ชายา ตอน เล่ห์รักดวงใจกรณ์
เพราะรูปถ่ายที่ได้เห็นเพียงครั้งเดียวในห้องทำงานของ ชินกฤต หรือเสือ แห่งตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ทำให้กรณ์ วิจิตรนาถ หลงรักเธอทันที เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับของหัวใจ แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมีคนรู้ความลับนี้เข้า และได้ทำตัวเป็นกามเทพ นำพาเธอมาหาเขา
ชิญาดา หรือน้องหนู ตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ได้รับโชคก้อนใหญ่ ได้มาเที่ยวกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมืองที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก ของสถานที่ท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรมมากมาย เธอเดินทางมาคนเดียว ปลายทางคือเพื่อนรัก ที่ไม่ได้เจอกันมานาน จึงจะมาเซอร์ไพรส์ แต่ความคิดมันสวนทางกับความจริง เมื่อมาเจอเพื่อนถูกผู้ชายเลวทรามคนหนึ่งทำร้าย
ปลายกระบอกปืนที่เล็งมา จะเอาลมหายใจจากไปจากร่างกาย ทำให้เธอกลัวไปทั้งใจ แต่หลังจากนั้นคือการลุกขึ้นสู้ คนเลวทรามต้องติดคุก แต่คุกไม่ได้มีไว้ขังคนมีเงิน มีอำนาจ เธอถูกข่มขู่ คุกคาม กามเทพจึงอุ้มเธอมาใส่ในมือเขา ที่กางแขนโอบกอดเธอไว้ ไม่ให้คลาดไปจากสายตา ห่างไกลไปจากหัวใจอีกเลย
ทุกอย่างน่าจะจบลงที่ความสุข แต่หัวใจไม่ใช่เงินตรา ที่จะจับต้องหยิบไปใช้เมื่อไรก็ได้ เธอไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเขา เขาจึงต้องทำให้เธอเห็น ด้วยภาษากาย พูดให้เธอฟัง ด้วยภาษาใจ และกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในอ้อมแขน จนเธอรับรู้แต่กลับต้องวางหัวใจ เมื่อความลับของคนมีอำนาจ กำลังจะพรากเพื่อนรักไปจากเธอ
การแย่งชิง ไหวพริบ เล่ห์เหลี่ยม ถูกนำมาใช้ ท่ามกลางความรัก และผลประโยชน์ของตระกูลบลูโน โค ทุกคนกลายเป็นหมาก ที่ต้องเดิมเกมอย่างระวัง เพราะถ้าพลาดพลั้งทุกอย่างต้องพังทลาย ชิญาดากลายเป็นกุญแจสำคัญที่ใครๆก็ต้องการตัว แต่จะมีใครช่วงชิงเธอไปจากอ้อมแขนแห่งรักของกรณ์ ได้หรือไม่ ต้องติดตาม...
ชิญาดา หรือน้องหนู ตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ได้รับโชคก้อนใหญ่ ได้มาเที่ยวกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมืองที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก ของสถานที่ท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรมมากมาย เธอเดินทางมาคนเดียว ปลายทางคือเพื่อนรัก ที่ไม่ได้เจอกันมานาน จึงจะมาเซอร์ไพรส์ แต่ความคิดมันสวนทางกับความจริง เมื่อมาเจอเพื่อนถูกผู้ชายเลวทรามคนหนึ่งทำร้าย
ปลายกระบอกปืนที่เล็งมา จะเอาลมหายใจจากไปจากร่างกาย ทำให้เธอกลัวไปทั้งใจ แต่หลังจากนั้นคือการลุกขึ้นสู้ คนเลวทรามต้องติดคุก แต่คุกไม่ได้มีไว้ขังคนมีเงิน มีอำนาจ เธอถูกข่มขู่ คุกคาม กามเทพจึงอุ้มเธอมาใส่ในมือเขา ที่กางแขนโอบกอดเธอไว้ ไม่ให้คลาดไปจากสายตา ห่างไกลไปจากหัวใจอีกเลย
ทุกอย่างน่าจะจบลงที่ความสุข แต่หัวใจไม่ใช่เงินตรา ที่จะจับต้องหยิบไปใช้เมื่อไรก็ได้ เธอไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเขา เขาจึงต้องทำให้เธอเห็น ด้วยภาษากาย พูดให้เธอฟัง ด้วยภาษาใจ และกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในอ้อมแขน จนเธอรับรู้แต่กลับต้องวางหัวใจ เมื่อความลับของคนมีอำนาจ กำลังจะพรากเพื่อนรักไปจากเธอ
การแย่งชิง ไหวพริบ เล่ห์เหลี่ยม ถูกนำมาใช้ ท่ามกลางความรัก และผลประโยชน์ของตระกูลบลูโน โค ทุกคนกลายเป็นหมาก ที่ต้องเดิมเกมอย่างระวัง เพราะถ้าพลาดพลั้งทุกอย่างต้องพังทลาย ชิญาดากลายเป็นกุญแจสำคัญที่ใครๆก็ต้องการตัว แต่จะมีใครช่วงชิงเธอไปจากอ้อมแขนแห่งรักของกรณ์ ได้หรือไม่ ต้องติดตาม...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน 4
ตอน 4
ดวงตาของคนป่วยที่ควรจะหลับพักผ่อน เพื่อพักฟื้นร่างกายให้ดีขึ้น กลับลืมขึ้นมา เมื่อสมองไม่หลับ คิดหาแต่ทางหนีให้พ้นไปจากที่นี่ เธออยู่ไม่ได้แล้ว และไม่สามารถรอเพื่อนให้กลับมาช่วยเหลือ มันเสี่ยงเกินไป เมื่อไม่มีความแน่นอนว่าเพื่อนจะกลับมาจริงหรือไม่ และไม่รู้จะกลับมาเมื่อไรหลายหนทางที่เธอคิดไว้ ดูจะเป็นไปได้อยาก เมื่อมีคนเฝ้าอยู่อย่างนี้ หญิงสาวข่มความปวดร้าว ลุกขึ้นนั่งบนเตียง กวาดตามองไปรอบห้องแล้วหยุดนิ่งที่เครื่องประดับที่ติดตัวอยู่
เธอเรียกพยาบาลสาวให้เข้ามาหา แล้วขอให้เรียกคนเฝ้าเข้ามาหาเธอด้วย ไม่กี่อึดใจ คนเฝ้าก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ“ฉันหิว อยากกินโดนัท ช่วยไปซื้อให้หน่อยได้ไหม”
คนเฝ้ามีสีหน้าไม่แน่ใจ เพราะคำสั่งให้เฝ้าอย่าให้คลาดสายตา เธอเห็นดังนั้น ก็พอจะเดาออก จึงบอกว่า “ฉันเป็นโรคกระเพาะ ถ้าหิวมากๆจะปวดท้องอย่างรุนแรง ถ้าไม่อยากให้ฉันเป็นอะไรไป ก็ควรดูแลฉันให้ดี”
คนเฝ้านิ่งครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย ก็ตกลง เดินออกจากห้องไป เธอก็หันมามองนางพยาบาล สร้างเรื่องหลอกลวงขึ้นมา “พรุ่งนี้เป็นวันเกิดฉัน แล้วแฟนฉันอยากเห็นฉันใส่ชุดพยาบาล คุณพอจะช่วยฉันได้ไหมคะ” พูดจบเธอก็ถอดแหวนเพชรที่ใส่ติดนิ้วนางข้างขวา ใส่มือนางพยาบาล “ฉันอยากได้ชุดพยาบาล จะเป็นชุดเก่าของคุณหรือชุดของใครก็ได้ ขอร้องละคะ ฉันอยากเห็นเขามีความสุข ที่สำคัญเป็นวันที่เราคบกันครบสองปี และบางทีเขาอาจจะขอฉันแต่งงาน ฉันอยากมีความทรงจำที่ดี”
ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเธออ้อนวอนขอความเห็นใจ นางพยาบาลหรุบตามองแหวนเพชรในมือ ที่ขัดแย้งกับจรรยาบรรณในใจ และสถานที่ของโรงพยาบาล “ฉันว่ามันจะ...”
“ฉันรู้ค่ะ” เธอขัดขึ้นอย่างรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร “แต่ครั้งเดียวในชีวิต เห็นใจในความรักของฉันเถอะนะคะ เขาชอบที่จะเห็นฉันใส่ชุดพยาบาล ฉันจึงอยากทำให้เขา นะคะ ฉันขอร้อง ได้โปรด” เธอทอดเสียงให้อ่อนสุดๆ นางพยาบาลทำหน้าเหมือนครุ่นคิด แล้วแหวนเพชรก็ชนะจรรยาบรรณในใจ
“หวังว่ามันจะวิเศษอย่างที่คุณคิด”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มหวานให้ แล้วขอให้ทุกอย่างเป็นความลับระหว่างสองคน นางพยาบาลเดินออกไป ขณะที่เธอก็รอด้วยใจจดจ่อ และเมื่อนางพยาบาลกลับมา เธอก็ขอให้ช่วยเธอเปลี่ยนชุดรอไว้ และซื้อใจด้วยแหวนอีกวง ให้ช่วยนอนอยู่บนเตียงแทนเธอ เธอจะไปซื้อของสำคัญ นางพยาบาลเริ่มจะไม่พอใจ แต่เธอขอร้องจนกระทั่งยอม ก็เอามาร์กมาปิดหน้า เดินออกจากห้องไป โดยที่คนเฝ้าหน้าห้องที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ไม่ได้สงสัยอะไร
กรณ์พาชิญาดามาถึงโรงพยาบาลเมื่อดึกมากแล้ว เธอลงจากรถเขามาด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะเจอเพื่อนรัก ทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงพยาบาล สอบถามห้องพักคนป่วยกับรีเซฟชั่น ใจชื่นขึ้นมาที่เพื่อนสาวยังอยู่ ก็รีบขึ้นลิฟท์ไปหาทันที เดินออกจากลิฟต์ตรงไปห้องพักคนป่วย ได้ไม่เท่าไร กรณ์ก็ดึงแขนเรียวไว้ทันที เมื่อเห็นชายคนหนึ่งเดินถือถุงมาหาคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง
ชิญาดาไม่เข้าใจการรั้ง มองหน้าคมด้วยความสงสัยก่อนจะมองตามสายตาเขาไป แล้วถามออกมา “ทำไมต้องมีคนเฝ้า”
“ลืมแล้วเหรอว่าเธอกับเพื่อนมีเรื่องกับใคร”
“เขาจะไม่รามือใช่ไหม”
กรณ์ไม่ตอบ แล้วเอาตัวบังร่างอรชรไว้เมื่อหนึ่งในสองมองมา เขาไม่ต้องการให้พวกมันเห็นเธอ เดี๋ยวไปถึงหูคนสั่งที่อาจจะมีการสั่งปิดปากเธอก็ได้ เพราะรู้เห็นเรื่องของมัน จากนั้นก็พาเธอเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล พลางแอบมองมันสองคน ที่เดินเข้าไปในห้อง ไม่กี่อึดใจ ก็ออกมาด้วยหน้าตาท่าทางที่แปลกๆ หันซ้ายมองขวา ก่อนจะหันมามองหน้ากัน แล้วตกลงแยกไปคนละทางราวกับหาอะไรบางอย่าง หรือว่า...
