กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์
ตอน: บทที่ 2 -100%
เอรินผ่านพ้นคืนแรกที่ลอนดอนไปด้วยความรู้สึกประหลาดที่มีต่อซีอีโอหนุ่ม หล่อนรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเป็นภาพที่เคยเกิดขึ้น แผ่นหลังบึกบึน น้ำเสียงทุ้มนุ่มแต่บางครั้งแฝงความฉุนเฉียวเอาแต่ใจของเขา ทำให้หล่อนนึกถึงเจ้าชายในฝัน...
แต่เขาไม่ใช่...
ไม่มีวันใช่...
เอรินพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้น อันที่จริงหล่อนไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้นักหรอก เพราะที่หล่อนมาที่นี่ก็เพื่อเตรียมตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับวินซ์เพื่อนรัก หล่อนและวินซ์เติบโตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนบ้าน และเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจวบจนกระทั่งจบมัธยมฯ ปลาย ด้วยความที่วินซ์ฐานะทางครอบครัวดีกว่าเอรินมากชนิดเทียบกันไม่ติด เพราะบิดามีธุรกิจโรงแรมหลายแห่งที่หัวหิน ส่วนเอรินเป็นเพียงลูกสาวเจ้าของโฮมสเตย์เล็กๆ หล่อนจึงเรียนต่อมหาวิทยาลัยในไทย ในขณะที่วินซ์ต้องมาเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยชื่อดังของลอนดอนตามความต้องการของบิดา แต่ไปๆ มาๆ ท่าทางวินซ์คงไม่คิดกลับไปรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวที่เมืองไทยแล้วละ เพราะตอนนี้เจ้าหล่อนมีว่าที่สามีเป็นคนอังกฤษ และทั้งสองตั้งใจว่าจะตั้งรกรากอยู่ที่นี่
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้วินซ์กับเอรินยังคงติดต่อหากันตลอด ความรักความผูกพันของสองสาวเพื่อนซี้จึงไม่เคยลดลงไปเลย เหตุนี้เอรินจึงยอมตกปากรับคำมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้วินซ์ถึงที่ลอนดอนอย่างไม่เกี่ยงงอน หนำซ้ำวินซ์ยังอุตส่าห์ช่วยขอบิดามารดาให้ด้วย เพราะหล่อนอยากมางานสำคัญของเพื่อนจริงๆ
ฉะนั้นภารกิจแรกที่หล่อนต้องทำในเช้าวันนี้ก็คือ การไปลองชุดที่เพื่อนเตรียมไว้ให้!
เอรินถูกวินซ์ลากมายังห้องเสื้อหรูราคาแพงระยับในห้างสรรพสิน ค้าชื่อดังแห่งหนึ่งของลอนดอน
หญิงสาวหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจก มองดูร่างสูงเพรียวของตัวเองยามอยู่ในชุดเพื่อนเจ้าสาวแล้วลอบถอนใจออกมา ขณะที่ว่าที่เจ้าสาวอย่างวินซ์เอ่ยออกมาว่า
“ไม่สวย มันหลวมเกินไป”
วินซ์เป็นคนเตรียมชุดนี้ไว้ให้เอรินเองก็จริง แต่พอเห็นเอรินลองชุดแล้วผิดจากที่คิดไว้มาก โดยเฉพาะแผ่นหลังที่เปิดเปลือยถึงบั้นเอวคล้องด้วยสายลูกปัดห่างๆ ดูหลวมเสียจนเกาะอกเผยอเกือบเห็นเนินอกด้านข้าง
“ถ้ามันไม่พอดี ฉันว่า...” เอรินพูดได้แค่นั้นก็ถูกเพื่อนยกมือห้าม
“ฉันเป็นเจ้าสาวนะจ๊ะ ส่วนเธอเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉัน ฉะนั้นห้ามขัดใจ! และก็ไม่ต้องคิดจะเปลี่ยนไปใส่ชุดคุณป้าเลยนะ แบบที่เธอเลือกมันเชย ฉันอุตส่าห์จองชุดนี้ไว้ให้ แต่ติดตรงอกเธอมันเล็กกว่าชุดเนี่ยสิ โอย ฉันก็ลืมคิดไปว่าชุดมันไซส์ฝรั่ง เพื่อนเจ้าสาวคนอื่นเลยไม่มีปัญหากัน จะทำยัง ไงดีเนี่ย ฉันมีธุระต่อด้วย”
วินซ์กอดอกพินิจพิจารณาเพื่อนรักอยู่ครู่ ก็หันไปเจรจากับช่างเสื้อแต่ตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายว่าที่เจ้าสาวก็เดินหน้าง้ำกลับมากระซิบกระซาบกับเอรินน้ำเสียงหงุดหงิด
“นี่ขนาดเป็นแบรนด์ดัง ราคาเท่าไรฉันก็ไม่เกี่ยงนะ ยังไม่ยอมแก้ด่วนให้เลย รู้งี้สั่งตัดชุดเสียแต่แรกก็ดี ยายนั่นจะให้ฉันอยู่รอตั้งสามชั่วโมง บอกช่างแก้ไปกินข้าว ฉันต้องไปรับพ่อแม่วิลเลียมที่สนามบินด้วย กลัวจะกลับมาไม่ทันร้านปิดซะก่อน พรุ่งนี้ก็วันงานแล้ว ฉันตายแน่เลยถ้าชุดเธอเสร็จไม่ทัน”
“ใจเย็นๆ ก่อนวี” เอรินปลอบเพื่อน
