กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์
ตอน: บทที่ 3 -100%
กว่าจะกลับถึงที่พักก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม เพราะหลังจากอาหารมื้อเย็นที่อร่อยล้ำแล้ว ซีอีโอหนุ่มมีบริการเสริมเพิ่มเติมคือการพาไปชมผลงานศิลปินดังระดับโลกที่เฮย์เวิร์ดแกลเลอรีอยู่พักใหญ่ จนเจอเข้ากับเลขาส่วน ตัวของเขา และเด็กน้อยน่ารักที่มีท่าทีสนิทสนมกับชานนท์ทันทีเมื่อพบหน้า
“แด๊ดดี้!!” เด็กน้อยโผเข้ากอดชานนท์ ให้เขาช้อนอุ้มตัวปลิว
“คิดถึงแด๊ดดี้จัง”
“แด๊ดดี้ก็คิดถึงอาร์มครับ” ชานนท์ตอบแล้วหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่
เอรินจ้องทั้งสองสลับกันไปมาแล้วใจเหมือนตกไปอยู่ตาตุ่ม
ที่แท้เขากับสิมิลันเลขาคนสวยของเขาก็มีความสัมพันธ์กันมากกว่าหัวหน้ากับลูกน้องจริงๆ หนำซ้ำยังมีลูกด้วยกันแล้ว แค่คิดหล่อนก็หัวใจห่อเหี่ยวโดยไม่รู้ตัว กระทั่งได้ยินเขาคุยกับสิมิลันทำให้หล่อนตื่นจากภวังค์
“บังเอิญจังนะ”
“อะไรคะ?” สิมิลันย้อนถาม ดวงหน้าสวยซีดลงเล็กน้อย
“เอ่อ มินเกรงใจพี่นนท์เลยไม่กล้าบอก”
“ถ้าพี่เลี้ยงไม่ว่าง มินก็บอกได้ พี่จะไปรับให้เหมือนทุกที” เขาเอ่ยบอกราบเรียบแต่น้ำเสียงติดจะเคืองๆ ก่อนพูดต่อ “แล้วพามาที่นี่ก็คงนึกถึงผู้ชายคนนั้นอีกแล้วสินะ”
“พี่นนท์! อาร์มอยู่นะคะ แล้วยังแขกอีก”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเกรงใจฉันนะคะ ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น”
เอรินรีบโบกไม้โบกมือ แล้วถอยออกไปยืนอยู่ห่างๆ
ถึงอย่างนั้นสิมิลันก็ยิ่งหน้าเจื่อน นำตัวลูกชายออกมาจากอ้อมแขนของชานนท์
“พี่นนท์ไปดูแลคุณเอรินต่อเถอะค่ะ มินกำลังจะพาลูกกลับแล้ว”
“ถ้ามินเห็นพี่เป็นคนอื่น ต่อไปนี้พี่ก็จะไม่ยุ่งกับมินและลูกอีก”
ชานนท์เหมือนไม่ได้ฟังสิ่งที่สาวตรงหน้าบอกแม้แต่น้อย พูดจบเขาก็หันหลังให้ ผละออกมาจากสิมิลันและลูกทันที แถมยังเดินเลยผ่านเอรินไปเฉย เดือดร้อนสิมิลันต้องอุ้มลูกตามหลังเขาไปติดๆ
“มินไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะพี่นนท์ พี่นนท์...!”
สองหนุ่มสาวกับเด็กอีกหนึ่งคนหายลับตาไปแล้ว เอรินยังยืนอยู่ที่เดิมได้แต่มองตามอย่างงงๆ ขณะเดียวกันก็พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินจากทั้งสองฝ่าย
ในเวลาต่อมา สิมิลันและลูกก็ออกจากเฮย์เวิร์ดแกลเลอรีไป ชานนท์เองก็พาเอรินขึ้นรถของเขาตามเดิมเพื่อกลับที่พักเช่นกัน
เมื่อได้อยู่กันตามลำพังกับชานนท์ในรถเหมือนเคย เอรินอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดแต่เรื่องของเขากับสิมิลัน ทำไมความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ดูแปลกยังไงชอบกล...หรือหล่อนจะเข้าใจผิดไปเอง?
