ชายา ตอน เล่ห์รักดวงใจกรณ์
เพราะรูปถ่ายที่ได้เห็นเพียงครั้งเดียวในห้องทำงานของ ชินกฤต หรือเสือ แห่งตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ทำให้กรณ์ วิจิตรนาถ หลงรักเธอทันที เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับของหัวใจ แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมีคนรู้ความลับนี้เข้า และได้ทำตัวเป็นกามเทพ นำพาเธอมาหาเขา

ชิญาดา หรือน้องหนู ตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ได้รับโชคก้อนใหญ่ ได้มาเที่ยวกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมืองที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก ของสถานที่ท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรมมากมาย เธอเดินทางมาคนเดียว ปลายทางคือเพื่อนรัก ที่ไม่ได้เจอกันมานาน จึงจะมาเซอร์ไพรส์ แต่ความคิดมันสวนทางกับความจริง เมื่อมาเจอเพื่อนถูกผู้ชายเลวทรามคนหนึ่งทำร้าย

ปลายกระบอกปืนที่เล็งมา จะเอาลมหายใจจากไปจากร่างกาย ทำให้เธอกลัวไปทั้งใจ แต่หลังจากนั้นคือการลุกขึ้นสู้ คนเลวทรามต้องติดคุก แต่คุกไม่ได้มีไว้ขังคนมีเงิน มีอำนาจ เธอถูกข่มขู่ คุกคาม กามเทพจึงอุ้มเธอมาใส่ในมือเขา ที่กางแขนโอบกอดเธอไว้ ไม่ให้คลาดไปจากสายตา ห่างไกลไปจากหัวใจอีกเลย

ทุกอย่างน่าจะจบลงที่ความสุข แต่หัวใจไม่ใช่เงินตรา ที่จะจับต้องหยิบไปใช้เมื่อไรก็ได้ เธอไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเขา เขาจึงต้องทำให้เธอเห็น ด้วยภาษากาย พูดให้เธอฟัง ด้วยภาษาใจ และกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในอ้อมแขน จนเธอรับรู้แต่กลับต้องวางหัวใจ เมื่อความลับของคนมีอำนาจ กำลังจะพรากเพื่อนรักไปจากเธอ

การแย่งชิง ไหวพริบ เล่ห์เหลี่ยม ถูกนำมาใช้ ท่ามกลางความรัก และผลประโยชน์ของตระกูลบลูโน โค ทุกคนกลายเป็นหมาก ที่ต้องเดิมเกมอย่างระวัง เพราะถ้าพลาดพลั้งทุกอย่างต้องพังทลาย ชิญาดากลายเป็นกุญแจสำคัญที่ใครๆก็ต้องการตัว แต่จะมีใครช่วงชิงเธอไปจากอ้อมแขนแห่งรักของกรณ์ ได้หรือไม่ ต้องติดตาม...

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 7

ตอน 7
รถสปอร์ตสีเหลืองสุดหรูวิ่งเข้ามาจอดหลังอาคาร ‘ราฟเวดดิ้ง’ คนขับเปิดประตูออกมาจากรถ ปิดแล้วเดินเข้าไปอาคาร ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด เดินออกมาจากลิฟต์ก็เป็นดาดฟ้า แสงไฟรอบอาคารที่เปิดสว่างไว้ ส่องให้เห็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สะท้อนกับดวงดาวบนท้องฟ้า

ราฟหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือวางบนโต๊ะริมสระ ถอดรองเท้า แล้วกระโจนลงสระ วาดแขนสลับกับเท้าตีน้ำให้ตัวพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ท่วงท่าสวยงาม แต่น้ำที่กระจายมากกว่าปรกตินั่นทำให้รู้ถึงอารมณ์เขา ที่ซ่อนอยู่ภายในใจว่าคงไม่ดี เขาว่ายน้ำไปมากระทั่งเหนื่อย ลอยตัวอยู่นิ่งๆ ไม่นานก็ว่ายมาที่ขอบสระ พอสองมือจับขอบสระ สองเท้าของใครบางคน ก็เดินมายืนตรงหน้าเขาพอดี

เขาเงยหน้าขึ้นมองพร้อมๆกับใครคนนั้นย่อตัวลงนั่ง สบตาเขาพอดี “แคท”

“ดีใจจังที่ยังจำกันได้” เสียงหวานดังออกมา แล้วยิ้มใส่ตา ก่อนจะพูดต่อว่า “มีเรื่องเครียดเหรอคะ”

ราฟไม่ตอบ เขาใช้สองมือยันตัวขึ้นมาจากน้ำมายืนมองคนถาม ซึ่งลุกขึ้นยืน ยื่นผ้าขนหนูสีขาวที่ถือติดมือมาให้เขา แต่เขายังไม่รับ มองผู้หญิงที่เขาเคยรัก แล้วเลิกรากันไปด้วยความแปลกใจ ที่เห็นเธอมายืนอยู่ตรงหน้า เพราะตั้งแต่เลิกราไป ก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย และไม่กังขาว่าเธอเข้ามาหาเขาได้ยังไง เมื่อเคยรักก็ต้องเคยรู้เรื่องของกันและกัน

“มาทำไม” เสียงเขาแข็ง ไม่มีความยินดีบนใบหน้า ไม่บีบเสียงให้เล็กดัดให้น่าฟัง ไม่มีท่าทีหัวใจสาวเหมือนอย่างที่เคยประพฤติเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ

“คิดถึง”

“น่าซึ่งใจนะ แต่ฉันไม่ซึ้ง” บอกแล้วก็รับผ้าขนหนูมาซับหน้า

“ก็ไม่ได้หวังจะให้ซึ้ง เพราะไม่มีเยื่อใยกันแล้ว แค่ทักทายเท่านั้นเอง” คาริสาบอก รอยยิ้มน้อยๆยังติดอยู่บนหน้าสวย “คุณนี่ยังเหมือนเดิมนะ พอมีเรื่องไม่สบายใจ ทุกข์ใจก็มาว่ายน้ำ”

“แล้วก็เคยเกือบตายกับน้ำ เพราะผู้หญิงสองใจอย่างเธอ”

“เราเลิกกันก่อนที่ฉันจะสองใจ เพราะจับได้ว่าคุณเป็นคนสองไบ นอนกับผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ดี เราถึงต้องจบกันไง” เธอโต้ตอบเขากลับ ไม่ลดละให้เลย “แต่อย่าพูดถึงอดีตเลย ฉันมาที่นี่เพราะอยากพักใจ เท่านั้นเอง”

