เปลวไฟในกระแสลม
ชีวิตชายหนุ่ม หล่อ พ่อรวย แต่กลับดวงซวย โชกเลือด ชุ่มเหงื่อ และหยาดน้ำตา แถมฉ่ำรักใคร่เสน่หา เกิดราศีเมถุน ตำราโหราศาสตร์ว่าเกิดในธาตุลม

ชะตาชีวิตผกผันพบเจอเธอ หญิงสาวราศีเมษอันเป็นธาตุไฟ เกิดปลายเดือนมีนา รักเคารพบิดา แต่ดวงชะตาความรักแย่ บิดาไม่อยากฝากอนาคตที่เธอ หากแต่จะยกมรดกให้หลานชาย อันเกิดเป็นลูกของเธอ โดยหาว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตไว้ให้

เธอให้มิตรภาพเป็นเพื่อนแท้ ร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมแก๊ง ‘เฮอริเคน’ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งค้นเจอ เธอคือคนที่ ‘ใช่’ เขาจึงเหมือนกระแสลมแรง เปลี่ยนแปลงจากมิตรแท้ ร่วมทางสู่คู่ครองชั่วชีวิต

จึงเป็นที่มาของชื่อเรื่อง ‘เปลวไฟในกระแสลม’
Tags: กุ๊กกิ๊ก, หวานแหวว, บู๊, แอคชั่น, คอมเมดี้, ตลกขบขัน, ไตรติมา, รวย, หล่อ, เท่ห์,

ตอน: ตอน 10 ยังไม่รู้จัก


..........บรรณาการ กลวงศา เป็นทนายความประจำตระกูล เถาทองวิวัฒนา อย่างกับเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อของเขา

ซึ่งปัจจุบันเกษียณตัวเองถอยออกไปเป็นที่ปรึกษาให้ลูก

“ผมมีของฝากมาให้ป้าเขียวหวาน แม่ครัวคนเก่งไก่ย่างรมควันอบน้ำผึ้งครับ”

บรรณาการเข้านอกออก สนิทกับทุกคนในบ้านเป็นอย่างดี

“เอามาให้บ่อยเลย เกรงใจค่ะ คราวหน้าไม่ต้องหรอกนะคะ”

“โธ่แม่ อย่าปฏิเสธสิ คุณบรรณาการเขามีน้ำใจ ยังไงก็รีบรับไว้ก่อน”

หวานใจรีบมาต้อนรับ กอดแขนยิ้มร่า

เธอมักจะนึกทึกทักเข้าข้างตัวเองว่าหนุ่มทนายคนนี้มีใจให้ เลยเพียรมาประจบเข้าทางแม่ของเธอ เพื่อหมายจะจีบเธออย่างจริงจัง

แต่พักหลังๆ ชักนึกลังเล เมื่อเขาแกะแขนเธอที่เกาะแขนเขาออก แล้วปลีกตัวหนีไปดื้อๆ

“ผมขอไปพบคุณมาลัยวรรณหน่อยนะครับ”

ขณะเดียวกันข้างสระน้ำ คุณมาลัยวรรณสีหน้าไม่สู้ดี

“ฉันต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ให้ไม่ได้จริงๆ ฉันมีหน้าที่ต้องเก็บรักษาเครื่องเพชรประจำตระกูล”

คุณมาลัยวรรณกำลังคุยทางมือถือกับคุณจันทรา ด้วยสีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด

“ยัยปลายนภางค์กำลังจะจบมหาวิทยาลัย พอคุณคล้ายกลับมาฉันจะขอให้จัดงานเลี้ยงฉลองจบการศึกษาให้ลูกสาวคนโตของเขา ฉันแค่ขอยืมเครื่องเพชรประจำตระกูลไปใส่ในงานชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ใช้เสร็จแล้วจะรีบมาคืนเลย แค่นี้ให้ยืมกันไม่ได้หรือไงคะ อย่าลืมว่าฉันเป็นเมียเก่าที่มาก่อน ตัวเองเป็นคนมาทีหลังน่าจะให้เกียรติ์ฉันบ้าง”

คุณมาลัยวรรณไม่เคยมีความร่าเริงในหัวใจตลอดมานับตั้งแต่สามี มีเมียใหม่อีกคน

อีกทั้งเมียเก็บเจ้าเก่าคอยมาทำตีสนิทแบบปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอก็ให้เศร้าเหงา

