ราคีสีเพลิง:รังสี ดุจดาริน รางนาก(ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ดีเลิศ’ และ ‘บัวบุษบา’ แต่งงานกันท่ามกลางความขัดแย้งของสองตระกูล
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!

หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!

*******************

ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ


*******************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)

ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***


*******************

หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)

*******************

จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)

Tags: ผี ดราม่า ริษยา โรมานซ์ กลับชาติมาเกิด คุณไสย

ตอน: บทที่ 11 เรื่องราวของ ‘อุบล’ -100%

วันนี้มาแจ้งข่าวก่อนเลยค่ะ เล่มตัวอย่าง ‘ราคีสีเพลิง’ มาแล้ววววว แอดมินลงรูปในเพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’ เรียบร้อยค่ะ ใครสั่งจองไว้เตรียมรอรับ อิอิ พร้อมส่งราวๆ ต้นเดือนกุมภานะคะ

**เปิดจองถึงสิ้นเดือนมกราคม 2562**

เล่มนี้จำนวนหน้าไม่เยอะค่ะ ราคาย่อมเยา 205 บาท (จาก218บาท) ส่งฟรีแบบลงทะเบียนค่ะ


***************


“ขณะนั้นพระเจ้าซุนเหลียงพระชนม์สิบเจ็ดขวบ เห็นซุนหลิมฆ่าพี่น้องกึ่งจูเสียดังนั้นก็คิดสังเวชพระทัยนัก วันหนึ่งเสด็จออกไปประพาสสวนข้างทิศตะวันออกคิดจะเสวยน้ำผึ้งจึงให้อองปุนไปเอาน้ำผึ้ง อองปุนไปเบิกน้ำผึ้งมาจากเจ้าพนักงานแล้ว เมื่อจะถวายจึงเอามูลหนูใส่ลงในน้ำผึ้งสองเม็ด...”

เสียงอ่านไพเราะหยุดลงเมื่อบัวบุษบาได้ยินเสียงกรนของทวดแสงแว่วมา หญิงสาววางหนังสือสามก๊กของคุณทวดลงบนตัก ใบหน้าสวยหวานมีรอยยิ้มเมื่อเห็นท่านพริ้มตาหลับไป เธอส่งหนังสือเล่มหนาให้เด็กรับใช้นำไปเก็บบนชั้น ก่อนหยิบผ้าห่มแพรสีชมพูอ่อนมาห่มให้ท่าน แล้วอยู่ปรนนิบัติพัดวีต่ออย่างไม่เบื่อหน่าย

ทวดแสงแม้จะแข็งแรงแต่อายุอานามก็ใกล้ฝั่งเต็มทีแล้ว ท่านอ่อนวัยกว่าหลวงตาวัดขุนนางซึ่งเพิ่งมรณภาพไปเพียงสิบสามปีเท่านั้น

“อุ๊ย คุณตาหลับเสียแล้ว แหม แม่อุตส่าห์ร้อยมาลัยมาให้”

บุษบงถือมาลัยดอกมะลิหอมสำหรับถวายพระขึ้นมาเพราะรู้ว่าคุณตาแสงชอบไหว้พระสวดมนต์

“เอ้าบัว แม่ฝากให้คุณตาหน่อย เดี๋ยวท่านตื่นมาก็คงเข้าไปสวดมนต์ในห้องพระ ใกล้เวลาสวดมนต์ของท่านแล้ว”

“ค่ะแม่” บัวบุษบารับมาลัยหอมละมุนมาวางไว้บนพานทอง ก่อนลุกเดินดูรูปถ่ายตามผนังบ้านระหว่างรอคุณตางีบหลับ ซึ่งแต่ละครั้งท่านจะหลับไปเพียงไม่นาน