“รักมันพังหรือไง” เสียงเขาไม่แข็งเหมือนตอนแรก เพราะรู้สึกได้ถึงความเศร้าจากตัวเธอ อีกอย่างเขาเองก็มีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่เช่นกัน การมีคนมาคุยด้วย ก็ดีกว่านั่งเหงาอยู่คนเดียว

“ใช่ แล้วคุณละ ไม่สบายใจเรื่องอะไร” เธอถามแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่วางอยู่ริมสระ ราฟเดินตามไปนั่งตัวที่ว่างที่วางอยู่ข้างๆกัน สายลมพัดมาให้รู้สึกเย็น แต่เขารับได้ ไม่ต้องเอาผ้าขนหนูมาคลุมบ่า วางไว้ข้างตัวเท่านั้น

“เสี้ยนหนาม”

“รักพังเหมือนกันเหรอ”

ราฟไม่ตอบ ไม่ขยายความคำพูดของตนแต่คนที่ได้ฟังจึงคิดว่าใช่ “เราสองคนแยกกันไปนานแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมาตกที่นั่งแบบเดียวกันอีก ชีวิตมันบัดซบดีนะ” เสียงของเธอมีความข่มขื่น เหยียดริมฝีปากออกหยันตัวเอง แล้วปัดมันทิ้งไป หันมามองคนที่เธอหลีกเร้นออกจากห้องที่ซ่อนตัว เพื่อมาหาโดยเฉพาะ “แล้วร้านเวดดิ้งคุณเป็นไงบ้างคะ”

“ก็ยิ่งใหญ่ดี”

คาริสายิ้มยินดี แต่จริงๆแล้วสมเพชมากกว่า เพราะคลิปในฮาร์ดดีสทำให้เธอรู้ซึ่งถึงคำว่า รู้หน้าไม่รู้ใจ จึงต้องปากปราศรัยแต่น้ำใจเชือดคอต่อไป “ยินดีด้วยนะ ตอนที่ฉันคบกับคุณ ฉันไม่เคยสนใจเลยว่าคุณจะเป็นใคร ครอบครัวเป็นยังไง แค่มีรักให้ฉันก็พอ แต่ตอนนี้ฉันอยากรู้เรื่องราวต่างๆของคุณแล้วซิ”

“เสียดายเหรอ”

“เสียใจมากกว่า” เสียงเธอหยัน แววตาเธอกร้าวขึ้น แต่เพียงแวบเดียวก็กลับเป็นปรกติเหมือนเดิม อธิบายสิ่งที่พูดไว้ว่า “ฉันเสียใจที่เราต่างมองกันแค่เปลือกนอก ถ้ามองกันให้ดี ให้ลึกลงไป อาจจะไม่ต้องเสียใจอยู่อย่างนี้”

“พูดเพื่ออะไร อย่าบอกว่าอยากย้อนเวลาหวนกลับมา”

“ฉันเป็นสายน้ำ บางครั้งก็สงบนิ่งน่าหลงใหล บางคราก็เชี่ยวกราดทำลายทุกอย่างไม่มีทางหวนกลับไปแน่นอน” เสียงเธอหนักแน่นเพราะความเจ็บปวดที่กดไว้ในใจที่มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่รู้ ว่าผู้หญิงที่พี่ชายต่างแม่เขาทำร้ายคือเธอ เมื่อในข่าวไม่ได้ลงรูป ลงชื่อเธอไว้ ที่สำคัญ เอริคไม่เคยควงเธอไปพบเจอคนในตระกูลเขาเลย “ที่มาหาเพราะเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ ลงชื่อตระกูลคุณไว้ จึงทำให้คิดถึง มาถามตามประสาคนเคยมีความรู้สึกดีๆให้กัน แค่นั้นเอง”

“ปลาเน่าแค่ตัวเดียว ทำให้เหม็นไปทั้งตระกูล”

“ฟังจากเสียงดูคุณจะไม่พอใจเขานะ ทำไมละ เขาไม่ดีเหรอ” เธอทำหน้าใสซื่อ ถามออกไปเสมือนไม่รู้จักอีกคนเลย

“มันเป็นลูกเมียคนแรกของพ่อฉัน ทำตัวผยอง เพราะถือว่าตัวเองเป็นทายาทอันดับหนึ่ง...” ราฟเล่าความสัมพันธ์ในครอบครัวให้เธอฟัง รวมถึงเรื่องที่หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ เพราะเขาไว้ใจเธอเนื่องจากรู้จักมานาน พอจะรู้นิสัยใจคอเธอว่าไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น รับฟัง แต่ไม่ขยายความ จึงเปิดเผยแบบเปิดอกแต่ไม่หมดทุกอย่างให้ฟัง โดยไม่รู้ว่ากำลังจุดใต้ตำต่อ“ แต่อีกไม่นาน มันจะผยองไม่ออก”

“พูดเหมือนคุณกำลังคิดจะทำอะไร”เธอถามแต่เขาไม่ตอบ นั่นเพราะยังคลางแคลงใจในการกลับมาหาเขาของเธออยู่ แม้จะมีเหตุผลที่พอจะเชื่อได้ แต่เขายังเชื่อไม่เต็มร้อย

คาริสาก็ไม่เซ้าซี้ เมื่อคิดว่าถ้าเธอเป็นเขา ก็ไม่มีทางจะเปิดเผยให้หมดเปลือก จึงเลือกที่จะเลียบๆเคียงๆเหมือนน้ำหยดลงบนหิน “ที่คุณพูดว่าเสี้ยนหนามเมื่อกี้ หมายถึงเขาเหรอ” ราฟไม่ตอบ แต่สีหน้าแสดงออกบอกว่าใช่ เธอก็ยิ้มในใจ แล้วหน้าซื่อตาใสถามออกไปว่า“แล้วเขาได้ข่าวผู้หญิงคนนั้นหรือยังคะ”

“คงจะยัง ไม่งั้นคงไม่แล่นพล่านอยู่อย่างนี้หรอก”

“แล้วเขาจะตามหาผู้หญิงคนนั้นทำไมคะ ในเมื่อลงไม้ลงมือกันจนต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว ก็น่าจะเลิกรากันไป แต่ทำไม ยังตามหาอยู่”

