อลวน ถนน หัวใจ (จบแล้ว)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 18-19 อลวน ถนน หัวใจ

18.

พระอาทิตย์ยอแสงลง แม้ยังไม่ถึงทางสายหลักเส้นเก่าที่มุ่งสู่เกริงกระเวีย แต่รังสิตาก็บอกให้เด็กหญิงเหว่ากลับบ้านไปหายาย ด้วยเกรงว่าหากมืดค่ำเสียระหว่างทางอันตรายจะเกิดขึ้นกับร่างกระจ้อยร่อยที่ดูมอมแมม

“พวกพี่สองคนไปต่อได้นะ”

“ได้” รังสิตาเห็นหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่ที่หน่วยตาเด็กหญิง

“เป็นอะไร”

“ไม่รู้ สงสาร”

รังสิตาล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบเงินแบงก์พันออกมาอีกใบ

“เหว่ามานี่ เอาเงินไปซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่ใส่ แล้วก็เก็บไว้ใช้ ถ้าพี่ไปรอดปลอดภัยพี่จะกลับมาหาเธอ มาพาเธอไปอยู่ด้วย” โชคชัยมองหน้าหญิงสาว เขาไม่อยากให้เธอสัญญากับใคร

เด็กหญิงเหว่าเอื้อมมือเปื้อนฝุ่นมารับ เมื่อเงินอยู่ในมือก็ยกมือขอบคุณ รังสิตาพยักหน้าให้กลับบ้านไป แต่เหว่ายังยืนนิ่ง

“งั้นพี่ไปก่อนนะ” รังสิตากระตุกแขนโชคชัยบอกให้รู้ว่า ‘ไปต่อ’

“อย่าลืมสัญญานะ” เมื่อเดินมาได้สักห้าสิบเมตร เสียงตะโกนเครือด้วยเสียงสะอื้นก็ไล่ตามหลังมา รังสิตาหันกลับมาแล้วก็โบกมือให้ แล้วหันหลังกลับมาอีกทีเส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก เขาคนแปลกหน้าซึ่งรังสิตารู้เพียงว่าเป็น ‘คนขับรถแท็กซี่’ คนนี้ไม่เคยปริปากสักคำว่าเหนื่อย เบื่อ หรือมีคำถามอีกว่าจะเดินต่อไปทำไม ทำไมไม่กลับไปสู้ปัญหาเหมือนกับอีตาประดิพัทธ์ และรังสิตาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาปฏิบัติต่อตนเองเช่นนี้เพื่ออะไร

เมื่อเดินมาได้ร่วมชั่วโมง ก็ได้เห็นทิวมะพร้าวอยู่รำไร

“ต้องมีบ้านคนอยู่แถวนั้น”

“รู้ได้ไง”

“มะพร้าวป่าไม่เคยมีหรอก มีมะพร้าวต้องมีคน แต่เราจะเอาอย่างไรกันดี จะหากระท่อมตามท้องไร่ท้องนาอย่างที่คุณยายบอกไว้ดีไหม” เขาขอความคิดเห็น รังสิตาครุ่นคิด

“ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะโชคดีเหมือนเมื่อเช้าหรือเปล่า และอีกอย่าง ไม่รู้ว่าบริวารของพี่ใหญ่จะเดินประกาศเรื่องที่ผิดเพี้ยนนี้ไปถึงตรงไหนแล้ว”

“ผมเดาว่าคงแค่หมู่บ้านเดียว”

“เพราะ?” รังสิตาย้อนถามเหตุผล

“ตรงนั้นเป็นหมู่บ้านแรก เรื่องไม่จริง พูดมากไปอายเขาเปล่า ๆ พี่คุณเขาคนฉลาด หากเรื่องมันอื้อฉาวออกไปว่าคุณไปกับโจร ราคาของคุณคงตกหล่นเสียหายหมด”

รังสิตามีอารมณ์หัวเราะทั้งที่คอแห้งผาก

“ถ้าเราเข้าไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง เราจะบอกกับพวกเขาว่าอย่างไร”

“หนีตามกันมาสิ พ่อแม่คุณบังคับให้คุณแต่งงานกับลูกเศรษฐี ที่มีหน้าตาเหมือนขุนช้างทีนี้คุณรับไม่ได้ก็เลยมากับผมคนหน้าตาดี ผมว่าพวกเขาต้องเชื่อเรานะ”

รังสิตาอมยิ้มครุ่นคิด

“น้ำหมดแล้วนะพ่อขุนแผน” หญิงสาวหยอกเขาเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้นมาบ้าง

“กินน้ำตามลำธารได้ไหม เหว่าบอกว่า ที่เห็นเป็นทิวไม้เขียว ๆ เป็นทางนั่นคือธารน้ำที่ไหลแยกออกมาจากภูเขา”

“ถ้านางเอกหนังจีนวักน้ำกินได้ ฉันก็น่าจะกินได้”

“ผมนับถือน้ำใจคุณจริง ๆ ถามจริง ๆ เถอะคุณไปเห็นอะไรไม่ดีของคู่หมั้นคุณหรือไง คุณถึงได้หนีไม่คิดถึงชีวิตแบบนี้”

“เปล่า แค่เซ้นส์มันบอกเท่านั้นเองว่า เขาคนไม่ดี หาเมียเองไม่ได้ ไม่มีอะไรหรอก ไม่รักก็ไม่อยากอยู่ด้วย แต่งแล้วเรื่องมันดัง ใคร ๆ ก็รู้จัก อยู่ไม่ได้เกิดหย่าขึ้นมา ก็ขายหน้าเขาแย่”

“หัวโบราณจังเลย” ชายหนุ่มว่าพลางเดินเนิบนาบตามกำลังขาของฝ่ายหญิง

“เปล่าหัวโบราณ ฉันยินดีอยู่ก่อนแต่งหากเรารักกัน” เมื่อได้ยินโชคชัยเลิกคิ้วมีคำถาม

“แล้วอย่างนี้จะเรียกหัวโบราณไหมล่ะ แล้วคุณมีเมียหรือยัง”

“คิดว่าผมมีหรือยังล่ะ”

“ยังมั้ง แฟน คนรักล่ะ มีหรือยัง”

“ยังมั้ง” เขาใช้คำตอบของเธอย้อนคืน

“หน้าตาก็ดี ไม่น่าไม่มีนะ” การคุยกันของคนแปลกหน้าคือการค่อย ๆ ล่วงรู้ความเป็นมาและนิสัยใจคอ โชคชัยนึกสนุกขึ้นมาเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ กับรังสิตา คิดไม่ผิดทีเดียวที่ตัดสินใจทำอย่างนี้ โลกกว้างใหญ่กับผู้หญิงใจเด็ดคนนี้เป็นประสบการณ์ที่ยากลืมเลือนทีเดียว

“หากผมบอกว่าผมมีลูกมีเมียแล้วคุณจะไปกับผมต่อไหม”

รังสิตานิ่งคิด ก็เธอไม่ได้หวังอะไรจากเขา แล้วทำไมจะไปต่อไม่ได้ หรือหากเขาปลุกปล้ำเธอขึ้นมาระหว่างทาง แต่เขาคงไม่ทำอย่างนั้น ถ้าเขาคิดจะทำอย่างนั้น สู้เขากลับบ้านไปหาเมียตัวเองไม่ดีกว่าหรือ แล้วคนโสดที่ไหนจะสามารถออกมาตะลอน ๆ แบบนี้ได้ เธอมั่นใจว่าเธอเขายังไม่มีเมียและยังไม่มีใคร และเขากำลังตามขอหัวใจเธอ แต่ภาพที่เขาโอบอยู่ที่ศีรษะของอินทราก็แทรกเข้ามาให้อารมณ์สาวสะดุด

