กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์
ตอน: บทที่ 4 -50%
“อะไรอีกคุณ ฉันไม่ออกไปไหนกับคุณแล้วนะคะ มันดึกแล้ว”
เอรินชักหงุดหงิดเพราะตามใจเขามาเกือบทั้งวันแล้ว
แต่แค่เหลียวกลับมามองเขาเท่านั้น ความหงุดหงิดเมื่อครู่ก็พลันมลายหายเมื่อเห็นรอยกังวลบนใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มข้างกาย
“ถ้าคุณยังไม่เหนื่อย กลัวตาเป็นหมีแพนด้าพรุ่งนี้ อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนสิ”
“คุณต้องการเพื่อนคุยหรือต้องการเพื่อนไว้ลับฝีปากกันแน่คะ”
หล่อนว่าพลางค้อนใส่เขา แต่ก็ยอมนั่งต่อเป็นเพื่อน
“ก็ได้ค่ะ ถือว่าตอบแทนคุณเรื่องชุด”
“งั้นผมคงต้องขอบคุณตัวเองสินะที่ตาแหลมซื้อชุดสวยให้คุณ”
“คุณอเล็กซ์!”
“โอเคๆ ผมไม่ลับฝีปากกับคุณแล้วก็ได้” ชานนท์ยกมือขึ้นสองข้างทำนองยอมแพ้
“คุณอยากรู้ใช่ไหมว่า ทำไมผมกับมินถึงพักอยู่ด้วยกันที่ห้องสูทชั้นบนของโรงแรม”
ชายหนุ่มข้างกายยอมปริปากออกมาเสียเอง คนอยากรู้อย่างเอรินลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำถึงกับตั้งหลักไม่ทัน มองเขาตาปริบๆ
“เอ่อ คือ ที่จริง ถ้าคุณไม่อยากเล่าให้ฉันฟังก็ไม่เป็นไรนะคะ ฉันแค่สอดรู้สอดเห็นตามประสา ถ้าทำให้คุณเครียด ฉันต้องขอโทษจริงๆ ค่ะที่ถามอะไรออกไปแบบนั้น”
“ผมไม่ได้เครียดที่คุณถามผมหรอก” ชานนท์บอกน้ำเสียงราบเรียบ
“ผมกับมิน ไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วอาร์ม...ลูกของมินที่คุณเห็นวันนี้ ก็ไม่ใช่ลูกผม”
“อ้าว แต่น้องอาร์มเรียกคุณว่าแด๊ดดี้นี่คะ ใครได้ยินก็ต้องคิดว่าคุณกับคุณมินเป็นสามีภรรยากัน”
“ใครที่คุณว่า รวมถึงคุณด้วยใช่ไหม”
“ก็...” เอรินอึกอัก
“ฉันก็พูดรวมๆ ไม่ได้มีแค่ฉันเสียหน่อยค่ะที่รู้จักคุณกับคุณมิน”
“ก็จริง” ชานนท์หัวเราะขื่นๆ ก่อนขยับตัวเล็กน้อย ตามองไปทางป้ายชื่อโรงแรมซึ่งอยู่ตรงหน้าไม่ไกลจากรถเขานัก...เวลานี้...เขาแค่ต้องการระบายความอัดอั้นในใจกับใครสักคน และเขาก็รู้สึกวางใจหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักกันแค่ข้ามคืนคนนี้
เป็นไปได้อย่างไรกับความไว้ใจเช่นนี้ ทั้งที่ปกติไม่เคย...
“เพื่อนคุณคงไม่ได้บอกสินะว่ามินเป็นลูกพี่ลูกน้องผม แต่จะบอกอย่างนั้นก็ไม่เชิงทีเดียว...พ่อของมินเป็นพี่ของแม่บุญธรรมผมอีกทีน่ะ พูดง่ายๆ คือผมไม่ใช่ลูกหลานแท้ๆ ของพวกเขา แต่ผมก็นับถือพ่อของมินเป็นคุณลุงของผม เดิมท่านส่งมินมาอยู่ที่นี่เพื่อเรียนต่อปริญญาโท ผมช่วยท่านบริหารโรงแรมอยู่ที่นี่ก็เลยได้รับมอบหมายให้ดูแลมิน โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่า มินท้อง”
“มะ...หมายความว่าคุณมิน...แบบนี้เอง พอคนอื่นเห็นพวกคุณสองคนอยู่ด้วยกัน แล้วก็มีน้องอาร์มด้วย ก็เลยเข้าใจว่าคุณสองคนเป็น...”
