รักรออุ้ม: ทักษิณา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
ความคึกคะนอง ย่ามใจของเขา กับความอ่อนด้อยประสบการณ์ของเธอ ก่อเกิดหนึ่งชีวิตที่ไม่ตั้งใจขึ้นมา
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ลูก ครอบครัว ดราม่า โรแมนติก ท้อง
ตอน: บทที่ 11 -100%
“เจ้ากานต์ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปหรอก” คุณก่อกิจปรามลูกชาย เห็นว่ากานต์ชนกใช้อารมณ์มากเกินไปแล้ว
“ผมเหนื่อยมากเลยครับคุณพ่อ ขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ” กานต์ชนกไม่พร้อมจะอธิบายอะไรกับบิดาตอนนี้ เขาเหนื่อยและอ่อนเพลียจากอาการป่วยที่เป็นอยู่มากพอแล้ว ไม่ต้องการจะทรุดหนักเพราะปกเกศอีก ชายหนุ่มเลยหันหลังให้ เดินโผเผตรงไปยังรถสปอร์ตหรูของตัวเองซึ่งคนของบริษัทเพิ่งขับมาจอดทิ้งไว้ให้เขาก่อนหน้านี้ โดยมีธนวุฒิตามไปทำหน้าที่คอยดูแล
ทว่าก่อนที่จะทันได้ก้าวเข้าไปในรถสปอร์ตหรู กรอบประตูรถของเขากลับถูกมือเรียวของหญิงสาวคนหนึ่งยึดเอาไว้แน่น
กานต์ชนกหันขวับไปมอง หน้าคมดุกระด้าง พร้อมจะมีเรื่องเพราะเข้าใจว่าเจ้าของมือนั้นคือปกเกศ แต่กลับต้องผิดคาด
“ชาช่า! มาได้ยังไง”
“เซอร์ไพรส์! ช่าจะมาชวนพี่กานต์ไปดูหนัง แล้วก็ดินเนอร์ ฟังเพลงเพราะๆ กัน แต่ขึ้นลิฟต์ไปห้องทำงานของพี่กานต์กลับสวนทางกัน พี่กานต์ไปกับช่านะคะ นะ วันนี้ช่าเลี้ยงเอง”
สโรชายิ้มหวาน ชวนเขาเสียงใส ร่าเริง ไม่ทันสังเกตใบหน้าขาวซีดแทบไม่มีสีเลือดของชายหนุ่ม จนคุณก่อกิจเดินตามมาถึงแล้วออกปากพูดเสียเอง
“สงสัยจะไม่ไหวหรอกหนูช่า วันนี้นายกานต์เขาไม่สบายน่ะ ตอนนี้ก็อ่อนเพลียมากด้วย คงจะต้องให้ไปพักผ่อนให้หายเสียก่อน”
“อุ๊ย งั้นช่าไปด้วยนะคะ ช่าจะได้ช่วยดูแลพี่กานต์ด้วย”
สโรชาเสนอตัว เป็นเดือดเป็นร้อนกับอาการเจ็บป่วยของเขา ทำตัวราวกับยังคงเป็นคนรักของกานต์ชนกอยู่ไม่มีผิด
หากลูกชายไม่บอกไว้ก่อน เขาคงเชื่อสนิทใจว่าสโรชายังเป็นคนพิเศษของลูกชายอยู่เหมือนเดิม
“ไม่ต้องรบกวนหนูช่าขนาดนั้นหรอก ให้นายวุฒิจัดการไปเถอะหนูช่า” หนุ่มใหญ่บอกปัดแทนลูกชาย ทำเอาสาวสวยชะงักงัน หน้าเสียไปทันที
ทว่าหญิงสาวยังไม่ถอดใจ เธอกำลังจะอ้าปากค้านคุณก่อกิจ หากพลันนั้นต้องสะดุ้งเพราะร่างหนึ่งวิ่งเข้ามาชนและเป็นฝ่ายหงายหลังล้มตึงลงไปต่อหน้าสโรชาและกานต์ชนก
“แง้!!”
