ชายา ตอน เล่ห์รักดวงใจกรณ์
เพราะรูปถ่ายที่ได้เห็นเพียงครั้งเดียวในห้องทำงานของ ชินกฤต หรือเสือ แห่งตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ทำให้กรณ์ วิจิตรนาถ หลงรักเธอทันที เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับของหัวใจ แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมีคนรู้ความลับนี้เข้า และได้ทำตัวเป็นกามเทพ นำพาเธอมาหาเขา

ชิญาดา หรือน้องหนู ตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ได้รับโชคก้อนใหญ่ ได้มาเที่ยวกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมืองที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก ของสถานที่ท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรมมากมาย เธอเดินทางมาคนเดียว ปลายทางคือเพื่อนรัก ที่ไม่ได้เจอกันมานาน จึงจะมาเซอร์ไพรส์ แต่ความคิดมันสวนทางกับความจริง เมื่อมาเจอเพื่อนถูกผู้ชายเลวทรามคนหนึ่งทำร้าย

ปลายกระบอกปืนที่เล็งมา จะเอาลมหายใจจากไปจากร่างกาย ทำให้เธอกลัวไปทั้งใจ แต่หลังจากนั้นคือการลุกขึ้นสู้ คนเลวทรามต้องติดคุก แต่คุกไม่ได้มีไว้ขังคนมีเงิน มีอำนาจ เธอถูกข่มขู่ คุกคาม กามเทพจึงอุ้มเธอมาใส่ในมือเขา ที่กางแขนโอบกอดเธอไว้ ไม่ให้คลาดไปจากสายตา ห่างไกลไปจากหัวใจอีกเลย

ทุกอย่างน่าจะจบลงที่ความสุข แต่หัวใจไม่ใช่เงินตรา ที่จะจับต้องหยิบไปใช้เมื่อไรก็ได้ เธอไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเขา เขาจึงต้องทำให้เธอเห็น ด้วยภาษากาย พูดให้เธอฟัง ด้วยภาษาใจ และกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในอ้อมแขน จนเธอรับรู้แต่กลับต้องวางหัวใจ เมื่อความลับของคนมีอำนาจ กำลังจะพรากเพื่อนรักไปจากเธอ

การแย่งชิง ไหวพริบ เล่ห์เหลี่ยม ถูกนำมาใช้ ท่ามกลางความรัก และผลประโยชน์ของตระกูลบลูโน โค ทุกคนกลายเป็นหมาก ที่ต้องเดิมเกมอย่างระวัง เพราะถ้าพลาดพลั้งทุกอย่างต้องพังทลาย ชิญาดากลายเป็นกุญแจสำคัญที่ใครๆก็ต้องการตัว แต่จะมีใครช่วงชิงเธอไปจากอ้อมแขนแห่งรักของกรณ์ ได้หรือไม่ ต้องติดตาม...

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 10

ตอน 10
คำตอบสร้างความเจ็บปวดให้เธอยิ่งขึ้นไปอีก เขากล้าถึงขนาดเอาปืนมาทำร้ายลูกชายเธอ ไม่มีความเกรงใจเธอหรือแม้แต่อดีตสามี ที่ดีกับเขาทุกอย่าง เรื่องที่เธอคิดๆไว้ก็ควรจะลงมือเสียที เอริน่าไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆมากนัก แต่ก็พอปะติดปะต่อได้ ถอนหายใจออกมาเบาๆพลางมองหน้าแม่กับพี่ชายสลับกันไปมา

“แล้วจะทำไงต่อไปคะ” ถามแล้วก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้หมุนหน้าเคาน์เตอร์บาร์ หมุนเก้าอี้ให้หันหน้ามามองคนเป็นแม่ เพื่อจะฟังว่าจะว่ายังไง แต่คนที่พูดออกมากลับเป็นพี่ชาย ที่หยันเธอออกมา

“จะคาบไปบอกมันหรือไง”

เอริน่าหันหน้าไปมองทันที สีหน้าหยันกลับ ก่อนบอกว่า “ถ้าคิดจะทำอย่างนั้นจริง คงไม่ช่วยเมื่อคืนหรอก แล้วเป็นไง คิดจะจัดการเขา สุดท้ายโดนเสียเอง”

“หมายความว่าไง” เอวาสงสัยคำพูดที่ได้ยินลูกสองคนพูดออกมาเอริน่ายักไหล่ไม่ตอบ เอริคจึงตอบออกมา

“จะหมายความว่าไง ก็มีใจให้มันไง”

ไม่มีคำปฏิเสธจากเอริน่า คนเป็นแม่ก็เหมือนจะยิ่งเจ็บ เพราะลูกมีใจให้ศัตรู แต่เธอจะไม่เอามาใส่ใจ ไม่มีเรื่องใดที่จะหยุดยั้งความอยู่ดีมีสุขของชีวิตในอนาคตของครอบครัว ฉะนั้นเอริน่าก็ต้องเสียสละเพื่อส่วนรวม อีกอย่างภาพที่เธอเห็นมา มันบอกเล่าได้ว่าเขาให้ความสำคัญและมีใจให้ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ลูกของเธอ

“ตัดใจเสีย ถ้าไม่อยากเสียใจไปมากกว่านี้”

“ไม่ได้เสียใจอยู่แล้ว แค่เสียหน้ามากกว่า ที่ไม่ได้เป็นที่สนใจหรือต้องการ ทั้งๆที่มีหนุ่มๆมารุมล้อมมากมาย แม่จะทำอะไรเขาก็ตามสบาย ริน่าก็จะทำของริน่าเช่นทำ”

“จะทำอะไร”

“ความร้าวฉานของคนอื่น คือขนมหวานของริน่า เมื่อริน่าไม่มีความสุข เขาก็ไม่ควรที่จะได้รับมันเหมือนกัน”

