ชายา ตอน เล่ห์รักดวงใจกรณ์
เพราะรูปถ่ายที่ได้เห็นเพียงครั้งเดียวในห้องทำงานของ ชินกฤต หรือเสือ แห่งตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ทำให้กรณ์ วิจิตรนาถ หลงรักเธอทันที เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับของหัวใจ แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมีคนรู้ความลับนี้เข้า และได้ทำตัวเป็นกามเทพ นำพาเธอมาหาเขา

ชิญาดา หรือน้องหนู ตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ได้รับโชคก้อนใหญ่ ได้มาเที่ยวกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมืองที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก ของสถานที่ท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรมมากมาย เธอเดินทางมาคนเดียว ปลายทางคือเพื่อนรัก ที่ไม่ได้เจอกันมานาน จึงจะมาเซอร์ไพรส์ แต่ความคิดมันสวนทางกับความจริง เมื่อมาเจอเพื่อนถูกผู้ชายเลวทรามคนหนึ่งทำร้าย

ปลายกระบอกปืนที่เล็งมา จะเอาลมหายใจจากไปจากร่างกาย ทำให้เธอกลัวไปทั้งใจ แต่หลังจากนั้นคือการลุกขึ้นสู้ คนเลวทรามต้องติดคุก แต่คุกไม่ได้มีไว้ขังคนมีเงิน มีอำนาจ เธอถูกข่มขู่ คุกคาม กามเทพจึงอุ้มเธอมาใส่ในมือเขา ที่กางแขนโอบกอดเธอไว้ ไม่ให้คลาดไปจากสายตา ห่างไกลไปจากหัวใจอีกเลย

ทุกอย่างน่าจะจบลงที่ความสุข แต่หัวใจไม่ใช่เงินตรา ที่จะจับต้องหยิบไปใช้เมื่อไรก็ได้ เธอไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเขา เขาจึงต้องทำให้เธอเห็น ด้วยภาษากาย พูดให้เธอฟัง ด้วยภาษาใจ และกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในอ้อมแขน จนเธอรับรู้แต่กลับต้องวางหัวใจ เมื่อความลับของคนมีอำนาจ กำลังจะพรากเพื่อนรักไปจากเธอ

การแย่งชิง ไหวพริบ เล่ห์เหลี่ยม ถูกนำมาใช้ ท่ามกลางความรัก และผลประโยชน์ของตระกูลบลูโน โค ทุกคนกลายเป็นหมาก ที่ต้องเดิมเกมอย่างระวัง เพราะถ้าพลาดพลั้งทุกอย่างต้องพังทลาย ชิญาดากลายเป็นกุญแจสำคัญที่ใครๆก็ต้องการตัว แต่จะมีใครช่วงชิงเธอไปจากอ้อมแขนแห่งรักของกรณ์ ได้หรือไม่ ต้องติดตาม...

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 11

ตอน 11
นายโจนส์ตวัดสายตามองผู้หญิงทั้งสามคน ที่เขารู้สึกว่าพวกเธอรู้บางอย่างที่เขาไม่รู้ แล้วถามอดีตภรรยาคนแรกออกมา “มันเกิดขึ้นได้ยังไง บอกมา”

“จะไม่ถามหน่อยเหรอคะว่าลูกเป็นยังไงบ้าง”

“คงไม่มีอะไรหนัก ถ้าหนักเธอคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้ อีกอย่างถ้าเป็นฝีมือกรณ์จริง ก็แค่สั่งสอนไม่มีทางให้ถึงตายแน่นอน”

“นี่คุณยังเข้าข้างเขาอีก ไม่ห่วงลูกบ้างเลยนะคะ” เธอว่าเจ็บลึกสุดหัวใจ ที่แม้แต่ลูกก็ดูจะยึดอดีตสามีไว้ไม่ได้แล้ว

“ฉันห่วงลูก แต่เมื่อปลอดภัยแล้ว ฉันก็ต้องการรู้รายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น จะบอกฉันได้หรือยัง”

“งั้นคุณก็ฟังให้ดี ว่าที่ลูกเจ็บ เพราะเขานั่นแหละที่ยิง”

เสียงตอนท้ายกร้าวด้วยความโกรธ ทุกคนได้ยินชัดเจนและพากันเงียบด้วยความตกใจ แต่คนที่นิ่งได้ไม่นานอย่างราเซล ก็พูดขึ้นมา

“ไปทำอะไรเขาเข้าละ ถึงได้โดนยิงเอา คนอย่างคุณกรณ์นะเขาเป็นสุภาพบุรุษ เป็นลูกผู้ชายเต็มตัว ถ้าไม่ไปล้ำเส้นเขาก่อน เขาก็คงไม่ร้ายใส่ เอ๊ะหรือว่าเรื่องนั้น” เธอพูดให้เป็นปริศนา เพื่อยืมมือใครบางคนจัดการนางหงส์ แล้วก็ได้อย่างที่ใจคิด เมื่ออดีตสามีถามออกมา

“เรื่องอะไร”

“จะเรื่องอะไรละคะ ถ้าไม่ใช่เรื่องหนึ่งหญิงสองชาย” เธอรีบพูดขึ้นมาทั้งที่ไม่เห็นเหตุการณ์ แต่พอจะเดาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นมา และล่าสุดที่เห็นความหวงของกรณ์ที่มีต่อหญิงสาวคนนั้น “อุ๊ย” เธอแสร้งตกใจด้วยท่าทีที่น่าหมั่นไส้ “ฉันไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวพูดผิดพูดถูกจะกลายเป็นใส่ความกันเข้า แต่เอวาคงรู้ดี” ว่าแล้วก็ยิ้มเยือนแต่เชือดเฉือนอยู่ในที “แต่จะพูดดีใส่ตัวพูดชั่วใส่คนอื่น หรือเปล่า คุณก็ลองฟังเอาเองก็แล้วกัน”

“ผู้หญิงที่ไหนอีก” โจนส์ถามอย่างสงสัย

“คำถามนี้ กรองแก้วคงตอบได้ดีกว่าใคร จริงไหมจ๊ะ”

โจนส์หันมามองภรรยาทันที “หมายความว่าไง เธอรู้จักหญิงสาวคนนั้นด้วยเหรอ”

“ค่ะ” กรองแก้วยอมรับตรงๆ แล้วก็พูดให้ฟัง ไม่มีการปิดบัง ท้าวความตั้งแต่แรกที่เธอได้เล่าให้เขาฟังว่าไปเจออดีตภรรยาคนแรกของเขากับลูกชาย ที่โรงพยาบาล เพราะทำร้ายผู้หญิงจนกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์มาแล้ว “วันนั้นกรองได้เจอหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเป็นเพื่อนของผู้หญิงที่คุณเอริคทำร้าย เป็นคนไทยเหมือนกับกรองจึงพาเธอไปให้กรณ์ปกป้อง”

