รักรออุ้ม: ทักษิณา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
ความคึกคะนอง ย่ามใจของเขา กับความอ่อนด้อยประสบการณ์ของเธอ ก่อเกิดหนึ่งชีวิตที่ไม่ตั้งใจขึ้นมา
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ลูก ครอบครัว ดราม่า โรแมนติก ท้อง
ตอน: บทที่ 15 -40%
มันเป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไรกัน
ปกเกศนั่งเท้าคางกับโต๊ะอาหาร เอียงคอมองฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้าม กานต์ชนกกำลังนั่งรับประทานอาหารซึ่งเป็นข้าวราดแกงแบบง่ายๆ ท่าทางเอร็ดอร่อยของเขานั้นทำให้คนมองต้องกะพริบตาถี่ๆ ไม่แน่ใจ นี่ใช่คุณชายตัวร้ายผู้สูงส่งเลิศหรูคนนั้นแน่เหรอ
หรือเขาจะหิวมากเลยกินไม่เกี่ยง
“ขอเติมอีกได้ไหม” กินยังไม่หมดจาน กานต์ชนกก็ร้องถามเสียแล้ว หญิงสาวพยักหน้าหงึก ขยับจะลุกขึ้นไปจัดการตักอาหารให้เขา แต่อีกฝ่ายรีบห้าม
“ไม่ต้องลุก อย่าขยับตัวมาก เดี๋ยวฉันเข้าไปในครัวเอง”
เขาบอกแล้วก็รีบลุกขึ้น เดินถือจานข้าวของตัวเองเข้าไปในห้องครัว ให้สองสาวฝาแฝดช่วยตักอาหารเพิ่มมาให้ ไม่กี่อึดใจก็เดินกลับมานั่งที่เดิม และยื่นแก้วน้ำส้มที่ขอจากฝาแฝดในครัวมาส่งให้เธอด้วย
“คนในครัวเขาฝากมาให้ บอกว่าเธอกินข้าวน้อยเกินไป กลัวจะเป็นลมเป็นแล้ง” เขาบอกโดยไม่มองหน้าเธอ เอาแต่ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร เหมือนไม่มีเธอนั่งอยู่ด้วยซ้ำไป
แต่พอปกเกศขยับตัวจะลุกหนีด้วยความอึดอัด เขาก็เอ็ดเสียงดัง
“จะไปไหน อยู่นิ่งๆ สิ เดี๋ยวก็หกล้มไปหรอก”
“ตลกแล้วคุณ ฉันไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นสักหน่อย ทุกคนกำลังยุ่ง ฉันจะไปช่วยเขาทำงาน” เธอเถียง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกานต์ชนกจะต้องมากักตัวเธอเอาไว้กับเขาด้วย วันนี้ที่บ้านงานยุ่งจะตายไป
“ไม่ต้อง บอกแล้วไงให้อยู่เฉยๆ” กานต์ชนกยังคงวางอำนาจออกคำสั่งเสียงเข้ม
“อะไรของคุณเนี่ย” หญิงสาวถึงกับบ่นหงุดหงิด ขมวดคิ้วยุ่งไม่พอใจเขา แต่แทนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว กลับชี้ไปที่แก้วน้ำส้มเป็นเชิงบังคับ เธอเลยยอมจิบน้ำส้มตามที่เขาต้องการ
“กี่เดือนแล้ว”
“อื้อ” จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องถาม ทำเอาเธอแทบสำลักน้ำส้ม ไอแค่กๆ ย้อนถามเขาเสียงห้วน
“อะ...อะไรของคุณ”
“ก็อายุครรภ์เธอไง กี่เดือนแล้ว ใกล้คลอดแล้วใช่ไหม” กานต์ชนกขยายความ พลางมองไปที่หน้าท้องกลมโตภายใต้ชุดคลุมท้องสีฟ้าอมม่วงลายดอกเดซี่น่ารัก ปกเกศก้มมองตัวเองตามสายตาของเขา ร้อนวูบวาบในอกชอบกล
ถ้าเธอบอกเขาว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของเขาเอง กานต์ชนกจะเชื่อหรือเปล่านะ?
