No friendship between us เพื่อน(ไม่)แท้
5ปีมาแล้วที่นพและพิมตัดสินใจจบความสัมพันธ์คู่รักของทั้งสองลง และด้วยความบังเอิญทั้งคู่ก็ได้กลับมาเจอกัน ทั้งสองจึงวางข้อตกลงร่วมกันว่าจะเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ จะทำได้จริงๆหรอ?
Tags: No friendship between us เพื่อนไม่แท้ ปลวกส์ หนุ่มหมูหยอง หมอ พาราเมดิค พารา paramedic โรงพยาบาล คอมเมดี้ ตลก
ตอน: บทที่หนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จัก
แปดโมงเช้าคือเวลาส่วนใหญ่ของคนทำงานหาเช้ากินค่ำปกติทั่วไป แต่ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่เวลานี้คือเวลาเลิกงานอย่างเป็นทางการ
หลายสิบชีวิตเดินหน้าตบเท้าสวนกันควักไคว่บนทางเท้า เพราะเวลารอยต่อเช่นนี้ทุกสิ่งอย่างล้วนจะยุ่งวุ่นวายเป็นธรรมดาเมื่อมีการส่งผลัดเปลี่ยนเวรกัน และคิดว่าทุกโรงพยาบาลก็น่าจะเป็นแบบนี้ในช่วงเวลาแปดโมงเช้า และสี่โมงเย็นของวัน
แต่ยังมีหนึ่งคนที่ยังไปไหนไม่ได้เพราะ “สวัสดีค่~า มาแล้วค่~า” เสียงแหลมสูงดังขึ้นที่หน้าห้องคลอด จนพยาบาล และผู้ช่วยพยาบาลสะดุ้งกันเป็นแถว
“มาแล้วหรอพิม มาๆ มากินข้าวพวกพี่กำลังจะกินพอดีเลย เอาข้าวมาให้หมอนพหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ข้าวที่แกหุงนะ หมอแกไม่แตะเลยนะเออ” พยาบาลวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแจ่มใสรับอาหารมื้อแรกของวัน
ที่ห้องคลอดของโรงพยาบาลแห่งนี้มีประเพณีสืบทอดทำต่อกันมารุ่นต่อรุ่นคือการ ‘กินข้าวเช้า’ ด้วยกันจนเป็นเรื่องปกติ ด้วยเหตุผลที่ว่า จะได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่าง แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ให้มีความสนิทสนมกลมเกลียว ทำงานกันเป็นทีมได้ดีขึ้น แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าจุดประสงค์จริงๆของประเพณีที่แลดูเพี้ยนๆเช่นนี้คืออะไร
“ใช่ที่ไหนล่ะพี่พร แม่ผมหุงต่างหาก ยัยนี่หรอจะหุงข้าวเป็น ขืนปล่อยให้ยัยนี่แตะหม้อข้าวนะ คงได้กินข้าวต้มเหมือนตอนนั้นแน่ๆ” เสียงทุ้มต่ำ ดังออกมาจากปากของชายหนุ่มผิวขาวตัวหนา หุ่นสูงใหญ่ ที่อยู่ในสภาพการแต่งกายที่ไม่เป็นทางการนัก แววตาอิดโรยเล็กน้อย ถูกบดบังด้วยแว่นกรอบเหลี่ยมและคิ้วหนาๆซึ่งกำลังขมวดรวมกัน แสดงถึงสีหน้าและอารมณ์หงุดหงิดจากการถูกปลุกด้วยเสียงไม่น่าพิรมณ์เท่าไหร่