ปากที่จะขยับถามจำต้องสงบลง มันไม่น่ามีอะไรเลยเถิด

แต่รังสิตากลับสอนใจตนเองแทน เขาเป็นเพียงแค่คนขับรถแท็กซี่เท่านั้นนะ เธอจะหวั่นไหวไปกลับชายแปลกหน้าที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าไม่ได้นะ

“คิดอะไรอยู่หรือครับ”

“ชวนฉันคุยเพราะกลัวฉันคิดมากใช่ไหม”

“ผมห้ามความคิดใครได้เสียที่ไหนล่ะ ก็เรามากันแค่สองคน ถ้าไม่ชวนคุณคุยแล้วผมจะไปชวนใครคุย”

“คุณตามฉันมาทำไม”

“ก็คุณขอร้องให้ผมช่วยไม่ใช่หรือ”

รังสิตาหยุดจ้องมองใบหน้าที่มีไรหนวดครึ้มขึ้นมา ปากของเขาได้รูปทีเดียว นึกถึงความบ้าบิ่นเมื่อคืนนี้ รังสิตาก็นึกละอาย เป็นเพราะรสจูบเน้น ๆ ที่ใบหน้าเนียนของเขาหรือเปล่านะ เขาจึงได้เลือกวิ่งมากับเธอ

“ตกลงเราจะเอาอย่างไรกัน”

“เข้าหมู่บ้าน ถ้ามันซวยมันก็ซวย ถ้ามันโชคดีเราก็สบาย แต่ถ้าอยู่ที่กระท่อมปลายนาอย่างยายว่ามันอันตรายกว่าเข้าบ้านคน”

“คุณฉลาดนะ”

“เป็นบางครั้งเท่านั้นแหละ”

พูดจบรังสิตาก็ตรงดิ่งเข้าหาลำธารเล็ก ๆ ที่ขวางอยู่ข้างหน้า น้ำใสไหลเย็นทำให้เธอต้องถอดรองเท้าถุงเท้าออกพับขากางเกงก่อนจะเอาเท้าจุ่มน้ำ โชคชัยเดินตามมาถึง เขาวางห่อข้าวลง ถอดรองเท้าแล้วทำอย่างที่หญิงสาวทำบ้าง

“มีความสุขจังเลย” ใบหน้าที่ถูกแดดเผากลับสดชื่นอย่างเห็นได้ชัด โชคชัยพยายามไม่จ้องมองดวงตาคู่ที่สะกดใจเขาได้คู่นั้น แต่เขาก็ละสายตาไปมองทางอื่นได้อย่างยากเย็น เขานึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเรื่องระหว่างเธอกับเขาจะจบลงที่ตรงไหน


บ้านที่อยู่กลางดงมะพร้าวเป็นบ้านไม้ใต้ถุนโล่งครึ่งหนึ่งก่ออิฐทำเป็นห้องเก็บของครึ่งหนึ่ง ด้านข้างบ้านมีห้องน้ำก่ออิฐบล็อกใช้สังกะสีตีเป็นประตู หมาที่ใต้ถุนสามตัวพร้อมใจกันเห่าเสียงขรมไปหมด เจ้าของบ้านเป็นชายมีพุงพลุ้ยเดินออกมาที่นอกชานแล้วลงบันไดมาด้อม ๆ มอง ๆ ตามสายตาของหมาที่เลี้ยงไว้

โชคชัยดีใจที่บ้านหลังนี้ตั้งอยู่เพียงหลังเดียว ในความคิดของเขา หากมีบ้านมาก คนก็จะแยะ เรื่องก็จะยิ่งวุ่นวาย

เขาตัดสินใจดึงรังสิตาให้ลุกขึ้นจากกอหญ้า ชายเจ้าของบ้านเพ่งมองเห็นสภาพคนที่มาเยือนแล้วน่าไว้วางใจ เขาจึงเดินลิ่ว ๆ เข้ามาหาโดยมีหมาวิ่งตามมาเป็นพรวน

โชคชัยยกมือพนมทักทาย รังสิตาจึงต้องปฏิบัติตาม

“ไปไหนกันมา”

“เรา เมื่อคิดจะพูดไปอย่างที่เตี๊ยมไว้เขารู้สึกกระดากปากขึ้นมา รังสิตาเองก็จ้องหน้าเขาแล้วยิ้มแหย ๆ จะให้เธอพูดเห็นทีจะไม่ดีหรอก ผู้ชายควรรับสารภาพออกไปดีกว่า

“ผมกับเมียพากันหลบพ่อตาแม่ยายมาครับ”

“บ้านไหน” เขาหมายถึงมาจากหมู่บ้านไหน

“มาจากฝั่งศรีสวัสดิ์โน่นแน่ะ”

“โอ้โฮ! ไกลมากเลยนะนั่นต้องข้ามทะเลสาบมาเลยนะ”

“ก็มาแล้วครับ คือความรักมันเข้าตาแล้วหาทางออกไม่ได้ก็เลยต้องทำอย่างนี้”

“แล้วไงมีอะไรให้ช่วย”

“คืนนี้ขอผมอาศัยนอนคิดแผนการเดินทางกันหน่อยได้ไหมครับ”

“ได้ไม่มีปัญหา แล้วนี่กินอะไรกันมาหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ เราห่อข้าวกันมาด้วย” รังสิตาเอ่ยขึ้น

แล้วเจ้าของบ้านก็พาเดินกลับเข้าบ้าน รังสิตามองไปยังห้องน้ำ

“ขอเมียผมเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ”

เจ้าของบ้านพยักหน้า โชคชัยจึงพาหญิงสาวเดินผ่านหมาที่จ้องคนแปลกหน้าด้วยทีท่าไม่ไว้วางใจไป เขาเปิดประตูห้องน้ำที่ปิดไว้แล้วชะโงกหน้าเข้าไปมอง มีเพียงฐานส้วมแบบนั่งยอง ๆ กับโอ่งน้ำใบเล็ก ๆ หนึ่งใบ เขาสำรวจไปตามผนังและหลังคาด้วยเกรงว่าจะมีสัตว์ประเภทงูหรือตุ๊กแกหลบอาศัย เมื่อเห็นว่าปลอดภัยเขาก็ดันหญิงสาวให้เข้าไปแล้วปิดประตูพร้อมกับยืนรออยู่อย่างไม่ได้นึกรังเกียจ


รังสิตาดันประตูออกมา เขาก็เปิดให้โดยไม่ทำให้หญิงสาวใช้กำลังมากมาย รังสิตาแลเหลือบผ่านใบหน้าเขาไป หล่อนไม่อยากคิดอะไรเกี่ยวกับเขาทั้งนั้น

“ไม่เข้าเหรอ” หญิงสาวถามเขา โชคชัยโคลงศีรษะ พอดีกับที่เจ้าของบ้านลงบันไดมาพร้อมกับหญิงวัยกลางคนซึ่งน่าจะเป็นเมีย และหลานชายหญิงวัยห้าหกขวบ

“ขึ้นบ้านกันก่อน ค่ำแล้วยุงมันกวน”

โชคชัยส่งมือให้รังสิตาจับ หญิงสาวคว้ามันไว้ อย่างไม่ลังเล เธอมั่นใจว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะปกป้องคุ้มครองเธอ เมื่อขึ้นไปยังบนบ้าน สายตาของผู้มาเยือนโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเริ่มไล่สำรวจ บ้านไม้เสาสิบสองต้นมีไม้กั้นเป็นห้องอยู่สองห้อง ตรงด้านซ้ายหลังจากเดินผ่านประตูของนอกชานเป็นห้องครัวที่ดูไม่มีอะไรมากมาย เด็ก ๆ พากันจ้องมองอย่างแปลกใจ รังสิตามองเห็นโทรทัศน์จอขาวดำที่ไม่คุ้นตาเปิดอยู่ ภาพในจอเป็นละครตอนเย็น ซึ่งต่อไปจะเป็นรายการข่าว เธอกลัวเหลือเกิน กลัวว่าพี่ชายจะบ้าปล่อยให้ข่าวนี้ออกไป แต่ก็มั่นใจตามคำพูดของเขาที่ว่า มันจะทำให้เธอราคาตก เมื่อนึกถึงราคาค่าตัวเธอ พี่ชายคงไม่กล้า

