ราคีสีเพลิง:รังสี ดุจดาริน รางนาก(ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ดีเลิศ’ และ ‘บัวบุษบา’ แต่งงานกันท่ามกลางความขัดแย้งของสองตระกูล
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!
หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!
*******************
ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
*******************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!
หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!
*******************
ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
*******************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผี ดราม่า ริษยา โรมานซ์ กลับชาติมาเกิด คุณไสย
ตอน: บทที่ 3 สามีที่ไร้รัก -50%
ใครชอบอ่านนิยายรักสยองขวัญในการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ และปมกลับชาติมาเกิด มากองกันตรงนี้จ้าาาา ในมาลีเริงไฟยายเจิมช่วยหลาน ตัดมาที่ราคีสีเพลิง ยายเจิมเป็นนางมารค่ะ555 อ่านกันๆ
************
ในเวลาเดียวกันนั้น บรรยากาศภายนอกห้องของดีเลิศกับบัวบุษบา...เงียบสงัด ท้องฟ้ามืดสนิทด้วยเป็นคืนเดือนดับ นกกลางคืนตัวหนึ่งหลงบินเข้ามาเกาะบนหลังคาเรือนไทย ส่งเสียงร้องคู คู ก่อนจะถูกบางสิ่งคล้ายเงาดำกระชากฉีกกินในพริบตา! ขนนกลอยละล่องลงแตะหลังคา แล้วทุกอย่างกลับมาเงียบอีกครั้ง เงียบ...เสียจนหากเงี่ยหูฟังดีๆ จะได้ยินเสียงบทสวดมนต์ดังแว่วในสายลม เป็นบทสวดที่กระแทกกระทั้นรุนแรง เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
นะรา นะรา หิตังเทวัง
นะราเทเวหิปูชิตัง
นะรานัง กามะปังเกหิ
นะมามิสุคะตังชินัง กะยะพุตัง
เสียงนั้นดังมาจากหญิงสูงวัยที่นั่งบริกรรมบทสวดอยู่ในห้องพระซึ่งเป็นห้องที่อยู่ในเรือนของนาง ใครจะเข้าออกห้องนี้ต้องเดินผ่านห้องนอนของนางเข้าไปก่อน จึงจะเข้าถึงห้องพระได้
โดยปกติแล้วห้องพระนี้จะเงียบสงบ โต๊ะหมู่บูชาเต็มไปด้วยพระพุทธรูป ธูป เทียน เครื่องหอม และดอกบัวจัดใส่แจกันงดงาม บูชา คุณพระรัตนตรัย
ทว่านั่นเป็นเพียงฉากบังหน้า!
เจิมจันทร์ร่ายอาคมกำบังตาเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นห้องพระที่แท้จริง ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องรางของขลัง หัวกะโหลกขนาดใหญ่สลักอักขระขอมตั้งอยู่ด้านหน้ากระถางธูปเทียน หุ่นขี้ผึ้ง หัวโขน และตุ๊กตาหน้าตาประหลาดวางเรียงรายอยู่บนหิ้งพระ โดยรอบห้องมีตู้ใบใหญ่ ด้านในจัดเรียงโหลแก้วบรรจุชิ้นส่วนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นโหลสมอง โหลเลือด โหลฟัน โหลปั้นเหน่ง และอีกมากมาย
เบื้องหลังกลิ่นไม้จันทน์หอมที่คอยกลบกลิ่นอวิชชา
กลิ่นเหม็นราวกับซากศพคละคลุ้งไปทั่วห้อง
เจิมจันทร์นั่งอยู่กลางห้องด้วยใบหน้าเรียบเฉย ฉากหน้าของนางคือหญิงสูงวัยที่มีใบหน้าอ่อนกว่าวัย เป็นลูกหลานโหรหลวง และมีเชื้อสายขุนนางสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน มารดาเคยทำงานอยู่ในรั้วในวัง อีกทั้งเจิมจันทร์ยังร่ำรวยเป็นเศรษฐีนี มีที่ดินมากมาย และทองอีกนับสิบหีบ เงินสดในบัญชี อสังหาริมทรัพย์ก็มีทั้งที่ต่างจังหวัดและย่านกลางกรุง
นางจึงเป็นที่นับหน้าถือตา ในซอยขุนนางนั้นเรือนเสน่ห์จันทน์นับว่ามีอิทธิพลมากที่สุด นอกจากฐานะร่ำรวยแล้ว เจิมจันทร์ยังนับเป็นหญิงสูงวัยใจบุญ ที่ชอบซื้อข้าวของแจกจ่ายให้ชาวบ้านเสมอๆ โดยเฉพาะทุกครั้งที่เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นในซอย!
