อลวน ถนน หัวใจ (จบแล้ว)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 20 อลวน ถนน หัวใจ

20.

(วันที่ 5)

ในเวลาเช้าตรู่เสียงนกดุเหว่าที่จับอยู่บนต้นยางใหญ่ด้านหลังบ้านส่งเสียงร้องกังวานก้อง นกกระจิบที่เกาะอยู่บนต้นมะม่วงนั่นก็อีกเล่า เสียงของมันช่างเพราะเสนาะหูเสียเหลือเกิน เสียงแบบนี้แหละคือสิ่งที่รังสิตาฝันถึง เธออยากมีชีวิตสงบ ๆ แบบในวัยเด็กบ้าง หญิงสาวนึกถึงตอนที่ครอบครัวยังลำบาก การได้ติดตามเตี่ยและแม่ไปทำงานในบ่อพลอยทำให้เธอคุ้นเคยกับคนใช้แรงงาน รังสิตานึกถึงเด็กหญิงเหว่า วันข้างหน้าของเด็กหน้าตามีเค้าความสวยจะเป็นอย่างไร พ่อแม่เด็กเหว่าไปไหน หากยายตายไป เหว่าจะเป็นอย่างไร

“ตื่นแล้วหรือ” ร่างเปลือยเปล่าที่เธอเกาะก่ายอยู่นั้นพลิกตัวมาสวมกอดแล้วจูบเน้นหนักลงที่กลางกระหม่อม รังสิตาซุกจมูกลงที่ซอกคอของเขา

“เพลียไหม” เขาถามเธอเบา ๆ รังสิตาทุบหยอกคืนไปยังทรวงอกกว้างซึ่งมีไรขนขึ้นพอให้ลูบคลำเล่นเป็นคำตอบ

“เมื่อคืนผมนอนหลับฝันดี”

“ฝันว่า?”

“นางฟ้าจุติลงมาสู่อ้อมกอดคนยากเช่นผม” เมื่อได้ยินรังสิตากอดรัดเขาแน่นขึ้นเป็นคำตอบ

“คุณเป็นเมียผมแล้วนะ ต่อไปชีวิตผมจะมีแต่คุณ” เขาไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้พูดคำนี้ออกมา แต่เขามั่นใจว่า เธอคือคนที่เขาเฝ้ามองหามานาน เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกตรึงตราตั้งแต่แรกเห็น คงเป็นพรมลิขิตอย่างแน่นอน หากเขาไม่ดิ้นรนออกมาจากบ้าน เขาก็จะไม่ได้พบเธอ เมื่อเขามีเจ้าของที่พ่อต้องถูกใจ รับรองว่าพ่อจะต้องตามใจเขาอย่างแน่นอน

เมื่อได้ยินคำของเขา รังสิตามีหยาดน้ำตาหล่นลงที่ทรวงอกของเขา

“คุณเสียใจหรือ” เขาถามขึ้น

“เปล่า ฉันดีใจว่าฉันได้พบคนที่ฉันรัก ฉันรอ และตามหามานาน” รังสิตาไม่บิดบังความรู้สึก ด้วยเขาคงรู้ว่าเธอสะอาดผุดผ่องขนาดไหน หากเขาทิ้งเธอไปหรือเขามีเจ้าของแล้ว ‘แค่นี้’ เธอก็คิดว่าพอแล้วสำหรับความสาวที่ถนอมไว้

เมื่อเป็นฝ่ายเสีย รังสิตาจึงไม่กล้าคิดอะไรต่อไปมากนัก

เสียงกุกกักที่ในครัวปลุกให้คนทั้งคู่ที่นอนก่ายเกยได้สติ

“ฉันคงต้องออกไปช่วยป้าเขาทำกับข้าวบ้าง เพราะมันเป็นหน้าที่ของเมีย”

“คุณจะอาบน้ำไหม ผมจะไปตักขึ้นจากบ่อมาให้” มือของเขายังลูบไล้อยู่ที่ทรวงอกเต่งตึงอย่างไม่อยากจากหนี

“พอแล้ว” รังสิตาลุกขึ้นแล้วคว้าเสื้อมาสวมแล้วก็ดึงผ้าขึ้นมานุ่ง

“อย่าออกไปทั้งแบบนี้เลย มันยังโป๊อยู่นะ” ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นพยายามจัดของสงวนก่อนจะนุ่งโสร่งตัวใหม่ที่เจ้าของบ้านให้มา เขาสวมเสื้อยืดดึงมันมาปิดที่ต้นขา