“ลองดูชุดอื่นแทนก็ได้ เผื่อเจอแบบที่มันคล้ายชุดนี้”
“ไม่เอา!” ว่าที่เจ้าสาวขึ้นเสียงสูงหน้าตาขึงขัง “เธอต้องเพอร์เฟกต์ที่สุดให้สมกับที่อิมพอร์ตมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉันสิ”
“แต่ฉันว่าชุดนี้มันโป๊ไปนิด ใส่แล้วไม่มั่นใจเลย”
“ก็มั่นใจเสียสิจ๊ะ เชื่อฉัน ชุดนี้แหละสวยเลย รับรองเธอใส่แล้วขายออกแน่”
“ก็เวอร์ไป ฉันไม่ใช่สินค้า มาขงมาขายออกอะไรกันล่ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันอยู่รอจนชุดเสร็จเอง เธอไปทำธุระเถอะ ฉันกลับเองได้ ที่นี่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไรเดินข้ามสะพานไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
“จะดีเหรอ มันไม่ไกลแต่ก็ไม่ได้ใกล้ขนาดนั้นนะกลัวเธอจะหลงก่อนถึงโรงแรมนะสิ” วินซ์หน้านิ่วคิ้วขมวดหนักกว่าเดิม
“ฉันกลับเองได้จริงๆ มีปากเสียอย่าง หาไม่เจอก็ถามเอา ไม่มีอะไรที่ไกด์มือใหม่อย่างฉันทำไม่ได้ ยิ่งเรื่องเอาตัวรอดฉันถนัดมาก”
เอรินบอกเพื่อนยิ้มๆ ก็จริง แต่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร ยิ่งหันไปเจอสายตาของพนักงานคนที่วินซ์มีปัญหาด้วยเมื่อครู่ เอรินก็พอรับรู้ได้ว่ารายนั้นเองก็คงไม่พอใจเพื่อนของหล่อนพอกัน
“งั้นเอางี้ เธออยู่รอที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวฉันให้รถโรงแรมมารับแล้วกัน ฉันไม่เสี่ยงปล่อยเธอกลับเองเด็ดขาด เกิดเป็นอะไรขึ้นมาพ่อเธอด่าฉันเละแน่ ฉันน่ะต้องขอร้องแม่เธอแทบตายกว่าจะยอมปล่อยเธอมาที่นี่ได้”
“โอเค เอางั้นก็ได้” เอรินตกลงพลางดุนหลังเพื่อนรักให้รีบไป
“มีธุระก็รีบไปได้แล้ว ไม่ต้องห่วง ถ้ารถโรงแรมไม่มารับเจ้าหญิงจะไม่ยอมเสด็จออกจากร้านเป็นอันขาด”
วินซ์ค้อนขวับให้ แต่สีหน้านั้นดีขึ้นเป็นกอง รีบล้วงกระเป๋าสะพายหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองส่งให้เอรินก่อนย้ำอีกครั้ง
“เอาโทรศัพท์ฉันไปใช้ก่อน เสร็จธุระแล้วฉันจะโทร.มานะ”
เอรินได้แต่พยักหน้ามองตามเพื่อนรักที่หมุนตัวเดินแกมวิ่งออกไปจากห้องเสื้อด้วยความเร่งรีบ
**************
เกือบสองชั่วโมงที่เอรินต้องนั่งแกร่วรอช่างแก้ชุดให้อย่างอดทน
หล่อนฆ่าเวลาด้วยการเดินดูเสื้อผ้าภายในร้านไปเรื่อยเปื่อย สลับกับนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือของวินซ์แก้เบื่อ พอช่างแก้ชุดให้เสร็จเรียบร้อย พนักงานก็นำชุดมาให้เอรินลองสวมดูอีกครั้ง กระทั่งแก้ไขจนพอดีตัวและออกมาสวยอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว เอรินถึงกับโล่งใจประหนึ่งยกภูเขาออกจากอกก็ไม่ปาน ที่ในที่สุดก็ปฏิบัติภารกิจตามที่เพื่อนมอบหมายไว้เสร็จสิ้นเสียที
“รบกวนถ่ายรูปให้ด้วยได้ไหมคะ ขอหลายๆ อิริยาบถเลย ฉันจะส่งให้เพื่อนดูด้วยค่ะ”
เพื่อความชัวร์เอรินยื่นโทรศัพท์ให้พนักงานคนเดิมที่คอยจัดการเรื่องชุดให้ช่วยถ่ายรูปเก็บไว้ รายนั้นสีหน้าดีขึ้นแล้วหลังจากที่ชุดออกมาได้ดังใจลูกค้า เลยไม่อิดออดที่จะทำหน้าที่ช่างภาพจำเป็น กดถ่ายรูปให้เอรินรัวๆ
“ผมว่าชุดนี้มันเซ็กซี่ไป ไม่เหมาะกับคุณเลยนะ...เด็กน้อย”
“เอ๊ะ!” เอรินกำลังโพสท่าหลากหลายอิริยาบถราวกับเป็นนางแบบอยู่ในชุดเพื่อนเจ้าสาวชะงักงัน เมื่อหันกลับมาเห็น...
“คุณอเล็กซ์!”
“ก็ผมนะสิคุณ นึกว่าใคร” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อตอบน้ำเสียงเอือมๆ แล้วเดินเข้ามาหา ยังคงจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาเหมือนจับผิด
“นี่คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่...แล้ว เอ่อ มาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่าเป็นบริการเสริมจากโรงแรมคุณ ถึงขนาดให้ซีอีโอมารับแขกแทนเลยหรือ”
“คุณว่าอะไรนะ?”