“ใช้ได้อย่างไร มีไฟฟ้าหรือคะ”

“แบตเตอรี่นะครับ ใช้มอเตอร์ไซค์เข็นออกไปชาร์ตที่ข้างนอก”

“ไกลไหม” โชคชัยรีบถาม

“สามสี่กิโลได้ แถวนั้นไฟฟ้าเข้ามาถึงแล้ว”

“เราอยากโทรศัพท์”

“พกมาด้วยหรือเปล่า” เมื่อได้ยินคำถามโชคชัยรีบพยักหน้า

“ถ้าพกมาก็โทรบนเรือนนี่แหละ ที่ตรงหน้าต่างมีสัญญาณ ลูกชายผมมันกลับมาทีไรมันก็ยืนโทรอยู่ตรงนั้น” โชคชัยยิ้ม บอกให้รู้ว่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่สัญญาณลงแถวนี้

“หนีตามกันมารึ” คนเป็นเมียถามบ้าง รังสิตายิ้มเขินก่อนจะขยับไปชิด ‘สามี’ ให้ดูสมจริง

“มีปัญหาอะไรกันถึงได้หนีตามกันมา ผู้ชายก็หน้าตาดี ผู้หญิงก็น่าตาดี ผิวพรรณก็ดีอย่างกับลูกชาติลูกตระกูล แต่หน้าตาเหมือนกันอย่างนี้ แถวบ้านป้าเขาเรียกว่าเนื้อคู่นะ คงเป็นเนื้อคู่กันหรอก อุปสรรคมีมันก็ยังฝ่าฟันกันมาได้ ‘พากันมา’ แล้วก็ให้รักกันนาน ๆ นะ เออแปลกดีนะ หาไม่ค่อยได้แล้ว ประเภทหนีตามกัน ส่วนใหญ่ก็จะอยู่กันก่อนแต่งไปเลย”


ประดิพัทธ์รู้สึกว่าเปลือกตาของตนเองนั้นหนักอึ้งจนแทบจะขยับให้เปิดรับภาพแทบไม่ได้ ศีรษะของเขาปวดร้าวไปหมด ชายหนุ่มกัดฟันข่มความปวดที่บริเวณปลายคาง

‘อินทรา’ พอนึกถึงหญิงสาวดวงตาของเขาแข็งกร้าวในเสี้ยววินาทีนั้น เมื่อลืมตาตื่นขึ้นได้ เขาถึงกับทะลึ่งพรวด สายตาของเขากวาดไปทั่วห้อง ไร้เสียง เงา และข้าวของเครื่องใช้ อินทราจากเขาไปแล้ว ประดิพัทธ์กรากไปที่ประตูแล้วเปิดมันออก แสงไฟระยิบระยับจากต้นไม้ในตอนนี้คล้ายแสงดาวที่มาพร้อมกับความมืดมนก่อนเขาจะหลับใหลไป ร่างสูงสง่าวิ่งออกไปยังที่เคาน์เตอร์ พนักงานสาวมองหน้าเขาแล้วคล้ายจะขยับปากถาม แต่ทุกคนก็ก้มหน้านิ่งทำงานของตนต่อไป

เขาเดินซอยเท้าเร็ว ๆ ไปทั่วบริเวณสวนไม้หน้ารีสอร์ต พบเพียงความว่างเปล่า เขากลับมาในห้องพักอีกรอบแล้วค้นหากระเป๋าสตางค์ของตนเอง มันหายไปด้วย เขารื้อหาสลัดผ้าห่มอีกครั้ง คราวนี้เขาพบมันนอนนิ่งอยู่ในถังขยะข้างเตียง

เขารีบไปเปิดมันดู พบว่าเงินสดของเขาหายไปสองพันบาท อินทราคงต้องการเพียงค่ารถกลับบ้าน เขาทรุดกายนั่งลงที่เตียงนอน เป็นครั้งแรกกับความผิดพลาดในลักษณะนี้


เมื่อรู้ว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ประดิพัทธ์จึงหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมานุ่ง ปลดกางเกงยีนส์ราคาแพงลงไปกองกับพื้นตามด้วยชุดชั้นในสีขาว เมื่อกำลังจะปลดกระดุมเม็ดบนของเสื้อยืดคอเชิ้ต ความรู้สึกผิดก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น กระดุมสองเม็ดขาดสะบั้นเหมือนกับที่กระดุมเสื้อของหญิงสาวร่วงกราวเป็นแถว ปทุมถันกลมกลึงได้สัดส่วนที่เขาเผลอสตินิ่งซบดื่มด่ำชอนไชหาที่มาของความหอมหวาน ประดิพัทธ์ยกมือของตัวเองขึ้นดอมดม กลิ่นกายสาวยังคงติดอยู่ให้อาวรณ์

เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเขาไม่อยากพะวงอยู่กับเรื่องที่ผ่านพ้น เขาหยิบรีโมทโทรทัศน์ขึ้นมา เพราะไอ้นี่หรอก ปัญหาถึงได้เกิดขึ้น เมื่อสัญญาณของมันทำงานภาพในทีวีที่เขาเบื่อหน่ายก็รีบเสนอหน้าออกมาต้อนรับ มีภาพโฆษณาน้ำยาล้างจานที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์

“สะอาดทั้งจาน สะอาดทั้งมือ” ประโยคนั้นเขาเป็นคนพูดเอง แต่วันนี้มือของเขาสกปรกเสียแล้ว ชายหนุ่มกดเปลี่ยนช่องรับไปเรื่อย ๆ วิธีการอย่างนี้มันสื่อออกมาจากใจที่ว้าวุ่นนั่นเอง เธอคงรักนายโชคชัยนั่นมาก ถึงได้ดิ้นรนขัดขืนเขาเต็มกำลัง แล้วที่นายพหลพูดนั่นหมายความว่าอย่างไร ต้องการปั่นหัวเขาเล่นอย่างนั้นหรือ

แล้วภาพในหน้าจอสี่เหลี่ยม ก็มาหยุดค้างที่ภาพเพลิงสีส้มผสมสีแดงฉานพร้อมกับกลุ่มควันที่พวยพุ่ง นักข่าวสาวหน้าตาด้อยกว่ายายอินทราด้วยซ้ำ ยืนรายงานสถานการณ์เพลิงไหม้ในสลัมบริเวณถนนลาดพร้าวด้วยความตื่นเต้น เขาผุดลุกขึ้นทันที มันใช่ที่เดียวกันหรือเปล่า


รังสิตานอนลืมตาโพลงบนที่นอนนุ่มรอบตัวมีมุ้งสีชมพูหวานครอบคลุม แม้อยู่ในห้องมิดชิดแต่เธอก็ยังรู้สึกไม่ไว้วางใจนัก หากเขาโมเมรวบหัวรวบหาง เธอจะตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างไรได้ หญิงสาวยิ้มนิด ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เธอสุดจะหวั่นใจ เมื่อละครจบลงจะมีรายการข่าว เธอไม่อยากลุ้นหรอกว่าจะมีข่าวโจรลักพาตัวเธอมาหรือเปล่า หรือถ้าข่าวมีจริง ๆ ผัวเมียเจ้าของบ้านจะจับพวกเธอไว้แล้วคิดเอาเงินรางวัลไหม แต่เมื่อละครจบ คั่นด้วยโฆษณาจอภาพก็มัวลายแล้วก็ดับวูบลง