ทว่าเบื้องหลัง นางเล่นคุณไสยมนตร์ดำและเลี้ยงผีร้ายไว้ใช้สอยมากมาย...
“สัมภเวสี จุตินัง ทาสรับใช้ของข้าจงมาปรากฏกายเบื้องหน้าข้าเดี๋ยวนี้”
ควันสีกลีบบัวลอยมารวมกันเป็นร่างเด็กชายวัยราวหกขวบ สวมกางเกงสีชมพูอ่อนราวกลีบบัวตูม ไม่สวมเสื้อ พรายกมุทไว้จุกที่กลางศีรษะแบบเด็กชายสมัยโบราณ และมีมาลัยดอกพุดล้อมรอบแทนรัดเกล้า เห็นทีไรเจิมจันทร์ก็ขัดตานัก ไอ้ผีเด็กนี่มันชอบดอกไม้เหมือนแม่ของมัน มิหนำซ้ำยังไร้เดียงสาหน้าซื่อตาใสไม่เลิกรา แม้จะเห็นความโหดเหี้ยมของผีพรายด้วยกันมากปานใด ฉีกทึ้งกินไส้กันต่อหน้าต่อตาก็มี แต่ไอ้เด็กนี่ก็ไม่เคยซึมซับความป่าเถื่อนไว้ในหัวใจมันเลยสักกระผีก
แต่เจิมจันทร์คร้านจะดัดสันดานมันแล้ว จุกผมนั่นถูกผีตนอื่นรังแกดึงมาลัยทิพย์ขาดไปกี่เส้น พรายกมุทก็มีมาลัยทิพย์อันใหม่มาสวมอยู่ดี ไม่รู้มันไปสรรหามาจากไหน
และที่มันโง่เง่า ซื่อบื้อ ไม่มีสมองเหมือนแม่มันก็ดี
หลอกใช้ได้ง่าย!
“มีอะไรผิดปกติหรือไม่ แกว่ามาซิ ไอ้กมุท”
‘คุณบัวเธอพยายามเอาตะกรุดออกจากห้องคับคุณท่าน เธอดูจะกลัว...’
