รักรออุ้ม: ทักษิณา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
ความคึกคะนอง ย่ามใจของเขา กับความอ่อนด้อยประสบการณ์ของเธอ ก่อเกิดหนึ่งชีวิตที่ไม่ตั้งใจขึ้นมา
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ลูก ครอบครัว ดราม่า โรแมนติก ท้อง
ตอน: บทที่ 10 -100%
วันนี้ธีรไนยขอลางานกลับก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง เพื่อที่จะแวะไปรับน้องสาวให้ทันเวลานัด หากทว่า...ระหว่างที่กำลังก้าวเดินออกมารอลิฟต์ ชายหนุ่มเผชิญหน้ากับช่อฟ้าที่เดินผ่านมาพอดี
หญิงสาวชะงัก เบิกตาโตจ้องมองชายหนุ่มอย่างแปลกใจที่เห็นเขาถือกระเป๋าเตรียมกลับบ้านก่อนเวลา โดยไม่ได้บอกกล่าวอะไรเธอเลย
“จะไปไหนคะไนย ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะ”
“ผมมีธุระ เลยขอลาหัวหน้ากลับก่อนน่ะ” เขาตอบเสียงเรียบ จังหวะนั้นลิฟต์ที่ชายหนุ่มกำลังรอเพิ่งมาถึง ธีรไนยก้าวเข้าไปในลิฟต์และกดปุ่มปิดประตู
แต่ไม่คาดว่าช่อฟ้าจะตามเข้ามาด้วย
“เดี๋ยวสิคะ อย่าเพิ่งไป ไนยมีธุระอะไรเหรอคะ” เธอซักต่อเมื่อประตูลิฟต์ปิดลงและค่อยๆ เคลื่อนลงสู่ชั้นล่าง
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก คุณอย่าใส่ใจเลย” เขาไม่อยากตอบจึงตัดบท แต่กลายเป็นยิ่งสร้างความระแวงแคลงใจให้อีกฝ่าย
“ไม่สำคัญแล้วจะต้องถึงขนาดลางานก่อนเวลาเลยเหรอ...คุณมีเรื่องปกปิดฟ้าอยู่หรือเปล่าเนี่ย” ช่อฟ้าซักไซ้เสียงเข้ม
“ไม่มีอะไร มันเป็นปัญหาของครอบครัวผมนิดหน่อย”
“ครอบครัวของคุณ...ใครมีปัญหาอะไรเหรอ?”
“คุณอย่าสนใจเลย” เขาพยายามปัด แต่ช่อฟ้าไม่ยอม และยิ่งโมโหที่เขาเอาแต่อมพะนำ ไม่ยอมเล่าอะไรให้เธอฟังบ้างเลย
“ไม่สนใจได้ยังไง ฟ้าเป็นแฟนคุณนะ อีกหน่อยเราก็ต้องแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกัน เรื่องครอบครัวคุณก็เหมือนครอบครัวของฟ้าด้วยเหมือนกัน เลิกกันฟ้าออกจากชีวิตคุณสักทีได้ไหม!” ช่อฟ้าโมโหปรี๊ด ตาวาวโรจน์โกรธเคือง
เขาเป็นอย่างนี้ทุกที! เขาทำอย่างนี้กับเธอเสมอเลย!!
“ฟ้า ผม...ผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจยังไงดีนะ” ชายหนุ่มบ่นตัวเอง จังหวะนั้นลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างและเปิดออก ธีรไนยก้าวเร็วๆ ออกจากตัวลิฟต์โดยมีร่างเพรียวของช่อฟ้าซอยเท้าตามเขามาติดๆ ไม่ให้คลาดสายตา
“ไนย อย่าเอาแต่เดินหนีสิ บอกฟ้าก่อน มีเรื่องอะไรกันแน่”
เธอตามมาคาดคั้นเขาถึงลานจอดรถ และขวางไม่ให้คนตัวสูงเปิดประตูขึ้นรถ
“ผมยังบอกคุณตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ยังไม่สะดวกจะเล่า เอาไว้วันหลังนะฟ้า วันนี้ผมรีบ”
ธีรไนยบอกปัดก่อนจะเปิดประตูรถออกกว้าง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวขึ้นรถ ช่อฟ้ากลับโผเข้ามาค้นตัวเขาให้วุ่น สุดท้ายเธอก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือไปจากกระเป๋ากางเกงสแล็กของเขา แล้วถอยหนีไปหลายก้าว รีบเปิดโทรศัพท์ดูแอปพลิเคชั่นที่เขาเปิดค้างใช้งานอยู่อย่างรวดเร็ว
ธีรไนยส่งข้อความหาปกเกศ สั่งให้เด็กคนนั้นรอเขาที่หน้าคณะ...นี่เขานัดกับยายเด็กนั่น!!
“ที่รีบนักหนานี่ก็แค่นัดกับญาติเอาไว้ แค่นี้เหรอคะ เนี่ยเหรอธุระที่บอกฟ้าไม่ได้?”
