ชายา ตอน เล่ห์รักดวงใจกรณ์
เพราะรูปถ่ายที่ได้เห็นเพียงครั้งเดียวในห้องทำงานของ ชินกฤต หรือเสือ แห่งตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ทำให้กรณ์ วิจิตรนาถ หลงรักเธอทันที เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับของหัวใจ แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมีคนรู้ความลับนี้เข้า และได้ทำตัวเป็นกามเทพ นำพาเธอมาหาเขา

ชิญาดา หรือน้องหนู ตระกูลอภิราชไพศาลนันท์ ได้รับโชคก้อนใหญ่ ได้มาเที่ยวกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมืองที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก ของสถานที่ท่องเที่ยว และสถาปัตยกรรมมากมาย เธอเดินทางมาคนเดียว ปลายทางคือเพื่อนรัก ที่ไม่ได้เจอกันมานาน จึงจะมาเซอร์ไพรส์ แต่ความคิดมันสวนทางกับความจริง เมื่อมาเจอเพื่อนถูกผู้ชายเลวทรามคนหนึ่งทำร้าย

ปลายกระบอกปืนที่เล็งมา จะเอาลมหายใจจากไปจากร่างกาย ทำให้เธอกลัวไปทั้งใจ แต่หลังจากนั้นคือการลุกขึ้นสู้ คนเลวทรามต้องติดคุก แต่คุกไม่ได้มีไว้ขังคนมีเงิน มีอำนาจ เธอถูกข่มขู่ คุกคาม กามเทพจึงอุ้มเธอมาใส่ในมือเขา ที่กางแขนโอบกอดเธอไว้ ไม่ให้คลาดไปจากสายตา ห่างไกลไปจากหัวใจอีกเลย

ทุกอย่างน่าจะจบลงที่ความสุข แต่หัวใจไม่ใช่เงินตรา ที่จะจับต้องหยิบไปใช้เมื่อไรก็ได้ เธอไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเขา เขาจึงต้องทำให้เธอเห็น ด้วยภาษากาย พูดให้เธอฟัง ด้วยภาษาใจ และกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในอ้อมแขน จนเธอรับรู้แต่กลับต้องวางหัวใจ เมื่อความลับของคนมีอำนาจ กำลังจะพรากเพื่อนรักไปจากเธอ

การแย่งชิง ไหวพริบ เล่ห์เหลี่ยม ถูกนำมาใช้ ท่ามกลางความรัก และผลประโยชน์ของตระกูลบลูโน โค ทุกคนกลายเป็นหมาก ที่ต้องเดิมเกมอย่างระวัง เพราะถ้าพลาดพลั้งทุกอย่างต้องพังทลาย ชิญาดากลายเป็นกุญแจสำคัญที่ใครๆก็ต้องการตัว แต่จะมีใครช่วงชิงเธอไปจากอ้อมแขนแห่งรักของกรณ์ ได้หรือไม่ ต้องติดตาม...

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 13

ตอน 13

ดวงจันทร์เคลื่อนคล้อยมาลอยอยู่เหนือคฤหาสน์บลูโน โค แต่แสงสีเหลืองเป็นแค่เงาเลือนราง ราวกับเป็นลางบอกเหตุการณ์บางอย่าง ที่สัมพันธ์กับเจ้าของคฤหาสน์ เบื้องล่างนายโจนส์นั่งอยู่บนโซฟาริมหน้าต่างในห้องทำงาน สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่สนใจกิ่งไม้ที่ไหวเพราะสายลมที่พัดผ่านมา กระทั่งเสียงร้องของแมลง หรือสิ่งใดๆที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เพราะความคิดเขาจมอยู่กับสิ่งที่ได้ยินมา

หลังจากที่ได้รู้ว่าคนที่โทรมาเป็นใคร เขาก็รู้สึกดีใจ ที่จะได้ปลดล็อกทุกอย่างที่สงสัยออกไปเสียที แต่กลับไม่เป็นเช่นที่คิด เมื่อยิ่งคุยเขาก็รู้สึกเหมือนถูกมุดตอกให้ตรึงอยู่กับที่ จำได้ดีว่าถามอะไรออกไปและได้รู้อะไรกลับมาบ้าง

‘ฉันเสียใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับหนู จะให้ฉันชดใช้ยังไงบ้างก็บอกมา ฉันยินดี’ น้ำเสียงบอกความจริงใจ ที่อีกฝ่ายรับรู้ได้ และพูดตอบกลับมาด้วยความจริง ที่เขารู้สึกได้เช่นกัน

‘ขอบคุณค่ะ แต่ทรัพย์สินเงินทองใดๆ หนูไม่ต้องการ เพราะทดแทนสิ่งที่หนูเสียไปไม่ได้ แต่ถ้าท่านจะให้ หนูขออย่างที่ได้บอกไปแล้ว’

‘การคุ้มครองนั่นเหรอ ได้ซิ ฉันจะส่งคนไปดูแลหนู จะไม่ยอมให้ใครทำอะไรหนูเลย’

‘ท่านมั่นใจเหรอคะ ว่าหนูจะรอดจากมือและอดีตภรรยาท่านจริงๆ’

ประธานโจนส์ถึงกับเงียบ เพราะคนที่มีความพร้อมที่สุด อย่างกรณ์ที่ปกป้องเพื่อนของเธอ ยังมีพลาด จึงสั่นคลอนความมั่นใจของท่าน อีกอย่างยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด ถ้าได้รู้แล้วก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่า จะไปสั่นคลอนความถูกต้องที่แน่วแน่อยู่หรือเปล่า

‘ไม่มั่นใจใช่ไหมคะ’ คาริสาถามเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา ‘หนูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะยังไงเสียสายเลือดของท่านก็ต้องสำคัญกว่าหนู อีกอย่างเรื่องราวมันไม่ได้เกี่ยวแค่คนสองคน แต่มันมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย’

‘ใคร’

‘สายเลือดท่านนั่นแหละค่ะ’

สิ่งที่ได้ยินเปรียบเหมือนมีหินหนักมาทับลงบนอกเขา ให้สงสัยว่าสายเลือดเขาคือลูกคนไหนอีก ซึ่งเธอไม่ยอมบอกว่าคนๆนั่นคือใคร และฉลาดต่อรองออกมาอีกว่า ‘ฉะนั้นหนูจะขอแค่ความคุ้มครอง แต่จะไม่บอกเรื่องความลับให้ท่านรู้ จนกว่าหนูจะได้เห็นลูกของท่านทุกข์ทรมาน เหมือนกับที่หนูได้รับ ท่านจะตกลงไหมคะ’

