ห้วงเสน่หา ปรารถนาแห่งหัวใจ
ความรักได้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าและความปรารถนาของหัวใจย่อมมาก่อน เสน่หา
และนั่นอาจจะเป้นการพลาดเมื่อเขา และเธอรู้จักรักที่แท้จริง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: การกลับมาของเพื่อนเก่า



วันนี้ฝนตกหนักจนน้ำเจิ่งนอง กบตัวโตกระโดดขึ้นจากดูน้ำข้างทางขึ้นมาเล่นบนถนนหญิงสาวผมยาวผมหยักเป็นลอนสวยถูกรวบด้วยผ้าเช็ดหน้าฝืนใหญ่ เคาะพวงมาลัยเล่นขณะขับรถฝ่าฝนมา ภาพเด็กชายสี่คนถือไฟฉาย ส่องปลากลางทุ่งในเวลากลางคืนที่ฝนตกพรำ
“ป่านหลับหรือยัง” ขิมตะโกนเรียกมาจากใต้ถุนบ้าน
เด็กหญิงวิ่งมานอกชานดูเพื่อนๆ เปียกมอมแมม ด้วยฝนและขี้โคลน ขิมชูกบพวงใหญ่
“กินกบย่างมั้ย จะแบ่งไว้ให้”
“ไม่เอาหรอกให้พันเถอะขิม”
เพื่อนชายพากันยิ้มฟันขาว มีความสุขในการแบ่งปันให้กันและกัน เป็นความสุขที่ฝังใจจำ เพื่อนๆของเธอมีชีวิตกันอย่างไรบ้างหนอ อยากรู้จริง!
ป่านแก้วหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผม หลังจากผลัดเปลี่ยนผ้าเปียกออกแล้ว พอหมาดก็นั่งขัดตะหมาดบนเตียง ใช้ไดตัวเล็กเป่าให้แห้ง และกางหนังสืออ่านเล่นฆ่าเวลาไปด้วย
กลิ่นเครื่องดื่มหอมลอยเข้ามาในห้องพร้อมกับสาวใช้ร่างท้วม
“วางได้บนโต๊ะก่อนก็ได้ค่ะพี่บัว”
“เดี๋ยวเย็นหมดนะคะ ทานตั้งแต่ยังร้อนจะได้ไล่หวัด”บัวศรีแนะนำด้วยความหวังดี
“นี่ถ้าคุณย่ายังอยู่ต้องทำขนมฟักทองไว้ให้เวลาป่านตากฝนมาเปียกๆ”
“วันหลังพี่บัวจะทำให้ค่ะ”
“แสดงว่าป่านต้องตากฝนอีกล่ะสิ”ปากพูดแต่ตายังอ่านหนังสืออย่างสนใจ บัวศรีชะโงกหน้าเข้าไปดูบ้าง
“ดูอะไรอยู่คะ คุณป่าน”
“ดูเรื่อยๆ” บัวศรีมองภาพย่อขนาดเล็กจากภาพเขียนจริง มุมล่างสุดเป็นภาพรางวัลที่สอง บัวศรีสังเกตเห็นจึงได้บอกหญิงสาว
“แหมภาพข้างล่างนั้นคล้ายๆ ภาพติดข้างฝาของคุณป่านเลยนะคะ”
“ไหนคะพี่บัว”
“อ้อคุณป่านยังไม่ได้ดูหรือคะ”
“ยังเลยค่ะพี่บัว”ป่านแก้วตอบ ไม่ละสายตาที่ กวาดมองภาพที่สาวใช้บอกว่าเหมือนภาพวาของสัจจะที่ป่านแก้วใส่กรอบอย่างดี
ภาพสีน้ำมัน ชนะการประกวด เป็นภาพท้องทุ่ง พื้นดินสีน้ำตาลทอง เด็กชายสี่คนวิ่งตามเด็กหญิงผมเปียชี้วิ่งสาวสายป่านว่างงู จิตรกรสื่อถึงความเป็นธรรมชาติอันอบอุ่น ภาพเด็กชายหญิงดูมีความสุขคนหลังสุดใส่เสื้อขาดวิ่นหากดูร่าเริงไม่แพ้ใคร ภาพวาดที่ถอดแบบชีวิตจริงดูอ่อนโยนงดงาม ใต้ภาพ บอกชื่อจิตรกร
สัจธรรม
“จ๊ะ ต้องจ๊ะแน่ๆ” ป่านแก้วอุทาน ด้วยความยินดีอย่างที่สุด “เจอแล้ว เจอเสียที”
ป่านแก้วพึมพำ เมื่อหลายปีก่อน หญิงสาวได้มีโอกาสกลับไปที่บ้านเกิดอีกครั้ง ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด แม้แต่บ้านของอาเนื่อง ก็สร้างใหม่มีชั้นล่างประยุกต์กับเรือนไทยได้กลมกลืน น้องๆลูกอาโตแล้ว