“ปิดความชั่วของตัวเองไง”

“เขาทำอะไรไว้เหรอคะ ถึงต้องปิด”

ราฟนิ่งไปกับคำถามนี้ เพราะมีบางอย่างมาสะกิดใจให้คิดตาม ถ้าคิดง่ายๆก็คือเอริคคงไม่อยากให้ข่าวดังไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็เสียหุ้นมาให้เขาแล้ว จึงต้องการตัวมากำราบให้อยู่มือ และที่ผ่านมาเขาก็ฟังทุกอย่างมาจากคนเป็นแม่ ซึ่งเป็นเหมือนหนังหน้าไฟ ออกตัวทำทุกอย่าง โดยที่ไม่รู้ว่ามีเขาชักใยและนิ่งฟังอยู่ด้านหลัง

แต่คำพูดของคาริสาเมื่อกี้ มีประกายบางอย่างให้เขาคิดมากไปกว่าที่คิดอยู่ ยิ่งคิดไปถึงคำพูดที่เป็นเหมือนแรงกระเพื่อมของน้ำที่ก่อกวนจิตใจเขาตอนที่อยู่ในผับ ก็ทำให้เขารู้สึกว่า การตามหาตัวของผู้หญิงคนนั้น คงไม่ใช่แค่มากำราบเสียแล้ว แต่บางทีอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้

คาริสานั่งแหงนมองดูดาวไปเรื่อย เหมือนไม่ได้สนใจอีกคนว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ แต่ในใจนั้นกำลังยิ้มร่า ที่สามารถสุ่มไฟระแวงให้เกิดขึ้นในใจเขาได้ หลังจากนี้เธอก็จะค่อยๆหยดน้ำมันลงไป แล้วรอเวลา ..ที่จะจุดไฟให้ลุกไหม้ขึ้นมา

เธอแอบยิ้มให้กับตัวเอง และแอบมองคนที่ยังไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร สิ่งที่พี่น้องต่างแม่สองคนนี้ร่วมกันก่อ เธอจะทำให้ชดใช้อย่างสาสม
**********
กรณ์สบตาคนที่เดินมายืนตรงหน้า ชิญาดาก็เช่นกัน เธอมองคนที่ทำร้ายเพื่อนรัก ไม่วางตา ความโกรธเกลียดเผยออกมาให้เห็นชัดเจน ยืดตัวขึ้นเชิดหน้าอย่างไม่หวั่น พร้อมที่จะสู้ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ขณะที่เอริคก็มองทั้งคู่ สีหน้าเขาเฉยเมยเก็บความรู้สึกต่างๆไว้ แต่สมองนั้นไม่เลย มีแต่ความคิดที่จะทำอย่างไร เพื่อจะเค้นเอาคำตอบเรื่องของเพื่อนเธอ จากเธอมาให้ได้

“เพื่อนของเธอหายไปจากโรงพยาบาล” เขาเปิดฉากพูดขึ้นพร้อมกับสังเกตอากัปกิริยาของเธอ ว่าจะมีพิรุธอะไรหรือไม่

“แล้วยังไง” ชิญาดาถาม ไม่มีอาการอะไรให้เห็น เพราะรู้อยู่แล้ว

“ฉันต้องการคุยด้วย พาตัวมาให้ฉัน”

“เข้าคุกชดใช้ความเลวก่อนซิ แล้วฉันถึงจะยอมให้คุย”

“แสดงว่าเธอรู้ ว่าแคทอยู่ที่ไหน”

เธอยิ้มรับไม่ปฏิเสธก่อนจะตอบออกมา “แล้วแต่จะคิด แต่ที่ฉันคิดก็คือ แคทไม่มีทางกลับไปหาคุณแน่นอน คนหน้าตัวเมีย ทำร้ายผู้หญิง แถมยังข่มขู่อีกสารพัด ถ้ากลับมาหามีเหตุผลเดียว คือฆ่าให้ตายเท่านั้น”

เอริคเยาะด้วยแววตา ไม่กลัวการขู่ เหยียดด้วยมุมปาก เมื่อคิดว่าที่เธอผยองคงเพราะเห็นว่ามีคนคุ้มหัวอยู่ เขาปรายตาไปมองคนที่ยืนอยู่เคียงข้างเธอ จากสายตา ท่าทางที่เห็นเป็นก้างชิ้นใหญ่ที่เขาต้องระวัง และไม่รู้ว่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน แต่การที่ตัวติดกับผู้หญิงคนนี้ เดาได้ว่ารู้ ฉะนั้นขั้นแรกเขาควรเจรจาเพื่อให้เห็นว่า เขาไม่ได้ต้องการเป็นศัตรู
“คุณไม่ควรมายุ่งเรื่องนี้”

กรณ์ตอบกลับไปอย่างนิ่งๆว่า “ถ้าไม่ยุ่งกับเธอ ก็จะไม่ยุ่ง”

“ถ้าไม่อยากให้ยุ่ง ก็ให้เธอส่งตัวแคทมา หรือไม่ก็บอกว่าแคทอยู่ที่ไหน ฉันจะไปรับเอง”

“คงจะไม่ได้ เพราะเธอไม่ต้องการเจอคุณ และขอให้ทุกอย่างมันจบไปเสีย” เขาพูดแบบรับสมอ้าง เมื่ออีกฝ่ายคิดว่ารู้ที่อยู่แล้ว เขาก็ไหลไปตามนั้น เพื่อให้พุ่งตรงเป้า จะได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ที่สำคัญข่าวที่โจนส์บอกมา การค้าประเวณี ใช่เขาหรือเปล่าเมื่อเขาคือคนที่น่าสงสัยที่สุด

“จะจบก็เมื่อฉันได้เจอเธอเท่านั้น”

“จะฆ่าเพื่อนฉันให้ตายเลยใช่ไหม” ชิญาดาแทรกขึ้นมาด้วยความชิงชัง สีหน้าแววตาเธออยากจะทำร้ายผู้ชายตรงหน้าให้สมกับที่ทำร้ายเพื่อนเธอ

เอริคไม่หวั่นกับความชิงชัง ยังรับมือด้วยความนิ่งและใจเย็น และคิดว่าผู้หญิงมักจะมีจุดอ่อนอยู่ที่ใจ โดยเฉพาะผู้หญิงไทย เขาจะใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์ “เปล่า แต่จะรับผิดชอบ จะขอโทษ ขอโอกาส เพื่อให้เรากลับมาเป็นครอบครัวที่มีกันและกันและกันเหมือนเดิม”

“หมายความว่าไง” เธอถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจว่าสามกันที่ว่าหมายถึงอะไร หวังว่าจะไม่ใช่... เธอรีบหยุดความคิดที่น่าตกใจนี่ไว้ภาวนาขอให้ไม่เป็นอย่างที่คิดเลย แต่...