เอวาพอใจในคำพูดของลูก เอริคก็เช่นกัน ตอนนี้นั้นใครที่สามารถทำให้ไอ้กรณ์เจ็บปวดได้ มันก็ดีกับตัวเขาทั้งนั้น เพราะเหมือนได้แก้แค้นที่มันทำกับเขา อีกอย่างเขาต้องรีบหาตัวคนที่เอาความลับเขาไปให้เจอ ก่อนที่จะถูกทำลายไป หรือตกไปอยู่ในมือคนที่เขาอยากกำจัด

“เธอโทรมาหาผม”
คนเป็นแม่ลุกขึ้นเดินมายืนตรงหน้า เพราะรู้สึกได้ว่า เธอ ที่ลูกบอกออกมา คือผู้หญิงที่กำลังหาตัวกันอยู่ และการที่เขาพูดออกมาโดยที่เธอไม่ต้องคาดคั้น นั่นแสดงว่าเขาพร้อมที่จะเปิดเผยในสิ่งที่เก็บงำเอาไว้ “ใคร” เธอถามเพื่อความแน่ใจ “ใช่ผู้หญิงที่ลูกทำร้ายหรือเปล่า”

“ครับ”

“โทรมาทำไม จะเรียกร้อง หรือต้องการอะไร”

“ข่มขู่ เล่นสงครามประสาท”

บอกแล้ว เอริคก็ตัดสินใจที่จะพูดความจริงให้คนเป็นแม่ฟัง หลังจากเจ็บตัว เขาก็คิดได้ว่าตัวเขาไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้เพียงลำพังอีกแล้ว และรู้สึกว่าเขากำลังถูกต้อนให้จนมุม ทั้งคนเป็นพ่อที่โอนหุ้นเขาให้ไอ้ราฟ และต้องการเจอผู้หญิงที่เขาทำร้าย ไอ้กรณ์ที่พาเพื่อนของเธอมาหาเขาที่ผับ

คงคิดจะให้เขาแสดงธาตุแท้ออกไป แล้วก็ได้ผลเมื่อเขาทำก่อนคิด คิดน้อยไป มาคิดตอนนี้ก็รู้สึกว่าเสียรู้ เพราะมันรู้แล้วว่าเขาต้องการตัวผู้หญิงที่มันปกป้องอยู่ และสุดท้ายคือหญิงสาวที่เขาทำร้าย ซึ่งก็คือแฟนสาว ส่งรูปมาสั่นประสาทเขา และยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีกบ้าง เขาจึงต้องมีคนช่วยจัดการแล้ว

เขาข่มความเจ็บเดินไปหยิบโทรศัพท์ในห้องนอน ไม่กี่อึดใจก็เดินออกมา เปิดรูปที่สั่นประสาทเขาให้คนเป็นแม่ดู เอริน่ายื่นหน้ามาดูด้วย “ราฟ” เธอเอ่ยชื่อคนที่เห็นออกมา “ผู้หญิงของพี่รู้จักเขาเหรอ ดูสนิทกันนะ แต่เกี่ยวอะไรกัน”

“มันคือความลับของฉัน”

เอริน่าเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ แล้วยิ้มหยันออกมาพลางมองหน้าคนเป็นพี่ “คิดจะเปิดเผยให้รู้แล้วเหรอ หึ จวนตัวแล้วละซิ” เธอว่าอย่างรู้นิสัยดื้อรั้นของเขาได้ดี “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ถ้าเลือดไม่ออกมา คงไม่ยอมเปิดปาก”

“เก็บปากเธอไว้ดีกว่า อย่ามาเสร่อกันเรื่องของฉัน”

“ไม่ได้อยากยุ่งสักนิด แต่...” เอริน่าหันไปมองคนเป็นแม่ “ฟังไว้นะคะ แล้วอย่ามาสั่งให้ไปยุ่งกับเขาอีก” พูดจบเธอก็ลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปจากห้อง ไม่สนใจเรื่องราวใดๆ ที่เขาจะพูดออกมาอีก ไปหาความสุขใส่ตัวดีกว่า

เอวาปล่อยลูกสาวไป แต่ยังไม่ซักเรื่องทั้งหมดจากลูกชาย เพราะต้องจัดการกับแผลของเขาเสียก่อน และท่าทีอิดโรยที่เห็นคงมาจากพักไม่เต็มที่และไม่มีอาหารถึงท้อง จึงควรดูแลลูกก่อน แล้วหลังจากนั้นเธอจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างคาราคาซังอีก
**********

ดวงไฟนับล้านๆดวงยังสว่างในยามราตรี บนดาดฟ้าของโรงแรมหรูที่เปิดเป็นร้านอาหารก็เช่นกัน แสงไฟยังทำหน้าที่ได้ดี แต่ไม่สว่างเท่าที่ควรเพราะจุดเด่นที่จะทำให้บรรยากาศหวานละมุน และโรแมนติกคือแสงเทียน ซึ่งมอบให้แก่ชายหญิงหลายคู่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหน ก็สุขใจได้เท่ากัน แสงสีแดงอมส้มถูกแก้วใสๆคลอบไว้ กันสายลมที่พัดมาพาให้พลิ้วไหวจนดับไป

ดวงดาวบนฟ้าไกลส่องแสงให้ทุกคนชื่นชม รวมทั้งชายหญิงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะในสุดของร้าน ทั้งคู่มองแสงระยิบระยับงามจับตา ปล่อยเวลาให้ผ่านไป แล้วละสายตามาสนใจอาหารกับเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งพร่องไปเล็กน้อย หญิงสาวที่หลายคนคว้านหาตัวอยู่ เอื้อมมือมาหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบเล็กน้อย แล้วยิ้มหวานให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้าม อดีตคนรักที่เธอจะใช้เป็นเครื่องมือทำลายคนรักที่ทำร้ายเธอ เอริค บลูโน โค