‘โถๆๆ แม่สโนน้อยเรือนงาม’ เสียงเยียบเย็นปนเสียงหัวเราะขบขันนั้นเป็นเสียงของวิญญาณผีสาวผมยาวกรอมเท้า ตัวดำเหมือนถ่าน มันลอยเอื่อยเป็นควันดำมาหมอบลงแทบเท้าเจิมจันทร์ ก่อนลุกขึ้นนั่งยิ้มแสยะอวดฟันสีขาวที่ราวกับเปื้อนน้ำมันเครื่องเป็นคราบ
‘แค่ตะกรุดดอกเล็กแค่นั้นทำเป็นกลัว กระแดะเหลือเกินนะเจ้าคะ แม่นายขา’
เจิมจันทร์ไม่สนใจ นางหรี่ตามองกมุทอย่างพิจารณา
“มีแค่นี้เรอะที่แกจะรายงานฉัน”
‘คับคุณท่าน’ กมุทเงยหน้ามองเจิมจันทร์ ดวงตาใสแป๋วแหวว ‘คุณบัวเธอเพิ่งมา นอกจากเรื่องนี้แล้วกมุทยังไม่มีอะไรรายงานจริงๆ คับ’
กมุทนั้นถูกสะกดอยู่ในตะกรุดตั้งแต่ถูกควักออกมาจากครรภ์มารดา เด็กชายไม่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่กลายเป็นผีสิงตะกรุดได้อย่างไร บิดามารดาเป็นใคร เจิมจันทร์เก็บเขามาจากไหน เด็กชายจำอดีตของตัวเองไม่ได้เลย กมุทถูกสะกดไว้ในตะกรุดมาหลายสิบปี รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง เขาเห็นผีดุร้ายมักฉีกกระชากเนื้อกินกันด้วยเจิมจันทร์เลี้ยงอดๆ อยากๆ เด็กชายก็เคยตกเป็นเป้าหมาย มีผีหลายตัวอยากกินเขาเหมือนกันด้วยเป็นเด็กเนื้ออ่อนเคี้ยวง่าย แต่ไม่มีผีตัวไหนจับเขาได้ เพราะเขาวิ่งหนีไวที่สุดในบ้าน
เมื่อดีเลิศถือกำเนิด เจิมจันทร์จึงเห็นความสามารถของกมุท นางมอบตะกรุดให้หลานรักพกไว้ติดตัวเพื่อป้องกันภัย กมุทช่วยเหลือดีเลิศมาตั้งแต่เยาว์วัย คอยดึงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับเขา ไม่ว่าจะรถเฉี่ยว กิ่งไม้ร่วงใส่ หรืออุบัติเหตุอะไรก็ตาม ดีเลิศจะรอดตัวได้ราวปาฏิหาริย์ จนใครๆ ก็พากันแซวว่าดวงของเขาดีเลิศสมชื่อ
กมุททำงานดีมาตลอดไม่เคยเลยที่ดีเลิศจะเจ็บตัว
กระทั่งชายหนุ่มคบหากับบัวบุษบา กมุทก็มีอีกงานที่ต้องทำคือรายงานความเคลื่อนไหวของดีเลิศและบัวบุษบาให้เจิมจันทร์รับทราบเพื่อหาวิธีขัดขวาง นี่กุมารน้อยว่างงานมาสี่ปี ช่วงสี่ปีมานี้เขามีเวลามากมายที่จะเล่นกับผีพรายดีๆ ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพี่นพสุดหล่อ หรือธัญญาคนสวย
แต่ได้กลับมาทำงานเขาก็ชอบ เพราะกมุทชอบบัวบุษบา...
เธอทั้งอบอุ่น อ่อนโยน ใจดี กมุทอยากมีมารดาแบบบัวบุษบา แม้รู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตาม
‘เพิ่งมาได้สองวัน ก็ทำให้แม่นายกับคุณโตเกือบมีปัญหาเลยนะเจ้าคะ อยู่นานๆ ไป มันคงไม่เห็นหัวแม่นายเป็นแน่’
พวงเอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจผู้เป็นนาย พลางยื่นมือไปทำท่าบีบนวดอย่างประจบสอพลอ และคำพูดนั้นตรงใจเจิมจันทร์เป็นที่สุด!
ต่อหน้านาง บัวบุษบาทำเป็นเรียบร้อยว่าง่าย แต่ลับหลังหล่อนคงใส่ไฟให้ดีเลิศเกลียดนางเป็นแน่!
“มันจะไม่มีวันทำอย่างนั้นได้” เจิมจันทร์พูดลอดไรฟันอย่างเจ็บแค้น “ฉันจะไสหัวมันออกไปจากชีวิตพ่อโตให้ได้! ไอ้กมุท! อย่าให้อีนั่นทิ้งตะกรุดของกูเด็ดขาด หาไม่แล้วกูจะเฆี่ยนมึงให้หลังลาย หากมันดื้อด้านจะเอาตะกรุดออกจากห้อง มึงจะตัดแขนตัดขามันก็ได้ กูไม่ว่า!”