เธอหันมาส่งเสียงถามเขาตาวาวโรจน์ ตัดพ้อน้อยใจ
ทำไมเขาต้องเห็นน้องสาวไม่แท้ สำคัญกว่าคนรักอย่างเธอด้วย!!
“ผมยังไม่สะดวกจะบอกคุณตอนนี้ เอาไว้วันอาทิตย์นี้ผมจะแวะไปหาคุณที่บ้าน แล้วเราค่อยคุยกันดีกว่านะฟ้า” ธีรไนยต่อรอง แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าไปมาอย่างแรง
“ไม่ ฉันต้องการจะฟังเดี๋ยวนี้!”
“ฟ้า อย่าเอาแต่อารมณ์นักได้ไหม มีเหตุผลหน่อย” คนนิ่งอยู่ตลอดเวลาอย่างธีรไนยเริ่มไม่พอใจเช่นกัน
“ใช่สิ ฟ้ามันไม่มีเหตุผล ไม่ใช่คนดีอย่างที่คุณชอบ ไม่เหมือนยายน้องสาวคนดีที่หนึ่งเลยของคุณ ทำอะไรก็ดีกว่าฟ้า น่ารักกว่าฟ้าทั้งนั้นเลยใช่ไหมล่ะ!”
“พูดอะไรของคุณเนี่ยฟ้า ทำไมต้องไปกระทบกระเทียบยายเกศด้วย อย่าพาลสิ” ธีรไนยหงุดหงิดที่คุยกับช่อฟ้าไม่เคยเข้าใจ ยิ่งเขารีบ เธอก็ยิ่งยื้อยุดให้เสียเวลา ไม่ทันเอะใจว่าการกระทำของตัวเองนั้น จะยิ่งเพิ่มโทสะให้กับหญิงสาว
“ฉันพาลเหรอ นี่คุณหาว่าฉันไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ มากไปแล้วนะ ธีรไนย!!”
“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ...” ธีรไนยลดเสียงอ่อนลง รู้ตัวว่าเผลอใช้อารมณ์กับเธอไป แต่หญิงสาวไม่ได้เป็นเช่นเขา ความขุ่นมัวของเธอพุ่งปรี๊ดถึงขีดสุด ทำให้เจ้าตัวตะเบ็งเสียงใส่หน้าคนรักเป็นครั้งแรก
“ไม่ได้ตั้งใจได้ยังไง พูดตั้งขนาดนี้จะบอกว่าไม่ตั้งใจ ในเมื่อยายปกเกศวิเศษนัก ทำไมไม่ไปคบกับเขาเลยล่ะ พี่น้องแท้ๆ กันก็ไม่ใช่ แต่สนิทกันยิ่งกว่าแฟน ความจริงคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วล่ะสิ!”
“ช่อฟ้า พูดอะไรของคุณ!”
ธีรไนยเอ็ดใส่ ตาเรียววาวโรจน์ไม่พอใจช่อฟ้าอย่างแรง อีกฝ่ายถึงกับชะงัก หน้าถอดสี น้ำตาไหลทะลักทลายลงมาด้วยความน้อยใจ เจ็บปวด ผิดหวัง
เธอเคยสงสัย แคลงใจมาโดยตลอดถึงความสัมพันธ์ของเขากับปกเกศ ธีรไนยมักเล่าให้ฟังถึงเรื่องของญาติสาวคนนี้ บอกว่าเขาห่วงสารพัด ไม่สามารถปล่อยเอาไว้โดยไม่สนใจได้ เธอได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ คิดว่าอีกหน่อยเขาก็จะเลิกสนใจปกเกศไปเอง ที่ไหนได้...
ยิ่งนานวันก็ยิ่งเยอะ แทบไม่เหลือที่ให้เธอได้ยืนข้างเขาแล้วด้วยซ้ำ!
“...พอกันที...ถ้าไนยเห็นว่ายายนั่นสำคัญนัก ก็ไปแต่งงานกับมันเลย อย่าดึงฟ้าเข้าไปยุ่ง ถ้าไนยต้องการ...เราจบกันก็ได้...” เธอเป็นฝ่ายพูดออกไปทั้งน้ำตาท่วมหน้า ทำเอาธีรไนยถึงกับอึ้ง
เขาตกใจ ตั้งตัวไม่ติด จะเอื้อมไปคว้ามือเธอเอาไว้ก็ไม่ทัน เพราะช่อฟ้าหันหลังวิ่งจากไปเสียแล้ว ธีรไนยขยับตัวจะวิ่งตาม แต่นึกขึ้นได้ว่าอาจจะไม่ทันเวลาที่นัดเอาไว้กับปกเกศ เขาจึงละล้าละลังคิดไม่ตก
ความจริงเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะหาโอกาสเหมาะๆ อธิบายเรื่องของปกเกศให้ช่อฟ้าเข้าใจ นั่นเพราะเขาต้องลงชื่อตัวเองเป็นบิดาให้กับลูกของปกเกศ ซึ่งกำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่เห็นช่อฟ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ชายหนุ่มยิ่งหนักใจ
ขืนเธอรู้เรื่องที่เขาตัดสินใจลงไป ไม่เพียงอาจจะรับไม่ได้ แต่ช่อฟ้าอาจอาละวาดใส่ปกเกศ ทำให้ฝ่ายนั้นยิ่งไม่สบายใจได้
นี่เขาจะทำอย่างไรดี...?