รังสิตาเปิดมุ้งสีชมพูออกไป เขาตามออกไปแล้วปลดสายมุ้งช่วยกันพับ รังสิตาก้มลงหยิบผ้านวมมาพับ แล้วเขาแทบผงะเมื่อเห็นเลือดเปื้อนผ้าปูที่นอนเป็นดวงใหญ่ รังสิตาหน้าแดงในทันที

“คุณเจ็บไหม” เขาละผ้าปูที่นอนแล้วลุกขึ้นมาเชยคางหญิงสาวขึ้น รังสิตาก้มหน้างุด เขาจูบเธอที่พวงแก้มแล้วเลื่อนมาที่ปากได้รูป

“ชื่นใจผมจริง”

รังสิตาก้มลงสำรวจตัวเอง เขาเอาผ้าขนหนูมาห่มให้ หญิงสาวเปิดประตูออกไป เขาหันกลับไปคว้าผ้าปูมาพับไว้จนเรียบกริบ เขาจะขอซื้อผ้าผืนนี้จากป้า เอากลับติดตัวไปด้วย มันต้องซื้อเครื่องนอนไปทั้งชุดนี่แหละ ซื้อไปเก็บไว้เพื่อให้ลูกภูมิใจว่า พ่อกับแม่นั้นมีตำนานรักที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย


เมื่อเห็นสภาพสลัมตรงหน้า อินทราที่คิดว่าเข้มแข็งถึงกับเป็นลมล้มตึงอีกรอบ นักข่าวที่พอรู้จักประดิพัทธ์และรู้เรื่องคลิปฉาวกรากเข้ามาหาทันที

“ผมกำลังดูแฟนผมอยู่ พวกคุณถอยไปก่อนได้ไหม” เขาช้อนร่างเล็กขึ้นมาแล้วอุ้มฝ่ากองสัมภาระที่ชาวบ้านช่วยกันขนหนีไฟออกมา นักข่าวยังตามกดภาพไม่เลิก

“อินทรา อินทรา”

หน่วยพยาบาลที่มาตั้งค่ายช่วยเหลือรีบหยิบแอมโมเนียมาให้

“เธอพักผ่อนน้อยด้วยครับ เลยเป็นอย่างนี้” พยาบาลจ้องหน้าแล้วยิ้มขำ ก็ที่ซอกคอของหญิงสาวมีรอยแดงเป็นจ้ำ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ล่ะ

ประดิพัทธ์นั่งเฝ้ากุมมือของเธอไว้อย่างไม่คิดห่างไปไหน จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นของนายพหล

“หวานออกอากาศเชียวนะแก เอาจริงหรือว้า ของเหลือเดนนะโว้ย”

เขาจะทนฟังอยู่ได้อย่างไร นักข่าวยังคงเอากล้องตามติดเหมือนกับว่า รายการคู่รักของเขาน่าสนใจกว่าข่าวไฟไหม้อย่างนั้น

ตกลงเขารักเธอหรือว่าจะต้องตกบันไดพลอยโจนกันแน่ ในขณะที่นักข่าวมุงทำข่าว ร่างผู้เป็นแม่ของอินทราที่มีน้องชายเดินตามก็กรากเข้ามา เมื่อมาเห็นว่าเขานั่งจับมือลูกสาวที่นอนไม่ได้สติ นางก็ปรี่เข้ามาทุบตีอย่างไม่ยั้ง

“ไอ้คนใจสัตว์ มึงทำอะไรลูกกู”

“แม่ อย่า” ลูกชายวัยสิบแปดซึ่งแต่งตัวแบบ ‘เด็กแซป’ ร้องห้ามเสียงหลง

“ขอกูตีมันให้หนำใจหน่อยเถอะ รู้ไหมว่ากูอายชาวบ้านไปถึงไหนแล้ว” ยิ่งนางระบายกล้องนักข่าวก็ยิ่งรุมถ่ายทำกันยกใหญ่

ประดิพัทธ์ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร ใบหน้าของเขาที่คนไทยทั้งประเทศได้เห็นก็คือ เลิ่กลั่กแล้วเขาก็เอ่ยปากรับสภาพตัวเองออกไป

“ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างครับ ผมจะแต่งงานกับเธอภายในเร็ววันนี้” เมื่อประดิพัทธ์รับปาก คนเป็นแม่จึงสงบลงก่อนปรี่เข้าไปกอดลูกสาวที่ยังนอนแน่นิ่ง

“อินลูกแม่เหลือกันแค่สามคนแล้วนะ พ่อของเอ็งไปที่ชอบแล้วนะ แล้วแม่จะด่าใคร แม่จะทะเลาะกับใคร มันหนีแม่ไปแล้ว” นางยังคงร้องห่มร้องไห้อย่างไร้สติเหมือนเดิม


เมื่อหมอบอกว่าอาการของอินทรานั้นจะต้องนอนพักดูอาการหลายวัน เขาจึงตัดสินใจขอให้หมอส่งหญิงสาวเข้าโรงพยาบาลเอกชน ระหว่างเธอกับเขาจะต้องมีความเป็นส่วนตัว นักข่าวจะเอากล้องมาจ่อแล้วฉวยโอกาสทำข่าวอย่างนี้อีกไม่ได้ แต่เมื่อพลาดไปแล้ว เมื่อเป็นดังนั้นไปแล้วเขาก็ได้แต่ถอนหายใจ ชีวิตมันควบคุมอะไรไม่ได้จริง ๆ อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิด

ไม่เฉพาะแต่ลูกสาวเท่านั้นที่มายังโรงพยาบาล ผู้เป็นแม่และน้องชายที่ไร้บ้านพักอาศัยไร้ข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าอย่างสิ้นเชิงก็ตามเขามาด้วย ประดิพัทธ์นั่งมองว่าที่แม่ยายและน้องชายแนวเด็กแซปของหญิงสาว อินทราแกร่งได้ถึงขนาดนี้เพราะสภาพแวดล้อมอย่างนั้นหรือ เขารับผิดชอบเธอได้ แล้วเขาสามารถที่จะรับผิดชอบญาติกาของเธอด้วยได้ไหม

“กินข้าวกันหรือยังครับ” เมื่อเห็นว่าลูกสาวได้รับการดูแลเป็นอย่างดี น้ำเสียงและทีท่าของนางจึงสงบลงคล้ายจะเจียมตัวมากขึ้น

ประดิพัทธ์เปิดกระเป๋าแล้วส่งเงินให้สองพัน

“แม่” เขาเอ่ยคำนั้นโดยไม่อยากเย็นนัก ด้วยต่อไปนางจะต้องเป็นแม่ยายเขาอย่างแน่นอน และเด็กชายก็จะต้องเป็นน้องชายของเขา ที่เขาจะต้องเอามาขัดเกลาให้เป็นเด็กปกติให้ได้

“แม่เอาเงินนี่พาน้องไปซื้อเสื้อผ้ามาเปลี่ยน แล้วก็หาอะไรกินกันเลยนะครับ ผมจะเฝ้าอินทราเขาเอง”

“คุณเป็นผัวมันแล้วใช่ไหม”

“ครับ เธอเป็นเมียผมแล้ว บางทีเธออาจจะท้องก็ได้ครับถึงได้อ่อนเพลียอย่างนี้” เขารับสมอ้างแล้วถือโอกาสโกหกผสมโรงไปเสีย

“แล้วไอ้คนขับแท็กซี่มันหายไปไหนล่ะ มันมารับยายอินไม่ใช่เหรอ ตอนแรกฉันไม่คิดว่าจะเป็นคุณหรอก คิดว่ามันใฝ่ต่ำไปกับคนขับแท็กซี่”

เมื่อได้พูดนางก็ยั้งปากไม่อยู่เหมือนเคย

“ผมให้เขามารับแทนครับ แม่ไปเถอะครับ”

เมื่อเห็นเงินลูกชายของนางจึงรีบดึงแม่ออกไป
“เขาอยากอยู่กันตามลำพัง แม่ก็เป็นก้างเขาอยู่ได้”