เขาพอจะเดาได้จากการกระทำของพวกมัน แล้วแสร้งเดินช้าลงเมื่อคิดว่ามันต้องเดินผ่านมาทางเขาแน่นอน ชิญาดางงกับท่าทางของเขา แล้วจะหันไปมองด้านหลัง “อย่าหันไปมอง ไม่ว่าจะได้ยินอะไรก็เฉยไว้” สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความสงสัย แล้วชะงักงันอยู่กับที่ เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหลัง
“คนป่วยในห้องหายไปไหน”
พยาบาลทำหน้าตาตื่น ขณะที่กรณ์ก็จับแขนชิญาดาพากลับ ก่อนที่จะเป็นเป้าสายตาของพวกมัน แต่เธอขืนตัวไว้ ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน จะตามหา ถามหา เขาไม่สนใจปฏิกิริยาของเธอ ดึงให้เดินตามกระทั่งมาถึงรถ ขับกลับมาที่บ้านโดยไม่พูดอะไร
รถยนต์คันหรู จอดสนิทหน้าบันไดหินอ่อน เธอเปิดประตูลงมา สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เดินย้อนกลับไปที่ประตูรั้วเพื่อไปตามข่าวเพื่อน แต่ร่างสูงเดินมาขวางหน้าเอาไว้ เธอมองเขาอย่างเย็นชาแล้วต่อว่าออกมา “ไหนคุณบอกจะปกป้อง แล้วทำไมไม่ทำอะไรสักอย่าง”
“คำว่าปกป้อง ไม่ใช่การหุนหันพลันแล่น ทำอะไรโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ รู้อยู่ว่ามีเรื่องอยู่กับใคร แสดงตัวออกไป ก็เท่ากับเอาตัวเองไปเสี่ยง กลายเป็นเป้าให้มันมาเล่นงานเธอแทนเหรอ”
“พวกนั้นอาจจะไม่รู้จักฉัน”
“คิดน้อยไปหรือเปล่า เธอเพิ่งมีเรื่องกับเจ้านายมันมา โผล่ไปมันก็จับตัวไว้เท่านั้น อีกอย่างพวกมันรู้จักฉัน” เขาว่าแล้วสอนเธอไปด้วย “อย่าเห็นแก่ตัว ห่วงแต่เรื่องของตัวเอง โดยไม่สนใจคนอื่น”
ชิญาดาโกรธขึ้นมาอีก ที่โดนเขาตีด้วยคำพูดให้เจ็บใจทั้งๆที่เธอไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น แค่ตอนนี้กังวลจนลืมคิดไปเท่านั้นเอง “ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“งั้นก็กลับเข้าไปในบ้าน พักผ่อนเสีย พรุ่งนี้ค่อยมาว่ากัน ”เขาสั่งแต่เธอเคือง ก็ต่อต้านออกมา
“ฉันไม่ใช่เด็ก”
“ดื้อยิ่งกว่าอีก”
เธอหน้างอใส่เขา แล้วสะบัดหน้าเดินเข้าไปในบ้าน โดยไม่เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ยิ้มกว้างเพียงใด ที่เธอทำเหมือนงอนเขา แล้วเดินตามเธอไป จนมาถึงห้องโถง ก็จับแขนเรียวพาเดินไปยังห้องนอน หยิบเสื้อเชิ้ตของเขามาให้เธอใส่ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และเหมือนว่าคืนนี้เขาได้นอนเคียงข้างเธอตลอดเวลา
**********
เช้าวันรุ่ง เพียงดวงอาทิตย์ส่องขึ้นมากระทบอาคารสำนักงานทนายความเมอเรย์ ก็ร้อนขึ้นมาทันที เมื่อชายสองคนที่มีหน้าที่เฝ้าหญิงสาวที่โรงพยาบาล มารายงานผลที่ล้มเหลวให้เขาฟัง สิ้นคำรายงานฝ่ามือเขาก็ฟาดหน้ามันสองคน ที่ปล่อยให้ผู้หญิงที่เป็นกุญแจสำคัญใช้คลี่คลายปัญหาหายตัวไป ชายสองคนได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตาแข็งกร้าวของทนายเมอเรย์ที่ไม่พอใจอย่างแรง
“หายตัวไปเอง หรือมีใครพาออกไป”
“เธอซื้อตัวนางพยาบาลด้วยแหวน แล้ววางแผนลักลอบออกไป” หนึ่งในสองบอกเพราะเค้นคอนางพยาบาลที่เจออยู่ในห้อง สอบถามจนรู้ความและจัดการกับเธอให้รู้สึก สำนึกว่าไม่ควรทำนอกเหนือหน้าที่ “แต่ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน”
ทนายเมอเรย์ยกมือขึ้นเท้าสะเอวด้วยความหงุดหงิด เพราะเขาต้องรับมือถึงสองด้าน หนึ่งคือเจ้านาย สองลูกชายที่เลือดร้อนของเธอ “ไปหาตัวเธอให้เจอ”
“ครับ” ทั้งคู่ก้มหน้ารับคำสั่งแล้วพากันเดินออกไปจากห้อง ทนายเมอเรย์ก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้เช่นกัน เขาเดินตามหลังทั้งสองคนไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปจากสำนักงาน
ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แสงความร้อนกระจายไปทั่ว เมื่อหนังสือพิมพ์ยามเช้าที่ถูกส่งไปทั่วเมือง ผู้คนหยิบมาอ่าน บางข่าวก็เรียกความสนใจจากนักอ่าน แต่บางข่าวก็ไม่ และบางข่าวก็สร้างสะใจ ที่ทำให้ใจของใครบางคนร้อนยิ่งกว่าดวงอาทิตย์
อดีตสตรีหมายเลขสองของตระกูลบลูโน โค ราเซลใส่ชุดเดรสสีฟ้า รัดด้วยเข็มขัดสีขาว แต่งหน้าทำผม ใส่เครื่องประดับสวยงาม ราวกับเดินออกมาจากแฟชั่น ขับรถยนต์คันหรู มาจอดไว้หลังอาคาร ‘ราฟเวดดิ้ง’ ด้านหน้าเป็นกระจกใส โชว์ชุดแต่งงานสวย เลิศ เริด ไม่ซ้ำใครมากมาย เธอเปิดประตูลงมาจากรถ ถือกระเป๋าแบรนด์ดังกับหนังสือพิมพ์ เดินไปที่ลิฟท์ ที่พาเธอขึ้นไปหาเจ้าของ ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร ลูกชายเธอนั่นเอง
ราเซลเดินออกมาจากลิฟท์ ตรงไปห้องที่คิดว่าจะเจอคนที่มาหา ซึ่งก็คือห้องทำงานนั่นเอง เธอเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ต้องเคาะ เจ้าของห้องที่นั่งอยู่ตรงระเบียงห้องทำงาน ดื่มกาแฟ ชมบรรยากาศยามเช้า ตวัดสายตามามองเพียงแวบเดียว พอเห็นว่าเป็นใคร ก็ไม่สนใจ หันไปสนใจกาแฟที่หอมกรุ่นอยู่บนโต๊ะตรงหน้า
คนที่เดินมาหายิ้มอย่างไม่ถือสา ถ้าเป็นเมื่อก่อนความขุ่นเคืองใจจะเกิดขึ้นทันที แต่วันนี้เธอมีเรื่องราวดีๆ ก็ปล่อยผ่าน พลางมองความเนียบของลูกชาย ที่หล่อเหลาดูดีมีคลาสอยู่ในชุดสูท ราศีจับจนเธอปลื้มปริ่ม “อากาศดีใช่ไหม” เธอถามเมื่อเดินมานั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามลูกชาย
“ก็เหมือนทุกวัน”
“ไม่เหมือนหรอก” เธอว่า วางกระเป๋าถือไว้บนเก้าอี้ข้างๆ แล้วเอาหนังสือพิมพ์วางตรงหน้า “วันนี้ดีกว่าทุกวัน ดูซิฟ้าใสเชียว ไม่มีเมฆเทาๆมาทำให้ฟ้าหม่นเหมือนวันก่อนๆ และลูกก็ควรจะพูดอะไรให้แม่ชื่นใจได้มากกว่านี้นะราฟ เช่นคิดถึงหรือรักแม่” ยามอารมณ์ดีเธอก็พูดเพราะ
“ผมโตแล้ว และแม่ก็ควรจะเลิกยึดติดกับเรื่องเก่าๆเสียบ้าง”
“มันยากนะราฟเพราะวันเก่าๆภาพเก่าๆมันทำให้แม่มีความสุข แต่เอาเถอะ วันนี้แม่อารมณ์ดี”
ราฟหรี่ตาลงด้วยความสงสัย เพราะเมื่อวานแม่ขุ่นเคืองเขาอยู่เลย แล้วมองไปที่หนังสือพิมพ์ “มีข่าวอะไรดีๆครับ แม่ถึงได้อารมณ์ดี”
“แม่สร้างผลงานให้ลูกไง” ว่าแล้วเธอก็ยิ้มกริ่ม ขณะที่ราฟยิ่งสงสัย “นี่ไง” ราเซลเลื่อนหนังสือพิมพ์ไปตรงหน้าลูกชาย ชี้ให้ดูข่าวที่ทำให้เธออารมณ์ดี “ข่าวฉาวของลูกชายนางหงส์ ซ้อมผู้หญิงจนต้องเข้าโรงพยาบาล เสียดายที่ไม่มีรูปให้ดู แต่คราวนี้ความมั่นหน้าก็คงจะมีรอยร้าว เพราะพ่อของลูกไม่พอใจ เมื่อมันมีผลกับความเชื่อมั่นในธุรกิจของตระกูล และแม่ก็ให้คนไปถามหาผู้หญิงคนนั้นแล้วนะ ถ้าเจอก็เอาตัวผู้หญิงคนนั้นมาเลยได้ตัวมาเมื่อไร จะทำให้หน้าที่ร้าวแตกไม่มีชิ้นดี”
ราฟหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน ขณะที่คนเป็นแม่ก็ยังร่ายยาวออกมาด้วยความสะใจ “สร้างแต่เรื่องฉาว ข่าวคาวๆ ปิดเท่าไรก็ไม่มิด ความนิยมในตัวก็จะลดลง ถึงตอนนั้นคนที่ดีพอ ที่จะสืบทอดตระกูลบลูโน โคจากพ่อก็คือ...ลูก”
“ผมบอกแม่แล้วว่าไม่สน” เขาว่าพลางวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ คนเป็นแม่ก็ปรี้ดขึ้นมา คำพูดที่ไพเราะเปลี่ยนเป็นขุ่นเขียว
“ฉันก็ไม่สนเช่นกัน เมื่อถึงเวลาแกก็ต้องทำอย่างที่ฉันต้องการ”
“ผมจะทำตามความต้องการของตัวเอง”
“ย้ำต๊อกอยู่กับที่อย่างนี้นะเหรอ แกฝันไปเถอะ รีบๆฝันเข้า เพราะไม่นานแกต้องมาอยู่กับความเป็นจริง” พูดจบเธอก็ลุกขึ้น ถือกระเป๋าเดินออกมาแต่ยังไม่ทันถึงประตูที่จะเปิดออกไป เสียงลูกก็ดังตามหลังให้ต้องหยุดชะงัก
“แม่อยู่เบื้องหลังข่าวนี้ใช่ไหม”
ราเซลหันขวับไปมองลูก สบตาที่มองอยู่ เหยียดริมฝีปากหยันนิดๆ แล้วบอกว่า “ไม่ใช่”
“แล้วเรื่องมันจะมาหราอยู่บนหนังสือพิมพ์ได้ไง”
“แกเลิกอยู่ในกะลาเมื่อไร ก็จะได้รูเมื่อนั้นแหละ”
เธอไม่ยอมรับ เรื่องอะไรจะทำให้ตัวเองดูไม่ดีในสายตาลูก แล้วเปิดประตูออกไปทันที ราฟหรี่ตาหนังสือพิมพ์ตรงหน้า ริมฝีปากก็ค่อยๆเหยียดออก ไม่รู้ว่าหยันคนเป็นแม่ เยาะคนในข่าว หรือใครกันแน่ ส่วนราเซลระหว่างที่เดินไปที่รถ ต้องเปิดกระเป๋า หยิบมือถือที่ส่งสัญญาณเสียงเรียกเข้ามากดรับสาย แล้วแทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง เมื่อได้ยินเสียงบอกว่า
“ผู้หญิงหายไป”
**********
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้อง หน้านิ่วไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะมีหลายเรื่องให้คิด เพิ่งจะหลับไปเมื่อรุ่งสางนี้เอง มือเรียวยกผ้าห่มขึ้นคลุมหัวปิดกั้นเสียงที่ไม่อยากได้ยิน แต่เพียงไม่ถึงวินาที ก็ลุกพรวดขึ้นมา เพราะคิดได้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน และกำลังรอคอยอะไรอยู่ ข่าวของเพื่อน จึงลงจากเตียงวิ่งไปที่ประตู เปิดออกทันที มองร่างสูงที่ยืนอยู่ กำลังอ้าปากจะถาม แต่เห็นสายตาเขาจ้อง จ้อง ...
