ชายา ตอน เล่ห์รักดวงใจกรณ์
เพราะรูปถ่ายที่ได้เห็นเพียงครั้งเดียวในห้องทำงานของ ชินกฤต หรือเสือ แห่งตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ทำให้กรณ์ วิจิตรนาถ หลงรักเธอทันที เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับของหัวใจ แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมีคนรู้ความลับนี้เข้า และได้ทำตัวเป็นกามเทพ นำพาเธอมาหาเขา

ชิญาดา หรือน้องหนู ตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ได้รับโชคก้อนใหญ่ ได้มาเที่ยวกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมืองที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก ของสถานที่ท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรมมากมาย เธอเดินทางมาคนเดียว ปลายทางคือเพื่อนรัก ที่ไม่ได้เจอกันมานาน จึงจะมาเซอร์ไพรส์ แต่ความคิดมันสวนทางกับความจริง เมื่อมาเจอเพื่อนถูกผู้ชายเลวทรามคนหนึ่งทำร้าย

ปลายกระบอกปืนที่เล็งมา จะเอาลมหายใจจากไปจากร่างกาย ทำให้เธอกลัวไปทั้งใจ แต่หลังจากนั้นคือการลุกขึ้นสู้ คนเลวทรามต้องติดคุก แต่คุกไม่ได้มีไว้ขังคนมีเงิน มีอำนาจ เธอถูกข่มขู่ คุกคาม กามเทพจึงอุ้มเธอมาใส่ในมือเขา ที่กางแขนโอบกอดเธอไว้ ไม่ให้คลาดไปจากสายตา ห่างไกลไปจากหัวใจอีกเลย

ทุกอย่างน่าจะจบลงที่ความสุข แต่หัวใจไม่ใช่เงินตรา ที่จะจับต้องหยิบไปใช้เมื่อไรก็ได้ เธอไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเขา เขาจึงต้องทำให้เธอเห็น ด้วยภาษากาย พูดให้เธอฟัง ด้วยภาษาใจ และกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในอ้อมแขน จนเธอรับรู้แต่กลับต้องวางหัวใจ เมื่อความลับของคนมีอำนาจ กำลังจะพรากเพื่อนรักไปจากเธอ

การแย่งชิง ไหวพริบ เล่ห์เหลี่ยม ถูกนำมาใช้ ท่ามกลางความรัก และผลประโยชน์ของตระกูลบลูโน โค ทุกคนกลายเป็นหมาก ที่ต้องเดิมเกมอย่างระวัง เพราะถ้าพลาดพลั้งทุกอย่างต้องพังทลาย ชิญาดากลายเป็นกุญแจสำคัญที่ใครๆก็ต้องการตัว แต่จะมีใครช่วงชิงเธอไปจากอ้อมแขนแห่งรักของกรณ์ ได้หรือไม่ ต้องติดตาม...

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 9

ตอน 9
“คาริสา” เอริคเอ่ยชื่อเจ้าของเสียงที่เขาจำได้ดี แล้วได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆกลับมา เขาลืมความเจ็บ รีบลุกขึ้นมานั่งทันที เพราะตอนนี้เธอคือแสงสว่างในความมืดมิดของเขา คิดไม่ถึงว่าเธอจะโทรมาหา ยิ้มเหยียดด้วยความดีใจ แล้วถามออกไป “เธออยู่ที่ไหน” เขาถามออกไปด้วยเสียงที่เจือความดีใจ แต่สีหน้านิ่งเฉยราวกับเธอไร้ความสำคัญ

“ที่ๆไกลแค่ไหนก็คือใกล้ เพราะคุณไม่ลืมฉันใช่ไหมคะ”

“ใช่” ปากเขายอมรับเพราะคิดจะช่วงชิงความลับกลับมา ขณะที่จิตใจชิงชังเธอเป็นต้นเหตุให้เขาต้องพบเจอกับความตกต่ำของชีวิต และพูดจาหว่านล้อมเธออีก “กลับมาหาฉัน ฉันยอมทุกอย่างแล้ว”

“แต่ฉันไม่ยอมแล้วค่ะ” เสียงที่ตอบกลับมามีความรื่นเริง เพราะจิตนาการเห็นเขาดิ้นทุรนทุรายอยู่ตรงหน้า

“ไม่ ไม่ นะแคท” เขาละล่ำละลักออกไป พร้อมกับคิดหาคำพูดต่างๆมากล่อมเธอ “ตอนนั้นฉันแค่โกรธ ที่เธอมายุ่งกับของๆฉัน ฉันก็เลยเผลอทำร้ายเธอเข้า กลับมาหาฉันนะแคท ฉันจะทำให้เธอเป็นบลูโน โค”

“หึๆๆ น่าขันจริง ถึงกับยอมทุกอย่าง เมื่อมันเข้าตาจนแล้วเหรอคะ ยังหรอกค่ะ มันยังไม่ถึงที่สุดด้วยซ้ำไป คุณยังเจ็บไม่ถึงครึ่งที่ฉันเจ็บ ยังไม่รู้สึกทุกข์ทรมานเหมือนที่ทำไว้กับฉันเลย คุณคิดว่าทุกอย่างมันจะจบง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ อย่างหวัง” เสียงเธอกร้าวขึ้นมา

“ไม่แคท ได้โปรด ฉัน ฉันขอโทษที่ทำอย่างนั้นกลับเธอ แต่เราคุยกันได้นะ เธอจะให้ฉันทำยังไง ก็บอกมาเลย ฉันยินดี”

“โกหก”

“ฉันพูดจริง”

“ฉันรู้สันดานคุณแล้ว ไม่ต้องมาหลอกกันอีกหรอก ฉันไม่มีวันเชื่อผู้ชายใจสัตว์อย่างคุณอีกแล้ว เพราะฉันมีคนใหม่ให้เชื่อใจแล้ว”

“มีคนใหม่” เสียงเขามีความกังขา แล้วสีหน้าก็มีความสมเพชเธอ ที่หายไปจากเขาไม่กี่วัน ก็ไวไฟมีคนใหม่ และควรจะฉวยโอกาสนี้ตะล่อมเธอ “งั้นเธอก็ควรจะคืนของฉันกลับมา เพราะไม่มีค่ากับเธอแล้ว”

“ฉันต้องถามเขาก่อนค่ะ”

“ถามเพื่ออะไร หรือมันอยากได้อะไร”

“เดี๋ยวคุณเห็นรูปแล้วจะรู้คำตอบเอง”

“รูปอะไร”

“หึๆ” เธอหัวเราะกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะพูดมาว่า “คนใหม่ของฉันไงคะ รับรองว่าเห็นแล้วคุณจะคิดถึงฉันมากขึ้นคะ”