คำถามนั้นทำเอาซีอีโอโรงแรมใหญ่ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก แต่พอเห็นแววตาที่มองมามีแต่ความใสซื่อและงุนงงจริงๆ ชานนท์เลยหัวเราะเบาๆ ด้วยความระอา
“ผมจะมารับคุณทำไม”
“ก็แล้วคุณมาที่นี่ทำไมละคะ”
“ผมมารับชุดต่างหาก” เขาตอบแล้วหันไปยิ้มกับพนักงานที่พินอบ พิเทาให้การต้อนรับเป็นพิเศษต่างจากที่ปฏิบัติกับหล่อนลิบลับ
ตอนนั้นเอง เอรินถึงเห็นชุดทักซิโด้สีดำซึ่งทางห้องเสื้อบรรจงแขวนและใส่ถุงไว้เสียเรียบกริบ คู่กับชุดราตรียาวสีเบจ ส่งให้ชานนท์
ที่แท้เขาก็มารับชุดให้แฟนนี่เอง หล่อนนึกยิ้มๆ พลางมองชุดที่อยู่ในมือชายหนุ่มอย่างสนใจ แต่ทว่าเหมือนเขาจะรู้ตัวมองมาเช่นกัน คนแอบมองเลยรีบหันไปทางอื่น ชวนคุยแก้เก้อ
“ชุดสวยจังค่ะ คุณคงมารับชุดให้แฟนสินะคะ ฉันชักจะอยากเห็นแฟนคุณแล้วสิ”
ชานนท์ไม่ตอบอะไร แต่กลับฝากชุดที่เพิ่งได้มาไว้กับพนักงานก่อน ส่วนตัวเขาเดินตรงไปทางชุดราตรียาวที่แขวนเรียงรายบนราว ครู่เดียวเท่า นั้นเขาก็หยิบออกมาชุดหนึ่ง ส่งให้หล่อน
“ลองให้ดูหน่อย ผมว่าคุณเหมาะกับชุดนี้มากกว่าชุดนั้นอีกนะ”
“คะ ให้ฉันลอง?” เอรินรับมาอย่างงงๆ ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกซีอีโอหนุ่มใหญ่ดุนหลังให้เข้าไปในห้องลอง หล่อนทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจจะออกมา แต่เขาเล่นดันประตูไว้
“เร็วๆ สิคุณ ลองให้ดูหน่อย”
“แต่ฉันไม่อยากลองนี่คะ ชุดของฉันก็เสร็จแล้วด้วย ฉันไม่มีเวลามาเป็นหุ่นให้คุณหรอกนะ ฉันต้องรีบกลับโรงแรม”
“อย่าเรื่องมากน่ะคุณ รีบๆ ลองแล้วก็รีบออกมาให้ผมดู ไม่งั้นก็อยู่ในนั้นไปนั่นแหละ” เขาตอบกลับมาเสียงราบเรียบ แต่เอรินได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ อยู่นอกห้อง จากที่งุนงงเลยยิ่งหงุดหงิด กระแทกประตูปึงปังใส่เขา
“คุณอเล็กซ์! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ใช่หุ่นลองชุดให้แฟนคุณนะเปิด!” เอรินโวยวายแล้วแถมด้วยตบประตูห้องดังปังให้เขารู้ว่าไม่พอใจ แต่แทนที่เขาจะยอมกลับยิ่งมองเป็นเรื่องขบขัน หัวเราะหนักกว่าเดิม
“บ้าจริง” หล่อนได้แต่บ่นพึมพำ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าเขาชอบแกล้งหล่อนนัก ตอนที่เจอกันบนสะพานก็ครั้งหนึ่งแล้ว!
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้อีก เอรินก็หันรีหันขวางมองไปรอบห้อง จำต้องดูชุดที่อยู่ในมือ ชานนท์เลือกชุดราตรียาวลูกไม้แขนกุดเนื้อผ้าชีฟองบางเบาสีครีมอ่อนสไตล์โบฮีเมียนให้หล่อน แค่ได้พินิจพิจารณาชุดเท่านั้น กลับมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนดวงหน้าหญิงสาว
“เสร็จยังคุณ ออกมาให้ผมดูหน่อย”
เอรินกำลังมองตัวเองอยู่หน้ากระจกด้วยความพึงพอใจ ได้ยินเสียงเคาะประตูเรียกก็หน้ามุ่ย ยอมเปิดประตูออกมาจากห้องลองในเวลาถัดมา ชุดราตรีที่เขาเลือกให้อยู่บนเรือนร่างของเอรินเรียบร้อย และช่างดูเหมาะสมกว่าชุดเมื่อครู่ของหล่อนมากราวกับเป็นคนละคน!