เธอโทรไปนัดเขาให้มาดื่มด้วยกัน โชคดีที่เขาไม่ปฏิเสธ พบเจอกันก็คุยกันแบบเพื่อน เล่าเรื่องทั่วๆไปให้ฟังด้วยท่าทางที่ร่าเริงสดใส พลางสังเกตท่าทีของเขาไปด้วย ซึ่งรับฟังมากกว่าจะพูดอะไรออกมา ก็รู้ว่าต้องมีเรื่องรบกวนใจเขาอยู่ คงไม่พ้นจากเรื่องที่เธอสุ่มไฟไว้คราวก่อน จึงอยากรู้ความคืบหน้า ก็แสร้งถามออกมา

“ดูคุณเครียดๆนะคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

ราฟหลุดจากเรื่องที่คิดอยู่ ก็พูดออกมา “นิดหน่อย”

“ถ้าความสัมพันธ์ของเรายังดีอยู่ ยินดีจะรับฟังค่ะ”

“เรื่องทั่วไปนะ” เขาบอกแล้วหยิบแก้วเครื่องดื่มมาคลึงเล่น พลางบอกว่า “ไม่น่าสนใจหรอก แล้วธุรกิจเป็นไงบ้าง ดีไหม” เขาถามเรื่องเธอ เพื่อให้ห่างจากตัวเขา

“ก็ดีค่ะ ระบบอยู่ตัวแล้ว ก็วางแผนไว้ว่าอาจจะขยายไปประเทศอื่นบ้าง แต่ขอดูตลาดอีกที”

“ก็ดี แล้วที่บ้านทางเมืองไทย เป็นไงบ้าง”

“ทุกคนสบายดีค่ะ” เธอตอบแล้วมองเขาอย่างรู้ทัน “การมีเพื่อนก็เหมือนมีถังขยะอยู่ใกล้ตัวนะคะ อะไรที่ไม่ต้องการก็ทิ้งลงมา รับได้หมดอยู่แล้ว”

“แล้วฉันเป็นถังขยะสำหรับเธอด้วยหรือเปล่า”

คาริสายิ้มให้ แล้วบอกว่า “เรื่องของฉันมันเฮงซวย อกหักรักคุด ธรรมดาไปแล้ว แต่คุณที่ฉันรู้จักเมื่อก่อนไม่ดูเครียดๆแบบนี้นะ หรือเรื่องที่คุยกันคราวก่อน ยังกวนใจอยู่”

ราฟหรี่ตาลงปกปิดสายตาที่เผลอแสดงความรู้สึกออกมาให้เธอเห็น แล้วบอกว่า “อย่าเดาเลย กลับกันเถอะ ผมจะไปส่งคุณที่รถ”

“ฉันไม่ใช่ซินเดอเรลล่านะคะ ที่ต้องกลับก่อนเที่ยงคืน”

“แต่ผมเป็นเจ้าชายที่ต้องตามหารองเท้า”

คาริสาขำกับมุขที่พูดเล่นกัน แล้วบอกว่า “งั้นฉันก็ต้องปล่อยคุณไปแล้วซิ ตามสบายนะ แต่ขอนั่งมองดาวอีกหน่อย แล้วค่อยกลับดีกว่า”

“กลับพร้อมกันเถอะ ผมไปส่งก็ได้”

“ฉันไม่ได้เรียกร้องความสนใจหรือเล่นตัวนะ แต่อยากทำอย่างที่บอกจริงๆ” พูดแล้วเธอก็ยิ้มให้ “คุณไปเถอะ ไม่ต้องห่วง สวยสตรองอยู่แล้ว”

ราฟยิ้มน้อยๆพลางมองเธออย่างชั่งใจ สุดท้ายเขาก็ต้องไป จึงลุกขึ้นเดินไปหาพนักงานบริการ คาริสาหันไปมองเขาทำหน้าที่สุภาพบุรุษชำระค่าอาหาร แล้วเงยหน้าขึ้นมองดาวแต่แอบปรายตามองกระทั่งเขาเดินออกจากร้านไป สีหน้าที่ยินดีของเธอก็เปลี่ยนเป็นเหยียดหยัน เพราะพอจะเดาที่เขาบอกจะไปหารองเท้านั้น คือการไปหาความสำราญอย่างที่เธอเห็นในคลิป หรือ...

คาริสายิ้มเหยียดเมื่อความคิดอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา ถ้าเขายังกังวลเรื่องพี่ชายต่างแม่อยู่ เขาก็ต้องไปทำอะไรสักอย่าง! ซึ่งเธอภาวนาขอให้เป็นอย่างนี้ เพราะมันจะกลายเป็นความบาดหมางที่ร้าวฉานของสองพี่น้อง แต่เป็นความพยาบาทที่แสนหวานสำหรับเธอ ซึ่งที่เธอคิดมีส่วนถูกอยู่ไม่น้อย

ราฟเดินออกมาจากลิฟต์ เดินตรงไปที่รถยนต์คันหรูของตัวเอง เข้าไปนั่งในรถ และคิดถึงเรื่องที่เขาไม่อาจจะนั่งเฉยอยู่ได้อีกต่อไป เมื่ออดีตเมียคนแรกของพ่อออกโรงไปหานายกรณ์ถึงบ้าน การที่เธอจะได้อะไรหรือไม่กลับมานั้น ไม่สำคัญเท่ากับว่า เรื่องนั้นต้องเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของไอ้เอริคแน่ๆ แม่มันถึงได้บากหน้าไปแบบนั้น และเขาก็ควรจะหาว่าความลับนั้นคืออะไร และคนที่จะให้คำตอบเขาได้ดีที่สุดคือ ผู้หญิงที่มันทำร้าย เขาต้องหาตัวเธอ เพื่อเอามาดัดหลังมัน

เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้นมา แล้วรถก็เคลื่อนออกไป จุดหมายปลายทางนั้นอยู่ในใจของคนขับ ที่ยิ้มออกมาราวกับได้เจอหนทางที่จะเป็นไปอย่างที่คิดแล้ว
*************
แสงไฟหน้าผับดับไปแล้ว แต่แสงไฟในห้องพักของเจ้าของยังสว่างอยู่ เอริคนั่งอยู่บนโซฟาที่วางอยู่กลางห้อง หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำแผล และหาอาหารมาใส่ท้องเรียบร้อยแล้ว เขาก็มานั่งอยู่ตรงนี้ ทั้งหมดนั้นมาจากมือของแม่ ซึ่งตอนนี้ก็นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามเขา เหมือนเป็นศาลที่พร้อมจะซักฟอกเขา