**************
‘เธออยู่ไหนยายเกศ จะไปไหนก็บอกกันหน่อย เราจะได้ไปเป็นเพื่อน’
นิลยานั่งพิมพ์ข้อความคุยกับเพื่อนสนิทอยู่บนเก้าอี้ม้าหินอ่อน หน้าตัวตึกคณะ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ธีรไนยนัดไว้ว่าจะมารับปกเกศเย็นวันนี้
แต่ขนาดเรียนด้วยกันมาทุกวิชา นิลยาก็ยังไม่รู้เลยว่าในคาบสุดท้ายเพื่อนรักโดดเรียนหนีหายไปไหน โทร.ไปก็ไม่ยอมรับสาย จนตอนนี้ เลยได้แต่ส่งข้อความคุยแทน
‘ไม่ต้องหรอก นิลกลับบ้านไปก่อนเลย ให้พี่ไนยไปส่งนะ กลับบ้านดีๆ ล่ะ’ ปกเกศพิมพ์ตอบกลับมา
‘ทำไมเธอไม่โทร.บอกพี่ไนยเขาว่า เธอไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัยแล้ว จะให้พี่เขามารับให้เสียเที่ยวทำไม’ นิลยาย้อนถาม ทำไม่รู้ไม่ชี้กับจุดประสงค์ของเพื่อน
ก็พี่ไนยมีแฟนแล้ว เธอกำลังอยู่ในช่วง ‘ทำใจ’ ยอมรับความจริง!
‘เราอยากให้พี่ไนยไปส่งนิลที่บ้านนี่ เอาน่า นิลก็เหมือนน้องสาวคนหนึ่งของพี่ไนยเหมือนกัน อย่าคิดมากสิ’
‘จ้า ไม่คิดมาก โอ๊ะ พี่ไนยมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะเกศ รีบกลับบ้านเร็วๆ ล่ะ ทุกคนเป็นห่วง รู้มั้ย’
นิลยาทิ้งท้ายบอกเพื่อนรักอย่างนั้นแล้วก็รีบเก็บโทรศัพท์ หยิบกระเป๋าเป้ใบกะทัดรัดของตัวเองขึ้นมาสะพายไหล่วิ่งตรงเข้าไปหารถยนต์ญี่ปุ่นที่เธอจำได้แม่นว่าเป็นของธีรไนย
ทั้งที่ย้ำกับตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่า เขามีเจ้าของแล้ว แต่หัวใจไม่รักดีก็ยังเต้นโครมคราม ตื่นเต้นทุกทีที่เห็นเขา
“สวัสดีค่ะพี่ไนย มารับยายเกศกลับบ้านเหรอคะ”
“ครับ แล้วนี่...เกศอยู่ไหนล่ะ ทำไมไม่เห็นเลย” เขายกมือรับไหว้หญิงสาว ก่อนจะถามหาญาติสาวซึ่งยังคงมองหาไม่เห็น
“เกศออกไปแล้วค่ะ”
“อ้าว ไหงงั้นล่ะ ทำไมเกศไม่เห็นบอกพี่เลย...แล้วเขาไปไหน นิลรู้หรือเปล่า” ธีรไนยงุนงง ผิดหวังวูบ
“นิลก็ไม่ทราบเหมือนกัน...แต่พี่ไนยกลับไปเถอะค่ะ ไม่ต้องรอยายเกศแล้วล่ะ”
นิลยาพูดเสร็จก็ยกมือไหว้เขาอีกครั้ง ก่อนหันหลังเดินเลี่ยงหนี ไม่ได้พยายามจะขอเข้าไปนั่งในรถของเขาอย่างที่เพื่อนรักวาดแผนการเอาไว้ เพราะหากทำอย่างนั้นจริงๆ เธอคงอึดอัด ไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา ทุกวันนี้แค่มองหน้ากัน เธอยังไม่กล้า
นิลยากลัวว่าเขาจะอ่านความรู้สึกของเธอออก...มันคงน่าอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน หากธีรไนยล่วงรู้ความรู้สึกของเธอ...
รีบเผ่นดีกว่า!
คิดดังนั้นนิลยาก็ก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำอ้าวไม่เหลียวหลัง แทบจะชนกับคนที่เดินสวนมา ดีแต่ว่ามือใหญ่ของอีกคนที่ตามมาข้างหลังช่วยดึงเธอเอาไว้ทันหวุดหวิด
“อุ๊ย!”
“ซุ่มซ่าม เดินไม่มองข้างหน้าเลยหรือไง”
นิลยาหันขวับมาตามเสียงคุ้นหู มองคนที่ช่วยดึงแขนเธอเอาไว้ไม่ให้เดินไปชนกับคนแปลกหน้า ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็น ‘เขา’ พี่ไนยยังไม่ขับรถไปอีกเหรอ?