“ว่าบาป* ถ้าวันนั้นชั้นไม่หุงมาให้ก็ไม่มีกินปะวะ” พิมตอบกลับคำสบประมาทพร้อมกับทำสีหน้ายียวนยั่วโมโหใส่หมอนพ
“ไม่ต้องเลย จริงๆชั้นฝากพี่สวยไปซื้อให้ก็ได้เว้ย นี่รักษาน้ำใจหรอกนะเลยกินจนหมดน่ะ” หมอนพตวาดเสียงดังลั่นห้องพักพยาบาล พร้อมกับกำหมัดแน่นทำทีท่าขู่แต่ไม่เคยทำอะไรตามเคย
“หรอ” พิมคว่ำปากเป็นสะระอิ พร้อมกับส่ายหัวไปมา
“มากินข้าว!” เสียงหญิงวัยกลางคนที่ดูมีอายุมากที่สุดในห้องนี้ดังขึ้น “หมอนพ นั่งลง ไม่งั้นชั้นจะไปฟ้องแม่เธอ” หมอนพเข้ามานั่งเงียบๆด้วยท่าทีเรียบร้อยจากราชสีห์กลายร่างมาเป็นแมวน้อยไร้ซึ่งความเกรี้ยวกราด “พิม นั่งลง ไม่งั้นชั้นจะฟ้องพ่อเธอ” พิมเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามหมอนพด้วยท่าทีที่เรียบร้อยผิดจากตอนแรก “ทะเลาะกันเหมือนเด็ก อายุเท่าไหร่แล้วน่ะพวกเธอ” พยาบาลอินชาร์ท*เวรดึกพูดปิดท้าย
“รอด้วยครับ” น้ำเสียงสดใสดังขึ้นอีกครั้ง แต่เป็นเสียงผู้ชายแทน
“นัท มาแล้วหรอ มาๆ วันนี้แม่ไอ้นพให้เอาข้าวมาเผื่อด้วย” พิมทักทาย และเชื้อชวนนัทที่เป็นเรซซิเดนท์ใหม่LR* มาร่วมโต๊ะอาหารด้วย
นพได้แต่นั่งมองพิมตาขวางแสดงอาการหึงหวงอย่างออกนอกหน้าโดยไม่มีเหตุผลทั้งที่เขาไม่ได้เป็นอะไรกับพิมเลย “กาแฟกูล่ะ” นพถามขึ้นเพื่อขัดจังหวะของคนทั้งสอง
“เออ เกือบลืม อ่ะอเมริกาโน่ไม่น้ำตาล100%” หมอนัทยื่นแก้วกาแฟเย็นให้หมอนัทแบบซื่อๆโดยที่อ่านสีหน้าและบรรยากาศโดยรอบไม่ออกแม้แต่น้อย
“ดีมาก” หมอนพรับกาแฟมาแล้วยื่นมืออีกข้างยีเข้าที่หัวหมอนัทที่ยุ่งอยู่แล้วเพราะไม่ค่อยเซทผมมาทำงานให้ยุ่งขึ้นอีก “เพิ่มวอลลุ่มผมหน่อย จะได้หล่อๆ คนแถวนี้มันชอบ” นพพูดปิดท้ายแล้วส่งสายตาเย้ยหยันให้กับพิม
พิมเห็นดังนั้นได้แต่อ้าปากเหวอกับการกระทำที่เหมือนเด็กของหมอนพ “ไอ้บ้านี่” พิมบ่นอุบอิบพร้อมกับทำสีหน้าโมโห
“อ่ะ กินข้าว หมอนพจะได้ลงเวร หมอนัทมีอีกเคสจะมาสิบโมงนะคะ มาๆกินข้าวๆ”
‘ว.6 พาราฯพิม จากศูนย์ 2 เปลี่ยน’ เสียงดังขึ้นจากวิทยุของพิม ขัดจังหวะการกินอาหารเช้าของทุกคนในทันที ‘2 เปลี่ยน’ พิมตอบกลับด้วยเสียงเบื่อหน่าย ‘มีเหตุจักรยานยนต์ชนกันที่หน้าหมู่บ้านเวฬุวรรณ ผู้บาดเจ็บสองคน’ “ง่ะ” พิมเผลอร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ
พิมปลีกตัวออกมาจากโต๊ะอาหาร แล้ววิ่งไปหยิบstethoscope* ของหมอนพมาด้วยความรวดเร็ว “นพ ไหนๆก็ลงเวรแล้ว ชั้นยืมหน่อยนะ ไปละ” พิมขออนุญาติแบบขอไปที ก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถพยาบาลด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้นพนั่งงง โดยที่ยังคงถือช้อนข้าวไว้อย่างไม่วางมือ