เสียงพัดลมตั้งพื้นดังแกรกกราก เสียงบุษบงเอ็ดเด็กรับใช้ในครัวดังแว่วมาเพราะไม่ได้ดั่งใจ แม้ประเทศไทยจะมีสามฤดูคือร้อนน้อย ร้อนปานกลาง ไปจนถึงร้อนมาก แต่บ้านมิ่งมงคลไม่ร้อนจัด ด้วยตั้งอยู่ในสุมทุมพุ่มไม้และด้านหลังบ้านยาวออกไปเป็นสวนขนาดใหญ่ มิหนำซ้ำใกล้บ้านยังมีสระบัวหลวงของบ้านเสน่ห์จันทน์ เมื่อลมพัดผ่านละอองน้ำจากสระบัวจะให้ความชุ่มเย็น จึงนับว่าที่นี่อากาศดีจนไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศ

บัวบุษบายิ้มกับบรรยากาศที่ไม่เปลี่ยนไปจากยามเธอเป็นเด็กเลยแม้แต่น้อย

หญิงสาวหยุดมองภาพลูกสาวทั้งสองของทวดแสง คนหนึ่ง หน้ากลมยิ้มแฉล้มมีชื่อว่า ‘อุบล’ เป็นพี่สาวคนโต แต่อุบลอายุสั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่บุษบงยังไม่เกิด ด้วยสาเหตุใดบัวบุษบาไม่รู้และไม่ได้สนใจเพราะเรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว ส่วนอีกคนผอมกว่าและหน้าตอบเล็กน้อยชื่อ ‘ชบา’  เป็นมารดาของบุษบง ดังนั้นจึงมีศักดิ์เป็นยายแท้ๆ ของเธอ

คุณยายชบาเพิ่งเสียไปก่อนบัวบุษบาเดินทางไปปีนัง ท่านเสียด้วยโรคมะเร็งในวัยหกสิบแปดปี หลังจากนั้นคุณตาของเธอก็ตรอมใจแล้วเสีย ชีวิตตามไปด้วยอีกคนในปีเดียวกัน ยังความเสียใจให้บ้านมิ่งมงคลยิ่งนัก บัวบุษบาตัดสินใจยากมากตอนที่จะเดินทาง แต่บุษบงก็ไล่ให้ไปด้วยเหตุผลที่ว่ามีแม่แค่คนเดียวก็ดูแลคนทั้งบ้านได้ รวมถึงทวดแสงด้วย แต่หากดีเลิศไม่มีบัวบุษบาเขาอาจไม่มีกำลังใจในการทำงาน

“อุบล...”

เสียงครางอย่างเจ็บปวดดังมาจากด้านหลัง หญิงสาวจึงหันกลับไป แล้วสืบเท้าเร็วๆ เข้าไปนั่งข้างเก้าอี้หวายของชายชรา

“ระวังอีเจิม ลูก...อย่าไว้ใจอีเจิม!”

ทวดแสงตะโกนลั่น น้ำตาไหลพรากอาบแก้มแต่ก็ยังไม่ยอมตื่น

“คุณทวดคะ คุณทวด” บัวบุษบาพยายามปลุก ก่อนหัวใจดวงน้อยจะไหววาบเมื่อได้ยินทวดแสงละเมอออกมาหลังจากนั้น

“อีเจิม! มึงฆ่าลูกกู! อีอสรพิษ! มึงมันไม่ใช่คน! มึงฆ่าอุบลทำไม!!”

บัวบุษบานั่งตัวแข็งทื่อ ในขณะที่บุษบงวิ่งมาเขย่าตัวปลุกและทวดแสงก็รู้สึกตัวตื่น เขายกมือเหี่ยวย่นปาดน้ำตาออกจากแก้ม ก่อนสะอึกสะอื้นราวกับเด็กๆ และได้บุษบงอีกนั่นละที่ปลอบโยนคุณตาของนางราวกับปลอบลูกปลอบหลาน และใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะกล่อมให้ทวดแสงเข้าไปนอนพักผ่อนดีๆ ในห้องนอนเพราะเหนื่อยกับฝันร้ายมากเกินไป