“เป็นอะไร” รังสิตาต้องรีบถาม ด้วยเด็ก ๆ พากันหัวเสีย

“แบตเตอรี่หมด”

เธอถอนหายใจเฮือกพร้อมกับนายโชคชัย เมื่อไม่มีรายการโทรทัศน์ทีนี้ผู้เป็นเมียที่มีร่างอวบอ้วนก็ลุกขึ้นเข้าห้องเธอได้ยินเสียงคล้ายกับว่าจัดที่หลับที่นอน โชคชัยมองหน้าเธอ หญิงสาวนั่งนิ่ง ชายเจ้าของบ้านตักน้ำใส่ขันสแตนเลส ส่งมาให้ หญิงสาวรับขึ้นมาดื่ม เขาถามถึงเรื่องอาหารเย็น คนทั้งคู่ปฏิเสธ แต่ฝ่ายชายคะยั้นคะยอด้วยมีต้มไก่ป่าหม้อใหญ่ตั้งอยู่บนเตาถ่านพอดี เขาคดข้าวสวยก้นหมอมาให้สองจาน ตักต้มไก่ที่มีควันฉุยพร้อมกับโรยพริกคั่วลงไป น้ำลายของคนที่อิ่มไม่จริงเริ่มแตกซ่าน รังสิตารู้สึกว่าข้าวเย็นมื้อนั้นอร่อยพอ ๆ กับมื้อที่ยายของเด็กเหว่าหาให้

เมื่อกินอิ่มแล้ว หญิงเจ้าของบ้านก็เดินออกมาจากอีกห้องพร้อมกับแหนบผ้า สองแหนบ

“ผ้าถุงผืนนี้ยังไม่ได้ใช้เลย ส่วนเสื้อนี่” คนพูดเลื่อนเสื้อคอสี่เหลี่ยมลายลูกไม้แบบผู้ใหญ่สีชมพูสดมาให้ “ลูกสาวมันซื้อมาให้เมื่อตอนปีใหม่” รังสิตายิ้มหวานให้กับน้ำใจในครั้งนี้

“ของพ่อหนุ่มเอานี่ผ้าขาวม้ากับผ้าโสร่งกับเสื้อยืดของแถมจากน้ำมันเครื่องของตาแก่ ยังไม่ได้ใช้เลย อ้อ ลืมผ้าเช็ดตัวให้อีหนู” นางลุกไปเปิดห้องนั้นแล้วกลับมานั่งลงแล้วยื่นส่งให้

“ไป ลงไปอาบน้ำที่โอ่งข้างบ่อน้ำ ถ้าน้ำไม่มีก็ ‘สาวน้ำ’ ขึ้นมานะ ทำเป็นหรือเปล่า” นางหันไปหาชายหนุ่ม โชคชัยพยักหน้า ด้วยเห็นแล้วว่า เด็กเหว่านั้นสาวน้ำขึ้นมาอย่างไร

“ลงไปเลย เดี๋ยวดึกแล้วจะหนาวกว่านี้ สบู่ แฟซ่า ยาสีฟัน อยู่ตรงนั้นแหละ แต่แปรงใหม่ ๆ ไม่มี หรือว่ามีหว่า” พูดจบนางก็เดินไปที่ตู้กับข้าวไม้ใบไม่ใหญ่มากที่ตั้งอยู่ในครัว เปิดไปรื้อ ๆ ค้น ๆ ปากก็พูดไปว่า

“พวกลูก ๆ มันมาทีก็ซื้อติดมือมาฝาก อ้อมี โชคดีไป มีอันเดียวนะแบ่ง ๆ กันใช้ ผัวเมียกันไม่ต้องถือสา”

รังสิตามองหน้าชายหนุ่มที่หน้าแดงขึ้นมาเหมือนกัน

“มีลูกกี่คนหรือป้า”

“สามคน นังคนโตก็แม่ของไอ้พวกนี้แหละ ได้ผัวเป็นคนใต้ ทำงานในโรงงานด้วยกัน อีกสองคนเป็นผู้ชายมีลูกเมียกันแล้ว ทางแม่ยายเขาเลี้ยงกัน ไป ๆ”

เจ้าของบ้านเล่าไปเองบ้าง แขกทั้งสองซักไซ้เอาเรื่องเอาประโยชน์บ้าง จนกระทั่ง

“ อย่ามัวคุยเดี๋ยวยุงจะหามอีก”


เมื่อถือตะเกียงลงมายังบริเวณอาบน้ำ มีกะละมังใบใหญ่วางอยู่ข้างโอ่งลายมังกร ข้างโอ่งน้ำมีเสาไม้พาดไม้กระดานวางตะกร้าใส่สบู่ ยาสีฟันและผงซักฟอกแบบเป็นซอง รังสิตารู้สึกเขินขึ้นมาหากจะต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าชายหนุ่ม

“ทำอย่างไรดีล่ะ”

เขาไม่ตอบ แต่ไปที่บ่อน้ำแล้วโยนกระปี๊บน้ำที่มีปลายเชือกด้านหนึ่งผูกอยู่ ส่วนปลายเชือกอีกด้านผูกอยู่กับเสาที่อยู่ข้างบ่อป้องกันกระปี๊บและเชือกจมน้ำ เมื่อน้ำเต็มกระปี๊บเขา’ สาวเชือก’ ขึ้นมาด้วยพละกำลังอย่างช้างสาร รังสิตารีบไปชะโงกหน้าดู เห็นน้ำเต็มกระปี๊บและใบหน้าของเขาโปดปูนเพราะใช้กำลัง


“ไหวไหม”

“สบายมาก คุณเถอะ จะเอาอย่างไร”

“อาบทั้งชุดนี้แหละ แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าถุง” ว่าแล้วรังสิตาก็ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกระเป๋าเงินพร้อมกับแหนบเงินแบงก์พันออกมาส่งให้เขา

“ฝากไว้ก่อน” เขารับไว้แล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง ก่อนจะยกกระปี๊บน้ำไปเทใส่กะละมังใบใหญ่ หญิงสาวนั่งลง หยิบสบู่ แฟซ่ามาวางไว้ใกล้ตัว หล่อนอยากแปรงฟันก่อน เขาฉีกแปรงออกจากซองแล้วบีบยาสีฟันยื่นให้

“ให้ฉันใช้ก่อนแล้วกันนะ คุณใช้ทีหลัง”

“พรุ่งนี้ล่ะ”

“ตากน้ำค้างไว้ ขี้ฟันคุณคงหายหรอก”


รังสิตานอนพลิกไปพลิกมา หล่อนอยู่ในชุดผ้าถุงกับเสื้อสีชมพูหวานจ๋อย ส่วนเขาเองอยู่ในชุดโสร่งเสื้อยืดสีขาวมียี่ห้อน้ำมันเครื่องติดอยู่ด้านหลังตัวเบ่อเริ่ม ซึ่งไร้ชุดชั้นในเหมือนกัน อากาศที่เย็นยะเยือกพัดมาปะทะที่ข้างฝาก่อนจะเล็ดลอดเข้ามาตามช่องเล็ก ๆ รังสิตาถึงกับต้องห่อตัวด้วยฤทธิ์แรงลมหนาว หล่อนหนาวเพราะว่าลมหรือว่าหนาวเพราะคนที่นอนอยู่เคียงกันนะ


19.


