A castle wall *กำแพงรัก*
ถ้าความรักคือเรื่องของคนสองคน ต้องมนต์ คงไม่นับรวมอยู่ในนั้นเป็นแน่ เพราะการแอบรักคนที่ไม่มีวันเป็นไปได้อย่าง ปัถย์ มันก็เหมือนยืนบนพื้นดินแล้วแหงนคอมองคนบนหอคอย อย่างไรอย่างนั้น...แต่ก็ไม่รู้ทำไม เสียงข้างในจิตใจก็ร่ำร้องถึงเค้าอยู่ร่ำไปสิน่า..
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 13 : ริต้า เฉิน พิสิษฐ์ดำรง

บทที่ 13 : ริต้า เฉิน พิสิษฐ์ดำรง



หลังจากที่ฉันวางสายจากแม่ ฉันก็รีบหันมาบอกขิงทันที มันบอกว่าข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ต่อองค์กรมาก(องค์กรอะไรของมัน) มันเลยจัดการถามเพื่อนสนิทอีกครั้ง(พี่กูเกิ้ลนั่นแหละ) แต่คราวนี้ไม่พลาด เพราะพี่กูเกิ้ลปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับคุณ ริต้า เฉิน พิสิษฐ์ดำรงค์ มาอย่างมากมายเลยล่ะ




“โหหหหหห...โคตรสวยเลยว่ะ แป๋มมมมมมมมมม” รู้แล้วน่า..ก็งั้นงั้น




“ก็สวย”



“แหม...ยังมีหน้ามาพูดว่า ก็สวย นี่เรียกโคตรสวย แกไปส่องกระจกในห้องน้ำเลย แล้วกลับมาดูหน้าเค้าใหม่”




“นี่แกเพื่อนฉันนะ!!!!!!!!!!!!!!!!” ขิงได้แต่บ่นอุบอิบเมื่อฉันอาละวาดใส่มัน ทีฉันล่ะว่าเอาว่าเอา ชิชิ....





“อาชีพหลักเป็นนางแบบว่ะ ลูกครึ่งไทย-จีน-อังกฤษ ด้วยนะ เหมือนดิกชันนารีเลยว่ะว่ามะ(พูดซะเห็นภาพเลย) โคตรขาวเลย ขายาวอีกต่างหาก” ฉันได้แต่มองตามข้อมูลที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์





“อายุ 27 เองแก” รู้แล้วน่าไม่ต้องพูดมาก วู้ว...กำลังตั้งใจอ่านอยู่







“ดูเว็บนี้ดีกว่า...บทสัมภาษณ์ด้วยแก”





จากข้อมูลที่ฉันนั่งอ่านแล้วจับใจความได้นั่นก็คือ คุณริต้า เป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัว ประทีป และ มาดาม มาเรีย เฉิน พิสิษฐ์ดำรงค์ เจ้าของธุรกิจส่งออกเครื่องดื่มชูกำลังรายใหญ่ของประเทศ โดยที่บริษัทของคุณปัถย์กำลังรับออกแบบและก่อสร้างตึกสำนักงานแห่งใหม่ให้ ด้วยความที่คุณริต้าเธอมีรูปร่างที่งดงามเหมือนคุณแม่ของเธอ เธอเลยยึดอาชีพเป็นนางแบบ แทนที่จะสืบทอดธุรกิจส่วนตัวของบิดาและมารดา ส่วนอีกหน้าเว็บนึงเป็นเว็บเกี่ยวกับข่าวซุบซิบในวงการไฮโซไฮซ้อ เขียนข่าวว่า งานนี้คุณริต้าที่แอบชอบนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแบบคุณปัถย์ทุ่มทุนสร้างถึงขั้นยอมให้ท่านเจ้าสังขยายกิจการไปในแถบเอเชียโดยว่าจ้างบริษัท เดอะ บิวท์ ของคุณปัถย์ สร้างตึกสำนักใหญ่ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน ในเนื้อข่าวยังมีซุบซิบอีกว่า สงสัย....คุณปราชญ์อดีตเอกอัครราชทูต จะได้เกี่ยวดองกับตระกูลเจ้าสัวใหญ่ก็คราวนี้......