“คุณ เอ่อ...” เอรินอึกอัก เหลือบมองชายหนุ่มข้างกายอย่างชั่งใจ
ชานนท์ยังคงสนใจแต่ถนนข้างหน้า ทำอย่างกับว่านั่งอยู่คนเดียวในรถ ไม่ได้มีเอรินมาด้วยอย่างนั้น หากเอรินเริ่มชินแล้วกับพฤติกรรมผีเข้าผีออกของเขาเลยเอ่ยถามออกไปว่า
“คือฉันได้ยินวีบอกว่าคุณพักอยู่กับคุณมินที่ห้องสูทชั้นบนของโรงแรม เอ่อ คือฉันไม่ได้จะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคุณหรอกนะคะ แต่แค่สงสัยว่าคุณสองคนเป็น...เอ่อ...แบบว่าสามีภรรยากันหรือคะ”
“ถามทำไม” ไม่แค่ย้อนถาม ชานนท์หันขวับมามองหล่อนแววตาเอาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด
“คุณไม่รู้เรื่องของคนอื่นบ้างจะได้ไหม”
“อ้าว ก็ทีคุณยังอยากรู้เรื่องของฉันเลย”
“มันไม่เหมือนกัน ที่ผมถามมากเพราะเป็นห่วง”
“ที่ฉันถามก็เพราะเป็นห่วง” หล่อนย้อนเขาบ้าง แต่ที่จริงแล้วเผลอหลุดปากออกไปต่างหากเล่า พอเห็นเขาชะงักเล็กน้อยเลยรู้ตัว สงบปากสงบคำได้หน่อย บอกเขาเสียงอ่อย
“แต่ถ้าคุณไม่อยากบอก ฉันจะไปว่าอะไรได้คะ...”
ไม่มีคำพูดใดจากเขาอีก เพราะอยู่ดีๆ ชานนท์ก็ตบไฟเลี้ยวเข้าจอดข้างทางดื้อๆ เสียอย่างนั้น เอรินเพิ่งสังเกตว่าถึงโรงแรมพาร์ค พลาซ่าแล้ว แต่เขาไม่ยอมเลี้ยวรถเข้าไป
หล่อนกำลังจะอ้าปากถามเขาอีกตามเคย แต่แล้วต้องหุบฉับทันทีที่เขาหันกลับมาอีกรอบ คราวนี้นัยน์ตาของเขาวาววับ บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหงุดหงิดกับคำพูดของหล่อนเสียเต็มประดา!
“อย่าได้หลงคิดเข้าข้างตัวเองเด็ดขาดว่าผมสนใจหรือรู้สึกพิศวาสอะไรเด็กอย่างคุณ ที่ผมบอกว่าเป็นห่วง เพราะคุณเป็นเพื่อนของวินซ์กับวิลเลียม ฉะนั้นก็เหมือนเป็นเพื่อนของผมด้วย”
“ฉันก็ไม่ได้หมายความแบบนั้นนี่คะ”
“งั้นก็ช่างเถอะ!” ชานนท์ว่าจบก็หลับตาพิงพนักเบาะนิ่งไม่พูดต่อ
ท่าทางอ่อนล้าของเขา เล่นเอาคนช่างสงสัยอย่างเอรินไปไม่เป็น
หล่อนอยากถามเขาว่าจอดรถอยู่หน้าโรงแรมทำไมก็กลัวทำเขาอารมณ์เสียอีก ครั้นจะเปิดประตูลงรถไปเฉยๆ เลยก็ไม่กล้า ทั้งที่หล่อนเองก็รู้สึกเพลียอยากกลับไปพักผ่อนที่ห้องเต็มทีแล้วเหมือนกัน
หญิงสาวทำใจดีสู้เสือลอบมองชายหนุ่มข้างกาย แม้ได้เห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาก็ตาม พลันใจกระตุกแปลกๆ
ยอมรับเลยว่า ชานนท์เป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ด้วยใบหน้าคมเข้มแบบชายไทยของเขารับกับจมูกโด่งและกรามคมสันแข็งแรง มองรวมกันแล้วหล่อเหลาราวรูปสลักสมบูรณ์แบบจนหล่อนมองเพลิน
หรือเป็นเพราะหล่อนแอบสนใจเขาอยู่...