“ปกป้อง ทำไมต้องปกป้อง หรือว่า...” เสียงราเซลมีความสงสัย แล้วให้ความเห็นออกมาเหมือนชี้โพรงให้อดีตสามีได้คิดตาม “หรือว่าถูกขู่จะโดนทำร้าย ใช่ไหม” ปากเธอก็ถามกรองแก้ว แต่สายตามองไปที่นางหงส์เอวาอย่างมีเลศนัย

“ใช่ค่ะ”

โจนส์คิดไล่เรียงเรื่องราวที่รู้มา แล้วเริ่มจะเข้าใจแต่ยังมีความสงสัยอยู่อีกมาก“เธอทำอย่างนั้นหรือเปล่า” เขาถามอดีตภรรยา “แล้วทำไมต้องทำอย่างนั้น”

“ปิดปาก” ราเซลชิงตอบ เพื่อจะดูว่านางหงส์จะดิ้นยังไง แล้วก็ยิ้มออกมาราวกับได้รับชัยชนะ เมื่อเอวาก็ปฏิเสธออกมาทันที

“ไม่ใช่”

“ยอมรับแล้วซิ”

เอวาสุดจะแค้นแสนแค้น ที่มาเพื่อจะให้อดีตสามีจัดการไอ้กรณ์ แต่กลับถูกล้อมคอกให้ตอบในสิ่งที่เธอไม่อาจจะพูดออกมาได้ เพราะถ้าพูดออกไป อีการาเซลก็จะต้องเคลือบแคลงสงสัย แล้วหาทางที่จะรู้ว่าความลับคืออะไร แล้วเอาไปทำลาย เพื่อให้ลูกของมันดีพร้อม ไม่มีอะไรด่างพร้อย เหมาะกับการสืบทอดอำนาจ ต่างจากลูกของเธอที่ตอนนี้ดูแย่ และถูกซ้ำเติมเหยียบย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

วันนี้เป็นทีของทุกคน เชิญย่ามใจให้เต็มที่ วันใดที่ได้ความลับมาจะได้รู้ถึงความเหี้ยมเกรียมของเธอ เอวาเก็บอารมณ์ไว้ แล้วบอกว่า “เปล่า ฉันแค่พูดความจริง ไม่ได้สาระแนปั้นน้ำให้เป็นตัวเหมือนกับเธอ ที่ไม่รู้อะไรเลย ก็จับแพะมาชนแกะให้วุ่นวาย ไปหมด”

ราเซลเหยียดริมฝีปากออก บอกว่าไม่เชื่อสิ่งที่เอวาพูดมาสักนิด

“ตอนนั้นฉันกับลูกไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร อยู่ๆก็โผล่มา จะเอาเอริคเข้าคุก กรองแก้วก็เข้ามาตอนที่เราเถียงกันอยู่ แล้วเอาตัวเธอไป ฉันเคยบอกคุณแล้วว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักของเอริค และลูกก็มายืนยันกับคุณแล้ว ตอนนี้หายไป เธอเป็นคนเดียวที่จะติดต่อได้ เพราะเป็นเพื่อนกัน”

“แล้วที่เธอไปที่บ้านคุณกรณ์ละ”

“ฉันทำตามความต้องการของโจนส์ เขาอยากเจอคนรักของเอริคก็เลยไปถามความคืบหน้าเท่านั้น”

“แล้วทำไมคุณกรณ์ต้องยิงเอริคด้วย ลูกชายเธอทำอะไรเขา”

“ไว้ให้ลูกเธอโดนยิงบ้าง แล้วค่อยรู้แล้วกัน” ราเซลหน้าตึงขึ้นมาทันที แต่เอวาไม่สนใจ หันไปมองอดีตสามีกับภรรยาของเขา ที่เป็นญาติกับคนที่ทำร้ายลูกเธอ “ฉันต้องการคำตอบว่าคุณจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้”

“ฉันยังไม่รู้รายละเอียด ต้องถามทั้งสองฝ่ายก่อน”

“ฉันไม่สนว่าเรื่องมันเป็นมายังไง แต่ถ้าลูกฉันเจ็บ ฉันก็เจ็บ และคุณที่เป็นพ่อก็ควรจะเจ็บและควรจะทำเพื่อลูก แต่ตอนนี้คุณกำลังทำให้ฉันเห็นว่าน้ำ มันสำคัญกว่าเลือด ทนเห็นลูกเจ็บได้ แต่ฉันยอมไม่ได้ และถ้าคุณจัดการไม่ได้...” เสียงเธอต่ำลึก มองกรองแก้วด้วยสายตาที่น่ากลัว “เธอต้องรับผิดชอบ”

“ถ้ากรณ์ผิด ฉันก็ยินดี แต่ถ้าไม่ ฉันก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน”

“นั่นซินะ คนเป็นเครือญาติกัน ก็ต้องเห็นขี้ดีกว่าไส้ แต่อย่าลืมว่าเธอก็เป็นบลูโนโค คนหนึ่ง ทุกคนให้ความรักความเอ็นดูให้อยู่อย่างมีความสุข ก็ควรจะทำอะไรเพื่อคนตระกูลเดียวกันบ้าง และเรื่องนี้สาเหตุมาจากใคร เธอก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ฉันหวังว่าเธอจะเห็นคนในดีกว่าคนนอก”
***********
“ขอบคุณที่แนะนำ แต่ฉันคงทำไม่ได้ ได้แค่เตือนคุณว่า อย่าไปยุ่งกับคนนอกอีก อยู่ให้ห่างเธอไว้ดีที่สุด เพราะคุณคงได้เห็นจากการที่ไปหาถึงบ้านมาแล้ว ว่ากรณ์เขาห่วงเธอมากเพียงใด และถ้ายังไม่หยุดคราวหน้าอาจจะเป็นอะไรมากกว่านี้ก็ได้”

“ขอบใจที่หวังดี” เสียงเอวาเย็นชาไม่ต่างจากหน้าตา มองไปที่อดีตสามี “คุณก็ฟังไว้นะคะ ว่าคนที่คุณรักกับคนที่คุณโปรด ไม่ได้มีความเกรงใจคุณเลย ทั้งสองคนพร้อมที่จะทำให้ลูกคนตายทุกเวลา และถ้าลูกเป็นอะไรไปจริงๆ พึงระลึกไว้เลยว่าเป็นเพราะ...คุณ”