พูดจบสัญญาณก็ขาดหายไป ทิ้งปริศนาไว้ให้เอริค ซึ่งไม่มีเวลาคิด รีบกดดูเบอร์ของเธอเพื่อจะหาสัญญาณว่าเธออยู่ที่ไหน แต่เธอใช้เบอร์อื่น ไม่ใช่เบอร์ประจำที่เคยเปิดให้เขารู้ความเคลื่อนไหว “บ้าจริง” เขาได้แต่เจ็บใจ แล้วลองกดเบอร์โทรกลับ แต่มีเสียงสัญญาณข้อความดังขึ้นมาเสียก่อน เขารีบกดเข้าไปดูรูปภาพ แล้วนั่งตัวแข็งทื่อ เหมือนถูกสาป มือไม่มีเรี่ยวแรง โทรศัพท์ร่วงจากมือ เพราะรูปคนใหม่ของเธอ คือ ความลับของเขา
***********
คาริสามองรูปเก่าที่เอามาเล่นเกมในโทรศัพท์ ยิ้มกว้างด้วยความสะใจเพราะคิดว่าตอนนี้ คนรักที่สารเลวคงแทบกระอักออกมาเป็นเลือด เมื่อได้เห็นว่าผู้ชายคนใหม่ที่เธอเคียงข้าง คือ น้องต่างแม่ที่เขาหวังจะกำจัดให้พ้นไปจากตระกูล จากนี้ไปเขาจะผวาอยู่ไม่เป็นสุข ทุกข์ด้วยความกลัว ว่าเธอจะบอกความลับที่เป็นความลับขั้นสุดของอีกฝ่าย ให้ได้รู้ แล้วเขาจะเป็นฝ่ายที่ไม่เหลืออะไรเลย

ความลับที่เธอบังเอิญได้พบเจอ วันที่เขาไม่อยู่ และเธอกำลังแต่งตัวจะออกไปข้างนอก หยิบต่างหูมาใส่แต่หลุดมือกระเด็นไปบนโต๊ะข้างหัวเตียง เธอมองหารอบๆแล้วไม่เจอก็คิดว่าอาจจะตกลงไปในแจกันดอกทิวลิป จึงดึงดอกไม้ออก คว่ำแจกันหวังว่าต่างหูจะร่วงลงมา แต่กลับเป็นอย่างอื่น ที่พิจารณาแล้วคือฮาร์ดดิส ที่เธอแน่ใจว่าไม่ใช่ของเธอแน่นอน แต่มันเป็นของใคร และใครเป็นคนเอามาใส่ไว้

เธอมองอย่างสงสัยแล้วมองแจกัน ที่ๆไม่น่าจะมีอะไรมาใส่ไว้ ถ้าไม่ใช่ของสำคัญ คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็เดินไปที่โต๊ะทำงาน โน้ตบุ๊คที่วางอยู่สามารถไขข้อข้องใจเธอได้ จัดการใส่ฮาร์ดดิสเข้าไปให้เครื่องประมวลผล ไม่นานเธอก็ได้คำตอบ ชนิดที่คาดไม่ถึง หัวใจโหวงวูบ เมื่อเห็นผู้ชายหลายคน ยืนมองเด็กสาวหลายเชื้อชาตินับสิบคน นั่งซุกตัวอยู่ในห้อง ด้วยท่าทางหวาดกลัว สีหน้าหวาดหวั่น บางคนมีน้ำตา บางคนมีรอยช้ำ บ่งบอกให้รู้ว่าถูกทำร้ายมา

และที่น่าตกใจขึ้นไปอีก คือมีเด็กหนุ่มๆปะปนอยู่ด้วย สีหน้าแววตาแต่ละคนละห้อย อ้อนวอนขอความสงสารแต่พวกผู้ชายกลับมองเด็กหนุ่มสาวเหล่านั้นเป็นสินค้า มีการเจรจาตกลงซื้อขายกันราวกับเป็นธุรกิจที่สำคัญ และบางคนก็กลัดมันถึงขนาดกระชากตัวมากอดจูบลูบคลำ มันช่างอัปยศที่สุด

เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน ภาพต่างๆยังคงดำเนินไป กระทั่งมีใครบางคนที่คุ้นตาเธอ ซึ่งกำลังนัวเนียอยู่กับเด็กผู้ชาย ที่ปัดป้องถอยห่าง แต่เขากลับรุกไล่แล้วหันมายิ้มกับกล้อง เธอเข่าอ่อนจนแทบจะยืนไม่อยู่ เกือบจะทรุดตัวล้มทั้งยืน เพราะเขาคืออดีตคนรัก ทายาทอีกคนของตระกูลบลูโน โค

เขายิ้มแย้มหัวเราะแล้วผละจากตัวเด็ก ไปหยิบแก้วเครื่องดื่ม ชายคนอื่นๆก็เหมือนกัน จากนั้นทุกคนก็ยกแก้วมาชนฉลองกันอย่างมีความสุข เธอรีบปิดคลิปภาพ ดึงฮาร์ดดิสมากำไว้พร้อมกับคิดว่าจะทำยังไงกับความลับนี้ดี จะเก็บไว้ที่เดิม หรือเปลี่ยนที่ใหม่ และสุดท้ายใครจะคิดว่ามันสำคัญถึงขนาดทำให้คนรัก...ฆ่าเธอ

น้ำตาคาริสาไหลริน เมื่อคิดถึงภาพอันแสนเจ็บปวด รอยแผลหายได้แต่รอยใจไม่หายไปเลย ยิ่งฝังลึกจนกลายเป็นความแค้น ครอบครัวของเธอไม่เคยล่วงรู้ว่าเธอจะทำตัวเลว ชิงสุกก่อนห่าม มิหนำซ้ำยังพลาดมีท้อง แล้วสูญเสียไปเพราะความชั่วของคนที่เธอรัก เธอจึงยิ่งแค้น และเขาต้องชดใช้

เธอปาดน้ำตาออกจากหน้า โทรศัพท์ที่อยู่ในมือกดไปหาคนที่เป็นน้ำเย็น ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้เธอ เข้าใจเธอเพราะเห็นกับตาว่าเธอเจอกับความโหดร้ายเพียงใด เสียงสัญญาณดังเพียงไม่กี่ครั้ง เสียงหวานใสก็ดังมาให้เธอได้มีรอยยิ้ม ยิ้มอย่างสุขใจและคิดถึงเหลือเกิน

“น้องหนู” เธอส่งเสียงเรียกอีกฝ่าย ซึ่งนั่งอยู่ในรถของคนปกป้อง ยิ้มด้วยความดีใจที่เพื่อนรักโทรมาหาอีกแล้ว รีบพูดตอบกลับไปรัวๆ ด้วยคำเดิมๆที่เต็มไปด้วยความห่วงใย

“แคทแคท เป็นไงบ้าง แล้วอยู่ที่ไหน บอกหนูมา หนูจะไปหาทันทีเลย”

“แคทไม่เป็นไร ดีขึ้นมากแล้ว แต่อย่ารู้เลยว่าอยู่ที่ไหน เพราะน้องหนูรู้ไปก็อันตรายเปล่าๆ แคทจะให้ทุกอย่างมันจบที่แคทเอง”

“หมายความว่าไง แคทจะทำอะไร”

“เอาคืน”

ปลายเสียงเงียบไป เพราะอึ้งอยู่กับสิ่งที่ได้ยิน แล้วรวบรวมสติถามออกไป “แคทจะทำยังไง”

เธอไม่ตอบ มีแต่ถามกลับไปว่า “น้องหนูเป็นไงบ้าง พักอยู่ที่ไหน แล้วคนเลวนั้นตามคุกคามหรือไปข่มขู่อะไรบ้างหรือเปล่า”

“ก็มีบ้าง แต่ไม่ต้องห่วง หนูมีคนปกป้อง เขาดูแลดี”

“ใคร”

ชิญาดาปรายตามองคนขับเพียงเล็กน้อย แล้วชั่งใจว่าจะบอกเพื่อนดีหรือไม่ เพราะเขาอยู่ใกล้คนที่ทำร้ายเพื่อนรักเหลือเกิน แม้ยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ถ้าบอกไปเพื่อนจะระแวงคลางแคลงใจอะไรหรือเปล่า หรือจะถอยห่างออกไปไม่ส่งข่าวคราวใดๆอีก