เธอมองตามการจ้อง แล้วหน้าก็ร้อนวูบขึ้นมา เมื่อเห็นว่าที่จ้องอยู่นั่นคือตัวเธอ ที่ใส่แค่เสื้อเชิ้ตของเขา ชุดชั้นในก็ไม่ได้ใส่ ป่านนี้เขาเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ร่างอรชรรีบแอบหลังประตู โผล่หน้าที่บึ้งตึงขุ่นเคืองออกมา ลืมเรื่องเพื่อนไปชั่วคราว
“มีอะไร” เสียงถามกระชากกลบความเขิน
“เอาชุดมาให้เปลี่ยน” เขาบอกพร้อมกับชูถุงกระดาษที่มีเสื้อผ้าอยู่ข้างในให้ดู ซึ่งได้รับความเอื้อเฟื้อมาจากญาติสาว ที่ดูแลเอาใจใส่จนน่าสงสัย ว่าน่าจะไม่ใช่แค่สงสารลูกนกเสียแล้ว มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
“ฉันจะเอาไปวางให้ในห้อง จะเข้าไปเอาของด้วย” กรณ์บอกแล้วแกล้งทำท่าจะเดินเข้าไป เสียงห้ามก็ละล่ำละลักออกมา ให้เขาแอบขำทั้งที่หน้ายังเรียบเฉย
“ไม่ต้องเข้ามา”
“ฉันเป็นเจ้าของห้อง”
“คุณจะเอาอะไร”
“จะให้ทุกอย่างเหรอ”
“ก็ห้องของคุณ คุณจะเอาอะไรก็เอาไปซิ”
“รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า”
เขาพูดหน้าเฉย แต่แววตามองอย่างลึกซึ้ง คนที่สบตาอยู่ถึงกับทำหน้าไม่ถูก พอเขาเดินเข้ามาหา เธอก็ซ่อนตัวอยู่หลังประตูด้วยใจที่หวั่นๆ กรณ์วางถุงกระดาษไว้บนเตียง แล้วเดินกลับมาแต่ไม่ได้เดินออกไป เอามือจับประตูไว้แล้วยื่นหน้าไปใกล้แก้มนวล
ชิญาดาทำตาดุใส่ พร้อมกับดันประตูให้ปิด แต่ติดที่เขาก็ไม่ยอม และถามให้ใจเธอเรรวนไปน้อยๆ “คำตอบของคำถามจะว่ายังไง ได้หรือไม่ได้”
“ประสาท” เธอว่าเข้าให้ แล้วดันประตูให้ปิดอีกครั้ง
“สติยังดี ร่างกายยังครบสามสิบสอง ขาดอย่างเดียว ...เมีย”
“ก็ไปหาเอาซิ”
“เอาคนแถวนี้ได้ไหม”
พูดจบ เขาก็เดินจากไป ทิ้งให้ชิญาดาเข่นเขี้ยวด้วยตามหลังไป “คนบ้า” ว่าแล้วก็รีบปิดประตู เดินไปหยิบถุงกระดาษ เข้าห้องน้ำ เพื่อจะออกมาจัดการกับปัญหาที่คาใจอยู่
ขณะที่กรณ์เดินมายืนยิ้มอยู่ที่เทอเรซหน้าบ้าน สายตามองไปไกลแสนไกล ปล่อยทุกอย่างให้ว่างเปล่า ไม่คิดถึงใครหรือเรื่องใด นอกจากเธอที่อยู่ในใจเท่านั้น สร้อยเงินเส้นเล็กมีจี้รูปหนู ดวงตาเป็นเพชรรูปหัวใจ ที่เขาส่งไปเป็นของขวัญให้เธอ ไม่รู้ว่าเธอเก็บไว้หรือเปล่า เขาอยากเห็นมันห้อยอยู่ที่คอของเธอ เสมือนใจเขาได้อยู่ใกล้ใจเธอ
เขาคิดโดยไม่รู้ว่าเธอใส่ติดตัวไว้ ตั้งแต่วันที่ได้รับ โดยไม่รู้ว่าใครส่งมาให้ด้วยซ้ำไป
ผินคนขับรถที่รู้ใจ กำลังเดินมาหาเจ้านาย แล้วต้องแปลกใจเมื่อท่าทางของนายดูจะเหม่อ ราวกับอยู่ในห้วงคำนึงคิดถึงใคร ซึ่งเขาไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้มานานมากแล้ว ผินเดินมายืนประสานมืออยู่ตรงบันไดหินอ่อน ไม่พูดอะไรออกมากระทั่งกรณ์ละสายตากลับมามอง ก็ก้มหน้าลงบอกความพร้อมจะรับคำสั่ง
“มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
“ครับนายกรณ์”
สิ้นเสียงรับคำ กรณ์ก็สั่งในสิ่งที่เขาต้องการรู้ คนขับรถตั้งใจฟังทุกคำพูดจนจบ ก็เดินจากไป ส่วนกรณ์ก็จะเดินเข้าไปในบ้าน แต่โทรศัพท์ที่เขาพกติดตัวดังขึ้นมาเสียก่อน เขาหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นญาติสาวโทรมาก็กดรับสายทันที เสียงกรองแก้วก็ดังมา
“กรองได้ข่าวจากโรงพยาบาล เกี่ยวด้วยหรือเปล่า”
“เปล่า” เขาตอบอย่างพอจะรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร และนึกห่วงอีกฝ่ายขึ้นมา ไม่อยากให้เข้ามายุ่งเรื่องนี้ “ได้ข่าวมายังไง หรืออยู่ที่นั้น”
“อยู่ที่ตึกโค” เธอเรียกชื่ออาคารสั้นๆ“แต่โทรไปถามนางพยาบาล กะว่าจะไปเยี่ยม คิดไม่ถึงว่าเธอจะหายไป คนที่ทำเอาตัวไปหรือเปล่า”
“ไม่ เพราะคนเฝ้าวิ่งพล่าน แต่คนสั่งคงรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“แล้วลูกนก พูดอะไรออกมาบ้าง”
“โวยวาย”
อีกฝ่ายยิ้มเพราะน้ำเสียงที่ได้ยินนั้น เจือไปด้วยความเอ็นดู “ไม่ปิดปากเสียละคะ เสียงโวยวายจะได้เป็นเสียงลูกแมว ครางเบาๆน่ารักนะคะ”
คิ้วเข้มของกรณ์เลิกขึ้นเหมือนไม่พอใจ แต่มุมปากกลับยิ้มเพราะจินตนาการไปถึงเสียงคราง ร่างอรชรที่ใส่เสื้อของเขา ดูเย้ายวน ส่วนเว้าส่วนโค้งเกือบทำให้เขาคว้าตัวมากอด จูบให้สมกับที่เฝ้ารักมานาน คนปลายสายที่รอฟัง รอนาน เหมือนจะรู้ จึงพูดเย้าหยอกมาว่า
“คิดอยู่เหรอคะ”
“พูดมาก” เสียงดุไม่ได้จริงจังอะไร คนฟังก็ยิ้มขำไปเท่านั้น แต่เสียงพูดต่อมานั้นจริงจังไม่น้อย “อยู่เงียบๆอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้อีก”
“กรองเงียบสงบสยบความเคลื่อนไหวอยู่แล้วค่ะ แต่เรื่องนี้ไม่เงียบแล้ว”
“ทำไม”
“มันเป็นข่าวไปหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์แล้วค่ะ”
*********
ประธานแห่งบลูโน โค นายโจนส์นั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงาน ข่าวที่เกิดขึ้นกระเทือนไปถึงโครงการยักษ์ใหญ่ เช้านี้เขาได้รับโทรศัพท์จากเลขาท่านรัฐมนตรี นัดให้ไปตีกอล์ฟ นั่นแสดงว่าการคุยกับหลังบ้านของท่าน ถูกชะลอไว้ก่อน เพราะการทำร้ายผู้หญิงสำหรับภรรยาของท่าน ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงการเรียกร้องสิทธิให้ผู้หญิง กำลังได้รับการตอบรับที่ดี หากมีเรื่องนี้ไปกระทบ อาจทำให้เสียไปด้วย
เขาจึงต้องไปแก้ตัวหรือไปอธิบายให้ท่านเข้าใจ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ท่านเห็นว่า ตระกูลเขายังมีศักยภาพพอ แต่จะพอชิงกับอีวาน ไรท์ หรือเปล่า เมื่อภาพลักษณ์มาเสียไปอย่างนี้ โจนส์ขบกรามข่มความโกรธไว้ หยิบโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมา กดไปหาอดีตภรรยาคนแรกทันที ไม่เกินห้าวินาที เสียงตอบรับก็ดังกลับมาให้เขาพูดกลับไปว่า
“พาเอริคมาพบฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มา รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
กรองแก้วที่ทำงานอยู่ในห้องเดียวกัน ห่างกันแค่กระจกกั้น วางโทรศัพท์ที่คุยกับญาติหนุ่มไว้บนโต๊ะ มองสามีอย่างเห็นใจ แต่เรื่องบางเรื่องเธอก็จะไม่เข้าไปยุ่ง จนกว่าเขาจะเรียก เพื่อขอคำปรึกษา ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเห็นว่า แม้เธอจะมาทีหลัง แต่เขาก็ทำให้เธอเป็นคนในครอบครัว บอกเล่าทุกเรื่องราวให้เธอได้รู้ เพราะไม่อยากให้รักครั้งนี้ล้มเหลวเหมือนที่ผ่านมา การไม่พูด ไม่เอาใจใส่ ปล่อยปละละเลยความรู้สึก ยุ่งแต่กับงาน ทำให้รักสั่นคลอน