“อืม” ชานนท์ตอบแค่นั้น ยังคงทอดมองไกลออกไปนอกหน้าต่างแววตาเลื่อนลอย
“แล้วใครคือพ่อตัวจริงของน้องอาร์มคะ” เอรินหลุดปากถามออกไปตามวิสัยคนอยากรู้อยากเห็น แล้วแทบอยากกัดลิ้นตัวเอง
ซวยแล้วไง เขาจะหาว่าหล่อนเสียมารยาทอีกไหมเนี่ย
“เมื่อวานผมเพิ่งไปดื่มกับมันมาเอง” ชานนท์ไม่ได้ต่อว่าอะไรหญิงสาวข้างกาย เขายังคงระบายความอัดอั้นในใจออกมาให้เอรินฟัง
“เพื่อนคนที่ผมว่าจะมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าววันพรุ่งนี้ไง มันนั่นแหละเป็นพ่อตัวจริง แต่มันไม่รู้หรอก เหอะ มันเลิกกับภรรยาแล้ว สรินคือภรรยามัน”
“สริน? ใครหรือคะ”
“พี่สาวต่างแม่ของมิน”
“หา! ทำไมวุ่นวายขนาดนี้” เอรินเผลอหลุดปากออกมาอีกรอบ แล้วรีบปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
หากทว่าชานนท์ไม่ได้ถือสาหาความเหมือนเคย ในทางกลับกันการได้เห็นอาการหลุกหลิกของหล่อนนั้น กลับเรียกรอยยิ้มจากเขาได้หน่อย แม้ยังดูขื่นขมพิกลอยู่ก็ตาม
“นั่นสินะ ทำไมวุ่นวายได้ขนาดนี้ ตอนนี้ผมเลยอยู่ตรงกลางระหว่างผู้หญิงสองคนที่เป็นน้องสาวของผมทั้งคู่ ถึงจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่ก็อดห่วงไม่ได้ อดีตสามีของพวกเธอก็ดันเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยกับผมอีก”
เอรินครุ่นคิดตามเขาแล้วได้แต่ถอนหายใจ
“ฉันเข้าใจคุณนะคะ น้องสาวเจอเรื่องหนักขนาดนี้ คุณเป็นพี่ชายก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา แต่ที่แกลเลอรี คุณพูดกับคุณมินแรงไปหรือเปล่าคะ คุณมินเขาก็แค่พาน้องอาร์มมาเที่ยว คุณไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้นเลย”
“ก็ผมอิจฉา”
“หา! อิจฉาเด็กก็ได้ด้วยหรือคะ” หล่อนบอกสีหน้าตกใจไม่แพ้ท่าทาง “ฉันว่าคุณเมาดิบแล้วล่ะ”
“หึ ก็คงจริง เวลาเห็นมินพาอาร์มไปที่แกลเลอรีนั่น มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยมีค่ากับมินเลย”
ชานนท์ยิ้มหยันก่อนเอ่ยออกมาอย่างนึกสังเวชตัวเอง
“ผมดันไปรักคนที่ไม่ควรรัก ก็ต้องทนเจ็บแบบนี้แหละ”
รัก!?
เอรินเบิกตากว้าง สบมองชายหนุ่มข้างกายอย่างไม่เชื่อหูที่จู่ๆ เขาก็พูดมันออกมา
เขากำลังสารภาพความในใจที่มีต่อหญิงสาวอีกคน ให้หล่อนรู้!