“มึงจะเอาแค่สองพันหรือจะเอาเงินหมื่น” นางรีบบอกความในใจให้ลูกชายได้รับรู้

“แม่รีบกลับไปที่สลัมดีกว่า ทางกรุงเทพฯ เขาบอกว่าจะช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต ตรงนี้อย่างไรก็ได้อยู่แล้ว เรารีบแจ้งความตรงโน้นกัน ดีไม่ดีจะได้เงินช่วยจากคนที่เขาสงสารอีก แม่ร้องไห้แสดงเก่งอยู่แล้ว”

“มึงจะขายพ่อกินหรืออย่างไร นั่นน่ะพ่อมึงนะ” คนเป็นแม่มีเสียงสูงปรี๊ดขึ้น

“ทางนี้ก็ลูกสาวแม่เหมือนกันแหละ แม่จะขายพี่อินเขากินหรือไง” ลูกชายก็ยังเถียงไม่ลดละ พยาบาลที่เดินสวนทางมายิ้มขำเมื่อเห็นแม่กับลูกที่มีหน้าตามอมแมม ซึ่งคนทั้งประเทศรู้แล้วว่า พวกเขากำลังจะเกี่ยวดองอยู่กับพ่อดาราหน้าเป็น

แล้วชีวิตของพ่อดาราคนนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ


อินทรารู้สึกว่าเปลือกตาของเธอหนักอึ้งไปหมด หญิงสาวขยับปลายนิ้วข้างซ้าย อยากจะยกแขนขึ้นแต่ก็รู้สึกตึงและเจ็บแปลบขึ้นมา คงเป็นเพราะเข็มน้ำเกลือ

“อินทรา” เป็นเสียงของประดิพัทธ์ที่กรอกอยู่ข้าง ๆ หู เธออยากจะหลับต่อ แต่ว่าเขายังปลุกเร้าให้เธอ
รู้สึกตัว

“อินทรา ตื่นแล้วลืมตาซิ ลืมตามาดูหน้าผม”

น้ำใสไหลหยดออกมาอย่างไม่ได้บีบเค้น

“หิวน้ำไหม” คนป่วยพยักหน้า เธอฝันว่าเธอวิ่งหาพ่อที่รอบ ๆ กองไฟ พ่อตายแล้ว แม่ไปไหนล่ะ

“แม่ล่ะ”

“ผมให้ออกไปหาอะไรกินกับน้อง แล้วก็ให้เงินไปซื้อเสื้อผ้าใหม่มาใส่แก้ขัดไปก่อน” น้ำเสียงเขาดูใส่ใจ ดูไม่ได้ทุกข์ร้อนใจที่เสียเงินก้อนนั้นให้แม่ไป

“ผมจะรับผิดชอบคุณและครอบครัว”

“ไม่ต้อง” แม้รู้ว่าตัวเองไม่เหลืออะไรแล้ว แต่จำเป็นจะต้องพึ่งพาเขาด้วยหรือ เขาเป็นคนอื่น เป็นคนที่เธอบังเอิญผ่านไปรู้จักเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง

“ต้องซิ ผมบอกคนทั้งประเทศไปแล้วนะ เราจะแต่งงานกันเมื่อเธอหายเป็นปกติ”

“ไม่ต้อง” เสียงของอินทราดังขึ้น หญิงสาวอยากจะพลิกตัวหนีดวงตาคมเข้มนั้น แต่เธอก็หนีไม่ได้

“ฟังนะอินทรา” เธออยากเอามืออุดหู

“ตอนนี้คุณทำใจให้สบาย ไม่ต้องห่วงว่าไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาล ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีบ้านอยู่ หลังจากที่ออกไปจากที่นี่ ผมจะพาคุณกับแม่และน้องไปอยู่ที่บ้านของผม

‘ในฐานะอะไร’ เธออยากจะถามอย่างนั้น แต่จำเป็นด้วยหรือที่เธอจะต้องถามประโยคนั้นออกไป เขารับผิดชอบเธอก็เพราะสื่อ มันไม่ได้ช่วยเพราะความรักหรือใกล้ชิดผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง เธอไม่ต้องการให้ชีวิตวัยสาวเป็นไปตามอำนาจของสื่อ

“มาอ้าปาก นี่หลอด” เขาส่งแก้วน้ำที่มีหลอดงอมาจ่อที่ปาก อินทราอ้าปากรับเขาส่งหลอดเข้าไป เธอดูดกลืนอย่างกระหายเป็นอย่างยิ่ง