อีกอย่างตัวเธอเองก็ยังไม่ไว้ใจเขาร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน เมื่อเขามีเส้นใยถักทอเป็นความสัมพันธ์กับคนพวกนั้นอยู่ สักวันหนึ่งอาจจะเปลี่ยนไปช่วยเหลือกันใครจะรู้ ในขณะที่เธอนั้นไม่ได้มีสายใยใดๆกับเขาเลย นอกจากความรู้สึกของใจที่เพิ่งเกิดขึ้นมา

“คุณกรณ์ คนไทยในต่างแดน” เธอตัดสินใจบอกไปแบบนั้น เพื่อไม่ให้เพื่อนคิดมาก และเตือนตัวเองให้ระวังไปในตัวว่าอย่าไว้ใจ ให้ใจเขาทั้งหมด เพียงเพราะแค่คำพูดกับการกระทำไม่กี่วัน เธอควรจะคิดในทางร้ายๆไว้บ้างว่าบางที ที่เขาทำดีก็เพราะอยากจะรู้ข้อมูลของแคทก็ได้

“ดีแล้ว และถ้าเป็นไปได้ น้องหนูควรกลับเมืองไทยไปเสีย”

“ไม่ หนูจะไม่ทิ้งแคท จะอยู่ช่วยแคทมีอะไรให้ช่วยก็บอกมาเลย”

“ขอบใจนะ แต่อย่าเอาตัวมาเสี่ยงกับแคทเลย และที่บอกว่ามีบ้าง คนเลวนั้นทำอะไร”

“ตบ”

“สารเลว” เสียงกร้าวด้วยความโกรธ แม้ชิญาดาจะบอกว่าไม่เป็น และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แต่คาริสาได้เพิ่มรายการนี้ลงในบัญชีความแค้นแล้ว

“แคท” ชิญาดาเรียกเพื่อน แล้วถามสิ่งที่คาใจอยู่ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนั้นเขาทำแบบนั้น”

“ความลับ”

“ความลับอะไร หรือว่าแคทไปรู้เรื่องอะไรของเขาเข้า”

“ไม่ใช่ แต่เขาอยากได้สิ่งนั้น แคทก็เลยต่อรอง เรียกร้องเกียรติให้ตัวเอง แล้วทุกอย่างก็เลวร้าย อย่างที่หนูมาเจอ” น้ำเสียงเธอสั่นพร่า ความเจ็บปวดกลับมาเมื่อต้องหวนไปคิดถึงภาพเหล่านั้นอีกครั้ง “แต่มันไม่ใช่แค่นั้น ยังมีเรื่องอื่นอีก”

“ท้อง”

“น้องหนู” เสียงของคาริสาแผ่วด้วยความสะเทือนใจ น้ำตาที่หายไปกลับมาไหลริน แต่แววตาเต็มไปด้วยความแค้น คิดไม่ถึงว่าคนสารเลวจะชั่วช้า หน้าตัวเมีย จะประจานความอัปยศของเธอ ที่เขาเป็นคนทำให้เกิดขึ้นมาแล้วทำลายให้หายดับไป

ความเงียบงันของเธอทำให้ชิญาดาสงสารเพื่อนรับจับใจ ไม่ต้องพูดต่อก็รู้ว่าเป็นความจริงแน่นอน “ไม่เป็นไรนะแคท ไม่เป็นไร” เธอปลอบไปพลางคิดว่า ถ้าเพื่อนยืนอยู่ตรงหน้าจะโอบกอดปลอบโยน และฟังเสียงที่เจือด้วยความสะอื้นแผ่วๆออกมา

“แคทเลว แคท ขอโทษที่ทำอะไรแย่ๆแบบนั้น แคทจะไม่มีวันลืมความเลวร้ายที่เขาทำกับแคท และถ้าเขาไปวอแวกับน้องหนูอีก อย่าไว้ใจเขาเด็ดขาด อย่าให้เขารู้ว่าเราติดต่อกัน”

“สายไปแล้ว”

“หมายความว่า...”

“ใช่” เธอยอมรับ คืนที่หนูเจอเขา แล้วเขาถามถึงแคท หนูอยากให้เขารู้ว่า ถ้าคิดจะทำอะไรแคทอีก มันไม่จบที่แคท แต่ยังมีหนูที่รู้ความเลวเขาอีกคน”

“ไม่น่าเลย หนูไม่น่าบอกเขา เพราะเท่ากับเอาตัวไปเสี่ยงกับอันตรายมากขึ้น” เสียงคาริสาเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ไม่เป็นไร บอกแล้วว่าไม่ต้องห่วง มีคนปกป้อง

“ฟังเสียงแล้วรู้สึกว่าหนูจะชื่นชมเขานะ เป็นแค่คนต่างแดนจริงหรือเปล่า”

เสียงเพื่อนรักมีแววสัพยอกนิดๆ แต่ชิญาดากลับรู้สึกลำบากใจ ต้องกลับมาคิดหนักว่าจะบอกดีหรือไม่ และสุดท้ายก็คิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบัง การให้ความกระจ่าง แม้จะเป็นเหมือนดาบสองคม คือรู้แล้วก็จะได้ช่วยเป็นหูเป็นตา ให้กันและกันได้ แต่ถ้าไม่รู้ ก็จะดูเหมือนยิ่งถูกหลอก ที่สำคัญการบอกไป เพราะเธอหวังว่าเพื่อนจะรู้จัก เมื่อเธอเกี่ยวข้องกับคนตระกูลนี้ ก็น่าจะรู้จักเขาที่มีความสัมพันธ์กันอยู่เช่นกัน

“เขาเป็นญาติของคุณกรองแก้ว ภรรยาของประธานบลูโน โค”

คาริสาอึ้งไปกับคำตอบ เพราะความเกี่ยวข้องที่ซับซ้อน จนทำให้เธอต้องการเวลาเรียบเรียง จึงบอกว่า “แค่นี้นะ”

“ไม่นะแคท” ชิญาดารีบเรียกเพื่อนไว้ ด้วยคิดว่าเพื่อนรักกำลังคลางแคลงใจ “อย่าเพิ่งวางซิ เขาไว้ใจได้”

“ไม่มีใครน่าไว้ใจ แม้แต่ตัวเราเอง บางครั้งก็ยังทรยศด้วยการกลืนน้ำลายตัวเองบ่อยๆ และผู้หญิงคนหนึ่ง ไว้ใจผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกัน เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ เขาเป็นคนพิเศษ ใช่ไหม”

“แคท” เธอได้แต่เอ่ยชื่อเพื่อนออกมา ไม่รู้จะตอบยังไงจะปฏิเสธก็ทำไม่ได้ เมื่อรู้หัวใจของตัวเองดี จะยอมรับก็ยังไม่เชื่อใจเขาทั้งหมด ยังก่ำกึ่งคลุมเครือ คนที่มีประสบการณ์มาก่อนได้พบเจอแล้วว่ามันเป็นยังไง ได้แต่เตือนว่า

“อย่าให้หัวใจมันทำร้ายตัวเรา เหมือนที่แคทเจอ”