“เป็นอะไรของเรา เดินไม่ดูทางเลย ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย” เขาถามอีก พลางสำรวจไปทั่วร่างบอบบางในชุดนักศึกษาเรียบร้อยรัดกุม มือยังคงจับแขนเธอไว้มั่นคง
“นิลไม่ได้เป็นอะไร...เอ่อ แขนค่ะ พี่ไนยปล่อยแขนนิลได้แล้ว...” นิลยาเตือนเขาเบาๆ แก้มนวลแดงปลั่ง ขัดเขิน แขนเธอที่ถูกมือหนาของเขากำรวบเอาไว้ร้อนผ่าวราวกับถูกอังด้วยเตาไฟ เธออึดอัดเวลาถูกเขาจับ แต่เมื่อธีรไนยปล่อยมือออกจริงๆ นิลยากลับใจหายเล็กๆ รู้สึกเสียดายอยากให้เขาจับเธอต่อ
โอย...เพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้วยายนิล!
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ” นิลยารีบบอกเขากลบเกลื่อนความเขิน อีกฝ่ายส่ายหน้า ก่อนจะชวนคุย
“ไม่เป็นไร แต่ไหนๆ พี่ก็มาเจอเราแล้ว ให้พี่ไปส่งนิลแทนก็แล้วกัน”
“โอ๊ะ ไม่ต้องหรอกค่ะ นิลไม่อยากรบกวนพี่ไนย นิลกลับเองได้” หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ หัวใจเต้นแรง
“พี่ก็ไม่ได้ว่านิลกลับเองไม่ได้ แต่พี่แค่อยากไปส่ง อย่าให้พี่มาเก้อเสียเที่ยวเลย ยายเกศก็หนีไปคนหนึ่งแล้ว นิลอย่าหนีพี่ด้วยอีกคนเลยนะ ไปเถอะ”
เขาหว่านล้อมเสียงนุ่ม นิลยาแก้มแดงเรื่อ ปฏิเสธไม่ออก ธีรไนยไม่รอฟังความเห็นของเธอด้วยการดึงกระเป๋าเป้ของเธอ บังคับให้เดินตามเขากลับไปที่รถ
นิลยาเขินแทบแย่ ต้องสูดลมหายใจลึกๆ ตั้งสติ ทำไมจะต้องตื่นเต้นด้วย พี่ไนยก็คงคิดว่าเธอเป็นน้องสาวของเขาคนหนึ่งเหมือนยายเกศเท่านั้นเอง
หญิงสาวก้าวเข้าไปนั่งในรถส่วนตัวของธีรไนยจนได้ ชายหนุ่มเป็นคนเปิดประตูรถด้านข้างคนขับให้เธอด้วยตัวเอง ความสุภาพใจดีของเขา คือสิ่งที่ประทับใจเธอนับตั้งแต่แรกที่รู้จักกัน
“นิลพอจะเดาได้ไหมว่ายายเกศเขาไปไหน...เขาไปคนเดียวอย่างนี้ พี่อดเป็นห่วงไม่ได้เลย” ธีรไนยตามเข้ามานั่งด้านคนขับและเอ่ยปรับทุกข์กับเธอ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันทีที่เอ่ยถึงปกเกศ
นิลยาเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่า ธีรไนยห่วงใยปกเกศมากทีเดียว
“นิลก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ท่าทางยายเกศดูเครียดๆ...ไม่รู้จะเกี่ยวกับที่นิลบังคับให้เขาบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้องหรือเปล่า...”
“ยายเกศบอกนิลเรื่องที่เขาท้องด้วยเหรอ!” ธีรไนยตกใจ ไม่คิดว่าปกเกศจะเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนรู้ด้วย
“เกศเขาเล่าทุกอย่างแหละค่ะ แต่เขา เอ่อ ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง” นิลยาหน้าเครียดเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้
เธอเองก็อยากรู้ใจจะขาดว่าผู้ชายที่ทำร้ายเพื่อนรักเป็นใคร แต่จนใจเพราะปกเกศไม่ยอมพาดพิงถึงฝ่ายนั้นเลย
“อืม...พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ธีรไนยพยักหน้าช้าๆ หนักใจ
“เกศไม่ยอมบอกเรื่องผู้ชายคนนั้นเลย แล้วพี่ก็ไม่เห็นว่าเกศจะสนิทกับใครขนาดนั้นเลยด้วย...จะคาดคั้นยังไง ยายเกศก็ไม่ยอมปริปากบอกเลย ดื้อจะตายไป”
เขาปิดท้ายด้วยการบ่นญาติสาวอย่างเหนื่อยใจ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมเขาจะไม่รู้นิสัยปกเกศ
เธอเป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจกับทุกสิ่งที่ทำ มีน้ำใจกับคนอื่นจนบางครั้งลืมนึกถึงตัวเอง หากตัดสินใจอะไรลงไปแล้วก็ยากมากที่ใครจะเปลี่ยนความคิดของเจ้าตัวได้
“ค่ะ ยายเกศดื้อมาก เนี่ย นิลพยายามจะถามว่าเขาไปไหนก็ไม่ยอมบอก ไม่รู้ความลับอะไรนักหนา” นิลยาผสมโรงบ่นเพื่อนตามไปด้วย
อยากรู้ว่าตอนนี้ปกเกศทำอะไรอยู่ที่ไหนกันแน่...