ยิ่งบุตรสาวเพียงคนเดียวไปอยู่ต่างแดนแสนไกล... เหมือนโลกนี้มีตัวเองเพียงผู้เดียวไร้คนเหลียวแล

“สวัสดีครับคุณมาลัยวรรณ กำลังทำอะไรอยู่ครับ เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ”

“กำลังดูอัลบั้มรูปถ่ายสมัยก่อน แต่พอดีคุณจันทราโทรมา ช่างมันเถอะค่ะ”

บรรณาการเข้าใจได้ทันที

เรื่องราวระหว่างเมียหลวงเมียน้อยเป็นปัญหาโลกแตกตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ จะให้ดีต่อกันอย่างจริงใจนั้นมันเป็นเรื่องยาก

“ตอนวัยรุ่นอายุสิบเจ็ด แถวบ้านมีประกวดนางนพมาศ มีแต่คนเชียร์ให้ฉันเข้าประกวด แล้วก็ได้ตำแหน่งที่หนึ่งมาครอง เจอคุณคล้ายในวันนั้น เขาบอกรักฉันตั้งแต่แรกพบ ถ้าไม่พบกันวันนั้นคงดี ไม่ต้องมีวันที่มาเป็นอย่างนี้ แต่ฉันไม่เคยเสียใจได้มีลูกสาวเพียงคนเดียว ปลายมีนาถึงจะไม่ได้เป็นลูกผู้ชายอย่างที่คุณคล้ายหวัง แต่เขาเกิดมาเป็นเหมือนเพื่อน ทำให้ฉันยิ้มได้เสมอ ถึงแม้จะยุ่งยากใจบ้างกับนิสัยล้นๆ เกินๆ แต่ไม่เคยเหงาเมื่อมีเขาอยู่ด้วย ขอโทษที่พูดพล่ามไป ฉันอายุมากสามสิบห้าแล้วนี่นะจะมีเรื่องคุยหวานแหววอย่างสาวรุ่นได้ไง คงทำให้คุณบรรณาการเบื่อ”

เรื่องราวในอดีตคือคุณมาลัยวรรณพบรักปุ๊บปั๊บ

พ่อแม่ก็ยกใส่พานให้คุณคล้ายพิพัฒน์ได้แต่งงานกันหลังรู้จักไม่ทันข้ามเดือน

หลังจากนั้นเก้าเดือนก็คลอดปลายมีนาก่อนครบรอบวันเกิดตัวเองสองวัน

ซึ่งคุณมาลัยวรรณเกิดในวันที่ 28 มีนาคม อายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ได้จดทะเบียนสมรสหลังจากนั้น

“ผมชอบฟังเรื่องเก่าๆ เล่ามาเถอะครับ ผมเองก็เอ็นดูคุณปลาย ไม่เคยโกรธเคืองหรือคิดติดใจเอาความอะไรกับเธอ เห็นเธอยังเป็นเด็กเล็กอยู่วันยังค่ำ”

“มียัยปลายนี่ล่ะที่รักที่หวงห่วงฉัน คิดอะไรไปไกลกลัวคุณบรรณาการจะมาแย่งแม่ไป หึ หึ... ไม่มีใครเอาหรอก มีแต่คนเขาทอดทิ้ง ปล่อยไว้กับบ้านร้าง อย่างกับไม่มีคนอยู่นี่ล่ะ”

คุณมาลัยวรรณพูดไปยิ้มไปแบบแห้งแล้ง เป็นยิ้มเหงาๆ ชวนเศร้า สงสารอย่างเหลือพรรณนา

เวลาเธอเศร้าเขาก็เศร้า

เวลาเธอเจ็บเธอเหงาเขาพร้อมเข้าใจเสมอ

อีกทั้งรับความรู้สึกเหล่านั้นมาใส่ใจเก็บไว้ คิดถึง คิดถึง...