“แกว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่อยู่ในภาพถ่ายที่มีคนส่งมาให้แกเหมือนหลายเดือนก่อนป้ะว่ะ” ฉันได้แต่มองกลับไปยังขิง แล้วถอนใจ ตอนนี้หน้าของฉันคงซีดเหนือคำบรรยายแล้วเป็นแน่






“ไม่รู้เลยว่ะ...ภาพมันไม่มีถ่ายข้างหน้าเลย”




ฉันกับขิงได้แต่นั่งอยู่เงียบๆในมุมของตัวเองสักพักใหญ่ๆ อยู่ดีดีก็มีโทรศัพท์จากคุณเต้มาถึงฉัน(โทรมาทำไมนักหนา คนยิ่งกลุ้มกลุ้มอยู่ นี่ยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องวันนั้นเลยนะ)




“สวัสดีค่ะ..พี่เต้”




“น้องแป๋มว่างไหม...พี่มีเรื่องจะบอก”
ฉันได้แต่เลิกคิ้วสูง เพราะวันนี้น้ำเสียงคุณเต้ไม่ได้ขี้เล่นเหมือนครั้งก่อนก่อน ฉันแอบส่งสัญญาณบอกขิงว่าคุณเต้โทรมา มันเลยพยายามมานั่งเอาหูแนบโทรศัพท์ไปกับฉัน




“พี่เต้มีอะไรเหรอค่ะ..คุยในโทรศัพท์ได้ไหมค่ะ”





“พี่อยากคุยเป็นการส่วนตัวมากกว่า...คือมันเป็นเรื่องของพี่ปัถย์กับน้องแป๋ม”





“ค่ะค่ะ...ได้ค่ะ ที่ไหนค่ะ” หูผึ่งทันที เวลานี้ฉันอยากได้ข้อมูลเป็นอันดับแรก





คุณเต้นัดแนะให้ฉันไปพบที่ร้านอาหารกลางเมืองใกล้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ฉันเลยบอกให้ผู้ช่วยคนสำคัญติดตามไปในครั้งนี้ด้วย ฉันมาถึงที่ร้านอาหารก็พบคุณเต้นั่งรออยู่แล้ว คราวนี้หน้าตาเค้าดูไม่สดชื่นดังเช่นวันวานเลย เค้าดูสุขุมและเรียบร้อยมากขึ้น




“ขอโทษนะค่ะพี่เต้...รถมันติด”




“น้องแป๋มมาคนเดียวเหรอค่ะ”
ฉันได้แต่พยักหน้า ทั้งที่สายตาเหลือบมองผู้หญิงอีกคนที่มาพร้อมกัน นั่งอยู่ทางเก้าอี้ด้านหลังของคุณเต้





“พี่เต้มีอะไรเหรอค่ะ”






“น้องแป๋มทราบรึเปล่าว่าพี่ปัถย์ไปทำอะไรที่จีนเมื่ออาทิตย์ก่อน”






“พี่ปัถย์บอกว่าไปทำงานค่ะ”
ฉันเห็นคุณเต้เลิกคิ้วสูง แล้วถามย้ำอีกครั้งว่าไปทำงานเหรอ แล้วคุณเต้จึงทำหน้าเหมือนงุนงงกับคำตอบที่ได้จากฉันเหลือเกิน





“พี่เต้มีอะไรเหรอค่ะ”





“ก็มีคนรู้จักของพี่เค้าไปเจอคุณปัถย์กับคุณริต้า ที่ประเทศจีนน่ะสิ ได้ข่าวว่าคุณปัถย์เค้าออกแบบตึกสำนักงานให้ แต่พี่ก็งงๆว่าคุณริต้าเธอไปทำไม เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลยนี่น่า” ทิ้งระเบิดชัดชัด