“ตายแล้ว เด็กที่ไหนเนี่ย วิ่งมาชนเขาแล้วล้มเอง ยังมาแหกปากร้องอีก...นี่ นิ่งซะ รำคาญ!”
สโรชาโวยวายใส่เด็กชายตัวน้อย อายุราวๆ สี่ขวบที่วิ่งซนมาชนเธอจนล้มลงไปก้นจ้ำเบ้า พ่อหนูร้องไห้จ้า ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม เล่นเอาผู้ใหญ่หลายคนหน้าเสียไปตามๆ กัน
“แง้!!”
“วุฒิ พาเด็กไปตามหาผู้ปกครองหน่อย เร็วเลย ฉันปวดหัวมาก จะอ้วกอีกแล้ว!!” กานต์ชนกเข้าไปนั่งกุมขมับในรถ แต่ยังไม่ได้ปิดประตู เพราะสโรชายืนขวางอยู่ ท่าทางของเขาดูย่ำแย่หนักขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จ้าอยู่ใกล้ๆ ธนวุฒิรีบวิ่งเข้ามาอุ้มตัวเด็กชายออกไปตามหาผู้ปกครอง ไม่ทันสังเกตว่าปกเกศเดินตามเขามาด้วย
“คุณคะ โน่นหรือเปล่า คุณคนนั้นดูเหมือนกำลังหาใครอยู่ อาจเป็นแม่เด็กก็ได้นะคะ”
ปกเกศเอ่ยขึ้น พร้อมชี้ให้ธนวุฒิมองตามสายตาของเธอไป ชายหนุ่มหันมามองเธออย่างแปลกใจ แต่สนใจจะส่งเด็กมากกว่า เขารีบเดินเข้าไปหาผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นพนักงานบริษัทคนนั้น เพียงเธอเห็นเจ้าหนูขี้แยที่เขาอุ้มอยู่ ก็โผเข้ามาหาแทบจะทันที
“น้องอั้ม ไปซนที่ไหนมาลูก แม่หัวใจจะวายรู้ไหม” หญิงสาวรับลูกชายไปกอด ลูบไล้ไปทั่วศีรษะเล็กๆ อย่างโล่งใจ ไม่ลืมจะหันมาก้มศีรษะขอบคุณที่เขาอุตส่าห์เอาลูกชายมาส่งคืนให้
“ขอบคุณมากนะคะคุณวุฒิ”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหลังอย่าปล่อยเด็กไปวิ่งเล่นคนเดียวนะครับ รถมันเยอะ อันตราย อีกอย่าง...เจ้านายก็ไม่ชอบเด็กด้วย”
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ ดิฉันขอโทษจริงๆ” หญิงสาวหน้าซีดเผือด กลัวว่าเจ้านายจะโกรธแล้วเอาเรื่องมาถึงเธอด้วย ทว่าธนวุฒิส่ายหน้าไปมา ยิ้มอ่อนๆ ปลอบใจ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ” ธนวุฒิตัดบท หากเจ้านายคิดจะเอาเรื่องอีกฝ่ายจริงๆ ก็ไม่มีใครช่วยได้ ทุกอย่างก็แล้วแต่กานต์ชนกคนเดียว
เขาเดินกลับมาทางเดิม ปรายตามองข้างๆ ก็เห็นร่างเล็กบอบบางของปกเกศเดินตามมาเคียงข้างตีคู่ เธอก้มหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจส่งเสียงถามเลขาหนุ่มหน้าตี๋
“ขอฉันถามอะไรหน่อยได้ไหมคะคุณวุฒิ” ปกเกศไม่รู้จักชื่อเต็มของเขา เห็นกานต์ชนกเรียกเขาว่าวุฒิ เธอจึงเรียกตาม
“จะถามอะไร ว่ามาสิครับ” เขาเปิดโอกาสให้เธอ หลังจากที่นิ่งเงียบไปอึดใจ
“คือ...เมื่อกี้เห็นคุณกานต์ชนกบอกว่า...ได้ยินเสียงเด็กร้องแล้วเวียนหัว...เขา เกลียดเด็กมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ถามไปแล้วก็ใจเต้นตึกตัก กังวลอย่างบอกไม่ถูก
ถ้าเขาเกลียดเด็กจริงๆ แล้วบังคับให้เธอ ‘ทำแท้ง’ ล่ะ?