แม้จะร่ำรวย ให้ทุกอย่างที่อยากได้ แต่ความรักมันต้องให้ใจกันและกัน ถึงจะยึดเหนี่ยวให้เดินไปด้วยกัน... เธอเจอกับเขาที่งานเลี้ยงของญาติหนุ่ม ไม่คิดว่าเพียงสบตา ได้คุยกันไม่กี่ครั้ง เธอจะรู้สึกดีกับเขา แรกนั้นคิดว่าเพราะเธอเหงา ขาดพ่อ ว้าเว้ชอกช้ำจากเรื่องที่เมืองไทย ผู้หญิงที่ถูกผู้ชายปฏิเสธ แม้จะไม่รัก แต่ก็เสียหน้าไม่น้อย แล้วคนเป็นพ่อยังก่อเรื่องให้อือฉาว เล่นการพนัน เป็นหนี้มากมาย หลอกญาติหนุ่มให้ช่วย จนเกือบเสียทุกอย่างไป โชคดีที่รู้ทันเล่ห์กลของพ่อเธอเสียก่อน
เมื่อพ่อตาย เธอก็ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทย มาอยู่ที่นี่กับญาติหนุ่ม แล้วได้เจอกับประธานแห่งบลูโน โค เขาเป็นผู้ใหญ่ใจดี อบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้ ประสบการณ์ชีวิตของเขาเป็นเหมือนน้ำเย็นที่ช่วยชโลมหัวใจของเธอ ทันทีที่เขาขอแต่งงานเธอก็ตัดสินใจที่จะอยู่เคียงข้างเขา แรกนั้นไม่ได้รักเขามาก แต่คิดว่าเขาดูแลเธอได้ และการได้อยู่ด้วยกันก่อตัวเป็นความผูกพันให้เกิดเป็นความรักเขาขึ้นมา
ถึงอย่างนั้น ญาติหนุ่มก็ไม่เคยไว้ใจ เพราะพอจะรู้ว่าอดีตภรรยาของเขานั้นร้ายไม่ใช่น้อย จึงส่งบอดี้การ์ดสองคนมาเป็นองค์รักพิทักษ์ตัวเธอ สามีเธอไม่ยอม เมื่อมันเป็นเหมือนการหยามว่าเขาดูแลเธอไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ยอมเพื่อความสบายใจของเธอ ที่ต้องเจอกับการกระแหนะกระแหนและบางครั้งก็ถึงขึ้นจะทำร้ายกัน
กรองแก้วเดินไปหา ยื่นมือไปวางบนหลังมือเขา ปลอบให้ใจเย็น โจนส์พยักหน้านิดๆ แล้วพลิกฝ่ามือบีบกระชับมือนุ่มๆไว้ แล้วลุกขึ้นพาเธอไปนั่งที่โซฟามุมห้อง มองออกไปบนฟ้าไกล เสมือนพักจากเรื่องเครียดๆ แต่น้ำเสียงที่ถามขึ้นก็เครียดอยู่
“เลขาท่านรัฐมนตรีโทรมา”
กรองแก้วรู้ได้ทันทีว่านี่คือผลกระทบกับโครงการใหญ่ “เพราะข่าวที่เกิดขึ้นใช่ไหมคะ”
“ใช่ ถ้าฉุดภาพลักษณ์ขึ้นมาไม่ได้ บางทีอาจจะเสียโครงการนี้ไป”
เธอได้แต่กำมือเขาให้กำลังใจ ครุ่นคิดกับบางอย่างแล้วบอกว่า “เมื่อวานหลังจากพบหมอ กรองเจอคุณเอวาและคุณเอริคค่ะ” ประธานโจนส์มองเธออย่างแปลกใจ เธอจึงเล่าให้ฟังการพบเจอ ก่อนจะเกิดเป็นข่าว เสร็จแล้วก็บอกว่า “ขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอก”
“ไม่เป็นไร ไม่อยากยุ่งซินะ”
“ไม่อยากสร้างรอยร้าว ให้คุณไม่สบายใจมากกว่าค่ะ”
“งั้นช่วยดูแลนักข่าวให้ผมหน่อย”
“ค่ะ” กรองแก้วยิ้มหวานให้ แล้วลุกขึ้นไปจัดการให้ตามที่เขาต้องการ ส่วนประธานโจนส์ก็ถอนหายใจลดความเคร่งเครียด แต่ไม่อาจสบายใจขึ้นเลย เมื่อคิดไปถึงอีกเรื่องที่สร้างความหนักใจให้เช่นกัน ... การค้าประเวณี มันจะเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นหรือเปล่า
*********
ขณะที่อดีตภรรยาคนแรก เอวากำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้หรู ในห้องโถงของคฤหาสน์ ข้างตัวคือทนายเมอเรย์ที่มาบอกข่าวร้ายให้เธอรู้ ความวัวยังไม่ทันหาย ยังไม่ได้ซักว่าผู้หญิงคนหนึ่งหายไปได้ยังไง ความควายก็ไล่มาติดๆด้วยข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ใจก็ร้อนดั่งเพลิงและร้อนขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เด็ดขาดของอดีตสามี
ใบหน้าที่แต่งแต้มงดงามดุจนางหงส์ เชิดขึ้นกดใจให้เย็นลง พร้อมครุ่นคิดถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมา หญิงสาวตัวคนเดียวจะหนีหายไปไหน และใครที่ทำให้ข่าวไปหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ เธอปรายตามองทนายความราวกับจะแล่เนื้อเอาเกลือทา ที่ปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นมาแล้วลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าถือมาคล้องแขนเตรียมจะออกไปข้างนอก แต่ก่อนไปก็สั่งทนายว่า
“ไปจัดการให้เรื่องเงียบด้วย”
“คงยากแล้วครับ เพราะข่าวมันใหญ่เหมือนช้าง เอาใบบัวมาปิดคงไม่ทันแล้วครับ”
“รวมถึงตัวคุณด้วยหรือเปล่า”
ทนายเมอเรย์หน้าซีดลงทันที เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าอดีตนายหญิงแห่งบลูโน โค นั้นจิตใจไม่ได้ดีเหมือนหน้าตา รีบรับปากก่อนชะตาจะขาด เพราะงานที่พลาดครั้งแรก คงไม่มีครั้งที่สองให้แก้ตัว “ครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”
“ดี เพราะเรื่องมันคงไม่ใหญ่ไปกว่าใบเงินหรอก ที่สำคัญหาต้นต่อของเรื่องมาให้ได้ ฉันอยากจะรู้นักว่าใครมันสาระแน แล้วอย่าให้พลาดอีก เพราะความอดทนฉันมันต่ำ”
“ครับ”
สายตาเอวาวาวขึ้นขู่ แล้วเดินตัวตรงออกไป เป้าหมายของเธอคือลูกชาย เมื่อไม้นวมมันใช้ไม่ได้ เธอก็ต้องใช้ไม้แข็งเค้นทุกอย่างออกมาให้ได้ ก่อนมันจะสายเกินแก้ไปทุกอย่าง เพราะเรื่องถึงหูอดีตสามีอย่างนี้ มีหรือที่เขาจะไม่มองไปถึงอนาคต คงไม่ยอมที่จะให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจและตระกูล ต้องมามัวหมองย่อยยับเพราะเนื้อร้ายชิ้นเดียว คงต้องตัดเพื่อรักษาเนื้อดี แล้วอย่างนี้เธอจะเหลืออะไรไว้ให้เชิดหน้าชูตา ทุกวันนี้ เพราะคำว่าบลูโน โคที่ติดตัวอยู่ เธอถึงยังเป็นผู้หญิงแถวหน้าในวงสังคม
เมื่อนั่งอยู่คนเดียว ทนายเมอเรย์ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วระดมสมองคิดว่าจะทำยังไงกับคำสั่ง เรื่องข่าวนั้นไม่ยาก แต่เรื่องหญิงสาว เขาจะไปหาที่ไหน
รถยนต์คันหรูวิ่งไปบนถนน เส้นทางนั้นกำหนดด้วยสองมือของคนขับ ที่ได้มาจากการบอกเล่าของคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆ กรณ์ปรายตามองเธอเป็นระยะ ขณะที่เธอมองตรงไปข้างหน้า ทั้งที่ใจจริงอยากมองสองข้างทางมากกว่า และอยากบอกคนขับให้ขับช้าๆ เพื่อเธอจะได้ดูความสวยงามของเมือง แต่ต้องตัดใจทิ้งทุกอย่าง เพื่อเรื่องเดียวที่สำคัญ คือเพื่อนรักที่หายตัวไปจากโรงพยาบาล