“แปดเดือนกว่าแล้วค่ะ...” ปกเกศตอบเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน
“ไหมล่ะ งั้นก็ใกล้คลอดแล้ว ยังจะมาทำงานงกๆ อีก มันอันตรายไม่ใช่หรือไง”
กานต์ชนกบ่นตำหนิ ทำราวกับเป็นห่วงเป็นใยเธอนักหนา แก้มอิ่มใสของคนท้องแก่ใกล้คลอดจุดสีชมพูเรื่อตามธรรมชาติ ดวงตากลมโตคู่สวยเลี่ยงหลบสายตาคมปลาบของเขา เสมองไปทางอื่นพลางยกแก้วน้ำส้มคั้นขึ้นดื่มแก้เก้อ
เธอควรจะเกลียดเขา ตัวซวยที่ทำให้เธอต้องมาตกที่นั่งลำบากอย่างนี้ แต่อีกฝ่ายดันมาปรากฏตัวต่อหน้าในฐานะคนจ่ายเงินเช่าสถานที่สวนกล้วยไม้ของป้ากรองแก้ว เธอจะอาละวาดขับไล่เขาก็ทำไม่ได้ หนำซ้ำยังต้องมานั่งอยู่ต่อหน้าต้องคอยหลบตากานต์ชนกอยู่อย่างนี้ อึดอัดจะแย่...
ปกเกศอยากหาตัวช่วยเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์กดดันระหว่างเธอกับกานต์ชนก พลันนั้นความต้องการของเธอก็สัมฤทธิ์ผล ประตูไม้หน้าตัวบ้านถูกเปิดเข้ามาด้วยมือของธนวุฒิ
“เจ้านายครับ คุณชาช่ามาครับ!”
ธนวุฒิร้องบอกเสียงหลง ยังไม่ทันเข้ามาถึงที่โต๊ะอาหาร ท่าทางตื่นตกใจของเจ้าตัว ทำเอาหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ด้วยกันชะงักกึก หันไปมองเป็นตาเดียวกัน
นาทีนั้นประตูบ้านถูกผลักเข้ามาอีกครั้งโดยมือเรียวของสโรชา หญิงสาวสวมแว่นตาดำอันโต ปกปิดใบหน้าเกือบครึ่ง ร่างระหงแต่งตัวในชุดเกาะอกสั้นรัดรูปลายดอกไม้สีสันแสบตา ใบหน้าเรียบเนียนฉาบด้วยเครื่องสำอางจัดเต็ม เจ้าหล่อนก้าวฉับๆ ผ่านห้องโถงของบ้านแล้วตรงดิ่งมาในห้องอาหาร ถอดแว่นตาดำแบรนด์เนมของตัวเองออก ดวงตาเรียวคมเอาเรื่องจ้องเขม็งไปที่หญิงสาวในชุดคลุมท้อง เรียวปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดเบะบิด เหยียดหยาม
ไม่ต้องคิดเลย อีกฝ่ายนั้นเป็นสาวใช้ชัดๆ!