ไม่จริง!
หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดค้านความคิดตัวเอง ชายหนุ่มข้างกายไม่เห็นหรอกเพราะยังหลับตานิ่งอยู่ในโลกส่วนตัวของเขา สาวช่างมโนเลยย่ามใจแอบมองเขาอยู่นั่นเอง สิ่งที่เขาพูดด้วยเมื่อครู่ยังติดอยู่ในใจลึกๆ
วูบหนึ่ง เอรินรู้สึกคุ้นน้ำเสียงทำนองนั้นของเขาอย่างไม่มีสาเหตุ...
ที่สำคัญหล่อนรู้สึกอยู่ตลอดว่าเสียงเขาคล้ายเสียงเจ้าชายในฝันของหล่อนมากจนแทบแยกไม่ออก ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่โรงแรมแล้ว หล่อนรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับเขา ราวผูกพันกันมานาน
หรือหล่อนเคยเจอเขามาก่อน?
แต่จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่เมืองไทย หนำซ้ำดูเหมือนเขาจะมีพันธะกับคนที่นี่แล้วด้วย แค่คิด จิตใจหล่อนก็พลันห่อเหี่ยว
“คิดอะไรอยู่คุณ”
จู่ๆ ชานนท์ก็โพล่งขึ้นมาทำลายความเงียบภายในรถ เอรินกำลังตกอยู่ในภวังค์มองเขาเพลินถึงกับสะดุ้ง
“มะ...เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ”
“ผมถามว่าคุณคิดอะไรอยู่ แล้วมองหน้าผมทำไม”
“ใครมองหน้าคุณ ฉัน...ฉันมองวิวนอกรถฝั่งคุณต่างหาก” เอรินแถสีข้างไปแบบนั้นแล้วหน้าแดงซ่าน รีบหันไปทางอื่น เขาลืมตามามองหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทันเห็นสีหน้ามโนของหล่อนหรือเปล่าเนี่ย
“ว่าแต่คุณคืนนี้จะนอนในรถหรือไงคะ” เอรินทำเป็นถามกวนโอยเขากลบเกลื่อน
“ถ้าไม่ขับรถเข้าไปในโรงแรม ฉันจะได้ลงตรงนี้ อยากพักผ่อนจะแย่แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวหน้าเมื่อย อายคนอื่นตายเลย”
“ผมว่าผมเคยเห็นคุณมาก่อน”
“คะ?” จากที่จะชิ่งหนีลงรถ เอรินหยุดกึกหันกลับมามองเขา จังหวะนั้นเองหล่อนถึงได้เห็นว่า ชายหนุ่มข้างกายยังคงจ้องหล่อนไม่วางตา
ชานนท์กระตุกยิ้มที่มุมปากแล้วเอ่ยต่อ
“แต่ไม่น่าใช่หรอก คนที่ผมเห็น ไม่ได้ผิดคอนเซ็ปต์ขนาดนี้”
“ผิดคอนเซ็ปต์อะไรของคุณ”
“เปล่า” ชานนท์ไหวไหล่เล็กน้อยก่อนพูดต่อ
“ก็แค่คิดว่าคุณเหมือนคนที่ผมเคยรู้จัก...แต่ไม่น่าใช่”
เอรินฟังแล้วหน้าม้านทำปากยื่นใส่เขา พอเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรอีกหล่อนเลยจะเปิดประตูลงจากรถ ความกังวลสารพัดอย่างผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ไหนจะต้องเอาชุดเพื่อนเจ้าสาวที่อยู่เบาะหลังรถเขาอีก ดึกป่านนี้แล้ววินซ์เข้านอนหรือยังไม่รู้ หล่อนต้องคืนโทรศัพท์มือถือเพื่อนด้วย