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
หญิงสาวชะงัก เบิกตาโตจ้องมองชายหนุ่มอย่างแปลกใจที่เห็นเขาถือกระเป๋าเตรียมกลับบ้านก่อนเวลา โดยไม่ได้บอกกล่าวอะไรเธอเลย
“จะไปไหนคะไนย ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะ”
“ผมมีธุระ เลยขอลาหัวหน้ากลับก่อนน่ะ” เขาตอบเสียงเรียบ จังหวะนั้นลิฟต์ที่ชายหนุ่มกำลังรอเพิ่งมาถึง ธีรไนยก้าวเข้าไปในลิฟต์และกดปุ่มปิดประตู
แต่ไม่คาดว่าช่อฟ้าจะตามเข้ามาด้วย
“เดี๋ยวสิคะ อย่าเพิ่งไป ไนยมีธุระอะไรเหรอคะ” เธอซักต่อเมื่อประตูลิฟต์ปิดลงและค่อยๆ เคลื่อนลงสู่ชั้นล่าง
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก คุณอย่าใส่ใจเลย” เขาไม่อยากตอบจึงตัดบท แต่กลายเป็นยิ่งสร้างความระแวงแคลงใจให้อีกฝ่าย
“ไม่สำคัญแล้วจะต้องถึงขนาดลางานก่อนเวลาเลยเหรอ...คุณมีเรื่องปกปิดฟ้าอยู่หรือเปล่าเนี่ย” ช่อฟ้าซักไซ้เสียงเข้ม
“ไม่มีอะไร มันเป็นปัญหาของครอบครัวผมนิดหน่อย”
“ครอบครัวของคุณ...ใครมีปัญหาอะไรเหรอ?”
“คุณอย่าสนใจเลย” เขาพยายามปัด แต่ช่อฟ้าไม่ยอม และยิ่งโมโหที่เขาเอาแต่อมพะนำ ไม่ยอมเล่าอะไรให้เธอฟังบ้างเลย
“ไม่สนใจได้ยังไง ฟ้าเป็นแฟนคุณนะ อีกหน่อยเราก็ต้องแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกัน เรื่องครอบครัวคุณก็เหมือนครอบครัวของฟ้าด้วยเหมือนกัน เลิกกันฟ้าออกจากชีวิตคุณสักทีได้ไหม!” ช่อฟ้าโมโหปรี๊ด ตาวาวโรจน์โกรธเคือง
เขาเป็นอย่างนี้ทุกที! เขาทำอย่างนี้กับเธอเสมอเลย!!
“ฟ้า ผม...ผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจยังไงดีนะ” ชายหนุ่มบ่นตัวเอง จังหวะนั้นลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างและเปิดออก ธีรไนยก้าวเร็วๆ ออกจากตัวลิฟต์โดยมีร่างเพรียวของช่อฟ้าซอยเท้าตามเขามาติดๆ ไม่ให้คลาดสายตา
“ไนย อย่าเอาแต่เดินหนีสิ บอกฟ้าก่อน มีเรื่องอะไรกันแน่”
เธอตามมาคาดคั้นเขาถึงลานจอดรถ และขวางไม่ให้คนตัวสูงเปิดประตูขึ้นรถ
“ผมยังบอกคุณตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ยังไม่สะดวกจะเล่า เอาไว้วันหลังนะฟ้า วันนี้ผมรีบ”
ธีรไนยบอกปัดก่อนจะเปิดประตูรถออกกว้าง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวขึ้นรถ ช่อฟ้ากลับโผเข้ามาค้นตัวเขาให้วุ่น สุดท้ายเธอก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือไปจากกระเป๋ากางเกงสแล็กของเขา แล้วถอยหนีไปหลายก้าว รีบเปิดโทรศัพท์ดูแอปพลิเคชั่นที่เขาเปิดค้างใช้งานอยู่อย่างรวดเร็ว
ธีรไนยส่งข้อความหาปกเกศ สั่งให้เด็กคนนั้นรอเขาที่หน้าคณะ...นี่เขานัดกับยายเด็กนั่น!!
“ที่รีบนักหนานี่ก็แค่นัดกับญาติเอาไว้ แค่นี้เหรอคะ เนี่ยเหรอธุระที่บอกฟ้าไม่ได้?”
เธอหันมาส่งเสียงถามเขาตาวาวโรจน์ ตัดพ้อน้อยใจ
ทำไมเขาต้องเห็นน้องสาวไม่แท้ สำคัญกว่าคนรักอย่างเธอด้วย!!
“ผมยังไม่สะดวกจะบอกคุณตอนนี้ เอาไว้วันอาทิตย์นี้ผมจะแวะไปหาคุณที่บ้าน แล้วเราค่อยคุยกันดีกว่านะฟ้า” ธีรไนยต่อรอง แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าไปมาอย่างแรง
“ไม่ ฉันต้องการจะฟังเดี๋ยวนี้!”