เมื่อคืนเธอคิดวุ่นวายอยู่ที่จะไปตามหาเพื่อนได้จากที่ไหน คิดไปทางไหนก็มืดแปดด้าน เพราะไม่รู้ว่าที่นี่เพื่อนรักชอบไปที่ไหนบ้าง อีกอย่างตัวเองก็ยังจะไปไม่รอด ต้องติดอยู่กับเขา เขาที่เธอรู้ประวัติน้อยมาก แต่เขาทำเหมือนรู้จักเธอ ทำไมเธอรู้สึกอย่างนั้นก็ตอบไม่ได้ แต่มีข้อสังเกตก็คือเสื้อผ้าที่เขาเอามาให้เธอใส่ ทั้งชุดชั้นในและชุดชั้นนอก ถูกจัดมาได้ขนาดเหมาะกับตัว ราวกับเธอไปหาซื้อมาด้วยตัวเอง
คิดแล้วก็นึกย้อนไปตอนที่อาบน้ำแล้วหยิบเสื้อผ้าในถุงมาใส่ ถ้าเธอไม่ทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าตอนเกิดเรื่อง เธอก็คงมีชุดเปลี่ยน และคิดอยากจะติดต่อไปหาพี่ชาย ขอคำปรึกษาว่าจะทำยังไง หรือไม่ก็คงส่งใครมาช่วยแต่เธอยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่อง ถ้าโทรไปแทนที่พี่ชายจะช่วย อาจจะมาหิ้วเธอกลับเมืองไทย ทั้งที่ยังไม่ได้ไปเที่ยวเลย
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เธอออกมาพบเขาที่โต๊ะอาหาร กับข้าวน่ากินเหมือนเดิม แต่ความสงสัยกลบความหิว และต้องการจะรู้ จึงถามออกมา
‘คุณรู้ได้ยังไง’
‘อะไร’
‘เสื้อผ้าที่เอามาให้ฉัน ขนาดสีความสั้นยาว มันไม่แป๊ะเกินไปหน่อยเหรอ’
‘ญาติฉันให้คนเอามาให้’
‘แต่ญาติคุณไม่ใช่เพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวฉัน จะรู้สัดส่วนของฉันได้ยังไง’ เธอถามซ้ำเพื่อเอาคำตอบมาตอบข้อสงสัยในใจ
กรณ์มองเธอ ภายนอกที่เธอเห็นคือเขามองแบบนิ่งๆแต่ภายในที่เธอไม่เห็นเต็มไปด้วยความรู้สึกหวงห่วง อยากโอบกอด หอมแก้มเธอนัก เขาต้องตัดใจแล้วบอกว่า ‘ฉันบอกเอง’
‘บอก’ เสียงเธอมีความงุนงง ‘คุณจะบอกได้ยังไงในเมื่อเราเพิ่งเจอกัน’
‘วัดจากการกอด’
ความสงสัยหายวับไปทันที ความร้อนผ่าวย่างกรายเข้ามาที่แก้มกลายเป็นความเขิน หลบตาคม จับช้อนทานข้าว พยายามปั้นหน้าให้ไม่รู้ไม่ชี้ แต่ดูจะรอดยาก เพราะแก้มแดงขึ้นมาฟ้องอาการ คนมองยิ้มที่มุมปาก แล้วถามต่อ
‘สงสัยอะไรอีกไหม’
ดวงตาเธอตวัดมามองค้อน แล้วมองหน้าคมนิ่งๆ เม้มริมฝีปากคล้ายกับกำลังตัดสินใจในบางอย่าง แล้วพูดออกมา ‘เรื่องเพื่อนของฉัน ฉันจะไปตามหาเพื่อน คุณช่วยฉันได้หรือเปล่า’
‘ได้’
‘แล้วจะเริ่มจากที่ไหน’
‘จุดพบเจอ’
***********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ
ดวงตาของคนป่วยที่ควรจะหลับพักผ่อน เพื่อพักฟื้นร่างกายให้ดีขึ้น กลับลืมขึ้นมา เมื่อสมองไม่หลับ คิดหาแต่ทางหนีให้พ้นไปจากที่นี่ เธออยู่ไม่ได้แล้ว และไม่สามารถรอเพื่อนให้กลับมาช่วยเหลือ มันเสี่ยงเกินไป เมื่อไม่มีความแน่นอนว่าเพื่อนจะกลับมาจริงหรือไม่ และไม่รู้จะกลับมาเมื่อไรหลายหนทางที่เธอคิดไว้ ดูจะเป็นไปได้อยาก เมื่อมีคนเฝ้าอยู่อย่างนี้ หญิงสาวข่มความปวดร้าว ลุกขึ้นนั่งบนเตียง กวาดตามองไปรอบห้องแล้วหยุดนิ่งที่เครื่องประดับที่ติดตัวอยู่
เธอเรียกพยาบาลสาวให้เข้ามาหา แล้วขอให้เรียกคนเฝ้าเข้ามาหาเธอด้วย ไม่กี่อึดใจ คนเฝ้าก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ“ฉันหิว อยากกินโดนัท ช่วยไปซื้อให้หน่อยได้ไหม”
คนเฝ้ามีสีหน้าไม่แน่ใจ เพราะคำสั่งให้เฝ้าอย่าให้คลาดสายตา เธอเห็นดังนั้น ก็พอจะเดาออก จึงบอกว่า “ฉันเป็นโรคกระเพาะ ถ้าหิวมากๆจะปวดท้องอย่างรุนแรง ถ้าไม่อยากให้ฉันเป็นอะไรไป ก็ควรดูแลฉันให้ดี”
คนเฝ้านิ่งครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย ก็ตกลง เดินออกจากห้องไป เธอก็หันมามองนางพยาบาล สร้างเรื่องหลอกลวงขึ้นมา “พรุ่งนี้เป็นวันเกิดฉัน แล้วแฟนฉันอยากเห็นฉันใส่ชุดพยาบาล คุณพอจะช่วยฉันได้ไหมคะ” พูดจบเธอก็ถอดแหวนเพชรที่ใส่ติดนิ้วนางข้างขวา ใส่มือนางพยาบาล “ฉันอยากได้ชุดพยาบาล จะเป็นชุดเก่าของคุณหรือชุดของใครก็ได้ ขอร้องละคะ ฉันอยากเห็นเขามีความสุข ที่สำคัญเป็นวันที่เราคบกันครบสองปี และบางทีเขาอาจจะขอฉันแต่งงาน ฉันอยากมีความทรงจำที่ดี”
ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเธออ้อนวอนขอความเห็นใจ นางพยาบาลหรุบตามองแหวนเพชรในมือ ที่ขัดแย้งกับจรรยาบรรณในใจ และสถานที่ของโรงพยาบาล “ฉันว่ามันจะ...”
“ฉันรู้ค่ะ” เธอขัดขึ้นอย่างรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร “แต่ครั้งเดียวในชีวิต เห็นใจในความรักของฉันเถอะนะคะ เขาชอบที่จะเห็นฉันใส่ชุดพยาบาล ฉันจึงอยากทำให้เขา นะคะ ฉันขอร้อง ได้โปรด” เธอทอดเสียงให้อ่อนสุดๆ นางพยาบาลทำหน้าเหมือนครุ่นคิด แล้วแหวนเพชรก็ชนะจรรยาบรรณในใจ
“หวังว่ามันจะวิเศษอย่างที่คุณคิด”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มหวานให้ แล้วขอให้ทุกอย่างเป็นความลับระหว่างสองคน นางพยาบาลเดินออกไป ขณะที่เธอก็รอด้วยใจจดจ่อ และเมื่อนางพยาบาลกลับมา เธอก็ขอให้ช่วยเธอเปลี่ยนชุดรอไว้ และซื้อใจด้วยแหวนอีกวง ให้ช่วยนอนอยู่บนเตียงแทนเธอ เธอจะไปซื้อของสำคัญ นางพยาบาลเริ่มจะไม่พอใจ แต่เธอขอร้องจนกระทั่งยอม ก็เอามาร์กมาปิดหน้า เดินออกจากห้องไป โดยที่คนเฝ้าหน้าห้องที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ไม่ได้สงสัยอะไร
กรณ์พาชิญาดามาถึงโรงพยาบาลเมื่อดึกมากแล้ว เธอลงจากรถเขามาด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะเจอเพื่อนรัก ทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงพยาบาล สอบถามห้องพักคนป่วยกับรีเซฟชั่น ใจชื่นขึ้นมาที่เพื่อนสาวยังอยู่ ก็รีบขึ้นลิฟท์ไปหาทันที เดินออกจากลิฟต์ตรงไปห้องพักคนป่วย ได้ไม่เท่าไร กรณ์ก็ดึงแขนเรียวไว้ทันที เมื่อเห็นชายคนหนึ่งเดินถือถุงมาหาคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง
ชิญาดาไม่เข้าใจการรั้ง มองหน้าคมด้วยความสงสัยก่อนจะมองตามสายตาเขาไป แล้วถามออกมา “ทำไมต้องมีคนเฝ้า”
“ลืมแล้วเหรอว่าเธอกับเพื่อนมีเรื่องกับใคร”
“เขาจะไม่รามือใช่ไหม”
กรณ์ไม่ตอบ แล้วเอาตัวบังร่างอรชรไว้เมื่อหนึ่งในสองมองมา เขาไม่ต้องการให้พวกมันเห็นเธอ เดี๋ยวไปถึงหูคนสั่งที่อาจจะมีการสั่งปิดปากเธอก็ได้ เพราะรู้เห็นเรื่องของมัน จากนั้นก็พาเธอเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล พลางแอบมองมันสองคน ที่เดินเข้าไปในห้อง ไม่กี่อึดใจ ก็ออกมาด้วยหน้าตาท่าทางที่แปลกๆ หันซ้ายมองขวา ก่อนจะหันมามองหน้ากัน แล้วตกลงแยกไปคนละทางราวกับหาอะไรบางอย่าง หรือว่า...