ทุกวันหมั่นมาเยี่ยมเยียนให้ได้เห็นหน้าแม้ว่าจะไม่มีสิทธิ์

สายเกินจะผูกพันไกลเกินใฝ่ฝันเมื่อเธอเป็นภรรยาของเจ้านาย

ไม่อาจหมายปองแต่กลับอดเหลียวมองไม่ได้ ชายตาชำเลืองช้าๆ สังเกตดูใบหน้าสวยนวลที่มีสีหน้าหม่นหมองเหม่อมองเลื่อนลอยนั้นแล้วลอบถอนใจกับสาวใหญ่ในวัยที่ยังดูเยาว์กว่าอายุมากนัก

“ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยรักใครมากไปกว่าพ่อแม่และพี่ชาย ครอบครัวผมอบอุ่นทั้งพ่อแม่ยังรักกันยันแก่เฒ่า เห็นครอบครัวคุณมาลัยวรรณพรั่งพร้อมสมบูรณ์ทรัพย์สินเงินทองแต่กลับขาดความอบอุ่น ผมนึกเห็นใจคุณมาลัยวรรณเสมอนะครับ”

ถึงช่วงเวลาแบบนี้บรรณาการนึกอยากปลอบใจ ใครจะมาเห็นก็ช่าง อุ้งมือใหญ่ให้สัมผัสอบอุ่นนุ่มนวล วางมือทาบทับกับมือเล็กของเจ้านายผู้หญิงแสนเศร้า

“คิดว่าผมเป็นเพื่อนสักคนเถอะนะครับ ถึงแม้ผมจะเป็นเพียงลูกจ้างต่ำต้อย แต่ผมก็มีใจ... มอบความจงรักภักดีให้เจ้านาย เห็นเป็นทุกข์ร้อนแล้วผมอยากช่วยผ่อนคลาย ระบายอะไรให้ผมฟังบ้างก็ได้ วางใจผมได้นะครับ เรื่องความลับจะไม่ถูกแพร่งพราย”



..........หวานใจได้เห็นเต็มสองตา ได้ยินเต็มสองรูหู รู้แน่แก่ใจว่าตนเองหมดความหวัง...

ต้องกลับไปนั่งซดน้ำแห้ว หวานใจแอบอยู่หลังพุ่มไม้คอยจับตาดูอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะเตี้ยและเตียงนั่งข้างสระน้ำที่บรรณาการคุยอยู่กับคุณมาลัยวรรณ

“เฮ้ย... นางหวานใจ เรียกไม่ได้ยินรึไง ต้องให้ออกมาตาม ไปรับโทรศัพท์ที่ห้องรับแขกโน่น”

เขียวหวานเดินออกมานอกบ้านเพื่อตามตัวลูกสาว

“หวานใจ พูดค่ะ”

“นี่ฉันเอง ปลายมีนา ที่แต่งตั้งให้พี่หวานใจเป็นหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ เหตุการณ์คืบหน้าไปยังไงบ้าง”

ย้อนความหลังแต่ก่อนนั้น...

ยามปกติปลายมีนาจะอารมณ์ดี กับคนรับใช้ใกล้ชิดเสมอ

หวานใจนึกหลงดีใจไปเองว่า...

“ให้พี่หวานเป็นหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ สำหรับคุณปลาย อย่างนั้นแสดงว่า... จะมีลูกน้องให้พี่หวานชี้นิ้วสั่งการใช่ไหมคะ”

“มีพี่หวานเป็นหัวหน้าอยู่คนเดียวค่ะ ทำงานสะดวก รักษาความลับง่าย มากคนเดี๋ยวความลับรั่วไหล”

“โถ่... นึกว่าจะได้เป็นเจ้าคนนายคน เป็นใหญ่เป็นโตกะเขาบ้าง”

“ไม่ต้องห่วง รับทรัพย์คนเดียวจะได้ไม่ต้องแบ่งลูกน้อง โบนัสหนักนะพี่หวาน”

หวานใจตาโตกับเงินๆ ทองๆ เป็นความหวังขึ้นมาอีกแล้ว คอยรายงานข่าวกรองของบรรณาการ และคอยอยู่รับใช้ใกล้ชิดคุณมาลัยวรรณ เวลาบรรณาการมาหาคุณมาลัยวรรณ

ถึงสิ้นปี... ปลายมีนาให้โบนัสหนัก ‘โอ่งออมสิน’ ขนาดเล็กกว่าไหกระเทียมนิดหนึ่ง มีเงินใส่ไว้ให้พันห้าร้อยบาท แต่เงินภายในนั้นน้อยกว่าที่ใจหวังไว้