เอวามองหน้าลูก บุคลิกนั้นไม่ต่างจากเธอ สีหน้าเรียบเฉยและเก็บอารมณ์ได้ดี แต่อายุที่น้อยพอถูกกดดันมากๆสติหลุด คุมตัวเองไม่ได้ ปัญหาที่ควรจะจัดการเองได้ ก็ทำไม่ได้ เธอหลุบตามองโทรศัพท์ลูกชายที่หยิบมาวางไว้อยู่บนโต๊ะรับแขกแวบหนึ่ง แล้วตวัดสายตาขึ้นมองหน้าลูกพร้อมกับถามออกมา

“อะไรที่ปิดบังไว้ พูดออกมา”

“ก็อย่างที่แม่เห็น คาริสาคือชื่อของผู้หญิงที่ผมทำร้าย เธอเป็นคนรักที่ไม่น่ารักแล้ว ผมก็จะเขี่ยทิ้ง เพราะการเรียกร้องที่มากเกินไป”

“เรื่องอะไร”

“ทะเบียนสมรส”

เอวาเชิดหน้าขึ้นเป็นอาการความไม่พอใจ เหยียดหญิงสาวอยู่ในใจที่กล้ามาก ขอจดทะเบียนสมรสกับลูกชายเธอ ทั้งๆที่มีอะไรคู่ควร ขณะที่เอริคก็มีความคิดไม่ต่างจากที่คนเป็นแม่คิดเลย แล้วซ้ำด้วยคำพูดว่า “เธอกับผมต่างกันเกือบทุกอย่าง ต่างชาติ ต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรม ต่างฐานะ ไม่มีอะไรที่คู่ควรกับผมสักนิด”

“แต่ก็ยังไปยุ่งกับเธอ”

“ก็แค่อยากลองเปลี่ยนความต่าง ว่าจะเข้ากันได้หรือเปล่า สุดท้ายก็ได้แค่เรื่องบนเตียง” เขาดูถูกเพศเดียวกับคนเป็นแม่ โดยไม่ย้อนดูตัวเองหรือโทษตัวเองแม้แต่น้อย

“แล้วเกิดปัญหาจนถึงขั้นเลือดตกยางออก จนต้องไปโรงพยาบาลให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้ยังไง”

“เธอไม่ยอมให้ผมเขี่ย อย่างที่บอกเธอต้องการทะเบียนสมรส ผมไม่ยอม เธอก็ไม่ยอม แล้วผมก็พลาด เมื่อเธอไปเจอความลับที่ผมซ่อนไว้ เอาขู่ผม”

“ความลับที่ไม่คิดจะบอก กระทั่งเข้าตาจน” เสียงเธอเข้มบอกความเคือง “แล้วเกี่ยวกับอะไรกับรูปในโทรศัพท์ หรือว่าความลับนั้นคือ...”

“ไอ้ราฟ” เอริคพูดชื่อคนที่เขาชิงชังออกมาด้วยความสะใจ “มันทำในสิ่งที่น่าอัปยศ ถ้าพ่อได้เห็นมันจะต้องกระเด็นออกไปจากตระกูลแน่นอน”

“มันทำอะไร”

“สิ่งที่พ่อไม่ชอบ เพราะเสื่อมเสียไปทั้งโคตรเง้า การค้าประเวณี มีความสัมพันธ์กับเด็กผู้ชายอายุยังไม่ถึงสิบห้า”

เอวาอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน คิดไม่ถึงว่ามันจะกล้าทำสิ่งที่อัปยศขนาดนี้ สีหน้ามีรอยยิ้มบอกความพอใจ เพราะความลับอันนี้เหมือนระเบิดปรมาณู ที่สามารถทำลายล้างทุกอย่างให้จบในคราเดียว โดยไม่ต้องเปลืองแรงใด แต่...ความจริงที่แสกหน้าอยู่ตอนนี้ เปลี่ยนสีหน้าที่ยิ้มๆให้เป็นบึ้งตึง แววตาฉายความไม่พอใจลูกอย่างชัดเจน เพราะความลับหลุดไปอยู่ในมือคนอื่น ที่ส่งสารการท้ารบที่น่ากลัวมาให้รู้แล้ว

“ลูกไปรู้เรื่องนี้มาได้ยังไง”

“ความเป็นมาเอาไว้ก่อน ผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง แต่ที่สำคัญคือผมควรจะทำไง เพื่อเอาความลับนั้นกลับมา” เสียงเขาไม่ใช่การขอร้องแต่คือความกังวลที่ยังมีความผยองรวมอยู่ด้วย

“เข็นครกขึ้นภูเขายังจะง่ายกว่าแล้วมั่ง”

“ผมขอความเห็น ไม่ใช่การซ้ำเติม”

เอวามองลูกอย่างตำหนิ แล้วพูดออกมา “ถ้าการติติงแค่นี้ยังยอมรับไม่ได้ ยังคิดจะดื้อดึงต่อไป แล้วจะคิดการใหญ่ทำการใดๆได้ยังไง มิน่าถึงได้พลาด เพราะความผยอง ไม่ยอมรับยอมมองจุดบกพร่องของตัวเอง จนเรื่องเลยเถิดมาถึงขนาดนี้”

เอริคกัดฟันข่มอารมณ์ไม่พอใจและอารมณ์ร้อนของตัวเองไว้ “ผมขอโทษ ยอมรับในความสะเพร่า แต่ใครจะคิดว่าเธอจะเจอ ทั้งๆที่ผมซ่อนไว้ดีแล้ว รอแค่เวลาที่จะประจานไอ้ราฟ ให้มันไม่สามารถยืนอยู่บนแผ่นดินนี้ได้อีกต่อไป รวมถึงแม่มันด้วย และที่พลาดมากกว่านั้นคือผมไม่มีไฟล์สำรอง”