“อ่อ..เหรอค่ะ”




“แล้วเมื่อตอนเที่ยงๆพี่แวะไปเอาใบเอ็กซ์เรย์ปอดของคุณพ่อก็เห็นคุณปัถย์กับคุณริต้าที่โรงพยาบาลที่พี่ไปเอาฟิล์ม พี่ก็เลยงงใหญ่” ....อ้าวเฮ่ยยยยย.....ยังไงกันล่ะทีนี้






“ค่ะ....” ฉันได้แต่รับฟังเรื่องราวอย่างสงบเสงี่ยมทั้งที่ในใจร้อนรุ่ม






“แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง...เพราะยังไงพี่ปัถย์ก็น่าจะบอกแป๋มอยู่แล้วแหละเนอะ” ไม่มีแล้วมาฟ้องทำไมมม..มาบอกทำไมมมมมมม





“อ่อ..ค่ะ”






“นั่นไงพี่ว่าแล้วว่าพี่ปัถย์คงบอกน้องแป๋มแล้วแน่แน่ พี่ก็แค่หวังดีไม่ได้คิดอะไรเลยนะ ขอโทษแล้วกันถ้าน้องแป๋มรู้เรื่องแล้ว พี่นี่แย่จริงจริง เลยกลายเป็นคนขี้ฟ้องไปซะได้ ไหนไหนน้องแป๋มก็ออกมาแล้ว ทานข้าวด้วยกันกับพี่แล้วกันเนอะ” ฉันพยายามที่จะปฏิเสธว่ามีธุระ ไม่สามารถอยู่ได้ แต่กลายเป็นว่า คุณเต้ก็อ้างนู่นนี่ว่าไม่ได้กินข้าวมาเกือบทั้งวัน หิวมาก อยากขอให้ฉันกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย





ขิงส่งข้อความมาให้ฉันว่า มันขอตัวกลับก่อนล่ะกัน แล้วจะกลับไปหาข้อมูลเพิ่มมาให้ พร้อมทั้งกำชับว่าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดีด้วย ถึงบ้านมันแล้วให้โทรบอก ฉันได้แต่ส่งข้อความกลับไปบอกว่า ขอบคุณมันมาก



และสำหรับฉันทฤษฎีโลกกลมยังคงใช้ได้เสมอ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงที่คุ้นตาก้าวเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวคนที่ฉันเห็นเมื่อวาน ฉันจึงรีบก้มหน้าทันที พยายามหยิบรายการอาหารบังหน้าของตัวเองมิดชิด ทำไมเขาสองคนถึงมาด้วยกันได้ล่ะ




“น้องแป๋ม..ทำอะไรครับ”





“อ่ะ...เอ่อ แป๋มอยากดูรายการอาหารค่ะ เมื่อกี้ยังไม่ได้ดูเลยว่าจะทานอะไร”





ฉันพยายามอย่างมากที่จะเบนสายตาตัวเองไปยังคนคู่นั้น คุณปัถย์นั่งหันหลังให้กับฉัน โดยโต๊ะของทั้งคู่ถัดไปทางซ้ายจากโต๊ะของฉันกับคุณเต้ประมาน สามแถว





“แล้วจะทานอะไรคิดได้รึยัง”





“เอ่อ...แปบนึงค่ะ” นี่ก็เร่งจัง...คนกำลังหาข้อมูลอยู่





ฉันจ้องมองคนทั้งคู่ไม่วางตา สังเกตเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มของคุณริต้า เพียงไม่นานสักพักเธอก็ร้องไห้ออกมาแล้วคุณปัถย์จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้..นี่มันเรื่องดราม่าอะไรกันเนี่ย





“น้องแป๋มครับ” คุณเต้เรียกฉันอีกครั้ง




“อะ...เอ่อ...แป๋มทานเหมือนพี่เต้ล่ะกันค่ะ” เวลานี้คิดเมนูไม่ออกล่ะโว๊ย






“ครับครับ..น้องแป๋มเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมท่าทางลุกลี้ลุกลน”