“เป็นคนใช้ที่กองถ่ายเหรอ ลุกไป กล้าดียังไงมานั่งร่วมโต๊ะกับพี่กานต์” สโรชาสั่งแล้วยังวางอำนาจข่ม เล่นเอาคนถูกไล่คอแข็ง ตวัดสายตามองมาทางคนมาใหม่ทันที
“แล้วทำไมฉันจะนั่งไม่ได้ ในเมื่อที่นี่เป็นที่ของฉัน”
“ถึงจะเป็นที่อยู่เธอก็ต้องรู้จักมารยาทบ้าง วันนี้บริษัทของพี่กานต์เช่าที่นี่เอาไว้หมดแล้ว เธอก็ถือเป็นแค่ลูกจ้างจะมานั่งตีตัวเสมอนายจ้างได้ยังไง”
“ฉันก็ไม่ได้อยากนั่งหรอก” ปกเกศพูดแล้วก็ลุกขึ้น ทว่ายังไม่ทันได้เดินออกไป เสียงทุ้มกังวานมีอำนาจกลับดังขัดขึ้นก่อน
“จะไปไหน ไม่ต้องเลย นั่งลงที่เดิมปกเกศ”
“พี่กานต์ จะให้เขามานั่งสบายเป็นคุณนายอยู่ได้ยังไงคะ เขาเป็นแค่ลูกจ้าง”
สโรชาโวยใส่เขาอย่างไม่พอใจ กานต์ชนกไม่สนใจที่เธอออกคำสั่งกับยายเด็กนั่นเลย
“ถ้าปกเกศเป็นลูกจ้างก็เป็นลูกจ้างพี่ ไม่เกี่ยวกับช่า” เขาเอ่ยตัด ชนิดคนฟังสะอึก เสียหน้า แหวลั่น
“ไม่เกี่ยวได้ยังไง ทุกเรื่องของพี่กานต์เกี่ยวกับช่าทั้งนั้น อย่าลืมสิคะว่าเราเคยเป็นอะไรกันมาก่อน”
สโรชาทวงสิทธิ์ในอดีต แม้ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายขอเลิกเขาก่อนก็ตาม กานต์ชนกเหลือบตามองเธออย่างอิดหนาระอาใจ...แววตาคมปลาบฉายแววดุของเขา นิ่งลึก แต่ค่อนไปทางตำหนิและเย็นชาอยู่ในที จนสโรชาเสียวสันหลังวูบ
ทว่าเธอยังคงเชื่อมั่น พี่กานต์ไม่มีทางหักหน้าเธอต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงบ้านๆ ท้องโย้ไม่มีความสวยเลยในเวลานี้อย่างยายคนนี้...เขาไม่มีทาง...
“พี่ว่าคนที่ลืมเป็นช่าเองมากกว่ามั้ง...ลองคิดดูให้ดีก่อนนะ พี่ไม่อยากพูดมาก”
“พี่กานต์...” สโรชามองเขาตาคว่ำ หน้างอเง้าตัดพ้อน้อยใจ
“นี่กินข้าวมาแล้วหรือยัง หิวไหม” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องถามอีกฝ่าย เท่านั้นเองสโรชาก็ยิ้มออกมาได้ เข้าใจว่าเขาเป็นห่วงสารทุกข์สุกดิบของเธอ เขายังมีเยื่อใยอยู่ชัดๆ
“ยังเลยค่ะ เนี่ย ช่าหิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว พี่กานต์พาช่าไปหาอะไรอร่อยๆ กินในตัวเมืองนะคะ ช่าอยากกินสเต๊กเนื้อนุ่มๆ ละลายในปาก” ไม่พูดเปล่าแต่สโรชายังเข้าไปเกาะแขนเขาอย่างประจบประแจง
“จะต้องไปในเมืองให้ลำบากทำไม อาหารที่นี่ก็เยอะแยะ นั่งก่อนสิ เดี๋ยวพี่จะให้เด็กเอาจานมาให้”
“คะ?...พี่กานต์...จะให้ช่ากินข้าวที่นี่?”