กมุทก้มลงกราบเจิมจันทร์ ก่อนสลายกลายเป็นควันสีชมพูอ่อนลอยหายไป
************
ในเวลาเดียวกันนั้น บรรยากาศภายนอกห้องของดีเลิศกับบัวบุษบา...เงียบสงัด ท้องฟ้ามืดสนิทด้วยเป็นคืนเดือนดับ นกกลางคืนตัวหนึ่งหลงบินเข้ามาเกาะบนหลังคาเรือนไทย ส่งเสียงร้องคู คู ก่อนจะถูกบางสิ่งคล้ายเงาดำกระชากฉีกกินในพริบตา! ขนนกลอยละล่องลงแตะหลังคา แล้วทุกอย่างกลับมาเงียบอีกครั้ง เงียบ...เสียจนหากเงี่ยหูฟังดีๆ จะได้ยินเสียงบทสวดมนต์ดังแว่วในสายลม เป็นบทสวดที่กระแทกกระทั้นรุนแรง เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
นะรา นะรา หิตังเทวัง
นะราเทเวหิปูชิตัง
นะรานัง กามะปังเกหิ
นะมามิสุคะตังชินัง กะยะพุตัง
เสียงนั้นดังมาจากหญิงสูงวัยที่นั่งบริกรรมบทสวดอยู่ในห้องพระซึ่งเป็นห้องที่อยู่ในเรือนของนาง ใครจะเข้าออกห้องนี้ต้องเดินผ่านห้องนอนของนางเข้าไปก่อน จึงจะเข้าถึงห้องพระได้
โดยปกติแล้วห้องพระนี้จะเงียบสงบ โต๊ะหมู่บูชาเต็มไปด้วยพระพุทธรูป ธูป เทียน เครื่องหอม และดอกบัวจัดใส่แจกันงดงาม บูชา คุณพระรัตนตรัย
ทว่านั่นเป็นเพียงฉากบังหน้า!
เจิมจันทร์ร่ายอาคมกำบังตาเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นห้องพระที่แท้จริง ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องรางของขลัง หัวกะโหลกขนาดใหญ่สลักอักขระขอมตั้งอยู่ด้านหน้ากระถางธูปเทียน หุ่นขี้ผึ้ง หัวโขน และตุ๊กตาหน้าตาประหลาดวางเรียงรายอยู่บนหิ้งพระ โดยรอบห้องมีตู้ใบใหญ่ ด้านในจัดเรียงโหลแก้วบรรจุชิ้นส่วนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นโหลสมอง โหลเลือด โหลฟัน โหลปั้นเหน่ง และอีกมากมาย
เบื้องหลังกลิ่นไม้จันทน์หอมที่คอยกลบกลิ่นอวิชชา
กลิ่นเหม็นราวกับซากศพคละคลุ้งไปทั่วห้อง
เจิมจันทร์นั่งอยู่กลางห้องด้วยใบหน้าเรียบเฉย ฉากหน้าของนางคือหญิงสูงวัยที่มีใบหน้าอ่อนกว่าวัย เป็นลูกหลานโหรหลวง และมีเชื้อสายขุนนางสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน มารดาเคยทำงานอยู่ในรั้วในวัง อีกทั้งเจิมจันทร์ยังร่ำรวยเป็นเศรษฐีนี มีที่ดินมากมาย และทองอีกนับสิบหีบ เงินสดในบัญชี อสังหาริมทรัพย์ก็มีทั้งที่ต่างจังหวัดและย่านกลางกรุง
นางจึงเป็นที่นับหน้าถือตา ในซอยขุนนางนั้นเรือนเสน่ห์จันทน์นับว่ามีอิทธิพลมากที่สุด นอกจากฐานะร่ำรวยแล้ว เจิมจันทร์ยังนับเป็นหญิงสูงวัยใจบุญ ที่ชอบซื้อข้าวของแจกจ่ายให้ชาวบ้านเสมอๆ โดยเฉพาะทุกครั้งที่เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นในซอย!