วูบหนึ่งเอรินรู้สึกวูบไหวกับคำว่ารักของเขา ในรถยามนี้จึงกลับมาเงียบกริบอีกครั้ง มีแต่ความอึมครึมปกคลุมรอบกาย เพราะชานนท์ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดอีก นอกจากก้มหน้ากับพวงมาลัย คล้ายไม่ต้องการให้หล่อนเห็นสีหน้าแย่ๆ ของเขา
เอรินอยากเอื้อมมือไปลูบหลังปลอบผู้ชายตัวโตข้างกายอยู่หรอก แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้สนิทสนมกับเขาขนาดนั้น เลยพยายามพูดให้กำลังใจเขาแทน
“คุณอย่าคิดมากไปเลยนะคะ ความรักมันห้ามได้ที่ไหนกัน”
“ผมคงดูโง่มาก”
“ไม่เลยค่ะคุณอเล็กซ์ ไม่มีใครโง่เพราะความรักหรอกค่ะ คุณแค่ตามหัวใจของคุณไม่ทันเท่านั้นเอง ความรักมักทำให้คนตาบอด คนฉลาดก็กลายเป็นไม่ฉลาดเมื่อได้รู้จักความรัก มันมักจะพาเราไปในทิศทางที่คาดไม่ถึงและควบคุมไม่ได้”
ได้ยินเอรินเอ่ยเช่นนั้น ชานนท์ก็เงยหน้าจากพวงมาลัย เอนกายพิงพนักเบาะตามเดิม เหลือบมองสาวข้างกายทั้งที่ยังมีความเจ็บปวดเจืออยู่ในแววตาคู่นั้น
“คุณพูดเหมือนมีประสบการณ์ความรักโชกโชนงั้นแหละ”
“เหรอคะ” เอรินยิ้มแห้งๆ
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าความรักจริงๆ เป็นยังไง”
“ความรักมักจู่โจ่มเราโดยที่เราไม่รู้ตัว กว่าจะรู้เราก็โดนมันเล่นงานเข้าให้แล้ว” ชานนท์พูดขึ้นมาลอยๆ แต่เอรินรู้ว่าเขาสรุปสิ่งที่หล่อนเพิ่งบอกเขาไปเมื่อครู่ แถมยังมองหล่อนกลับยิ้มๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
เอรินชักหงุดหงิดเพราะตามใจเขามาเกือบทั้งวันแล้ว
แต่แค่เหลียวกลับมามองเขาเท่านั้น ความหงุดหงิดเมื่อครู่ก็พลันมลายหายเมื่อเห็นรอยกังวลบนใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มข้างกาย
“ถ้าคุณยังไม่เหนื่อย กลัวตาเป็นหมีแพนด้าพรุ่งนี้ อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนสิ”
“คุณต้องการเพื่อนคุยหรือต้องการเพื่อนไว้ลับฝีปากกันแน่คะ”
หล่อนว่าพลางค้อนใส่เขา แต่ก็ยอมนั่งต่อเป็นเพื่อน
“ก็ได้ค่ะ ถือว่าตอบแทนคุณเรื่องชุด”
“งั้นผมคงต้องขอบคุณตัวเองสินะที่ตาแหลมซื้อชุดสวยให้คุณ”
“คุณอเล็กซ์!”
“โอเคๆ ผมไม่ลับฝีปากกับคุณแล้วก็ได้” ชานนท์ยกมือขึ้นสองข้างทำนองยอมแพ้
“คุณอยากรู้ใช่ไหมว่า ทำไมผมกับมินถึงพักอยู่ด้วยกันที่ห้องสูทชั้นบนของโรงแรม”
ชายหนุ่มข้างกายยอมปริปากออกมาเสียเอง คนอยากรู้อย่างเอรินลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำถึงกับตั้งหลักไม่ทัน มองเขาตาปริบๆ
“เอ่อ คือ ที่จริง ถ้าคุณไม่อยากเล่าให้ฉันฟังก็ไม่เป็นไรนะคะ ฉันแค่สอดรู้สอดเห็นตามประสา ถ้าทำให้คุณเครียด ฉันต้องขอโทษจริงๆ ค่ะที่ถามอะไรออกไปแบบนั้น”
“ผมไม่ได้เครียดที่คุณถามผมหรอก” ชานนท์บอกน้ำเสียงราบเรียบ
“ผมกับมิน ไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วอาร์ม...ลูกของมินที่คุณเห็นวันนี้ ก็ไม่ใช่ลูกผม”
“อ้าว แต่น้องอาร์มเรียกคุณว่าแด๊ดดี้นี่คะ ใครได้ยินก็ต้องคิดว่าคุณกับคุณมินเป็นสามีภรรยากัน”
“ใครที่คุณว่า รวมถึงคุณด้วยใช่ไหม”
“ก็...” เอรินอึกอัก
“ฉันก็พูดรวมๆ ไม่ได้มีแค่ฉันเสียหน่อยค่ะที่รู้จักคุณกับคุณมิน”
“ก็จริง” ชานนท์หัวเราะขื่นๆ ก่อนขยับตัวเล็กน้อย ตามองไปทางป้ายชื่อโรงแรมซึ่งอยู่ตรงหน้าไม่ไกลจากรถเขานัก...เวลานี้...เขาแค่ต้องการระบายความอัดอั้นในใจกับใครสักคน และเขาก็รู้สึกวางใจหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักกันแค่ข้ามคืนคนนี้
เป็นไปได้อย่างไรกับความไว้ใจเช่นนี้ ทั้งที่ปกติไม่เคย...