สโรชาถึงกับหน้าเหวอย้อนถามงุนงง แต่แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก เมื่อกานต์ชนกพยักหน้า พร้อมยิ้มใสซื่อส่งมา
“ก็ช่าอยากมาเจอพี่ไม่ใช่เหรอ มานั่งกินข้าวด้วยกันหน่อยจะเป็นไรไป”
****************
มาต่อแล้วจ้าาาาา ตราบใดที่ช่ายังมีความหวัง ช่าก็จะตื๊อต่อไปค่ะพี่กานต์
พูดแทนนาง เหอๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปกเกศนั่งเท้าคางกับโต๊ะอาหาร เอียงคอมองฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้าม กานต์ชนกกำลังนั่งรับประทานอาหารซึ่งเป็นข้าวราดแกงแบบง่ายๆ ท่าทางเอร็ดอร่อยของเขานั้นทำให้คนมองต้องกะพริบตาถี่ๆ ไม่แน่ใจ นี่ใช่คุณชายตัวร้ายผู้สูงส่งเลิศหรูคนนั้นแน่เหรอ
หรือเขาจะหิวมากเลยกินไม่เกี่ยง
“ขอเติมอีกได้ไหม” กินยังไม่หมดจาน กานต์ชนกก็ร้องถามเสียแล้ว หญิงสาวพยักหน้าหงึก ขยับจะลุกขึ้นไปจัดการตักอาหารให้เขา แต่อีกฝ่ายรีบห้าม
“ไม่ต้องลุก อย่าขยับตัวมาก เดี๋ยวฉันเข้าไปในครัวเอง”
เขาบอกแล้วก็รีบลุกขึ้น เดินถือจานข้าวของตัวเองเข้าไปในห้องครัว ให้สองสาวฝาแฝดช่วยตักอาหารเพิ่มมาให้ ไม่กี่อึดใจก็เดินกลับมานั่งที่เดิม และยื่นแก้วน้ำส้มที่ขอจากฝาแฝดในครัวมาส่งให้เธอด้วย
“คนในครัวเขาฝากมาให้ บอกว่าเธอกินข้าวน้อยเกินไป กลัวจะเป็นลมเป็นแล้ง” เขาบอกโดยไม่มองหน้าเธอ เอาแต่ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร เหมือนไม่มีเธอนั่งอยู่ด้วยซ้ำไป
แต่พอปกเกศขยับตัวจะลุกหนีด้วยความอึดอัด เขาก็เอ็ดเสียงดัง
“จะไปไหน อยู่นิ่งๆ สิ เดี๋ยวก็หกล้มไปหรอก”
“ตลกแล้วคุณ ฉันไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นสักหน่อย ทุกคนกำลังยุ่ง ฉันจะไปช่วยเขาทำงาน” เธอเถียง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกานต์ชนกจะต้องมากักตัวเธอเอาไว้กับเขาด้วย วันนี้ที่บ้านงานยุ่งจะตายไป
“ไม่ต้อง บอกแล้วไงให้อยู่เฉยๆ” กานต์ชนกยังคงวางอำนาจออกคำสั่งเสียงเข้ม
“อะไรของคุณเนี่ย” หญิงสาวถึงกับบ่นหงุดหงิด ขมวดคิ้วยุ่งไม่พอใจเขา แต่แทนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว กลับชี้ไปที่แก้วน้ำส้มเป็นเชิงบังคับ เธอเลยยอมจิบน้ำส้มตามที่เขาต้องการ
“กี่เดือนแล้ว”
“อื้อ” จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องถาม ทำเอาเธอแทบสำลักน้ำส้ม ไอแค่กๆ ย้อนถามเขาเสียงห้วน
“อะ...อะไรของคุณ”
“ก็อายุครรภ์เธอไง กี่เดือนแล้ว ใกล้คลอดแล้วใช่ไหม” กานต์ชนกขยายความ พลางมองไปที่หน้าท้องกลมโตภายใต้ชุดคลุมท้องสีฟ้าอมม่วงลายดอกเดซี่น่ารัก ปกเกศก้มมองตัวเองตามสายตาของเขา ร้อนวูบวาบในอกชอบกล
ถ้าเธอบอกเขาว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของเขาเอง กานต์ชนกจะเชื่อหรือเปล่านะ?