หล่อนหมุนตัวจนชุดราตรีพลิ้วไหวให้เขาดูอีกสองสามตลบ
“พอใจรึยังคะ วันหลังถ้าคุณอยากเลือกชุดให้แฟนก็กรุณาพาเธอมาลองเอง ไม่ใช่ใช้คนอื่นลองให้แบบนี้ มันน่าเกลียดรู้ไหมคะ”
ชานนท์เพียงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แล้วหันไปทางอื่นเฉย
“เอ๊ะ! คุณนี่” เอรินยังคงโมโห ก้าวตามชานนท์ไปติดๆ
เขาเล่นเดินไปเรื่อยหยิบจับดูของนั่นนี่ในร้าน ไม่สนใจเอรินที่เดินตามหลังมาทั้งชุดราตรียาวกรุยกราย จงใจกวนประสาทกันชัดๆ หล่อนเลยหมดความอดทนดึงแขนซีอีโอหนุ่มใหญ่ให้หันกลับมา แต่แล้วถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเขาสวมที่คาดผมดอกไม้ลงบนศีรษะหล่อน
“อืม สวยมาก มงกุฎดอกไม้นี้น่ารัก...เหมาะกับคุณ”
เอรินนิ่งอึ้ง มองตัวเองในกระจกบานใหญ่กลางร้าน มงกุฎดอกไม้ที่ชานนท์สวมให้ เข้ากันกับชุดราตรีที่หล่อนใส่อยู่ตอนนี้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งลูกไม้ของชุดเองกับส่วนเอวรูดผ้าพลิ้วบางเบาสีครีมอ่อน ก็ดูพอดิบพอดีกับเรือนร่างผอมสูงของหล่อน ทั้งยังขับผิวขาวอมชมพูให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้นจนเจ้าตัวเองยังแทบไม่เชื่อสายตา
“สวย”
“คะ?”
“ชุดสวย” ชานนท์ตอบแก้เก้อ แต่ทำเอาคนได้ยินอย่างเอรินถึงกับหน้าแดงซ่าน
หล่อนทันเห็นอยู่หรอกว่าก่อนหน้าที่ซีอีโอหนุ่มใหญ่จะพูดออกมา สายตาวิบวับ รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้แค่หมายถึงชุดอย่างปากพูด สาวน้อยเลยอดไม่ได้ที่จะสะเทิ้นอายสายตาเขา อ้อมแอ้มเอ่ยว่า
“ฉันขอไปถอดชุดออกก่อนนะคะ เอ่อ ถ้าแฟนคุณตัวพอๆ กับฉัน ชุดนี้พอดีเลยไม่ต้องแก้ค่ะ”
“ผมกะพอดีจริงด้วยสินะ”
ชายหนุ่มลูบคางพลางจ้องหล่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบบัตรเครดิตให้พนักงาน
“เดี๋ยวก่อนคุณ”
คล้อยหลังพนักงานไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์แล้ว ชานนท์ก็รีบเรียกเอรินรั้งไว้อีก เพราะหล่อนกำลังจะกลับไปที่ห้องลองเสื้อผ้า
“อะไรอีกคุณ ฉันรีบ เสร็จจากนี่แล้วฉันต้องไปรอรถโรงแรมอีก”
“ทำไมต้องรอรถโรงแรม แล้ววินซ์ล่ะ ทิ้งให้คุณอยู่คนเดียวได้ยังไงใช้ไม่ได้เลย”
“ไม่ใช่นะคะ” เอรินรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“พอดีวีต้องไปรับพ่อแม่คุณวิลเลียมที่สนามบินค่ะ ฉันก็เลย...”
“โอเค เข้าใจละ” ชายหนุ่มต้องตัดบทเสียเองเพราะพนักงานคนเดิมกลับมาแล้ว เขาเลยหันไปเซ็นชื่อกับรับบัตรเครดิตคืนจากพนักงาน จากนั้นก็หันกลับมาคุยกับหล่อนต่อ
“พอคุณถอดชุดออกแล้วก็ให้พนักงานเขารีดให้เรียบอีกสักหน่อยนะ แล้วก็เอากลับโรงแรมได้เลย”
“คะ?”
“คุณฟังไม่ผิดหรอก ผมซื้อชุดนี้ให้คุณ”
“ซื้อให้ฉัน!?” เอรินทวนคำเขาเสียงหลง
“นี่มันอะไรกันคะคุณอเล็กซ์ ซื้อให้ฉันทำไม ชุดฉันก็มีอยู่แล้วคุณก็เห็น”
“แต่ชุดนี้เหมาะกับคุณมากกว่า สีก็เข้าเซตเพื่อนเจ้าสาวของวินซ์เขาอยู่แล้ว แบบไม่ได้ฟิกซ์ไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ล่ะ ผมซื้อให้แล้ว พรุ่งนี้หวังว่าจะได้เห็นเพื่อนเจ้าสาวอิมพอร์ตจากเมืองไทยใส่ชุดนี้นะ”
“แต่ฉันรับไว้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ยายวีหวังกับชุดนั้นไว้มาก ขืนฉันเอาชุดนี้ไปใส่แทน ยายวีได้แหกอกฉันแน่”
“เอาน่าคุณ อย่างมากก็แค่โดนเพื่อนแหกอก ดีกว่าใส่ชุดแหวกหน้าเว้าหลังนั่นตั้งเยอะ”
เอรินฟังชายหนุ่มตรงหน้าวิจารณ์ตรงๆ ก็พลันหน้าแดงก่ำ มีรอยยิ้มเหยเกให้เขาเห็น ภาพตัวเองตอนลองชุดราตรีที่เพื่อนเลือกให้ แผ่นหลังเปิดเปลือยถึงบั้นเอวยังโป๊ติดตา!
**********************
อะแฮ่มๆ มาต่อแล้วจ้า ขอบคุณคนกดชอบด้วยนะคะ จุ๊บๆ สำหรับกระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า เปิดจองวันที่ 7 สิงหาคมนี้แล้วนะคะ ถึง 25 กันยายน 2562 เล่มหนามากกกกก อยู่ที่ 624 หน้า ราคาสั่งจอง: 385 บาท(จากราคาปก 445บาท) เตรียมเก็บตังค์รอได้เลย ฮี่ๆ นักเขียนมีของแถมให้ด้วยนะคะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์"
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
แต่เขาไม่ใช่...