“ถ้ามีลูกกันขึ้นมา ลูกมันจะเป็นคนแบบไหนวะแก” พยาบาลอาวุโสชื่อพิมเอ่ยแซวหมอนพ ทำเอานพหน้าแดง เขินจนตักมะเขือพวงเข้าปากทั้งที่เขาไม่ชอบมะเขือเลยสักนิด “แหวะ” นพอุทานด้วยความแขยง
“อ่ะ เขินง่ายเนอะ ทีต่อหน้าทะเลาะกันเก่ง” หัวหน้าพยาบาลอีกคนก็ร่วมวงแซวด้วย “พี่ทิพครับ” หมอนพได้แต่ทำหน้ายิ้มแหยๆพร้อมกับทำท่าทางเก้ๆกังๆ ส่วนหมอนัทก็ได้แต่ยิ้มโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปจากตอนแรกเลยสักนิดเดียว
แล้วการกินอาหารเช้าก็ดำเนินต่อไป
/ 9ปีก่อนที่นพและพิมจะเลิกกัน /
“นพ แกไม่กินมะเขือพวงหรอ” เด็กสาวตัวเล็กบอบบาง ไว้หน้าม้าถักเปียพูดกับเด็กหนุ่ม
“อะ อือ ทำไมหรอ?” เด็กหนุ่มตอบคำถามเด็กสาวด้วยท่าทีประหลาดใจ
“ขอได้ปะ เราชอบกินอ่ะ” เด็กสาวขอกินมะเขือพวงที่เด็กหนุ่มกองไว้อีกด้านของกล่องอาหาร
“ได้ดิ ตักไปเลย” เด็กหนุ่มตอบรับคำขอนั้น พร้อมกับชำเลืองสายตามองไปที่กล่องอาหารของเด็กสาวบ้าง “ไม่กินหนังไก่หรอ” เด็กหนุ่มถาม “อือ” เด็กสาวตอบพลางเคี้ยวมะเขือไปพลาง
“ขอได้ปะ” เด็กหนุ่มเลือกตีสนิทเด็กสาวด้วยการขอกินหนังไก่จากแกงเขียวหวานที่เด็กสาวเขี่ยไว้ข้างกล่อง
“เอาไปดิ” เด็กสาวอนุญาติ “เออ ถามหน่อยดิ ทำไมเธอรู้จักชื่อเรา” เด็กหนุ่มถามเด็กสาวด้วยความสงสัย “ป้ายก็มีปะ เราอ่านออกนะเว้ย ลายมือนายก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น” เด็กสาวแซวเด็กหนุ่มเพื่อตีสนิทบ้าง ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากัน จากนั้นก็เริ่มหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน
“เออ เราชื่อพิมนะ เรียน เอ๊ย กำลังจะเรียนเวชกิจฉุกเฉินปีหนึ่ง นายล่ะ”
เด็กหนุ่มประหม่าเล็กน้อย จึงกระเอมเบาๆ และแนะนำตัว “นพ กำลังจะเรียนแพทย์ศาสตร์ปีหนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จัก”
เด็กสาวยื่นมือขวาให้เด็กหนุ่ม เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอก็ยินดีที่จะผูกมิตรกับเด็กหนุ่ม และเด็กหนุ่มก็ยื่นมือขวามาจับ เพื่อบอกว่าเขาก็ยินดีเช่นกันที่ได้ผูกมิตรกับเธอ
ตอนเที่ยง ในห้องกิจกรรมของคณะแพทยศาตร์ เด็กหนุ่มและเด็กสาวก็ได้มาพบกัน ได้รู้จักกัน ถึงแม้จะเป็นเพียงการเริ่มต้น แต่ทุกเรื่องราวมีจุดเริ่มต้นเสมอ