“เปล่าค่ะ..คือแป๋มไม่ค่อยสบายนิดหน่อย”







“อ้าว...งั้นถ้าน้องแป๋มไม่สบายเรากลับกันเลยก็ได้นะ”






“ไม่ค่ะ....แป๋มอยากทานข้าวก่อน หิวมาก”
คุณเต้คงเกิดอาการสงสัยว่าฉันเป็นอะไรมากหรือเปล่า เพราะเมื่อกี้ยังอยากจะกลับท่าเดียว






คนทั้งคู่ยังคงนั่งพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด แต่สีหน้าฝ่ายหญิงก็ยังไม่สู้ดีนัก เธอน้ำตาไหลอยู่หลายครั้ง จนฉันอดที่จะสงสารไม่ได้ อาหารในจานของฉันยังคงถูกเขี่ยไปมา ไม่มีอะไรพร่องเลยแม้แต่น้อย





“น้องแป๋ม...เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมเขี่ยข้าวไหนบอกว่าหิวไง” เอ๊....นี่ก็ถามจัง





“เปล่าค่ะ...ทานค่ะทานกัน”
ฉันพยายามชวนคุณเต้คุยเรื่องราวสัพเพเหระ โดยที่สายตายังคงจดจ้องหนุ่มสาวคู่นั้นอย่างเป็นระยะ เพียงไม่นานคนทั้งคู่ก็เดินออกจากร้านไป





“พี่เต้...แป๋มอิ่มแล้วไปกันเถอะค่ะ”





“เดี๋ยวก่อนน้องแป๋ม”
เสียงเข้มและสีหน้าที่จริงจังของคุณเต้ทำให้ฉันหยุดอาการลุกลี้ลุกลน





“น้องแป๋มเห็นคุณปัถย์ กับ คุณริต้าใช่ไหม” ฉันตาโตตกใจกับคำพูดของคุณเต้อย่างมาก คุณเต้เห็นเหมือนกันเหรอ





“อะ...เอ่อ.....”






“คงไม่มีอะไรหรอกมั้งครับ...คงแค่เพื่อนกัน มาทานข้าวด้วยกันก็เท่านั้นเอง ก็พี่ปัถย์เค้าบอกน้องแป๋มแล้วนี่น่า” น้ำเสียงที่คุณเต้เอ่ยออกมานั้น ฉันไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันสักเท่าไร รู้แค่ว่าคุณเต้พยายามจะเน้นย้ำคำว่า เพื่อนกัน แล้วยังแอบยิ้มมุมปากด้วย....ทำไมฉันถึงมีความรู้สึกว่า คุณเต้เริ่มเหมือนตัวร้ายขึ้นไปทุกที






คุณปัถย์โทรหาฉันตอนที่คุณเต้กำลังจะพาฉันไปส่งบ้านขิง(เพราะขิงขับรถของฉันกลับไปบ้านมัน) คุณปัถย์บอกว่า เพิ่งเสร็จธุระ กำลังจะไปหาฉันที่บ้าน แต่ฉันบอกว่า ตอนนี้ฉันอยู่บ้านเพื่อน ขอเวลาพักนึง ฉันคงถึงบ้าน คุณปัถย์โวยวายว่าทำไมฉันต้องเร่ร่อนไปเที่ยวบ้านคนอื่นด้วย ทั้งที่ป่วยอยู่ น้ำเสียงที่ส่งมาก็ดูหงุดหงิดเสียมากมาย..ไม่รู้ว่าหงุดหงิดเรื่องฉันหรือเรื่องอะไรกันแน่




ฉันกลับมาถึงบ้านของตัวเองก็เกือบบ่ายห้าโมงเย็น เห็นรถของคุณปัถย์จอดรออยู่ที่ด้านนอกของบ้านแล้ว




“นี่ยายแป๋ม...เพิ่งฟื้นไข้ดูสิออกไปตะลอน ปล่อยให้คุณปัถย์มานั่งรอเสียนานสองนาน”ทันทีที่แม่เห็นหน้าฉัน ก็บ่นอุบเลย