‘ถ้าฉันไม่ตกลงละ’
‘หนูก็เข้าใจค่ะ ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะทนเห็นลูกเป็นอะไรไป แต่หนูไม่ได้ทำแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่มีบาดแผลทางกาย นอกจากจะทุรนทุรายทางใจเท่านั้นเอง’

‘มันร้ายแรงขนาดนั้นเหรอ’

‘ที่เป็นข่าวนั้นยังไม่ถึงครึ่งเลยนะคะ ถ้าท่านได้รู้ว่าเขาทำอะไรกับหนูบ้าง ท่านก็คงได้แต่สงสารหนู และลงโทษเขาแต่คงไม่ร้ายแรงเหมือนที่หนูโดนกระทำ แต่ท่านบอกเองว่าเรามีความเป็นคนเท่ากัน แล้วทำไมไม่ให้ความยุติธรรมกับหนูบ้าง’

โจนส์ถึงกับอึ้งและนิ่งคิดทบทวนในที่สุดก็พูดออกมาว่า ‘งั้นหนูบอกฉันได้ไหมว่าเรื่องที่ร้ายแรงนั่นคืออะไร’

‘ท่านยังไม่บอกหนูเลยนะคะ ว่าจะให้ตามที่หนูขอหรือเปล่า’ เธอขอความมั่นใจ ไม่ได้ตั้งใจจะต่อรอง ประธานโจนส์เองก็เข้าใจ จึงบอกไปด้วยเสียงที่ยังมีความปราณี

‘ฉันขอรู้ความร้ายแรงนั่นก่อน ถึงจะตอบหนูได้’

‘งั้นท่านฟังให้ดีนะคะว่าเขาทำอะไรกับหนูบ้าง’ เสียงเล่าสั่นๆสะท้อนความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะลืม ‘ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีทางสู้โดนตบจนเลือดกบปาก เพราะแค่ต้องการความรับผิดชอบ จากความรักที่เขาพร่ำบอก ทุกเมื่อเชื่อวัน แล้ววันหนึ่งเมื่อเขาหมดรัก แต่ยังมีความต้องการ ความรักกลายเป็นความใคร่ อยากได้ก็มาหา ไม่ยอมก็โดนซ้อม และพร้อมจะเขี่ยทิ้งทุกเวลา

เกียรติยศศักดิ์ศรีที่มีโยนทิ้งไป เพราะรักที่มีให้เขา อ้อนวอนขอร้อง ยอมทำทุกอย่างเพื่อรั้งให้เขาอยู่ แต่เขาก็ไม่อยู่ และเมื่อเจอสิ่งที่จะรั้งเขาไว้ ก็ต่อรองด้วยรัก แต่เขาตอบแทนด้วย...ปืน ที่เหมือนยืนอยู่บนปากเหวว่าเขายิงออกมาเมื่อไรก็ตายเมื่อนั้น และที่เลวร้ายที่สุด’

เสียงสะอื้นดังออกมา เมื่อไม่อาจจะเข้มแข็งไว้ได้อีกแล้ว แต่คำพูดประโยคสุดท้ายก็ยังดังก้องอยู่ในหัวเขา ‘เขาทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดขึ้นมา ด้วยการจับหนูไปทำแท้ง’

โจนส์ยกมือขึ้นกดไปที่หัวตาที่ร้อนผ่าว เมื่อคำบอกเล่าเสียดแทงเข้าไปในจิตใจ คิดไม่ถึงว่าลูกเขาจะทำเรื่องชั่วช้าเลวทรามขนาดนี้ และอะไรที่ทำให้ลูกเขามีพฤติกรรมทำตัวเยี่ยงสัตว์ เขาพยายามหาคำตอบ แต่เธอไม่บอกและเสนอความคุ้มครองที่เขายินดีที่จะชดใช้ให้ทุกอย่าง เพราะเขาก็อยากรู้ว่าความลับนั่นคืออะไร และลูกอีกคนที่เกี่ยวข้องนั่นคือใคร

“ดึกแล้วนะคะ” เสียงภรรยาสาวดังขึ้นพลางเดินมาหา โจนส์ก็รีบลูบหน้าคลายความเคร่งเครียดทันที กรองแก้วเดินมานั่งบนที่วางแขนของโซฟาที่สามีนั่งอยู่ วางมือบนไหล่เขา ซึ่งหันมายิ้มเล็กๆให้เธอ ก็บอกว่า “พักผ่อนได้แล้วค่ะ ดึกมากเสียสุขภาพนะคะ”

“ผมรู้” โจนส์บอกข่มความเศร้าที่สุดสะเทือนใจไว้ ยกมือตบมือเธอที่วางอยู่บนไหล่เขาเบาๆ รับรู้ถึงความห่วงใยถ่ายทอดจากตัวเธอมาให้เขารู้ “พรุ่งนี้จัดห้องพักรับแขกให้หน่อย”

“ได้ค่ะ” เธอรับปากและไม่เซ้าซี้ถามว่า ‘แขก’ นั่นคือใคร เมื่อเห็นว่าสีหน้าสามีเครียดขึ้นมาก็นวดบ่าให้เบาๆให้คลายความอ่อนล้า พร้อมกับชวนคุย “คิดมากเรื่องที่คุยกับกรณ์วันนี้เหรอคะ”

โจนส์ถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วบอกว่า “ไม่หรอก ผมเข้าใจเขา แต่ไม่เข้าใจลูก และเอวา ว่าคิดอะไรกันอยู่ ถึงได้ทำเรื่องร้ายๆขึ้น”

“อย่าคิดไปก่อนซิคะ เพราะยังไม่มีหลักฐาน ว่าใครเป็นคนทำเลย ไม่ว่าเรื่องอะไร ปล่อยวางไปก่อน รอให้มีหลักฐานแล้วค่อยว่ากันใหม่” เธอบอก เพราะรู้ว่าเขาหนักใจ กังวลใจเรื่ออะไรอยู่

“ไม่ได้หรอก เพราะบางเรื่องมันมีหลักฐานและร้ายแรงกว่าที่ผมคิดไว้มากเหลือเกิน” เขาบอกแล้วลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปโอบเอวภรรยาสาว “ไปนอนเถอะ”

กรองแก้วไม่ได้ขยับ เธอยกมือขึ้นวางที่หัวคิ้วเขา พร้อมกับบอกว่า “คิ้วติดกันแล้วนะคะ ไปค่ะไปอาบน้ำใหม่ เดี๋ยวกรองจะสปาให้ทั้งตัว ผ่อนคลายก่อนนอน จะได้หลับสบาย”