คาริสาทิ้งคำพูดไว้แล้ว ก็วางสาย ขณะที่ชิญาดาก็นิ่งเงียบ แนบหน้ากับเบาะรถ สายตามองสองข้างทางอย่างเลื่อนลอย คนขับรถปรายตามองเพียงแวบเดียวก็ตวัดสายตาไปมองถนนเช่นเดิม เขาได้ยินคำพูดของเธอ แม้จะไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่หนึ่งในนั้นมีเรื่องเขารวมอยู่ด้วย
***********
ประตูกระจกอาคารราฟเวดดิ้งถูกผลักให้เปิดออก ด้วยมือของเรนียา น้องสาวเจ้าของอาคาร แล้วปิดโดยไม่สนใจคนที่กำลังเดินตามมา เพราะไม่อยากคุยด้วยอยู่แล้ว เธอเดินไปที่ลิฟต์ กดให้เปิดเดินเข้าไปแล้วกดให้ปิด แต่ถูกคนที่เดินตามมาแทรกตัวเข้ามาก่อนที่ประตูจะปิด

เรนียาไม่มองหน้า ไม่สบสายตา ขณะที่คนที่เข้ามายืนข้างๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน ราเซล แม่ของเธอนั่นเอง จ้องหน้าเธอด้วยสีหน้าที่เห็นชัดว่าเคืองจัด เพราะเธอทำให้ขายหน้า ทิ้งทุ่นที่หวังจะให้เหยื่อมาฮุบเบ็ดต่อหน้าต่อตา กลับไปถึงซีราเซล เธอก็เดินไปที่รถตัวเอง ขับออกไปช้อปปิ้งแก้เซ็ง นัดเพื่อนไปทานข้าว หมดไปหลายชั่วโมง ก็ยังไม่อยากกลับไปเจอหน้าคนเป็นแม่ จึงขับรถมาที่นี่ ไม่คิดว่าโชคชะตาจะตลกร้าย พอเธอจอดรถ ลงจากรถ เดินเข้ามาในอาคาร รถของคนเป็นแม่ก็เข้ามาจอดข้างรถเธอเดินตามหลังเธอมาติดๆ

“ไปไหนมา” เธอถามเสียงมะนาวไม่มีน้ำ เพราะถูกลูกทิ้งให้ร้อนรุ่มอยู่คนเดียว และยังมาทำเมินใส่ ถามไม่ตอบอีกต่างหาก “เรนียา” เธอเรียกเสียงหนัก “ตอบฉันมา” เธอสั่ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบ กระทั่งประตูลิฟต์เปิดออก ลูกไม่รักดีก็ก้าวออกไป เธอก็เดินตามกระทั่งไปอยู่ในห้องทำงานของลูกชาย

ราฟมองหน้าน้องสาวที่เดินเข้ามานั่ง หน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนโซฟากลางห้อง แล้วตวัดสายตาไปมองคนเป็นแม่ที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ต่างกัน ก็รู้ได้ทันทีว่าคงมีเรื่องไม่พอใจกันอยู่ แต่...รอยช้ำบางๆที่แก้มทั้งสองข้างและชัดเจนที่มุมปาก ทำให้เขาขบกรามเข้าหากันแน่น

“ใครทำ”

เสียงกร้าวของลูกที่นานๆครั้งจะได้ยินทำให้ราเซลชะงัก ยกมือขึ้นแตะที่แก้มตัวเอง เรนียาปรายตามองคนเป็นแม่ รอฟังว่าท่านจะตอบเหมือนที่ตอบเธอหรือเปล่า

“ไม่รู้ แต่คนที่เกลียดก็มีอยู่คนเดียว เดาถูกไหมละ”

ราฟรู้ได้ทันที แล้วลดท่าทีแข็งกร้าวลง เหมือนไม่ได้สำคัญอะไรอีก แต่จิตใจนั้นแค้นคนทำสุดๆ ที่ทำร้ายแม่ของเขาอีกแล้ว ความไม่ลงรอยกันในอดีตที่มีมาถึงปัจจุบันนั้น เขารู้เช่นเดียวกับที่เรนียารู้ แต่ต้องทำเฉย มองผ่านมันไป เพราะเขายังไม่มีพร้อมทั้งอำนาจและบารมี ขณะที่อีกฝ่ายมีความพร้อมทุกอย่าง

ที่ผ่านมาเขาเหมือนแอบอยู่หลังกระโปรงคนเป็นแม่ ท่านเป็นคนออกหน้าทุกเรื่อง ขณะที่เขากับน้องต้องนิ่งเฉย ให้อีกฝ่ายมองผ่านเหมือนไม่ได้มีสายเลือดผูกพัน แต่อีกไม่นานนี้หรอก เรื่องร้อนฉ่าที่ลูกมันทำขึ้น เขาจะเอามาเล่นงานให้ดู

“แม่ไปก่อเรื่องอะไรกับเธอไว้อีกละ” เสียงถามหน่ายๆเหมือนไม่สนใจเช่นเคย

“แตะต้องลูกชายหัวแก้วหัวแหวน” เรนียาเป็นคนตอบแทน

“ไอ้เอริค”

“ใช่ ข่าวร้อนๆที่หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ตอนนี้หายไปแล้วนั่นแหละ ฝีมือแม่” เรนียาไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี สงสารก็ใช่ แต่ถ้าอยู่นิ่งๆเฉยๆ ไม่ไปวุ่นวายเรื่องก็ไม่เกิดขึ้น

“ไหนแม่บอกว่าไม่ได้ทำ”

“ฉันไม่อยากพูดแค่นั้นเอง” ราเซลบอกปัดลูกชาย แล้วหันมาหาลูกสาว

“พูดเรื่องของแกมา”

เรนียาเมินหน้าไปทางอื่นทันที แต่คิดได้ว่าการหนีไม่มีทางจบ ก็หันหน้ากลับมาบอกว่า “ไม่มีอะไรต้องพูดนี่ค่ะ”

“ไม่มีได้ไง แกทำฉันงามหน้าต่อหน้าคุณกรณ์แบบนั้น แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“แล้วที่ยืนอยู่เนี๋ย เอาไว้ที่ไหนคะ ก็ยังอยู่บนคอเหมือนเดิม” เธอย้อน เพราะไม่อยากไปเป็นเบี้ยให้แม่อีกแล้ว “แล้วแม่จะไปยุ่งกับเขาอีกทำไม ก็เห็นอยู่ว่าคนมีผู้หญิงของเขาอยู่แล้ว”

“ผู้หญิงที่ถูกหมายหัวอยู่นั่นนะเหรอ จะอยู่ได้สักกี่น้ำ ไม่นานก็ต้องหายไป”

“แม่ปิดตาไม่ยอมรับความจริงนะซิ ถึงได้บิดเบือน เหมือนไม่เห็นว่าเขาจับมือเธอไว้อย่างห่วงหวง และไม่แม้จะเชิญแม่เข้าไปนั่งในบ้านด้วยซ้ำไป”

“ก็เขามีธุระ” ราเซลยังบ่ายเบี่ยง ทั้งที่คำพูดลูกแทงใจดำ

“แต่ถ้าเขาเห็นว่าแม่สำคัญ หรือมีใจให้หนูสักนิด เขาก็จะทิ้งธุระไป แล้วเอาใจแม่ขึ้นมาทันที แต่การกระทำของเขาบอกชัดเจน ว่าเขาไม่ได้สนใจหนู และหนูก็ไม่ได้สนใจเขา แล้วแม่ยังจะพยายามยัดเยียดหนูให้เขา เหมือนหนูไม่มีค่าเลย แต่หนูยังมีศักดิ์ศรีนะคะ หนูจะไม่ยอมให้เขาดูถูกหนูเด็ดขาด”