“ขอโทษค่ะแม่...ขอโทษค่ะพี่ปัถย์”





แม่ฉันที่อุตส่าห์ลางานเพื่อเฝ้าดูอาการของฉัน กลายเป็นว่าฉันกลับออกไปข้างนอกเสียนี่ คุณปัถย์ส่งสายตาคาดโทษมาที่ฉัน แต่ตอนนี้อารมณ์หึงหวงของฉันกำลังไต่ระดับขึ้นอย่างคงที่..ยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งคิด แม่เริ่มเห็นบรรยากาศมาคุเลยทิ้งฉันและคุณปัถย์ให้อยู่ตามลำพังสองต่อสอง โดยบอกว่าจะออกไปซื้อกับข้าว





“แป๋มไปไหนมา...”
ฉันทำท่ามึนตึงอย่างเต็มที่ ไม่รู้ล่ะงานนี้ต้องมีเคลียร์





“แป๋มออกไปหาเพื่อน”





“เป็นอะไรล่ะเนี่ย..ทำไมพูดแล้วไม่มองหน้าพี่”





“เปล่า”





“ผู้หญิงเป็นกันทุกคนเลยไหม...คำว่า เปล่า เนี่ย”
คุณปัถย์พยายามยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆฉัน พร้อมทั้งดึงมือฉันให้ลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเขา




“ปล่อยแป๋มเลยนะ” แหม...ทำเป็นรู้ใจผู้หญิง หึ!!!!!!






“วันนี้มามาดเข้มนะเรา....เป็นอะไรค่ะ หืม”
วันนี้พี่ปัถย์ก็มาไม้ไหนเนี่ย อ้อนเป็นแมวเชียว





“ไม่มีอะไร”







“ไม่มีได้ไง...ดูหน้าสิ บูดเป็นตูดลิงเลย” ไม่ต้องมาแซวเลย...ใครล่ะที่ทำให้บูดได้ขนาดนี้






“ส่งค้อนซะด้วย....รู้ไหมเวลาแป๋มทำหน้าแบบนี้ น่ารักขนาดไหน”
คุณปัถย์เป็นโรคจิตแน่แน่ นี่ฉันทำหน้าขึงขังจริงจังขนาดนี้ยังดูว่าทำหน้าเล่นเล่นไปได้






คุณปัถย์พยายามรั้งร่างของฉันให้ไปนั่งบนตักของเขา สุดท้ายความเพียรของเขาก็สำเร็จ ตอนนี้หน้าเราทั้งสองเลยหันหน้าเข้าหากันและมันก็ใกล้กันมากขึ้นอีกด้วย...โอยยยยหัวใจจจจจ





“ไหนบอกพี่สิ...ใครทำอะไรน้องแป๋ม”
พูดแบบนี้อีกแล้ว....ต้องมนต์แพ้นะ






“...เอ่อ.......”
ฉันพยายามหลุบตามองลงด้านล่าง พี่ปัถย์ตาเป็นประกายเชียว ขืนสบตาไปตอนนี้ก็แย่แน่ โหมดโหดหายไปไหนล่ะเนี่ย...ต้องมนต์






“คิดถึงแป๋มทั้งวันเลยนะเนี่ย ไปข้างนอกมาเหนื่อยมากเลยรู้ไหม ขอกอดทีนึงนะ” อร๊ายยยยย...หวานไปแล้ว เรื่องของฉันฉันยังไม่ได้พูดเลยนะ





คุณปัถย์สอดมือโอบเอวฉันไว้ แล้วก้มหน้าลงมาที่ซอกคอของฉันทันที ฉันได้แต่รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นอุ่นของคุณปัถย์ และความรู้สึกวาบหวิวที่ช่องท้องของตัวเองอีกแล้ว....ฉันพยายามต่อสู้กับความหวามไหวที่คุณปัถย์ส่งมาให้ นับหนึ่งถึงร้อยอย่างช้าช้า จนกระทั่งสามารถ ผลักหน้าอกของเขาให้ออกห่างได้สำเร็จ