“เธอท้อง”

“สารเลว”

ความเจ็บแค้นที่แน่นอยู่เต็มอก ทำให้ชิญาดายั้งตัวเองไว้ไม่ได้อีกแล้ว สะบัดมือออกจากมือกรณ์ ปรี่เข้าไปฟาดหน้าเอริคจนสั่นไปทั้งหน้า ความสงสารที่เขาคิดว่าจะได้เห็นกลับเป็นความบ้าบิ่น ที่เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าลงมือกับเขา อย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน ความโกรธพุ่งขึ้นมายกมือขึ้นฟาดกลับ แต่โดนที่ไหล่แทนหน้า เพราะกรณ์ถลาตามมาดึงตัวเธอออกมา ถึงอย่างนั้น แรงฟาดที่ไม่ยั้งทำให้เธอเจ็บปวดไม่น้อย

เอริคตามติด ไม่ยอมให้คนที่ทำร้ายเขาลอยนวล ต้องเอาคืนให้ได้ ใครเข้ามาขวางก็ไม่เว้น ก็จะกวาดอย่างไม่ไว้หน้า จึงปะทะกับกรณ์ ที่มั่วแต่ห่วงชิญาดา จึงโดนหมัดเข้าหน้าเต็มๆ แต่เมื่อเห็นว่าเธอถอยออกไปแล้ว ก็เอาคืนและอัดกลับไปอีกเท่าตัว

ความเจ็บแล่นพล่านไปทั้งตัว แต่ไม่เท่ากับเจ็บใจ สีหน้าเอริคเกรี้ยกราดขึ้นมา มองกรณ์อย่างกับศัตรูที่ต้องกำจัด และเอาตัวเธอไปให้ได้ ส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ซุ่มอยู่ ชายในชุดซาฟารีสีดำสามคน โผล่ออกมาจับตัวชิญาดาไว้ พร้อมกับที่กรณ์ก็เข้าไปประชิดตัวเอริคอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ไว้ใจอยู่แล้ว และเมื่อเขาพาเธอมาเพื่อเป็นเหยื่อล่อ เขาก็พร้อมที่จะดักกู้เธอคืนมา

เอริครู้สึกถึงความตุงที่สีข้าง ที่ไม่ต้องก้มลงดูก็รู้ว่าคือปลายกระบอกปืน เขามั่วแต่ยามใจในแผนที่วางไว้ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะประชิดเร็วขนาดนี้ ถึงอย่างนั้นสีหน้าไม่หวาดหวั่น เพราะเขาเตรียมการรับมือไว้แล้ว เหยียดริมฝีปากออกเยาะก่อนบอกว่า “ไม่ต้องขู่ เพราะฉันพร้อมจะแลกกับเธอ”

“หมายความว่าจะไม่ปล่อยเธอใช่ไหม”

“หึ” เสียงหยันดังออกมาก่อนยอมรับ “ใช่”

“ฉันเตือนแล้วนะ ว่าอย่ายุ่งกับเธอ”

“แกคนเดียว กับเธอที่อยู่ในมือคนของฉัน แล้วแกจะทำอะไรฉันได้” เมื่อมิตรกลายเป็นศัตรู คำพูดดีๆก็ไม่จำเป็นต้องมี “และถ้าไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของญาติแกกับตระกูลฉัน กลายเป็นเส้นดายบางๆก็ควรจะปล่อยฉันเสีย แล้วไปให้พ้น ฉันจะถือว่า ระหว่างเราไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมา”

“ไม่มีอะไรระหว่างเราอยู่แล้ว ทั้งความสัมพันธ์หรือสายใยไม่เคยอยู่ในสายตาฉัน แล้วถ้าแกพร้อมจะแลกแกก็จะได้บทเรียน และควรจะจำคำเตือนฉันให้ขึ้นใจ...ว่าอย่ายุ่งกับเธออีก”

“ปัง” เสียงปืนดังขึ้นแต่คนที่อยู่ห่างออกไปจะไม่ได้ยิน เพราะเสียงดนตรีกลบ กระสุนถากสีข้างเอริคให้เจ็บปวด จนต้องร้อง “โอ๊ย” ออกมาลูกน้องเขาที่เห็นได้แต่ยืนตะลึง จะช่วยก็ไม่ได้ เพราะเลเซอร์สีแดงเป็นจุดอยู่กลางหน้าอก ทำให้ไม่มีใครกล้าขยับ

เอริคขบกรามข่มไว้แน่นแล้วตวัดสายตาไปที่ลูกน้อง เพื่อจะสั่งให้จัดการเธอเสีย แต่แสงสีแดงนั้นทำให้คำพูดติดอยู่แค่ที่ลำคอ ไม่สามารถปล่อยออกมาได้ เขาตวัดสายตามองหาที่มาของแสง แต่เห็นแค่ลำแสง ที่เป็นเส้นมาจากเงามืดไม่เห็นหน้าคนที่แฝงเร้นอยู่ ทำให้ไม่สามารถประเมินสถานการณ์ใด เพื่อจะเอาคืน ก็ยิ่งใจเจ็บและเจ็บแผลเพิ่มขึ้นเมื่อกรณ์กระแทกปลายกระบอกปืนเข้าที่แผล เขารู้อีกฝ่ายต้องการอะไร จำใจพูดออกมาทั้งที่ไม่อยากพูด

“ปล่อยเธอ”