“ศักดิ์ศรีเหรอ ศักดิ์ศรีที่ฉันเห็นว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยามอด ท้องหิว มันช่วยให้อิ่มได้ไหม ก็ไม่ มีแต่ต้องช่วยตัวเอง ขวนขวายทุกอย่างเพื่อให้มีข้าวมากรอกปาก จนมีพวกแกมานั่งแดกดันฉัน รักศักดิ์ศรีมากว่าฉันที่เกิดพวกแกมา ฉันมันน่าสมเพชจริงๆ” ราเซลตัดพ้อลูกและชะตา ที่เลวร้ายของตัวเอง แล้วกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟา

เรนียาใจอ่อนยวบ เห็นใจคนเป็นแม่ แต่เธอก็ไม่อาจทำอย่างที่ท่านต้องการได้จริงๆ ให้ไปอ่อยผู้ชาย ไปเสนอตัว ทั้งที่เขาไม่แม้จะชายตามอง มันเกินคำว่าอายและสมเพชจริงๆ แต่พูดอะไรไปแม่ก็คงไม่ฟัง ยังคงยึดความคิดของตัวเอง จึงนิ่งเงียบดีกว่าจะพูดให้มีความเคืองขุ่นมากไปกว่านี้

ราฟที่ฟังทั้งคู่คุยกัน สะดุดกับคำว่ากรณ์และผู้หญิงที่ถูกหมายหัว คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากหญิงสาวที่ไอ้เอริคต้องการตัว เพื่อสาวไปถึงตัวผู้หญิงของมัน ที่จนป่านนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ไหน ที่เขาไม่เข้าใจคือมันจะควานหาตัวเธอกลับมาทำไม หรือว่าเธอมีสิ่งสำคัญของมันอยู่

มันคืออะไร จะเกี่ยวกับที่มันพูดเป็นปริศนากับเขาที่ร้านมันหรือเปล่า เขาคิด แล้วความคิดต้องสะดุด เมื่อโทรศัพท์มือถือของเขา ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ส่งเสียงขึ้นมา เขาหยิบมาดูเบอร์ที่หน้าจอ แล้วกดรับสาย ฟังเสียงที่ดังมา ไม่กี่อึดใจก็ตอบกลับไป

“ได้ซิ อืม ตกลง” เขาพูดแค่นั้นแล้ววางสาย ลุกขึ้นยืน ก้าวออกมาจากโต๊ะทำงาน เดินไปที่ประตู แต่ยังเปิดออกไปไม่ได้เพราะเสียงคนเป็นแม่หยุดยั้งไว้

“จะไปไหน”

“ถ้าแม่ไม่รู้นี่จะนอนไม่หลับเหรอครับ”

“ไม่ต้องมาประชดฉัน” เสียงราเซลยังไม่หายขุ่น “ฉันอยากให้แกไปหาพ่อแก เสนอตัวไปช่วยงาน ให้เขาเห็นว่าแกมีคุณค่ามีคุณภาพ เหมาะสมกับที่เขายกหุ้นมาให้ ไม่ใช่ไปเที่ยวเตร่ มั่วอยู่ในสังคมผิดแผกนั้น” เธอรู้เรื่องความชอบในเพศเดียวกันของลูกอยู่ แต่ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่จี้ไม่ขุด เพราะจะทำให้กลายเป็นที่จับตามอง อีกอย่างจะได้ไม่เป็นที่สงสัยของอดีตสามี

“มันความสุขของผม”

“แต่เป็นความทุกข์ของฉัน ที่มีลูกไม่ได้ดังใจ ไม่เชื่อฟัง และกำลังจะทำทุกอย่างให้พังลงไป ทั้งๆที่กำลังจะไปได้ดี แค่อีกไม่กี่อึดใจ ก็จะได้สบายไปทั้งชาติ”

“แล้วแม่รู้ได้ยังไง ว่าผมจะไม่ทำ”

“ก็พฤติกรรมแกมันทิ่มตาฉันอยู่นี่ไง”
“บางสิ่งที่เห็น อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้” เขาบอกขณะที่แววตาแฝงด้วยเลศนัยบางอย่าง “และแม่ก็ควรเลิกพาเรยาไปเสนอไอ้คุณกรณ์อะไรนั้นได้แล้ว เพราะจะทำให้เขาถอยห่างออกไป จนเราไม่ได้อะไรจากเขาเลย”

“ไม่ เพราะสิ่งที่ฉันทำ จะทำให้เราได้ใกล้ชิดเขา ได้รู้ความเคลื่อนไหวของผู้หญิงที่เขาดูแลอยู่”

“แล้วได้อะไรไหมละครับ นอกจากความขายหน้า” ว่าแล้ว ก็เปิดประตูออกไป

“ฉันเจอนังเอวาด้วย”

ราเซลรีบพูดออกมาเพื่อจะรั้งลูกไว้ แต่ไม่ทันแล้วเมื่อประตูปิดลง โดยไม่รู้ว่าราฟได้ยินเสียงและคิดอย่างสงสัยว่าอดีตเมียของพ่อได้อะไรจากการไปที่นั้น

ราเซลสุดจะเคืองที่ไม่อาจรั้งลูกชายไว้ได้ แล้วหันมามองลูกสาว ที่นั่งนิ่งท่าทางเฉยเมยกับเธอ อารมณ์ก็ยิ่งเสีย “ฉันจะกลับร้าน แกจะกลับด้วยหรือเปล่า”

“หนูขออยู่ห่างแม่สักพักก็แล้วกัน”

“ฉันไม่ใช่ยักษ์” เธอกระแทกเสียงใส่ “และอย่าคิดว่าห่างกันแล้ว แกจะรอดมือฉันไปได้ ตราบใดที่เขายังตัวเปล่าเล่าเปลือย ไม่มีพันธะ โสดเนื้อหอมอยู่อย่างนี้ แกไม่พ้นมือฉันหรอก”

“ค่ะ แต่หนูจะไม่จับเขา อย่างที่แม่ต้องการ”

“เรนียา” เสียงเธอเหมือนสุดจะทนกับลูกแล้ว เรนียาก็ไม่สนใจ บอกขอตัวแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้แม่ทุกข์ใจอยู่กับกิเลสคนเดียว
***********
เวลากลางวันของชีวิตหมดไปอีกหนึ่งวัน เมื่อความมืดคืบคลานเข้ามาปกคลุม ดวงไฟนับล้านๆดวงก็เริ่มสว่างไสวขึ้นมา พร้อมๆกับดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ของชิญาดา ก็กะพริบเปิดเปลือกตาขึ้นมา ภาพแรกที่เห็นคือหลังคารถของคนที่พาเธอไปโรงพยาบาล จึงมองไปที่เบาะคนขับ แต่ไม่เห็นเขาคนนั้น ก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ผ้าขนหนูผืนใหญ่ร่วงมากองที่ตัก เธอมองพลางคิดว่าคงเป็นของคนที่พามาที่นี่ แล้วได้เห็นว่าเบาะที่เธอนั่งอยู่นั้นถูกปรับเอนลงเป็นที่นอน