*ว่าบาป : ภาษาอีสาน แปลว่าดูถูก
*อินชาร์ท : หัวหน้าเวรพยาบาลในแต่ละเวร มีเวรเช้า เวรบ่าย เวรดึก
*เรซิเดนท์ : แพทย์เรียนต่อเฉพาะทาง
*LR : labour room : ห้องคลอด
หลายสิบชีวิตเดินหน้าตบเท้าสวนกันควักไคว่บนทางเท้า เพราะเวลารอยต่อเช่นนี้ทุกสิ่งอย่างล้วนจะยุ่งวุ่นวายเป็นธรรมดาเมื่อมีการส่งผลัดเปลี่ยนเวรกัน และคิดว่าทุกโรงพยาบาลก็น่าจะเป็นแบบนี้ในช่วงเวลาแปดโมงเช้า และสี่โมงเย็นของวัน
แต่ยังมีหนึ่งคนที่ยังไปไหนไม่ได้เพราะ “สวัสดีค่~า มาแล้วค่~า” เสียงแหลมสูงดังขึ้นที่หน้าห้องคลอด จนพยาบาล และผู้ช่วยพยาบาลสะดุ้งกันเป็นแถว
“มาแล้วหรอพิม มาๆ มากินข้าวพวกพี่กำลังจะกินพอดีเลย เอาข้าวมาให้หมอนพหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ข้าวที่แกหุงนะ หมอแกไม่แตะเลยนะเออ” พยาบาลวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแจ่มใสรับอาหารมื้อแรกของวัน
ที่ห้องคลอดของโรงพยาบาลแห่งนี้มีประเพณีสืบทอดทำต่อกันมารุ่นต่อรุ่นคือการ ‘กินข้าวเช้า’ ด้วยกันจนเป็นเรื่องปกติ ด้วยเหตุผลที่ว่า จะได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่าง แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ให้มีความสนิทสนมกลมเกลียว ทำงานกันเป็นทีมได้ดีขึ้น แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าจุดประสงค์จริงๆของประเพณีที่แลดูเพี้ยนๆเช่นนี้คืออะไร
“ใช่ที่ไหนล่ะพี่พร แม่ผมหุงต่างหาก ยัยนี่หรอจะหุงข้าวเป็น ขืนปล่อยให้ยัยนี่แตะหม้อข้าวนะ คงได้กินข้าวต้มเหมือนตอนนั้นแน่ๆ” เสียงทุ้มต่ำ ดังออกมาจากปากของชายหนุ่มผิวขาวตัวหนา หุ่นสูงใหญ่ ที่อยู่ในสภาพการแต่งกายที่ไม่เป็นทางการนัก แววตาอิดโรยเล็กน้อย ถูกบดบังด้วยแว่นกรอบเหลี่ยมและคิ้วหนาๆซึ่งกำลังขมวดรวมกัน แสดงถึงสีหน้าและอารมณ์หงุดหงิดจากการถูกปลุกด้วยเสียงไม่น่าพิรมณ์เท่าไหร่
“ว่าบาป* ถ้าวันนั้นชั้นไม่หุงมาให้ก็ไม่มีกินปะวะ” พิมตอบกลับคำสบประมาทพร้อมกับทำสีหน้ายียวนยั่วโมโหใส่หมอนพ
“ไม่ต้องเลย จริงๆชั้นฝากพี่สวยไปซื้อให้ก็ได้เว้ย นี่รักษาน้ำใจหรอกนะเลยกินจนหมดน่ะ” หมอนพตวาดเสียงดังลั่นห้องพักพยาบาล พร้อมกับกำหมัดแน่นทำทีท่าขู่แต่ไม่เคยทำอะไรตามเคย
“หรอ” พิมคว่ำปากเป็นสะระอิ พร้อมกับส่ายหัวไปมา