ลูกน้องเขาคลายมือเก็บปืนออกจากตัวหญิงสาวทันที ชิญาดาที่หวาดกลัวจนตัวแทบจะไร้เรี่ยวแรง ต้องกัดฟันข่มใจที่หวิวๆให้นิ่ง แล้วออกเดินมาหากรณ์ถึงอย่างนั้นขาเธอก็ยังสั่น กรณ์รีบเดินไปประคองตัวเธอไว้ โดยไม่กลัวว่าจะถูกลอบกัดจากข้างหลัง เพราะทันทีที่เขาผละออกมา แสงสีแดงก็จะไปแทนตัวเขา เด่นหราอยู่บนหน้าอกของเอริค ซึ่งได้แต่ยืนกัดฟัน มองทั้งสองคนเดินไปขึ้นรถ แล้วขับออกไป แสงสีแดงก็หายไปจากอกเขาและลูกน้องทันที
**********
ภายในรถของกรณ์ นอกจากเสียงเครื่องยนต์แล้ว แทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก เขาปรายตามองหญิงสาวที่นั่งข้างๆเป็นระยะ สังเกตเห็นมือทั้งสองข้างจับเข้าหากันแน่น คงข่มอารมณ์หลากหลายในตัวให้สงบนิ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอคงเสียขวัญไม่น้อย เขาปล่อยทุกอย่างให้อยู่ในความเงียบกระทั่งขับรถมาถึงบ้าน ก็เปิดประตูลงมาจากรถ เธอเองก็เช่นกัน

ชิญาดาเดินลอยๆขึ้นบันไดไป ทุกย่างก้าวของเธออยู่ในสายตากรณ์ เขาเดินตามไปอย่างช้าๆ แล้วเมื่อเดินเข้ามาถึงห้องโถง มือที่ว่างเปล่าของเธอก็ถูกเติมเต็มด้วยมือเขา ความเย็นเฉียบกลายเป็นความอบอุ่น ไม่ใช่แค่นั้น ตัวก็ถูกรวบเข้ามาสู่อ้อมกอด สองแขนกระชับ สองมือลูบไล้ปลอบประโลม ไล่ความหวาดหวั่นปนหวาดกลัวให้ออกไปจากตัวและหัวใจ

ความเข้มแข็งที่มีมาทั้งหมดของชิญาดา ทลายลงทันที ราวกับคนที่ไร้เรี่ยวแรง อิงแอบร่างสูง เป็นที่พักพิงยามที่ความอ่อนแอจู่โจมเข้ามา ตัวเธอสั่นและกอดตอบเขาไว้แน่น หัวใจเธอยังรู้สึกถึงความเย็นของปลายกระบอกปืน ความตายที่ใกล้ชิดชีวิตที่ใกล้ดับ มันช่างน่ากลัว

เธอคิดถึงครอบครัวเต็มหัวใจ น้ำตาเอ่อขึ้นมาจนต้องกัดริมฝีปากสกัดกลั้นไว้ แต่ยังไหลออกมา โดนเสื้อคนที่กอดเธอไว้ สองครั้งสองคราวแล้วที่เธอต้องเผชิญหน้ากับปืน เข้มแข็งได้ขนาดนี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว กรณ์ดันตัวเธอออก มองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา ชิญาดารู้สึกแปลกๆที่เขามาจ้องในสภาพที่ไม่น่าดูแบบนี้ จึงยกมือขึ้นจะเช็ดน้ำตา แต่โดนเขาปัดมือออก แล้วเป็นฝ่ายเช็ดน้ำตาให้เธอเอง

“ขี้แย” เขาบอกยามปลายนิ้วไล้น้ำตาออกจากแก้มนุ่มแสนเบา น้ำเสียงมีแววล้อนิดๆเพราะอยากให้เธอผ่อนคลาย แล้วก็ได้ผล เมื่อใบหน้างามงอขึ้นและมองค้อนเขาเล็กๆ และอ้อมแอ้มแก้เขินออกมา

“ฉันแค่ตกใจ”

“คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก การเอาไม้ไปแหย่เสือ เสือมันก็จะกัดเอาแบบนี้แหละ”

“ฉันไม่รู้นิ ว่าคุณจะพาฉันเข้าถ้ำเสือ เห็นแล้วก็โกรธ ชิงชังจนทนไม่ไหว”

“แล้วเจ็บหรือเปล่า” เขาถามพลางมองที่ไหล่ ที่โดนอีกฝ่ายฟาดลงมา ตอนนี้คงแดง ระบมไปทั้งไหล่แล้ว

ชิญาดายกมือขึ้นจับที่ไหล่ตัวเองเบาๆ ก่อนจะถอยห่างออกมารักษาระยะความห่างจากเขาไว้แค่ช่วงแขน ก็ตอบ “เจ็บค่ะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว รับรู้แล้ว ถึงจะเจ็บก็ไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ยังไม่รู้ และยังไม่เกิดนั่นแหละที่น่ากลัวกว่า การที่คุณทำให้เขาเจ็บแบบนั้น ก็เหมือนการที่คุณกำลังตีงูให้หลังหัก เขาคงแค้นฉันกับคุณน่าดู”

“นั่นแหละที่ฉันต้องการ”

“หมายความไงคะ”

“ฉันอยากให้เขาระเบิดอารมณ์ออกมา อะไรที่ซุกที่ซ่อนไว้จะได้รู้กันไปเสียที”

“เรื่องเพื่อนของฉันนั่นเหรอคะ”

“ส่วนหนึ่ง”

ชิญาดาไม่ถามว่าอีกส่วนคืออะไร เธอพยักหน้ายอมรับเท่าที่เขาบอก แต่มีความไม่พอใจในน้ำเสียงที่พูดออกมา “คุณถึงพาฉันไปเป็นเหยื่อโดยไม่ต้องบอก เพื่อจะดูว่าเขามีท่าทียังไง ยังงั้นเหรอ”

“ใช่ แล้วก็ได้เห็นว่าเขาต้องการตัวเธอ โดยไม่เกรงใจฉัน และพร้อมจะกวาดฉันให้พ้นทางโดยไม่สนใจวิธี หรือแม้แต่...ชีวิต”

“แค่ต้องการตัวฉัน ไปเป็นนางนกต่อถึงเพื่อนฉัน แต่ถึงกับฆ่าคุณ มันไม่เกินไปเหรอคะ” ถามออกไปแล้ว ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมา “หรือว่าอีกส่วนหนึ่งที่คุณไม่บอกฉัน มันคือชีวิตของคุณ”