เธอปรับเบาะให้กลับมาเป็นแบบเดิม แล้วก็ได้เห็นกระจกประตูรถถูกลดลงมาให้อากาศถ่ายเท แสดงว่าเธอต้องหลับไปนาน ก็มองหาคนที่ทิ้งเธอให้อยู่ในรถคนเดียว เมื่อไม่เห็นก็เปิดประตูออกไปจากรถ แล้วยืนนิ่งเหมือนโดนสาป เพราะภาพตรงหน้าที่เห็น ดวงไฟนับล้านๆดวงส่องประกายอวดสีสันสวยงาม เหมือนได้เห็นเมืองเวียนนาทั้งเมืองประทับใจจนต้องยิ้มกว้าง

สายลมพัดมาให้รู้สึกตัว ก็เหลียวมองคนที่พามา ร่างสูงนั่งอยู่บนกระโปรงท้ายรถ เอนตัวพิงกระจกหลังยกมือขึ้นกอดอก เธอเดินไปหา และได้เห็นเขาหลับตา ก็คิดว่าเขาคงหลับจึงพิจารณาใบหน้าที่คมคาย คิ้วเข้ม จมูกโด่งรับกับริมฝีปากเธอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง ด้วยความเผลอไผลเพราะไปคิดถึงภาพที่เขาจูบเธอแล้วปรับสีหน้าแววตาให้นิ่ง เมื่อเห็นเขาขยับตัว

กรณ์ลืมตาขึ้นมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่มีความแปลกใจที่เห็นเธอมายืนอยู่ตรงนี้แทนที่จะนอนอยู่ในรถ นั่นเพราะเขารู้ตั้งแต่เธอขยับตัวอยู่ในรถแล้ว หลังจากพาเธอไปหาหมอ ซึ่งไม่มีอะไรน่าห่วงอย่างที่เขากังวล เป็นแค่การอักเสบจึงทำให้มีไข้ ได้ยามาทานแล้วก็พาเธอออกมา และระหว่างทางหลังจากการพูดคุยโทรศัพท์ ที่มีชื่อเขารวมอยู่ในการสนทนาด้วย เธอก็หลับไป

เขาจึงพาเธอมาที่นี่ เมื่อเธอตื่นมาจะเห็นความสวยงาม ช่วยบรรเทาเรื่องที่ไม่สบายใจ แล้วก็สมความตั้งใจที่เธอชอบ ก็ลงจากท้ายรถมายืนตรงหน้าเธอ ยกมือขึ้นแตะหน้าผาก ไม่มีความร้อนรุ่มแล้วก็ลดมือลงมาจับมือเธอไว้ หันหน้าไปมองความสวยงามของดวงไฟ

ชิญาดาไม่ได้หันตาม เธอกำลังคิดถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา มันชัดเจนจนกลบทุกอย่างไปหมด แม้แต่ความไม่ไว้ใจ ที่เตือนใจอยู่เสมอ และยังคำพูดของเพื่อนที่หวังดี ซึ่งเธอก็รู้ดี แต่เมื่อหัวใจมันทรยศ มันก็ยากต่อการควบคุมจริงๆ ยิ่งอยู่ใกล้ ได้ใกล้ชิด ประกอบกับการกระทำเอาใจใส่ดูแล ปกป้อง และที่สำคัญความรู้สึกของเขาที่บอกเธอมา ทำให้ใจเธอไม่ได้เป็นของเธออีกต่อไปแล้ว

“ฉันขอไปอยู่ที่อื่นได้ไหมคะ”

กรณ์หันมามองร่างอรชรที่ยืนนิ่งอยู่ข้างตัว ดวงตาเขาจ้องใบหน้าเธอราวกับมีอะไรติดอยู่ เพราะพูดในสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบมันจะเป็นยังไง ถึงกระนั้นก็ยังถามเพื่อฟังเหตุผล “ทำไม มีอะไร”

“กลัวค่ะ”

“กลัวใครผู้หญิงสองคนที่ไปหาพี่นั่นเหรอ”

ชิญาดาเก็บเหตุผลของตัวเองไว้ก่อน เมื่อเขาพูดถึงคนอื่น ที่เธอก็อยากรู้ว่าเป็นใคร เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลเรื่องของเพื่อนรัก “เธอเป็นใครเหรอคะ”

“อดีตภรรยาคนที่สองของโจนส์กับลูกสาว ราเซล เรนียา และมีลูกชายอีกคนชื่อราฟ ทำธุรกิจสถานที่ออกกำลังกายแบบครบวงจร แล้วก็เวดดิ้ง”

“ลูกๆของอดีตภรรยาคนแรกกับคนที่สอง สามัคคีกันดีไหมคะ”

“ต่างคนต่างอยู่ มีพื้นที่ของตัวเอง ไม่ก้าวก่ายกัน และผู้หญิงอีกคนที่เจอที่ผับ เอริน่าเป็นน้องสาวของเอริค”

“และก็ชอบคุณ”

“พี่ห้ามความรู้สึกของคนอื่นไม่ได้ แต่ความรู้สึกของพี่ ไม่มีให้ใครนอกจากน้องหนู”

ชิญาดาปลื้มกับคำที่ได้ยินเพียงเดี๋ยวเดียวก็เปลี่ยนเป็นความเฉยเมย เมื่อกำลังห้ามใจ “น่ากลัวนะคะ”

กรณ์มองเธออย่างไม่เข้าใจ เมื่อพูดคำว่ากลัวออกมาอีกครั้ง แสดงว่าไม่ได้สองคนนั้นที่เขาคิดเอาเอง “สรุปว่ากลัวอะไร”

“ตัวฉันเองค่ะ” ชิญาดาซื่อสัตย์กับตัวเอง พูดสิ่งที่คิดอยู่ออกมา “คุณมีความรู้สึกให้ฉันในเวลาไม่นาน และแค่เวลาไม่นานนี้ ฉันกำลังหวั่นไหว”

“หวั่นไหว หมายถึงชอบพี่นั่นเหรอ” ถามแล้วกระชับมือเรียวที่อยู่ในมือ ความดีใจอิ่มเอิบไปทั้งหัวใจ ขยับเข้าใกล้ตัวเธออีกนิด เพื่อที่จะฟังคำตอบที่รออยู่ แต่เธอยังไม่พูดออกมา ก็ถามต่อ “ว่าไง ตอนนี้คือเวลาที่ใช่ เพราะไม่ปวดหัว ไม่มีไข้ ก็บอกพี่มา พี่ต้องการคำตอบแล้ว”

“ค่ะ” เธอยอมรับ แต่น้ำเสียงที่เหมือนไร้ความรู้สึก ทำให้กรณ์ยั้งตัวเองไว้ ไม่รวบตัวเธอมากอด ให้เวลาเธออย่างที่บอกกับตัวเองไว้ และยินดีจะรอฟังเหตุผลอของเธอ มากกว่ารวบรัดให้กลายเป็นตะกอนตกค้างอยู่ในใจ “ด้วยเวลาที่เร็วนี้ ฉันจึงกลัวไปทุกอย่าง ว่าจะไม่แน่นอนไม่มั่นคง อาจจะแค่ความรู้สึกประเดี๋ยวประด้าวของคุณ เมื่อห่างกันไป คุณก็จะลืม แต่ฉันยังจดจำ และสุดท้ายก็ช้ำใจ”

“พี่ไม่ลืม ขอบอกว่าไม่เคยลืมตั้งแต่ได้เห็นหน้าน้องหนูวันแรกจนถึงวันนี้”

“ก็อยู่บ้านเดียวกัน จะลืมได้ไง”

“ไม่ใช่”

“หมายความว่าไงคะ” เธอถามอย่างงงๆ

“เมื่อห้าสามปีก่อน พี่เห็นรูปน้องหนู และก็ชอบทันทีที่ได้เห็น”