“เนี่ยนะ... โบนัสหนักของคุณปลาย”

“มันถูกสั่งทำจากโรงงานปั้นโอ่ง จังหวัดราชบุรีเชียวนะ ทำเป็นพิเศษเฉพาะพี่หวานใจเลยนะนี่ เขียนสีน้ำมันลายเครือเถา ประดับด้วยดอกไม้ปูนปั้นหลายสี ดูสวยงามดีจะตาย”

ความสนิทสนมเข้ากันได้ดีระหว่างเจ้านายปลายมีนากับลูกน้องหวานใจเปรียบเทียบแล้วเหมือน... ‘พริกกับเกลือ’ เข้ากันได้อย่างไม่ขาดไม่เหลือ ทั้งเผ็ดทั้งเค็มพอดีกัน

ในวันนี้... หวานใจไม่มีอารมณ์ขำขันเล่นหัวด้วย

“คุณบรรณาการมาที่นี่ทุกวันนึกว่ามาจีบพี่หวานเสียอีก ที่แท้ทำบัดสีเป็นคนไม่ดี หน้าซื่อใจคด เจ้านายไม่อยู่บ้าน แอบมาตีท้ายครัว ถึงขนาดลูบคลำมือคุณมาลัยวรรณ สารภาพรักกันเมื่อตะกี้นี้เองค่ะ เย็นนี้คงอยู่ทานอาหารค่ำด้วย ได้กินฟรีอีก คิดแล้วพี่หวานเจ็บใจ อกหัก... รู้หน้าไม่รู้ใจ คุณปลายต้องหาทางจัดการเรื่องนี้นะคะ ขืนปล่อยไว้ยิ่งใกล้ชิดกันทุกวัน มันอันตรายค่ะ”

“เป็นอย่างที่ปลายสังหรณ์ใจไว้ล่วงหน้า เอาล่ะแค่นี้ก่อน แล้วปลายจะคิดหาทางจัดการเอง”



..........บาคาดาส ผับใหญ่ใกล้ย่านรปปงงิ

ปลายมีนาเพิ่งได้ปลีกตัวออกมาจากผับ เพื่อโทรกลับไปเมืองไทยเพราะความห่วงใยในตัวผู้เป็นแม่ของเธอ

ที่จริงวันนี้เป็นวันดีเธอน่าจะสดชื่นรื่นเริงมีความสุขมากกว่านี้ที่ได้มาเลี้ยงฉลองความสำเร็จในการสอบเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย

แล้วจึงเดินกลับเข้าไปในผับ สีหน้ายับหัวคิ้วขมวดย่นชนกัน เขม็งตาหรี่ เม้มริมฝีปากปิดแน่น

ไม่ต้องบอกใครเห็นหน้าต้องรู้ทันทีว่าเธอกำลังโมโห ยกแก้วไวน์ทรงสูงขึ้นดื่ม แต่น้ำที่ดื่มคือนมเปรี้ยวปนโซดา ดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แล้วตั้งกระแทกโต๊ะโดยจงใจใส่อารมณ์โกรธ

“เปรี๊ยะ...”

เสียงแก้วไวน์ร้าว... แทบแตก

“โมโหอะไรมาพี่ปลาย วันนี้เลี้ยงฉลองที่พี่ปลายสอบเข้าได้ มหาวิทยาลัยเคโอ คณะภาษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยติดอันดับท็อปของญี่ปุ่นเชียวนา”

คล้ายอรรณพถามผู้เป็นพี่สาว ทำหน้าตื่นตกใจ

“ใช่... น่าจะดีใจอย่างเดียว ไปอารมณ์เสียที่ไหนมา”

ฮิโตมิถาม สังเกตสีหน้าปลายมีนาอยู่เช่นกัน

“ไม่มีอารมณ์จะตอบ”

ปลายมีนาทำสีหน้าหงิกงอต่อไปอีก

คุณคล้ายพิพัฒน์จะอ้าปากถาม ก็พอดีเสียงดังอึกทึกครึกโครม

“ตึง ตึง ตึง ตะละลึง ตึ๊ง ตึ่ง...”

