กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์
ตอน: บทที่ 1 -100%
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนใจดี ดูจากรูปร่าง หน้าตา ลักษณะท่าทางออร่าจับขนาดนี้ คุณต้องเป็นคนดีแน่ๆ เลยนะคะ”
หล่อนทำตาปริบๆ เมื่อเขาเงียบจึงพูดต่ออีก
“ฉันพักอยู่โรงแรมฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมคุณน่ะ ไหนๆ เราก็ต้องไปทางเดียวกันอยู่แล้ว ฉันขอลงแค่ทางผ่านหัวมุมถนนยอร์กก็ได้”
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะไปทางนั้น” เขาหรี่ตามองอย่างจับผิด
“ขะ...คุณไม่ต้องมองฉันขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎนะ พอดีเพื่อนฉันผิดนัด มารับไม่ได้ ฉันก็เลยต้องไปโรงแรมเอง”
“ผมถามว่าคุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะไปทางนั้น หรือว่าเป็นพวกสตอล์กเกอร์[1]”
“เปล่านะคะ! ฉัน เอิ่ม ได้ยินคุณคุยโทรศัพท์...แค่นั้นเอง” เอรินยิ้มหวานส่งให้ พร้อมทำท่ายกหูโทรศัพท์ว่าหล่อนรู้เพราะได้ยินเขาคุย
ชายหนุ่มถอนใจเมื่อรู้คำตอบ แต่ยังอดไม่ได้ปรายตามองมาสายตาตำหนิอีกหน “เสียมารยาทมาก แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าช่วยลูกนกลูกกา คราวหน้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก มิจฉาชีพมันเยอะ คุณอาจจะไม่ปลอดภัย”
“ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงไม่กล้า แต่ฉันนึกแล้วว่าคุณใจดี รังสีความใจดีมันแผ่ซ่าน ขอบคุณนะคะคุณอธิปก” เอรินกะพริบตาปริบเอาใจ
“เดี๋ยวนะ นี่รู้ได้ไงว่าผมเป็นใคร” ชายหนุ่มนามว่า อธิปก ถามกลับเสียงเข้มขึ้นมาอีกตามเคย ดวงตาคมจ้องสาวข้างกายแน่ว มีแต่ความเคลือบแคลงชนิดไม่ปิดบัง “อย่าบอกนะว่า...”
“ก่อนขึ้นรถฉันเห็นชื่อคุณที่แท็กกระเป๋า ก็เลยจำได้ว่าคุณคือ คุณอธิปก ชาญวนิช แห่งเดอะเกรททราเวล บริษัททัวร์ที่โด่งดังที่สุดในไทย”
หล่อนร่ายยาว
“ที่บ้านฉันก็ส่งแขกให้บริษัททัวร์ของคุณอยู่บ่อยๆ”
“ที่บ้านคุณเป็นรีสอร์ต?”
“เปล่าค่ะ แค่โฮมสเตย์เล็กๆ ที่ประจวบฯ ทำกันเองในครอบครัวไม่มีชื่อเสียงอะไรหรอกค่ะ” หล่อนตอบยิ้มๆ
“แต่เอาจริงๆ ฉันก็อยากเปิดบริษัททัวร์เหมือนกันนะคะ ฉันอยากเป็นไกด์ค่ะ ถ้าได้ทำก็คงช่วยรายจ่ายที่บ้านได้บ้าง”
อธิปกฟังสิ่งที่สาวข้างกายเล่าสีหน้าครุ่นคิด เขาไม่ได้ออกความเห็นใด และก็ไม่ได้ซักอะไรหล่อนอีก นอกจากแค่ยังมองมาอย่างพินิจพิเคราะห์ กระทั่งเห็นคนขับแท็กซี่กลับเข้ามานั่งในรถแล้วนั่นละ เขาถึงเอ่ยออกมาว่า
“ก็ได้ ผมช่วยครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
เอรินรีบยกมือไหว้ขอบคุณเขา ฉีกยิ้มกว้างดีใจอย่างเด็กๆ
อธิปกได้แต่ส่ายหน้าระอา ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความไหลลื่นของสาวน้อย และเป็นเขาอีกนั่นแหละที่จำต้องบอกคนขับแท็กซี่ให้ขับผ่านเส้นทางที่หล่อนต้องการ ก่อนจะเมินหน้าหนี หลับตาพิงพนักเบาะปัดความรำคาญ
**************************
ผ่านไปครู่ใหญ่ แท็กซี่ก็แล่นเข้าสู่ย่านตึกสูงบนถนนยอร์ก...