โจนส์ยกมือขึ้นโอบกอดภรรยาด้วยความขอบคุณ ที่เป็นคู่คิดให้ความเข้าใจ และยังทำให้เขารู้สึกโชคดีที่ได้เธอมาเป็นภรรยา ยามเขาเหนื่อย เครียด เธอก็จะหาสิ่งที่จะมาช่วยผ่อนคลายให้ตลอด ไม่เคยที่จะทำให้เขาหนักใจเพิ่มขึ้น ดึงตัวออกมายิ้มให้เธอ แล้วพาเดินออกไปจากห้อง แต่สมองคิดไปถึงคนที่โทรมาหา ป่านนี้เด็กคนนั้นจะเป็นอย่างไร จะมีใครค่อยกอด ปลอบ ให้กำลังใจเหมือนที่เขาได้รับไหม

กรองแก้วดีใจที่เห็นสีหน้าสามีดีขึ้น แต่อดคิดถึงหลักฐานกับแขก ที่เขาพูดถึงไม่ได้ ว่าคืออะไรและเป็นใคร ปรกติแล้วที่นี่ นอกจากลูกๆเขา ที่นานๆจะมาค้างบ้าง ก็ไม่เคยมีใครได้เข้ามาพักเลย

ส่วนคำถามที่ประธานบลูโน โค คิดค้างไว้เพราะไม่มีญาณวิเศษ ที่จะมองเห็นว่าคนที่เขาห่วง ร้องไห้จนตัวโยนอยู่บนเก้าอี้ มีสองมือที่เป็นเพื่อนกอดปลอบตัวเองไว้ แต่ไม่อาจลดทอนความเจ็บปวดลงได้เลย นอกจากต้องกดเล็บจิกตัวเองให้เจ็บ ให้บาดแผลทางกายช่วยลดทอนบาดแผลในใจ แต่ช่วยได้แค่ชั่วคราว เมื่อความเจ็บในใจนั้นไม่มีวันหายเหมือนทางกายได้เลย มีแต่จะฝังลึกให้จดจำไปตลอดชีวิต
**********
วันรุ่งขึ้น น้ำค้างยังไม่จางไปจากยอดหญ้า ชิญาดาก็ตื่นขึ้นมา ลุกจากเตียงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงกับเสื้อเชิ้ต เดินออกมาจากห้องนอน มาเดินที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ไม่ใช่เพราะอยากสูดอากาศยามเช้า หรือชมความงดงามของอรุณรุ่ง แต่เพราะเรื่องที่กวนใจอยู่ ทำให้ไม่อาจหลับได้สนิท

สายลมยามเช้า ดอกไม้ที่เบ่งบาน นกน้อยที่ส่งเสียงเพราะๆ ไม่อาจจะช่วยกล่อมเกลาใจเธอให้ดีขึ้นมา ใจหม่นหน้าหมองเพราะหัวใจที่เริ่มจะมีรัก ถูกสั่นคลอนด้วยคำพูดของผู้หญิงที่สวยและเซ็กซี่มาก แต่คนที่บอกให้ใจกลับไม่ปฏิเสธ มันหมายความว่าไง คืออะไร เขาเล่าทุกอย่างให้ผู้หญิงคนนั้นฟัง นัดเจอกัน ทั้งๆที่บางเวลา กอด จูบ กับเธอ มันคือการฟ้องว่า...

เขา...คบซ้อน

น้ำตารื้นใสขึ้นมาราวกับน้ำค้าง เมื่อความเชื่อใจที่มีให้เขาถูกบั่นทอน ความถือดีที่มีในตัวบอกว่าคืนใจให้เขาไป อย่าไปเชื่อและหลงในน้ำคำใดๆของเขาอีกเลย เธอมองไปบนฟ้าไกลแล้วคิดถึงคนไกลคือครอบครัว อยากกลับไปหา ไปซุกอกคนเป็นแม่คุณหญิงชัญญา ไปหาอ้อมแขนที่อุ่นๆของคนเป็นพ่อ พักพิงยามที่ใจอ่อนแอและต้องการกำลังใจ จากพี่ชายนายเสือ

“สวัสดีครับ”

ชิญาดากะพริบตาเก็บน้ำตาไว้ แต่ไม่อาจเก็บความเศร้าจากใบหน้า หันมามองคนที่โผล่มาทักทาย โดยที่ไม่ทันได้เห็น จำได้ว่าเขาคือคนที่ดูแลบ้านหลังนี้ เป็นเหมือนเงาที่ไม่ค่อยเห็นตัว แล้วมองไปรอบตัวเขาหาเพื่อนที่ซื่อสัตย์เจ้าร็อตไวเลอร์ ที่จะอยู่ข้างตัวเขาเสมอ แต่วันนี้ไม่เห็นมัน เธอก็ไม่ถาม จะยิ้มตอบรอยยิ้มที่ส่งมาให้ก็ยากเหลือเกิน ได้แต่ทักทายกลับไป และไม่มีคำพูดใดจะพูดคุยอีก

ผินมองดวงใจของนาย ความเศร้าที่เห็นทำได้แค่เดา “คิดถึงบ้านเหรอครับ”

“ถ้าตอบว่าใช่ จะช่วยให้ได้กลับไหมคะ”

ผินรู้ได้ทันทีว่าต้องมีบางอย่างระหว่างเธอกับนายเกิดขึ้นมาเสียแล้ว “ได้ครับ แต่ต้องขออนุญาตคุณกรณ์ก่อน”

“งั้นไม่รบกวนดีกว่าค่ะ” ว่าแล้วก็ผละไป

ผินมองตามไปพร้อมกับคิดว่า อะไรที่ทำให้หญิงสาวคิดจะจากไป ทั้งๆที่เรื่องของเพื่อนยังคาราคาซังอยู่ ก่อนหน้านี้เขาเห็นแต่แววตามุ่งมั่น พร้อมที่จะสู้กับทุกสถานการณ์ มาตอนนี้ความเศร้าที่เห็น ทำให้เธออ่อนแอลงไปไม่น้อย แล้วละสายตามองรถที่วิ่งเข้ามา

‘อาหารเช้ามาแล้ว’ เขาบอกตัวเอง พลางเดินไปหารถที่วิ่งไปจอดหน้าบันไดบ้าน ไปถึงคนขับรถก็เปิดประตูลงมาพอดี ทักทายกันไม่กี่คำ ก็เปิดประตูหยิบถุงผ้าที่ใส่อาหารมาให้เขา แล้วก็ขึ้นรถขับออกไป ส่วนเขาก็เดินหิวถุงผ้าเข้าไปในบ้าน วางไว้บนโต๊ะในห้องครัว แล้วเดินไปหาเจ้านาย ที่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