“สะเพร่าแล้วสะเพร่าอีก แล้วยังไม่คิดจะจำเป็นบทเรียน ตอนนี้ผู้หญิงที่ลูกเขี่ยทิ้งกำลังเดินเกมเหนือกว่าลูกมาก รูปที่ส่งมาให้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์จะแบบใด มันก็ประกาศให้รู้ว่าพร้อมจะทรยศลูกตลอดเวลา”

“นังสารเลว”

“เปลี่ยนความแค้นเป็นความคิด คิดดูซิว่า มันจะไปมุดหัวอยู่ที่ไหนได้บ้าง เพื่อนของมันที่ไอ้กรณ์ปกป้องอยู่ ยอมรับว่ามันโทรไปหา แต่ก็ไม่ยอมบอกที่อยู่เช่นกัน”

“อาจจะไม่รู้ แคทไม่บอก เพราะรู้ว่าเราต้องตามดูแน่นอน”

“ไม่แน่หรอก อาจจะบอกเพราะมีคนปกป้องแล้ว แต่ยังไม่นัดเจอกันเพราะไม่ไว้วางใจ เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าต้องถูกตามทุกฝีก้าว แล้วนอกจากรูปที่ส่งมา ยังโทรมาหาด้วยใช่ไหม”

“ครับ เยาะเย้ย ถากถาง ไม่เจรจาใดๆอีกแล้วนอกจากรอวันเล่นงาน ตอนนี้ผมกลัว” เขายอมรับออกมา เพราะหนทางที่มืดมิดคิดไม่ออกแล้วนั้นเอง “ถ้าเธอเอาคลิปนั้นให้ไอ้ราฟ เราก็คงจบสิ้นทุกอย่าง ผมไม่อยากเป็นคนแพ้ ไม่อยากเห็นมันได้ดีกว่า ลูกเมียรองอย่างมันต้องเป็นรองตลอดไป ไม่ใช่ขึ้นมาเป็นหนึ่ง ที่หนึ่งนั้นมันต้องเป็นของผม ลูกของเมียคนที่หนึ่งเท่านั้น แต่เราจะทำยังไงเพื่อที่หนึ่งตลอดไป”

“ประวิงเวลา ใส่น้ำแข็งลงไปในหัวใจ ลูกต้องเย็นให้ถึงจุดเยือกแข็ง เพื่อให้มันตายใจให้ได้ เมื่อมันโทรมาก็พูดจาดีๆ และไม่ว่ามันต้องการอะไรก็ให้ไป”

“แม้แต่ตระกูลบลูโนโค หรือครับ”

“ใช่ ยอมก่อนจะเชือด เข้าใจหรือเปล่า”

เอวาบอกอย่างเลือดเย็น แววตาที่เป็นหน้าต่างของความคิดก็บอกว่าเธอพร้อมจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ความเป็นหนึ่งเป็นของลูกเธอ ความลับนี้ต้องถูกเปิดเผย ไม่ใช่ถูกทำลาย เธอจะต้องรีบทำในสิ่งที่คิดไว้ และคิดว่าเมื่อลงมือเองแล้วไม่ได้ผล เธอจะต้องหาคนมาลงมือทำแทน
*********
เช้าวันรุ่งขึ้นชิญาดาตื่นขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม เพราะความสุขที่เอิบอยู่ในหัวใจ เมื่อได้รู้ใจของผู้ชายที่ตัวเองก็ชอบอยู่ แต่ไม่อาจเทใจให้ทั้งหมด เพราะบางสิ่งที่คาใจอยู่ แม้เขาจะยังไม่ตอบทั้งหมด แต่การได้รู้ว่าเขาชอบตั้งแต่เห็นแค่รูปถ่ายนั้น เธอสุดจะปลื้ม

เมื่อคืนนี้เธออยากจะฟังเรื่องราวทั้งหมด แต่เผลอหลับไปในรถ รู้สึกตัวตอนที่เขาอุ้มมาส่งที่ห้องนอน แล้วคิสราตรีสวัสดิ์ที่หน้าผาก เธอยกมือขึ้นแตะบริเวณที่เป็นความทรงจำอันอบอุ่น แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากห้องนอนเพื่อไปเดินเล่นที่สนามหญ้า อาการบาดเจ็บกับป่วยของเธอดีขึ้นมาก แต่ยังหน่วงๆที่ไหล่ กินยาที่หมอให้มาก็คงจะหายดี สองเท้าที่ก้าวมาชะงักอยู่แค่เทอเรสด้านหน้าเมื่อเห็นเจ้าของบ้านคุยอยู่กับคนขับรถของเขา โดยมีเจ้าร็อตไวเลอร์นอนหมอบอยู่ข้างๆ

จมูกมันไวสมกับเป็นหมาสายพันธุ์ดุ ลุกขึ้นยืนจ้องมาที่เธอทันที คนสองคนที่ยืนคุยกันอยู่ก็หันมามองด้วย เธอส่งยิ้มน้อยๆไปให้ทั้งคู่แล้วเดินลงบันไดไปดูดอกไม้ต้นไม้ที่ปลูกไว้รอบสนามหญ้าโดยมีสายตากรณ์มองตามไปไม่นานก็หันกลับมามองผินที่ยืนคุยอยู่ด้วย

“เธอจำคุณกรณ์ได้หรือยังครับว่าเป็นใคร รู้จักเธอได้ยังไง”

“ยัง แต่ความสงสัยคงเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ” เขาบอกโดยไม่มีความกังวลใดๆ แต่ผินนั่นมีอยู่ลึกๆ ยิ้มที่มุมปากแล้วบอกว่า