เขาพอจะเดาได้จากการกระทำของพวกมัน แล้วแสร้งเดินช้าลงเมื่อคิดว่ามันต้องเดินผ่านมาทางเขาแน่นอน ชิญาดางงกับท่าทางของเขา แล้วจะหันไปมองด้านหลัง “อย่าหันไปมอง ไม่ว่าจะได้ยินอะไรก็เฉยไว้” สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความสงสัย แล้วชะงักงันอยู่กับที่ เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหลัง
“คนป่วยในห้องหายไปไหน”
พยาบาลทำหน้าตาตื่น ขณะที่กรณ์ก็จับแขนชิญาดาพากลับ ก่อนที่จะเป็นเป้าสายตาของพวกมัน แต่เธอขืนตัวไว้ ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน จะตามหา ถามหา เขาไม่สนใจปฏิกิริยาของเธอ ดึงให้เดินตามกระทั่งมาถึงรถ ขับกลับมาที่บ้านโดยไม่พูดอะไร
รถยนต์คันหรู จอดสนิทหน้าบันไดหินอ่อน เธอเปิดประตูลงมา สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เดินย้อนกลับไปที่ประตูรั้วเพื่อไปตามข่าวเพื่อน แต่ร่างสูงเดินมาขวางหน้าเอาไว้ เธอมองเขาอย่างเย็นชาแล้วต่อว่าออกมา “ไหนคุณบอกจะปกป้อง แล้วทำไมไม่ทำอะไรสักอย่าง”
“คำว่าปกป้อง ไม่ใช่การหุนหันพลันแล่น ทำอะไรโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ รู้อยู่ว่ามีเรื่องอยู่กับใคร แสดงตัวออกไป ก็เท่ากับเอาตัวเองไปเสี่ยง กลายเป็นเป้าให้มันมาเล่นงานเธอแทนเหรอ”
“พวกนั้นอาจจะไม่รู้จักฉัน”
“คิดน้อยไปหรือเปล่า เธอเพิ่งมีเรื่องกับเจ้านายมันมา โผล่ไปมันก็จับตัวไว้เท่านั้น อีกอย่างพวกมันรู้จักฉัน” เขาว่าแล้วสอนเธอไปด้วย “อย่าเห็นแก่ตัว ห่วงแต่เรื่องของตัวเอง โดยไม่สนใจคนอื่น”
ชิญาดาโกรธขึ้นมาอีก ที่โดนเขาตีด้วยคำพูดให้เจ็บใจทั้งๆที่เธอไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น แค่ตอนนี้กังวลจนลืมคิดไปเท่านั้นเอง “ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“งั้นก็กลับเข้าไปในบ้าน พักผ่อนเสีย พรุ่งนี้ค่อยมาว่ากัน ”เขาสั่งแต่เธอเคือง ก็ต่อต้านออกมา
“ฉันไม่ใช่เด็ก”
“ดื้อยิ่งกว่าอีก”
เธอหน้างอใส่เขา แล้วสะบัดหน้าเดินเข้าไปในบ้าน โดยไม่เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ยิ้มกว้างเพียงใด ที่เธอทำเหมือนงอนเขา แล้วเดินตามเธอไป จนมาถึงห้องโถง ก็จับแขนเรียวพาเดินไปยังห้องนอน หยิบเสื้อเชิ้ตของเขามาให้เธอใส่ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และเหมือนว่าคืนนี้เขาได้นอนเคียงข้างเธอตลอดเวลา
**********
เช้าวันรุ่ง เพียงดวงอาทิตย์ส่องขึ้นมากระทบอาคารสำนักงานทนายความเมอเรย์ ก็ร้อนขึ้นมาทันที เมื่อชายสองคนที่มีหน้าที่เฝ้าหญิงสาวที่โรงพยาบาล มารายงานผลที่ล้มเหลวให้เขาฟัง สิ้นคำรายงานฝ่ามือเขาก็ฟาดหน้ามันสองคน ที่ปล่อยให้ผู้หญิงที่เป็นกุญแจสำคัญใช้คลี่คลายปัญหาหายตัวไป ชายสองคนได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตาแข็งกร้าวของทนายเมอเรย์ที่ไม่พอใจอย่างแรง
“หายตัวไปเอง หรือมีใครพาออกไป”
“เธอซื้อตัวนางพยาบาลด้วยแหวน แล้ววางแผนลักลอบออกไป” หนึ่งในสองบอกเพราะเค้นคอนางพยาบาลที่เจออยู่ในห้อง สอบถามจนรู้ความและจัดการกับเธอให้รู้สึก สำนึกว่าไม่ควรทำนอกเหนือหน้าที่ “แต่ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน”
ทนายเมอเรย์ยกมือขึ้นเท้าสะเอวด้วยความหงุดหงิด เพราะเขาต้องรับมือถึงสองด้าน หนึ่งคือเจ้านาย สองลูกชายที่เลือดร้อนของเธอ “ไปหาตัวเธอให้เจอ”
“ครับ” ทั้งคู่ก้มหน้ารับคำสั่งแล้วพากันเดินออกไปจากห้อง ทนายเมอเรย์ก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้เช่นกัน เขาเดินตามหลังทั้งสองคนไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปจากสำนักงาน
ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แสงความร้อนกระจายไปทั่ว เมื่อหนังสือพิมพ์ยามเช้าที่ถูกส่งไปทั่วเมือง ผู้คนหยิบมาอ่าน บางข่าวก็เรียกความสนใจจากนักอ่าน แต่บางข่าวก็ไม่ และบางข่าวก็สร้างสะใจ ที่ทำให้ใจของใครบางคนร้อนยิ่งกว่าดวงอาทิตย์
อดีตสตรีหมายเลขสองของตระกูลบลูโน โค ราเซลใส่ชุดเดรสสีฟ้า รัดด้วยเข็มขัดสีขาว แต่งหน้าทำผม ใส่เครื่องประดับสวยงาม ราวกับเดินออกมาจากแฟชั่น ขับรถยนต์คันหรู มาจอดไว้หลังอาคาร ‘ราฟเวดดิ้ง’ ด้านหน้าเป็นกระจกใส โชว์ชุดแต่งงานสวย เลิศ เริด ไม่ซ้ำใครมากมาย เธอเปิดประตูลงมาจากรถ ถือกระเป๋าแบรนด์ดังกับหนังสือพิมพ์ เดินไปที่ลิฟท์ ที่พาเธอขึ้นไปหาเจ้าของ ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร ลูกชายเธอนั่นเอง
ราเซลเดินออกมาจากลิฟท์ ตรงไปห้องที่คิดว่าจะเจอคนที่มาหา ซึ่งก็คือห้องทำงานนั่นเอง เธอเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ต้องเคาะ เจ้าของห้องที่นั่งอยู่ตรงระเบียงห้องทำงาน ดื่มกาแฟ ชมบรรยากาศยามเช้า ตวัดสายตามามองเพียงแวบเดียว พอเห็นว่าเป็นใคร ก็ไม่สนใจ หันไปสนใจกาแฟที่หอมกรุ่นอยู่บนโต๊ะตรงหน้า
คนที่เดินมาหายิ้มอย่างไม่ถือสา ถ้าเป็นเมื่อก่อนความขุ่นเคืองใจจะเกิดขึ้นทันที แต่วันนี้เธอมีเรื่องราวดีๆ ก็ปล่อยผ่าน พลางมองความเนียบของลูกชาย ที่หล่อเหลาดูดีมีคลาสอยู่ในชุดสูท ราศีจับจนเธอปลื้มปริ่ม “อากาศดีใช่ไหม” เธอถามเมื่อเดินมานั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามลูกชาย
“ก็เหมือนทุกวัน”
“ไม่เหมือนหรอก” เธอว่า วางกระเป๋าถือไว้บนเก้าอี้ข้างๆ แล้วเอาหนังสือพิมพ์วางตรงหน้า “วันนี้ดีกว่าทุกวัน ดูซิฟ้าใสเชียว ไม่มีเมฆเทาๆมาทำให้ฟ้าหม่นเหมือนวันก่อนๆ และลูกก็ควรจะพูดอะไรให้แม่ชื่นใจได้มากกว่านี้นะราฟ เช่นคิดถึงหรือรักแม่” ยามอารมณ์ดีเธอก็พูดเพราะ
“ผมโตแล้ว และแม่ก็ควรจะเลิกยึดติดกับเรื่องเก่าๆเสียบ้าง”
“มันยากนะราฟเพราะวันเก่าๆภาพเก่าๆมันทำให้แม่มีความสุข แต่เอาเถอะ วันนี้แม่อารมณ์ดี”
ราฟหรี่ตาลงด้วยความสงสัย เพราะเมื่อวานแม่ขุ่นเคืองเขาอยู่เลย แล้วมองไปที่หนังสือพิมพ์ “มีข่าวอะไรดีๆครับ แม่ถึงได้อารมณ์ดี”
“แม่สร้างผลงานให้ลูกไง” ว่าแล้วเธอก็ยิ้มกริ่ม ขณะที่ราฟยิ่งสงสัย “นี่ไง” ราเซลเลื่อนหนังสือพิมพ์ไปตรงหน้าลูกชาย ชี้ให้ดูข่าวที่ทำให้เธออารมณ์ดี “ข่าวฉาวของลูกชายนางหงส์ ซ้อมผู้หญิงจนต้องเข้าโรงพยาบาล เสียดายที่ไม่มีรูปให้ดู แต่คราวนี้ความมั่นหน้าก็คงจะมีรอยร้าว เพราะพ่อของลูกไม่พอใจ เมื่อมันมีผลกับความเชื่อมั่นในธุรกิจของตระกูล และแม่ก็ให้คนไปถามหาผู้หญิงคนนั้นแล้วนะ ถ้าเจอก็เอาตัวผู้หญิงคนนั้นมาเลยได้ตัวมาเมื่อไร จะทำให้หน้าที่ร้าวแตกไม่มีชิ้นดี”
ราฟหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน ขณะที่คนเป็นแม่ก็ยังร่ายยาวออกมาด้วยความสะใจ “สร้างแต่เรื่องฉาว ข่าวคาวๆ ปิดเท่าไรก็ไม่มิด ความนิยมในตัวก็จะลดลง ถึงตอนนั้นคนที่ดีพอ ที่จะสืบทอดตระกูลบลูโน โคจากพ่อก็คือ...ลูก”
“ผมบอกแม่แล้วว่าไม่สน” เขาว่าพลางวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ คนเป็นแม่ก็ปรี้ดขึ้นมา คำพูดที่ไพเราะเปลี่ยนเป็นขุ่นเขียว
“ฉันก็ไม่สนเช่นกัน เมื่อถึงเวลาแกก็ต้องทำอย่างที่ฉันต้องการ”
“ผมจะทำตามความต้องการของตัวเอง”
“ย้ำต๊อกอยู่กับที่อย่างนี้นะเหรอ แกฝันไปเถอะ รีบๆฝันเข้า เพราะไม่นานแกต้องมาอยู่กับความเป็นจริง” พูดจบเธอก็ลุกขึ้น ถือกระเป๋าเดินออกมาแต่ยังไม่ทันถึงประตูที่จะเปิดออกไป เสียงลูกก็ดังตามหลังให้ต้องหยุดชะงัก
“แม่อยู่เบื้องหลังข่าวนี้ใช่ไหม”
ราเซลหันขวับไปมองลูก สบตาที่มองอยู่ เหยียดริมฝีปากหยันนิดๆ แล้วบอกว่า “ไม่ใช่”
“แล้วเรื่องมันจะมาหราอยู่บนหนังสือพิมพ์ได้ไง”
“แกเลิกอยู่ในกะลาเมื่อไร ก็จะได้รูเมื่อนั้นแหละ”
เธอไม่ยอมรับ เรื่องอะไรจะทำให้ตัวเองดูไม่ดีในสายตาลูก แล้วเปิดประตูออกไปทันที ราฟหรี่ตาหนังสือพิมพ์ตรงหน้า ริมฝีปากก็ค่อยๆเหยียดออก ไม่รู้ว่าหยันคนเป็นแม่ เยาะคนในข่าว หรือใครกันแน่ ส่วนราเซลระหว่างที่เดินไปที่รถ ต้องเปิดกระเป๋า หยิบมือถือที่ส่งสัญญาณเสียงเรียกเข้ามากดรับสาย แล้วแทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง เมื่อได้ยินเสียงบอกว่า
“ผู้หญิงหายไป”
**********
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้อง หน้านิ่วไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะมีหลายเรื่องให้คิด เพิ่งจะหลับไปเมื่อรุ่งสางนี้เอง มือเรียวยกผ้าห่มขึ้นคลุมหัวปิดกั้นเสียงที่ไม่อยากได้ยิน แต่เพียงไม่ถึงวินาที ก็ลุกพรวดขึ้นมา เพราะคิดได้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน และกำลังรอคอยอะไรอยู่ ข่าวของเพื่อน จึงลงจากเตียงวิ่งไปที่ประตู เปิดออกทันที มองร่างสูงที่ยืนอยู่ กำลังอ้าปากจะถาม แต่เห็นสายตาเขาจ้อง จ้อง ...