ปกเกศกลืนน้ำลายลงคอ ขมปร่า ปั่นป่วนไปหมด...ในท่ามกลางความสับสนที่กำลังตีตื้นขึ้นมาเหมือนหมอกควันฟุ้งอยู่ในหัวสมองเธอนั้นเสียงของธนวุฒิก็ดังแทรกเข้ามา
“คุณกานต์ไม่ถูกกับเด็กเล็กๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ คราวก่อนคุณอาพาหลานมาเยี่ยมที่ห้องทำงาน ยังทะเลาะกันใหญ่ เด็กๆ ซนจะตาย เห็นอะไรก็รื้อเละเทะไปหมด คุณกานต์เลยสั่งห้าม ไม่ให้เด็กเข้าใกล้เด็ดขาด”
“เหรอคะ...” ปกเกศพึมพำเป็นเชิงรับรู้แล้วเผลอยกมือลูบท้องตัวเอง ไม่มั่นใจเสียแล้วว่าการมาหาเขาครั้งนี้ของเธอจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ตอนแรกเธอไม่คิดจะสนใจเขาเลย แต่เมื่อเช้าตอนที่นิลยาคาดคั้นถามเธอว่าใครเป็นพ่อของลูกในท้อง ปกเกศก็มีความคิดว่า เธอควรจะบอกให้กานต์ชนกรับรู้ถึงการมีตัวตนของเด็กคนนี้ กานต์ชนกสมควรจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำลงไป
แต่ว่า...
หากลูกต้องมีพ่อที่ไม่มีดีเลยอย่างนั้น ลูกจะมีความสุขที่แท้จริงได้เหรอ
หญิงสาวขมวดคิ้ว ครุ่นคิดและค่อยๆ ชะลอฝีเท้าก้าวช้าลง สุดท้ายเธอก็หยุดเดินก่อนจะถึงรถสปอร์ตหรูของกานต์ชนก ซึ่งตอนนี้ สโรชาเข้าไปนั่งเคียงข้างกับชายหนุ่มทางตอนหลังของรถเรียบร้อยแล้ว
ปกเกศหยุดนิ่งมองภาพของหนุ่มสาวที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของสถานที่แห่งนี้...กานต์ชนกที่ไม่มีอะไรดีเลย นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่หลอกลวง สำหรับคนอย่างเขาแล้ว ลูกที่เกิดกับเธอก็คงเป็นส่วนเกินในชีวิตของเขากับคนรัก
ยิ่งคิดปกเกศก็รู้สึกหดหู่ท้อแท้ เธอถอนใจยาว ตัดใจเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง ไม่ไปพบกับกานต์ชนกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก
ขณะก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเร็วตรงไปขอแลกบัตรคืนที่ป้อมยามหน้าประตูทางเข้านั่นเอง จู่ๆ เสียงแตรรถก็ดังลั่นมาจากทางด้านหลัง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในป้อมสองนาย หน้าตาตื่น เลิ่กลั่ก แต่ปกเกศไม่ได้หันไปมอง เธอกำลังเก็บบัตรประจำตัวประชาชนที่เพิ่งได้รับคืนมาใส่กระเป๋า แล้วหยิบเอาโทรศัพท์มือถือมากดอ่านข้อความทั้งจากเพื่อนและพี่ชายที่ส่งมาให้ไม่หยุดหย่อน โดยเลือกอ่านข้อความของธีรไนยก่อน
‘อยู่ไหนเกศ ไปไหนทำไมไม่บอก รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วง’
‘ถ้าอยากให้พี่ไปรับก็บอกที่อยู่มานะ พี่จะรีบไปทันที’
‘ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยล่ะ’
อ่านข้อความของพี่ชายที่ส่งมาให้แล้ว ปกเกศก็ถึงกับยิ้มออกมาได้ พี่ไนยดีต่อเธอเสมอต้นเสมอปลาย หากนายกานต์ชนกดีงามสยามประเทศไทยได้สักครึ่งของพี่ไนยก็คงดี...