ไม่มีวันใช่...
เอรินพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้น อันที่จริงหล่อนไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้นักหรอก เพราะที่หล่อนมาที่นี่ก็เพื่อเตรียมตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับวินซ์เพื่อนรัก หล่อนและวินซ์เติบโตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนบ้าน และเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจวบจนกระทั่งจบมัธยมฯ ปลาย ด้วยความที่วินซ์ฐานะทางครอบครัวดีกว่าเอรินมากชนิดเทียบกันไม่ติด เพราะบิดามีธุรกิจโรงแรมหลายแห่งที่หัวหิน ส่วนเอรินเป็นเพียงลูกสาวเจ้าของโฮมสเตย์เล็กๆ หล่อนจึงเรียนต่อมหาวิทยาลัยในไทย ในขณะที่วินซ์ต้องมาเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยชื่อดังของลอนดอนตามความต้องการของบิดา แต่ไปๆ มาๆ ท่าทางวินซ์คงไม่คิดกลับไปรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวที่เมืองไทยแล้วละ เพราะตอนนี้เจ้าหล่อนมีว่าที่สามีเป็นคนอังกฤษ และทั้งสองตั้งใจว่าจะตั้งรกรากอยู่ที่นี่
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้วินซ์กับเอรินยังคงติดต่อหากันตลอด ความรักความผูกพันของสองสาวเพื่อนซี้จึงไม่เคยลดลงไปเลย เหตุนี้เอรินจึงยอมตกปากรับคำมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้วินซ์ถึงที่ลอนดอนอย่างไม่เกี่ยงงอน หนำซ้ำวินซ์ยังอุตส่าห์ช่วยขอบิดามารดาให้ด้วย เพราะหล่อนอยากมางานสำคัญของเพื่อนจริงๆ
ฉะนั้นภารกิจแรกที่หล่อนต้องทำในเช้าวันนี้ก็คือ การไปลองชุดที่เพื่อนเตรียมไว้ให้!
เอรินถูกวินซ์ลากมายังห้องเสื้อหรูราคาแพงระยับในห้างสรรพสิน ค้าชื่อดังแห่งหนึ่งของลอนดอน
หญิงสาวหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจก มองดูร่างสูงเพรียวของตัวเองยามอยู่ในชุดเพื่อนเจ้าสาวแล้วลอบถอนใจออกมา ขณะที่ว่าที่เจ้าสาวอย่างวินซ์เอ่ยออกมาว่า
“ไม่สวย มันหลวมเกินไป”
วินซ์เป็นคนเตรียมชุดนี้ไว้ให้เอรินเองก็จริง แต่พอเห็นเอรินลองชุดแล้วผิดจากที่คิดไว้มาก โดยเฉพาะแผ่นหลังที่เปิดเปลือยถึงบั้นเอวคล้องด้วยสายลูกปัดห่างๆ ดูหลวมเสียจนเกาะอกเผยอเกือบเห็นเนินอกด้านข้าง
“ถ้ามันไม่พอดี ฉันว่า...” เอรินพูดได้แค่นั้นก็ถูกเพื่อนยกมือห้าม
“ฉันเป็นเจ้าสาวนะจ๊ะ ส่วนเธอเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉัน ฉะนั้นห้ามขัดใจ! และก็ไม่ต้องคิดจะเปลี่ยนไปใส่ชุดคุณป้าเลยนะ แบบที่เธอเลือกมันเชย ฉันอุตส่าห์จองชุดนี้ไว้ให้ แต่ติดตรงอกเธอมันเล็กกว่าชุดเนี่ยสิ โอย ฉันก็ลืมคิดไปว่าชุดมันไซส์ฝรั่ง เพื่อนเจ้าสาวคนอื่นเลยไม่มีปัญหากัน จะทำยัง ไงดีเนี่ย ฉันมีธุระต่อด้วย”
วินซ์กอดอกพินิจพิจารณาเพื่อนรักอยู่ครู่ ก็หันไปเจรจากับช่างเสื้อแต่ตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายว่าที่เจ้าสาวก็เดินหน้าง้ำกลับมากระซิบกระซาบกับเอรินน้ำเสียงหงุดหงิด
“นี่ขนาดเป็นแบรนด์ดัง ราคาเท่าไรฉันก็ไม่เกี่ยงนะ ยังไม่ยอมแก้ด่วนให้เลย รู้งี้สั่งตัดชุดเสียแต่แรกก็ดี ยายนั่นจะให้ฉันอยู่รอตั้งสามชั่วโมง บอกช่างแก้ไปกินข้าว ฉันต้องไปรับพ่อแม่วิลเลียมที่สนามบินด้วย กลัวจะกลับมาไม่ทันร้านปิดซะก่อน พรุ่งนี้ก็วันงานแล้ว ฉันตายแน่เลยถ้าชุดเธอเสร็จไม่ทัน”
“ใจเย็นๆ ก่อนวี” เอรินปลอบเพื่อน
“ลองดูชุดอื่นแทนก็ได้ เผื่อเจอแบบที่มันคล้ายชุดนี้”
“ไม่เอา!” ว่าที่เจ้าสาวขึ้นเสียงสูงหน้าตาขึงขัง “เธอต้องเพอร์เฟกต์ที่สุดให้สมกับที่อิมพอร์ตมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉันสิ”