เอรินมองเห็นลอนดอนอาย[2]โผล่พ้นมุมตึกอยู่ลิบๆ จึงเริ่มกระวนกระวาย กวาดตามองหาที่พักซึ่งเป็นเป้าหมายของหล่อน ด้วยความที่ตึกสูงระฟ้าหน้าตาคล้ายกันไปหมด จากที่มั่นใจว่าศึกษาเส้นทางจากแผนที่เอาไว้บ้างแล้ว พอเจอสถานที่จริงเข้าไปหล่อนถึงกับเบลอ ตั้งหลักไม่ถูก แม้จะถือแผนที่อยู่ในมือก็ตาม
ที่นี่คือลอนดอน...เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป มีผู้คนหลาก หลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม
แต่ไหนเลยจะสู้ ‘ฟลอเรนซ์’ ที่หล่อนอยากไปนักหนา เพียงแต่ยังไม่มีโอกาส และที่สำคัญครอบครัวของหล่อนก็ไม่มีเงินมากพอสำหรับใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
เอรินพลิกแผนที่ในมือไปมา ดวงหน้านวลเคร่งเครียด คิ้วขมวดกันเป็นปมยุ่งเมื่อมองแผนที่ในมือสลับกับมองหาป้ายชื่อโรงแรมบนท้องถนนเท่าไรก็หาไม่เจอ เดือดร้อนคนที่นั่งเงียบมาตลอดทางอย่างอธิปก ต้องเอ่ยถาม
“ตกลงคุณจะลงที่ไหน แล้วพักโรงแรมอะไร”
“เดี๋ยวนะ ฉันขอดูชื่อโรงแรมให้แน่ใจก่อนดีกว่าค่ะ” เอรินตอบขณะเปิดกระเป๋าสะพายควานหาโทรศัพท์มือถือเพื่อเปิดดูข้อความที่คุยกับวินซ์ไว้ โรงแรมที่หล่อนจะไปพักนั้น เพื่อนเป็นคนจัดการจองให้เสร็จสรรพ หล่อนเลยชักไม่แน่ใจแล้วว่าจำชื่อโรงแรมถูก
เอรินมัวแต่ก้มหน้าก้มตาหาโทรศัพท์มือถืออยู่นั่นเอง ถ้ามุดเข้าไปได้คงทำไปแล้ว! อธิปกทนไม่ไหว แย่งแผนที่ในมือหล่อนไปดูเสียเอง
“โรงแรมที่คุณจะไป ใช่ที่วงสีแดงไว้นี่รึเปล่า” เขาถามพลางชี้ให้ดู
“โรงแรมพาร์ค พลาซ่า?”
“ใช่ค่ะใช่” เอรินละสายตาจากกระเป๋ามาพยักหน้าตอบเขาอย่างตื่น เต้น
“รู้สึกโรงแรมจะอยู่แถวๆ นั้นน่ะค่ะ แผนที่มันไม่ค่อยละเอียด...คุณรู้จักหรือคะ เขาว่ากันว่าเป็นโรงแรมระดับห้าดาว คืนละเป็นหมื่น”
“ใช่ที่ไหนกัน โรงแรมนี้สี่ดาวต่างหาก” อธิปกยังอุตส่าห์ท้วง
“ถ้าคุณพักที่นี่จริงก็ทางโค้งที่ผ่านมานั่นไง เลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานนั่นไปหอนาฬิกาบิ๊กเบน แต่นี่เรามาเกือบถึงลอนดอนอายแล้ว คุณคงต้องเดินย้อนกลับไปนิดเพราะผมจะไปอีกทาง”
เขาตอบแล้วรีบบอกแท็กซี่ให้จอดก่อนที่จะเลยไปไกลกว่านี้
“โห เกือบไปแล้วเชียว” เอรินหันมองตามที่เขาว่าแล้วมีสีหน้าตื่นๆ อดใจหายไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นฉันลงตรงนี้เลยแล้วกันค่ะ ขอบคุณสำหรับน้ำใจครั้งนี้นะคะ เอาไว้คงมีโอกาสตอบแทนคุณบ้าง”
“ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อย” เขาบอกอย่างไม่ถือสา
แต่พอเอรินทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถไป เขากลับดึงแขนหล่อนไว้
“คุณมีมือถือมาใช่ไหม หาซิมใส่ซะ แล้วถ้ามีอะไรก็โทร.มาเบอร์นี้”
