พิศวาสทาสทราย e-book
ความรัก ความแค้นที่รอกรชำระ ณ แดนทราย
งานวิวาห์ล่มสลายไร้เจ้าสาว
อาญาที่หมายจะลงทัณฑ์กลายเป็นการทรมานที่แสนหวาน
แม้อยากครอบครอง แต่ไม่อาจแตะต้อง!!

*หมายเหตุ*
งานเขียนเรื่องนี้เคยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ภัทรโญธินในเครืออักษรศาสตร์ วางจำหน่ายในนามปากกา "ทิตภากร"
ปัจจุบันเนื้อหาได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความเหมาะสม วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้น!! ภายใต้ในนามปากกา "กันต์ระพี"
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 4


‘พระตำหนักใหญ่’ คือชื่อที่ทุกคนเรียกขานสถานที่พำนักของชีคนาธาน ตัวอาคารด้านบนสุดโดดเด่นด้วยโดมสีน้ำเงินเข้ม ภายในโอ่อ่างามวิจิตร ด้วยกระเบื้องหลากสีสันลวดลายตระการตา ยามต้องแสงสุริยา ห้องทั้งห้องก็ฉาบสีสันเรืองรองราวกับอยู่ในแดนสวรรค์

นัฐชาอดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ แต่น่าเสียดาย หล่อนไม่มีโอกาสได้ชื่นชมความงดงามนั้นนานนัก ชายกักขฬะก็ลากตัวให้เดินมาตามทางที่ทอดยาว แม้เวลานี้บนผนังสองข้างทางจะมีภาพวาดสีน้ำมันเรียงราย แต่มีเพียงภาพเดียวเท่านั้นที่สะดุดตา

แม้จะเห็นแค่แวบเดียว แต่นัฐชาก็จดจำรายละเอียดทั้งหมดได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าสวยหวานที่รายล้อมด้วยเรือนผมสลวย หรือดวงตาเศร้าสร้อยของผู้หญิงในภาพนั้น นั่นอาจเป็นเพราะภาพๆ นั้นมีส่วนละม้ายคล้ายหล่อน!

ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?

นัฐชานึกฉงนขึ้นมาครามครัน หากมองผ่านๆ ไม่พินิจพิจารณาให้ถ้วนถี่ หลายคนคงเข้าใจผิด คิดว่าผู้หญิงในภาพกับหล่อนเป็นคนคนเดียวกัน ทั้งที่สีของดวงตาผู้หญิงคนนั้นออกไปทางน้ำตาลเข้ม ซึ่งแตกต่างจากหล่อนที่มีนัยน์ตาสีดำสนิท

“หรือว่า...”

นัฐชาพึมพำเสียงเบา อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นอาจมีสาเหตุมาจากผู้หญิงในภาพนี้ก็เป็นได้ แต่ความคิดทั้งหมดก็มีอันต้องหยุดลง เมื่อชายกักขฬะผลักหล่อนเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง

“ดูซะ...ดูให้เต็มตา!” เสียงกร้าวคำรามก้อง ขณะชี้นิ้วไปที่ร่างผู้ชายบนเตียงกว้าง “ดูสิ่งที่คุณทำกับนาธาน คุณทำอย่างนี้กับน้องชายผมได้ยังไงกัน”

นัฐชามีสีหน้างุนงงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็รับรู้ว่าร่างที่นอนนิ่งมีใบหน้าซูบซีด สองแก้มเขาบุ๋มลึก ร่างกายผ่ายผอม รอบตัวมีแต่สายน้ำเกลือระโยงระยาง ถึงกระนั้น...จมูกที่โด่งเป็นสันกับคิ้วคมเข้มของเขา ก็บ่งบอกว่าบุรุษผู้นี้เคยมีโครงสร้างใบหน้าที่คมคายมาก่อน

ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน?