“ได้ยินแล้วใช่ไหมลูก” แม้จะรู้ว่าบัวบุษบาได้ยินทั้งหมด แต่บุษบงก็อดหันไปถามย้ำไม่ได้

“ไม่ต้องสนใจนะบัว มันเป็นความเชื่อของคุณตา แต่ไม่มีพยานหลัก ฐาน ถึงป้าเจิมแกจะร้ายกาจ แต่ในเมื่อไม่สามารถพิสูจน์ได้ เราก็ปักใจเชื่อไม่ได้นะลูก จะเป็นบาปกรรมต่อกันเสียเปล่าๆ”

บัวบุษบาเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง ก่อนถาม

“ทำไมคุณทวดถึงมั่นใจขนาดนั้นล่ะคะแม่”

บุษบงถอนหายใจ จูงมือบุตรสาวออกมาคุยกันที่มุขแปดเหลี่ยมหน้าบ้านเพื่อให้ทวดแสงได้นอนหลับพักผ่อนโดยไม่ถูกรบกวน

“ลูกอาจไม่เคยรู้ แต่คุณป้าอุบลเคยสนิทสนมกับป้าเจิมมาก เป็นเพื่อนรักเพื่อนตาย คลุกคลีกันมาตั้งแต่เยาว์วัย”

บัวบุษบาเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ เป็นเรื่องที่เธอคาดไม่ถึงจริงๆ

“คุณป้าอุบลกับคุณแม่แต่งงานในเวลาไล่เลี่ยกัน ตั้งครรภ์พร้อมๆ กัน แต่แล้ววันหนึ่งคุณป้าอุบลก็หายตัวไป คุณแม่เคยเล่าว่าบ้านเราตามหากันอยู่หลายวัน ก่อนจะพบเป็นศพในสระบัวของบ้านเสน่ห์จันทน์ แต่ก็จับมือใครดมไม่ได้เพราะช่วงนั้นบ้านเสน่ห์จันทน์ไม่มีใครอยู่ ป้าเจิมก็มีหลัก ฐานที่อยู่ว่าออกท่องเที่ยวอยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้กลับบ้านมานานหลายเดือนแล้ว ตำรวจเลยสรุปคดีว่าอาจถูกฆ่าชิงทรัพย์ แต่ที่ศพคุณป้าอุบลถูกควักเด็กออกไปก็อาจเป็นการอำพรางคดี จนแล้วจนรอดก็จับคนร้ายไม่ได้จนคดีหมดอายุความไป”

บัวบุษบายกมือขึ้นปิดปากด้วยความตระหนก ภาพความฝันฉายวาบเข้ามาในสมอง หรือว่า...หญิงตั้งครรภ์ในฝันของเธอคือคุณยายอุบลที่ถูกฆาตกรรม หรือว่าวิญญาณของคุณยายอุบลจะยังวนเวียนอยู่ด้วยความเจ็บปวดและแค้นเคืองฆาตกรกันนะ

ผีไม่มีจริง... ดีเลิศคอยบอกเสมอ

แต่สิ่งที่เธอฝันเห็นทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องนี้มาก่อน และสิ่งแปลกประหลาดในบ้านเสน่ห์จันทน์ที่เธอเจอ ก็สั่นคลอนความพยายามเชื่อคำพูดของสามี หากไม่ใช่การกระทำของ ‘ผี’ เธอก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายทั้งหมดนี้ว่าอย่างไรเหมือนกัน

“แล้ว...” บัวบุษบาเอ่ยถามเสียงสั่น “ทำไมคุณทวดถึงมั่นใจว่าคุณยายเจิมเป็นคนฆ่าคุณยายอุบลคะ ทั้งที่คุณยายเจิมก็มีหลักฐานที่อยู่ชัดเจน”