“แปดเดือนกว่าแล้วค่ะ...” ปกเกศตอบเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน
“ไหมล่ะ งั้นก็ใกล้คลอดแล้ว ยังจะมาทำงานงกๆ อีก มันอันตรายไม่ใช่หรือไง”
กานต์ชนกบ่นตำหนิ ทำราวกับเป็นห่วงเป็นใยเธอนักหนา แก้มอิ่มใสของคนท้องแก่ใกล้คลอดจุดสีชมพูเรื่อตามธรรมชาติ ดวงตากลมโตคู่สวยเลี่ยงหลบสายตาคมปลาบของเขา เสมองไปทางอื่นพลางยกแก้วน้ำส้มคั้นขึ้นดื่มแก้เก้อ
เธอควรจะเกลียดเขา ตัวซวยที่ทำให้เธอต้องมาตกที่นั่งลำบากอย่างนี้ แต่อีกฝ่ายดันมาปรากฏตัวต่อหน้าในฐานะคนจ่ายเงินเช่าสถานที่สวนกล้วยไม้ของป้ากรองแก้ว เธอจะอาละวาดขับไล่เขาก็ทำไม่ได้ หนำซ้ำยังต้องมานั่งอยู่ต่อหน้าต้องคอยหลบตากานต์ชนกอยู่อย่างนี้ อึดอัดจะแย่...
ปกเกศอยากหาตัวช่วยเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์กดดันระหว่างเธอกับกานต์ชนก พลันนั้นความต้องการของเธอก็สัมฤทธิ์ผล ประตูไม้หน้าตัวบ้านถูกเปิดเข้ามาด้วยมือของธนวุฒิ
“เจ้านายครับ คุณชาช่ามาครับ!”
ธนวุฒิร้องบอกเสียงหลง ยังไม่ทันเข้ามาถึงที่โต๊ะอาหาร ท่าทางตื่นตกใจของเจ้าตัว ทำเอาหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ด้วยกันชะงักกึก หันไปมองเป็นตาเดียวกัน
นาทีนั้นประตูบ้านถูกผลักเข้ามาอีกครั้งโดยมือเรียวของสโรชา หญิงสาวสวมแว่นตาดำอันโต ปกปิดใบหน้าเกือบครึ่ง ร่างระหงแต่งตัวในชุดเกาะอกสั้นรัดรูปลายดอกไม้สีสันแสบตา ใบหน้าเรียบเนียนฉาบด้วยเครื่องสำอางจัดเต็ม เจ้าหล่อนก้าวฉับๆ ผ่านห้องโถงของบ้านแล้วตรงดิ่งมาในห้องอาหาร ถอดแว่นตาดำแบรนด์เนมของตัวเองออก ดวงตาเรียวคมเอาเรื่องจ้องเขม็งไปที่หญิงสาวในชุดคลุมท้อง เรียวปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดเบะบิด เหยียดหยาม
ไม่ต้องคิดเลย อีกฝ่ายนั้นเป็นสาวใช้ชัดๆ!