พูดจบเธอก็ลุกจากเก้าอี้ ปรายตามองราเซลอย่างหมายหัว แล้วก็เดินออกไป ราเซลรีบลุกขึ้นเดินตามออกไป ทันเหนี่ยวแขนไว้ที่หน้าโต๊ะทำงานของเลขา เดินขึ้นมาดักหน้าไว้ ถามในสิ่งที่มีความสงสัยอยู่ “ที่บอกว่าลองให้ลูกฉันให้โดนยิงบ้าง แล้วจะได้รู้ หมายความว่าไง”

“เธอชอบปั้นน้ำให้เป็นตัวอยู่แล้ว ก็คิดดูซิ”

“คิดจะทำอะไรลูกฉัน”

“ฉันทำกับเธอไว้ยังไง แล้วคิดว่าลูกเธอจะรอดหรือไง” เอวายิ้มเหี้ยมใส่ตาแล้วเดินกระแทกไหล่ออกไป

ราเซลมองตามไปอย่างกังวลใจ และที่ไม่เข้าใจคือนางหงส์ถอยง่ายเกินไป มันผิดวิสัยที่เคยเห็นมา และความจริงก็เป็นอย่างที่เธอคิด เมื่อพ้นจากสายตาคนอื่น เอวาก็ยิ้มราวกับคนที่ได้รับชัยชนะ เพราะคนที่ทำให้ลูกเธอเสียเลือด ต้องถูกเรียกตัวมาแน่นอน

ซึ่งมันกำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ ในห้องทำงาน โจนส์ลุกขึ้นเดินไปยืนตรงกระจก สายตามองไปไกล สมองก็ทำงานครุ่นคิดถึงทุกอย่างที่ได้ฟังมา กรองแก้วนั่งมองเขาอยู่เงียบ ไม่พูดอะไรถ้าเขาไม่ถาม กระทั่งได้รับคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาดว่า..

“เรียกกรณ์มาพบฉัน และพาคนที่เขาปกป้องมาด้วย”
*********

ตลาดแนชมาร์ก เป็นตลาดที่เก่าแก่ ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงเวียนนา ชาวบ้านถือว่าตลาดแห่งนี้เป็นเสมือน “คลังอาหารแห่งกรุงเวียนนา” เพราะรวบรวมทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอาหารไว้อย่างครบครัน มีให้เลือกตั้งแต่ของขบเคี้ยวง่ายๆ ไปจนถึงอาหารสำเร็จรูปชั้นยอด

ตลาดนี้เปิดมาตั้งแต่ช่วงกลางของศตวรรษที่ 16 ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นตลาดแห่งนี้ใช้เป็นตลาดค้านมในถังไม้เท่านั้น ในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 18 เกษตรกรในท้องถิ่นจึงเริ่มนำผลิตผลทางการเกษตรจากเรือกสวนไร่นาของพวกเขามาขายที่นี่ด้วย โดยในปี 1916 ตลาดแห่งนี้มีร้านค้ากว่า 120 ร้านจนทำให้กลายเป็นตลาดเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเวียนนา

สองข้างทางเดินมีข้าวของมากมาย ให้ทุกคนที่มาได้ชมและซื้อติดไม้ติดมือเป็นของเก็บของฝาก ชิญาดาเดินตามร่างสูงที่จับมือเธอพาเดินชมตลาด อันไหนที่เธอสนใจเขาก็จะซื้อให้ แต่เธอขอแค่ชมไม่ซื้อ เขาก็ยังซื้อของกินมาป้อนให้เธอ ซึ่งส่ายหน้าไม่ยอมอ้าปากรับ เขาก็ไม่ยอมและตื้อจนเธออ่อนใจ ยอมรับการป้อน

ภาพความน่ารักของทั้งคู่เป็นที่ถูกใจของใครหลายคนที่เห็นเข้า ขณะที่กรณ์ก็สุขใจเป็นที่สุด เขาพาเธอเดินชม ช้อป ชิม ชิลล์ไปเรื่อยๆ แต่บางครั้งเขาต้องปล่อยมือเธอเพราะคนเยอะ มีการแทรกตัวเดินผ่าน ทำให้เธอห่างออกไปจากเขา ชิญาดาก็ถือโอกาสนี้ไปดูของบางอย่างที่หมายตาไว้ โดยเชื่อมั่นว่าเขาจะต้องตามมาแน่นอน

ชิญาดาเดินมายังร้านขายดอกไม้อบแห้ง กิฟช้อปน่ารักๆแปลกๆ ทำให้นึกถึงพี่สะใภ้ ปรีชญาชายาของพี่เสือ ยังจะหลานๆที่น่ารักอีก เธอหมายตาไว้หลายร้าน เลือกดูของมองเพลิน ชิ้นนี้ก็สวย ชิ้นนั้นก็ถูกใจ ลืมคนพามาลืมเวลา กระทั่งรู้สึกถึงบางอย่าง แต่ก็สายไปแล้ว กระเป๋าเธอโดนโจรล้วงเอากระเป๋าเงินไป และหนีออกไปทางประตูทันที “ขโมย” เธอร้องขึ้นเสียงดัง วางของทุกอย่างไว้ แล้ววิ่งตาม

ทิศทางนั้นไม่ได้สนใจ ตามองโจร เท้าวิ่งตาม ลัดซอยนี้ออกซอยโน้นเพื่อจะตามให้ทัน แต่ดูเหมือนมันจะรู้ทางหนีทีไล่ได้ดี หายไปจากสายตา จึงค่อยๆชะลอฝีเท้าหยุดยืนมองไปรอบๆ ก็รู้สึกได้ถึงความเงียบงัน ไม่มีผู้คน อาคารที่เห็นก็ร้างๆ อารมณ์หวั่นๆผุดขึ้น ก้าวถอยหลังหมุนตัวเดินกลับไปทางเก่า แต่ต้องชะงัก เมื่อมีคนโผล่ออกมาขวางทาง ฝรั่งรูปร่างสูงโปร่งสองคน สายตาจ้องมาที่เธอ เธอทำใจดีสู้เสือ ไม่มีท่าทีสนใจ คิดว่าเป็นคนที่เดินผ่านมา เดินผ่านตัวไป แต่หนึ่งในสองขยับมาขวางไว้

เธอกำกระเป๋าสะพายไว้แน่น สบตาแบบยิ้มๆแล้วบอกขอทาง แต่มันไม่ขยับแถมยังเดินเข้าหา ให้เธอต้องถอยและรู้โดยปริยายว่ามันประทุษร้ายเธอแน่นอน “ต้องการอะไร เงินทองไม่มีเพราะโดนล้วงไปหมดแล้ว” เธอบอกขณะจ้องหน้ามันเขม็ง หน้าตาดูดีไม่มีมาดการเป็นผู้ร้าย เสื้อผ้าที่ใส่ก็เช่นกัน ไม่ได้มอซอ มันน่าสงสัยว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว

เธอคิดถึงคนที่พามา ป่านนี้เขาคงตามหาตัวเธออยู่ ฉะนั้นเธอต้องตั้งสติ ถ่วงเวลาไว้เพื่อเขา

“เงินนะได้แล้ว ที่เหลือคือตัวเธอ”

“หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่า ไอ้โจรเมื่อกี้ก็เป็นพวกแก”

มันไม่ตอบ ยิ้มแบบกวนๆให้รู้ ชิญาดาก็สรุปได้แล้วว่าเป็นแผนของพวกมัน หลอกล่อให้เธอมาติดกับ เพื่ออะไร หรือว่า... “ใครจ้างพวกแกมา”

“ตามมาเดี๋ยวก็รู้”

คำพูดมันคือการยอมรับ “งั้นฉันให้ค่าจ้างมากกว่าที่แกได้มา แค่บอกมาว่าใครเป็นคนจ้าง”

ใจเธอนั้นคิดไปถึงผู้หญิงแถวหน้า แม่ของคนที่ทำร้ายเพื่อนเธอ เอวาที่ไปหาเธอถึงที่บ้านคนปกป้อง แล้วยังไม่ได้อะไร คงคิดว่าเธอโกหก ทั้งๆที่พูดความจริง จึงจ้างคนพวกนี้มาเอาตัวเธอไปอีก หวังจะเค้นหรือไม่ก็ตัวล่อให้เพื่อนเธอออกมา ร้ายจริงๆ

คนที่ยืนฟังอยู่ด้านหลัง เดินมายืนข้างคนตรงหน้าเธอ หรี่ตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วถามออกมา “กระเป๋าถูกขโมยแล้วจะเอาอะไรมาจ้าง”

“ฉันมีเพื่อน เพียงพาฉันไปหา สองสามเท่าก็ให้ได้”

ความโลภเกิดขึ้นในใจมันทันที ปรายตามองเพื่อนเหมือนปรึกษา แต่ความจริงแล้วยิ้มเยาะเพราะคิดว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมของเธอ “คิดจะพาเราไปหากับดักเหรอ”

“เปล่าฉันพูดจริง”

“งั้นก็โทรไปหา โอนเงินมาเมื่อไร แล้วฉันก็จะปล่อยเธอไป”

“ของอย่างนี้มันต้องยื่นหมูยื่นแมวซิ ต้องเห็นกันจ๊ะๆ จะมาทำกันลอยๆได้ยังไง ฉันไม่เชื่อใจพวกแก” เธอต่อรองอย่างใจเย็นและมีสติ แต่ใจก็ยังไม่ดี เพราะไม่รู้ว่าพวกมันจะตกลงหรือมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรซ่อนไว้อยู่บ้าง ส่วนวิธีการนั้นเธอก็ได้เห็นได้ฟังมาจากพี่ชายแท้ๆกับอีกสองคนที่เธอก็นับถือเป็นพี่ชายเหมือนกัน เสือ สิงห์ อินทรี

ไอ้คนที่ถูกต่อรองมีความลังเล แต่อีกคนไม่สนใจเพราะมีความเสี่ยงต่อชีวิต จึงบอกว่า “เลิกพูดเถอะ เอาตัวเธอไป” ว่าแล้วก็เดินมาขนาบตัวเธอ

ชิญาดาเดินถอยหลังไม่ยอมจำนนง่ายๆ ขณะสายตาก็กวาดมองหวังจะเห็นคนปกป้อง และถ่วงเวลาเผื่อว่าเขาจะมาทัน “พวกแกแน่ใจเหรอ”

“ไม่ต้องพูดมาก” มันตวาดออกมา ไม่ได้สังเกตดวงตาของเธอที่วาวขึ้น เพราะคนที่รอได้โผล่มาแล้ว

“งั้นถามคนที่ปกป้องฉันก่อนไหม”

มันทำหน้างง ก่อนจะเย็นวาบ เมื่อด้านหลังเธอมีคนถือปืนเล็งมาที่มัน มันกระชากตัวเธอมาเป็นเกราะกำบัง แต่ช่วยอะไรมันไม่ได้เลย เมื่อมีโลหะเย็นๆมากระทบบนหลังมัน ซึ่งรู้ได้ทันทีว่าคือปลายกระบอกปืน มันปล่อยมือจากเธอโดยไม่ต้องมีคำสั่ง

ชิญาดามองคนที่มาช่วยด้วยความขอบคุณ แล้วต้องร้องกรี๊ดออกมาเมื่อมีเสียง ปัง ปัง ปัง ดังขึ้น ความชุลมุนเกิดขึ้นมา ไม่นานก็สงบ ตัวเธอซุกอยู่ที่อกคนมาช่วย สองมือกอดเขาไว้แน่น แล้วถูกพยุงตัวให้ลุกขึ้นมา มองไปรอบๆด้วยใจที่ยังมีความหวั่นอยู่

“เป็นอะไรบ้างหรือเปล่าครับ คุณกรณ์” คนถามคือผิน พลางมองหญิงสาวที่เจ้านายโอบกอดอยู่ สังเกตร่างกายของเธอไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บ ก็เบาใจแทนเจ้านาย

“ไม่เป็นไร” กรณ์บอกแล้วมองไปที่พื้นไม่มีปลอกกระสุน มีเศษกระดาษสีแดงกับกลิ่นดินประสิว ที่บอกให้รู้ว่าเสียงปังๆๆเมื่อกี้คือประทัดไม่ใช่ปืน มีคนมาช่วยพวกมัน แสดงว่ามีการวางแผนกันมา “ขอบใจมาก” เขาบอกผิน ซึ่งก้มหน้าให้เล็กน้อย แล้วหันไปพยักหน้ากับลูกน้อง พากันเดินไปคุ้มกันอยู่ห่างๆ

กรณ์มองคนที่ยืนหน้าซีดอยู่ในอ้อมแขน ดันร่างอรชรออกเพียงช่วงไหล่ เพื่อดูว่าเธอได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า แล้วก็เบาใจที่ไม่เห็นร่องรอยใดๆ ก็ดึงตัวมากอดไว้ใหม่ จูบกลางกระหม่อมเรียกขวัญเธอกลับมา ชิญาดารับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่มีให้ ดันตัวออกมาแล้วบอกเขาว่า

“ขอโทษนะคะ ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น”