บุษบงถอนหายใจ

“มันเป็นเรื่องที่แปลก และแม่ก็ไม่รู้ว่า คุณตาตาฝาดไปหรือเปล่า คุณตาพยายามบอกตำรวจว่าวันเกิดเหตุท่านเห็นป้าเจิมกลับมาที่เรือน แต่ทางนครสวรรค์ พนักงานรีสอร์ตที่ป้าเจิมพักอยู่ก็ยืนยันหนักแน่นว่าป้าเจิมเที่ยวอยู่ที่นั่นก่อนเกิดเหตุหลายวันแล้ว ไม่ได้ไปไหนเลย และหลังเกิดเหตุป้าเจิมก็ยังอยู่นครสวรรค์ด้วย ซึ่งคำให้การของคุณตากับพนักงานไม่ตรงกัน แต่คุณตาเป็นพ่อของคุณป้าอุบล ตำรวจจึงลงความเห็นว่าเพราะลูกสาวตายในบ้านเสน่ห์จันทน์ ท่านเลยฟาดงวงฟาดงาใส่เจ้าของบ้าน ในขณะที่ฝั่งพนักงานรีสอร์ตเขาไม่ได้เป็นญาติใคร คุณตาสงสัยว่าป้าเจิมยัดเงินพนักงานให้ให้การเท็จ แต่ร้านขายของและคนแถวนั้นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าป้าเจิมไม่ได้ออกจากนครสวรรค์เลย เห็นกันอยู่ทุกวัน ป้าเจิมเป็นคนสวย ไปที่ไหนใครๆ ก็จำได้”

“ตำรวจก็เลยไม่เชื่อคุณทวด...” บัวบุษบาสรุป

“ไม่ใช่แค่ตำรวจ พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ว่าคุณตาท่านตาฝาดหรือเปล่า แม่เชื่อนะว่าท่านพูดความจริงไม่ได้ใส่ร้ายปรักปรำใคร แต่ความเข้าใจผิดก็เกิดขึ้นได้ แม่จึงไม่อยากให้ลูกสรุปโดยไม่รู้จริงเพราะเรื่องมันนานมาแล้ว ตั้งแต่แม่ยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ”

บัวบุษบาพยักหน้า รอยตาครุ่นคิดกังวล

“พูดถึงคุณป้าอุบล สามีของท่านก็น่าสงสาร หลังคุณป้าเสียชีวิตไป คุณลุงนทีก็เหม่อลอย เห็นว่าผ่านไปแค่ไม่นานท่านก็ตกบันไดคอหักตาย อ้อ! ท่านตายวันเดียวกับที่ป้าเจิมแต่งงานกับลุงเดชเลย”

บัวบุษบาฟังมารดารื้อฟื้นความหลังอีกพักใหญ่ แต่ในหัวใจเต็มไปด้วยคำถามว่าจริงหรือไม่ที่ว่า...เจิมจันทร์ร้ายกาจถึงกับสังหารเพื่อนรักของตนเองได้ลงคอ!



************



“คุณบัวไปบ้านมิ่งมงคลมาอีกแล้วเหรอครับ”

สมคิดทิ้งมีดดายหญ้าลงบนพื้น วิ่งเหยาะๆ เข้าไปหาบัวบุษบาหวังจะช่วยรับตะกร้าผลไม้และตะกร้าขนมหวานมาถือเอาไว้

ระหว่างนั้นสมคิดก็มองขนมทองเอกตาวาวน้ำลายสอด้วยอยากรับประทาน เพราะได้มีโอกาสชิมฝีมือการทำขนมไทยตำรับชาววังของบุษบงหลายครั้ง อีกทั้งผลไม้จากสวนของลุงบารมีก็หอมหวาน อร่อยกว่าที่เขาขายกันตามซูเปอร์มาร์เก็ตเสียอีก ทุกวันที่เห็นบัวบุษบากลับมาจากบ้านมิ่งมงคล สมคิดจึงคอยืดคอยาวกระตือรือร้นมารับหญิงสาว

ผิดกับคุณท่านของสมคิด ที่อย่าว่าแต่รอเลย ของที่บัวบุษบานำมาฝากจากบ้านโน้น เจิมจันทร์ไม่อยากแม้แต่จะแตะต้อง ส่วนวิรงรองก็รักษาหุ่น ทำท่าสะอิดสะเอียนของหวานราวกับเป็นยาพิษ ขนมและผลไม้ที่เหลือจึงมักตกเป็นของสมคิดและครอบครัวของเขาอยู่เสมอ

