู้ชายก็มั่ว ส่วนผู้หญิงก็ชั่ว”



ตีรณาทิ้งถ้อยคำแสลงไว้และเดินจากมา การพบกันครั้งแรกระหว่างเธอกับ ‘ไอ้หน้าโง่’ ดูเป็นไปได้ด้วยดี คราวนี้ผิดแผนไปหน่อยที่มีผู้หญิงอื่นตามมาด้วย แต่คราวหน้าเธอมั่นใจ



ณวัฒน์จะเป็นฝ่ายนัดเจอเธอและมาตามลำพังแน่นอน และเมื่อนั้นแหละ... เธอก็จะมีเหยื่อในแผนสุดท้ายครบพอดี!









‘คุณพิมพ์หน้ามืด คุยกันอยู่ดีๆ ก็หมดแรงไปเสียเฉยๆ ตอนจะล้มเกือบเข้าไปรับไว้ไม่ทัน’



ปุณณมาบอกเช่นนั้นหลังครอบครัวจิรสินกรูกันออกมาจากบ้านใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากสนามบ้านหลังเล็ก



ภาพที่เห็นคือคุณแม่ลูกอ่อนกำลังประคองศศิพิมพ์ที่อ่อนพับไว้ ใบหน้าของหล่อนซีดเซียวดูคล้ายจะหายใจไม่สะดวก จิรสินเกือบพาภรรยาไปโรงพยาบาลแล้ว ถ้าหากเจ้าตัวจะไม่ฟื้นขึ้นมาและบอกด้วยเสียงอ่อนล้าว่าไม่เป็นไร



หล่อนแจ้งว่าต้องการพักและยืนยันว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก จิรศักดิ์จึงให้ลูกชายพาสะใภ้ไปนอนพักที่ห้องนอนเดิม พร้อมสั่งว่าคืนนี้ให้ทั้งคู่ค้างที่บ้านหลังนี้แทน เพราะเกิดศศิพิมพ์ไม่สบายจริงๆ ที่นี่ก็ใกล้โรงพยาบาลมากกว่าที่บ้านของหล่อน



ศศิพิมพ์รู้สึกตัวตื่นอีกครั้งตอนเกือบหกโมงเย็น เธอรับประทานข้าวต้มไปนิดเดียวแล้วก็หลับไปอีก ท่าทางอ่อนเพลียนั้นยังเด่นชัด



เกือบสามทุ่ม จิรสินเหลียวมองนาฬิกาและเห็นว่าภรรยายังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น ชายหนุ่มมองคนหลับอย่างเป็นกังวล แม้ในมือจะถือหนังสือไว้เหมือนกำลังอ่าน แต่สมาธิกลับไม่ได้อยู่ที่หนังสือนั่นเลย



ชายหนุ่มมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้น เมื่อเห็นเปลือกตาบางกระพริบสองสามครั้งก่อนเปิดปรือขึ้น เพราะแสงไฟศศิพิมพ์จึงหลับตาลงอีกหน ก่อนจะลืมขึ้นและพบว่าดวงหน้าคร้ามคมลอยอยู่ใกล้ๆ



เธอถึงหน้าถอดสี เมื่อตั้งสติได้ และจดจำเรื่องราวก่อนที่จะเป็นลมไป หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ และค่อยผ่อนลมหายใจ



“ไหวไหมคะ ไปหาหมอกันไหม”



เขาเอ่ยถามยามประคองเธอให้ลุกขึ้นนั่ง ศศิพิมพ์ส่ายหน้าช้าๆ และก้มมองมือใหญ่แข็งแรงที่ยังจับอยู่ที่ต้นแขนของเธอทั้งสองข้าง ชั่งใจอยู่อีกพักจึงเงยมองเขาและยิ้มจางๆ ส่งให้



“นี่กี่โมงแล้วคะ”



“จะสี่ทุ่มแล้วค่ะ ถ้าไม่ดีขึ้นพี่ว่าเราไปหาหมอกันดีกว่า”



ความห่วงใยบนใบหน้าคมคายนั้นชัดเจน ความขุ่นข้องหมองใจก่อนหน้าเลือนหายไปสิ้น



“ถ้าพิมพ์ว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ หิวน้ำไหม หรือว่าอยากกินอะไรหรือเปล่า เมื่อหัวค่ำพิมพ์กินไปนิดเดียวเองนะคะ”



คำตอบคือการส่ายหน้าน้อยๆ หญิงสาวมองเขานิ่ง จากนั้นก็เอนเข้าไปพิงกับแผงอกกว้าง จิรสินชะงักไปแต่ก็สวมกอดเธอไว้ในอ้อมแขน เขาวางคางกับกลุ่มผมนุ่ม อดคิดไม่ได้ว่าตั้งแต่ทะเลาะกัน เพิ่งมีวันนี้ที่เหมือนว่าเรื่องทะเลาะก่อนหน้านั้นไม่เคยเกิดขึ้น



“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”



หญิงสาวดันตัวออกเงยหน้าขึ้นมองเขา



“พิมพ์มีเรื่องต้องคุยกับพี่สินค่ะ เรื่องสำคัญ”



ชายหนุ่มขมวดคิ้ว



“เรื่อง... ของเรา”