คำถามของเธอทำให้กรณ์ต้องคิด แต่เรื่องที่นายโจนส์บอกเขา ให้เขาช่วยสืบ เอริคไม่น่าจะรู้ หรือว่ามันจะเกี่ยวพันเป็นลูกโซ่กันอยู่ เมื่อมีคนมาขวางก็ต้องจัดการ เพื่อไม่ให้สาวไปถึง ... เขาเก็บความคิดนี้ไว้ แล้วเดินไปหยิบยาแก้ฟกช้ำมาให้เธอ จับมือเธอพาไปส่งหน้าห้องนอนอีกห้องแทนห้องนอนเขา ปล่อยมือจากเธอแล้วไปเอาเสื้อผ้าจากห้องเขามาให้ จากนั้นสั่งให้ทาก่อนนอน แล้วกู๊ดไนท์เธอด้วยริมฝีปากที่หน้าผาก
***********
วันต่อมา นกน้อยบินมาเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ส่งเสียงร้องต้อนรับอรุณยามเช้า รถยนต์ของทนายหน้าหอก็ขับมาจอดหน้าคฤหาสน์ของอดีตนายหญิงแห่งบลูโน โค ทนายเมอเรย์ลงจากรถ มองไปรอบตัวเห็นสาวใช้ที่เมียงมองมา แล้วเดินไปนั่งอยู่บนเก้าอี้เหล็กดัดที่วางอยู่กลางสวน มองความเขียวชอุ่มของต้นไม้นานาพันธุ์ ไม่นานสาวใช้ก็นำชาร้อนๆกับขนมมาวางให้ตรงหน้า

เขายกชาขึ้นดื่มพร้อมกับฟังเสียงของนกน้อยที่ใสราวกับดนตรี ขับเกลาจิตใจให้เบิกบาน แต่อีกไม่นานเขารู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้จะหายไป แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด เมื่อกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆลอยมาติดจมูก ร่างอันงดงามของอดีตนายหญิงตระกูลดัง เดินย่างกรายเข้ามา เขาลุกขึ้นยืนให้เกียรติความเป็นเจ้านาย รอจนเธอนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งลง สาวใช้นำเครื่องดื่มเป็นชาร้อนๆพร้อมของว่างมาวางให้ แล้วถอยออกไป

เอวาจับถ้วยชาร้อนๆขึ้นมาดมกลิ่นหอมๆก่อนดื่ม ตวัดสายตามองหน้าทนาย แล้วลดถ้วยวางบนจานรอง พร้อมกับถามถึงงานที่สั่งไปเมื่อคืน “เรียบร้อยหรือเปล่า”

“อีกาเลือดกบปากไปแล้วครับ”

มุมปากของเอวาเหยียดยิ้มบอกความพอใจ แต่คำพูดต่อมาของทนายคู่ใจทำให้ความยินดีสลายไปหมด “เรื่องของคุณเอริคเรียบแต่ไม่ร้อยครับ”

รอยยิ้มหายไป แววตาวาววับให้ทนายเมอเรย์หวั่น เริ่มอธิบายต่อด้วยเสียงที่มีความเกรงอยู่ว่า “เขารับฟัง แต่ไม่เออออด้วย จะจัดการด้วยตัวเองเหมือนเดิม”

“เขาจะทำยังไง”

“เข้าถึง แต่วิธีนะผมไม่รู้ เพราะเขาไม่บอก”

เอวาหรุบตามองถ้วยชา คิดถึงการเข้าถึง ก็พอจะเดาได้ว่าลูกของเธอจะทำอะไร อันตราย! เสียงเธอดังขึ้นในใจ เพราะเท่าที่เธอรู้จักกรณ์ เขาเป็นเหมือนเสือที่สุขุม เยือกเย็น เงียบกริบ ดำเนินตามวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่อวดตัว ทั้งที่เขาก็เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง

เรื่องผู้หญิงก็ไม่เคยมีข่าว เขาซุ่มเงียบในทุกๆเรื่อง ต่างกับลูกของเธอ แม้จะนิ่งเฉย เก็บความรู้สึกได้ดี แต่บางทีก็เลือดร้อน กดอารมณ์ไว้ไม่รู้ และวู่วามในบางคราว ซึ่งน่าเป็นห่วงลูกของเธอนัก จึงสั่งทนายเมอเรย์ว่า

“ส่งคนไปดูแลเอริค จะได้รู้เขาว่าทำอะไรบ้าง และถ้ามีอะไรผิดพลาดจะได้ช่วยทัน”

“ครับแต่คุณเอริคมีคนของตัวเองอยู่แล้ว คงไม่ยอม”

“ทำให้ยอม รู้ไม่ใช่เหรอว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง ฉันกลัวพลาด” เธอกังวล โดยไม่รู้ว่า มันได้เกิดขึ้นมาแล้ว

ทนายเมอเรย์ถึงกับกลุ้ม มองหน้าเจ้านายที่โยนงานหนักมาให้เขาอีกแล้ว และยังจะหนักใจกับเรื่องที่จะพูดต่อไปอีก “เมื่อคืน คุณราฟมาที่ผับ”

อดีตนายหญิงนิ่งด้วยความแปลกใจ ร้อยวันพันเวลา ลูกของอีการาเซลไม่เคยไปโผล่ แล้วจู่ๆเสนอหน้าไปทำไม มันมีอะไร หรือต้องการอะไร เธอไม่ได้แค่คิดแต่ยังถามทนายเมอเรย์ด้วย แต่เขาก็ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดให้ เพราะไม่รู้เหมือนกัน ได้แต่คาดเดา จากการเห็นที่คุยกัน แต่ไม่ได้ยิน และไม่ได้ถามลูกของเจ้านาย เพราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายกลับ เขาก็กลับ

“คิดว่าเป็นเพราะข่าว จึงอยากรู้ หรือไม่ก็ไปเยาะเย้ย ที่ได้หุ้นไป”

“คงทั้งสองอย่าง อย่างพวกมันไม่เคยที่จะเห็นใจมีแต่จะทับถมเท่านั้น” เสียงเธอเยาะ “คนเป็นแม่คงเสี้ยมให้ไป แล้วฉันจะไปถามเอริค แต่บางทีอาจจะไม่ต้องถาม อีการาเซลอาจจะตีปีกร่ามาหาฉันก็ได้”

“ผมว่าอย่าไปสนใจเธอเลยครับ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือ เราต้องหาตัวผู้หญิงไทยคนนั้นให้เจอ จะได้รู้ว่าความลับของคุณเอริค เพื่อจบเรื่องเสียที หรือไม่ก็จะหาวิธีเข้าถึงผู้หญิงในมือของคุณกรณ์ เผื่อจะได้ข่าวผู้หญิงของคุณเอริค”