“นี่จ้ะสมคิด” บัวบุษบาแบ่งของในมือให้ชายหนุ่มคนสวนช่วยถือ

“อ้อ ส้มโอลูกโตๆ นั่นคุณพ่อฉันฝากมาให้สมคิดโดยเฉพาะเลยนะ”

“โห ขอบคุณครับ”

สมคิดตาโตด้วยความดีใจ บารมีแม้จะดูน่ากลัวแต่ก็ใจดี เวลาสมคิดเหงาๆ มักแอบไปนอนเล่นในสวนผลไม้ของบ้านมิ่งมงคล เพราะที่นั่นมีเสียงนกร้อง เหล่าสรรพสัตว์ตัวเล็กส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ต่างจากเรือนเสน่ห์จันทน์ซึ่งนกสักตัวยังไม่ยอมบินผ่านราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่

“คุณพ่อฝากยอดมะพร้าวอ่อนมาด้วย ฝากบอกแม่พิณให้ช่วยแกงเขียวหวานยอดมะพร้าวอ่อนให้ด้วยนะจ๊ะ จะได้กินกับขนมจีนของโปรดพี่โต”

“ได้ครับคุณบัว” สมคิดกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินว่าเย็นนี้จะมีแกงเขียวหวานร้อนๆ ราดขนมจีน แค่คิดกระเพาะก็ร้องโครกครากประจานว่าเขาเป็นคนตะกละ เสียงดังจนบัวบุษบาอมยิ้ม

“ท่าทางจะหิวนะ แบ่งขนมทองเอกไปกินก่อนได้เลย เหลือเสิร์ฟบนเรือนแค่นิดเดียวก็พอจ้ะ”

“ครับ!” สมคิดรับคำแข็งขัน รีบจ้ำอ้าวไปยังเรือนครัวทันที

บัวบุษบากลับขึ้นมาบนเรือนแล้ว แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อวิรงรองพรวดพราดเข้ามาดักหน้าเรือนนอน หญิงสาวถอนหายใจคล้ายเหนื่อยอ่อน

“กรุณาหลบไปคุณวิ ฉันจะกลับเข้าห้อง”

“ฉันก็ไม่อยากคุยกับเธอนักหรอก แต่เห็นเธอบ่นว่าอยากได้หลักฐานไม่ใช่เหรอ ฉันเลยช่วยสงเคราะห์ให้เอาบุญ เผื่อเธอจะได้ตาสว่างเสียที ว่าโง่เป็นควายมีเขางอกอยู่บนหัวยังไม่รู้ตัว” พูดจบวิรงรองก็ยื่นของสิ่งหนึ่งมาตรงหน้า

มันคือเอสดีการ์ดบันทึกฉากเร่าร้อนระหว่างหล่อนกับดีเลิศ!

บัวบุษบาหลุบตามองของในมืออีกฝ่ายครู่หนึ่งก็เมินใส่อย่างไม่ใส่ใจ วิรงรองหายใจฮึดฮัดไม่พอใจเมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้น แต่คิดหรือว่าคนอย่างวิรงรองจะยอม งานนี้เธอต้องกำจัดบัวบุษบาออกไปให้ได้

“ความไว้ใจมันใกล้กันนิดเดียวกับคำว่าโง่นะ รับไปสิ เผื่อเธอจะได้รู้จักผัวของเธอดีขึ้นไงล่ะ รับรองเลยว่าแซ่บถึงใจ”

วิรงรองหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ แค่คิดถึงคืนหวามที่ผ่านมา เธอก็ร้อนผ่าวเต็มไปด้วยความต้องการ คิดทีไรก็ขัดใจทุกที เธออยากให้ดีเลิศกอดเธอทุกคืน ไม่ใช่อาทิตย์ละวันอย่างที่เป็นอยู่