“ไม่เป็นไรไม่ใช่ความผิด พวกมันคอยโอกาสอยู่แล้ว เห็นช่องเพียงนิดเดียวก็ฉกฉวยทันที”

“ถึงจะเป็นอย่างนั้น ถ้าฉันไม่สร้างโอกาสให้พวกมัน หลบคุณไปดูของ เรื่องก็คงไม่เกิดขึ้น คุณกับคนของคุณก็ไม่ต้องมาเสี่ยง วันนี้เป็นลูกประทัด วันหน้าอาจจะเป็นลูกปืน”

“ถ้าไม่อยากให้พี่เจอ ก็อย่าห่างกันอีก ได้ไหม”

“เราจะตัวติดกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ได้นะคะ”

“ได้ซิ ถ้าน้องหนูต้องการ พี่ทำให้ได้”

ชิญาดาหลบตาคมที่มองอย่างลึกซึ้ง ไม่กล้าถามว่าเขาจะทำยังไง กลัวคำตอบจะเข้าตัว จึงถามไปเรื่องอื่น “แล้วคนของคุณตามมาช่วยได้ไงคะ”

“พวกเขาคอยตามดูแลอยู่แล้ว แต่ไม่แสดงตัวให้เห็นเท่านั้นเอง” เขาบอกแล้วจับมือเธอพาเดินไปที่รถ ที่คนของเขาคงขับมาจอดไว้ให้ ระหว่างที่เดินไปด้วยกันเธอก็เล่าให้เขาฟังว่าถูกหลอกมายังไง และได้รู้ว่ามีคนจ้างพวกมันมา

“คุณคิดว่าเป็นใครคะ”

“คนที่เกี่ยวข้องกับความลับนั่นแหละ แต่เจาะจงไม่ได้ว่าเป็นใคร เพราะไม่มีหลักฐาน จับไม่ได้คาหนังคาเขาแบบนี้ ไม่มีใครยอมรับหรอก”

“แสดงว่าฉันก็ต้องอยู่บนความเสี่ยงต่อไป หวาดระแวงคนที่เข้ามาใกล้ เพราะไม่รู้ว่าจะโดนจับตัวไปเมื่อไร”

“คนที่น่าสงสัยมีอยู่ไม่กี่คนหรอก ทำตัวให้เป็นปรกติ รู้เขารู้เราไว้ ไม่นานก็จะได้รู้ว่าเป็นฝีมือใคร และสัญญาว่าจะใกล้ชิดให้มากกว่านี้” เขาว่าแล้วหยุดเดิน มองหน้าเธอ บอกความรู้สึกที่อยากจะใกล้ชิดด้วยการยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบจะแตะแก้มเธอ

ชิญาดารู้ว่าเขาต้องการอะไร ก็อ้อมแอ้มออกมาว่า “แค่นี้ก็พอแล้วมั่งคะ”

“ไม่พอ ไม่เห็นเหรอว่ายังพลาด”

“ขอโทษแล้วนี่ค่ะ สัญญาว่าไม่ทำแบบนั้นอีก จะ...” เธอเม้มริมฝีปาก เพราะรู้สึกเขินคำที่จะพูดออกมา แต่ดูสายตาคนปกป้องที่มองอย่างไม่ยอม แถมไม่ห่างออกไปจนกว่าจะได้ยิน เธอจำต้องพูดออกมา “จะใกล้ชิดค่ะ”

พูดจบริมฝีปากเธอก็ถูกเขาครอบครอง แสดงความใกล้ชิด สองแขนรั้งร่างอรชรมาแนบชิด ปล่อยใจซึมซับความหวานจนพอใจ ก็ถอนริมฝีปากออกมา ยิ้มใส่หน้าเขินๆของเธอ แล้วจับมือพาเดินไปขึ้นรถ เพื่อไปหามาตรการปกป้อง โดยไม่รู้ว่า เหตุการณ์ทั้งหมด ตกอยู่ในสายตาของใครคนหนึ่ง
************
ประตูกระจกร้านราฟเวดดิ้ง ถูกเปิดเข้ามา คนเปิดก้าวฉับๆไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับลูกค้า พนักงานที่นั่งอยู่สองคนเปิดยิ้มให้โดยอัตโนมัติ ก่อนทักทายด้วยความนอบน้อม เพราะเธอคือแม่ของเจ้าของร้านนั่นเอง ราเซลไม่สนใจพนักงานพวกนี้ ถามถึงคนที่มาหาทันที

“ราฟอยู่หรือเปล่า”

“ดูชุดอยู่ชั้นสองค่ะ”

ได้คำตอบแล้วเธอก็เดินตรงไปที่บันใด พนักงานในร้านมองตามไปเพียงแวบเดียวก็เลิกสนใจ เพราะเธอลมเพลมพัดมาแบบนี้บ่อยๆ แล้วโทรศัพท์บอกเจ้านายให้ได้รู้ว่ามีใครมาหา

ราฟรับรู้แต่ไม่สนใจ ยังคงยืนจดจ่ออยู่กับชุดใหม่หลายชุด ที่เขาออกแบบตัดเย็บเสร็จแล้ว ก็ให้พนักงานเอาขึ้นหุ่นโชว์ โดยมีเรนียามาช่วยดูด้วย ทั้งหมดเป็นชุดวิวาห์ผ้าลูกไม้จากปารีสเรียบหรูสง่างาม ตามแรงบันดาลใจที่ได้มาจากราชวงชั้นสูงในยุคต่างๆ เขาสัมผัสความประณีตที่น่าหลงใหล เนื้อผ้าอ่อนนุ่ม จนเขาต้องพาตัวไปแทรกในผ้าคลุมผม

การได้อยู่ท่ามกลางความสวยงามเหล่านี้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน แต่ถูกทำลายลงด้วยเสียงคนเป็นแม่“เอริคถูกยิง”

เรนียาออกจะตกใจ ขณะที่ราฟอึ้งไปเล็กน้อย ก็พยักหน้าไล่ลูกน้องให้ออกไปจนเหลือแค่คนในครอบครัว ก็พูดเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญ “แสดงว่าไม่ตาย ไม่งั้นหน้าแม่คงเบิกบานราวกับได้รับมงกุฎไปแล้ว”

“ใช่ อุตสาห์ยิงมันทั้งที ทำไมไม่ยิงให้ตายไปเสีย จะได้ไม่มีใครมาขวางทางเรา ให้เหนื่อยกาย แล้วเหนื่อยความคิดบ้าๆนี่อีก” เสียงเธอบอกอารมณ์ได้ดี ว่ามีความเคืองขุ่นเพียงใดแล้วเดินไปกระแทกตัวนั่งบนโซฟา มองลูกทั้งสองคนที่ดูจะสนใจผ้ามากกว่าเธอ อารมณ์ก็ยิ่งเสีย โดยไม่รู้ราฟตั้งใจฟังเต็มที่ เพียงแต่ไม่แสดงออกมาให้เห็นเท่านั้นเอง ต่างกับเรนียาที่ถามออกมาทันที