เขาเคาะประตูทำงานของเจ้านาย ก่อนเปิดเข้าไปใน กวาดตามองหา แล้วก็ได้เห็นยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าต่าง และเหตุการณ์เมื่อกี้ก็คงเห็นหมดแล้ว เพราะจุดที่ยืนคือทำเลที่เห็นส่วนด้านหน้าของบ้านทั้งหมด เขาเดินมายืนเยื้องๆค่อนมาทางด้านหลัง เสียงนายก็ถามออกมาทันที

“เพิ่งมาถึงใช่ไหม” กรณ์ถามเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไปไหนมา

“ครับ ได้เบาะแสแล้ว คนของเราล่าตัวอยู่ ไม่พ้นคืนนี้คงได้ตัวมาให้นายกรณ์”

“พวกมันเป็นใคร”

“นักเลงรับจ้าง มีฝีมือเพราะก่อนจะมาเป็นนักเลงเป็นนักรบมาก่อน รวมตัวกันอยู่ใต้ดินให้พวกเงินหนาซื้อตัวมาใช้งาน แต่การจะง้างปาก คงจะยากอยู่ไม่น้อย” ผินบอก แต่ไม่มีความหนักใจเลย เพราะถ้ามันไม่พูดมันก็ต้องเจอกับความตาย เขาทำทุกอย่างให้นายได้อยู่แล้ว แต่สีหน้านายยังดูตึงเครียดอยู่ “หนักใจเหรอครับ”

กรณ์ไม่ตอบ หันหน้ามามองคนสนิท สบตาเพียงอึดใจ ก็บอกว่า “ฉันกำลังคิดว่าคนที่ทำอาจจะไม่ใช่คนที่คิด”

“เพราะโจ่งแจ้งเกินไปหรือครับ” ผินพูด เพราะพอจะรู้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร

“ใช่ ผู้หญิงแถวหน้า ออกหน้ามาทำทุกอย่าง ถ้าจะลงมือเองมันชี้ชัดที่ตัวเองเกินไป”

“หรือจะมีคนทำแทนเธอ โดยที่เธอไม่รู้” ว่าแล้วผินก็คิดถึงคนๆหนึ่ง ซึ่งพอกรณ์พูดออกมาก็ตรงกับคนที่เขาคิดไว้จริงๆ

“เอริค”

“ครับ เขาเป็นคนใจร้อน และเป็นคนเดียวที่เจ็บแค้นแสนชังคุณกรณ์กับคุณหนูมาก เพราะทำเขาเลือดออกและตบหน้าเขาอย่างแรง จึงฝังใจเจ็บ แค้นนี้ต้องชำระโดยไม่สนใจวิธีการ การอุ้มคุณหนูไปเหมือนเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คุณกรณ์ก็เจ็บ เธอก็เจ็บเพราะจะถูกเค้นถึงเพื่อนของเธอ”

กรณ์คิดใคร่ครวญคำพูดของผิน แล้วบอกว่า “ตอนแรกฉันก็คิดอย่างนั้น แต่มันเจ็บตัวอยู่จะใช้คนของตัวเอง ก็โดนเราหมายหัวไว้หมดแล้ว จึงต้องไปหาคนอื่นมารองมือรองเท้า ทำแทน แต่มีบางอย่างขัดแย้งอยู่”

“ความลับนั่นเหรอครับ”

กรณ์พยักหน้าแล้วเล่าให้คนสนิทฟัง ถึงความลับล่าสุดที่เขาได้ยินมา ว่าความลับนั้นเป็นของคนอื่น ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร และใครคนนั้นอาจจะเป็นคนทำ เพื่อเอาตัวชิญาดาไปเป็นข้อต่อรอง ซึ่งที่น่ากลัวคือการบังคับเขา ให้ทำตามความต้องการของตัวเอง หรือไม่ก็เป็นตัวล่อให้เพื่อนเธอออกมา”

“ถ้านายกรณ์คิดอย่างนั้น แสดงว่าใครคนนั้น คือคนใกล้ตัวไม่ใช่คนไกลตัว และที่คิดได้ก็คือ...”

ผินไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อคนๆนั้นออกมา เพราะเมื่อคิดตรงกัน ชื่อนั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือหน้าที่ของเขา ที่ต้องทำเพื่อเจ้านาย

กรณ์เองก็ไม่พูดเรื่องอีก เมื่อมองตาก็รู้ใจกันแล้ว ก็บอกให้ผินไปพักได้ แต่ก่อนที่ผินจะเดินออกจากห้องไป ก็พูดทิ้งท้ายไว้ว่า “คุณหนูกำลังเศร้า นายกรณ์ทำอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า”

ชิญาดานั่งอยู่บนเตียงในห้องนอน จมอยู่กับความคิดที่ยังตรองไม่ตกว่าจะจัดการกับตัวเองยังไงต่อไป ยังคงวนเวียนอยู่เรื่องเดิมๆ ระหว่างเพื่อนกับหัวใจ จะทิ้งเพื่อนไว้กลางทางแล้วตัวเองหนีความช้ำรักไปนอนสบายอยู่ที่บ้าน เธอทำไม่ได้แน่นอน และสุดท้ายเมื่อกลับไม่ได้ไปไม่ถึงสักอย่าง เธอคงต้องวางหัวใจไว้ แล้วอยู่ช่วยเพื่อนต่อไป

ติ๊ด ติ๊ด เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น เธอหันไปมองมันวางอยู่ข้างหมอน หยิบขึ้นมากดรับทันทีเพราะคิดว่าเพื่อนรักโทรมา แต่เสียงที่ได้ยินกลับไม่ใช่เสียงเพื่อนแต่เป็นเสียง... “พี่เสือ”

“ว่าไงยัยหนูตัวดี” เสียงเข้มดุแต่แฝงด้วยความรักความห่วงใย ดังมาให้ได้ยิน “ให้ไปเที่ยวเมืองนอกไม่ได้ให้ไปเที่ยวดวงจันทร์ ถึงได้หายเงียบไม่ติดต่อกลับมาเลย ถ้าพี่โทรแล้วไม่รับสาย จะให้คนของอินทรีไปรับตัวกลับแล้ว” เสียงบ่นปนต่อว่ามายาวเหยียด

เธอจึงต้องรีบบอกว่า “หนูสบายดี”

“แต่เสียงไม่ดี”