“เห็นรูปฉันที่ไหนคะ”

“ห้องทำงาน ของเสือแห่งอภิราชไพศาลนันท์ และตั้งแต่วันนั้น ก็ไม่เคยลืมชิญาดา น้องหนูของตระกูลนี้เลย” เขาบอกแล้วยกมือขึ้นใช้ปลายนิ้วลูบแก้มนุ่มเบาๆ สีหน้าแววตามองเธอด้วยความรัก พูดด้วยเสียงนุ่มต่อไปอีกว่า “และเมื่อได้ตัวมาอยู่ใกล้ รู้ไหมว่าพี่ดีใจแค่ไหน”

เธอส่ายหน้าด้วยความเขิน เมื่อได้รู้เรื่องราวที่มาสลายความเคลือบแคลงที่มีอยู่ในใจ แม้จะยังไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็เข้าใจเขามากขึ้น ความคิดที่ปรามตัวเองไว้ก็พลอยหายไปด้วย ส่วนกรณ์ก็ยิ้มกว้าง แล้วใช้ปลายนิ้วดันปลายคางให้ใบหน้าเธอแหงนขึ้นมา แล้วเขาก็บอกความรู้สึกด้วยจูบแสนหวาน

ชิญาดาอ่อนไปทั้งตัวและหัวใจ พอเขาถอนริมฝีปากออกไป ก็ซุกหน้ากับอกกว้าง กรณ์กอดกระชับตัวเธอไว้ หลุบตาลงมอง แล้วอดใจไม่ไหวกับความหอมหวานที่ได้รับมา อยากสัมผัสอีกจึงก้มหน้าลงไปหอมแก้มนวลแล้วเลื่อนไปหาริมฝีปากไปหาเรียวปากนุ่มอีกครั้งลุกล้ำเข้าไปหาความหวาน ที่เจ้าของยินยอมให้ด้วยความเต็มใจ แต่ไม่นานก็ดันตัวออกห่าง

“พอแล้วค่ะ” บอกด้วยเสียงที่ยังหวามในอารมณ์ไม่กล้าสบตา ทั้งที่มีเรื่องอยากจะถามเขาอีกมากมาย แล้วเดินไปเปิดประตูรถ เข้าไปนั่งอยู่ในรถ

กรณ์หมุนตัวมองตามไป แล้วเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ เข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ปิดประตูรถแล้วชะโงกหน้าไปหอมแก้มนุ่ม ชิญาดาหันมามองค้อน เขาก็หัวเราะออกมาด้วยความสุขใจ แล้วสตาร์ทรถขับเคลื่อนมันพาเธอกลับบ้าน
********
ไฟหน้าผับของทายาทบลูโน โค เปิดสว่างต้อนรับลูกค้าเหมือนเช่นคืนอื่นๆ แสง สี เสียง ยั่วยวนผีเสื้อราตรีหมู่ภมรให้เข้ามาเริงร่าสนุกสนานปลดปล่อยชีวิตกันอย่างเต็มที่ แต่ละคนหาความสุขให้ตัวเอง ไม่มีใครสนใจเรื่องของใครอื่น แม้แต่เจ้าของร้านที่คืนนี้ได้หายหน้าไป ไม่ได้ลงมาทักทายหลายคนติดต่อเขาไม่ได้ แม้แต่ผู้เป็นแม่ที่โทรหาก็ไม่รับสาย จึงต้องพาตัวเองมาถึงที่นี่

คนขับขับรถมาจอดอยู่ด้านหลังร้าน เอวามาพร้อมกับทนายคู่คิดเช่นเคย ทั้งคู่ยังนั่งอยู่ในรถ ทนายเมอเรย์ปรายตามองหน้าเจ้านาย สีหน้าที่นิ่งเฉยอยู่เป็นนิจมีความเคร่งเครียดเพิ่มขึ้นมา เพราะเรื่องของลูก แล้วยังจะมีเรื่องของอดีตภรรยาของอดีตสามี ที่เพิ่งจะงัดข้อกันมาอีก คำด่าทอนั้นเธอยังแค้นอยู่แน่ๆ ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่เขาคิด

เอวาอยากจะลากลิ้นอีการาเซลออกมาสับให้เละ จะได้ไม่ต้องมีคำพูดมาจิกกัดเธอให้เจ็บใจอยู่อย่างนี้ เธอไม่น่าปล่อยให้วนเวียนอยู่ในชีวิตเธอเลย น่าจะตัดวงโคจรของมันให้สิ้นไปตั้งแต่แผนเขี่ยให้พ้นไปจากบลูโน โค แล้ว ... คิดถึงแผนแล้วก็ยิ่งเจ็บ ความสำเร็จที่เธอไม่ได้ลิ้มลอง เพราะแทนที่เธอจะได้เดินกลับไปหาอดีตสามี ที่ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะหน้าตา อำนาจที่เธอจะได้ต่างหาก กลับมีคนมาช่วงชิงไปต่อหน้าต่อตา และอีการาเซลยังตามจิกกัดไม่เลิกรา

“ฉันไม่อยากเห็นหน้าสวยๆของมันอีก”

ทนายเมอเรย์เลิกคิ้วขึ้นบอกความงง ว่าจะหมายถึงสิ่งใด แล้วก็เข้าใจ “หมายถึง น้ำกรดเหรอครับ”

“มีวิธีอื่นไหมละ” เสียงเธอเลือดเย็น

“มีครับ แต่ผมว่าอย่าเพิ่งดีกว่า ตอนนี้เรื่องคุณเอริคน่ากังวลอยู่ เพราะมันเริ่มกระเทือนไปถึงโครงการยักษ์ใหญ่แล้ว อย่าให้มีเรื่องอื่นมาซับซ้อน ทำให้ยุ่งยากมากขึ้นเลยครับ รอจัดการเรื่องคุณเอริคให้เรียบร้อยและซาไปสักพัก จัดการตอนนั้นก็ยังไม่สาย”

เอวานิ่งคิด แล้วพยักหน้ายอมรับฟัง แล้วจะลงจากรถ แต่สั่งไม่ให้ทนายคู่คิดตามไป ให้เขากลับไปได้ ... เธอเดินเข้ามาทางหลังร้าน เพราะไม่ชอบแสงสีที่น่าเวียนหัวกับเสียงเพลงที่ดังน่ารำคาญ เธอเรียกลิ่วล้อของลูกมาสอบถามว่าเจ้านายอยู่หรือเปล่า

คนตอบหลบหน้าหลบตา ท่าทางมีพิรุธ เธอจึงคาดคั้น แล้วก็ได้คำตอบว่าอยู่ ตามมาด้วยเรื่องที่น่าตกใจที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แม้จะไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด ก็ทำให้ร้อนใจ เพราะลูกของเธอได้รับบาดเจ็บ ก็จะรีบไปหา แต่เห็นรถที่เลี้ยวเข้ามา ซึ่งจำได้ว่าเป็นของคนที่เธอสั่งให้มา จึงยืนรอ

เอริน่าเปิดประตูลงมาจากรถคันหรูของตัวเอง เธอสวมชุดดำรัดตัวสุดเซ็กซี่ เว้าแผ่นหลังถึงเอวสีหน้าออกจะเบื่อๆ เพราะเมื่อคืนเธอต้องพบกับเรื่องบาดใจ จึงไม่อยากมาอีก แต่ขัดคำสั่งผู้หญิงแถวหน้าไม่ได้ เธอเรียกคนของพี่ชายมาถาม แล้วก็ได้ความว่า คนสั่งเธอมาแล้ว จึงเดินไปทางด้านหลังร้าน