“แล้วเป็นยังไงบ้างคะ”

“ก็อย่างที่พี่ชายแกบอกนั่นแหละว่าไม่ตาย”

“มันไปเหยียบตาปลาใครเข้าละ” เสียงราฟถามเหมือนไม่สนใจ

“คุณกรณ์”

ฟังคำตอบแล้วสองพี่น้องไม่อยากจะเชื่อ และสงสัยว่ามันไปทำอะไรเขา ถึงได้ถูกเขาเอาเลือดออก และไม่ต้องถามถึงสาเหตุคนเป็นแม่ก็สาธยายมาให้รู้จนหมด เพราะก่อนจะมาที่นี่ เธอไปเอาเงินยัดใส่มือเด็กในผับ ให้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็ตรงกับที่เดาไว้ ผิดจากที่ยุ่งเป็นทำร้ายเท่านั้นเอง จึงถูกเขาเอาเลือดออก แต่ที่ยังติดค้างอยู่ในใจคือ ทำไมสองแม่ลูกนี้ถึงได้เดือดร้อนกับเรื่องนี้มากเหลือเกิน

“มันน่าสงสัยจริงๆ” เธอว่า สีหน้าก็หมกมุ่นเพราะยังคิดไม่ตก “ก่อนหน้านี้ ก็คิดว่าไม่อยากให้เรื่องฉาวโฉ่ เพราะมีผลกับภาพลักษณ์จึงต้องเอาตัวผู้หญิงมาปิดปาก แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แล้ว” เธอพูดเหมือนเปรยกับตัวเอง “ครั้งก่อนนางหงส์ออกโรงไปหาคุณกรณ์ถึงบ้าน ครั้งนี้ไปหาพ่อแกอีก มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่ในรอยเลือดแน่ๆ”

ราฟที่ฟังเหมือนไม่สนใจ แต่คิดตามทุกคำพูด และพอจะเห็นเค้าการกระทำของผู้หญิงแถวหน้า “อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือซิ”

ราเซลหยุดความคิดของตัวเองไว้ แล้วมองหน้าลูกเพื่อให้อธิบาย “หมายความว่าไง”

“ว่าที่ลูกเขยของแม่ เขาเกรงใจพ่ออยู่คนเดียว เมื่อเรื่องทั้งหมดไปถึงหูพ่อ คิดหรือว่าพ่อจะไม่เรียกเขามาถาม และผู้หญิงที่เขาปกป้องก็ต้องพ่วงมาด้วย แล้วนางหงส์ของแม่ ต้องการอะไรละ คราวนี้เธออาจจะได้รู้ก็ได้”

“ที่อยู่ของผู้หญิงคนนั้น ที่บอกว่าเป็นคนรักของเอริค” ว่าแล้วราเซลก็เหยียดริมฝีปากออกหยัน “ฉลาดมาก ใช้เลือดของลูกไปบีบบังคับ มิน่าถึงได้ย้ำถามหนักถามหนาว่าพ่อแกจะจัดการยังไง และยังจะพูดหาความเขาว่าไม่รักลูก ไม่สนใจลูกอีก ทุเรศ” เธอเข่นเขี้ยวออกมา “แต่ไม่มีทางที่มันจะสมหวัง”

“จะไปยุ่งอะไรกับเธออีก”

“ขัดขวาง จะไปสาธยายให้คุณกรณ์ฟังให้หมด ว่ามันมีเล่ห์กลอะไรบ้าง” ว่าแล้วเธอก็จะลุกขึ้นไปทำในสิ่งที่พูด “เรยาไปกับแม่”

“ไม่ค่ะ เรยาจะไปดูเครื่องออกกำลังกาย”

“เครื่องพวกนั้นจะดูเมื่อไรก็ได้ แต่แกต้องไปทำให้เขาเห็นว่ามีความเป็นห่วงเป็นใย เขาจะได้เห็นว่าแกดี”

“หวังดีแต่ประสงค์ร้ายแบบที่แม่ทำอยู่นั่นเหรอ เรยาไม่ทำค่ะ”

“อกตัญญู”

“แม่รังแกเรยามากกว่า” พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้คนเป็นแม่เข่นเขี้ยวกับความดื้อด้าน

“นังลูกไม่รักดี ทั้งๆที่ฉันหวังดี แต่ยังหาว่าฉันทำร้ายอีก”

ราฟถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดให้คิดว่า “ผมว่าแม่อยู่เฉยๆ อย่าพาตัวเองและบังคับเรยาไปให้เจ็บใจดีกว่า ว่าที่ลูกเขยของแม่เขาฉลาดพอ ไม่ตกลงไปในเล่ห์กลนี้หรอก อีกอย่าง การที่เขาเอาเลือดไอ้เอริคออกมา ก็เหมือนประกาศให้รู้แล้วว่า ผู้หญิงที่เขาปกป้องอยู่สำคัญที่สุด”

ราเซลนิ่งคิด แล้วสีหน้าก็ดีขึ้นมา เพราะเริ่มจะเห็นด้วย “นั่นซินะแต่ฉันก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี ลึกๆแล้วมันต้องมีอะไร ที่ซ่อนอยู่ จะทำยังไงถึงจะได้รู้นะ” เธอเริ่มคิดปริศนาอันใหม่

ราฟเองก็เช่นกัน แม้ท่าทางภายนอกเหมือนสนใจผ้าอยู่ แต่สมองเขากำลังคิดถึงสิ่งที่เขาทำลงไป แต่ยังไม่ได้ผลกลับมา เขาปรายตาไปมองคนเป็นแม่ แล้วถามออกมา “แม่เคยเห็นผู้หญิงของไอ้เอริคหรือเปล่า”

“ไม่ ถามทำไม” ราเซลมีความสงสัยขึ้นทันที

“ก็อยากเห็น ว่าเธอจะสวยแค่ไหน มันถึงไม่ปล่อยเธอไปเสียที”

“ปรกติแกไม่ได้สนใจผู้หญิง แสดงว่าต้องมีอะไรแน่ๆ ถึงได้สนใจขึ้นมา”

“ก็เธอเป็นตัวแปรสำคัญ ใครๆก็ต้องสนใจอยู่แล้ว และใครได้ตัวเธอไปก่อน คนๆนั้นก็เหมือนได้ทุกอย่างไว้ในกำมือ”