เอรินขมวดคิ้วมุ่นไม่รู้ตัว อาการลุกลี้ลุกลนของหล่อนนั้นอยู่ในสาย ตาของชานนท์ตลอด
แค่ขยับตัวจะลุก ชานนท์ก็เอื้อมมือมาแตะแขนหญิงสาวไว้
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“แด๊ดดี้!!” เด็กน้อยโผเข้ากอดชานนท์ ให้เขาช้อนอุ้มตัวปลิว
“คิดถึงแด๊ดดี้จัง”
“แด๊ดดี้ก็คิดถึงอาร์มครับ” ชานนท์ตอบแล้วหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่
เอรินจ้องทั้งสองสลับกันไปมาแล้วใจเหมือนตกไปอยู่ตาตุ่ม
ที่แท้เขากับสิมิลันเลขาคนสวยของเขาก็มีความสัมพันธ์กันมากกว่าหัวหน้ากับลูกน้องจริงๆ หนำซ้ำยังมีลูกด้วยกันแล้ว แค่คิดหล่อนก็หัวใจห่อเหี่ยวโดยไม่รู้ตัว กระทั่งได้ยินเขาคุยกับสิมิลันทำให้หล่อนตื่นจากภวังค์
“บังเอิญจังนะ”
“อะไรคะ?” สิมิลันย้อนถาม ดวงหน้าสวยซีดลงเล็กน้อย
“เอ่อ มินเกรงใจพี่นนท์เลยไม่กล้าบอก”
“ถ้าพี่เลี้ยงไม่ว่าง มินก็บอกได้ พี่จะไปรับให้เหมือนทุกที” เขาเอ่ยบอกราบเรียบแต่น้ำเสียงติดจะเคืองๆ ก่อนพูดต่อ “แล้วพามาที่นี่ก็คงนึกถึงผู้ชายคนนั้นอีกแล้วสินะ”
“พี่นนท์! อาร์มอยู่นะคะ แล้วยังแขกอีก”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเกรงใจฉันนะคะ ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น”
เอรินรีบโบกไม้โบกมือ แล้วถอยออกไปยืนอยู่ห่างๆ
ถึงอย่างนั้นสิมิลันก็ยิ่งหน้าเจื่อน นำตัวลูกชายออกมาจากอ้อมแขนของชานนท์
“พี่นนท์ไปดูแลคุณเอรินต่อเถอะค่ะ มินกำลังจะพาลูกกลับแล้ว”
“ถ้ามินเห็นพี่เป็นคนอื่น ต่อไปนี้พี่ก็จะไม่ยุ่งกับมินและลูกอีก”
ชานนท์เหมือนไม่ได้ฟังสิ่งที่สาวตรงหน้าบอกแม้แต่น้อย พูดจบเขาก็หันหลังให้ ผละออกมาจากสิมิลันและลูกทันที แถมยังเดินเลยผ่านเอรินไปเฉย เดือดร้อนสิมิลันต้องอุ้มลูกตามหลังเขาไปติดๆ
“มินไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะพี่นนท์ พี่นนท์...!”
สองหนุ่มสาวกับเด็กอีกหนึ่งคนหายลับตาไปแล้ว เอรินยังยืนอยู่ที่เดิมได้แต่มองตามอย่างงงๆ ขณะเดียวกันก็พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินจากทั้งสองฝ่าย
ในเวลาต่อมา สิมิลันและลูกก็ออกจากเฮย์เวิร์ดแกลเลอรีไป ชานนท์เองก็พาเอรินขึ้นรถของเขาตามเดิมเพื่อกลับที่พักเช่นกัน
เมื่อได้อยู่กันตามลำพังกับชานนท์ในรถเหมือนเคย เอรินอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดแต่เรื่องของเขากับสิมิลัน ทำไมความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ดูแปลกยังไงชอบกล...หรือหล่อนจะเข้าใจผิดไปเอง?