โชคชัยนอนลืมตาโพลง ตาของเขาชนกับเพดานมุ้งสีชมพูหวาน นี่เจ้าของบ้านคงคิดว่าเขาและหญิงสาวเป็นผัวเมียกันจริง ๆ คืนนี้คนทั้งคู่ทำเหมือนกับส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหออย่างไรอย่างนั้น เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและซักผ้าตัวเดิมตากไว้ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา ในความสว่างของแสงตะเกียง เขาเห็นที่นอนกว้างสักเมตรแบบพับได้หลังเดียวปูทับด้วยผ้าปูที่นอนสีฟ้าเป็นลายดอกไม้วางอยู่บนเสื่อน้ำมันสีน้ำตาลแก่ มุ้งสีชมพูถูกกางอย่างเร่งรีบ หมอนหกสองใบกับผ้าห่มนวมผืนเดียวถูกส่งมาจากมือของเด็กหญิงวัยห้าขวบ

“ตามสบายนะไม่ต้องเกรงใจ”

โชคชัยอยากจะหัวเราะ ประโยคนั้นมันหมายความว่าอย่างไร แต่เขาก็พอนึกออก เมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าปุเลี่ยนแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พอเจ้าของห้องออกไปแล้วเขาจึงแกล้งเดินขย่มพื้นกระดานทดลองว่าจะมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดไหม

รังสิตาค้อนเขาวงใหญ่ก่อนจะเปิดมุ้งเข้าไปนั่ง เขาดับตะเกียงทันที เมื่อมุดมุ้งตามไป รังสิตายังคงนั่งนิ่ง

เขาเองก็นั่งนิ่ง แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง ซึ่งดังประสานกับการเต้นของหัวใจหญิงสาวอย่างหาจังหวะไม่ได้เช่นกัน

“นอนนะ” เสียงของเธอสั่น ๆ เขาหยิบหมอนสองใบมาตีไล่ฝุ่นทดสอบกำลังแขนก่อนจะเอื้อมไปวางลงเคียงกัน กลิ่นกายของเธอหอมจนเขาสูดลมหายใจเข้าปอดไปอย่างติด ๆ ขัด ๆ

รังสิตาก็เช่นกัน เขาเห็นถึงความสั่นสะท้านของผิวกายหญิงสาว

สั่นสู้หรือสั่นกลัวนะ เขาแอบคิดในใจ ผู้หญิงก็มีเลือดเนื้อเหมือนผู้ชาย

“นอนสิ” เธอบอกเขา เขาจึงล้มตัวลงนอน ด้วยที่นอนแคบจึงนอนหงายอย่างที่เคยนอนไม่ได้เพราะที่นอนอีกส่วนจะต้องแบ่งให้กับหญิงสาว เมื่อเห็นที่ว่าง เธอจึงล้มตัวลงนอนตามมาในท่าตะแคงหันหลังให้เช่นกัน

เสียงหัวใจเต้นไร้จังหวะยังคงดังประสานเสียงกันอยู่อย่างนั้น โชคชัยพยายามนึกถึงวันพรุ่งนี้ไว้ เมื่อตอนเย็นเขาโทรไปหาลุงอินตาแล้ว คืนนี้ลุงจะออกจากกรุงเทพฯ แล้วนำรถส่วนตัวของเขาที่จอดเอาผ้าปิดไว้ที่ข้างบ้านมารอรับที่เกริงกะเวีย ลุงจะรอที่ตรงนั้นก่อน แล้วถ้าเขาหาสัญญาณได้ เขาก็จะโทร ให้ลุงเจ้าของบ้านบอกทางเข้ามายังบ้านหลังนี้แก่ลุงอินตา แล้วเขาจะพาเธอไปไว้ที่ไหน เราจะพากันหนีไปไหน เขายกมือก่ายหน้าผาก

ยายเจ้าของกระท่อมบอกว่านี่คือการแต่งงานกันอีกรูปแบบหนึ่งของชาวบ้านนอก ‘รักกันหนาพากันหนี’ นี่เขาเกิดในยุคไหนกันนะ ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะแต่เมื่อนึกถึงโอกาสในค่ำคืนนี้ ใจของเขายิ่งสั่นสะท้าน เขาไม่เคยควบคุมมันเลย ทุกครั้งที่เขาอยากได้ใคร มันไม่ยากเย็นสำหรับคนที่หน้าตาดีและมีเงินมากมาย ข้อสัญญาเพียงบางคำทำให้เขาไม่มีใครติดตัว หรือถ้ารายใดดูมีใจให้เขา เขาก็จะเร่ไปหาคนอื่นที่พูดกันง่าย ๆ ที่ผ่านมาเขาไม่อยากมีปัญหากับผู้หญิง ชีวิตในวัยโสดเขาใช้มาเต็มที่แล้ว หากแต่คืนนี้เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขาเลย

เขาพลิกตัวกลับมาหาหญิงสาว หวังว่าเธอจะคิดเหมือนเขาบ้าง เขาอยากยื่นมือออกไปก่อน หากเธอตบกลับมา คืนนี้ เขาก็จะไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน แต่นี่ รังสิตาขยับไปประมาณสามเซนติเมตร มันอาจจะเป็นวิธีเรียกค่าตัวให้สูงขึ้นมา เขาสลัดความคิดนั้นทิ้งเสีย เหตุที่ทำให้เขากับเธอมานอนค้างอ้างแรมด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องบนเตียงหรอก เป็นเพียงความ อลวนอลหม่านมากกว่า

ร่างระหงยังคงนอนตะแคง แต่เขารู้ว่าจิตใจของเธอไม่นิ่งดั่งท่านอนก็เธอกอดอกและงอเข่าขึ้นอย่างคนที่หนาวเหน็บเขานึกถึงผ้าห่มเพียงผืนเดียวที่อยู่ปลายเท้า เขาใช้ปลายเท้าทั้งสองข้างหนีบมันขึ้นมา เมื่อเอื้อมมือถึง เขาก็คลี่ออกก่อนจะวางทับตัวเธอลงไปถึงต้นคอ ส่วนที่เหลือของผ้าห่มเขาดึงมาห่มที่เนินอกของตัวเอง เนินอกหนาแน่นนี้มีสาว ๆ หลายคนติดใจ แต่เขาไม่เคยได้กอดกระชับใครสักคนด้วยความรักและอยากแนบชิดสนิทเป็นของกันและกันเลยสักครั้ง

‘ดอกรัก’ ไม่เคยเบ่งบาน แต่สำหรับค่ำคืนนี้ เขาพลิกตัวกลับไปหาร่างของรังสิตาอีกรอบ เธอเองคงรู้ว่าเขาคิดอะไร เธอจึงพลิกตัวกลับมา ในความมืดแม้มองไม่เห็นความในใจจากดวงตา แต่โชคชัยรู้สึกว่า หญิงสาวก็พร้อมที่จะขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้ากับเขา


ความกระอักกระอ่วนปั่นป่วนในหัวใจทำให้รังสิตาลืมสำนึกผิดชอบชั่วดี เธอไม่สนแล้วว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหนหรือว่าเคยรักใครมาก่อน แต่สำหรับความหนาวเหน็บจนยะเยือกทั้งร่างกายนี้เธอจะต้องบำบัดรักษา เมื่อเธอพลิกตัวกลับมา ตาของเธอนั้นปิดความรู้สึกไว้ไม่มิดและเหมือนเขาจะคาดเดาความต้องการของเธอเหมือนกัน ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ เขายื่นมือออกมาก่อน เมื่อแตะบริเวณผิวต้นแขน เธอไม่คิดปัดป้อง เขาจึงใช้มือกำยำดุจมีพลังช้างสารตวัดร่างของเธอเข้าหาพร้อมกับที่เขาดันร่างตัวเองมาประกบ ริมฝีปากของเขาบดขยี้กับปากอิ่มได้รูป เธอตอบสนองเขากลับไปอย่างเร่าร้อนด้วยเคยมีประสบการณ์ ‘คิส’ กับพวกฝรั่งมาบ้าง มือของเขาไล่ไต่ไล้เข้าไปยังใต้ชายเสื้อ บริเวณกล้ามเนื้อต้นขาของเขาบดเบียดอยู่กับเนินช่วงล่างเพียงมีผ้าถุงกั้นของเธอ