“พี่ปัถย์ค่ะ....แป๋มมีเรื่องอยากจะถาม”
ฉันพยายามเก็บสีหน้าความวาบหวิวของตัวเอง และสะกดเสียงไม่สั่นเครือหวั่นไหวไปกับการกระทำของคุณปัถย์ คุณปัถย์เงยหน้ามองฉันด้วยใบหน้าแดงก่ำและดวงตาที่ฉันว่ามันช่างวาววับเสียเหลือเกิน





“อะไรค่ะ....”






“วันนี้พี่ปัถย์ไปกินข้าวกับคุณริต้าใช่ไหมค่ะ” คุณปัถย์ชะงักเพียงเล็กน้อย ฉันพยายามที่จะจ้องหน้าเค้าอย่างไม่วางตา




“ใช่ครับ...น้องแป๋มทราบได้ยังไง” ฉันรู้สึกโล่งใจที่คุณปัถย์ไม่คิดจะปิดบัง






“แป๋มไปทานข้าวกับพี่เต้ค่ะ เลยเห็น” ฉันคิดว่าในเมื่อคุณปัถย์บอกความจริง ฉันก็จะบอกความจริงบ้าง แต่เท่านั้นแหละ คุณปัถย์กลับพลิกโหมดจากลูกแมวเป็นสิงห์โตโหดพร้อมคำรามทันทีที่ได้ยินชื่อของคุณเต้






“ทำไมแป๋มไปกินข้าวกับมันได้....พี่บอกแป๋มแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไปยุ่งกับมัน”





“ก็ทีพี่ปัถย์ทำไมถึงออกไปกินกับคุณริต้าได้ล่ะ” คราวนี้ฉันไม่ยอมจริงจริง..ต้องมนต์สู้สู้





“มันไม่เกี่ยวกันนะแป๋ม...” เสียงของคุณปัถย์อ่อนลงกว่าครั้งที่แล้ว..รู้ตัวว่าผิดล่ะเส่





“ไม่รู้แหละค่ะ...แป๋มถามพี่ปัถย์ เพราะแป๋มแค่ไม่อยากเก็บเรื่องราวไว้คนเดียว แล้วแป๋มก็......ก็.....ก็ไว้ใจพี่ปัถย์นะค่ะ แต่บางเรื่องแป๋มอยากได้ยินจากปากพี่ปัถย์มากกว่า”
จบประโยคของฉันคุณปัถย์ก็ก้มลงจูบฉันทันที ฉันได้แต่ตะลึงงันกับอารมณ์ของเขา แต่มันก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ





“ขอบคุณนะแป๋ม...” คุณปัถย์พึมพำอยู่แถวแถวริมฝีปากของฉัน ฉันรู้สึกถึงแรงโอบรัดที่เอวจนเริ่มอึดอัด





“อ่ะ...เอ่อ พี่ปัถย์ค่ะ แป๋มอึดอัด ตกลงจะบอกได้รึยังว่าไปทานข้าวกับคุณริต้าทำไม”




“ไม่เห็นอึดอัดเลย...แป๋มน่ากอดจะตาย” แง่ง....คนละเรื่องแล้ว





“แป๋มอึดอัดนี่น่า....บอกมาก่อนเลย”






“ก็ไปทานข้าวเฉยๆไม่มีอะไร”





“แล้วเห็นคุณเต้บอกว่าพี่ปัถย์พาคุณริต้าไปโรงพยาบาลด้วย”
คุณปัถย์เปลี่ยนโหมดทันทีจากที่กำลังซุกไซร้ที่ซอกคอกลับกลายเป็นว่าตอนนี้ เขาเงยหน้ามาจ้องตาฉันเขม็งเลย





“มันบอกแป๋มว่าอะไรบ้าง”