“โอ...ห่วงใยกันจังเลยนะ หวานขนาดนี้ ทำไมไม่เรียกให้มารับเลยล่ะ”
เสียงทุ้มแต่ติดสะบัดกวนๆ อยู่ในที ดังขึ้นเฉียดข้างใบหูเธอนี่เอง ปกเกศสะดุ้ง หันขวับไปมองอย่างตกใจ ไม่ทันตั้งตัวเมื่อปลายจมูกโด่งรั้นของตัวเอง เสียดสีกับแก้มสากของคนตัวโตที่เข้ามายืนซ้อนอยู่ในระยะประชิด
เธอไม่คิดฝันว่าเขาจะตามมา แถมยังมาหยุดแอบอ่านข้อความของเธอชนิดหายใจรดต้นคอ หญิงสาวถึงกับผงะถอยหนี
เขาตามมาทำไม...เธออุตส่าห์ว่าจะตัดใจแล้ว เขายังจะตามมาอีกทำไม
ปกเกศมองอีกฝ่ายอย่างค้นหา งุนงง หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด บรรยากาศยามที่ต้องเผชิญหน้า จ้องตาคมดุของเขา มันช่างกดดัน บีบคั้น จนเธอหายใจหายคอไม่ออก
“มะ...มันเรื่องของฉัน เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย...มัวแต่แนะนำคนอื่นตัวเองนั่นละ คุณไม่ควรทิ้งแฟนไว้คนเดียว แล้วตามฉันมาอย่างนี้”
ปกเกศว่าเขาไปอย่างนั้นเพราะนึกอะไรไม่ออก แต่ถ้อยคำของอีกฝ่ายที่ตอกกลับมา ทำเอาหญิงสาวถึงกับสะอึก หน้าร้อนวูบ
“ไม่ต้องมาสอนเลย เด็กเมื่อวานซืน เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ!”
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“ผมเหนื่อยมากเลยครับคุณพ่อ ขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ” กานต์ชนกไม่พร้อมจะอธิบายอะไรกับบิดาตอนนี้ เขาเหนื่อยและอ่อนเพลียจากอาการป่วยที่เป็นอยู่มากพอแล้ว ไม่ต้องการจะทรุดหนักเพราะปกเกศอีก ชายหนุ่มเลยหันหลังให้ เดินโผเผตรงไปยังรถสปอร์ตหรูของตัวเองซึ่งคนของบริษัทเพิ่งขับมาจอดทิ้งไว้ให้เขาก่อนหน้านี้ โดยมีธนวุฒิตามไปทำหน้าที่คอยดูแล
ทว่าก่อนที่จะทันได้ก้าวเข้าไปในรถสปอร์ตหรู กรอบประตูรถของเขากลับถูกมือเรียวของหญิงสาวคนหนึ่งยึดเอาไว้แน่น
กานต์ชนกหันขวับไปมอง หน้าคมดุกระด้าง พร้อมจะมีเรื่องเพราะเข้าใจว่าเจ้าของมือนั้นคือปกเกศ แต่กลับต้องผิดคาด
“ชาช่า! มาได้ยังไง”
“เซอร์ไพรส์! ช่าจะมาชวนพี่กานต์ไปดูหนัง แล้วก็ดินเนอร์ ฟังเพลงเพราะๆ กัน แต่ขึ้นลิฟต์ไปห้องทำงานของพี่กานต์กลับสวนทางกัน พี่กานต์ไปกับช่านะคะ นะ วันนี้ช่าเลี้ยงเอง”
สโรชายิ้มหวาน ชวนเขาเสียงใส ร่าเริง ไม่ทันสังเกตใบหน้าขาวซีดแทบไม่มีสีเลือดของชายหนุ่ม จนคุณก่อกิจเดินตามมาถึงแล้วออกปากพูดเสียเอง