“หาเรื่อง” เธอแสร้งเสียงดังใส่ แล้วรีบถามถึงคนอื่นๆที่คิดถึงก่อนจะถูกพี่ชายจับได้ว่าเธอพูดไม่จริง “คุณหญิงกับด็อกเตอร์สบายดีไหมคะ ลูกเสือสองตัวละเป็นไงบ้าง น้องหนูมีของฝากให้เยอะแยะเลย แล้วพี่ลูกเป็ดละคะจะมีข่าวดีบ้างหรือยัง หรือว่าพี่เสือหมดน้ำยาแล้ว”

“พี่ยังฟิตปั๋งเว้ย” เสียงเข้มคุยโวกลับมาดังลั่น เธอจึงได้ยิ้มขำ แล้วแสร้งต่อว่าออกไป

“ฟิตอะไร ได้ยินพี่ลูกเป็ดบอกว่า วิดพื้นยังไม่ขึ้นเลย”

“ดูถูกกันเกินไปแล้ว” เสียงงึมงำกัดฟันกรอดออกมา “พรุ่งนี้ตีตั๋วกลับมาเลยนะ พี่จะทำให้เห็น”

“เห็นว่าพ่อเสือโดนชายาดึงหูงั้นเหรอคะ อืม น่าสนใจ”

“ไม่ใช่ วิดพื้นโว้ย กลับมาเลยยัยตัวดี” เสียงเสืองึมๆบอกความหมั่นไส้เธอเต็มที่ ยิ่งขำ และดื้อดึงว่า

“ไม่ ที่อยากไปหนูยังไปไม่ครบเลย ไม่กลับไปเด็ดขาด”

พี่ชายก็ไม่ยอม ขู่ออกมาว่า “พี่จะให้อินทรีไปรับ”

“ไม่นะ” เสียงเธอออกจะตกใจ และรีบบอกออกมาก่อนที่พี่ชายจะจับเนื้อเสียงที่หวาดหวั่นว่า “พี่อินทรีมีลูกกับเมียต้องดูแล ไม่ต้องให้มายุ่งกับหนูเลย” เธอบอกไปอย่างนั้น แต่ไม่ทันความช่างสังเกตของเสือ แห่งอภิราชไพศาลนันท์ได้เลย

“มีอะไรยัยหนู”

“อะไรคะ ไม่มี” เธอปฏิเสธด้วยเสียงที่มีความตกใจ แล้วรีบปรับเสียงให้เป็นปรกติ หาเรื่องมาชวนคุย ด้วยการเล่าให้ฟังว่าได้ไปเที่ยวที่ไหนมาแล้วบ้าง และแต่ละที่มีความงดงามยังไง ได้ซื้ออะไรฝากใครแล้วบ้าง แต่นั้นไม่ได้เรียกความสนใจจากพี่ชายได้เลย

“จะบอกดีๆ หรือจะให้พี่โทรหาอินทรี”

ชิญาดาเกลียดคำขู่นี้ที่สุด เพราะหมายความว่าพี่ชายจะไม่ยอมเด็ดขาด จนกว่าเธอจะเหตุผลที่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เขาเชื่อ

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่งอนยัยแคท ที่หนีไปเที่ยว ทิ้งหนูให้อยู่คนเดียว ก็เท่านั้น จับผิดไปได้” เสียงเธอออกจะงอน

“พี่เป็นห่วง อย่าลืมว่าเราไปคนเดียว แล้วหายเงียบไปเลย”

“ขอโทษค่ะ ต่อไปจะโทรไปรายงานตัวทุกวัน ดีไหมคะ”

“ดี ผิดคำพูดวันไหน เรื่องนี้ถึงหูอินทรี” ขู่กำราบน้องจอมดื้อได้แล้ว ก็ยิ้มกริ่ม แต่เดี๋ยวเดียวรอยยิ้มก็หายไป เมื่อเสียงยัยตัวแสบขู่กลับมาว่า

“เรื่องที่พี่เสือวิดพื้นไม่ขึ้น ก็จะถึงหูพี่ต้นยอเหมือนกัน”

“ยัยตัวแสบ” เสียงเสือคำราม เพราะถ้าต้นยอรู้เรื่องนี้ก็ถึงหูเพื่อนรักเหมือนกัน และเขาต้องถูกล้อแน่ๆ มันเสียหน้า จึงต้องล่าถอยออกไป โดยไม่ปล่อยให้เรื่องที่สงสัยผ่านไป ต้องมีคนให้คำตอบกับเขา

ชิญาดายิ้มที่สามารถเอาชนะพี่ชายได้ แต่เพียงไม่กี่วินาทีรอยยิ้มก็ค่อยๆหายไป เมื่อเรื่องเก่ายังคิดไม่ตก ก็ต้องมาคิดถึงเรื่องใหม่ เพราะอีกไม่นานเธอก็กลับบ้าน ที่จริงกำหนดบินกลับครบแล้ว แต่เธอยังอยู่ต่อ และถ้าเกินเลยไปมากกว่านี้ เธอคงได้เจอเสือสิงห์อินทรีย์ดาหน้ามาหาเธอถึงที่นี่แน่ ซึ่งเธอไม่ต้องการอย่างนั้น ไม่อยากให้พี่ชายแท้ๆกับพี่ชายไม่แท้อีกสองคน แต่เธอรักและนับถือ ซึ่งต่างมีชีวิตครอบครัวที่สงบสุข ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงอีก

ติ๊ด ติ๊ด เสียงโทรศัพท์ในมือส่งเสียงขึ้น หยุดความคิดเธอแล้ว ยกขึ้นดูก่อนจะรับสาย ไม่ใช่เบอร์ที่คุ้นเคยก็รู้ได้ทันทีว่าเพื่อนรักโทรมา “แคท” เสียงเธอทั้งดีใจและเต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ไม่พร่ำถามถึงที่อยู่ ไม่ดิ้นรนจะไปหา เหมือนที่ผ่านมา เข้าใจความรักที่กลายเป็นความแค้น เพราะเธอก็เพิ่งโดนมา แม้จะไม่รุนแรงเท่า แต่ก็ได้รู้ถึงความเจ็บปวดแล้ว จึงได้แต่รอให้เพื่อนรักเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง

“ยังอยู่กับเขาเหรอ”

คำถามแรกที่ดังมาให้ได้ยิน “ใช่ หนูไม่มีที่ไป แคทก็รู้ หน้าหลังซ้ายขวาอันตรายไปหมด ก็ต้องอยู่กับเขาต่อไป”

“ขอโทษด้วยนะ”

“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของแคทเลย ไม่ต้องโทษตัวเอง เราต้องเข้มแข็งและอยู่ต่อไปให้ได้ แล้วสิ่งที่แคททำเป็นยังไงบ้าง”