สังหรณ์ลึกๆ ในใจของจิรสินบอกไม่ดีแน่



“พิมพ์เหนื่อยแล้วค่ะพี่สิน เรื่องของเรา... พิมพ์จะทนไม่ไหวแล้ว” ศศิพิมพ์น้ำตาคลอ รู้สึกอ่อนไหวอย่างที่ไม่เคยเป็น แต่เธอก็หมดความอดทนกับเรื่องบ้าๆ เหล่านี้เต็มทีแล้ว



เธออยากจบ อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันจบลงเสียที เธอไม่อยากแย่งชิง ไม่อยากสู้รบปรบมือกับใครอีกต่อไป



ธนวัฒน์มองศศิพิมพ์ที่ดูเหนื่อยๆ แล้วได้แต่สะท้อนในใจ

ระยะหลายเดือนมานี้เขาไม่ค่อยอยู่ออฟฟิศ ส่วนใหญ่ชายหนุ่มจะขอออกไปไซด์งานเป็นส่วนมาก ธนวัฒน์ไม่แย้งเลยไม่ว่าจะให้เขาไปที่ไหนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเหนือ กลาง ใต้ ออก ตก เขาเต็มใจและอยากไป อยากไปเผื่อว่า... เผื่อว่าเขาจะได้ไถ่โทษในสิ่งที่ทำเอาไว้

“กัญเงียบไปเลยนะวัฒน์ นี่ก็จะห้าเดือนละไม่เคยติดต่อมาเลย”

เป็นนิตาที่ชวนคุย เธอกำลังชงกาแฟสำหรับตัวเองแล้วคำถามก็ทำคนฟังยิ่งหน้าหมอง ยกกาแฟขึ้นดื่มรวดเดียว

“กัญติดต่อวัฒน์มั่งหรือเปล่า พี่ชักเป็นห่วงเพราะกัญไม่มีญาติที่ไหน แต่งงานกับแฟนจริงหรือเปล่า หรือว่าไประหกระเหินอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้” คนถามยังพูดต่อ “นี่ถามจริงนะ--”

“อื้อว่ามาสิ”

“วัฒน์เคยมีซัมติงอะไรกับกัญ”

คนถูกถามสำลักพรวดก่อนไอค่อกแค่ก นิตารีบหยิบทิชชู่ส่งให้

“อะไรกันถามแค่นี้เอง”

ไออยู่พักธนวัฒน์จึงตอบ “ก็ถามมาได้นะนั่น”

นิตาฟังแล้วถอนใจ

“ออฟฟิศนี้มันยังไงนะ แต่ละคน” ว่าแล้วก็พยักพเยิด “นั่นก็อีกคน พิมพ์กับคุณสินน่ะดูเครียดๆ นะช่วงนี้ พี่ว่าจะถามก็ไม่กล้ากลัวละลาบละล้วงเกินไป แต่แหมท่าทางพิมพ์ซีดเซียวมากอะ บอกไม่ถูกนะเหมือนคนไม่สบาย”

ทั้งคู่มองศศิพิมพ์ที่กำลังคุยกับจิรสุตา สะใภ้เจ้าของบริษัทดูซีดเซียวจริง หล่อนกินอะไรไม่ค่อยได้ อาการเหมือนกับคนเป็นโรคกระเพาะก็ไม่ปาน

“เครียดเรื่องงานล่ะมั้ง”

“ใช่เหรอ แต่พี่รู้สึกเหมือนระหว่างพิมพ์กับคุณสินมีปัญหากันนะ ไม่รู้สิยิ่งเห็นคุณนางแบบอะไรนั่นมาบ่อยๆ พี่ก็ยิ่งสงสารพิมพ์ ถ้าเป็นพี่นะจะไม่ทนหรอก จะฉะปะดะจนไม่กล้าเสนอหน้ามาเลย”

ฟังนิตาพูดธนวัฒน์ก็อดขำไม่ได้

“เรื่องนี้จะโทษผู้หญิงก็ไม่ได้หรอก ต้องโทษคนกลางด้วย”

“นั่นสิ” นิตาพึมพำ “คุณสินนึกอะไรอยู่นะ ทำอย่างกับอยากให้ถ่านไฟเก่ามันคุ คือถ้าใช่นะแล้วเป็นพี่นะ พี่จะฝากยันต์ห้าแถวไว้บนหน้าให้ เอาให้ไม่กล้าไปซ่าที่ไหนอีก”

ธนวัฒน์โคลงศีรษะแต่ตายังจับที่ศศิพิมพ์

“ถ้ามันจริง ถ้าคุณสินคิดจะเลือกตีรณา ผมว่าเขาเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้ และเสียใจแทนพิมพ์ที่เลือกคนผิด”

นิตาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย และทั้งคู่ก็พร้อมถอนหายใจเมื่อพบว่าตีรณากำลังเดินฉับๆ ผ่านประตูห้องตรงไปยังห้องทำงานของจิรสิน

งานบนโต๊ะตรงหน้าแทบไม่มีความหมายกับเขาเลย

‘พิมพ์เหนื่อยแล้วค่ะพี่สิน เรื่องของเรา... พิมพ์จะทนไม่ไหวแล้ว’



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ส.ค. 2561, 21:49:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ส.ค. 2561, 21:49:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 810





<< บทที่ ๒๐ สุดทาง (50%)   บทที่ ๒๐ สุดทาง -จบตอน-, บทที่ ๒๑ สุดทาง ๑ (50%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account