“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะอา”
“ป่านก็โตจนอาจำไม่ได้ บ้านเราที่ถูกปั่นราคา แพงขึ้น พากันขายไร่ขายนาอพยพไปอยู่ที่อื่นหมด ขิมไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนา ไม่เคยกลับมาบ้าน เจ้ามอญย้ายไปอยู่กับแม่ ทางเหนือ แม่เจ้าพันมีลูกมากพอที่แพงก็เลยขายไปอยู่ที่อื่น ส่วนจ๊ะแย่หน่อย”
“จ๊ะเป็นอะไรคะ อย่า อย่าบอกว่าตายนะคะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาหน้าถอดสี เธอกลัวกับคำว่าตายของคนที่รักเหลือเกิน
“พ่อจ๊ะโดนรถชนตาย แม่มีผัวใหม่ จ๊ะหนีออกจากบ้านหายไป”
“โธ่จ๊ะ”
หญิงสาวครางด้วยความสงสารต่อชะตาชีวิตของเพื่อนแต่ละคน และเธอผิดหวังที่กลับบ้านแล้วไม่พบเพื่อนๆ ป่านแก้วจึงได้แต่เก็บของขวัญวันจากกันเมื่อเยาว์วัยจึงเป็นอนุสรณ์เดียวที่ป่านแก้วเหลือให้จดจำ
“เพื่อนคนนี้ของคุณป่านเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ”
“ป่านมีแต่เพื่อนผู้ชายค่ะ แต่ที่สนิทมาก เป็นเพื่อนชายสมัยประถมค่ะพี่บัว”หญิงสาวเปิดปากเล่าให้ฟัง ดวงตาเปล่งประกายอย่างมีความสุข พลอยทำให้คนนั่งฟังเคลิ้มไปด้วย
“ก่อนที่ยังไม่ได้อยู่กับคุณพ่อ ป่านอยู่บ้านไร่บ้านสวน ป่านกับเพื่อน มีเรื่องซนกันทุกวันพวกเขาเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุด ”
“ท่าทางจะชอบนะคะ”
“ชอบหมดทุกคนเลยค่ะ เพื่อนป่านแสนดีทุกคน คนหนึ่งชอบเล่นลิเก อีกคนก็ขยัน หัวหน้าห้องหัวหน้ากลุ่มชื่อขิม เขาเป็นเด็กที่หน้าตาหล่อมากเลยค่ะ”
“แน้ ตอนนั้นอายุเพียงสิบขวบเห็นเด็กผู้ชายหล่อแล้วหรือคะ” บัวศรีทักท้วง ป่านแก้วหัวเราะเสียงใส
“ไม่ได้เห็นแค่ขิมเธอะคะ จ๊ะก็หล่อมาก คนที่วาดภาพนี่ล่ะค่ะ คุณย่าชอบด่าว่า สะอาดแต่หน้า ขี้ไคลจับหนาทั้งตัวคนนี้เป็นคนที่ขี่เกียจมาก” หญิงสาวลากเสียงยาวให้รู้ว่ามากจริงๆ“ขยันแต่วาดรูปเท่านั้น”
“งั้นรูปที่ติดไว้ข้างฝานั้น”
“ฝีมือของสัจจะ เราเรียกกันเล่นว่าจ๊ะ ส่วน กำไลนี้” ป่านแก้วกระโดดไปในห้องคว้ากระบุงจิ๋วบนโต๊ะ รื้อของออกมาอวดของขวัญแก่สาวใช้คนสนิท ด้วยท่า ทีดูร่าเริง
“กำไลเงินนี้ของขิม ห่วงดอกหญ้านี้เป็นของพัน พันพระเอกลิเกหน้าหวานจับใจเลยค่ะ”
“ตกลงหน้าตาดีหมดทุกคน อีกคนละคะ”
“อ้าวเหรอ” ป่านแก้วหัวเราะครึกครื้น ลืมอมรหล่อยิ่งกว่าเลสลี่ จางได้ยังไงคะนี่”
“เขาโดดตึกตายไปหลายปีแล้วไม่ใช่หรือคะดารากะเทยคนนี้”
“มอญเป็นคนอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ เขาคงโตเป็นหนุ่มวัยเกือบสามสิบเท่าป่านที่ไหนสักแห่งนะคะพี่บัว ถ้าเมื่อก่อนมีเทคโนโลยีแบบสมัยนี้ พวกเราคงมีเบอร์โทรมือ ถือโทรหากันได้ไม่ยากนะคะ”
“นั่นสิคะ แล้วคุณพ่อคงโดนคุณนายโทรถามวันละสามมื้อหลังอาหารและก่อนเข้านอน”
หญิงสาวหวังเหลือเกินว่าต้องได้พบเพื่อนรักอีกครั้ง!!