คำพูดของเขา เหมือนจุดประกายบางอย่างให้กับคนเป็นแม่ “นั่นซินะ งั้นฉันก็ต้องทำอะไรสักอย่าง”

“จะหาเรื่องอะไรมาใส่ตัวอีก”

ราเซลลุกขึ้นยืน ยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะบอกว่า “เรื่องที่จะได้ประโยชน์ไง ในเมื่อสืบเองไม่ได้ ฉันก็จะจ้างนักสืบ”

แววตาของราฟไหวราวกับมีเรื่องบางอย่างมากระทบใจ แต่คนเป็นแม่ไม่เห็นเพราะมั่วแต่กระหยิ่มกับสิ่งที่คิดจะทำ “ฉันไปละ แต่เดี๋ยว” เธอนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “วันก่อน แกพูดว่า ฉันรู้ได้ยังไงว่าแกไม่ทำอะไร แสดงว่าแกทำอะไรอยู่ใช่ไหม”

ราฟนิ่งไปเล็กน้อย แล้วบอกว่า “ก็แค่ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ”

“อะไร”

ไม่มีคำตอบ ราเซลจึงได้แต่มองด้วยความสงสัย เดินจากมาทั้งที่ยังติดใจ และยังคิดไปถึงผู้ชายที่คอยโทรมาต่อรองเรื่องข่าวของนางหงส์ให้เธอรู้อีก จากที่คิดว่าเป็นทนายเมอเรย์ มาตอนนี้เธอคิดว่าไม่ใช่เสียแล้ว เพราะเขาไม่มีทางที่จะรู้ความลับเรื่องที่เธอมาดหมายว่าจะจับกรณ์มาเป็นลูกเขยเด็ดขาด แต่จะใช่อีกคนที่คิดหรือเปล่า คงต้องรอให้โทรมาหาอีกสักครั้ง

ราฟปล่อยมือจากผ้า ไม่มีความสนใจใดๆอีก สีหน้าแววตาเขายามที่ไม่ต้องอยู่ต่อหน้าใคร เปลี่ยนเป็นกร้าวแข็ง แล้วมองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังอยู่บนโต๊ะ เขาหยิบขึ้นมากดรับสาย ฟังเสียงคนที่โทรมาหา ไม่นานก็กระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะบอกให้รู้ว่า เรื่องที่ได้ยินนั้น มีความผิดหวังอย่างรุนแรง
**********

แสงแดดเจิดจ้าส่องกระทบห้างสุดหรู ที่ตั้งร้านจิวเวอรี่หนึ่งในธุรกิจความสวยความงามของเอวา อดีตผู้หญิงหมายเลขหนึ่งของตระกูลบลูโน โค เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน ดูแฟ้มเอกสารรายงานต่างๆเกี่ยวกับผลประกอบการมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่สมาธิที่ต้องจดจ่ออยู่กับงาน ค่อยๆถดถอยไป เพราะมีเรื่องรบกวนใจอยู่ตลอดเวลา และเมื่อถึงที่สุด ที่ไม่อาจทำงานได้แล้ว เธอก็วางมือ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ คิดถึงเรื่องที่คิดอยู่

การไปพบอดีตสามี คือหมากเกมหนึ่งที่เธอต้องทำ เพื่อใช้เขาเป็นตัวรุกแทนเธอ หลังจากที่รุกไปถึงบ้านของคนปกป้อง แล้วไม่ได้ผล และจากที่ได้เดินเกม เธอแน่ใจว่าต้องได้ผล แต่ไม่อาจหวังในผลลัพธ์เพราะคนปกป้องหญิงสาวที่จะเชื่อมโยงไปถึงผู้หญิงที่ลูกชายเขี่ยทิ้ง ไม่ใช่พวกหัวอ่อน เขาแข็งกร้าว แม้แต่เธอที่ใครๆก็ให้ความเคารพ เกรงใจ ก็ไม่ยอมลงให้ จึงต้องสั่งให้ทนายคนสนิทลงมือจัดการสิ่งที่คิดไว้ แต่หลายชั่วโมงผ่านไปแล้ว ยังไม่ติดต่อกลับมา

ติ๊ดติ๊ด เสียงโทรศัพท์ของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น เธอรีบหยิบมาดูแล้วกดรับสาย เปิดลำโพงให้ได้ยินเสียงคนรับ โดยไม่กลัวใครได้ยิน เมื่อเธออยู่ในห้องคนเดียว พอได้ยินเสียง เธอก็ถามออกไปทันที

“ได้ตัวมาหรือเปล่า”

“ไม่ได้ครับ คนปกป้องตามเป็นเงาตามตัว ทำให้ไม่มีโอกาส แต่...” ทนายเมอเรย์นิ่งไป เตรียมใจรับในสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ “มีคนชิงลงมือก่อนเราครับ”

“สวะ” น้ำเสียงต่ำลึกแต่เต็มไปด้วยความโกรธ ที่ลูกน้องไม่เอาไหน เวลานี้เธอไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ใดๆไว้ทั้งสิ้น คำพูด สีหน้าท่าทางจึงแสดงออกมาหมด “เลี้ยงเปลืองเงินกันทุกคน ตามมาตั้งนาน แต่กลับไร้ฝีมือให้คนอื่นมาชิงลงมือตัดหน้าไปเสียก่อน โชคดีที่มันไม่ได้ตัวเธอไป ถ้าได้ไป ฉันจะให้พวกแกลงไปนอนในหลุมทุกคน”

“ขอโทษด้วยครับ”

“เอาคำแก้ตัว ไปทำให้สำเร็จ ต่อให้ต้องเสียเลือด ก็เอาตัวมาให้ได้”

“ครับ” เสียงรับคำมีความหวั่นวิตกอยู่ด้วย เพราะรู้ฝีมืออีกฝ่ายดี และสงสัยว่าจะเอาตัวเธอมาทำไมอีก เมื่อรู้คำตอบอยู่แล้ว หรือว่าคำตอบที่รู้ มันไม่จริง

“แล้วไอ้ราฟละ”

นี่ก็อีกคนที่เขาสงสัย ว่าทำไมต้องให้คอยตามว่าไปไหนทำอะไร “คนตาม รายงานมาว่าเคลื่อนไหวปรกติไม่มีอะไรน่าสงสัย” บอกแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามให้คลายความสงสัย “คุณเอวา สงสัยอะไรในตัวคุณราฟครับ”

“ทำตามที่ฉันสั่งให้สำเร็จ แล้วจะได้รู้เอง”