“กะ ก็....เค้าบอกเห็นคุณปัถย์ไปโรงพยาบาลกับคุณริต้าอ่ะค่ะ เท่านี้เอง”





“แล้วแป๋มเชื่อมันรึเปล่า” ฉันได้แต่ส่ายหน้าไปมา





“แต่แป๋มอยากได้ยินเหตุผลจากพี่ปัถย์ค่ะ”
คุณปัถย์ปรับสีหน้าให้คลายความโกรธลงไปบ้างแล้ว เขายิ้มน้อยน้อยที่มุมปาก พร้อมทั้งเอามือข้างนึงลูบผมของฉันอย่างอ่อนโยน....ฉันจะละลายอยู่แล้ว






“ริต้าเค้าไม่สบาย..ก็เลยพาไปเท่านั้นเองไม่มีอะไรหรอก”






“แค่นั้นเหรอค่ะ”






“ไหนบอกว่าเชื่อใจพี่ไง..หึ”






“เชื่อค่ะ...แต่ถ้าเกิดพี่ปัถย์หลอกแป๋มวันไหน แป๋มจะไปจากพี่ปัถย์ไม่กลับมาอีกเลยนะ”





“จ๊ะ...แม่มดน้อย พี่จะไม่ทำให้แป๋มเสียใจเป็นอันขาด อีกอย่างพี่เป็นห่วงแป๋มมากนะ อย่าเจอนายเต้มันอีก ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม”
ประโยคท้ายของพี่ปัถย์ช่างจริงจังเหลือเกิน





“ยังไงเราก็จะแต่งงานกัน และแป๋มคือเจ้าสาวของพี่คนเดียวเท่านั้น รู้ไหม”





ฉันว่าจริงจริงแล้วคุณปัถย์เป็นผู้ชายที่น่ารักมากมาก หลายครั้งที่เค้าทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันโชคดีเหลือเกินที่รักผู้ชายคนนี้






“พี่ปัถย์ก็จะเป็นเจ้าบ่าวของแป๋มคนเดียวเหมือนกันค่ะ”






“คำพูดอย่างเดียวไม่พอ...ต้องมีการกระทำยืนยันด้วย”
ทันทีที่ประโยคจบลงคุณปัถย์ก็รั้งใบหน้าของฉันเพื่อมองจูบที่แสนจะอ่อนโยนให้ทันที





ฉันเริ่มมั่นใจกับความรักของเราเพิ่มขึ้นแล้วล่ะ...และก็มั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหน ฉันก็จะขอไว้ใจและเชื่อใจผู้ชายคนนี้คนเดียว...รักคุณปัถย์จังเลย




คุณปัถย์คลอเคลียฉันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฉันได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านดังขึ้น ฉันจึงพยายามตะกายร่างที่มึนจากการจูบของคุณปัถย์มานั่งโซฟาตัวถัดไป....โอ๊ย เขินนนนน แม่เดินเข้ามามองหน้ากับคุณปัถย์เพียงครู่เดียวก็เชิญให้คุณปัถย์ร่วมทานอาหารค่ำกับที่บ้านฉัน ฉันเลยรีบขอตัวขึ้นไปด้านบนเพื่ออาบน้ำแต่งตัวก่อน..จริงจริงจะหลบหน้าตาตัวเองเถอะ....แดงเป็นจานยูบีซีแล้วเนี่ย




“ตอนนี้ธุรกิจเป็นอย่างไรบ้างครับคุณปัถย์” พ่อฉันเอ่ยถามทันทีที่โต๊ะอาหารพร้อมสำหรับมื้อค่ำ





“เรียกผมว่าปัถย์ก็ได้ครับ..คุณพ่อ” น่ารักจัง....ผู้ชายอะไร นับวันยิ่งน่ารัก





“อ่ะ อ่ะ...เอาอย่างนั้นก็ได้”





“ก็เรื่อยๆครับคุณพ่อ ช่วงนี้ยุ่งหน่อย เลยต้องไปกลับประเทศจีนตลอด ไว้ถ้าแต่งงานแล้ว ว่าจะพาแป๋มไปเที่ยวด้วย”