อธิปกยื่นนามบัตรใบหนึ่งให้ เอรินกำลังจะลงจากรถอยู่แล้วเลยมองมาอย่างไม่เชื่อสายตา เขากระแอมไอในลำคอเล็กน้อยก่อนเอ่ยบอกว่า
“นามบัตรผมเอง มีเบอร์ผมอยู่ เป็นเบอร์ที่ผมใช้ระหว่างอยู่ที่นี่ ผมพักอยู่โรงแรม...จริงสิ คุณรู้อยู่แล้ว”
“ค่ะ คุณพักที่เดอะรอยัลเฮาส์การ์ด อยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่ไกลจากโรง แรมฉันมาก ขอบคุณคุณมากนะคะ”
เอรินรับนามบัตรเขามาถือไว้ด้วยความซาบซึ้งใจ อดไม่ได้เงยหน้าสบตาคมเข้มคู่นั้นเป็นครั้งสุดท้าย
รถแท็กซี่แล่นจากไปแล้ว พร้อมชายหนุ่มที่ถึงแม้จะปากจัดไปนิด แต่ใจดีกว่าที่เห็นมาก
เอรินยังคงมองตามด้วยความประทับใจ ครู่หนึ่งจึงรู้สึกตัวกวาดตา มองไปรอบกาย
ได้เวลาผจญโลกกว้างตามลำพังแล้วสินะ
สาวน้อยนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ทั้งตื่นเต้น สับสน แต่ก็เจือความอยากรู้อยากเห็น ร่างสูงเพรียวลากกระเป๋าขึ้นบนบาทวิถีแล้วเดินย้อนกลับไปตามทางที่อธิปกบอกไว้
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
[1] สตอล์กเกอร์ (Stalker) หมายถึง คนโรคจิตชอบย่องตามคนอื่น
[2] ลอนดอนอาย (London Eye) หรือ มิลเลเนียมวีล (Millennium Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง ๑๓๕ เมตร (๔๔๓ ฟุต)
หล่อนทำตาปริบๆ เมื่อเขาเงียบจึงพูดต่ออีก
“ฉันพักอยู่โรงแรมฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมคุณน่ะ ไหนๆ เราก็ต้องไปทางเดียวกันอยู่แล้ว ฉันขอลงแค่ทางผ่านหัวมุมถนนยอร์กก็ได้”
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะไปทางนั้น” เขาหรี่ตามองอย่างจับผิด
“ขะ...คุณไม่ต้องมองฉันขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎนะ พอดีเพื่อนฉันผิดนัด มารับไม่ได้ ฉันก็เลยต้องไปโรงแรมเอง”
“ผมถามว่าคุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะไปทางนั้น หรือว่าเป็นพวกสตอล์กเกอร์[1]”
“เปล่านะคะ! ฉัน เอิ่ม ได้ยินคุณคุยโทรศัพท์...แค่นั้นเอง” เอรินยิ้มหวานส่งให้ พร้อมทำท่ายกหูโทรศัพท์ว่าหล่อนรู้เพราะได้ยินเขาคุย
ชายหนุ่มถอนใจเมื่อรู้คำตอบ แต่ยังอดไม่ได้ปรายตามองมาสายตาตำหนิอีกหน “เสียมารยาทมาก แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าช่วยลูกนกลูกกา คราวหน้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก มิจฉาชีพมันเยอะ คุณอาจจะไม่ปลอดภัย”
“ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงไม่กล้า แต่ฉันนึกแล้วว่าคุณใจดี รังสีความใจดีมันแผ่ซ่าน ขอบคุณนะคะคุณอธิปก” เอรินกะพริบตาปริบเอาใจ
“เดี๋ยวนะ นี่รู้ได้ไงว่าผมเป็นใคร” ชายหนุ่มนามว่า อธิปก ถามกลับเสียงเข้มขึ้นมาอีกตามเคย ดวงตาคมจ้องสาวข้างกายแน่ว มีแต่ความเคลือบแคลงชนิดไม่ปิดบัง “อย่าบอกนะว่า...”