“ไปได้ดี แต่ยังไม่ดีที่สุด เพราะยังสาแก่ใจไม่พอ”

ชิญาดารับรู้ได้ถึงความชอกช้ำ เวลาที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยบรรเทาเลย มีแต่จะเพิ่มพูนขึ้น เมื่อคนที่ทำให้เจ็บยังลอยนวล แล้วย้อนกลับมาถามตัวเอง ว่าถ้าเป็นเธอที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ จะเข้มแข็งได้เท่ากับเพื่อนที่เข้มแข็งอยู่ตอนนี้ได้หรือไม่ เธอตอบตัวเองไม่ได้ จนกว่าจะได้เจอกับตัว และคิดว่าคนอื่นๆก็เช่นกัน

“แล้วกำลังทำอะไรอยู่หรือจะทำยังไงต่อไป”

คาริสามองไปรอบห้องที่นั่งอยู่ มันสลัวเหมือนชีวิตเธอ เหยียดริมฝีปากออกเยาะชะตาตัวเอง แล้วบอกว่า “ย้ายที่อยู่ เบื่อความมืดแล้ว จะเดินออกไปสู่ความสว่างเสียที”

“หมายความว่าจะเลิกหลบซ่อนตัว” เสียงเธอเต็มไปด้วยความยินดี ลุกขึ้นเดินไปยืนที่หน้าต่าง มองความสดใสของต้นไม้ พลางบอกว่า “มาอยู่กับหนูไหม เดี๋ยวจะให้เขาไปรับ หนูรับรองว่าแคทจะต้องปลอดภัย คนเลวนั้นจะทำอะไรแคทอีกไม่ได้”

“แคทมีที่อยู่แล้ว”

“ที่ไหน” แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าถามเพราะเพื่อนจะไม่บอก แต่เธอก็อดไม่ได้ เพราะมีความห่วงใยเต็มเปี่ยม

“ไม่นานหนูก็จะได้รู้ แต่มีอย่างหนึ่งที่จะให้รู้”

“อะไร”

“อยากรู้เรื่องอะไรละ ก็เรื่องนั่นแหละ”

“หมายความว่าไง” เธอถาม แต่มีความเงียบเป็นคำตอบ “ฮัลโล แคท แคท แคท” เธอเรียกเพราะเพื่อนไม่ตอบรับ “ฟังอยู่หรือเปล่า”

“แล้วเจอกันนะ”

คำสุดท้ายที่ทิ้งไว้ ก่อนสัญญาณจะตัดไป ชิญาดาได้แต่งง พลางครุ่นคิดว่าเรื่องอะไร แล้วไม่นานก็มีคำตอบ มีข้อความส่งเข้ามาในมือถือของเธอ ก็เปิดดูทันที แล้วก็ได้รับรู้ว่าความลับของคนอื่นที่คนเลวอยากได้คือ ...ผู้ชายคนนี้
**********
กรณ์ออกจากห้องทำงานมาจัดอาหารเช้าวางไว้บนโต๊ะ ก่อนหน้านั้นผินจะเป็นคนจัดให้ แต่วันนี้ไม่ทำไว้ให้ คงเพราะคำพูดประโยคสุดท้ายที่บอกเขาไว้ เขามองความเรียบร้อยแล้วเดินมายืนอยู่หน้าห้องนอนของคนขโมยหัวใจเขาไป ยิ้มนิดๆที่มุมปากด้วยความคิดถึงเธอ เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่กลับมาถึงบ้าน เธอก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอน เขาก็คิดว่าเธอเหนื่อย จึงให้พักโดยที่ไม่ได้ถามไถ่อะไร ก็แยกตัวไปอยู่ในห้องทำงาน

นั่งสะสางงานที่ไม่ได้ไปดูแล ได้แต่สั่งการอยู่ที่นี่ โชคดีที่ธุรกิจไม่มีปัญหา เสร็จแล้วก็แวะเข้ามาดูเธอ เห็นนอนหลับสบายอยู่ก็ออกมา เช้านี้ก็ยืนมองเธออยู่ในห้องทำงาน ไม่มีความแปลกใจว่าทำไมเธอดูไม่สดใส เพราะเธอมีเรื่องให้กังวลเป็นห่วงเพื่อนอยู่แล้ว แต่คำพูดของผิน ทำให้เขาคิดว่าละเลยอะไรไปหรือเปล่า

แววตาของกรณ์หรี่ลงบอกกำลังคิดบางอย่าง แล้วเปิดประตูเข้าไป เห็นร่างอรชรยืนอิงกรอบหน้าต่าง มือสองข้างวางอยู่บนขอบของมัน สายตาทอดมองไปไกลๆ ไม่มีทีท่าจะหันมาสนใจเขา ทั้งๆที่ปิดประตูเสียงดังเพื่อให้เธอรู้ถึงการเข้ามาของเขา

กรณ์เดินมายืนข้างๆ ปรายตามองใบหน้างามที่นิ่งเฉย ก็แน่ใจว่าเธอต้องมีเรื่องอะไรมากกว่าเรื่องของเพื่อนแน่นอนแล้ว และคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากบลูโน โค เพราะก่อนที่จะไปที่นั้น เธอไม่มีความเย็นชาแบบนี้ แม้กระทั่งจะถูกอุ้ม ก็ยังเข้มแข็งให้เขาชื่นชม แต่พอกลับมาไม่พูดจากับเขา ใครทำอะไรหรือพูดอะไรให้เธอไม่สบายใจ

“สายแล้ว ไปทานข้าวเถอะ” เขาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอยังเฉยเมยกับเขา

“ฉันไม่หิว”

น้ำเสียงของเธอก็เพิ่มความมั่นใจให้กับเขา ว่าสิ่งที่คิดนั่นใช่จริง ขาดแต่ว่าเป็นเรื่องอะไร “โกรธอะไรพี่หรือเปล่า”

“เปล่า”

เขาถามคำเธอก็ตอบคำ และนิ่งเฉย จนกรณ์เริ่มจะไม่ทน ยื่นมือไปจับมือเพื่อพาเดินออกไปจากห้อง ใบหน้างามก็หันขวับมามอง สายตาก็วาวบอกความไม่พอใจ พร้อมกับบิดมือออกจากมือเขา ทั้งๆที่ไม่ทำมาตั้งนานแล้ว กรณ์หรี่ตาลง มองก่อนจะตวัดขึ้นสบตาขุ่นของเธอ ที่พยศออกมา พยายามจะบิดมือให้หลุดให้ได้