“อย่า” เธอคิดถึงเจ้าของบ้านมากกว่า สรวงสวรรค์ตรงหน้า

“อย่า” เธอปฏิเสธซ้ำทั้งที่ใจนั้นเตลิดเปิดเปิง

เขาถอนปลายจมูกจากทรวงอกชูชัน แล้วเงยหน้าขึ้นหอบหายใจ เธอไม่ได้ปฏิเสธ แต่เธอคิดว่ามันยังไม่สมควร

“อย่า” เธอกระซิบกระซาบบอกเขาเบา ๆ ใบหน้าคมสันกดริมฝีปากปิดปากของเธอเพื่อลิ้มรสความหอมหวานจากปลายลิ้นอีกรอบ แล้วเธอก็ใช้ฟันกัดที่ปลายลิ้นเขาเพื่อเรียกสติคืน

“ผมรักคุณนะ” เขาถอนปากออกมาแล้วพูดความในใจ รังสิตาโอบมือรอบร่างกำยำของเขา เธอรู้สึกอุ่นขึ้นมาเหมือนติดฮีตเตอร์ไว้ในห้องนอนแล้วทีเดียว

“คุณรักผมไหม”

นี่แหละผู้ชาย พร้อมที่จะเรียกร้องความมั่นใจและความเป็นเจ้าของเต็มพื้นที่ รังสิตาเมินหน้าหนี หล่อนรักเขาอย่างนั้นหรือ แค่ลมหนาวที่พัดมาหรือเปล่า แต่หล่อนรู้สึกสับสนก่อนจะดันหน้าอกเขาให้ออกจากทรวงอกของตน

เขายังคงพลิกตัวกลับแล้วดึงใบหน้าของเธอให้เกยอยู่กับหน้าอกกว้าง รังสิตาได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้น มันดังตึกตักทีเดียว เธอใช้ฟันขบลงเบา ๆ ที่ตุ่มติ่งของเนินอกแล้วปลายจมูกก็ไล่ตามอย่างที่ไม่ต้องมีครูคนไหนคอยชี้แจงและให้เหตุผล ธรรมชาติสร้างชายหญิงมาให้คู่กัน พระพรหมลิขิตเขามาให้เธอ ถ้าไม่มีเหตุการณ์ต่าง ๆ มารองรับเธอจะมาอยู่ในอ้อมกอดเขาได้อย่างไร

“ฉันก็รักคุณ”

เมื่อได้ยินเขาดึงใบหน้าเธอขึ้นไป แล้วร่างสองร่างก็เคลื่อนไหวเนิบนาบแผ่วเบา จนเจ้าของบ้านที่นอนอยู่บนเรือนด้วยกันไม่ได้รู้สึกว่าถูกรบกวนสักนิด


ด้วยทนกับความรู้สึกของตัวเองไม่ไหวประดิพัทธ์จึงลุกขึ้นเก็บของลงกระเป๋า เขาใช้โทรศัพท์ภายในเรียกหารีเซฟชั่น สอบถามถึงเบอร์ของนมแสงเพื่อบอกเล่าถึงเรื่องที่ต้องเร่งรีบเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ

“หากได้ข่าวเขาทั้งสองคนแล้ว โทรหาผมด้วยนะครับ”

วางสายลงแล้วเขาหิ้วกระเป๋าออกมาที่เคาน์เตอร์พนักงานบอกว่า เสี่ยสั่งไว้ว่า ไม่ต้องชำระค่าห้องพัก เขาหิ้วกระเป๋าไปยังรถยนต์ส่วนตัว พลางกดเบอร์ของอินทรา เขาอยากรู้ว่าตอนนี้หล่อนอยู่ที่ไหน มีแต่สัญญาณตอบกลับมาว่า ‘ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’ เขารู้สึกหงุดหงิดจนกระทั่งต้องโยนโทรศัพท์ไปที่เบาะด้านข้าง แล้วเขาก็นึกถึงโชคชัยขึ้นมาได้ เขาหยิบโทรศัพท์กลับมากดเบอร์ชายหนุ่ม มีข้อความแบบเดียวกันทักทายกลับมา เขาขับรถออกจากรีสอร์ตด้วยความรู้สึกหงุดหงิดรู้สึกผิดยิ่งกว่าตอนเข้ามาเสียอีก

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของอินทรายังดังรบกวนโสตประสาทเขา ระยะทางจากศรีสวัสดิ์มายังกาญจนบุรีป้ายบอกว่าร้อยกว่ากิโลเมตร เขารู้สึกว่าถนนที่วิ่งลัดเลาะตามไหล่เขาผ่านป่าทึบเป็นบางช่วงนั้นไม่น่าจะมีระยะทางเพียงแค่นั้น เท้าที่กดลงไปยังคันเร่งน้ำมันแทบไม่ได้เลื่อนมาแตะที่เบรก

เขาจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่อใครนะ พ่อแม่ก็มีพี่น้องคอยดูแลอยู่แล้ว ลูกหรือเมริษาก็เลี้ยงดูเป็นอย่างดี เขาเหมือนตัวคนเดียว หากตายไปก็คงไม่มีใครมาร้องไห้นานนัก เขาไม่ดีอย่างนี้ เขาควรจะตายเสีย รถของเขายังแล่นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงทางโค้งที่มีศาลาคนพักตั้งอยู่ แสงไฟจากหน้ารถสาดไป เขาเห็นมีคนนั่งซุกอยู่ที่เสาด้านใน รถที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงเลยไป เมื่อเขาเบรกกะทันหัน ทำให้รถเสียหลัก เขาบังคับพวงมาลัยให้นิ่งเต็มที่จนกระทั่งรถสงบลง เขารีบบังคับรถให้เดินหน้าถอยหลังเพื่อจะกลับลำ เมื่อเขาขับรถเคลื่อนไปยังศาลาอีกรอบ พบเพียงความว่างเปล่า เขารีบลงจากรถแล้วตะโกนก้อง

“อินทราผมขอโทษ ผมขอโทษ คุณได้ยินไหม ผมขอโทษ” เสียงของเขาดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เขาทรุดกายนั่งลง เป็นผีข้างถนนที่หลอนเขาอย่างนั้นหรือ ความหวาดกลัวต่อสิ่งที่มองไม่เห็นไม่มีอยู่ในใจเขา ประดิพัทธ์สาวเท้าก้าวไปในศาลาด้วยทีท่าอ่อนระโหยโรยแรง แล้วเขาก็ต้องตกใจ ด้วยเสียง

‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!’