ป่านแก้วออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ อารมณ์แจ่มใสเป็นพิเศษ ใบหน้าเปื้อนยิ้มจนพนักงานในบริษัท พลอยเบิกบานไปตามๆกัน เอมจิตนำแฟ้มงานมาวางให้ที่โต๊ะ เพื่อนร่วมงานพลางบอก
“เจ้านายเรียกแน่ะป่าน ระวังถูกอิจฉาด้วยนะ ตัวมาทำงานไม่เท่าไหร่นายเรียกเช้าเรียกเย็น”
“เช้าเรียกได้ แต่เย็นต้องกลับบ้านแล้วจ้ะ”ป่านแก้วยอกย้อนเสียงใส ก่อนหยิบแฟ้มลุกจากเก้าอี้ทำงานไปพบนาย
ปกรณ์ คือนายของหญิงสาว เขาเป็นผู้ชายผิวขาว หน้าตาดี ท่าทางสุขุม เมื่อป่านแก้วเดินเข้ามาในห้อง เขาวางปากกาลง พร้อมแฟ้มงาน ให้ความสำคัญกับลูกน้องอย่างเกินหน้าเกินตา
“นั่งสิคุณป่าน”
“ขอบคุณค่ะผู้อำนวยการ”
“ผมจะให้คุณไปติดต่อเรื่องแผนโปรเจ็คที่คุณเสนอมา ผมสนใจแล้วก็ตกลงให้คุณจัดการได้ ผมรู้จักบริษัทโฆษณานี้ดีเขาทำงานใช้ได้ทีเดียว ถ้าได้เขามาโปรโมตสินค้าของเรา ผมรับรองว่าติดตลาดแน่นอน”
“ป่านไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
“ดีผมชอบอะไรที่รวดเร็วทันใจดี”
หญิงสาวยิ้มรับทำงานได้แคล่วคล่องสมกับคำชม
“อ้อคุณป่าน เย็นนี้ว่างมั้ย”
“ป่านมีนัดกับคุณพ่อตอนหกโมงค่ะ ไม่ทราบว่าเลิกงานทันหรือเปล่า ผอ.มีธุระอะไรให้ป่านทำหรือคะ”หญิงสาวหาเหตุผลมาเลี่ยงหลบอย่างชาญฉลาด ผู้อำนวยการจึงยิ้มรับพร้อมกับส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไรสำคัญ ทั้งที่เขาอยากใกล้เธอเป็นอันมากทีเดียว
เวลาต่อมา
ป่านแก้วขับรถออกจากที่ทำงาน เร่งรีบไปติดต่อบริษัทโฆษณา เธอมองตึกสูงหลายสิบชั้นด้วยความสนใจ พื้นที่ให้เช่าอาคารราคาแพง บริษัทนี้เช่ารวมสามชั้นบอกให้รู้ว่าการเงินดีไม่น้อยทีเดียว
หญิงสาวพาร่างบอบบางแต่สมส่วน ดูอรชรเหมือนเด็กสาววัยรุ่น ขึ้นไปชั้นประชาสัมพันธ์ เธอได้พบเจ้าหน้าที่สาวสวย แต่งกายด้วยชุดลำลอง เสื้อยืดสีชมพู ติดตราบริษัท ป่านแก้วเปิดยิ้มเป็นไมตรีให้กับอรชุมาประชาสัมพันธ์บริษัท
“ขอพบผู้จัดการค่ะ”
“นัดไว้หรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้นัดแต่....”ป่านแก้ว ยังพูดไม่จบ อรชุมารีบดักหน้าว่า
“ไม่ได้นัดก็ต้องรอค่ะ เชิญทางนี้”รีเซฟชั่นสาว ผายมือให้จากนั้นเดินนำไป ที่โต๊ะชุดรับแขก
แหม แหม ทำยังกับว่าลูกค้ามาขอให้ทำงานฟรีกระนั้นแหละ! ป่านแก้วค่อนขอด ก่อนยอมนั่งรอด้วยความอดทน เจ้านายชมนักชมหนาว่าเก่ง เก่งสักแค่ไหนเชียวถึงได้เล่นองค์นัก