“และคนที่มีความต้องการตัวเธอ ก็มีมากขึ้นด้วย ตอนนี้คุณเอวาคงรู้แล้วว่าลูกชายเธอเลือดตกหยดลงพื้น แม้จะรู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่อันตรายก็จะพุ่งไปที่คนที่คุณกรณ์ปกป้อง เพราะสาเหตุมาจากเธอ”

“พวกแพ้แล้วพาล” เสียงกรณ์หยันไปถึงคนที่พูดถึง

“พวกเขาไม่สนใจหรอกครับว่าใครจะมองยังไง ขอเอาเลือดคนที่ทำลูกชายออกมาให้ได้ และได้ในสิ่งที่ต้องการก็พอ” ผินบอกด้วยความเป็นห่วง “แต่ทำไมทุกอย่างยังเงียบอยู่ ทั้งที่เธอควรจะเต้นและตอบโต้คุณกรณ์แล้ว”

“เพราะเธอเป็นนางหงส์ ไม่ใช่อีกา ความร้ายกาจจึงถูกซ่อนไว้ภายใต้ความสวยงาม”

“งั้นคุณกรณ์ก็ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันเธอมากขึ้นแล้วครับ ป่านนี้เธอคงพร้อมจะซัดกลับทุกเวลา”

มุมปากของกรณ์กดลึกอย่างบอกให้รู้ว่า เขารู้ไม่ใช่ไม่รู้ และคิดไว้ตั้งแต่ตอนตีงูให้หลังหักแล้วว่าจะทำยังไง เขาบอกขอบใจผินแล้วเดินไปหาดวงใจของเขา ผินมองตามเจ้านายไปและมองเลยไปถึงหญิงสาว ความเหมาะสมปรากฏขึ้นมาให้เห็น และหวังว่าทั้งคู่จะจับมือกันฝ่าอุปสรรคต่างๆที่เข้ามาเป็นบททดสอบได้ดี แล้วจูงเจ้าร็อตไวเลอร์กลับไปที่พัก

ชิญาดายืนอยู่ตรงพุ่มไม้ดอกมองดอกไม้ที่บานสะพรั่งรับแสงอรุณ หยาดน้ำค้างจางหายไปหมดแล้ว มดตัวน้อยไต่ไปตามกลีบดอกอย่างหลงใหล และไล่ลื่นให้เธอยิ้มออกมาด้วยความขำ คนที่เดินมาหาเห็นเข้าก็พลอยสุขใจไปด้วย “มีเผื่อให้พี่หรือเปล่า”

เสียงพูดที่ดังขึ้นเรียกความสนใจจากชิญาดาให้หันมามองทันที และมีสีหน้างงกับคำพูดที่ได้ยิน ว่าหมายถึงสิ่งใดกัน “อะไรคะ”

“รอยยิ้ม” กรณ์บอกพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้า ชิญาดายิ้มหวานให้พร้อมกับวางมือลงบนฝ่ามือ ไม่มีการลังเลให้เห็นอีกแล้ว

“คิสมอร์นิ่งหน่อยไหม” เขาว่าพลางกระชับมือนุ่มเบาๆ เธอก็ตอบทันทีว่า

“ไม่ค่ะ”

“ชื่นใจหน่อยน่าคนดี”สิ้ นเสียงพูดก็ก้มหน้าลงมาใกล้ เธอก็ยกมือดันหน้าเขาออก แต่กลับถูกเขาพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จูบลงบนฝ่ามือเธอแทน ชิญาดาทั้งเขินทั้งเคืองตวัดตามองค้อน ไม่คิดว่าคนมาดนิ่งๆจะหยอกเย้าหยอดเธอเล่นได้อย่างน่ารักขนาดนี้แล้วถามเรื่องอื่นเพื่อให้เขาหยุดวุ่นวายกับตัวเธอเสียที

“เมื่อกี้คุยอะไรกันคะ”

“มาตรการป้องกัน” เขาบอกอย่างไม่ปิดบัง และรู้ว่าที่เธอถาม เพราะบ่ายเบี่ยงเรื่องของตัว โดยไม่รู้ว่ากำลังจะเข้าตัว

“ตัวฉันเหรอคะ”

เขาพยักหน้าว่าใช่ ความสดใสในยามเช้าของชิญาดาจึงหม่นหมองขึ้นมาทันที เพราะความห่วงกังวล ทั้งเพื่อนที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน และคำพูดที่กระทบความรู้สึกเมื่อคืนนี้อีก แล้วยังห่วงเขาที่ต้องมารับภาระดูแลเธอ เสี่ยงอันตรายจากกระสุนที่คนเลวนั้นจ้องจะทำร้ายอยู่

กรณ์รับรู้ถึงความรู้สึกของเธอได้ดี มองเธอนิ่งๆแล้วบอกว่า “เราจะผ่านมันไปด้วยกัน เชื่อใจกันนะ” เขาบอกแล้วยื่นมือไปแตะแก้มเธอ

“ขอโทษที่เป็นภาระนะคะ”

“ไม่เคยคิดสักนิด มีแต่จะยินดี เพราะยกให้เป็นเจ้าของหัวใจไปแล้ว”

“แล้วเคยเปลี่ยนใจไม่ติดตามหรือเฝ้ารอบ้างไหมคะ”

“ไม่ รออยู่ทุกนาที แต่ที่เหินห่างเหมือนห่างหาย เพราะงาน คิดไว้ว่าสิ้นปีนี้คงได้เวลาไปล่าหัวใจตัวเองแล้ว แต่บุพเพสันนิวาส พาน้องหนูมาที่นี่เสียก่อน”

“บุพเพสันนิวาส” เธอทวนคำนี้ออกมา เพราะรู้สึกเหมือนมีบางอย่างสื่อไปถึงคำนี้ แล้วคิดออก “คุณกรองแก้ว” ว่าแล้วก็มองหน้าเขา ความคลับคล้ายคลับคลาก่อนหน้านี้ที่เคยได้ยินชื่อนี้มา กลับมาอีกครั้ง แต่ยังไม่ชัดเจน ได้แต่ถามว่า “ทำไมไปเจอรูปฉันในห้องพี่เสือคะ”