“ฟ้า อย่าเอาแต่อารมณ์นักได้ไหม มีเหตุผลหน่อย” คนนิ่งอยู่ตลอดเวลาอย่างธีรไนยเริ่มไม่พอใจเช่นกัน
“ใช่สิ ฟ้ามันไม่มีเหตุผล ไม่ใช่คนดีอย่างที่คุณชอบ ไม่เหมือนยายน้องสาวคนดีที่หนึ่งเลยของคุณ ทำอะไรก็ดีกว่าฟ้า น่ารักกว่าฟ้าทั้งนั้นเลยใช่ไหมล่ะ!”
“พูดอะไรของคุณเนี่ยฟ้า ทำไมต้องไปกระทบกระเทียบยายเกศด้วย อย่าพาลสิ” ธีรไนยหงุดหงิดที่คุยกับช่อฟ้าไม่เคยเข้าใจ ยิ่งเขารีบ เธอก็ยิ่งยื้อยุดให้เสียเวลา ไม่ทันเอะใจว่าการกระทำของตัวเองนั้น จะยิ่งเพิ่มโทสะให้กับหญิงสาว
“ฉันพาลเหรอ นี่คุณหาว่าฉันไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ มากไปแล้วนะ ธีรไนย!!”
“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ...” ธีรไนยลดเสียงอ่อนลง รู้ตัวว่าเผลอใช้อารมณ์กับเธอไป แต่หญิงสาวไม่ได้เป็นเช่นเขา ความขุ่นมัวของเธอพุ่งปรี๊ดถึงขีดสุด ทำให้เจ้าตัวตะเบ็งเสียงใส่หน้าคนรักเป็นครั้งแรก
“ไม่ได้ตั้งใจได้ยังไง พูดตั้งขนาดนี้จะบอกว่าไม่ตั้งใจ ในเมื่อยายปกเกศวิเศษนัก ทำไมไม่ไปคบกับเขาเลยล่ะ พี่น้องแท้ๆ กันก็ไม่ใช่ แต่สนิทกันยิ่งกว่าแฟน ความจริงคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วล่ะสิ!”
“ช่อฟ้า พูดอะไรของคุณ!”
ธีรไนยเอ็ดใส่ ตาเรียววาวโรจน์ไม่พอใจช่อฟ้าอย่างแรง อีกฝ่ายถึงกับชะงัก หน้าถอดสี น้ำตาไหลทะลักทลายลงมาด้วยความน้อยใจ เจ็บปวด ผิดหวัง
เธอเคยสงสัย แคลงใจมาโดยตลอดถึงความสัมพันธ์ของเขากับปกเกศ ธีรไนยมักเล่าให้ฟังถึงเรื่องของญาติสาวคนนี้ บอกว่าเขาห่วงสารพัด ไม่สามารถปล่อยเอาไว้โดยไม่สนใจได้ เธอได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ คิดว่าอีกหน่อยเขาก็จะเลิกสนใจปกเกศไปเอง ที่ไหนได้...
ยิ่งนานวันก็ยิ่งเยอะ แทบไม่เหลือที่ให้เธอได้ยืนข้างเขาแล้วด้วยซ้ำ!
“...พอกันที...ถ้าไนยเห็นว่ายายนั่นสำคัญนัก ก็ไปแต่งงานกับมันเลย อย่าดึงฟ้าเข้าไปยุ่ง ถ้าไนยต้องการ...เราจบกันก็ได้...” เธอเป็นฝ่ายพูดออกไปทั้งน้ำตาท่วมหน้า ทำเอาธีรไนยถึงกับอึ้ง
เขาตกใจ ตั้งตัวไม่ติด จะเอื้อมไปคว้ามือเธอเอาไว้ก็ไม่ทัน เพราะช่อฟ้าหันหลังวิ่งจากไปเสียแล้ว ธีรไนยขยับตัวจะวิ่งตาม แต่นึกขึ้นได้ว่าอาจจะไม่ทันเวลาที่นัดเอาไว้กับปกเกศ เขาจึงละล้าละลังคิดไม่ตก
ความจริงเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะหาโอกาสเหมาะๆ อธิบายเรื่องของปกเกศให้ช่อฟ้าเข้าใจ นั่นเพราะเขาต้องลงชื่อตัวเองเป็นบิดาให้กับลูกของปกเกศ ซึ่งกำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่เห็นช่อฟ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ชายหนุ่มยิ่งหนักใจ
ขืนเธอรู้เรื่องที่เขาตัดสินใจลงไป ไม่เพียงอาจจะรับไม่ได้ แต่ช่อฟ้าอาจอาละวาดใส่ปกเกศ ทำให้ฝ่ายนั้นยิ่งไม่สบายใจได้
นี่เขาจะทำอย่างไรดี...?