ระหว่างนั้นชายหญิงวัยทำงานอีกสามรายเข้ามาติดต่องาน แล้วจอแบบเดียวกับป่านแก้ว คือต้องนั่งรอ ที่โต๊ะชุดซึ่งมีสองชุด หญิงสาวอีกคนเลือกที่จะมานั่งชุดเดียวกับป่านแก้ว สองสองหนุ่มไปนั่งอีกชุดหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างหาหนังสือ หรือดูแฟ้มงานของตนเองเป็นการค่าเวลาในการรอคอย
ชายหนุ่มร่างใหญ่ก้าวเดินมาทางล็อบบี้รับแขกไปพร้อมกับหญิงสาวร่างสูงโปร่งใบหน้าบอกชัดว่าลูกครึ่ง ซึ่งผู้รอคอยอดเหลือบสายตามองไปเสียไม่ได้ จากนั้นต่างคิดว่าเคยเห็นหญิงสาวในโฆษณาแชมพู ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งบริษัทนี้ทำโฆษณาจนดังระเบิด
“ลูกค้ามารอเยอะเลยนะคิม” สำเนียงลูกครึ่ง พูดคุยกับชายหนุ่มใบหน้าคมคาย หล่อจัด ผิวแมนเต็มตัว ผู้ชายคนนี้ดูงาม แกร่ง ผิดอาชีพที่ทำอยู่ เออถ้าไปถือหอกถือโล่คงเหมาะสมกว่า
ป่านแก้วคิดแล้วอดหัวเราะกับตัวเองเสียไม่ได้ พวกลูกค้าที่มาติดต่อหันมาทางหญิงสาวอย่างสนเท่ห์ มีอย่างที่ไหนหัวเราะคนเดียว
ชายหนุ่มที่ถูกป่านแก้วค่อนว่าในใจ เข้าไปทักทายไม่เจาะจงว่าใคร เพราะทุกคนต่างมารอพบกับเขา
“สวัสดีครับ”
หากแล้วสายตาคมกริบของชายหนุ่มที่นางแบบสาวเรียกว่าคิม สะดุดกับป่านแก้ว เขาเผยรอยยิ้มสว่าง ป่านแก้วเห็นชัดว่าเจ้าชู้กรุ่มกริ่ม นางแบบลูกครึ่งเขย่าแขนเขานิดๆ ออดอ้อน
“คิมไปดูหนังกับลีน่าก่อน”
“ผมจะทำงาน”
“ไม่เอานะลีน่าอุตส่าห์ดักรอแล้วก็นัดคุณก่อนใครๆ น่านะ”
ป่านแก้วดึงตัวเองออกจากชายหญิงทั้งคู่เมื่อชายหนุ่มที่นางแบบลูกครึ่งเรียกว่าคิม หายใจแรงอย่างไม่ค่อยพอใจอีกฝ่ายโดยไม่เก็บอาการ
ป่านแก้วดูแฟ้มงาน ทำทีไม่สนใจต่อคนทั้งคู่ ให้มันตกลงกันให้ได้ว่าจะให้ใครคุยกับใครก่อน สรรพนามในใจเปลี่ยนไปเพราะเริ่มจะขุ่นมัวกับท่าทีเล่นองค์ อย่างเหลือลัน ชายหนุ่มชื่อคิมเอ่ยเสียงทุ้ม ก็ฟังรื่นหูดีอยู่หรอกถ้าป่านแก้วจะลดอคติในใจลงเสีย
“ขอโทษนะครับที่ผมทำให้เสียเวลารอ ไม่ทราบบริษัทไหมมาก่อนครับ”
เลขาหน้าห้องเข้ามารายงานเจ้านาย ว่าป่านแก้วมาก่อน หญิงสาวร่างอรชรราวสาวรุ่นจึงได้เดินตามร่างสูงเขาไปที่ห้อง ลีน่าขยับตามแต่ เลขาหญิงหน้าห้องกันเอาไว้พร้อมแจ้งว่า
“ความลับของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญค่ะ คนภายนอกทราบไม่ได้”
“แต่ฉันไม่ใช่คนนอก ฉันเป็นคนรักของคิม”
“ถ้าเช่นนั้นบอสคงเรียกเข้าไปแล้วค่ะ บังเอิญบอสไม่ได้เรียกก็ต้องรอนะคะ เดี๋ยวบอสลมเสีย”