นัฐชาพยายามนึกทบทวน คนที่งานสุ่มโต๊ะอย่างหล่อนจะเอาเวลาที่ไหนไปทำความรู้จักมักจี่กับคนต่างแดน แค่จะเปิดปากสนทนากับเพื่อนร่วมงานก็ยังไม่มีเวลา อย่าว่าแต่ชายที่นอนป่วยตรงหน้าเลย แม้แต่คนที่จับตัวหล่อนมา...ก็ไม่รู้จัก!

นัฐชาลอบทอดหายใจออกมา หากคาดเดาไม่ผิด ชายกักขฬะผู้นี้คงจับผิดตัวแน่ๆ เขาคงคิดว่าหล่อนกับผู้หญิงในภาพวาดสีน้ำมันเป็นคนคนเดียวกัน ไม่เช่นนั้น...คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างหล่อนคงไม่ต้องมารับเคราะห์แทน

“คุณเห็นแล้วใช่ไหมว่าทำอะไรลงไป นาธานต้องตกอยู่ในสภาพนี้มาเกือบสามเดือนแล้วก็เป็นเพราะคุณ!”
ถ้อยคำกล่าวหาดังก้องอีกครั้ง

“มันจะเป็นเพราะฉันได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่รู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน รวมทั้งคุณด้วย!”

“โกหก! เลิกตลบตะแลงเสียที ยังไงผมก็ไม่ให้อภัยคุณ”

“แต่คุณกำลังเข้าใจผิด จริงๆ แล้วฉัน...”

“หุบปาก! ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น” นัยน์ตาดุดันฉาบเพลิงโทสะอย่างเห็นได้ชัด “ตั้งแต่นี้ไป...คุณต้องชดใช้ ชดใช้ให้นาธานไปทั้งชีวิต!”

“ไม่...ไม่นะ!” นัฐชาละล่ำละลักลนลาน ใจคอไม่ดี เมื่อเห็นคนพิพากษาอย่างไม่เป็นธรรมทำท่าจะก้าวออกจากห้อง หล่อนก็รีบถลาเข้าไปขวางทางเขา “คุณจะทำกับฉันอย่างนี้ไม่ได้ ฉันไม่ใช่...”

“หลีกไป...!!” เสียงกระด้างแผดก้องไปทั้งตำหนัก

นางกำนัลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณนั้นต่างพากันตกใจ หนึ่งในนั้นก็ตาลีตาลานเข้ามาในห้องบรรทมของชีคนาธาน ก็พบว่าชีคลาจีสทรงยื้อยุดอยู่กับสตรีนางหนึ่ง

“เอ่อ ขอพระราชทานอภัยเพคะ หม่อมฉันไม่คิดว่าฝ่าบาทจะเสด็จมา” รอบิเยาะห์รีบหลุบสายตาลงต่ำ ถึงกระนั้นก็อดชำเลืองมองคนที่ยั่วโทสะผู้สูงศักดิ์ไม่ได้ นึกสงสัย ใครกันที่ไม่เกรงกลัวพระอาญา ครั้นเห็นใบหน้านั้นถนัดตาก็ต้องเบิกตากว้าง

“ชีคคา...!!”

“ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ชีคคาแห่งคาร์ลซัส แต่เป็นทาสใต้บาทเรา จงจำใส่หัวของเจ้าไว้รอบิเยาะห์ และต่อไปก็มอบหน้าที่ให้นางดูแลนาธานไปทั้งชีวิต!” สุรเสียงทรงอำนาจประกาศก้องก่อนจะดำเนินออกจากห้องบรรทมของพระอนุชา โดยปล่อยให้สองสาวยืนส่งสายตามองไล่หลังด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน...