“สงสัยจะไม่ไหวหรอกหนูช่า วันนี้นายกานต์เขาไม่สบายน่ะ ตอนนี้ก็อ่อนเพลียมากด้วย คงจะต้องให้ไปพักผ่อนให้หายเสียก่อน”
“อุ๊ย งั้นช่าไปด้วยนะคะ ช่าจะได้ช่วยดูแลพี่กานต์ด้วย”
สโรชาเสนอตัว เป็นเดือดเป็นร้อนกับอาการเจ็บป่วยของเขา ทำตัวราวกับยังคงเป็นคนรักของกานต์ชนกอยู่ไม่มีผิด
หากลูกชายไม่บอกไว้ก่อน เขาคงเชื่อสนิทใจว่าสโรชายังเป็นคนพิเศษของลูกชายอยู่เหมือนเดิม
“ไม่ต้องรบกวนหนูช่าขนาดนั้นหรอก ให้นายวุฒิจัดการไปเถอะหนูช่า” หนุ่มใหญ่บอกปัดแทนลูกชาย ทำเอาสาวสวยชะงักงัน หน้าเสียไปทันที
ทว่าหญิงสาวยังไม่ถอดใจ เธอกำลังจะอ้าปากค้านคุณก่อกิจ หากพลันนั้นต้องสะดุ้งเพราะร่างหนึ่งวิ่งเข้ามาชนและเป็นฝ่ายหงายหลังล้มตึงลงไปต่อหน้าสโรชาและกานต์ชนก
“แง้!!”
“ตายแล้ว เด็กที่ไหนเนี่ย วิ่งมาชนเขาแล้วล้มเอง ยังมาแหกปากร้องอีก...นี่ นิ่งซะ รำคาญ!”
สโรชาโวยวายใส่เด็กชายตัวน้อย อายุราวๆ สี่ขวบที่วิ่งซนมาชนเธอจนล้มลงไปก้นจ้ำเบ้า พ่อหนูร้องไห้จ้า ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม เล่นเอาผู้ใหญ่หลายคนหน้าเสียไปตามๆ กัน
“แง้!!”
“วุฒิ พาเด็กไปตามหาผู้ปกครองหน่อย เร็วเลย ฉันปวดหัวมาก จะอ้วกอีกแล้ว!!” กานต์ชนกเข้าไปนั่งกุมขมับในรถ แต่ยังไม่ได้ปิดประตู เพราะสโรชายืนขวางอยู่ ท่าทางของเขาดูย่ำแย่หนักขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จ้าอยู่ใกล้ๆ ธนวุฒิรีบวิ่งเข้ามาอุ้มตัวเด็กชายออกไปตามหาผู้ปกครอง ไม่ทันสังเกตว่าปกเกศเดินตามเขามาด้วย
“คุณคะ โน่นหรือเปล่า คุณคนนั้นดูเหมือนกำลังหาใครอยู่ อาจเป็นแม่เด็กก็ได้นะคะ”
ปกเกศเอ่ยขึ้น พร้อมชี้ให้ธนวุฒิมองตามสายตาของเธอไป ชายหนุ่มหันมามองเธออย่างแปลกใจ แต่สนใจจะส่งเด็กมากกว่า เขารีบเดินเข้าไปหาผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นพนักงานบริษัทคนนั้น เพียงเธอเห็นเจ้าหนูขี้แยที่เขาอุ้มอยู่ ก็โผเข้ามาหาแทบจะทันที
“น้องอั้ม ไปซนที่ไหนมาลูก แม่หัวใจจะวายรู้ไหม” หญิงสาวรับลูกชายไปกอด ลูบไล้ไปทั่วศีรษะเล็กๆ อย่างโล่งใจ ไม่ลืมจะหันมาก้มศีรษะขอบคุณที่เขาอุตส่าห์เอาลูกชายมาส่งคืนให้