บัวบุษบาเอื้อมมือไปหยิบอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะปิดฉากสนทนาอันแสนไร้สาระด้วยการก้าวฉับๆ เข้าไปในเรือนนอนของตนแล้วปิดประตูทันที หญิงสาวโยนเอสดีการ์ดไว้บนโต๊ะอ่านหนังสืออย่างไม่แยแส

วิรงรองกัดฟันกรอด หน้าชาเมื่อถูกบัวบุษบาปิดประตูใส่หน้า

“ชูคอได้อีกไม่นานหรอก แกจะต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า คอยดู!”

ไฮโซสาวเดินไปหาเจิมจันทร์ที่ห้อง บอกเล่าให้หญิงสูงวัยทราบว่าเธอจัดการเขี่ยบัวบุษบาด้วยวิธีใด ซึ่งเจิมจันทร์หัวเราะชอบใจเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด

“หนูวินี่ฉลาดจริง”

“ก็ได้คุณยายคอยชี้แนะนี่คะ”

วิรงรองไม่รอช้าที่จะมอบความดีความชอบทั้งหมดให้หญิงสูงวัยอย่างประจบประแจง

“เข้าใจพูดนะหนูวิ”

เจิมจันทร์ยิ้มแต่ในใจกลับสบถคำหยาบคาย อีตอแหล

“คุณยายคะ เมื่อคืนวิมีความสุขมากเลย ถ้าวิจะขอคุณยายเพิ่มวัน...”

“ไม่ได้!”

เจิมจันทร์กระชากเสียงห้วนปฏิเสธทันทีโดยไม่รอให้หญิงสาวบอกความต้องการนั้นออกมาจนจบ

“อย่าโลภจนเสียการใหญ่ ยายบอกให้ทำแค่ไหนก็แค่นั้น ยายหวังว่าหนูวิคงเข้าใจ”

ใบหน้ายิ้มแย้มและท่าทางที่เป็นมิตรกลับแปรเปลี่ยน เจิมจันทร์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตากร้าวมองวิรงรองอย่างไม่พอใจ

“ค่ะคุณยาย วิเชื่อคุณยายทุกอย่างเลยค่ะ”

วิรงรองยิ้ม แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่พอใจเธอมากเพียงใด ทว่าภายในใจนั้นวิรงรองโกรธจนหัวใจเต้นแรง อีแก่! หวงหลานชายมึงนักใช่ไหม ได้! มึงคิดว่ามึงทำเสน่ห์เป็นคนเดียวหรือไง ไม่มีมึง กูก็หาคนอื่นทำให้ได้อยู่ดี!

“ยายดีใจนะที่หนูวิเป็นเด็กดีเชื่อฟังยาย” เจิมจันทร์ปรับสีหน้ายิ้มแย้มดังเดิมก่อนจะเลื่อนมือไปลูบศีรษะวิรงรอง

“เพราะคุณยายทำให้วิได้มีโอกาสอยู่กับพี่โต วิจึงเคารพและเชื่อฟังคุณยายค่ะ” หญิงสาวยิ้มกลับไป หญิงต่างวัยทั้งสองคนต่างยิ้มเสแสร้งให้กันและกัน ทว่าต่างคนต่างซ่อนมีดคมกริบเอาไว้ด้านหลัง

และพร้อมจะจ้วงแทงเมื่ออีกฝ่ายก้าวพลาดแค่นิดเดียว...


*******************

สั่งจองโดย inbox หาแอดมินเพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’ หรือ plaipakkabooks

**นอกจากนี้ มีร้านออนไลน์ที่ร่วมเปิดจองด้วยค่ะ เช่น booktogothailand และร้านนิยายรัก



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ม.ค. 2562, 10:52:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ม.ค. 2562, 10:52:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 587





<< บทที่ 10 ฝันร้ายของบัวบุษบา -100%   บทที่ 12 ความหลังครั้งอดีตชาติ -50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account