“ธุรกิจ” เขาบอกสั้นๆยังไม่เปิดเผยให้เธอรู้ เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าเธอรู้แล้ว จะโกรธเคืองหรือป่าว เพราะเรื่องราวในอดีตทำให้เขาเกือบทำร้ายพี่ชายเธอ แม้ไม่โดนตรงๆแต่ก็เกี่ยวกันอยู่ แล้วพาเธอไปที่รถ เปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่ง ปิดประตูให้แล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกด้าน เข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ปิดประตูเรียบร้อยแล้วก็หันมาถามเธอพร้อมกับดึงสายเบลล์มารัดตัว

“เล่าให้ฟังได้ไหม ว่าเมื่อคืนคุยอะไรกับเพื่อนบ้าง”

“ไม่อยากตอบเหรอคะ” เธอถามเมื่อเขาไม่ตอบคำถามเธอ แต่กลับไปพูดเรื่องอื่น

“อยากค่ะ” เสียงทุ้มนุ่มบอกกับเธอ “แต่กลัวว่าถ้ารู้แล้วอาจจะโกรธพี่นะซิ”

“แล้วรู้วันนี้หรือรู้หลังจากนี้ มันต่างกันตรงไหนคะ”

“ความสุข” เขาบอกขณะมองเข้าไปในตาเธอ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน “ตอนนี้น้องหนูเห็นแต่สิ่งๆดีๆที่พี่มีให้ เราสองคนก็มีแต่ความสุข พี่อยากจะเก็บมันเอาไว้มากกว่าความทุกข์ หลังจากที่ได้รู้เรื่องที่สงสัยอยู่”

“ขี้ขลาด” เธอว่าด้วยความเคือง เมื่อเขาจุดชนวนความอยากรู้ของเธอขึ้นมา แล้วดับมันไป ปล่อยให้เธอค้างคาใจ

“ไว้จัดการเรื่องของเพื่อนน้องหนูให้จบ แล้วพี่จะบอก”

ชิญาดาอยากจะดื้อ ไม่ยอมฟัง แต่เหตุผลคือเพื่อน ทำให้ยั้งคิดไว้ได้เพราะยังไงเขาก็ยังทำเพื่อเธอ จึงต้องยอมรับฟัง “ค่ะ แต่ถ้าฉันโกรธอย่ามาโทษกันนะคะ”

“พี่จะง้อ ทั้งชีวิตเลยถ้าง้อแล้วไม่หายพี่ก็จะปล้ำ ปล้ำแล้วไม่หายอีก ก็จะทำให้มีลูกเลย”

“โจรชัดๆ” เธอว่าพลางมองค้อน กรณ์ก็ยิ้มขำ และรู้สึกดีที่เธอมีเหตุผลไม่ทำตัวให้เขาปวดหัว โดยไม่รู้ว่าอารมณ์ผู้หญิงนั้นมันซับซ้อนเกินกว่าเขาจะเข้าใจ

“เรื่องของเพื่อนพอจะบอกพี่ได้หรือยัง”

ชิญาดานิ่งคิด เพราะเมื่อคืนก็มีความไม่เข้าใจกันอยู่ การไว้ใจ ที่เตือนให้เธอระวัง ทำให้เธอต้องชั่งใจ แล้วปรายตามองเสี้ยวหน้าคม ก่อนจะพูดออกมา เพราะที่รู้มา ยังไม่มีอะไรสำคัญ “ค่ะ แคทยังไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน บอกแค่ว่ากำลังจะเอาคืน คนที่ทำให้เธอเจ็บ”

“สาเหตุละ”

“แคทบอกว่าเป็นความลับค่ะ”

“ความลับอะไร”

“ความลับของคนอื่น ที่เอริคเก็บไว้ค่ะ แต่แคทไปเจอเข้า”

สมองกรณ์คิดถึงความลับที่ดูจะลึกลับทันทีมันคงสำคัญมาก เพราะคนที่มาหาเขากับเธอก็ต้องการสิ่งนี้เหมือนกัน และยังมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีก คนๆนั้นเป็นใครเกี่ยวกับความลับนั่นยังไง เขายิ้มให้เธอนิดๆ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ จะขับเคลื่อนรถออกไป พร้อมกับบอกความจริงเธอเพียงครึ่งเดียวว่าจะพาไปเที่ยว

ชิญาดาหมั่นไส้คนที่จะพาไปเที่ยว เพราะเหมือนถูกเขาหลอกล่อยังไงก็ไม่รู้ แล้วขอเขาไปหยิบกระเป๋าสะพาย ก็เปิดประตูรถออกไป ไม่นานก็กลับมา พอเธอเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขับรถออกไป เธอก็นั่งมองทางที่รถวิ่งไป โดยไม่ถามว่าเขาจะพาไปเที่ยวที่ไหน
**********
อาคารบลูโน โค อดีตนายหญิงคนแรก เอวาเดินเชิดหน้าตัวตรงไปยังห้องประธาน โดยมีทนายเมอเรย์เดินตามหลังไปติดๆ พนักงานหลายคนที่เห็นเข้าต่างมองด้วยความชื่นชมในความสวยสง่างามไม่เปลี่ยนของเธอ กระทั่งเธอเดินมาถึงหน้าห้อง เลขาที่มีประสิทธิภาพก็ออกมาต้อนรับ ทำตามระเบียบการด้วยการแจ้งเจ้านาย ได้คำตอบแล้ว ก็เดินไปเปิดประตูเชิญให้เธอเข้าไปในห้องท่านได้

เอวาปรายตาบอกให้ทนายเมอเรย์รออยู่ตรงนี้ แล้วเดินตัวตรงเข้าไป เลขาสาวก็หันมาเชิญให้คุณทนายนั่งรอที่เก้าอี้รับแขก แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แจ้งแม่บ้านให้นำกาแฟมาให้เขา เรียบร้อยแล้วก็จัดการงานของตัวเอง ขณะที่ภายในห้องท่านประธาน บรรยากาศที่ดีๆในห้องทำงานเริ่มจะเปลี่ยนไป

นายโจนส์นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ มองอดีตภรรยาที่เข้ามานั่งเชิดหน้าอยู่บนโซฟา ลักษณะท่าทางของเธอบอกเขาว่าต้องมีเรื่องสำคัญ เขาปรายตาไปมองภรรยาคนปัจจุบัน กรองแก้วนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง จับตามองคนที่เข้ามานั่งอยู่เช่นกัน แล้วลุกขึ้นยืนเดินมาหา ส่งยิ้มทักทายให้เล็กน้อยก็จะเดินออกไปอย่างมีมารยาทให้คนที่เป็นอดีตของกันและกันได้คุยกัน แต่...