เธอมองตามการจ้อง แล้วหน้าก็ร้อนวูบขึ้นมา เมื่อเห็นว่าที่จ้องอยู่นั่นคือตัวเธอ ที่ใส่แค่เสื้อเชิ้ตของเขา ชุดชั้นในก็ไม่ได้ใส่ ป่านนี้เขาเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ร่างอรชรรีบแอบหลังประตู โผล่หน้าที่บึ้งตึงขุ่นเคืองออกมา ลืมเรื่องเพื่อนไปชั่วคราว
“มีอะไร” เสียงถามกระชากกลบความเขิน
“เอาชุดมาให้เปลี่ยน” เขาบอกพร้อมกับชูถุงกระดาษที่มีเสื้อผ้าอยู่ข้างในให้ดู ซึ่งได้รับความเอื้อเฟื้อมาจากญาติสาว ที่ดูแลเอาใจใส่จนน่าสงสัย ว่าน่าจะไม่ใช่แค่สงสารลูกนกเสียแล้ว มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
“ฉันจะเอาไปวางให้ในห้อง จะเข้าไปเอาของด้วย” กรณ์บอกแล้วแกล้งทำท่าจะเดินเข้าไป เสียงห้ามก็ละล่ำละลักออกมา ให้เขาแอบขำทั้งที่หน้ายังเรียบเฉย
“ไม่ต้องเข้ามา”
“ฉันเป็นเจ้าของห้อง”
“คุณจะเอาอะไร”
“จะให้ทุกอย่างเหรอ”
“ก็ห้องของคุณ คุณจะเอาอะไรก็เอาไปซิ”
“รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า”
เขาพูดหน้าเฉย แต่แววตามองอย่างลึกซึ้ง คนที่สบตาอยู่ถึงกับทำหน้าไม่ถูก พอเขาเดินเข้ามาหา เธอก็ซ่อนตัวอยู่หลังประตูด้วยใจที่หวั่นๆ กรณ์วางถุงกระดาษไว้บนเตียง แล้วเดินกลับมาแต่ไม่ได้เดินออกไป เอามือจับประตูไว้แล้วยื่นหน้าไปใกล้แก้มนวล
ชิญาดาทำตาดุใส่ พร้อมกับดันประตูให้ปิด แต่ติดที่เขาก็ไม่ยอม และถามให้ใจเธอเรรวนไปน้อยๆ “คำตอบของคำถามจะว่ายังไง ได้หรือไม่ได้”
“ประสาท” เธอว่าเข้าให้ แล้วดันประตูให้ปิดอีกครั้ง
“สติยังดี ร่างกายยังครบสามสิบสอง ขาดอย่างเดียว ...เมีย”
“ก็ไปหาเอาซิ”
“เอาคนแถวนี้ได้ไหม”
พูดจบ เขาก็เดินจากไป ทิ้งให้ชิญาดาเข่นเขี้ยวด้วยตามหลังไป “คนบ้า” ว่าแล้วก็รีบปิดประตู เดินไปหยิบถุงกระดาษ เข้าห้องน้ำ เพื่อจะออกมาจัดการกับปัญหาที่คาใจอยู่
ขณะที่กรณ์เดินมายืนยิ้มอยู่ที่เทอเรซหน้าบ้าน สายตามองไปไกลแสนไกล ปล่อยทุกอย่างให้ว่างเปล่า ไม่คิดถึงใครหรือเรื่องใด นอกจากเธอที่อยู่ในใจเท่านั้น สร้อยเงินเส้นเล็กมีจี้รูปหนู ดวงตาเป็นเพชรรูปหัวใจ ที่เขาส่งไปเป็นของขวัญให้เธอ ไม่รู้ว่าเธอเก็บไว้หรือเปล่า เขาอยากเห็นมันห้อยอยู่ที่คอของเธอ เสมือนใจเขาได้อยู่ใกล้ใจเธอ
เขาคิดโดยไม่รู้ว่าเธอใส่ติดตัวไว้ ตั้งแต่วันที่ได้รับ โดยไม่รู้ว่าใครส่งมาให้ด้วยซ้ำไป
ผินคนขับรถที่รู้ใจ กำลังเดินมาหาเจ้านาย แล้วต้องแปลกใจเมื่อท่าทางของนายดูจะเหม่อ ราวกับอยู่ในห้วงคำนึงคิดถึงใคร ซึ่งเขาไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้มานานมากแล้ว ผินเดินมายืนประสานมืออยู่ตรงบันไดหินอ่อน ไม่พูดอะไรออกมากระทั่งกรณ์ละสายตากลับมามอง ก็ก้มหน้าลงบอกความพร้อมจะรับคำสั่ง
“มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
“ครับนายกรณ์”
สิ้นเสียงรับคำ กรณ์ก็สั่งในสิ่งที่เขาต้องการรู้ คนขับรถตั้งใจฟังทุกคำพูดจนจบ ก็เดินจากไป ส่วนกรณ์ก็จะเดินเข้าไปในบ้าน แต่โทรศัพท์ที่เขาพกติดตัวดังขึ้นมาเสียก่อน เขาหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นญาติสาวโทรมาก็กดรับสายทันที เสียงกรองแก้วก็ดังมา
“กรองได้ข่าวจากโรงพยาบาล เกี่ยวด้วยหรือเปล่า”
“เปล่า” เขาตอบอย่างพอจะรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร และนึกห่วงอีกฝ่ายขึ้นมา ไม่อยากให้เข้ามายุ่งเรื่องนี้ “ได้ข่าวมายังไง หรืออยู่ที่นั้น”
“อยู่ที่ตึกโค” เธอเรียกชื่ออาคารสั้นๆ“แต่โทรไปถามนางพยาบาล กะว่าจะไปเยี่ยม คิดไม่ถึงว่าเธอจะหายไป คนที่ทำเอาตัวไปหรือเปล่า”
“ไม่ เพราะคนเฝ้าวิ่งพล่าน แต่คนสั่งคงรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“แล้วลูกนก พูดอะไรออกมาบ้าง”
“โวยวาย”
อีกฝ่ายยิ้มเพราะน้ำเสียงที่ได้ยินนั้น เจือไปด้วยความเอ็นดู “ไม่ปิดปากเสียละคะ เสียงโวยวายจะได้เป็นเสียงลูกแมว ครางเบาๆน่ารักนะคะ”
คิ้วเข้มของกรณ์เลิกขึ้นเหมือนไม่พอใจ แต่มุมปากกลับยิ้มเพราะจินตนาการไปถึงเสียงคราง ร่างอรชรที่ใส่เสื้อของเขา ดูเย้ายวน ส่วนเว้าส่วนโค้งเกือบทำให้เขาคว้าตัวมากอด จูบให้สมกับที่เฝ้ารักมานาน คนปลายสายที่รอฟัง รอนาน เหมือนจะรู้ จึงพูดเย้าหยอกมาว่า
“คิดอยู่เหรอคะ”
“พูดมาก” เสียงดุไม่ได้จริงจังอะไร คนฟังก็ยิ้มขำไปเท่านั้น แต่เสียงพูดต่อมานั้นจริงจังไม่น้อย “อยู่เงียบๆอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้อีก”
“กรองเงียบสงบสยบความเคลื่อนไหวอยู่แล้วค่ะ แต่เรื่องนี้ไม่เงียบแล้ว”
“ทำไม”
“มันเป็นข่าวไปหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์แล้วค่ะ”
*********
ประธานแห่งบลูโน โค นายโจนส์นั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงาน ข่าวที่เกิดขึ้นกระเทือนไปถึงโครงการยักษ์ใหญ่ เช้านี้เขาได้รับโทรศัพท์จากเลขาท่านรัฐมนตรี นัดให้ไปตีกอล์ฟ นั่นแสดงว่าการคุยกับหลังบ้านของท่าน ถูกชะลอไว้ก่อน เพราะการทำร้ายผู้หญิงสำหรับภรรยาของท่าน ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงการเรียกร้องสิทธิให้ผู้หญิง กำลังได้รับการตอบรับที่ดี หากมีเรื่องนี้ไปกระทบ อาจทำให้เสียไปด้วย
เขาจึงต้องไปแก้ตัวหรือไปอธิบายให้ท่านเข้าใจ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ท่านเห็นว่า ตระกูลเขายังมีศักยภาพพอ แต่จะพอชิงกับอีวาน ไรท์ หรือเปล่า เมื่อภาพลักษณ์มาเสียไปอย่างนี้ โจนส์ขบกรามข่มความโกรธไว้ หยิบโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมา กดไปหาอดีตภรรยาคนแรกทันที ไม่เกินห้าวินาที เสียงตอบรับก็ดังกลับมาให้เขาพูดกลับไปว่า
“พาเอริคมาพบฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มา รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
กรองแก้วที่ทำงานอยู่ในห้องเดียวกัน ห่างกันแค่กระจกกั้น วางโทรศัพท์ที่คุยกับญาติหนุ่มไว้บนโต๊ะ มองสามีอย่างเห็นใจ แต่เรื่องบางเรื่องเธอก็จะไม่เข้าไปยุ่ง จนกว่าเขาจะเรียก เพื่อขอคำปรึกษา ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเห็นว่า แม้เธอจะมาทีหลัง แต่เขาก็ทำให้เธอเป็นคนในครอบครัว บอกเล่าทุกเรื่องราวให้เธอได้รู้ เพราะไม่อยากให้รักครั้งนี้ล้มเหลวเหมือนที่ผ่านมา การไม่พูด ไม่เอาใจใส่ ปล่อยปละละเลยความรู้สึก ยุ่งแต่กับงาน ทำให้รักสั่นคลอน
แม้จะร่ำรวย ให้ทุกอย่างที่อยากได้ แต่ความรักมันต้องให้ใจกันและกัน ถึงจะยึดเหนี่ยวให้เดินไปด้วยกัน... เธอเจอกับเขาที่งานเลี้ยงของญาติหนุ่ม ไม่คิดว่าเพียงสบตา ได้คุยกันไม่กี่ครั้ง เธอจะรู้สึกดีกับเขา แรกนั้นคิดว่าเพราะเธอเหงา ขาดพ่อ ว้าเว้ชอกช้ำจากเรื่องที่เมืองไทย ผู้หญิงที่ถูกผู้ชายปฏิเสธ แม้จะไม่รัก แต่ก็เสียหน้าไม่น้อย แล้วคนเป็นพ่อยังก่อเรื่องให้อือฉาว เล่นการพนัน เป็นหนี้มากมาย หลอกญาติหนุ่มให้ช่วย จนเกือบเสียทุกอย่างไป โชคดีที่รู้ทันเล่ห์กลของพ่อเธอเสียก่อน
เมื่อพ่อตาย เธอก็ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทย มาอยู่ที่นี่กับญาติหนุ่ม แล้วได้เจอกับประธานแห่งบลูโน โค เขาเป็นผู้ใหญ่ใจดี อบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้ ประสบการณ์ชีวิตของเขาเป็นเหมือนน้ำเย็นที่ช่วยชโลมหัวใจของเธอ ทันทีที่เขาขอแต่งงานเธอก็ตัดสินใจที่จะอยู่เคียงข้างเขา แรกนั้นไม่ได้รักเขามาก แต่คิดว่าเขาดูแลเธอได้ และการได้อยู่ด้วยกันก่อตัวเป็นความผูกพันให้เกิดเป็นความรักเขาขึ้นมา