“ดีมาก เมื่อวานเธอกินข้าวน้อยไป” เมื่อนึกถึงเมื่อวาน เขาอยากจะเคาะหัวตัวเองเหลือเกิน เขาจะพูดถึงมันทำไมอีกนะ

“หิวข้าวแล้วแน่ ๆ เลย” เขารีบไปยังโต๊ะอาหารแบบมีล้อที่พยาบาลเข็นมาไว้ให้ เขาเลื่อนมันมายังเตียงผู้ป่วย แล้วก็ก้มลงไปไขปรับเตียงให้ทางด้านหัวขยับสูงขึ้น

อินทรานั่งมองภาพกุลีกุจอนั้นด้วยความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป มีใครเคยทำอย่างนี้ให้เธอบ้าง

“มาหม่ำข้าวสักคำนะ” เขาคนข้าวต้มแล้วตักผักดองแนมด้วยหมูทอดจ่อปากหญิงสาว อินทราสบตาคมคายคู่นั้น

“กินหน่อยนะ จะได้มีแรง มีแรงสู้โลกไง” เขายิ้มให้

อินทรานึกถึงพ่อขึ้นมาอีก เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงอยากแต่จะร้องไห้ เธอเสียใจเรื่องพ่อหรือเรื่องอะไรกันแน่

“ไม่เอาไม่ร้อง พ่อไปดีแล้ว” เขาเดาสุ่มปลอบใจเธอ เมื่อเขาพูดถึงพ่อน้ำตาเธอก็ไหลพราก คำข้าวที่อยู่ในปากนั้นค้างอยู่โดยที่เธอไม่ยอมกลืน

“หยุดกลืนข้าวก่อนซิ หรือไม่ก็คายออกมาเดี๋ยวจะติดคอ” เขาเอามือไปจ่อตรงปากหวังว่าเธอจะคายอาหารออกมา แต่เมื่อเห็นมือหนา ๆ ของเขา หล่อนก็นึกถึง คำโฆษณาน้ำยาล้างจาน

‘จานสะอาด มือสะอาด’

เธอคายมันไม่ได้หรอก แล้วหญิงสาวก็รีบกลืนมันลงไป

“ดีมาก มากินน้ำตามหน่อย” เขาส่งแก้วพร้อมหลอดให้เธออีกครั้ง

“อ่ะข้าวอีกคำ กลืนให้หมดนะ” เขาตักข้าวส่งให้ อินทรากลืนจนหมด คำแล้วคำเล่า จนกระทั่ง ข้าวหมดจาน เธอก็รู้สึกทันทีว่า เธอเข้มแข็งพอที่จะลุกขึ้นมาสู้โลกได้อีกแล้ว


ขณะที่รังสิตากำลังช่วยผู้เป็นแม่บ้านเตรียมอาหารโชคชัยก็เก็บผ้าปูที่นอนใส่ถุงเก็บเครื่องนอนทั้งหมดออกมากองไว้นอกห้อง

ผู้เป็นเจ้าของบ้านที่อยู่ในครัวมองตามมาแล้วหันมาถามหญิงสาว รังสิตาส่ายหน้าปฏิเสธ

“เอาไปไหนคุณ”

“ผมจะซื้อต่อทั้งชุดเลยครับ”

นางทำหน้าแปลกใจ

“ซื้อไปทำไม

“นอนหลับแล้วฝันดีครับ ฝันว่านางฟ้าลงจากสรวงสวรรค์มาหา ผมว่าเป็นนิมิตรหมายอันดี” รังสิตาหน้าแดงส่วนเขาก็พูดไปพลางอมยิ้มไปพลาง

“คุณลุงไปไหนหรือครับ ผมจะให้มาบอกทางกับลุงผมหน่อย ท่านจะมารับผมกลับกรุงเทพฯ ”
“ออกไปที่หมู่บ้านโพจิ” รังสิตาตกใจจนมีดที่หั่นผักเกือบจะบาดนิ้ว

“ไปทำไม” รังสิตาถามทันที

“เอาแบตเตอร์รี่ไปชาร์ตแล้วก็หากับข้าวมาเพิ่ม อยากทอดไข่อีกสักอย่าง”