คำของเลขาสาวทำให้ลีน่าทำเสียงขึ้นจมูก เชิดหน้าสูง เดินเอวบิด ส่ายสะโพกราวอยู่บนเวทีไปนั่งไขว้ห้าง แบบเอน คล้ายนางเงือก เพราะกระโปรงสั้นรัดติ้ว นอคอยด้วยความบึ้งตึง
ส่วนป่านแก้วเข้ามาในห้องทำงานเจ้าของบริษัท เธอแอบสังเกตภายในห้องทำงานตกแต่งหรูหราทันสมัย มุมห้องตั้งแท่งแก้วยอดเป็นรูปพีรามิดแก้ว ดูทันสมัยยิ่งนัก
“เชิญนั่งครับคุณ”
“ดิฉันมาจากบริษัทคิวปิค คอสเมติกค่ะ”
“ผมขิมครับ อาจจะฟังดูเชยๆ ไปบ้างนะครับ ผมเป็นคนนอกบ้านน่ะ”
นายคิมคนนั้นแนะนำตัวเองว่าชื่อขิม ป่านแก้วรีบกวาดตามองหาชื่อจริงของอีกฝ่าย ซึ่งอาจจะมีบอกบนโต๊ะ หรือบนผนังห้อง หรือที่ไหนสักแห่งที่ใช่ชื่อสั้นคำโดด
นายขิมจับปากการาคาแพงลูบไปมาอย่างครุ่นคิดท่าทางสาวสายบอบบางคนนี้แปลกไปเมื่อฟังชื่อของเขา ขิมอดหยอกอีกฝ่ายเสียไม่ได้ว่า
“ชื่อของผมคงไม่ทำให้คุณตกใจจนขวัญเสียนะครับ”
“เอ่อขอโทษค่ะ คือว่า ดิฉันอยากให้โฆษณาสินค้าของเราค่ะ ผอ.ติดใจการทำงานของบริษัทของคุณมาก” เธอพูดเป็นงานเป็นการ
“เครื่องสำอางมีการแข็งขันกันสูงในตลาด โดยเฉพาะอาหารเสริม แต่ผมว่าอาหารเสริมของบริษัทคุณดูมีคุณภาพนะครับ”เขาพาดพิงเข้าหาหญิงสาวอย่างคนเจ้าชู้
ความวิบไหวในดวงตาคู่นั้น บ่งบอกถึงความพอใจอย่างมากมาย ป่านแก้วรู้ทันจึงขุ่นใจ เพราะอีกฝ่ายควงสาวสวยมาทิ้งไว้หน้าห้องแล้วยังทำท่าราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทางสายตากระนั้น
ขณะที่ขิมรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก จึงต้องเอ่ยออกมาว่า
“ดูคุณบอบบางน่ามาเป็นนางแบบโฆษณา”
“ขอโทษค่ะ ดิฉันมาติดต่องานนะคะ ไม่ใช่มาสมัครงาน”
ป่านแก้วเอ่ยเสียงเข้มในการพูดคุยกับอีกฝ่าย เธอแสนเบื่อกับเวลาที่ผ่านมา มักโดนเกาะแกะน่ารำคาญ หรือไม่ก็แบบผู้ชายตรงหน้าคนนี้ ที่ เห็นคนสวยมันต้องทำตาเจ้าชู้ใส่ราวกับว่า ตัวเองโสดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ที่คิดว่าจะลากเพศตรงข้ามขึ้นเตียงได้ง่าย
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ค่อยชอบความเป็นกันเองของเขา ขิมจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นงานเป็นการขึ้นมา ด้วยการวางท่าทีเข้มราวกับว่าบริษัทของตนเองไม่จำเป็นต้องง้อใคร
“คุณว่าเรื่องงานมาได้ครับ”
ป่านแก้วเสนอความต้องการของบริษัท โดยละเอียด
“ดิฉันอยากเน้นงานให้ออกมาอย่างที่ไม่ใช่เสนอแต่ให้ผู้บริโภคสนใจเท่านั้นนะคะ แต่อยากเสนอแนะว่าผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณค่าจริง จนสามารถรับรางวัลได้ ซึ่งดิฉันเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากความนิยม และการโฆษณา”