แล้วเจ้าของร่างก็รีบวิ่งออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง

“อินทรา”

ใบหน้าของหญิงสาวยังคงตื่นตระหนก น้ำตาของเธอยังไหลอาบแก้ม

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”

อินทรายืนตัวสั่นเทิ้ม เขารีบเดินไปหาแล้วรวบร่างเพรียวลมเข้าสู่อ้อมกอด

“คุณเป็นอะไร”

หญิงสาวผลักไสเขาแล้วทุบตีเป็นพัลวัน

“ตีผมให้ตายไปเลย ผมขอโทษนะ ผมขอโทษ คุณร้องทำไม”

“ฉันกลัวผี ใบไม้ด้านหลังมันดังกร๊อบแกร๊บ” น้ำเสียงของคนเล่ายังตื่นตระหนก เขาดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดอีกรอบ

“ขวัญมานะ ไป ขึ้นรถกลับบ้านกรุงเทพฯ ”

“ไม่อยู่รอพวกเขาก่อนหรือ”

“เดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า ตอนนี้ทางกรุงเทพฯ มีเรื่องสำคัญกว่า” ประดิพัทธ์ยื่นมือไปดึงกระเป๋าสะพายของหญิงสาวมาถือแล้วใช้มืออีกข้างกุมมือเธอไว้ อินทราไม่ปัดป้อง จนกระทั่งเขาไปเปิดประตูด้านหลังแล้วโยนกระเป๋าใบเล็กไปกองไว้กับกระเป๋าใบใหญ่ของเขา

เพราะกระเป๋าเพียงใบเดียวทำให้พวกเขาทั้งสี่คนมาเจอะกัน

ผจญภัยแรมวันแรมคืนจนกระทั่งดอกรักเริ่มเบ่งบาน

ประดิพัทธ์เปิดประตูรถด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร แล้วดันตัวอินทราให้เข้าไป เมื่อเจ้าหล่อนนั่งอยู่บนเบาะแล้ว เขาถือวิสาสะก้มลงไปคร่อมร่างเล็กนั้นไว้ อินทรานั่งนิ่งมองไปข้างหน้าโดยที่เขาคาดเดาความรู้สึกของหญิงสาวไม่ได้ สายตาของเขาที่แลสบตาไป แม้พบดวงตากลม แต่แววตานั้นหาได้สนใจใบหน้าของเขาไม่ เขาแลเหลือบสู่ทรวงอก เห็นเพียงรังดุมที่ลูกของมันหล่นเกลื่อนอยู่ในห้อง

“ผมขอโทษนะ คุณให้อภัยผมได้ไหม”

หยาดน้ำตาค่อย ๆ หลั่งรินมาจากหน่วยตาดำทั้งสองข้าง เธอไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่เธอปล่อยให้น้ำตาและสายตาเย็นชาเป็นคำตอบสำหรับคำถามนั้น


ระยะทางตั้งแต่ศรีสวัสดิ์ถึงเมืองกาญจนบุรีในยามวิกาลนานทีถึงจะมีรถสวนทางกัน ความเงียบงันของคนข้าง ๆ ทำให้จิตใจของเขาพลอยทุรนทุราย หากเธอด่าเขาหรือเตะต่อยเขา เขาคงหาวาจาตอบโต้แต่นี่

“ผมหิวข้าว”

เมื่อรถถึงเมืองกาญจนบุรีเขาจอดรถแล้วเดินไปเข้าร้านเซเว่น อินทราเองก็ลงจากรถแล้วเดินทอดน่องมองหาอาหารใส่ท้อง เธอไปหยุดที่ร้านข้าวมันไก่ข้างถนน นึกถึงเงินแบงก์พันที่เธอแอบหยิบของเขามา เธอไม่ได้ลัก แต่เมื่อต้องเดินทางเงินเป็นสิ่งจำเป็น ขอบคุณรถขนผักที่ยอมให้เธอเกาะท้ายรถมาลงที่ตรงนั้น พอเธอโบกมือเรียกอีกก็ไม่มีใครจอดรับสักคัน จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ความกลัวเข้ามาเยือน หากไม่ได้พบเขาในค่ำคืนนี้ ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร

แม่ค้าข้าวมันไก่ยกจานข้าวมาวางไว้เคียงกับถ้วยน้ำจิ้ม น้ำอัดลมแบบกระป๋องถูกยื่นมาจากมือที่มีไรขน มือนี้หรอกที่ได้สัมผัสทรวงอกของเธอเป็นคนแรก อินทราก้มลงตักข้าวเข้าปากเงียบ ๆ เขาเปิดกระป๋องน้ำอัดลมแล้วยัดหลอดเลื่อนไปให้

“ผมขอข้าวมันจานหนึ่งเหมือนกัน” แม่ค้ายิ้มหวานมาหา เพราะเขาคือดาราในดวงใจ

“จานสะอาด มือสะอาด” เมื่อวางจานข้าวแล้วแม่ค้าก็ดึงสำนวนในโฆษณามาเรียกร้องความสนใจจากตัวเขาคนขี้เล่น ทั้งประเทศรู้จักเขาในฐานะดารา พิธีกรขี้เล่น แต่เธอที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามหาได้สนใจกับแววตาขี้เล่น
ของเขาสักนิด

“อร่อยจังเลย” เขาหันไปคุยกับแม่ค้าแทน

“ยังไม่ได้ตักเข้าปากเลย ปากหวานจังเลยพ่อ” แม่ค้าโต้กลับ ลูกค้าที่มายืนรอเริ่มส่งสายตาเป็นมิตรมาหา ประดิพัทธ์ยิ้มให้ทุก ๆ คน

“คนนี้ใช่ไหมที่เป็นข่าวด้วยกัน” อีกคนที่พอรู้เรื่องในหนังสือพิมพ์ถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจ อินทราก้มหน้าตักข้าวเข้าปากนิ่ง

“ครับ คนนี้แหละครับแฟนผม เรากำลังจะแต่งงานกันครับ” เมื่อเขาพูดจบมีเสียงปรบมือเฮขึ้นจากไทยมุง

อินทราเงยหน้ามองเขาทันที

เธอรู้ว่าเขาพูดไปเพียง ‘ขายผ้าเอาหน้ารอด’ เท่านั้นเอง แล้วชื่อเสียงเธอล่ะ วันหนึ่งเธอจะต้องมีชื่อเสียงและชื่อเสียขึ้นมาก ก็เพราะปากพล่อย ๆ แบบนี้ของเขา

เสียงของชาวบ้านยังดังทักทายชวนประดิพัทธ์คุยอย่างเซ็งแซ่ บางคนก็เข้ามารอลายเซ็นบางคนก็ถือโอกาสมาขอถ่ายรูป บางคนก็บอกว่า ขอถ่ายรูปคู่ระหว่างว่าที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาว อินทรานั่งนิ่งไม่ไหวติง แม้เขาจะกระซี้กระแซะหรือชวนหยอกเอินให้คนเฮฮา แต่เธอก็ยังนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น อยากดูเหมือนกันว่า ‘ผ้า’ ที่เขาขายนั้นจะหมดไปอย่างไร

“ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีเธอไม่ค่อยสบาย”

“ไม่คิดตังค์ค่ะ มีแค่รูปคู่กับคุณก็คุ้มแล้ว” เจ้าของร้านบอกด้วยน้ำเสียงยินดีและใบหน้ายิ้มแย้ม เขาลุกขึ้นแล้วส่งมือให้หญิงสาวลุกขึ้นตาม ขณะที่เท้ากำลังจะหมุนออกจากโต๊ะอาหาร ข่าวภาคดึกจากจอสี่เหลี่ยมของร้านขายน้ำผลไม้ปั่นก็ดังมาให้อินทราหยุดชะงัก

รายงานความคืบหน้าของข่าวเพลิงไหม้ในชุมชนแออัดบนถนนลาดพร้าว อินทรากรากไปยังหน้าจอทันที

มีสัมภาษณ์แม่ของเธอด้วย

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงดีใจ แต่นี่ ความฉิบหายวายป่วงเกิดขึ้น

มันเป็นสัมภาษณ์ญาติของผู้เสียชีวิต แม่เธอมีน้ำตานองหน้า อินทราร่ำไห้ ก้อนสะอื้นจุกที่คอหอยหายใจไม่ออกแล้วโลกก็ดับมืดลง


ในรถเบนซ์ของเขาที่แล่นด้วยความเร็ว เพื่อวิ่งเข้าไปสู่ชุมชนแออัดที่ถูกไฟเผา อินทรายังมีน้ำตานองหน้า หญิงสาวพร่ำแต่คำว่า “พ่อ พ่อ พ่อ” แล้วหน้าตาก็เบะบี้