“แต่ฉันว่าชุดนี้มันโป๊ไปนิด ใส่แล้วไม่มั่นใจเลย”
“ก็มั่นใจเสียสิจ๊ะ เชื่อฉัน ชุดนี้แหละสวยเลย รับรองเธอใส่แล้วขายออกแน่”
“ก็เวอร์ไป ฉันไม่ใช่สินค้า มาขงมาขายออกอะไรกันล่ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันอยู่รอจนชุดเสร็จเอง เธอไปทำธุระเถอะ ฉันกลับเองได้ ที่นี่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไรเดินข้ามสะพานไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
“จะดีเหรอ มันไม่ไกลแต่ก็ไม่ได้ใกล้ขนาดนั้นนะกลัวเธอจะหลงก่อนถึงโรงแรมนะสิ” วินซ์หน้านิ่วคิ้วขมวดหนักกว่าเดิม
“ฉันกลับเองได้จริงๆ มีปากเสียอย่าง หาไม่เจอก็ถามเอา ไม่มีอะไรที่ไกด์มือใหม่อย่างฉันทำไม่ได้ ยิ่งเรื่องเอาตัวรอดฉันถนัดมาก”
เอรินบอกเพื่อนยิ้มๆ ก็จริง แต่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร ยิ่งหันไปเจอสายตาของพนักงานคนที่วินซ์มีปัญหาด้วยเมื่อครู่ เอรินก็พอรับรู้ได้ว่ารายนั้นเองก็คงไม่พอใจเพื่อนของหล่อนพอกัน
“งั้นเอางี้ เธออยู่รอที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวฉันให้รถโรงแรมมารับแล้วกัน ฉันไม่เสี่ยงปล่อยเธอกลับเองเด็ดขาด เกิดเป็นอะไรขึ้นมาพ่อเธอด่าฉันเละแน่ ฉันน่ะต้องขอร้องแม่เธอแทบตายกว่าจะยอมปล่อยเธอมาที่นี่ได้”
“โอเค เอางั้นก็ได้” เอรินตกลงพลางดุนหลังเพื่อนรักให้รีบไป
“มีธุระก็รีบไปได้แล้ว ไม่ต้องห่วง ถ้ารถโรงแรมไม่มารับเจ้าหญิงจะไม่ยอมเสด็จออกจากร้านเป็นอันขาด”
วินซ์ค้อนขวับให้ แต่สีหน้านั้นดีขึ้นเป็นกอง รีบล้วงกระเป๋าสะพายหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองส่งให้เอรินก่อนย้ำอีกครั้ง
“เอาโทรศัพท์ฉันไปใช้ก่อน เสร็จธุระแล้วฉันจะโทร.มานะ”
เอรินได้แต่พยักหน้ามองตามเพื่อนรักที่หมุนตัวเดินแกมวิ่งออกไปจากห้องเสื้อด้วยความเร่งรีบ
**************
เกือบสองชั่วโมงที่เอรินต้องนั่งแกร่วรอช่างแก้ชุดให้อย่างอดทน
หล่อนฆ่าเวลาด้วยการเดินดูเสื้อผ้าภายในร้านไปเรื่อยเปื่อย สลับกับนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือของวินซ์แก้เบื่อ พอช่างแก้ชุดให้เสร็จเรียบร้อย พนักงานก็นำชุดมาให้เอรินลองสวมดูอีกครั้ง กระทั่งแก้ไขจนพอดีตัวและออกมาสวยอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว เอรินถึงกับโล่งใจประหนึ่งยกภูเขาออกจากอกก็ไม่ปาน ที่ในที่สุดก็ปฏิบัติภารกิจตามที่เพื่อนมอบหมายไว้เสร็จสิ้นเสียที
“รบกวนถ่ายรูปให้ด้วยได้ไหมคะ ขอหลายๆ อิริยาบถเลย ฉันจะส่งให้เพื่อนดูด้วยค่ะ”
เพื่อความชัวร์เอรินยื่นโทรศัพท์ให้พนักงานคนเดิมที่คอยจัดการเรื่องชุดให้ช่วยถ่ายรูปเก็บไว้ รายนั้นสีหน้าดีขึ้นแล้วหลังจากที่ชุดออกมาได้ดังใจลูกค้า เลยไม่อิดออดที่จะทำหน้าที่ช่างภาพจำเป็น กดถ่ายรูปให้เอรินรัวๆ
“ผมว่าชุดนี้มันเซ็กซี่ไป ไม่เหมาะกับคุณเลยนะ...เด็กน้อย”
“เอ๊ะ!” เอรินกำลังโพสท่าหลากหลายอิริยาบถราวกับเป็นนางแบบอยู่ในชุดเพื่อนเจ้าสาวชะงักงัน เมื่อหันกลับมาเห็น...
“คุณอเล็กซ์!”
“ก็ผมนะสิคุณ นึกว่าใคร” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อตอบน้ำเสียงเอือมๆ แล้วเดินเข้ามาหา ยังคงจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาเหมือนจับผิด
“นี่คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่...แล้ว เอ่อ มาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่าเป็นบริการเสริมจากโรงแรมคุณ ถึงขนาดให้ซีอีโอมารับแขกแทนเลยหรือ”
“คุณว่าอะไรนะ?”