“ขอบคุณมากนะคะคุณวุฒิ”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหลังอย่าปล่อยเด็กไปวิ่งเล่นคนเดียวนะครับ รถมันเยอะ อันตราย อีกอย่าง...เจ้านายก็ไม่ชอบเด็กด้วย”
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ ดิฉันขอโทษจริงๆ” หญิงสาวหน้าซีดเผือด กลัวว่าเจ้านายจะโกรธแล้วเอาเรื่องมาถึงเธอด้วย ทว่าธนวุฒิส่ายหน้าไปมา ยิ้มอ่อนๆ ปลอบใจ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ” ธนวุฒิตัดบท หากเจ้านายคิดจะเอาเรื่องอีกฝ่ายจริงๆ ก็ไม่มีใครช่วยได้ ทุกอย่างก็แล้วแต่กานต์ชนกคนเดียว
เขาเดินกลับมาทางเดิม ปรายตามองข้างๆ ก็เห็นร่างเล็กบอบบางของปกเกศเดินตามมาเคียงข้างตีคู่ เธอก้มหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจส่งเสียงถามเลขาหนุ่มหน้าตี๋
“ขอฉันถามอะไรหน่อยได้ไหมคะคุณวุฒิ” ปกเกศไม่รู้จักชื่อเต็มของเขา เห็นกานต์ชนกเรียกเขาว่าวุฒิ เธอจึงเรียกตาม
“จะถามอะไร ว่ามาสิครับ” เขาเปิดโอกาสให้เธอ หลังจากที่นิ่งเงียบไปอึดใจ
“คือ...เมื่อกี้เห็นคุณกานต์ชนกบอกว่า...ได้ยินเสียงเด็กร้องแล้วเวียนหัว...เขา เกลียดเด็กมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ถามไปแล้วก็ใจเต้นตึกตัก กังวลอย่างบอกไม่ถูก
ถ้าเขาเกลียดเด็กจริงๆ แล้วบังคับให้เธอ ‘ทำแท้ง’ ล่ะ?
ปกเกศกลืนน้ำลายลงคอ ขมปร่า ปั่นป่วนไปหมด...ในท่ามกลางความสับสนที่กำลังตีตื้นขึ้นมาเหมือนหมอกควันฟุ้งอยู่ในหัวสมองเธอนั้นเสียงของธนวุฒิก็ดังแทรกเข้ามา
“คุณกานต์ไม่ถูกกับเด็กเล็กๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ คราวก่อนคุณอาพาหลานมาเยี่ยมที่ห้องทำงาน ยังทะเลาะกันใหญ่ เด็กๆ ซนจะตาย เห็นอะไรก็รื้อเละเทะไปหมด คุณกานต์เลยสั่งห้าม ไม่ให้เด็กเข้าใกล้เด็ดขาด”
“เหรอคะ...” ปกเกศพึมพำเป็นเชิงรับรู้แล้วเผลอยกมือลูบท้องตัวเอง ไม่มั่นใจเสียแล้วว่าการมาหาเขาครั้งนี้ของเธอจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ตอนแรกเธอไม่คิดจะสนใจเขาเลย แต่เมื่อเช้าตอนที่นิลยาคาดคั้นถามเธอว่าใครเป็นพ่อของลูกในท้อง ปกเกศก็มีความคิดว่า เธอควรจะบอกให้กานต์ชนกรับรู้ถึงการมีตัวตนของเด็กคนนี้ กานต์ชนกสมควรจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำลงไป
แต่ว่า...