แม่จ้าวโว้ย น่าจะมาทำโฆษณาเสียเองจริงๆ ผับผ่าสิ ขิมอดคิดเสียไม่ได้
“ผมจะรับงานของคุณไว้อีกอาทิตย์หนึ่งจะติดต่อไป”
“อาทิตย์หนึ่งมันนานเกินค้าขายนะคะ”
“ถ้าอยากได้งานละเอียดหลายรูปแบบก็ต้องรอครับ บริษัทของผมไม่ได้ตั้งมาเพื่อโกยเงินเข้ากระเป๋าเท่านั้น ผมอยากทำให้มีคุณภาพด้วย แล้วถ้าทำงานให้บริษัทคุณ ผมก็จะไม่รับทำให้บริษัทอื่น”
“อันนั้นมันต้องทำสัญญากันอยู่แล้ว”
“แต่เรายังไม่มีการตกลงกันนี่ครับ”
ทำเล่นตัวจะโก่งราคากระมัง ป่านแก้วคิด
“คุณประมาณการใช่จ่ายมา”
“คุณจะให้ผมติดต่อไปที่ใครครับ เจ้าของบริษัทหรือกับคุณ”
ป่านแก้วเปิดกระเป๋าถือ หยิบนามบัตรของตนเองออกมาหนึ่งใบส่งให้ชายหนุ่มรูปงามจัด ขิมรับอ่านดูคร่าวๆ ร่างบางๆ แต่มีตำแหน่งไม่เบา และเขาก็เพ่งตาอ่านตัวอักษรไม่กี่ตัว เป็นภาษาอังกฤษแต่อ่านได้ว่า
“ป่านแก้ว” เขาทวน หญิงสาวจึงเอ่ยดักหน้าอย่างกลัวอีกฝ่ายจะว่าชื่อโบราณ ที่ไทยไม่ต้องแปลไทย
“คงเชยพอๆกับชื่อของคุณนั่นละ คุณขิม”
คนตัวโตจ้องมองหญิงสาวแทบจะให้ทะลุไปถึงจิตใจเลย
“สิบกว่าปี สิบกว่าแล้วนะป่าน” เขาโพล่งออกมาอย่างลืมตัว ป่านแก้ว ตื่นตะลึง
ร่างใหญ่ลุกพรวดจากเก้าอี้ ตื่นเต้นจนระงับอาการไม่อยู่ ป่านแก้วนั่งตัวแข็งทื่อ หอบหายใจราวกับเหนื่อยหนักเสียเต็มประดา หากว่าเป็น อาการดีใจสุดขีดมากว่า
“ขิม”
เธอลุกปราดจากเก้าอี้กระโดดกอดคอร่างสูง โหนตัวราวกับเด็กน้อยโหนชิงช้า ขิมโอบร่างอีกฝ่ายเต็มอ้อม ไม่ใช่กิริยาของคู่รักแต่มันเป็นความสมสมใจที่รอคอย
“โย้” สองหนุ่มสาวร้องพร้อมกัน
ขิมปล่อยร่างเพื่อนลงนั่งคุยกันจากนั้นคำถามหลายร้อยคำพรั่งพรูถามกันและกัน ขิมเล่าให้ป่านแก้วฟังถึงเพื่อนวัยเยาว์ ซึ่งน้อยคนนักจะเป็นอย่างพวกเขา เพราะเพื่อนวัยประถมมักจะถูกลืมเมื่อเข้ามัธยม หรือมหาวิทยาลัย แต่พวกเขาเป็นเพื่อนแสนรักที่ยากจะลืมกันได้ลง
คล้ายกับพวกเขามีเส้นไหมที่ร้อยนิ้วของแต่ละคนไว้ไม่ให้ความผูกพันได้หายไปกับการเวลา เพื่อนสนิทในวัยเยาว์อีกสามคนที่พลัดพรากจากกัน ชายหนุ่มบอกเล่าด้วยท่าทีมีความรู้สึกทุกข์สุขยามเอ่ยถึงแต่ละคน
“จบประถมพันไป มอญพึ่งจากกันตอนเรียนในจังหวัด ส่วนจ๊ะหนีออกจากบ้านเมื่อตอน ม.4 เราก็เข้ามาเรียนในกรุงเทพ แล้วเธอล่ะป่านเป็นไงบ้าง”
“ขิมเปลี่ยนไปเยอะนะ”