มือที่จับถ้วยชาของเอวาบีบเข้าหากันแน่น เพราะทุกอย่างมันยุ่งยาก จนเหนื่อยกายหนักใจ คิดว่าที่ลูกไม่ยอมบอก คงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก และที่ผู้หญิงไทยคนนั้นต้องหนี ก็คงเจอกับอะไรที่ร้ายแรงพอกัน ทุกอย่างมันบีบเข้ามา ให้ทางออกน้อยลงทุกที

“หรือจะให้คุณโจนส์ช่วย เพราะเป็นคนที่คุณกรณ์เกรงใจ” ทนายเมอเรย์เสนอออกมา เมื่อเห็นเจ้านายนิ่งเงียบ

“อย่าให้ไฟมันลามไปไหม้ทุกอย่างจนเราไม่เหลืออะไรเลย” เธอบอกแล้วเหมือนจะตัดสินใจจะทำบางอย่าง “ฉันจะไปพบเขาเอง”

ทนายเมอเรย์ตกใจ แต่เมื่อคิดแล้วก็ไม่คัดค้าน ค่อนข้างจะเห็นด้วย เมื่อเธอออกหน้า ด้วยชนชั้นทางสังคมที่ดี เขาอาจจะเกรงใจบ้างก็ได้ หรืออย่างน้อย เขาอาจให้พบหญิงไทยคนนั้น เพื่อสอบถามให้ได้ความคืบหน้าดีกว่าไม่มีอะไรเลย
*********
ดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นเหนือบ้านสีขาวของกรณ์ วิจิตรนาถ เจ้าของบ้านตื่นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นกางเกงสเล็กสีน้ำเงินกับเสื้อฟ้าอ่อน แดดอ่อนๆส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง ให้รู้เวลานี้สายมากแล้ว เขาเดินออกจากห้องนอนไปที่เทอเรสด้านหน้า มองไปที่สนามหญ้า เจ้าร็อตไวเลอร์ นั่งลิ้นห้อยมองมา ก่อนจะเห่าทักทายเบาๆ

เสียงเห่าของมัน ดังไปถึงหูคนดูแล ที่อยู่ในห้องพักหลังบ้าน ไม่เกินนาทีคนดูแล ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร ผิน ที่เป็นทั้งคนขับรถและรู้ใจ เพราะทำงานด้วยกันมานาน ก็เดินออกมา ตรงไปหากรณ์ ซึ่งก็เดินลงบันไดไปหาเช่นกัน ทั้งคู่ไปยืนคุยกันใต้ต้นไม้ข้างน้ำตกจำลอง

“เรื่องเมื่อคืน ขอบใจมาก” กรณ์เอ่ยขึ้นทันที

“ไม่เป็นไรครับ ความจริงแล้วผมไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งหมดเพราะคุณกรณ์จัดการวางแผนไว้ทั้งหมด”

“แต่ถ้าไม่มีคนทำ แผนก็ไม่สำเร็จ”

“แต่มันยังไม่จบใช่ไหมครับ”

“เพิ่งเริ่มต้นต่างหาก”

“เขาคงแค้นคุณกรณ์น่าดู อันตรายมากนะครับ” ว่าแล้วเขาก็นิ่งเหมือนกำลังคิดบางอย่าง แล้วพูดออกมา “คุณกรณ์ตั้งใจใช่ไหมครับ”

“ใช่ เรื่องอันตรายมีคนเตือนฉันแล้ว” เขาหมายถึงคนที่กู๊ดไนท์ไปเมื่อคืน มีรอยยิ้มที่มุมปากนิดๆ ก่อนเลือนหายไป แล้วพูดต่อ “แต่ฉันต้องการรู้บางอย่าง จึงต้องตีงูให้หลังหัก ให้มันเจ็บแล้วมาแว้งกัด จะได้ตามรอยได้ง่ายๆ”

“จะให้ตามเลยไหมครับ”

“รอก่อน เพิ่งเจ็บไป คงระวังตัวไม่กล้าขยับ กร่างใส่ฉันไว้เยอะกลัวฉันจะเอาคืน น่าจะนิ่งอยู่สักระยะ”

“อาจจะไม่ เพราะศักยภาพของเขา ถ้าเทียบกันแล้ว ได้เปรียบคุณกรณ์เยอะมาก”

กรณ์ยิ้มเย็น ไม่มีความหวั่นใดๆ “แต่ฉันมีสิ่งหนึ่ง ที่เขาไม่มี”

“อะไรครับ”

“นายโจนส์”
ได้ยินคำตอบแล้วแทนที่จะสบายใจ ผินกลับกังวล เพราะเขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่อง ได้แต่คิดว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เขาพ่อลูกกัน จะเข้าข้างคนอื่นมากกว่าลูกในไส้นั้นคงไม่มีทาง แต่ติดตามคนเป็นนายมานาน เขาคงไม่เสี่ยงกับอะไรที่ไม่มีเหตุผลแน่นอน แล้วมองเข้าไปในบ้าน รู้สึกยินดีกับเจ้านาย ที่ได้ผู้หญิงที่ตามติดมาอยู่ใกล้ชิด หวังไว้ว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป

เสียงรถยนต์วิ่งเข้า ทั้งคู่หันไปมองและต่างก็จำได้ว่าเป็นรถของใคร ผินจึงขอตัว เดินไปหาเจ้าร็อตไวเลอร์ พามันเดินไปที่หลังบ้าน ขณะที่กรณ์ก็เดินไปหารถที่วิ่งเข้ามา

รถยนต์คันหรูจอดสนิทหน้าบันได คนที่นั่งอยู่ในรถ เปิดประตูลงมายืนข้างรถ ส่งยิ้มให้คนที่กำลังเดินมาให้ พอกรณ์เดินมาถึง ก็เดินเคียงข้างกันเข้าไปในบ้าน ส่วนคนขับรถและอีกคนที่นั่งคู่กันมาก็ลงมาจากรถ ขนของที่อยู่ท้ายรถเข้าไปวางในบ้าน