หากลูกต้องมีพ่อที่ไม่มีดีเลยอย่างนั้น ลูกจะมีความสุขที่แท้จริงได้เหรอ
หญิงสาวขมวดคิ้ว ครุ่นคิดและค่อยๆ ชะลอฝีเท้าก้าวช้าลง สุดท้ายเธอก็หยุดเดินก่อนจะถึงรถสปอร์ตหรูของกานต์ชนก ซึ่งตอนนี้ สโรชาเข้าไปนั่งเคียงข้างกับชายหนุ่มทางตอนหลังของรถเรียบร้อยแล้ว
ปกเกศหยุดนิ่งมองภาพของหนุ่มสาวที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของสถานที่แห่งนี้...กานต์ชนกที่ไม่มีอะไรดีเลย นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่หลอกลวง สำหรับคนอย่างเขาแล้ว ลูกที่เกิดกับเธอก็คงเป็นส่วนเกินในชีวิตของเขากับคนรัก
ยิ่งคิดปกเกศก็รู้สึกหดหู่ท้อแท้ เธอถอนใจยาว ตัดใจเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง ไม่ไปพบกับกานต์ชนกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก
ขณะก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเร็วตรงไปขอแลกบัตรคืนที่ป้อมยามหน้าประตูทางเข้านั่นเอง จู่ๆ เสียงแตรรถก็ดังลั่นมาจากทางด้านหลัง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในป้อมสองนาย หน้าตาตื่น เลิ่กลั่ก แต่ปกเกศไม่ได้หันไปมอง เธอกำลังเก็บบัตรประจำตัวประชาชนที่เพิ่งได้รับคืนมาใส่กระเป๋า แล้วหยิบเอาโทรศัพท์มือถือมากดอ่านข้อความทั้งจากเพื่อนและพี่ชายที่ส่งมาให้ไม่หยุดหย่อน โดยเลือกอ่านข้อความของธีรไนยก่อน
‘อยู่ไหนเกศ ไปไหนทำไมไม่บอก รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วง’
‘ถ้าอยากให้พี่ไปรับก็บอกที่อยู่มานะ พี่จะรีบไปทันที’
‘ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยล่ะ’
อ่านข้อความของพี่ชายที่ส่งมาให้แล้ว ปกเกศก็ถึงกับยิ้มออกมาได้ พี่ไนยดีต่อเธอเสมอต้นเสมอปลาย หากนายกานต์ชนกดีงามสยามประเทศไทยได้สักครึ่งของพี่ไนยก็คงดี...
“โอ...ห่วงใยกันจังเลยนะ หวานขนาดนี้ ทำไมไม่เรียกให้มารับเลยล่ะ”
เสียงทุ้มแต่ติดสะบัดกวนๆ อยู่ในที ดังขึ้นเฉียดข้างใบหูเธอนี่เอง ปกเกศสะดุ้ง หันขวับไปมองอย่างตกใจ ไม่ทันตั้งตัวเมื่อปลายจมูกโด่งรั้นของตัวเอง เสียดสีกับแก้มสากของคนตัวโตที่เข้ามายืนซ้อนอยู่ในระยะประชิด
เธอไม่คิดฝันว่าเขาจะตามมา แถมยังมาหยุดแอบอ่านข้อความของเธอชนิดหายใจรดต้นคอ หญิงสาวถึงกับผงะถอยหนี
เขาตามมาทำไม...เธออุตส่าห์ว่าจะตัดใจแล้ว เขายังจะตามมาอีกทำไม
ปกเกศมองอีกฝ่ายอย่างค้นหา งุนงง หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด บรรยากาศยามที่ต้องเผชิญหน้า จ้องตาคมดุของเขา มันช่างกดดัน บีบคั้น จนเธอหายใจหายคอไม่ออก
“มะ...มันเรื่องของฉัน เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย...มัวแต่แนะนำคนอื่นตัวเองนั่นละ คุณไม่ควรทิ้งแฟนไว้คนเดียว แล้วตามฉันมาอย่างนี้”
ปกเกศว่าเขาไปอย่างนั้นเพราะนึกอะไรไม่ออก แต่ถ้อยคำของอีกฝ่ายที่ตอกกลับมา ทำเอาหญิงสาวถึงกับสะอึก หน้าร้อนวูบ
“ไม่ต้องมาสอนเลย เด็กเมื่อวานซืน เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ!”
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ย. 2561, 09:02:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2561, 09:02:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 643
<< บทที่ 11 -50% | บทที่ 12 -30% >> |