จันทราภาสาดแสงนวลเหนือทิวไม้ สะท้อนเงาพลิ้วไหวทาบทับตัวอาคารด้านหลังพระตำหนักใหญ่ อันเป็นสถานที่พำนักของบรรดานางกำนัลที่มีหน้าที่รับใช้ใกล้ชิดพระบรมวงศานุวงศ์ในราชสกุลมูฮาลาฟ

แม้เวลานี้ภายนอกตัวอาคารจะมืดมิด อีกทั้งยังมีสายลมแรงโบกสะบัด พัดพาไอร้อนระหว่างวันให้เลือนหายและแทนกลับด้วยความเหน็บหนาว แต่ภายในห้องพักของนางกำนัลนั้นอุ่นสบาย ปราศจากเสียงรบกวนใดๆ

รอบิเยาะห์ที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานนอนหลับตาพริ้ม ซึ่งแตกต่างจากนัฐชาที่นอนคุดคู้กระชับผ้าห่มสีตุ่นเข้าหาตัว ร่างกายยังไม่เคยชินกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เวลานี้เลยนอนซมเพราะพิษไข้

“กลิ่นดอกจัสมินนี่นา...” นัฐชาพึมพำผะแผ่ว

แม้จะอยู่ในอาการสะลึมสะลือ แต่ก็จดจำกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยมาแตะจมูกได้ดี จำได้ว่าดอกไม้นี้ปลูกเป็นทิวแถวตลอดแนวทางเดินหน้าพระตำหนักใหญ่ แต่เวลานี้กลับมาส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลอยู่ภายในห้องพัก ทั้งที่ห้องห้องนี้ปิดประตูหน้าต่างมิดชิด อีกทั้งยังอยู่ห่างจากพระตำหนักใหญ่พอสมควร

“แปลกจัง...”

นัฐชานึกเอะใจขึ้นมา ทว่า...ความสงสัยยังไม่ทันจางหาย ความแปลกประหลาดใจก็ถาโถมมาแทนที่ เมื่อปรือตาขึ้นมองแล้วพบว่าห้องทั้งห้องมีแต่หมอกสีหม่น ไอเย็นที่รายล้อมรอบตัวบีบหัวใจให้เต้นรัว ทุกอณูขุมขนพากันลุกเกรียว เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจลี้ลับที่ปราศจากรูปร่างและมันกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหาช้าๆ

แม้จะไม่รู้ว่านี่คือความจริงหรือความฝัน แต่นัฐชาก็ถดตัวหนีอย่างหวาดผวา ทว่า...ไม่สามารถขยับตัวได้ ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกดทับเนื้อตัวให้อยู่กับที่ วินาทีต่อมา...ร่างหล่อนก็ลอยขึ้นช้าๆ ก่อนจะร่วงหล่นราวกับพลัดตกจากที่สูง

“กรี๊ดดด...ด!”

นัฐชาวีดร้องเสียงหลงทีเดียว ใจหายวาบ คิดว่าตัวเองต้องได้รับบาดเจ็บแน่ๆ แต่สัมผัสแรกที่รับรู้ คือความเย็นชื้นใต้ฝ่าเท้าเปลือยเปล่า ไม่ใช่ความแข็งกระด้างอย่างที่คิด แม้จะโล่งใจ แต่ก็เอะใจในคราเดียวกัน

“ที่นี่ที่ไหนกัน?”

นัฐชาหยีตาขึ้นมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก็พบว่ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางหมอกจางๆ ที่ปกคลุมทั่วสวนสวย นอกจากสายลมเย็นจะพัดผ่านพาไอดินกลิ่นหญ้ามาแตะจมูก เวลานี้ยังพาเสียงสะอื้นไห้ของใครบางคนมาเข้าหู

“ใครมายืนร้องไห้แถวนี้?” นัฐชาพึมพำ พลางชะเง้อชะแง้มองที่มาของเสียง ครั้นเห็นเงาวูบไหวหลังต้นไม้ใหญ่ หล่อนก็สาวเท้าเข้าไปใกล้

“ใคร...ฉันถามว่าใครอยู่ตรงนั้น!”



กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 เม.ย. 2562, 13:07:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 เม.ย. 2562, 13:07:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 572





<< ตอนที่ 3   ตอนที่ 5 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account