“คุณ เอ่อ...” เอรินอึกอัก เหลือบมองชายหนุ่มข้างกายอย่างชั่งใจ
ชานนท์ยังคงสนใจแต่ถนนข้างหน้า ทำอย่างกับว่านั่งอยู่คนเดียวในรถ ไม่ได้มีเอรินมาด้วยอย่างนั้น หากเอรินเริ่มชินแล้วกับพฤติกรรมผีเข้าผีออกของเขาเลยเอ่ยถามออกไปว่า
“คือฉันได้ยินวีบอกว่าคุณพักอยู่กับคุณมินที่ห้องสูทชั้นบนของโรงแรม เอ่อ คือฉันไม่ได้จะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคุณหรอกนะคะ แต่แค่สงสัยว่าคุณสองคนเป็น...เอ่อ...แบบว่าสามีภรรยากันหรือคะ”
“ถามทำไม” ไม่แค่ย้อนถาม ชานนท์หันขวับมามองหล่อนแววตาเอาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด
“คุณไม่รู้เรื่องของคนอื่นบ้างจะได้ไหม”
“อ้าว ก็ทีคุณยังอยากรู้เรื่องของฉันเลย”
“มันไม่เหมือนกัน ที่ผมถามมากเพราะเป็นห่วง”
“ที่ฉันถามก็เพราะเป็นห่วง” หล่อนย้อนเขาบ้าง แต่ที่จริงแล้วเผลอหลุดปากออกไปต่างหากเล่า พอเห็นเขาชะงักเล็กน้อยเลยรู้ตัว สงบปากสงบคำได้หน่อย บอกเขาเสียงอ่อย
“แต่ถ้าคุณไม่อยากบอก ฉันจะไปว่าอะไรได้คะ...”
ไม่มีคำพูดใดจากเขาอีก เพราะอยู่ดีๆ ชานนท์ก็ตบไฟเลี้ยวเข้าจอดข้างทางดื้อๆ เสียอย่างนั้น เอรินเพิ่งสังเกตว่าถึงโรงแรมพาร์ค พลาซ่าแล้ว แต่เขาไม่ยอมเลี้ยวรถเข้าไป
หล่อนกำลังจะอ้าปากถามเขาอีกตามเคย แต่แล้วต้องหุบฉับทันทีที่เขาหันกลับมาอีกรอบ คราวนี้นัยน์ตาของเขาวาววับ บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหงุดหงิดกับคำพูดของหล่อนเสียเต็มประดา!
“อย่าได้หลงคิดเข้าข้างตัวเองเด็ดขาดว่าผมสนใจหรือรู้สึกพิศวาสอะไรเด็กอย่างคุณ ที่ผมบอกว่าเป็นห่วง เพราะคุณเป็นเพื่อนของวินซ์กับวิลเลียม ฉะนั้นก็เหมือนเป็นเพื่อนของผมด้วย”
“ฉันก็ไม่ได้หมายความแบบนั้นนี่คะ”
“งั้นก็ช่างเถอะ!” ชานนท์ว่าจบก็หลับตาพิงพนักเบาะนิ่งไม่พูดต่อ
ท่าทางอ่อนล้าของเขา เล่นเอาคนช่างสงสัยอย่างเอรินไปไม่เป็น
หล่อนอยากถามเขาว่าจอดรถอยู่หน้าโรงแรมทำไมก็กลัวทำเขาอารมณ์เสียอีก ครั้นจะเปิดประตูลงรถไปเฉยๆ เลยก็ไม่กล้า ทั้งที่หล่อนเองก็รู้สึกเพลียอยากกลับไปพักผ่อนที่ห้องเต็มทีแล้วเหมือนกัน
หญิงสาวทำใจดีสู้เสือลอบมองชายหนุ่มข้างกาย แม้ได้เห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาก็ตาม พลันใจกระตุกแปลกๆ
ยอมรับเลยว่า ชานนท์เป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ด้วยใบหน้าคมเข้มแบบชายไทยของเขารับกับจมูกโด่งและกรามคมสันแข็งแรง มองรวมกันแล้วหล่อเหลาราวรูปสลักสมบูรณ์แบบจนหล่อนมองเพลิน
หรือเป็นเพราะหล่อนแอบสนใจเขาอยู่...
ไม่จริง!
หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดค้านความคิดตัวเอง ชายหนุ่มข้างกายไม่เห็นหรอกเพราะยังหลับตานิ่งอยู่ในโลกส่วนตัวของเขา สาวช่างมโนเลยย่ามใจแอบมองเขาอยู่นั่นเอง สิ่งที่เขาพูดด้วยเมื่อครู่ยังติดอยู่ในใจลึกๆ
วูบหนึ่ง เอรินรู้สึกคุ้นน้ำเสียงทำนองนั้นของเขาอย่างไม่มีสาเหตุ...
ที่สำคัญหล่อนรู้สึกอยู่ตลอดว่าเสียงเขาคล้ายเสียงเจ้าชายในฝันของหล่อนมากจนแทบแยกไม่ออก ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่โรงแรมแล้ว หล่อนรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับเขา ราวผูกพันกันมานาน
หรือหล่อนเคยเจอเขามาก่อน?
แต่จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่เมืองไทย หนำซ้ำดูเหมือนเขาจะมีพันธะกับคนที่นี่แล้วด้วย แค่คิด จิตใจหล่อนก็พลันห่อเหี่ยว
“คิดอะไรอยู่คุณ”
จู่ๆ ชานนท์ก็โพล่งขึ้นมาทำลายความเงียบภายในรถ เอรินกำลังตกอยู่ในภวังค์มองเขาเพลินถึงกับสะดุ้ง
“มะ...เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ”
“ผมถามว่าคุณคิดอะไรอยู่ แล้วมองหน้าผมทำไม”
“ใครมองหน้าคุณ ฉัน...ฉันมองวิวนอกรถฝั่งคุณต่างหาก” เอรินแถสีข้างไปแบบนั้นแล้วหน้าแดงซ่าน รีบหันไปทางอื่น เขาลืมตามามองหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทันเห็นสีหน้ามโนของหล่อนหรือเปล่าเนี่ย
“ว่าแต่คุณคืนนี้จะนอนในรถหรือไงคะ” เอรินทำเป็นถามกวนโอยเขากลบเกลื่อน
“ถ้าไม่ขับรถเข้าไปในโรงแรม ฉันจะได้ลงตรงนี้ อยากพักผ่อนจะแย่แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวหน้าเมื่อย อายคนอื่นตายเลย”
“ผมว่าผมเคยเห็นคุณมาก่อน”
“คะ?” จากที่จะชิ่งหนีลงรถ เอรินหยุดกึกหันกลับมามองเขา จังหวะนั้นเองหล่อนถึงได้เห็นว่า ชายหนุ่มข้างกายยังคงจ้องหล่อนไม่วางตา
ชานนท์กระตุกยิ้มที่มุมปากแล้วเอ่ยต่อ
“แต่ไม่น่าใช่หรอก คนที่ผมเห็น ไม่ได้ผิดคอนเซ็ปต์ขนาดนี้”
“ผิดคอนเซ็ปต์อะไรของคุณ”
“เปล่า” ชานนท์ไหวไหล่เล็กน้อยก่อนพูดต่อ
“ก็แค่คิดว่าคุณเหมือนคนที่ผมเคยรู้จัก...แต่ไม่น่าใช่”
เอรินฟังแล้วหน้าม้านทำปากยื่นใส่เขา พอเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรอีกหล่อนเลยจะเปิดประตูลงจากรถ ความกังวลสารพัดอย่างผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ไหนจะต้องเอาชุดเพื่อนเจ้าสาวที่อยู่เบาะหลังรถเขาอีก ดึกป่านนี้แล้ววินซ์เข้านอนหรือยังไม่รู้ หล่อนต้องคืนโทรศัพท์มือถือเพื่อนด้วย
เอรินขมวดคิ้วมุ่นไม่รู้ตัว อาการลุกลี้ลุกลนของหล่อนนั้นอยู่ในสาย ตาของชานนท์ตลอด
แค่ขยับตัวจะลุก ชานนท์ก็เอื้อมมือมาแตะแขนหญิงสาวไว้
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ส.ค. 2562, 09:13:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ส.ค. 2562, 09:13:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 558
<< บทที่ 3 -50% + เปิดจอง | บทที่ 4 -50% >> |