ทว่าเบื้องหลัง นางเล่นคุณไสยมนตร์ดำและเลี้ยงผีร้ายไว้ใช้สอยมากมาย...
“สัมภเวสี จุตินัง ทาสรับใช้ของข้าจงมาปรากฏกายเบื้องหน้าข้าเดี๋ยวนี้”
ควันสีกลีบบัวลอยมารวมกันเป็นร่างเด็กชายวัยราวหกขวบ สวมกางเกงสีชมพูอ่อนราวกลีบบัวตูม ไม่สวมเสื้อ พรายกมุทไว้จุกที่กลางศีรษะแบบเด็กชายสมัยโบราณ และมีมาลัยดอกพุดล้อมรอบแทนรัดเกล้า เห็นทีไรเจิมจันทร์ก็ขัดตานัก ไอ้ผีเด็กนี่มันชอบดอกไม้เหมือนแม่ของมัน มิหนำซ้ำยังไร้เดียงสาหน้าซื่อตาใสไม่เลิกรา แม้จะเห็นความโหดเหี้ยมของผีพรายด้วยกันมากปานใด ฉีกทึ้งกินไส้กันต่อหน้าต่อตาก็มี แต่ไอ้เด็กนี่ก็ไม่เคยซึมซับความป่าเถื่อนไว้ในหัวใจมันเลยสักกระผีก
แต่เจิมจันทร์คร้านจะดัดสันดานมันแล้ว จุกผมนั่นถูกผีตนอื่นรังแกดึงมาลัยทิพย์ขาดไปกี่เส้น พรายกมุทก็มีมาลัยทิพย์อันใหม่มาสวมอยู่ดี ไม่รู้มันไปสรรหามาจากไหน
และที่มันโง่เง่า ซื่อบื้อ ไม่มีสมองเหมือนแม่มันก็ดี
หลอกใช้ได้ง่าย!
“มีอะไรผิดปกติหรือไม่ แกว่ามาซิ ไอ้กมุท”
‘คุณบัวเธอพยายามเอาตะกรุดออกจากห้องคับคุณท่าน เธอดูจะกลัว...’
‘โถๆๆ แม่สโนน้อยเรือนงาม’ เสียงเยียบเย็นปนเสียงหัวเราะขบขันนั้นเป็นเสียงของวิญญาณผีสาวผมยาวกรอมเท้า ตัวดำเหมือนถ่าน มันลอยเอื่อยเป็นควันดำมาหมอบลงแทบเท้าเจิมจันทร์ ก่อนลุกขึ้นนั่งยิ้มแสยะอวดฟันสีขาวที่ราวกับเปื้อนน้ำมันเครื่องเป็นคราบ
‘แค่ตะกรุดดอกเล็กแค่นั้นทำเป็นกลัว กระแดะเหลือเกินนะเจ้าคะ แม่นายขา’
เจิมจันทร์ไม่สนใจ นางหรี่ตามองกมุทอย่างพิจารณา
“มีแค่นี้เรอะที่แกจะรายงานฉัน”
‘คับคุณท่าน’ กมุทเงยหน้ามองเจิมจันทร์ ดวงตาใสแป๋วแหวว ‘คุณบัวเธอเพิ่งมา นอกจากเรื่องนี้แล้วกมุทยังไม่มีอะไรรายงานจริงๆ คับ’
กมุทนั้นถูกสะกดอยู่ในตะกรุดตั้งแต่ถูกควักออกมาจากครรภ์มารดา เด็กชายไม่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่กลายเป็นผีสิงตะกรุดได้อย่างไร บิดามารดาเป็นใคร เจิมจันทร์เก็บเขามาจากไหน เด็กชายจำอดีตของตัวเองไม่ได้เลย กมุทถูกสะกดไว้ในตะกรุดมาหลายสิบปี รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง เขาเห็นผีดุร้ายมักฉีกกระชากเนื้อกินกันด้วยเจิมจันทร์เลี้ยงอดๆ อยากๆ เด็กชายก็เคยตกเป็นเป้าหมาย มีผีหลายตัวอยากกินเขาเหมือนกันด้วยเป็นเด็กเนื้ออ่อนเคี้ยวง่าย แต่ไม่มีผีตัวไหนจับเขาได้ เพราะเขาวิ่งหนีไวที่สุดในบ้าน