“มากินข้าว!” เสียงหญิงวัยกลางคนที่ดูมีอายุมากที่สุดในห้องนี้ดังขึ้น “หมอนพ นั่งลง ไม่งั้นชั้นจะไปฟ้องแม่เธอ” หมอนพเข้ามานั่งเงียบๆด้วยท่าทีเรียบร้อยจากราชสีห์กลายร่างมาเป็นแมวน้อยไร้ซึ่งความเกรี้ยวกราด “พิม นั่งลง ไม่งั้นชั้นจะฟ้องพ่อเธอ” พิมเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามหมอนพด้วยท่าทีที่เรียบร้อยผิดจากตอนแรก “ทะเลาะกันเหมือนเด็ก อายุเท่าไหร่แล้วน่ะพวกเธอ” พยาบาลอินชาร์ท*เวรดึกพูดปิดท้าย
“รอด้วยครับ” น้ำเสียงสดใสดังขึ้นอีกครั้ง แต่เป็นเสียงผู้ชายแทน
“นัท มาแล้วหรอ มาๆ วันนี้แม่ไอ้นพให้เอาข้าวมาเผื่อด้วย” พิมทักทาย และเชื้อชวนนัทที่เป็นเรซซิเดนท์ใหม่LR* มาร่วมโต๊ะอาหารด้วย
นพได้แต่นั่งมองพิมตาขวางแสดงอาการหึงหวงอย่างออกนอกหน้าโดยไม่มีเหตุผลทั้งที่เขาไม่ได้เป็นอะไรกับพิมเลย “กาแฟกูล่ะ” นพถามขึ้นเพื่อขัดจังหวะของคนทั้งสอง
“เออ เกือบลืม อ่ะอเมริกาโน่ไม่น้ำตาล100%” หมอนัทยื่นแก้วกาแฟเย็นให้หมอนัทแบบซื่อๆโดยที่อ่านสีหน้าและบรรยากาศโดยรอบไม่ออกแม้แต่น้อย
“ดีมาก” หมอนพรับกาแฟมาแล้วยื่นมืออีกข้างยีเข้าที่หัวหมอนัทที่ยุ่งอยู่แล้วเพราะไม่ค่อยเซทผมมาทำงานให้ยุ่งขึ้นอีก “เพิ่มวอลลุ่มผมหน่อย จะได้หล่อๆ คนแถวนี้มันชอบ” นพพูดปิดท้ายแล้วส่งสายตาเย้ยหยันให้กับพิม
พิมเห็นดังนั้นได้แต่อ้าปากเหวอกับการกระทำที่เหมือนเด็กของหมอนพ “ไอ้บ้านี่” พิมบ่นอุบอิบพร้อมกับทำสีหน้าโมโห
“อ่ะ กินข้าว หมอนพจะได้ลงเวร หมอนัทมีอีกเคสจะมาสิบโมงนะคะ มาๆกินข้าวๆ”
‘ว.6 พาราฯพิม จากศูนย์ 2 เปลี่ยน’ เสียงดังขึ้นจากวิทยุของพิม ขัดจังหวะการกินอาหารเช้าของทุกคนในทันที ‘2 เปลี่ยน’ พิมตอบกลับด้วยเสียงเบื่อหน่าย ‘มีเหตุจักรยานยนต์ชนกันที่หน้าหมู่บ้านเวฬุวรรณ ผู้บาดเจ็บสองคน’ “ง่ะ” พิมเผลอร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ
พิมปลีกตัวออกมาจากโต๊ะอาหาร แล้ววิ่งไปหยิบstethoscope* ของหมอนพมาด้วยความรวดเร็ว “นพ ไหนๆก็ลงเวรแล้ว ชั้นยืมหน่อยนะ ไปละ” พิมขออนุญาติแบบขอไปที ก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถพยาบาลด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้นพนั่งงง โดยที่ยังคงถือช้อนข้าวไว้อย่างไม่วางมือ
“ถ้ามีลูกกันขึ้นมา ลูกมันจะเป็นคนแบบไหนวะแก” พยาบาลอาวุโสชื่อพิมเอ่ยแซวหมอนพ ทำเอานพหน้าแดง เขินจนตักมะเขือพวงเข้าปากทั้งที่เขาไม่ชอบมะเขือเลยสักนิด “แหวะ” นพอุทานด้วยความแขยง