“ครับ” เขาได้แต่รับคำ และหลังจากเสียงสัญญาณตัดไป ก็คิดว่านายราฟต้องเกี่ยวกับเรื่องที่คุณเอริคก่อขึ้นแน่นอน แต่จะเกี่ยวในลักษณะไหน เขาคงต้องรอดูเท่านั้น เพราะถ้าสงสัยมากไป อาจจะอยู่ได้ไม่นาน

ขณะที่เอวาไม่อาจไว้ใจใครให้รู้ถึงความลับนี้ เพราะอาจจะรั่วไหลไปถึงคนหูของมันได้ แล้วแทนที่จะได้ทุกอย่างไว้ในมือ อาจจะต้องพังทลายหายไปหมด เพราะมันต้องหาทางทำลายหลักฐานที่มัดตัวมัน และคนที่รู้เรื่องนี้ทุกคน ก็ไม่อาจปล่อยไว้ให้เป็นตัวมาร ขวางทางเธอกับลูกเช่นกัน

“คุยกับใครคะแม่”

เสียงลูกสาวที่ดังขึ้นมา พร้อมเดินเข้ามานั่งไขว้ห้างบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน เอริน่าแต่งหน้าสวย แต่งตัวด้วยชุดรัดรูปเซ็กซี่เช่นเคย เปิดยิ้มให้คนเป็นแม่ แต่กลับถูกตำหนิออกมา

“เข้าห้องมาโดยไม่เคาะประตูเสียมารยาทรู้ไหม”

“ทราบค่ะ แต่ไม่คิดว่าแม่จะความลับอะไรนี่คะ ถึงต้องมีพิธีรีตอง อีกอย่างห้องนี้ใครก็เข้ามาไม่ได้ นอกจากริน่าอยู่แล้ว”

“ก็ควรจะทำให้เป็นนิสัย อย่ามักง่าย”

“หึ” เสียงหน่ายๆดังขึ้นในลำคอ แล้วบอกว่า “บอกลูกชายแม่เถอะค่ะ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจนแม่อารมณ์ไม่ดี เคร่งเครียดอยู่ตอนนี้นะ เกิดมาจากความมักง่ายของเขา แล้วยังไงคะ ยังสืบสาวราวเรื่องจากรูปนั้นไม่ได้เหรอคะ ถึงได้มาลงกับริน่า”

“ใช่ ผู้หญิงที่เอริคเขี่ยทิ้ง ยังมุดหัวอยู่”

“เธอซ่อนตัวได้ดีเหลือเกิน แม้แต่คนของแม่ยังหาไม่เจอ แต่ว่า...” เอริน่านิ่วหน้าน้อย แล้วพูดในสิ่งที่คิดไว้ “รูปที่เอริคให้ดู ดูท่าทางไม่น่าจะรู้จักกันธรรมดา ต้องมีความสัมพันธ์อะไรกันสักอย่าง อันตรายมากนะคะแม่ เพราะมันง่ายในการที่เธอจะทำ ในสิ่งที่แม่กลัว”

“ใช่”

“เธอจะทำอะไรคะ”

เอวานิ่ง เพื่อคิดว่าจะบอกลูกดีหรือไม่ แล้วสุดท้ายเมื่อสัจธรรมที่ว่าความลับมันไม่มีในโลก เธอก็ควรเก็บไว้ก่อน จึงเปรียบเทียบบอกไปแค่ว่า “เอาเนื้อเข้าปากเสือ จนเราไม่เหลืออะไรเลย”

“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

“ใช่”

“ถ้าเธอแค้นขนาดนั้น คงไม่ใช่แค่ทำร้ายร่างกายกันอย่างที่รู้กันอยู่แล้วมั่งคะ” เอริน่าตั้งข้อสงสัยจากคำถามมากมาย “ผู้หญิงเมื่อรักมากก็แค้นมาก และถ้าแค้นมากขนาดนี้ มันต้องมีอะไรมากกว่าที่แม่รู้แน่ๆ แม่แน่ใจเหรอคะว่าเอริคบอกแม่หมดแล้ว”

“จะบอกหมดหรือไม่ ก็ไม่สำคัญเท่าเนื้อที่จะเข้าปากเสือ ยังไงก็ต้องช่วงชิงมาให้ได้”

“แล้วแม่จะทำไงคะ”

“สืบจากรูป วัวเคยค้าม้าเคยขี่ สักวันมันต้องโผล่ออกมา”

“แม่รู้ได้ไงคะ ว่าทั้งคู่ มีความสัมพันธ์กันลึกซึ่งขนาดนั้น”

เอวายิ้มเย็นๆที่มุมปาก แล้วพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความชิงชัง เพราะสร้างปัญหาให้เธอ “ก็ถ้าง่ายกับเอริคแบบนี้ กับคนอื่นก็คงไม่ต่างกัน”

“ไม่จริงหรอกค่ะ” เอริน่าค้าน “ผู้หญิงไม่ได้ง่ายกับผู้ชายทุกคน ไม่รักไม่ชอบไม่ลงเอยด้วยความสัมพันธ์ทางกายก็มีเยอะแยะ” เธอให้ความเห็นในมุมมองของตัวเอง ที่แม้จะหว่านเสน่ห์ไปทั่ว แต่ไม่ได้มั่วไปกับทุกคน “แล้วแม่คิดว่า เสือมันได้กินเนื้อชิ้นนั้นหรือยังคะ”

“ยัง มันจะไม่หย่อนเนื้อเข้าปากเสือ จนกว่าจะได้เห็นเอริคทุรนทุรายเหมือนที่มันรู้สึก”

“แต่เสือคงได้กลิ่นแล้ว และมั่นใจว่ามันคงตามหาเนื้ออยู่เช่นกัน และถ้าเนื้อมันหายยาก ก็ไม่ต้องไปสนใจ จัดการเสือง่ายกว่าไหมคะ”

เอวานิ่งไม่ตอบ แต่ไม่ใช่ว่าไม่คิด เอริน่าเห็นความเงียบก็คิดว่าแม่ไม่สนใจ จึงยักไหล่อย่างไม่เป็นไร แล้วลุกขึ้น “งั้นริน่าไม่ยุ่งแล้วดีกว่า” พูดจบก็เดินไปที่ประตู แต่ยังไม่ทันได้เปิดออกไป เสียงคนเป็นแม่ก็ดังบอกออกมาว่า
“ความร้าวฉานเป็นของหวานไม่ใช่เหรอ ลองแวะไปที่บลูโน โค ซิ อาจจะได้กินของหวานที่นั้น
*********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ต.ค. 2561, 10:39:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ต.ค. 2561, 10:39:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 975





<< ตอน 10   ตอน 12 >>
แว่นใส 25 ต.ค. 2561, 08:14:27 น.
ระวังตัวด้วยนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account