“ไม่จริงใช่ไหม” เธอพูดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประดิพัทธ์หันมามองด้วยความรู้สึกเป็นห่วง เขาอยากจะจอดรถแล้วดึงเธอมากอดปลอบใจไว้เหลือเกิน

“ไม่จริงใช่ไหม” อินทรายังสะอื้นฮัก ๆ เขาไม่รู้ว่าเธอเสียใจเรื่องอะไรบ้าง แต่ตั้งแต่เมื่อเช้า อินทราเสียใจมาหลายเรื่องแล้ว แต่มันไม่น่ามีเรื่องของเขาปนอยู่ด้วยเลย

“ทำใจดี ๆ ไว้ แม่เธอยังอยู่ น้องเธอยังอยู่นะ”

เมื่อได้ยินเสียงเขา อินทราร้องไห้อีก

“แล้วผมก็ยังอยู่ทั้งคน ผมไม่ปล่อยให้คุณลำบากหรอก

อินทรานิ่งงันทันที คำพูดนี้ ทำให้เธอนึกถึงโชคชัยขึ้นมา เขาคนนั้นก็จะไม่ปล่อยให้เธอลำบากหรอก แล้วตอนนี้เขาเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหน ในป่าเปลี่ยวเขากับคุณรังสิตา จะรอดชีวิตจากสัตว์ร้ายหรือคนใจคอโหดร้ายอย่างพ่อเลี้ยงสาธรได้ไหม


“อะไรนะจนป่านนี้พวกเอ็งยังไม่ได้ร่องรอยของไอ้อีสองตัวนั่นอีกหรือ” เสี่ยสาธรโมโหยกใหญ่ เมื่อลูกสมุนโทรรายงานมา

“เส้นทางกลับมาทางถ้ำพระธาตุ เอราวัณ พวกผมปูพรมเลยทีเดียวครับ ส่วนทางหมู่บ้านโพจินั้นพวกผู้ใหญ่บ้านที่คุ้นกับเราก็ต่างเกณฑ์ลูกบ้านหาตัวกันให้ควั่กไปหมด ผมว่าถ้าไม่ได้ผ่านสองทางนี้ คุณหนูก็คงพากันเดินมุ่งหน้าเข้าป่าแน่ ๆ ครับ”

“ฉิบหายล่ะ ถ้ามาเส้นนั้นมีแต่ตายกับตาย”

“พวกผมก็ไม่อยากเข้าไปตามในเส้นนั้นนะครับ เสี่ยก็รู้ว่าสิงห์สาราสัตว์มันเยอะขนาดไหน”

“เยอะขนาดไหนก็ต้องไป”

“แต่ค่าแรงมันจะสูงขึ้นนะครับ ถ้าไปแล้วพวกเราไปเป็นอะไร ใครจะรับผิดชอบ ลูกเมียพวกเรามีกันนะครับ”

“ถ้าไม่เห็นศพมันแล้วจะรู้ได้ไงว่ามันตายหรือไม่ตาย หากมันรอดกันไปได้ มันก็ไปเสวยสุขแล้วกูที่อยู่ทางนี้ล่ะ”

“เสี่ยก็ทำให้มันเล็กลง อะไรที่ไม่ใช่ของเรา อะไรที่เป็นของพ่อเลี้ยงเขา ก็ให้เขาเข้ามาบริหาร”

“สัตว์เอ๊ย! กูให้ช่วยแก้ปัญหา ไม่ได้ให้มาตัดปัญหาออกไปแบบนี้ แล้วกูจะเอาเงินที่ไหนมาหาเสียง กูจะเอาบารมีที่ไหนมาสยายปีกให้คนรู้จัก”

“แล้วเสี่ยมีความสุขหรือครับ”

“ไอ้ เสี่ยสาธรอยากจะด่าลูกน้องให้หายคั่งแค้นใจ แต่ทำไม วันนี้มันถึงกล้าต่อปากต่อคำ เป็นเพราะอะไร

“ผมเองก็เหนื่อยนะครับเสี่ย รู้ไหมผมไม่ได้นอนเลยสองคืนแล้ว คุณหนูเธอจะไปก็ปล่อยเธอไปเถอะ หรือถ้าคุณหนูเธอตาย อย่างไรเสีย เสี่ยก็เหลือเท่าที่เสี่ยมีเท่านั้น ตกลงผมจะเลิกตามหาคุณหนูนะครับ พวกผมจะกลับบ้านกันแล้ว คิดถึงลูกเมียเหมือนกัน”

เสี่ยสาธรอยากจะผรุสวาทต่อ แต่เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งแข็ง เขาจำต้องอ่อนตาม นมแสงที่ยืนฟังความอยู่เดินเข้ามาหา ใบหน้าของนมแสงนั้นปูดบวมเนื่องจากเสียน้ำตาให้กับคุณหนูไปไม่ใช่น้อยเหมือนกัน

“หากคุณหนูตายแสงก็คงไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว”

“บ้ากันไปใหญ่ มันไม่ตายง่าย ๆ หรอก มันยังอยู่ แต่คนที่จะตายคือพวกเราทั้งหมด มันจะเหลือแต่ตัว มันจะไม่มีอะไรเลย”

“ทำไมจะไม่มีละคะ เมื่อก่อนเรามีกันแค่นิด ๆ หน่อย ๆ เราก็อยู่กันมาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเสี่ยอยากมีมาก ๆ เข้าไว้ มันถึงได้เหนื่อยกันอย่างนี้” นมแสงเถียงขึ้น

“อีกแล้ว เป็นไปกับพวกมันอีกแล้ว สงสัยนักพวกมันไปเจอะพระธุดงค์หรืออย่างไร นิสัยถึงได้ดีขึ้นผิดหูผิดตา มันมีรึวะ คนที่เจอะพระแล้วดีขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ภายในวันเดียวมันมีรึวะ”

เสี่ยสาธรโวยวายก่อนจะเดินไปที่บาร์เหล้าแล้วรินใส่แก้วกระดกลงคอ ด้วยโมโห ด้วยเหล้ามันร้อนและคอก็ตะเบ็งมากไป ทำให้น้ำสีอำพันไหลย้อนกลับด้วยสำลัก เสี่ยสาธรไอค็อกแค็กแก้วในมือหล่นกระจาย น้ำหูน้ำตาไหลออกมา

“โอ๊ย! เกิดอะไรขึ้น ผมเป็นอะไร นมแสง นมแสง เตี่ย แม่ ช่วยผมด้วย พระ ช่วยผมด้วย”

แล้วร่างของเสี่ยสาธรก็ชักดิ้นจนตาค้าง



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2554, 20:12:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2554, 20:12:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 2055





<< 17.อลวน ถนน หัวใจ   20 อลวน ถนน หัวใจ >>
คิมหันตุ์ 19 ส.ค. 2554, 23:51:20 น.
อ่าวสำลักเหล้าตายหนีหนี้หรอเสี่ย อิอิ. สนุกจังเลยมาไวไวนะคะ รออยู่ๆ


innam 20 ส.ค. 2554, 15:29:47 น.
ตามเป็นกำลังใจ


Sansanook 20 ส.ค. 2554, 21:59:29 น.
หายไปนานเลยนะค่ะ

สงสารอินทราจัง หลายเรื่องในวันเดียว จะประสาทกินรึปล่าวก็ไม่รู้


Zephyr 21 ส.ค. 2554, 20:57:34 น.
อ่าว ตาโชคชัยเรียบร้อยยัยสิตาไปแล้วอ่า โธ่ อยากให้คู่หนูอินอ่า ยังงี้หนูอินคู่ลุงพัทธสินะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account