เมื่อดีเลิศถือกำเนิด เจิมจันทร์จึงเห็นความสามารถของกมุท นางมอบตะกรุดให้หลานรักพกไว้ติดตัวเพื่อป้องกันภัย กมุทช่วยเหลือดีเลิศมาตั้งแต่เยาว์วัย คอยดึงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับเขา ไม่ว่าจะรถเฉี่ยว กิ่งไม้ร่วงใส่ หรืออุบัติเหตุอะไรก็ตาม ดีเลิศจะรอดตัวได้ราวปาฏิหาริย์ จนใครๆ ก็พากันแซวว่าดวงของเขาดีเลิศสมชื่อ
กมุททำงานดีมาตลอดไม่เคยเลยที่ดีเลิศจะเจ็บตัว
กระทั่งชายหนุ่มคบหากับบัวบุษบา กมุทก็มีอีกงานที่ต้องทำคือรายงานความเคลื่อนไหวของดีเลิศและบัวบุษบาให้เจิมจันทร์รับทราบเพื่อหาวิธีขัดขวาง นี่กุมารน้อยว่างงานมาสี่ปี ช่วงสี่ปีมานี้เขามีเวลามากมายที่จะเล่นกับผีพรายดีๆ ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพี่นพสุดหล่อ หรือธัญญาคนสวย
แต่ได้กลับมาทำงานเขาก็ชอบ เพราะกมุทชอบบัวบุษบา...
เธอทั้งอบอุ่น อ่อนโยน ใจดี กมุทอยากมีมารดาแบบบัวบุษบา แม้รู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตาม
‘เพิ่งมาได้สองวัน ก็ทำให้แม่นายกับคุณโตเกือบมีปัญหาเลยนะเจ้าคะ อยู่นานๆ ไป มันคงไม่เห็นหัวแม่นายเป็นแน่’
พวงเอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจผู้เป็นนาย พลางยื่นมือไปทำท่าบีบนวดอย่างประจบสอพลอ และคำพูดนั้นตรงใจเจิมจันทร์เป็นที่สุด!
ต่อหน้านาง บัวบุษบาทำเป็นเรียบร้อยว่าง่าย แต่ลับหลังหล่อนคงใส่ไฟให้ดีเลิศเกลียดนางเป็นแน่!
“มันจะไม่มีวันทำอย่างนั้นได้” เจิมจันทร์พูดลอดไรฟันอย่างเจ็บแค้น “ฉันจะไสหัวมันออกไปจากชีวิตพ่อโตให้ได้! ไอ้กมุท! อย่าให้อีนั่นทิ้งตะกรุดของกูเด็ดขาด หาไม่แล้วกูจะเฆี่ยนมึงให้หลังลาย หากมันดื้อด้านจะเอาตะกรุดออกจากห้อง มึงจะตัดแขนตัดขามันก็ได้ กูไม่ว่า!”
กมุทก้มลงกราบเจิมจันทร์ ก่อนสลายกลายเป็นควันสีชมพูอ่อนลอยหายไป
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ธ.ค. 2561, 09:00:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ธ.ค. 2561, 09:00:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 760
<< บทที่ 2 ตะกรุดผีสิง -100% | บทที่ 3 สามีที่ไร้รัก -100% >> |