กรณ์ยืนใช้ไหล่อิงกรอบประตู มองร่างอรชรที่กำลังทำเครื่องดื่มให้เขา ไม่กี่อึดใจกาแฟหอมกรุ่นควันสีขาวลอยเอื่อยก็มาอยู่ตรงหน้าเขา หรี่ตามองแล้วยกมือขึ้นรับพร้อมกับบอกว่า “ขอบคุณ ไม่น่าลำบากมาแต่เช้า”

“เอาของทุกอย่างใส่รถ แล้วนั่งสบายๆ มีคนขับมาให้ ไม่ลำบากอะไรเลย กรณ์ลำบากกว่าเยอะ”

คนที่ถูกว่าลำบากกว่า ยกกาแฟขึ้นดื่ม ลดมาวางไว้บนฝ่ามือ แล้วมองคนถาม ที่ไม่แน่ใจว่าที่มาหาเขา คงมีเรื่องอยากรู้ และอยากรู้ของเธอ ... ลูกนก ที่ใส่พานมาให้เขา “ไม่ลำบากอะไรเลย”

“ก็แน่ซิ เอาตัวมาให้อยู่ใกล้ๆแบบนี้ ถ้าบอกว่าลำบาก จะเอาตัวกลับให้ดู” กรองแก้วสัพยอกเบาๆ แล้วพูดต่อ “ข่าวที่หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ คนก่อเรื่องถูกลงโทษ ด้วยการยกหุ้นให้ลูกคนรองไปแล้ว”

“ราฟ” กรณ์เอ่ยชื่อคนที่ได้หุ้นไป

“ใช่” กรองแก้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะทานข้าว ซึ่งมีกล่องกับข้าวหลายอย่างที่เธอทำ และบอดี้การ์ดที่ญาติหนุ่มส่งไปดูแลเธอ ถือมาวางไว้ให้ที่นี่ เธอเปิดฝากล่องออก ตักกับข้าวออกมาใส่จานพลางพูดพลาง “แม่ของคนหนึ่งดีใจน่าดู แต่แม่อีกคนก็เสียหน้าไม่น้อย” ว่าแล้วก็หันมามองหน้าญาติหนุ่มตั้งคำถามที่น่าสงสัยออกมา “มีใครมาผลุบๆโผล่ๆแถวนี้บ้างหรือเปล่า”

“ทำไม”

“มีคำสั่งให้พาผู้หญิงคนนั้นไปพบ”

กรณ์นึกถึงคนที่เขาสั่งสอนไปเมื่อคืนทันที นอกจากเหตุที่เขาคิดไว้แล้ว ก็ถูกแรงบีบมาให้เป็นแรงบวกนี้เอง ถึงกล้ากร่างใส่เขาโดยไม่หวั่น “เจอกันแล้วเมื่อคืน” เขาบอกแล้วเล่าให้ญาติสาวฟังคราวๆ
กรองแก้วจึงเตือนเขาให้ระวัง ไม่ต่างจากที่คนสนิทกับคนที่เขากู๊ดไนท์เตือน และมีความสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นกำความลับอะไรของเขาไว้ ถึงได้กล้าแรงใส่ ทั้งที่รู้ว่าพ่อของเขา สามีของเธอถือหางอยู่ แล้วถามถึงคนที่เธอใส่พานมาให้ “ลูกนกบอกอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า เธอก็สงสัยไม่ต่างจากเรา และโจนส์ก็อาจจะคิดเหมือนกัน ถึงได้มีคำสั่งแบบนั้น”

“ตอนนี้ทุกคนสงสัยเหมือนกันหมด และต่างก็ต้องการตัวเพื่อนของลูกนก รวมถึงลูกนกที่เหยี่ยวจ้องตาเป็นมัน แค่ปกป้องอาจจะไม่พอแล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง”

“อะไร” เขาถามแล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม

“รวบหัวรวบหาง”

กรณ์เกือบจะสำลักกาแฟ กระแอมไล่ความรู้สึกซ่าๆในอกเบาๆ กรองแก้วที่มองอยู่ยิ้มขำ แล้วหาเหตุผลต่างๆนาๆมาคะยั้นคะยอให้ญาติหนุ่มเห็นดีเห็นงามด้วย เมื่อเขายังไม่เออออ เธอก็วางมือจากกับข้าว เดินมายืนตรงหน้า จ้องหน้าจองตาอย่างจริงจัง

“ชอบเธออยู่แล้ว รอเธอมานาน ความสุขอยู่แค่เอื้อมแล้วจะรออะไรอีก”

“หัวใจ”

เมื่อรู้เหตุผลว่าที่เขายังกักๆอยู่ เพราะอยากให้สาวรักตอบ ก็ยิ้มกริ่ม แล้วบอกว่า “อยู่กันไปก็รักกันเอง”

“โบราณแล้ว และก็ไม่ใช่ทุกคนจะหรือทุกคู่จะโชคดีเหมือนกรอง อีกอย่างการรอคอยอย่างมีความหวังแล้วมีความสุข ดีกว่าทำให้มันพังทลายลงแล้วพบกับความเจ็บปวด รอมาได้ตั้งนาน รออีกนิดเพื่อให้ใจตรงกัน จะเป็นไรไป”

“ระวังจะรอเก้อ เพราะเธอมีใจให้คนอื่น”

กรณ์หรี่ตามองถ้วยกาแฟในมือ ปลายนิ้วลูบถ้วยที่เปราะบางราวกับเป็นตัวเธอ ที่เขาเป็นเหมือนมดแดงเฝ้ารอดูเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่ามีแมลงตัวไหนมาบินวนเวียนหรือเกาะแกะเธอบ้าง เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ขบกรามเข้าหากัน ความหึงหวงท้วมท้นอยู่ในใจ เขาทั้งหยอด ทั้งแตะ ทั้งหอม ทั้งกอด แล้วบอกให้ใจ แต่เธอก็ยังนิ่งเฉย แม้บางครั้งเธอจะมีท่าทีให้คิดว่ามีใจ แต่การไม่แสดงออกตอบความรู้สึกของเขา ก็ทำให้คิดได้เช่นกันว่า หรือเธอจะมีใครอยู่แล้วจริงๆ
**********

ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ต.ค. 2561, 10:28:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ต.ค. 2561, 10:28:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1062





<< ตอน 6   ตอน 8 >>
แว่นใส 17 ต.ค. 2561, 07:32:28 น.
อ่ะ เริ่มหึงละ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account