ป่านแก้วพูดมาจากใจจริง เพราะลักษณะท่าทางของขิมเป็นอย่างที่อาเนื่องเคยบอกว่า ‘ทันสมัย ไม่มีรูปเค้าของเด็กบ้านนอกหลงเหลือสักนิด’
“เย็นนี้ ไปฉลองกันนะ ป่าน เรายกเลิกนัดหมด”
“เฮ่ย เดี๋ยวเราถูกฉีกอก ควงเขามาทิ้งไม่ดีหรอกนะ”
“ผู้ชายก็มีบ้างละป่าน แต่เรายังหาคนถูกใจไม่ได้หรอก เราไปรับเธอนะป่าน ให้รับที่บริษัทหรือที่บ้านดี จะอาบน้ำก่อนก็ได้นะ” ชายหนุ่มพูดรัวราวกับว่าถ้าคลาดกันก็จะต้องจากไปอีก
“ไม่ทันใจหรอกเลิกงานปุ๊บ เรามาหาเธอที่นี่เอง” ป่านแก้วตอบได้ใจชายหนุ่มทีเดียว
“โอ เค” เขารับคำผุดลุกขึ้นพร้อมหญิงสาว
ขิมเดินออกมาส่งเพื่อนจนถึงรถ โดยที่ลีน่ารีบตามออกมายืนหน้าง้ำอยู่หน้าประตู
“ไปแก้ตัวกับแม่เสือสาวนั่นไปขิม”
“แก้ตัวอะไรกัน คุณเธอนะอยากให้แก้ผ้าเสียด้วยซ้ำ”
“บ้า” ป่านแก้วว่าแล้วปิดประตูขึ้นรถถอยออกไป หญิงสาวหันไปมองทางกระจกหลัง ได้เห็นเพื่อนยืนโบกมือ เธอหันไปโบกมือตอบพร้อมรอยยิ้มหวานเฉียบ
หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้น ยินดี และปลื้มใจจนหุบยิ้มไม่ลง ความอบอุ่นบางอย่างที่เคยขาดหายไป เริ่มกลับมาอะไรกันหนอความรู้สึกที่ว่านี้ หญิงสาวหยุดริมฝีปากไม่ให้ยิ้มไม่ได้เลย แม้หลายคนจะพากันมองด้วยความรู้สึกต่างๆกัน แต่ที่แน่ๆ ป่านแก้วอยากร้องออกมาดังๆว่า....ไชโย



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ส.ค. 2554, 08:39:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2554, 08:39:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 2018





<< แม่จอมงก    ข่าวของสัจจะ >>
saralun 20 ส.ค. 2554, 09:04:54 น.
อยากรู้แล้วว่าใคร คือ พระเอก น้าาาา!!!


nutcha 20 ส.ค. 2554, 10:19:02 น.
จะใช่ขิมหรือเปล่าที่เป็นพระเอก


จิงโกะ 20 ส.ค. 2554, 10:30:47 น.
เพื่อนๆ สีหนุ่มหนึ่งสาวภาคโต จะได้เจอกันครบทุกคนไหมน้า?


mommy 20 ส.ค. 2554, 14:27:51 น.
ใครจะเป็นพระเอกน้า


กาซะลองพลัดถิ่น 20 ส.ค. 2554, 15:45:33 น.
แต่อย่ากลายเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด นะคะ ....เพราะว่าแต่ละคนก็เพื่อน ๆ กันทั้งนั้น แต่เรื่องของหัวใจมันไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ เนอะ


Zephyr 21 ส.ค. 2554, 21:19:30 น.
หูย ตัวเลือกพระเอกมากมาย อืม จะแต่งให้มาชิงรักหักสวาทกันเองป่าวเนี่ย อย่าเลยนะ มันเศร้าเกินไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account