“หนวกหู ชิ...หา... เพลงอะไรของมันวะ”

คุณคล้ายพิพัฒน์ไม่ค่อยพอใจกับดนตรีแนวร็อก เจอเข้าอย่างนี้จึงบ่น

ราวกับเป็นลางสังหรณ์ล่วงหน้าโดยไม่รู้ตัวของคนที่จะเป็นพ่อตา ย่อมไม่ถูกชะตาว่าที่ลูกเขยคนใดคนหนึ่งในจำนวนนักดนตรีนั้น

“พบกับมือกลองของเรา เร็น ครับ ต่อไปมือคีย์บอร์ด ฮาย ฮายาโตะ มือเบส ไคโตะ กีตาร์ อะซาฮิ และผมนักร้องนำสุดหล่อ คาร์ล ครับ วงร็อกของเราชื่อ BK SHARK”

คาร์ลประกาศ ประกอบโซโล่เครื่องดนตรี ตามตำแหน่งของแต่ละคน ดึงม่านเปิดป้ายชื่อวงดนตรีของพวกเขา

“กรี๊ดดด...”

เสียงดังลั่นของกลุ่มแฟนเพลงที่พากันมาเชียร์

โต๊ะใหญ่ที่เต็มไปด้วยบรรดานางแบบสาวไม่ต่ำกว่าสี่ห้าคน ในจำนวนนั้นมี มาร์กาเร็ต แพตตี้ และยูกิ ทั้งไฮยาโตะ นั่งอยู่รวมกันที่โต๊ะนี้ด้วย พวกเขานั่งข้างเวทีมุมในสุดโต๊ะขวามือ โดยหันหลังให้ฝั่งซ้ายมือ

ซึ่งเป็นโต๊ะของครอบครัวปลายมีนานั่งรวมอยู่กับคล้ายอรรณพ ฮิโตมิ เรย์ยะ และคุณคล้ายพิพัฒน์

“อะมีนะ... ไม่แวะไปทักทายยายฮิโตมิที่ฉกพี่เรย์ยะแฟนเก่าเธอไปหน่อยรึ”

เพื่อนสาวสองคนพยักพเยิดให้ พร้อมทั้งเอ่ยเย้าเล่น ทั้งสามสาวนั่งโต๊ะใกล้ทางเดินเข้าออกประตูผับ

“คนที่ฉันทิ้งก็เหมือนทิชชู่ที่เช็ดแล้วทิ้ง ...ไม่มีคุณค่า ฉันไม่ไปเสวนาด้วยแน่”

“เธอทิ้งเขา รึว่าเขาทิ้งเธอล่ะ”

เพื่อนแค่แซวเล่นขำขัน ไม่คิดกระแนกระแหนแม้แต่น้อย

แต่คนหงุดหงิดย่อมพาลใส่ได้เสมอ ทำถลึงตาโตดุให้ไม่รับมุขด้วย

บนเวทีมีนักดนตรีเล่นกันอย่างสนุกสนาน สร้างความบันเทิงเป็นการเรียกแขกให้แวะเข้ามาในผับ

“เสียงดังจริง มาเข้าไอ้ผับนี้ได้ไง อยากจะบ้า...”

ปลายมีนาหน้างอกล่าวคำสบถ

พวกเขาอยู่พร้อมหน้าในผับเดียวกัน ต่างไม่รู้จักกันในวันนี้ ใช่... แค่วันนี้ที่ไม่รู้จัก แต่วันหน้า ...แน่นอนต้องได้เจอกันและมันจะเป็นเรื่องยาว...

.



ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ธ.ค. 2561, 14:13:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ธ.ค. 2561, 14:13:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 732





<< ตอน 9 ปืนเถื่อน   ตอน 11 แฟนใหม่ >>
ไตรติมา 8 ธ.ค. 2561, 14:15:30 น.
โปรดกดไลค์เพจนิยายไตรติมา >>
https://www.facebook.com/oranamarinlove
ฝากไว้ให้ดาวน์โหลดอีบุ๊กกัน ผลงานซีรีย์ชุดเปลวไฟในกระแสลม
https://www.mebmarket.com/ebook-61157-อสูรซ่านสวาท
https://www.mebmarket.com/ebook-39000-พิศวาสซ้อนซ่อนชัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account