“ปล่อย” เสียงเธอห้วน เมื่อมือไม่เป็นอิสระจากมือเขาเสียที

เขามองอย่างบอกว่าไม่ปล่อย และเมื่อถามดีๆไม่บอกก็คงต้องให้ร้ายกันบ้าง “เลือกเอาว่าจะให้พี่กินข้าวหรือกินน้องหนู”

“หิวมากเหรอ” เสียงเธอพร้อมจะเอาเรื่อง

“ที่สุด”

“งั้นฉันจะโทรไปขอร้อง ให้มาให้เร็วที่สุดแล้วกัน”

“ขอร้องอะไร ใคร”

“ก็บอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ”

“หิวคนนี้”

เขาบอกก็กระตุกมือเธอ จนร่างอรชรมาซบอก ก็รวบตัวไว้แล้วก้มลงจูบ ชิญาดาดิ้นเขาก็กอด เธอผลัก เขาก็รัด เธอจึงยืนนิ่งไม่ตอบสนอง ไม่ว่าเขาจะกอดจูบรวบรัดแค่ไหนก็ตาม กรณ์ค่อยๆรั้งอารมณ์ตัวเองไว้ ถอนริมฝีปากออกมา มองใบหน้างามที่นิ่งเฉย สายตาที่เย็นชา แต่ไม่ถอยห่างออกไป จะต้องรู้ให้ได้ว่าที่เธอพูดเมื่อกี้คือใคร ชื่อนั้นมีแวบขึ้นมาในสมอง แต่เขาต้องการรู้จากปากเธอมากกว่าการคิดเอาเอง

“ที่พูดเมื่อกี้หมายถึงใคร”

“คุณก็รู้อยู่แก่ใจ”

“ไม่รู้ ถ้ารู้แล้วจะไม่ถาม แต่จะแก้ไขให้ถูกต้อง และที่ถามก็เพื่อจะแก้ไขเช่นกัน”

เธอยิ้มเยาะเขา แล้วบิดมือออกอีกครั้ง กรณ์ก็ยังไม่ปล่อย กำมือเธอแน่นขึ้นอีก เพราะเริ่มจะไม่ชอบในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด “จะพูดไหม ถ้าไม่พี่จะทำอย่างเดียว” เขาถามแล้วรั้งตัวเธอเข้ามาชิดอกอีกครั้ง แต่เธอยังนิ่ง เขาก็ให้โอกาสแค่ “หนึ่ง” เขาเริ่มนับ และตั้งใจว่าจะไม่เกินสาม “สอง” พอจะสามเสียงเธอก็พูดขึ้น

“เอริน่า”

แววตาของกรณ์แสดงความงงๆออกมา แล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่บลูโน โค ตอนที่เขาเดินมาหาเธอกับญาติสาว ก็ได้เจอเอริน่า เขาไม่รู้ว่าทั้งหมดคุยเรื่องอะไรกัน แต่แค่เธอห่างสายตา ก็มีเรื่องอีกจนได้ “มีอะไรเล่ามา ถามมา อย่าคิดเองเออเอง แล้วปล่อยให้พี่หัวหมุนอยู่แบบนี้”

“ฉันไม่ได้คิดเองเออเอง แต่คุณเป็นคนทำเองต่างหาก และถ้าจะกรุณาอย่ามายุ่งกับฉันอีก”

“เอริน่าพูดว่าอะไร”

“ฉันอยากอยู่คนเดียว”

กรณ์ปล่อยมือเธอทันที แล้วเดินออกจากห้องไป ชิญาดารู้สึกหนาวไปทั้งหัวใจ น้ำตารื้นขึ้นมาคลอดวงตา เมื่อเขาเสียสัจจะ ที่เคยบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยมือ แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยแล้วจากเธอไป โดยไม่รู้ว่าที่กรณ์ปล่อย เพราะเขาต้องการเวลาคิด และจะไม่ยอมให้ความขุ่นเคืองใดๆมาสร้างความร้าวฉานเด็ดขาด
********
อาคารบลูโนโค กรองแก้วนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานภายในห้องคนเดียว ส่วนสามีมีประชุมกับคณะกรรมการที่มากดดัน เรื่องลูกชายทำร้ายผู้หญิงจนเป็นข่าวขึ้นมา แม้ที่ผ่านมาข่าวจะเงียบไปเพราะอำนาจเงิน แต่ในเครือตระกูลไม่ได้เงียบ ยังคงตามข่าวรอฟังอยู่ว่า คนเป็นประธานจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง เพื่อไม่ให้มีผลกับภาพลักษณ์ของตระกูลและกระทบกับธุรกิจ แต่สุดท้ายก็สายเกินไป เมื่อสามีถูกท่านรัฐมนตรีเรียกไปตีกอล์ฟ

ทุกคนรู้ว่ามันไม่เป็นผลดีแน่นอน โครงการยักษ์ใหญ่ที่นอนมาอาจจะพลาดเสียแล้ว จึงมาประชุมเพื่ออยากรู้ว่าจะมีความคืบหน้าจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ยังไงบ้าง เธอได้แต่ให้กำลังใจเขา และก่อนที่เขาจะไปประชุม ได้สร้างความแปลกใจให้กับเธอ ด้วยการบอกว่า

“แจ้งทุกคนให้มาทานมื้อค่ำกับเราที่บ้าน”

เธอรู้ว่าทุกคนนั้นคือใครบ้าง และคิดว่าคำสั่งนี้ต้องเกี่ยวกับคน ที่ให้เธอจัดห้องพักให้เมื่อคืนแน่นอน

‘ใครกันนะ’

เธอคิด เพราะต้องสำคัญมากๆ สามีถึงได้เชิญทุกคนมา เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้โทรไปหาใคร เสียงสัญญาณว่ามีสายเข้าก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ชื่อที่ปรากฏอยู่หน้าจอ เป็นอีกเรื่องที่สร้างความแปลกใจให้กับเธอ คิดไม่ถึงว่าเขาจะโทรมา

“คุณเสือ สวัสดีค่ะ” เธอทักทายไป แล้วก็ได้ยินเสียงทักทายกลับมา แล้วก็ถามถึงเรื่องที่ทำให้เธอต้องหนักใจขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวผม ยัยน้องหนูหรือเปล่า”

“ทำไมอยู่ดีๆ คุณถึงโทรมาถามฉันละคะ” เธอถามกลับไปเพื่อประวิงเวลา ขอคิดว่าเขารู้เรื่องที่น้องสาวของเขามาอยู่กับเธอได้ยังไง แล้วก็ได้คำตอบว่าคงเป็นเพราะช่องโหว่ ที่เธอพลาดให้เขาสืบเสาะ รูปถ่ายที่เธอให้เขาไป เขาคงไม่เอาไปเก็บไว้เฉยๆแน่นอน