ถึงอย่างนั้น ญาติหนุ่มก็ไม่เคยไว้ใจ เพราะพอจะรู้ว่าอดีตภรรยาของเขานั้นร้ายไม่ใช่น้อย จึงส่งบอดี้การ์ดสองคนมาเป็นองค์รักพิทักษ์ตัวเธอ สามีเธอไม่ยอม เมื่อมันเป็นเหมือนการหยามว่าเขาดูแลเธอไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ยอมเพื่อความสบายใจของเธอ ที่ต้องเจอกับการกระแหนะกระแหนและบางครั้งก็ถึงขึ้นจะทำร้ายกัน
กรองแก้วเดินไปหา ยื่นมือไปวางบนหลังมือเขา ปลอบให้ใจเย็น โจนส์พยักหน้านิดๆ แล้วพลิกฝ่ามือบีบกระชับมือนุ่มๆไว้ แล้วลุกขึ้นพาเธอไปนั่งที่โซฟามุมห้อง มองออกไปบนฟ้าไกล เสมือนพักจากเรื่องเครียดๆ แต่น้ำเสียงที่ถามขึ้นก็เครียดอยู่
“เลขาท่านรัฐมนตรีโทรมา”
กรองแก้วรู้ได้ทันทีว่านี่คือผลกระทบกับโครงการใหญ่ “เพราะข่าวที่เกิดขึ้นใช่ไหมคะ”
“ใช่ ถ้าฉุดภาพลักษณ์ขึ้นมาไม่ได้ บางทีอาจจะเสียโครงการนี้ไป”
เธอได้แต่กำมือเขาให้กำลังใจ ครุ่นคิดกับบางอย่างแล้วบอกว่า “เมื่อวานหลังจากพบหมอ กรองเจอคุณเอวาและคุณเอริคค่ะ” ประธานโจนส์มองเธออย่างแปลกใจ เธอจึงเล่าให้ฟังการพบเจอ ก่อนจะเกิดเป็นข่าว เสร็จแล้วก็บอกว่า “ขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอก”
“ไม่เป็นไร ไม่อยากยุ่งซินะ”
“ไม่อยากสร้างรอยร้าว ให้คุณไม่สบายใจมากกว่าค่ะ”
“งั้นช่วยดูแลนักข่าวให้ผมหน่อย”
“ค่ะ” กรองแก้วยิ้มหวานให้ แล้วลุกขึ้นไปจัดการให้ตามที่เขาต้องการ ส่วนประธานโจนส์ก็ถอนหายใจลดความเคร่งเครียด แต่ไม่อาจสบายใจขึ้นเลย เมื่อคิดไปถึงอีกเรื่องที่สร้างความหนักใจให้เช่นกัน ... การค้าประเวณี มันจะเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นหรือเปล่า
*********
ขณะที่อดีตภรรยาคนแรก เอวากำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้หรู ในห้องโถงของคฤหาสน์ ข้างตัวคือทนายเมอเรย์ที่มาบอกข่าวร้ายให้เธอรู้ ความวัวยังไม่ทันหาย ยังไม่ได้ซักว่าผู้หญิงคนหนึ่งหายไปได้ยังไง ความควายก็ไล่มาติดๆด้วยข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ใจก็ร้อนดั่งเพลิงและร้อนขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เด็ดขาดของอดีตสามี
ใบหน้าที่แต่งแต้มงดงามดุจนางหงส์ เชิดขึ้นกดใจให้เย็นลง พร้อมครุ่นคิดถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมา หญิงสาวตัวคนเดียวจะหนีหายไปไหน และใครที่ทำให้ข่าวไปหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ เธอปรายตามองทนายความราวกับจะแล่เนื้อเอาเกลือทา ที่ปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นมาแล้วลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าถือมาคล้องแขนเตรียมจะออกไปข้างนอก แต่ก่อนไปก็สั่งทนายว่า
“ไปจัดการให้เรื่องเงียบด้วย”
“คงยากแล้วครับ เพราะข่าวมันใหญ่เหมือนช้าง เอาใบบัวมาปิดคงไม่ทันแล้วครับ”
“รวมถึงตัวคุณด้วยหรือเปล่า”
ทนายเมอเรย์หน้าซีดลงทันที เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าอดีตนายหญิงแห่งบลูโน โค นั้นจิตใจไม่ได้ดีเหมือนหน้าตา รีบรับปากก่อนชะตาจะขาด เพราะงานที่พลาดครั้งแรก คงไม่มีครั้งที่สองให้แก้ตัว “ครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”
“ดี เพราะเรื่องมันคงไม่ใหญ่ไปกว่าใบเงินหรอก ที่สำคัญหาต้นต่อของเรื่องมาให้ได้ ฉันอยากจะรู้นักว่าใครมันสาระแน แล้วอย่าให้พลาดอีก เพราะความอดทนฉันมันต่ำ”
“ครับ”
สายตาเอวาวาวขึ้นขู่ แล้วเดินตัวตรงออกไป เป้าหมายของเธอคือลูกชาย เมื่อไม้นวมมันใช้ไม่ได้ เธอก็ต้องใช้ไม้แข็งเค้นทุกอย่างออกมาให้ได้ ก่อนมันจะสายเกินแก้ไปทุกอย่าง เพราะเรื่องถึงหูอดีตสามีอย่างนี้ มีหรือที่เขาจะไม่มองไปถึงอนาคต คงไม่ยอมที่จะให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจและตระกูล ต้องมามัวหมองย่อยยับเพราะเนื้อร้ายชิ้นเดียว คงต้องตัดเพื่อรักษาเนื้อดี แล้วอย่างนี้เธอจะเหลืออะไรไว้ให้เชิดหน้าชูตา ทุกวันนี้ เพราะคำว่าบลูโน โคที่ติดตัวอยู่ เธอถึงยังเป็นผู้หญิงแถวหน้าในวงสังคม
เมื่อนั่งอยู่คนเดียว ทนายเมอเรย์ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วระดมสมองคิดว่าจะทำยังไงกับคำสั่ง เรื่องข่าวนั้นไม่ยาก แต่เรื่องหญิงสาว เขาจะไปหาที่ไหน
รถยนต์คันหรูวิ่งไปบนถนน เส้นทางนั้นกำหนดด้วยสองมือของคนขับ ที่ได้มาจากการบอกเล่าของคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆ กรณ์ปรายตามองเธอเป็นระยะ ขณะที่เธอมองตรงไปข้างหน้า ทั้งที่ใจจริงอยากมองสองข้างทางมากกว่า และอยากบอกคนขับให้ขับช้าๆ เพื่อเธอจะได้ดูความสวยงามของเมือง แต่ต้องตัดใจทิ้งทุกอย่าง เพื่อเรื่องเดียวที่สำคัญ คือเพื่อนรักที่หายตัวไปจากโรงพยาบาล
เมื่อคืนเธอคิดวุ่นวายอยู่ที่จะไปตามหาเพื่อนได้จากที่ไหน คิดไปทางไหนก็มืดแปดด้าน เพราะไม่รู้ว่าที่นี่เพื่อนรักชอบไปที่ไหนบ้าง อีกอย่างตัวเองก็ยังจะไปไม่รอด ต้องติดอยู่กับเขา เขาที่เธอรู้ประวัติน้อยมาก แต่เขาทำเหมือนรู้จักเธอ ทำไมเธอรู้สึกอย่างนั้นก็ตอบไม่ได้ แต่มีข้อสังเกตก็คือเสื้อผ้าที่เขาเอามาให้เธอใส่ ทั้งชุดชั้นในและชุดชั้นนอก ถูกจัดมาได้ขนาดเหมาะกับตัว ราวกับเธอไปหาซื้อมาด้วยตัวเอง
คิดแล้วก็นึกย้อนไปตอนที่อาบน้ำแล้วหยิบเสื้อผ้าในถุงมาใส่ ถ้าเธอไม่ทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าตอนเกิดเรื่อง เธอก็คงมีชุดเปลี่ยน และคิดอยากจะติดต่อไปหาพี่ชาย ขอคำปรึกษาว่าจะทำยังไง หรือไม่ก็คงส่งใครมาช่วยแต่เธอยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่อง ถ้าโทรไปแทนที่พี่ชายจะช่วย อาจจะมาหิ้วเธอกลับเมืองไทย ทั้งที่ยังไม่ได้ไปเที่ยวเลย
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เธอออกมาพบเขาที่โต๊ะอาหาร กับข้าวน่ากินเหมือนเดิม แต่ความสงสัยกลบความหิว และต้องการจะรู้ จึงถามออกมา
‘คุณรู้ได้ยังไง’
‘อะไร’
‘เสื้อผ้าที่เอามาให้ฉัน ขนาดสีความสั้นยาว มันไม่แป๊ะเกินไปหน่อยเหรอ’
‘ญาติฉันให้คนเอามาให้’
‘แต่ญาติคุณไม่ใช่เพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวฉัน จะรู้สัดส่วนของฉันได้ยังไง’ เธอถามซ้ำเพื่อเอาคำตอบมาตอบข้อสงสัยในใจ
กรณ์มองเธอ ภายนอกที่เธอเห็นคือเขามองแบบนิ่งๆแต่ภายในที่เธอไม่เห็นเต็มไปด้วยความรู้สึกหวงห่วง อยากโอบกอด หอมแก้มเธอนัก เขาต้องตัดใจแล้วบอกว่า ‘ฉันบอกเอง’
‘บอก’ เสียงเธอมีความงุนงง ‘คุณจะบอกได้ยังไงในเมื่อเราเพิ่งเจอกัน’
‘วัดจากการกอด’
ความสงสัยหายวับไปทันที ความร้อนผ่าวย่างกรายเข้ามาที่แก้มกลายเป็นความเขิน หลบตาคม จับช้อนทานข้าว พยายามปั้นหน้าให้ไม่รู้ไม่ชี้ แต่ดูจะรอดยาก เพราะแก้มแดงขึ้นมาฟ้องอาการ คนมองยิ้มที่มุมปาก แล้วถามต่อ
‘สงสัยอะไรอีกไหม’
ดวงตาเธอตวัดมามองค้อน แล้วมองหน้าคมนิ่งๆ เม้มริมฝีปากคล้ายกับกำลังตัดสินใจในบางอย่าง แล้วพูดออกมา ‘เรื่องเพื่อนของฉัน ฉันจะไปตามหาเพื่อน คุณช่วยฉันได้หรือเปล่า’
‘ได้’
‘แล้วจะเริ่มจากที่ไหน’
‘จุดพบเจอ’
***********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ
pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ต.ค. 2561, 11:10:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ต.ค. 2561, 11:10:23 น.
จำนวนการเข้าชม : 869
<< ตอน 3 | ตอน 5 >> |