“อยู่ด้วยซิ”

กรองแก้วหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่ออดีตภรรยาของสามีเอ่ยขึ้นมา ก็ไม่ขัดศรัทธาเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวแทนที่จะกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน เอวาที่มองอยู่คอแข็งขึ้นมาภายใต้ความนิ่งของตัวเอง เพราะเก้าอี้ตัวนั้นบอกถึงฐานะของคนที่ได้นั่งเป็นอย่างดี ว่าใครสำคัญกว่าใคร เธอเก็บความรู้สึกริษยาอีกฝ่ายไว้ แล้วบอกว่า

“ฉันรบกวนไม่นานหรอก” บอกแล้วก็ตวัดสายตาไปมองอดีตสามี

นายโจนส์จึงลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาเคียงข้างกรองแก้ว แล้วพูดขึ้น “มีอะไรก็พูดมา”

“ฉันมาเรื่องลูก”

นายโจนส์เข้าใจได้ทันทีว่าเป็นเรื่องอะไร “ฉันบอกไปแล้วว่าต้องทำยังไง ถึงจะคืนหุ้นให้”

“ฉันไม่ได้มาเรื่องนั้น” เสียงเอวามีความขุ่นก่อนจะมีความเย้ยปนมา “แต่มาเพื่อจะดูว่าเลือดมันจะข้นกว่าน้ำหรือเปล่า”

“ฉันถือความถูกต้อง”

เอวายิ้มหยันให้คำประกาศของอดีตสามี “ก็ดี ฉันจะได้ดูว่าคุณจะยุติธรรมแค่ไหน” ว่าแล้วก็ปรายตามองกรองแก้ว ซึ่งเริ่มจะเข้าใจว่าเรื่องนี้ถ้าไม่เกี่ยวกับเธอ ก็ต้องเป็นญาติหนุ่ม และตอนนี้จะมีเรื่องอะไร นอกจากเรื่อง...ลูกนก

“เอริคถูกยิง”

คำพูดของเธอดังขึ้นพร้อมๆกับประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอย่างวิสาสะ และคนเปิดก็ทันได้ยินคำพูดนี้ด้วย ขณะที่นายโจนส์ก็ตกใจกับคำบอกเล่าของอดีตภรรยา ถึงกระนั้นเขาก็มองคนที่เข้าโดยพละการอย่างไม่พอใจ

ราเซลไม่สนใจสายตาตำหนิของอดีตสามี เพราะคำว่าเอริคถูกยิงนั้นสำคัญกว่ามาก ก้าวฉับๆไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับนางหงส์ สีหน้าแสดงความห่วงใยแต่แววตานั้นสะใจเป็นที่สุด กรรมที่มันทำกับเธอไว้ เอาเลือดเธอออก ตกไปอยู่ที่ลูกของมัน เลือดออกมามากกว่าเธอ ช่างโชคดีจริงๆที่มาทันได้ฟังคำนี้ เห็นทีต้องตบรางวัลพนักงานเล็กๆที่นี่ที่คอยเป็นเส้นสายส่งข่าวให้เธอเสียแล้ว

“เกิดอะไรขึ้นละ หรือแกว่งเท้าไปเจอเสี้ยนเข้า ถึงได้เลือดตกยางออก”

“เข้ามาอย่างไม่มีมารยาทแล้วยังพูดจาน่าเกลียดอีก หุบปากของเธอเสีย”

“ฉันถามด้วยความห่วงใย แต่จิตใจคนพูดที่ช่างต่ำจริง มองความหวังดีเป็นประสงค์ร้ายไปได้” ว่าแล้วก็ยิ้มเยาะ เอวาต้องกดความชิงชังไว้สุดๆ แล้วมองไปที่อดีตสามี ซึ่งไม่ได้สนใจการไม่ลงรอยของทั้งคู่ ถามออกมาว่า

“ฝีมือใคร”

เอวามองไปที่กรองแก้วด้วยความเย็นชา เธอก็สบตาอย่างไม่หวั่น และแน่ใจว่าต้องเป็นฝีมือของญาติหนุ่มแน่แล้ว นายโจนส์กับราเซลมองตามสายตามีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ทราบค่ะ”

กรองแก้วตอบทั้งที่พอจะเดาอย่างที่คิดไว้แล้วว่าสาเหตุน่าจะมาจากลูกนก หญิงสาวที่เธอพาไปให้ญาติหนุ่มปกป้อง แต่สามีเธอนั้นอาจจะเดาไม่ออก เพราะไม่รู้เรื่องนี้ รู้แค่เรื่องลูกชายทำร้ายผู้หญิง และคิดว่าคนที่ถูกเปรียบเป็นอีกาอย่างราเซลก็คงจะรู้เช่นกัน เพราะตามเรื่องนี้อยู่ ซึ่งเป็นอย่างที่เธอคิด แต่ราเซลเลือกที่จะเงียบไว้ก่อนออกความเห็น อยากดูฤทธีของนางหงส์ว่าจะเต้นอะไรออกมาบ้าง
*********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ต.ค. 2561, 09:29:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ต.ค. 2561, 09:29:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 964





<< ตอน 9   ตอน 11 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account