“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”

เอวาถามลูกสาวทันทีที่เดินมายืนตรงหน้า เอริน่าทำหน้างง แล้วปรายตามองสมุนของพี่ชายที่ยืนก้มหน้าอยู่ ก็คิดว่าคงปูดเรื่องที่เธอพบเจอกับใครให้คนเป็นแม่รู้ แต่หลังจากที่เธอไปยั่วยวนเขาตามคำขอเอริคและไปส่งเขาที่รถ เธอก็หมดอารมณ์ที่จะสำราญต่อ กลับเข้าไปในร้านแล้วชวนเพื่อนไปสนุกที่อื่นต่อทันที

“เกิดอะไรละ หนูไม่รู้” เสียงเธอออกจะหน่าย เพราะถูกเรียกมาแล้วยังมาโดนซักอีก เมื่อคืนนี้เธอก็มาทำตามคำสั่งให้แล้ว ให้มาดูว่าลูกชายสุดที่รักเป็นไงบ้าง ก็ไม่เห็นมีอะไร มีแต่คนที่ไม่คิดว่าจะเจอมาหาเขาเท่านั้นเอง ซึ่งเธอตื่นสาย ไปทำงาน จึงยังไม่ได้บอกให้รู้

“เอริคโดนทำร้าย”

“อะไรนะคะ” เอริน่าตกใจ คิดถึงเรื่องราวเมื่อคืน แล้วรำพึงออกมา “หรือจะเป็นเขา”

“ใคร”

“คุณกรณ์ค่ะ” เธอบอกแล้วจะเล่าให้ฟัง ว่าเมื่อคืนได้พบเจอใคร และได้ทำอะไรไปบ้าง แต่คนเป็นแม่ไม่อยู่ฟัง เดินตัวปลิวไปที่ลิฟต์ เพื่อขึ้นไปหาลูกชาย เธอก็ตามไปติดๆด้วยความร้อนใจ ห่วงใย เช่นกัน

ประตูห้องพักของเอริคถูกเปิดออก สองแม่ลูกเดินเข้ามา กวาดสายตามองคนที่ห่วงใยกันอยู่ เห็นร่างสูงนั่งดื่มอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ซึ่งติดผนังกระจก มองเห็นแสงไฟเป็นทิวทัศน์สวยงาม แต่ทั้งสองคนไม่มีกระจิตกระใจจะชื่นชม โดยเฉพาะคนเป็นแม่ เอวาก้าวเร็วๆไปหาพลางกวาดสายตามอง หาร่องรอยโดนทำร้าย แล้วก็ได้เห็นที่สีข้างด้านขวา

จากที่เคยเก็บกดข่มอารมณ์ตัวเองได้ดี แต่ครั้งนี้อารมณ์เธอปะทุขึ้น ดวงตาวาวขึ้นด้วยความโกรธแค้นคนที่ทำร้ายลูกของเธอซึ่งเมื่อเช้าที่ได้พบเจอกัน ก็ตีสองหน้ากับเธอเหมือนไม่ได้ทำอะไรไว้ได้อย่างแนบเนียน ซ้ำเธอต้องลดเกียรติของตัวเองลงราวกับนอบน้อมต่อเขา แต่กลับสูญเปล่าทุกอย่าง มันท้าทายกันเกินไปแล้ว

“ใครเป็นคนทำ” เธอถามเพื่อต้องการความชัดเจน แต่คำตอบกลับน่าผิดหวัง

“อย่ามายุ่งกับผม” ว่าแล้วก็เบือนหน้าหนี แต่คนเป็นแม่ขยับไปยืนตรงหน้า สายตาบังคับให้บอก เขาจึงปรายตาไปมองเอริน่า เยาะด้วยมุมปากแล้วยอมพูดออกมา “แม่รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“ฉันแค่คาดเดา” เอริน่าออกตัวเพราะสายตาที่มองมา และเธอไม่เห็นช่วงที่เขาโดนทำร้ายนั่นเอง

เอวาสุดจะทนกับลูก กระชากแก้วเหล้าจากมือพร้อมกับบอกว่า “เหล้าไม่ได้ช่วยอะไร”

สายตาของเอริคฉายความไม่พอใจออกมาทันที เพราะในเวลานี้เขาไม่ต้องการพบใคร อยากอยู่คนเดียว คิดทบทวนทุกอย่างเพื่อจะได้จัดการกับปัญหาที่เจออยู่อีกครั้ง เขาหันมามองแม่กับน้อง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงไม่พอใจ “คนไม่ดื่มไม่ชอบ ก็บอกว่าไม่ช่วย แต่คนที่ดื่มที่ชอบ มันช่วยได้ดีทีเดียว”

“งั้นเหรอ” เสียงเธอหยันแล้วสาดเหล้าไปที่แผล เอริคสะดุ้งขึ้นทั้งตัว มองผ้าก็อสที่พันแผลเปียกชุ่มไปด้วยเหล้า แล้วมองคนเป็นแม่อย่างสุดโกรธ แต่กลับถูกแม่เย้ยด้วยคำถาม “ช่วยให้หายเจ็บได้ไหม”ไม่มีคำตอบ เอริคนิ่งเฉย เอวาจึงเย้ยออกมาอีก “ไม่ได้ละซิ แต่มันคงช่วยให้เจ็บมากขึ้นใช่ไหม ก็เหมือนคนที่มันทำร้ายลูกนั่นแหละ นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังจะทำร้ายเราอีก”

“หมายความว่าไง หรือว่าแม่...”

“ใช่” เอวายอมรับเมื่อเข้าใจว่าลูกรู้ ว่าเธอหมายถึงใคร “แม่ไปหาเขา เพื่อขอเจอผู้หญิงที่เขาปกป้องอยู่ จะสอบถามว่าผู้หญิงที่ไปก่อเรื่องเอาไว้ แต่เขาไม่พูดเรื่องที่ทำร้ายลูกออกมาสักคำ และทำไมโดนเขาทำแบบนี้”

“คำตอบเดียวกับที่แม่ไปหาเขานั่นแหละ”

“ชิญาดา” เธอเอ่ยชื่อจริงที่รู้มาจากทนายเมอเรย์ “ลูกไปยุ่งกับเธอเหรอ”

“ก็ถามดีๆแล้วไม่ตอบ เย่อหยิ่งจองหอง คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน ถึงมาตบหน้าผม”

“แล้วรู้ซึ่งหรือยัง ว่าเธอใหญ่มาจากไหน ลูกถึงได้เจ็บตัวแบบนี้”

“ก็ถ้าไอ้กรณ์ไม่คุ้มหัวอยู่ คงได้รู้ไปแล้ว” แววตาเขากร้าวขึ้นอย่างแค้นๆ เอวาก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน เธอเดินไปนั่งบนโซฟาที่วางอยู่ไม่ห่าง ข่มความรู้สึกให้นิ่งดุจนางพญา แล้วถามออกมา

“แล้วแผลนั้นโดนอะไร”

“ปืน”
*************
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ต.ค. 2561, 09:18:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ต.ค. 2561, 09:18:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 860





<< ตอน 8   ตอน 10 >>
แว่นใส 19 ต.ค. 2561, 07:48:17 น.
เข้าใจกันแล้วนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account