เมื่อได้ยินรังสิตาหันไปหาโชคชัยที่มีสีหน้าครุ่นคิดเหมือนกัน เขาส่งสายตาให้เธอรู้ว่า ‘ใจเย็น’ รังสิตาเห็นว่า เมื่อเขาปลอบใจเธอทางสายตาแล้ว เขาก็รีบไปที่หน้าต่างบานที่มีสัญญาณโทรศัพท์ตก เขาดึงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมากดโทรออก

“ลุงอินตา ถึงไหนแล้ว ทองผาภูมิหรือครับ อยู่ที่ปั๊มน้ำมัน ลุงที่อยู่ผมนะ เขาบอกว่าเข้าทาง เกริงกะเวีย มันชื่อหมู่บ้านดงเย็น เป็นเส้นทางสายเก่าที่จะไปห้วยแม่ขมิ้นทางมันเป็นลูกรังลุง ลุงมากับใคร มาคนเดียวเหรอ ลุงเติมน้ำมันให้เต็มถังนะ ถ้าถึงเกริงกะเวีย แล้วไม่มีสัญญาณลุงก็ถามหาหมู่บ้านดงเย็นก่อน หรือเลี้ยวขวามาเลยก็ได้ เขาบอกว่าประมาณยี่สิบห้ากิโลลุง แต่ทางมันขึ้นเขาลงห้วยไม่รู้รถผมจะไหวหรือเปล่า ลุง” เสียงของเขาเบาลง “สังเกตดูคนแปลกหน้าข้างทางด้วยนะ หากมีใครถามบอกว่ามาหาหลานสาวที่บ้านลุงน้อยป้าแหวงมาจากใต้นะลุง อย่างไรถึงที่มีสัญญาณลุงโทรหาผมอีกทีนะ ผมจะวางโทรศัพท์ไว้ตรงนี้ ตอนนี้เจ้าของบ้านเขาไม่อยู่ถ้าอยู่ผมจะได้บอกทางที่แน่ชัดให้”

เมื่อพูดจบเขาวางโทรศัพท์ไว้ตรงนั้น เด็ก ๆ วิ่งเล่นกันอยู่ข้างล่าง เขาสบตารังสิตา เป็นเชิงบอกให้รู้ว่า ลงข้างล่างไปด้วยกันก่อน

เมื่อลงมาข้างล่างแล้ว เขามีสีหน้ากังวล

“หากลุงน้อยไปรู้ข่าวจากแถวนั้นล่ะ เราจะเป็นอย่างไร”

รังสิตามีสีหน้าหวั่นวิตกขึ้นมา ตอนนี้เหตุปัจจัยของเธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่ใช่สาวน้อยตัวคนเดียว เขาและเธอเป็นของกันและกัน เป็นคน ๆ เดียวกัน ถ้ามีอะไรขึ้นมา น้ำตาของรังสิตารื้นอยู่ที่ขอบตา หากว่าหนีไปจากบ้านหลังนี้ในเวลานี้มันก็เหมือนกระต่ายตื่นตูม หากรอ ก็เรียกว่าประมาทอีก

“อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป” เขาปรี่มาจับมือเธอไว้ แล้วดึงไปที่โอ่งอาบน้ำ

“ยังไม่ได้ล้างหน้าเลย มาเดี๋ยวผมจะตักน้ำจากบ่อให้” รังสิตานั่งลงที่ข้างกะละมัง เขาสาวน้ำจากบ่อเทใส่จนเต็ม ก่อนจะหยิบแปลงสีฟันมาบีบยาสีฟันส่งให้หญิงสาว รังสิตาส่งให้เขาแปรงก่อน เขามองหน้า

“เราเป็นผัวเมียกันแล้วนะ คงไม่มีคำว่ารังเกียจกันอีกแล้ว”

โชคชัยยิ้มกว้าง จริง ๆ อยากจะแปรงพร้อมกันแต่กลัวว่าเด็กที่แอบมองอยู่จะใจแตกเสียก่อน


แล้วคำว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ก็กลายเป็นดี ลุงน้อยกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเขินที่เห็นเขาและเธอเดินเกาะกุมมือกันยืนดูแปลงผักที่อยู่ในรั้วไม้ไผ่

เมื่อเห็นลุงน้อยกลับมาพร้อมกับข้าว โชคชัยก็จูงมือรังสิตาเดินเข้าไปหา

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยลุง”