“ก่อนขึ้นรถฉันเห็นชื่อคุณที่แท็กกระเป๋า ก็เลยจำได้ว่าคุณคือ คุณอธิปก ชาญวนิช แห่งเดอะเกรททราเวล บริษัททัวร์ที่โด่งดังที่สุดในไทย”
หล่อนร่ายยาว
“ที่บ้านฉันก็ส่งแขกให้บริษัททัวร์ของคุณอยู่บ่อยๆ”
“ที่บ้านคุณเป็นรีสอร์ต?”
“เปล่าค่ะ แค่โฮมสเตย์เล็กๆ ที่ประจวบฯ ทำกันเองในครอบครัวไม่มีชื่อเสียงอะไรหรอกค่ะ” หล่อนตอบยิ้มๆ
“แต่เอาจริงๆ ฉันก็อยากเปิดบริษัททัวร์เหมือนกันนะคะ ฉันอยากเป็นไกด์ค่ะ ถ้าได้ทำก็คงช่วยรายจ่ายที่บ้านได้บ้าง”
อธิปกฟังสิ่งที่สาวข้างกายเล่าสีหน้าครุ่นคิด เขาไม่ได้ออกความเห็นใด และก็ไม่ได้ซักอะไรหล่อนอีก นอกจากแค่ยังมองมาอย่างพินิจพิเคราะห์ กระทั่งเห็นคนขับแท็กซี่กลับเข้ามานั่งในรถแล้วนั่นละ เขาถึงเอ่ยออกมาว่า
“ก็ได้ ผมช่วยครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
เอรินรีบยกมือไหว้ขอบคุณเขา ฉีกยิ้มกว้างดีใจอย่างเด็กๆ
อธิปกได้แต่ส่ายหน้าระอา ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความไหลลื่นของสาวน้อย และเป็นเขาอีกนั่นแหละที่จำต้องบอกคนขับแท็กซี่ให้ขับผ่านเส้นทางที่หล่อนต้องการ ก่อนจะเมินหน้าหนี หลับตาพิงพนักเบาะปัดความรำคาญ
**************************
ผ่านไปครู่ใหญ่ แท็กซี่ก็แล่นเข้าสู่ย่านตึกสูงบนถนนยอร์ก...
เอรินมองเห็นลอนดอนอาย[2]โผล่พ้นมุมตึกอยู่ลิบๆ จึงเริ่มกระวนกระวาย กวาดตามองหาที่พักซึ่งเป็นเป้าหมายของหล่อน ด้วยความที่ตึกสูงระฟ้าหน้าตาคล้ายกันไปหมด จากที่มั่นใจว่าศึกษาเส้นทางจากแผนที่เอาไว้บ้างแล้ว พอเจอสถานที่จริงเข้าไปหล่อนถึงกับเบลอ ตั้งหลักไม่ถูก แม้จะถือแผนที่อยู่ในมือก็ตาม
ที่นี่คือลอนดอน...เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป มีผู้คนหลาก หลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม
แต่ไหนเลยจะสู้ ‘ฟลอเรนซ์’ ที่หล่อนอยากไปนักหนา เพียงแต่ยังไม่มีโอกาส และที่สำคัญครอบครัวของหล่อนก็ไม่มีเงินมากพอสำหรับใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
เอรินพลิกแผนที่ในมือไปมา ดวงหน้านวลเคร่งเครียด คิ้วขมวดกันเป็นปมยุ่งเมื่อมองแผนที่ในมือสลับกับมองหาป้ายชื่อโรงแรมบนท้องถนนเท่าไรก็หาไม่เจอ เดือดร้อนคนที่นั่งเงียบมาตลอดทางอย่างอธิปก ต้องเอ่ยถาม
“ตกลงคุณจะลงที่ไหน แล้วพักโรงแรมอะไร”
“เดี๋ยวนะ ฉันขอดูชื่อโรงแรมให้แน่ใจก่อนดีกว่าค่ะ” เอรินตอบขณะเปิดกระเป๋าสะพายควานหาโทรศัพท์มือถือเพื่อเปิดดูข้อความที่คุยกับวินซ์ไว้ โรงแรมที่หล่อนจะไปพักนั้น เพื่อนเป็นคนจัดการจองให้เสร็จสรรพ หล่อนเลยชักไม่แน่ใจแล้วว่าจำชื่อโรงแรมถูก
เอรินมัวแต่ก้มหน้าก้มตาหาโทรศัพท์มือถืออยู่นั่นเอง ถ้ามุดเข้าไปได้คงทำไปแล้ว! อธิปกทนไม่ไหว แย่งแผนที่ในมือหล่อนไปดูเสียเอง
“โรงแรมที่คุณจะไป ใช่ที่วงสีแดงไว้นี่รึเปล่า” เขาถามพลางชี้ให้ดู
“โรงแรมพาร์ค พลาซ่า?”