“เป็นคนใช้ที่กองถ่ายเหรอ ลุกไป กล้าดียังไงมานั่งร่วมโต๊ะกับพี่กานต์” สโรชาสั่งแล้วยังวางอำนาจข่ม เล่นเอาคนถูกไล่คอแข็ง ตวัดสายตามองมาทางคนมาใหม่ทันที
“แล้วทำไมฉันจะนั่งไม่ได้ ในเมื่อที่นี่เป็นที่ของฉัน”
“ถึงจะเป็นที่อยู่เธอก็ต้องรู้จักมารยาทบ้าง วันนี้บริษัทของพี่กานต์เช่าที่นี่เอาไว้หมดแล้ว เธอก็ถือเป็นแค่ลูกจ้างจะมานั่งตีตัวเสมอนายจ้างได้ยังไง”
“ฉันก็ไม่ได้อยากนั่งหรอก” ปกเกศพูดแล้วก็ลุกขึ้น ทว่ายังไม่ทันได้เดินออกไป เสียงทุ้มกังวานมีอำนาจกลับดังขัดขึ้นก่อน
“จะไปไหน ไม่ต้องเลย นั่งลงที่เดิมปกเกศ”
“พี่กานต์ จะให้เขามานั่งสบายเป็นคุณนายอยู่ได้ยังไงคะ เขาเป็นแค่ลูกจ้าง”
สโรชาโวยใส่เขาอย่างไม่พอใจ กานต์ชนกไม่สนใจที่เธอออกคำสั่งกับยายเด็กนั่นเลย
“ถ้าปกเกศเป็นลูกจ้างก็เป็นลูกจ้างพี่ ไม่เกี่ยวกับช่า” เขาเอ่ยตัด ชนิดคนฟังสะอึก เสียหน้า แหวลั่น
“ไม่เกี่ยวได้ยังไง ทุกเรื่องของพี่กานต์เกี่ยวกับช่าทั้งนั้น อย่าลืมสิคะว่าเราเคยเป็นอะไรกันมาก่อน”
สโรชาทวงสิทธิ์ในอดีต แม้ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายขอเลิกเขาก่อนก็ตาม กานต์ชนกเหลือบตามองเธออย่างอิดหนาระอาใจ...แววตาคมปลาบฉายแววดุของเขา นิ่งลึก แต่ค่อนไปทางตำหนิและเย็นชาอยู่ในที จนสโรชาเสียวสันหลังวูบ
ทว่าเธอยังคงเชื่อมั่น พี่กานต์ไม่มีทางหักหน้าเธอต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงบ้านๆ ท้องโย้ไม่มีความสวยเลยในเวลานี้อย่างยายคนนี้...เขาไม่มีทาง...
“พี่ว่าคนที่ลืมเป็นช่าเองมากกว่ามั้ง...ลองคิดดูให้ดีก่อนนะ พี่ไม่อยากพูดมาก”
“พี่กานต์...” สโรชามองเขาตาคว่ำ หน้างอเง้าตัดพ้อน้อยใจ
“นี่กินข้าวมาแล้วหรือยัง หิวไหม” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องถามอีกฝ่าย เท่านั้นเองสโรชาก็ยิ้มออกมาได้ เข้าใจว่าเขาเป็นห่วงสารทุกข์สุกดิบของเธอ เขายังมีเยื่อใยอยู่ชัดๆ
“ยังเลยค่ะ เนี่ย ช่าหิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว พี่กานต์พาช่าไปหาอะไรอร่อยๆ กินในตัวเมืองนะคะ ช่าอยากกินสเต๊กเนื้อนุ่มๆ ละลายในปาก” ไม่พูดเปล่าแต่สโรชายังเข้าไปเกาะแขนเขาอย่างประจบประแจง
“จะต้องไปในเมืองให้ลำบากทำไม อาหารที่นี่ก็เยอะแยะ นั่งก่อนสิ เดี๋ยวพี่จะให้เด็กเอาจานมาให้”
“คะ?...พี่กานต์...จะให้ช่ากินข้าวที่นี่?”
สโรชาถึงกับหน้าเหวอย้อนถามงุนงง แต่แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก เมื่อกานต์ชนกพยักหน้า พร้อมยิ้มใสซื่อส่งมา
“ก็ช่าอยากมาเจอพี่ไม่ใช่เหรอ มานั่งกินข้าวด้วยกันหน่อยจะเป็นไรไป”
****************
มาต่อแล้วจ้าาาาา ตราบใดที่ช่ายังมีความหวัง ช่าก็จะตื๊อต่อไปค่ะพี่กานต์
พูดแทนนาง เหอๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2561, 13:01:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2561, 13:01:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 659
<< บทที่ 14 -100% | บทที่ 15 -70% >> |