**************
‘เธออยู่ไหนยายเกศ จะไปไหนก็บอกกันหน่อย เราจะได้ไปเป็นเพื่อน’
นิลยานั่งพิมพ์ข้อความคุยกับเพื่อนสนิทอยู่บนเก้าอี้ม้าหินอ่อน หน้าตัวตึกคณะ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ธีรไนยนัดไว้ว่าจะมารับปกเกศเย็นวันนี้
แต่ขนาดเรียนด้วยกันมาทุกวิชา นิลยาก็ยังไม่รู้เลยว่าในคาบสุดท้ายเพื่อนรักโดดเรียนหนีหายไปไหน โทร.ไปก็ไม่ยอมรับสาย จนตอนนี้ เลยได้แต่ส่งข้อความคุยแทน
‘ไม่ต้องหรอก นิลกลับบ้านไปก่อนเลย ให้พี่ไนยไปส่งนะ กลับบ้านดีๆ ล่ะ’ ปกเกศพิมพ์ตอบกลับมา
‘ทำไมเธอไม่โทร.บอกพี่ไนยเขาว่า เธอไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัยแล้ว จะให้พี่เขามารับให้เสียเที่ยวทำไม’ นิลยาย้อนถาม ทำไม่รู้ไม่ชี้กับจุดประสงค์ของเพื่อน
ก็พี่ไนยมีแฟนแล้ว เธอกำลังอยู่ในช่วง ‘ทำใจ’ ยอมรับความจริง!
‘เราอยากให้พี่ไนยไปส่งนิลที่บ้านนี่ เอาน่า นิลก็เหมือนน้องสาวคนหนึ่งของพี่ไนยเหมือนกัน อย่าคิดมากสิ’
‘จ้า ไม่คิดมาก โอ๊ะ พี่ไนยมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะเกศ รีบกลับบ้านเร็วๆ ล่ะ ทุกคนเป็นห่วง รู้มั้ย’
นิลยาทิ้งท้ายบอกเพื่อนรักอย่างนั้นแล้วก็รีบเก็บโทรศัพท์ หยิบกระเป๋าเป้ใบกะทัดรัดของตัวเองขึ้นมาสะพายไหล่วิ่งตรงเข้าไปหารถยนต์ญี่ปุ่นที่เธอจำได้แม่นว่าเป็นของธีรไนย
ทั้งที่ย้ำกับตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่า เขามีเจ้าของแล้ว แต่หัวใจไม่รักดีก็ยังเต้นโครมคราม ตื่นเต้นทุกทีที่เห็นเขา
“สวัสดีค่ะพี่ไนย มารับยายเกศกลับบ้านเหรอคะ”
“ครับ แล้วนี่...เกศอยู่ไหนล่ะ ทำไมไม่เห็นเลย” เขายกมือรับไหว้หญิงสาว ก่อนจะถามหาญาติสาวซึ่งยังคงมองหาไม่เห็น
“เกศออกไปแล้วค่ะ”
“อ้าว ไหงงั้นล่ะ ทำไมเกศไม่เห็นบอกพี่เลย...แล้วเขาไปไหน นิลรู้หรือเปล่า” ธีรไนยงุนงง ผิดหวังวูบ
“นิลก็ไม่ทราบเหมือนกัน...แต่พี่ไนยกลับไปเถอะค่ะ ไม่ต้องรอยายเกศแล้วล่ะ”
นิลยาพูดเสร็จก็ยกมือไหว้เขาอีกครั้ง ก่อนหันหลังเดินเลี่ยงหนี ไม่ได้พยายามจะขอเข้าไปนั่งในรถของเขาอย่างที่เพื่อนรักวาดแผนการเอาไว้ เพราะหากทำอย่างนั้นจริงๆ เธอคงอึดอัด ไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา ทุกวันนี้แค่มองหน้ากัน เธอยังไม่กล้า
นิลยากลัวว่าเขาจะอ่านความรู้สึกของเธอออก...มันคงน่าอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน หากธีรไนยล่วงรู้ความรู้สึกของเธอ...
รีบเผ่นดีกว่า!
คิดดังนั้นนิลยาก็ก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำอ้าวไม่เหลียวหลัง แทบจะชนกับคนที่เดินสวนมา ดีแต่ว่ามือใหญ่ของอีกคนที่ตามมาข้างหลังช่วยดึงเธอเอาไว้ทันหวุดหวิด
“อุ๊ย!”
“ซุ่มซ่าม เดินไม่มองข้างหน้าเลยหรือไง”
นิลยาหันขวับมาตามเสียงคุ้นหู มองคนที่ช่วยดึงแขนเธอเอาไว้ไม่ให้เดินไปชนกับคนแปลกหน้า ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็น ‘เขา’ พี่ไนยยังไม่ขับรถไปอีกเหรอ?