“ไปแล้วก็อย่าลืมติดหลานมาฝากพ่อสักคนนะ” พ่อพูดแบบนั้นได้ไงอ่ะ...ลูกก็เขินนะ





“สงสัยหลานจะได้ก่อนไปแล้วล่ะครับ”





ทุกคนโต๊ะอาหารต่างพากันหัวเราะขำขัน มีแต่ฉันที่นั่งหน้าร้อนผ่าว...ได้หลานก่อนไป เฮ้ยยยยย....ยังไงเนี่ย




คุณปัถย์เหลือบมองฉันด้วยใบหน้าอมยิ้มเล็กเล็ก...สงสัยคิดเรื่องอย่างว่าอยู่แน่แน่ สายตาที่เค้าส่งมาอยู่บ่อยครั้งทำให้ตอนนี้ฉันเริ่มที่จะรู้ทันเค้าแล้วนะ



วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ฉันและคุณปัถย์เราเข้าใจกัน ถึงแม้ว่าคุณปัถย์อาจจะมีอดีตมากมายที่ฉันอาจจะยังไม่รู้ แต่ฉันก็เชื่อว่าในเมื่อคุณปัถย์บอกแล้วว่า เลือกฉัน ฉันจึงไม่คิดจะใส่ใจกับอดีตที่เขามี ก็ในเมื่อทุกคนก็มีอดีตทั้งนั้น...ใครจะเหมือนฉันล่ะที่ คุณปัถย์ คือ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคตของฉัน






- - - - - - - - - - - - - - - - - - -


อ่ะแฮ่มมม...ตอนสิบสามมาแล้วววววว
แอบกระซิบว่าตอนหน้าน้องแป๋มและคุณปัถย์จะแต่งงานแล้วแล้วแล้วแล้วแล้ว

เพราะงั้นเรารีบไปเกาะขอบเตียงเลยดีกว่าาาาาาาาาาาาา
เดี๋ยววันนี้ไรเตอร์จะลงให้ตอนดึกดึกๆนะค้าบบบบบ
ขออ่านทวนอีกรอบก่อนนนนนน
ตอนนี้ขอรีบลงก่อน กำลังจะกลับบ้านล่ะ ไว้ถึงบ้านจะลงให้อ่านกันถ้วนหน้าาา

เลิฟคนอ่านนนนนนนนนน
จ๊วบจ๊วบบบบบบบ
ปล.ถ้ามีคำผิดขออภัยด้วยนะ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะมาตรวจทานใหม่







คุณิณพัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2554, 17:59:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2554, 22:10:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 2423





<< บทที่ 12 : ตรวจครรภ์   บทที่ 14 : Just married >>
pretty 19 ส.ค. 2554, 19:44:11 น.
รอๆๆๆๆๆ


nitayab 19 ส.ค. 2554, 20:15:36 น.
น่าร้กค่ะ ขอสารภาพว่าเรื่องนี้ตอนแรกไม่คิดจะอ่านแต่พอได้อ่านต้องบอกว่าชอบค่ะ เรื่องนี้ไม่ทราบว่ามีกี่ตอนค๊ะ ไร้ท์เตอร์พอบอกได้มั๊ย


รอให้เป็นเล่ม 19 ส.ค. 2554, 20:46:01 น.
กดไลค์ตลอด


nuyzaa 19 ส.ค. 2554, 21:38:40 น.
มาเร็วๆน้า


คุณิณพัณณ์ 19 ส.ค. 2554, 22:12:18 น.
ขอบคุณทุกกำลังใจเลยนะค่ะ
ตอบคุณ nitayab - น่าจะไม่เกิน 25 ตอนนะค่ะ รวมตอนพิเศษแล้วนะค่ะ


mhengjhy 19 ส.ค. 2554, 22:33:00 น.
ติดเรื่องนี้มากๆ ค่ะ งอมแงมเลย >_<


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account