คำถามนั้นทำเอาซีอีโอโรงแรมใหญ่ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก แต่พอเห็นแววตาที่มองมามีแต่ความใสซื่อและงุนงงจริงๆ ชานนท์เลยหัวเราะเบาๆ ด้วยความระอา
“ผมจะมารับคุณทำไม”
“ก็แล้วคุณมาที่นี่ทำไมละคะ”
“ผมมารับชุดต่างหาก” เขาตอบแล้วหันไปยิ้มกับพนักงานที่พินอบ พิเทาให้การต้อนรับเป็นพิเศษต่างจากที่ปฏิบัติกับหล่อนลิบลับ
ตอนนั้นเอง เอรินถึงเห็นชุดทักซิโด้สีดำซึ่งทางห้องเสื้อบรรจงแขวนและใส่ถุงไว้เสียเรียบกริบ คู่กับชุดราตรียาวสีเบจ ส่งให้ชานนท์
ที่แท้เขาก็มารับชุดให้แฟนนี่เอง หล่อนนึกยิ้มๆ พลางมองชุดที่อยู่ในมือชายหนุ่มอย่างสนใจ แต่ทว่าเหมือนเขาจะรู้ตัวมองมาเช่นกัน คนแอบมองเลยรีบหันไปทางอื่น ชวนคุยแก้เก้อ
“ชุดสวยจังค่ะ คุณคงมารับชุดให้แฟนสินะคะ ฉันชักจะอยากเห็นแฟนคุณแล้วสิ”
ชานนท์ไม่ตอบอะไร แต่กลับฝากชุดที่เพิ่งได้มาไว้กับพนักงานก่อน ส่วนตัวเขาเดินตรงไปทางชุดราตรียาวที่แขวนเรียงรายบนราว ครู่เดียวเท่า นั้นเขาก็หยิบออกมาชุดหนึ่ง ส่งให้หล่อน
“ลองให้ดูหน่อย ผมว่าคุณเหมาะกับชุดนี้มากกว่าชุดนั้นอีกนะ”
“คะ ให้ฉันลอง?” เอรินรับมาอย่างงงๆ ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกซีอีโอหนุ่มใหญ่ดุนหลังให้เข้าไปในห้องลอง หล่อนทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจจะออกมา แต่เขาเล่นดันประตูไว้
“เร็วๆ สิคุณ ลองให้ดูหน่อย”
“แต่ฉันไม่อยากลองนี่คะ ชุดของฉันก็เสร็จแล้วด้วย ฉันไม่มีเวลามาเป็นหุ่นให้คุณหรอกนะ ฉันต้องรีบกลับโรงแรม”
“อย่าเรื่องมากน่ะคุณ รีบๆ ลองแล้วก็รีบออกมาให้ผมดู ไม่งั้นก็อยู่ในนั้นไปนั่นแหละ” เขาตอบกลับมาเสียงราบเรียบ แต่เอรินได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ อยู่นอกห้อง จากที่งุนงงเลยยิ่งหงุดหงิด กระแทกประตูปึงปังใส่เขา
“คุณอเล็กซ์! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ใช่หุ่นลองชุดให้แฟนคุณนะเปิด!” เอรินโวยวายแล้วแถมด้วยตบประตูห้องดังปังให้เขารู้ว่าไม่พอใจ แต่แทนที่เขาจะยอมกลับยิ่งมองเป็นเรื่องขบขัน หัวเราะหนักกว่าเดิม
“บ้าจริง” หล่อนได้แต่บ่นพึมพำ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าเขาชอบแกล้งหล่อนนัก ตอนที่เจอกันบนสะพานก็ครั้งหนึ่งแล้ว!
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้อีก เอรินก็หันรีหันขวางมองไปรอบห้อง จำต้องดูชุดที่อยู่ในมือ ชานนท์เลือกชุดราตรียาวลูกไม้แขนกุดเนื้อผ้าชีฟองบางเบาสีครีมอ่อนสไตล์โบฮีเมียนให้หล่อน แค่ได้พินิจพิจารณาชุดเท่านั้น กลับมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนดวงหน้าหญิงสาว
“เสร็จยังคุณ ออกมาให้ผมดูหน่อย”
เอรินกำลังมองตัวเองอยู่หน้ากระจกด้วยความพึงพอใจ ได้ยินเสียงเคาะประตูเรียกก็หน้ามุ่ย ยอมเปิดประตูออกมาจากห้องลองในเวลาถัดมา ชุดราตรีที่เขาเลือกให้อยู่บนเรือนร่างของเอรินเรียบร้อย และช่างดูเหมาะสมกว่าชุดเมื่อครู่ของหล่อนมากราวกับเป็นคนละคน!
หล่อนหมุนตัวจนชุดราตรีพลิ้วไหวให้เขาดูอีกสองสามตลบ
“พอใจรึยังคะ วันหลังถ้าคุณอยากเลือกชุดให้แฟนก็กรุณาพาเธอมาลองเอง ไม่ใช่ใช้คนอื่นลองให้แบบนี้ มันน่าเกลียดรู้ไหมคะ”
ชานนท์เพียงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แล้วหันไปทางอื่นเฉย
“เอ๊ะ! คุณนี่” เอรินยังคงโมโห ก้าวตามชานนท์ไปติดๆ
เขาเล่นเดินไปเรื่อยหยิบจับดูของนั่นนี่ในร้าน ไม่สนใจเอรินที่เดินตามหลังมาทั้งชุดราตรียาวกรุยกราย จงใจกวนประสาทกันชัดๆ หล่อนเลยหมดความอดทนดึงแขนซีอีโอหนุ่มใหญ่ให้หันกลับมา แต่แล้วถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเขาสวมที่คาดผมดอกไม้ลงบนศีรษะหล่อน
“อืม สวยมาก มงกุฎดอกไม้นี้น่ารัก...เหมาะกับคุณ”
เอรินนิ่งอึ้ง มองตัวเองในกระจกบานใหญ่กลางร้าน มงกุฎดอกไม้ที่ชานนท์สวมให้ เข้ากันกับชุดราตรีที่หล่อนใส่อยู่ตอนนี้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งลูกไม้ของชุดเองกับส่วนเอวรูดผ้าพลิ้วบางเบาสีครีมอ่อน ก็ดูพอดิบพอดีกับเรือนร่างผอมสูงของหล่อน ทั้งยังขับผิวขาวอมชมพูให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้นจนเจ้าตัวเองยังแทบไม่เชื่อสายตา
“สวย”
“คะ?”