“เป็นอะไรของเรา เดินไม่ดูทางเลย ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย” เขาถามอีก พลางสำรวจไปทั่วร่างบอบบางในชุดนักศึกษาเรียบร้อยรัดกุม มือยังคงจับแขนเธอไว้มั่นคง
“นิลไม่ได้เป็นอะไร...เอ่อ แขนค่ะ พี่ไนยปล่อยแขนนิลได้แล้ว...” นิลยาเตือนเขาเบาๆ แก้มนวลแดงปลั่ง ขัดเขิน แขนเธอที่ถูกมือหนาของเขากำรวบเอาไว้ร้อนผ่าวราวกับถูกอังด้วยเตาไฟ เธออึดอัดเวลาถูกเขาจับ แต่เมื่อธีรไนยปล่อยมือออกจริงๆ นิลยากลับใจหายเล็กๆ รู้สึกเสียดายอยากให้เขาจับเธอต่อ
โอย...เพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้วยายนิล!
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ” นิลยารีบบอกเขากลบเกลื่อนความเขิน อีกฝ่ายส่ายหน้า ก่อนจะชวนคุย
“ไม่เป็นไร แต่ไหนๆ พี่ก็มาเจอเราแล้ว ให้พี่ไปส่งนิลแทนก็แล้วกัน”
“โอ๊ะ ไม่ต้องหรอกค่ะ นิลไม่อยากรบกวนพี่ไนย นิลกลับเองได้” หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ หัวใจเต้นแรง
“พี่ก็ไม่ได้ว่านิลกลับเองไม่ได้ แต่พี่แค่อยากไปส่ง อย่าให้พี่มาเก้อเสียเที่ยวเลย ยายเกศก็หนีไปคนหนึ่งแล้ว นิลอย่าหนีพี่ด้วยอีกคนเลยนะ ไปเถอะ”
เขาหว่านล้อมเสียงนุ่ม นิลยาแก้มแดงเรื่อ ปฏิเสธไม่ออก ธีรไนยไม่รอฟังความเห็นของเธอด้วยการดึงกระเป๋าเป้ของเธอ บังคับให้เดินตามเขากลับไปที่รถ
นิลยาเขินแทบแย่ ต้องสูดลมหายใจลึกๆ ตั้งสติ ทำไมจะต้องตื่นเต้นด้วย พี่ไนยก็คงคิดว่าเธอเป็นน้องสาวของเขาคนหนึ่งเหมือนยายเกศเท่านั้นเอง
หญิงสาวก้าวเข้าไปนั่งในรถส่วนตัวของธีรไนยจนได้ ชายหนุ่มเป็นคนเปิดประตูรถด้านข้างคนขับให้เธอด้วยตัวเอง ความสุภาพใจดีของเขา คือสิ่งที่ประทับใจเธอนับตั้งแต่แรกที่รู้จักกัน
“นิลพอจะเดาได้ไหมว่ายายเกศเขาไปไหน...เขาไปคนเดียวอย่างนี้ พี่อดเป็นห่วงไม่ได้เลย” ธีรไนยตามเข้ามานั่งด้านคนขับและเอ่ยปรับทุกข์กับเธอ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันทีที่เอ่ยถึงปกเกศ
นิลยาเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่า ธีรไนยห่วงใยปกเกศมากทีเดียว
“นิลก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ท่าทางยายเกศดูเครียดๆ...ไม่รู้จะเกี่ยวกับที่นิลบังคับให้เขาบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้องหรือเปล่า...”
“ยายเกศบอกนิลเรื่องที่เขาท้องด้วยเหรอ!” ธีรไนยตกใจ ไม่คิดว่าปกเกศจะเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนรู้ด้วย
“เกศเขาเล่าทุกอย่างแหละค่ะ แต่เขา เอ่อ ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง” นิลยาหน้าเครียดเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้
เธอเองก็อยากรู้ใจจะขาดว่าผู้ชายที่ทำร้ายเพื่อนรักเป็นใคร แต่จนใจเพราะปกเกศไม่ยอมพาดพิงถึงฝ่ายนั้นเลย
“อืม...พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ธีรไนยพยักหน้าช้าๆ หนักใจ
“เกศไม่ยอมบอกเรื่องผู้ชายคนนั้นเลย แล้วพี่ก็ไม่เห็นว่าเกศจะสนิทกับใครขนาดนั้นเลยด้วย...จะคาดคั้นยังไง ยายเกศก็ไม่ยอมปริปากบอกเลย ดื้อจะตายไป”
เขาปิดท้ายด้วยการบ่นญาติสาวอย่างเหนื่อยใจ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมเขาจะไม่รู้นิสัยปกเกศ
เธอเป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจกับทุกสิ่งที่ทำ มีน้ำใจกับคนอื่นจนบางครั้งลืมนึกถึงตัวเอง หากตัดสินใจอะไรลงไปแล้วก็ยากมากที่ใครจะเปลี่ยนความคิดของเจ้าตัวได้
“ค่ะ ยายเกศดื้อมาก เนี่ย นิลพยายามจะถามว่าเขาไปไหนก็ไม่ยอมบอก ไม่รู้ความลับอะไรนักหนา” นิลยาผสมโรงบ่นเพื่อนตามไปด้วย
อยากรู้ว่าตอนนี้ปกเกศทำอะไรอยู่ที่ไหนกันแน่...
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ย. 2561, 10:25:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ย. 2561, 10:25:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 649
<< บทที่ 10 -60% | บทที่ 11 -50% >> |