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ควรจะตอบในสิ่งที่ผมถามมากกว่า”

“แต่สิ่งที่คุณพูดราวกับว่าน้องสาวของคุณมาอยู่กับฉัน”

“คุณจะปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น”

“ถ้าใช่ละคะ”

“คุณก็พลาดแล้ว”

น้ำเสียงเหมือนพยัคฆ์คำรามนั้นบอกให้เธอเขาคงรู้บางอย่างมาแล้ว ซึ่งความจริงแล้วเสือยังไม่รู้อะไรเท่าไร แต่รูปที่เธอให้เขาคราวก่อน ทำให้เขาสืบจนรู้ว่าเธอทำอะไรอยู่ที่ไหน เพื่อเป็นการป้องกันการเอาคืนของเธอเท่านั้น แม้จะคุยกันเข้าใจ แต่เขาก็ไม่ไว้ใจ และยิ่งบอกให้รู้ว่ามีใครสนใจน้องสาวเขาอยู่อีก เขาก็นิ่งนอนใจอยู่ไม่ได้

และการที่น้องหนูมาเที่ยวที่นี่ แรกนั้นเขาก็ไม่ได้มีความแปลกใจอะไร กระทั่งเหลือบไปเห็นรูปที่เธอให้เขามาเมื่อคราวก่อน ก็หวั่นว่าเธอจะทำอะไรกับน้องเขาบ้าง

“ใจเย็นซิคะ ฉันแค่แกล้งคุณเล่น แต่น้องของคุณไม่ได้อยู่กับฉัน เธอมาที่นี่เหรอคะ” เธอพยายามทำเสียงว่าแปลกใจ เพราะถ้ายอมรับออกไป เขาอาจจะมารับน้องสาวเขากลับไป แล้วสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดก็ต้องเสียเปล่า ซึ่งเธอยอมไม่ได้ เพราะน้องสาวเขากำลังมีความรักให้กับกรณ์แล้ว เธออยากขอเวลาอีกสักนิด แล้วจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง

“ใช่”

“ถ้างั้นฉันจะช่วยดูแลให้ ว่าแต่...” เธอจะถามถึงที่พัก แต่อีกฝ่ายตัดบทออกมาเสียก่อน

“ไม่เป็นไร เมื่อคุณไม่รู้เรื่องใดก็แล้วไป แต่ถ้าผมรู้ความจริงทีหลัง คุณก็ไม่ได้อยู่อย่างมีความสุขอีกต่อไป” พูดจบเสือก็จะวางสาย แต่...อีกฝ่ายเรียกเอาไว้เสียก่อน

“คุณเสือคะ คุณก็รู้ว่าฉันมีแต่ความปรารถนาดีให้กับครอบครัวคุณ เพื่อขอโทษในสิ่งที่พ่อฉันทำทั้งนั้น ไม่เคยที่จะทำผิดคิดร้ายอะไรกับครอบครัวของคุณเลย และฉันก็ยังเป็นอย่างนั้น และขอให้คุณเชื่อใจฉันด้วย”

ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่ายแล้ว สัญญาณก็หายไป กรองแก้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วคิดว่าถ้าทุกอย่างคลี่คลาย เธออาจต้องกลับไปเมืองไทยอีกครั้ง และมีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสองคนนั้นหรือเปล่า พี่ของยัยลูกนกถึงได้โทรมาหาเธอแบบนี้

กรองแก้วกดโทรศัพท์ไปหาญาติหนุ่มทันที ซึ่งกรณ์ยืนอยู่ตรงหน้าต่างในห้องทำงาน เขาหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเดินไปหยิบขึ้นมารับสาย ฟังเสียงญาติสาวที่ทักทาย ถามเรื่องอาหารที่ให้มา และส่งข่าวเรื่องคณะกรรมการที่เข้ามากดดันสามีของเธอ ก่อนจะถามเข้าประเด็น

“ลูกนกเป็นไงบ้าง”

“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น”

คำถามที่ย้อนกลับมาทำให้กรองแก้วต้องยิ้มให้กับความแปลกใจ ที่เกิดขึ้นกับเธอครั้งแล้วครั้งเล่าในเช้านี้ และนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง “มีอะไรละ”

“ท่าทางของเธอเหมือนโกรธ หรือไม่พอใจบางอย่าง”

เธอนิ่งคิด แล้วก็ร้องอ๋ออยู่ในใจ เมื่ออยู่ในเหตุการณ์การสร้างความร้าวฉานของนางมาร แล้วบอกออกไปว่า “ผู้หญิงโกรธ หรือไม่พอใจ แสดงว่าผู้หญิงมีใจนะซิ แล้วตอนนี้ยัยลูกนกอยู่ไหน”

“ห้องของเธอ”

“รีบไปทำความเข้าใจกัน ปล่อยให้กลายเป็นช่องว่างได้ยังไง”

“ขอเวลา”

“อย่าให้เวลากับหัวใจที่ใช่ เพราะบางทีมันอาจจะสายเกินไป แล้วจะกลายเป็นไม่ใช่ ผู้หญิงนะกรณ์คือเจ้าแห่งความคิดเยอะแยะมากมาย จนบางครั้งเรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่มานักต่อนักแล้ว รีบไปทำความเข้าใจเสีย ก่อนที่หัวใจเธอที่เริ่มมีกรณ์ จะเปลี่ยนไปเหมือนก่อนหน้านี้ที่ไม่มี”

เธอไม่บอกว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เพราะอยากให้ทั้งคู่คุยกันเองมากกว่า ที่เหลือก็อยู่ที่ญาติหนุ่ม ว่าจะมีความสามารถเพียงใด เพราะเรื่องของหัวใจ ไม่ว่าใครจะให้คำแนะนำดีแค่ไหน ถ้าคนสองคนไม่เข้าใจกันก็ไม่มีประโยชน์

“ยึดหัวใจเธอไว้ ไม่ว่าเธอจะตั้งกำแพงสูงแค่ไหน ก็ต้องพังเข้าไปให้ได้ เอาหัวใจเธอคืนมา”
*********

ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ต.ค. 2561, 14:25:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ต.ค. 2561, 14:25:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 915





<< ตอน 12   ตอน 14 >>
Kim 26 ต.ค. 2561, 15:00:19 น.
รีบง้อเข้านะ น้องหนูงอนแล้ว


แว่นใส 29 ต.ค. 2561, 08:23:30 น.
สร้างความร้าวฉานเป็นงานของเรา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account