“ใช่ค่ะใช่” เอรินละสายตาจากกระเป๋ามาพยักหน้าตอบเขาอย่างตื่น เต้น
“รู้สึกโรงแรมจะอยู่แถวๆ นั้นน่ะค่ะ แผนที่มันไม่ค่อยละเอียด...คุณรู้จักหรือคะ เขาว่ากันว่าเป็นโรงแรมระดับห้าดาว คืนละเป็นหมื่น”
“ใช่ที่ไหนกัน โรงแรมนี้สี่ดาวต่างหาก” อธิปกยังอุตส่าห์ท้วง
“ถ้าคุณพักที่นี่จริงก็ทางโค้งที่ผ่านมานั่นไง เลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานนั่นไปหอนาฬิกาบิ๊กเบน แต่นี่เรามาเกือบถึงลอนดอนอายแล้ว คุณคงต้องเดินย้อนกลับไปนิดเพราะผมจะไปอีกทาง”
เขาตอบแล้วรีบบอกแท็กซี่ให้จอดก่อนที่จะเลยไปไกลกว่านี้
“โห เกือบไปแล้วเชียว” เอรินหันมองตามที่เขาว่าแล้วมีสีหน้าตื่นๆ อดใจหายไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นฉันลงตรงนี้เลยแล้วกันค่ะ ขอบคุณสำหรับน้ำใจครั้งนี้นะคะ เอาไว้คงมีโอกาสตอบแทนคุณบ้าง”
“ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อย” เขาบอกอย่างไม่ถือสา
แต่พอเอรินทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถไป เขากลับดึงแขนหล่อนไว้
“คุณมีมือถือมาใช่ไหม หาซิมใส่ซะ แล้วถ้ามีอะไรก็โทร.มาเบอร์นี้”
อธิปกยื่นนามบัตรใบหนึ่งให้ เอรินกำลังจะลงจากรถอยู่แล้วเลยมองมาอย่างไม่เชื่อสายตา เขากระแอมไอในลำคอเล็กน้อยก่อนเอ่ยบอกว่า
“นามบัตรผมเอง มีเบอร์ผมอยู่ เป็นเบอร์ที่ผมใช้ระหว่างอยู่ที่นี่ ผมพักอยู่โรงแรม...จริงสิ คุณรู้อยู่แล้ว”
“ค่ะ คุณพักที่เดอะรอยัลเฮาส์การ์ด อยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่ไกลจากโรง แรมฉันมาก ขอบคุณคุณมากนะคะ”
เอรินรับนามบัตรเขามาถือไว้ด้วยความซาบซึ้งใจ อดไม่ได้เงยหน้าสบตาคมเข้มคู่นั้นเป็นครั้งสุดท้าย
รถแท็กซี่แล่นจากไปแล้ว พร้อมชายหนุ่มที่ถึงแม้จะปากจัดไปนิด แต่ใจดีกว่าที่เห็นมาก
เอรินยังคงมองตามด้วยความประทับใจ ครู่หนึ่งจึงรู้สึกตัวกวาดตา มองไปรอบกาย
ได้เวลาผจญโลกกว้างตามลำพังแล้วสินะ
สาวน้อยนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ทั้งตื่นเต้น สับสน แต่ก็เจือความอยากรู้อยากเห็น ร่างสูงเพรียวลากกระเป๋าขึ้นบนบาทวิถีแล้วเดินย้อนกลับไปตามทางที่อธิปกบอกไว้
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
[1] สตอล์กเกอร์ (Stalker) หมายถึง คนโรคจิตชอบย่องตามคนอื่น
[2] ลอนดอนอาย (London Eye) หรือ มิลเลเนียมวีล (Millennium Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง ๑๓๕ เมตร (๔๔๓ ฟุต)
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2562, 10:24:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2562, 10:51:38 น.
จำนวนการเข้าชม : 583
<< บทนำ + บทที่1(50%) | บทที่ 2 -50% >> |