“พอดีมีพ่อค้ามาแล่ปลาบึก ก็เลยซื้อมา อยากให้พวกคุณลองชิมผัดเผ็ดปลาบึกฝีมือยายแหวงดู”

รังสิตาอยากจะบอกว่าเธอไม่กินปลา แต่ก็เห็นจะไม่มีประโยชน์ กินปลาไม่ได้อย่างน้อยก็มีผัดผักคะน้าที่ปลูกเองกินหนึ่งอย่างละ

“กินปลาหรือเปล่า” เมื่อลุงน้อยผละขึ้นบนเรือนไปเขาก็หันมาถามคนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว

รังสิตาโคลงศีรษะ

“ผมก็ไม่กินปลาเหมือนกัน”

“จริงอ่ะ”

“เราคงต้องใช้เวลาเรียนรู้กันอีกนานเหมือนกันนะ” พูดจบเขาก็จ้องมองดวงตาที่เขินอายของเมียสาว

“ฉันใจง่ายไปหรือเปล่า”

“บรรยากาศมันพาไปต่างหาก”

“คุณจะหอบที่นอนหมอนมุ้งไปด้วยจริง ๆ หรือ” รังสิตายังนึกขำกับมุกนี้ของเขา

“ไม่ดีหรือคุณ อย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องที่เราน่าจะจดจำไปเล่าให้ลูกหลานฟัง” เมื่อได้ยินแผนชีวิตของเขา รังสิตามีหยาดน้ำตารื้นที่ขอบตาอีกแล้ว

“เป็นอะไร” เขาเชยคางเธอขึ้นมา

“คิดถึงเตี่ยกับแม่ คิดถึงพี่ชาย คิดถึงนมแสง ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ นึก ๆ ไปฉันก็เหมือนคนอกตัญญูอย่างไรก็ไม่รู้”

“คุณกำลังเปรียบเทียบถึงงานวิวาห์ใหญ่โตที่จะเกิดขึ้นหากคุณแต่งงานกับเขาคนนั้นใช่ไหม”

รังสิตาจ้องมองดวงตาของเขา ทึ่งกับความรู้เท่าทันความในใจของเขาเหมือนกัน

“มันก็เป็นอารมณ์ของลูกผู้หญิงหัวโบราณคนหนึ่งเท่านั้น ฉันแค่ใจหายขึ้นมาเท่านั้นเอง

“คุณกลัวว่าผมจะทอดทิ้งคุณ” โชคชัยดักคอ รังสิตาจึงพยักหน้ายอมรับ

“ผมรักคุณคนเดียวนะ”

“ฉันก็รักคุณ”

“แล้วคุณจะกลัวอะไร เรารักกันแล้วต่อให้มีอุปสรรคขวากหนามแค่ไหน เราจะฝ่าฟันไปด้วยกัน ผมสัญญานะต่อไปผมจะมีแต่คุณคนเดียวเท่านั้น”

“จริง ๆ นะ”

“สาบาน”

“สัญญาก็พอแล้วอย่าสาบานเลย วันข้างหน้า ถึงเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน อย่างน้อยให้ฉันได้เก็บภาพความทรงจำที่ดีของคุณไว้”

“ไม่มีใครมาพรากคุณไปจากผมได้หรอก

ยังไม่ทันที่เขาจะพรรณนาความหวานออกมา เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงหน้าต่างของเขาก็ดังขึ้น



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2554, 12:08:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2554, 12:08:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1943





<< 18-19 อลวน ถนน หัวใจ    21 อลวน ถนน หัวใจ >>
innam 10 ก.ย. 2554, 13:29:08 น.
ตามเป็นกำลังใจ


คิมหันตุ์ 10 ก.ย. 2554, 15:32:36 น.
ฮ๊าย....รักกันๆ ชอบๆ อิอิ


minafiba 10 ก.ย. 2554, 20:12:42 น.
เย้ๆๆ ได้อ่านแล้ว อย่าหายไปนานนะคะ โปรดทราบ คิดถึงมากกกกกกกกกกกก


Zephyr 11 ก.ย. 2554, 22:56:19 น.
นายโชค เรียบร้อยไปแล้ว หนูอินอกหัก แต่มีคนดามใจออกทีวีเลย หึหึ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account