“อ่ะ เขินง่ายเนอะ ทีต่อหน้าทะเลาะกันเก่ง” หัวหน้าพยาบาลอีกคนก็ร่วมวงแซวด้วย “พี่ทิพครับ” หมอนพได้แต่ทำหน้ายิ้มแหยๆพร้อมกับทำท่าทางเก้ๆกังๆ ส่วนหมอนัทก็ได้แต่ยิ้มโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปจากตอนแรกเลยสักนิดเดียว
แล้วการกินอาหารเช้าก็ดำเนินต่อไป
/ 9ปีก่อนที่นพและพิมจะเลิกกัน /
“นพ แกไม่กินมะเขือพวงหรอ” เด็กสาวตัวเล็กบอบบาง ไว้หน้าม้าถักเปียพูดกับเด็กหนุ่ม
“อะ อือ ทำไมหรอ?” เด็กหนุ่มตอบคำถามเด็กสาวด้วยท่าทีประหลาดใจ
“ขอได้ปะ เราชอบกินอ่ะ” เด็กสาวขอกินมะเขือพวงที่เด็กหนุ่มกองไว้อีกด้านของกล่องอาหาร
“ได้ดิ ตักไปเลย” เด็กหนุ่มตอบรับคำขอนั้น พร้อมกับชำเลืองสายตามองไปที่กล่องอาหารของเด็กสาวบ้าง “ไม่กินหนังไก่หรอ” เด็กหนุ่มถาม “อือ” เด็กสาวตอบพลางเคี้ยวมะเขือไปพลาง
“ขอได้ปะ” เด็กหนุ่มเลือกตีสนิทเด็กสาวด้วยการขอกินหนังไก่จากแกงเขียวหวานที่เด็กสาวเขี่ยไว้ข้างกล่อง
“เอาไปดิ” เด็กสาวอนุญาติ “เออ ถามหน่อยดิ ทำไมเธอรู้จักชื่อเรา” เด็กหนุ่มถามเด็กสาวด้วยความสงสัย “ป้ายก็มีปะ เราอ่านออกนะเว้ย ลายมือนายก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น” เด็กสาวแซวเด็กหนุ่มเพื่อตีสนิทบ้าง ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากัน จากนั้นก็เริ่มหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน
“เออ เราชื่อพิมนะ เรียน เอ๊ย กำลังจะเรียนเวชกิจฉุกเฉินปีหนึ่ง นายล่ะ”
เด็กหนุ่มประหม่าเล็กน้อย จึงกระเอมเบาๆ และแนะนำตัว “นพ กำลังจะเรียนแพทย์ศาสตร์ปีหนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จัก”
เด็กสาวยื่นมือขวาให้เด็กหนุ่ม เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอก็ยินดีที่จะผูกมิตรกับเด็กหนุ่ม และเด็กหนุ่มก็ยื่นมือขวามาจับ เพื่อบอกว่าเขาก็ยินดีเช่นกันที่ได้ผูกมิตรกับเธอ
ตอนเที่ยง ในห้องกิจกรรมของคณะแพทยศาตร์ เด็กหนุ่มและเด็กสาวก็ได้มาพบกัน ได้รู้จักกัน ถึงแม้จะเป็นเพียงการเริ่มต้น แต่ทุกเรื่องราวมีจุดเริ่มต้นเสมอ
*ว่าบาป : ภาษาอีสาน แปลว่าดูถูก
*อินชาร์ท : หัวหน้าเวรพยาบาลในแต่ละเวร มีเวรเช้า เวรบ่าย เวรดึก
*เรซิเดนท์ : แพทย์เรียนต่อเฉพาะทาง
*LR : labour room : ห้องคลอด

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2561, 01:47:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2561, 01:47:10 น.
จำนวนการเข้าชม : 426
<< บทนำ ร่ำลาเพื่อมาพบกัน | บทที่สอง ในความทรงจำของเธอ ภาคต้น >> |