“ชุดสวย” ชานนท์ตอบแก้เก้อ แต่ทำเอาคนได้ยินอย่างเอรินถึงกับหน้าแดงซ่าน
หล่อนทันเห็นอยู่หรอกว่าก่อนหน้าที่ซีอีโอหนุ่มใหญ่จะพูดออกมา สายตาวิบวับ รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้แค่หมายถึงชุดอย่างปากพูด สาวน้อยเลยอดไม่ได้ที่จะสะเทิ้นอายสายตาเขา อ้อมแอ้มเอ่ยว่า
“ฉันขอไปถอดชุดออกก่อนนะคะ เอ่อ ถ้าแฟนคุณตัวพอๆ กับฉัน ชุดนี้พอดีเลยไม่ต้องแก้ค่ะ”
“ผมกะพอดีจริงด้วยสินะ”
ชายหนุ่มลูบคางพลางจ้องหล่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบบัตรเครดิตให้พนักงาน
“เดี๋ยวก่อนคุณ”
คล้อยหลังพนักงานไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์แล้ว ชานนท์ก็รีบเรียกเอรินรั้งไว้อีก เพราะหล่อนกำลังจะกลับไปที่ห้องลองเสื้อผ้า
“อะไรอีกคุณ ฉันรีบ เสร็จจากนี่แล้วฉันต้องไปรอรถโรงแรมอีก”
“ทำไมต้องรอรถโรงแรม แล้ววินซ์ล่ะ ทิ้งให้คุณอยู่คนเดียวได้ยังไงใช้ไม่ได้เลย”
“ไม่ใช่นะคะ” เอรินรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“พอดีวีต้องไปรับพ่อแม่คุณวิลเลียมที่สนามบินค่ะ ฉันก็เลย...”
“โอเค เข้าใจละ” ชายหนุ่มต้องตัดบทเสียเองเพราะพนักงานคนเดิมกลับมาแล้ว เขาเลยหันไปเซ็นชื่อกับรับบัตรเครดิตคืนจากพนักงาน จากนั้นก็หันกลับมาคุยกับหล่อนต่อ
“พอคุณถอดชุดออกแล้วก็ให้พนักงานเขารีดให้เรียบอีกสักหน่อยนะ แล้วก็เอากลับโรงแรมได้เลย”
“คะ?”
“คุณฟังไม่ผิดหรอก ผมซื้อชุดนี้ให้คุณ”
“ซื้อให้ฉัน!?” เอรินทวนคำเขาเสียงหลง
“นี่มันอะไรกันคะคุณอเล็กซ์ ซื้อให้ฉันทำไม ชุดฉันก็มีอยู่แล้วคุณก็เห็น”
“แต่ชุดนี้เหมาะกับคุณมากกว่า สีก็เข้าเซตเพื่อนเจ้าสาวของวินซ์เขาอยู่แล้ว แบบไม่ได้ฟิกซ์ไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ล่ะ ผมซื้อให้แล้ว พรุ่งนี้หวังว่าจะได้เห็นเพื่อนเจ้าสาวอิมพอร์ตจากเมืองไทยใส่ชุดนี้นะ”
“แต่ฉันรับไว้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ยายวีหวังกับชุดนั้นไว้มาก ขืนฉันเอาชุดนี้ไปใส่แทน ยายวีได้แหกอกฉันแน่”
“เอาน่าคุณ อย่างมากก็แค่โดนเพื่อนแหกอก ดีกว่าใส่ชุดแหวกหน้าเว้าหลังนั่นตั้งเยอะ”
เอรินฟังชายหนุ่มตรงหน้าวิจารณ์ตรงๆ ก็พลันหน้าแดงก่ำ มีรอยยิ้มเหยเกให้เขาเห็น ภาพตัวเองตอนลองชุดราตรีที่เพื่อนเลือกให้ แผ่นหลังเปิดเปลือยถึงบั้นเอวยังโป๊ติดตา!
**********************
อะแฮ่มๆ มาต่อแล้วจ้า ขอบคุณคนกดชอบด้วยนะคะ จุ๊บๆ สำหรับกระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า เปิดจองวันที่ 7 สิงหาคมนี้แล้วนะคะ ถึง 25 กันยายน 2562 เล่มหนามากกกกก อยู่ที่ 624 หน้า ราคาสั่งจอง: 385 บาท(จากราคาปก 445บาท) เตรียมเก็บตังค์รอได้เลย ฮี่ๆ นักเขียนมีของแถมให้ด้วยนะคะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์"
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ส.ค. 2562, 17:40:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ส.ค. 2562, 17:41:23 น.
จำนวนการเข้าชม : 598
<< บทที่ 2 -50% | บทที่ 3 -50% + เปิดจอง >> |