“เพื่อนคุณคงไม่ได้บอกสินะว่ามินเป็นลูกพี่ลูกน้องผม แต่จะบอกอย่างนั้นก็ไม่เชิงทีเดียว...พ่อของมินเป็นพี่ของแม่บุญธรรมผมอีกทีน่ะ พูดง่ายๆ คือผมไม่ใช่ลูกหลานแท้ๆ ของพวกเขา แต่ผมก็นับถือพ่อของมินเป็นคุณลุงของผม เดิมท่านส่งมินมาอยู่ที่นี่เพื่อเรียนต่อปริญญาโท ผมช่วยท่านบริหารโรงแรมอยู่ที่นี่ก็เลยได้รับมอบหมายให้ดูแลมิน โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่า มินท้อง”
“มะ...หมายความว่าคุณมิน...แบบนี้เอง พอคนอื่นเห็นพวกคุณสองคนอยู่ด้วยกัน แล้วก็มีน้องอาร์มด้วย ก็เลยเข้าใจว่าคุณสองคนเป็น...”
“อืม” ชานนท์ตอบแค่นั้น ยังคงทอดมองไกลออกไปนอกหน้าต่างแววตาเลื่อนลอย
“แล้วใครคือพ่อตัวจริงของน้องอาร์มคะ” เอรินหลุดปากถามออกไปตามวิสัยคนอยากรู้อยากเห็น แล้วแทบอยากกัดลิ้นตัวเอง
ซวยแล้วไง เขาจะหาว่าหล่อนเสียมารยาทอีกไหมเนี่ย
“เมื่อวานผมเพิ่งไปดื่มกับมันมาเอง” ชานนท์ไม่ได้ต่อว่าอะไรหญิงสาวข้างกาย เขายังคงระบายความอัดอั้นในใจออกมาให้เอรินฟัง
“เพื่อนคนที่ผมว่าจะมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าววันพรุ่งนี้ไง มันนั่นแหละเป็นพ่อตัวจริง แต่มันไม่รู้หรอก เหอะ มันเลิกกับภรรยาแล้ว สรินคือภรรยามัน”
“สริน? ใครหรือคะ”
“พี่สาวต่างแม่ของมิน”
“หา! ทำไมวุ่นวายขนาดนี้” เอรินเผลอหลุดปากออกมาอีกรอบ แล้วรีบปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
หากทว่าชานนท์ไม่ได้ถือสาหาความเหมือนเคย ในทางกลับกันการได้เห็นอาการหลุกหลิกของหล่อนนั้น กลับเรียกรอยยิ้มจากเขาได้หน่อย แม้ยังดูขื่นขมพิกลอยู่ก็ตาม
“นั่นสินะ ทำไมวุ่นวายได้ขนาดนี้ ตอนนี้ผมเลยอยู่ตรงกลางระหว่างผู้หญิงสองคนที่เป็นน้องสาวของผมทั้งคู่ ถึงจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่ก็อดห่วงไม่ได้ อดีตสามีของพวกเธอก็ดันเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยกับผมอีก”
เอรินครุ่นคิดตามเขาแล้วได้แต่ถอนหายใจ
“ฉันเข้าใจคุณนะคะ น้องสาวเจอเรื่องหนักขนาดนี้ คุณเป็นพี่ชายก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา แต่ที่แกลเลอรี คุณพูดกับคุณมินแรงไปหรือเปล่าคะ คุณมินเขาก็แค่พาน้องอาร์มมาเที่ยว คุณไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้นเลย”
“ก็ผมอิจฉา”
“หา! อิจฉาเด็กก็ได้ด้วยหรือคะ” หล่อนบอกสีหน้าตกใจไม่แพ้ท่าทาง “ฉันว่าคุณเมาดิบแล้วล่ะ”
“หึ ก็คงจริง เวลาเห็นมินพาอาร์มไปที่แกลเลอรีนั่น มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยมีค่ากับมินเลย”
ชานนท์ยิ้มหยันก่อนเอ่ยออกมาอย่างนึกสังเวชตัวเอง
“ผมดันไปรักคนที่ไม่ควรรัก ก็ต้องทนเจ็บแบบนี้แหละ”
รัก!?
เอรินเบิกตากว้าง สบมองชายหนุ่มข้างกายอย่างไม่เชื่อหูที่จู่ๆ เขาก็พูดมันออกมา
เขากำลังสารภาพความในใจที่มีต่อหญิงสาวอีกคน ให้หล่อนรู้!
วูบหนึ่งเอรินรู้สึกวูบไหวกับคำว่ารักของเขา ในรถยามนี้จึงกลับมาเงียบกริบอีกครั้ง มีแต่ความอึมครึมปกคลุมรอบกาย เพราะชานนท์ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดอีก นอกจากก้มหน้ากับพวงมาลัย คล้ายไม่ต้องการให้หล่อนเห็นสีหน้าแย่ๆ ของเขา
เอรินอยากเอื้อมมือไปลูบหลังปลอบผู้ชายตัวโตข้างกายอยู่หรอก แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้สนิทสนมกับเขาขนาดนั้น เลยพยายามพูดให้กำลังใจเขาแทน
“คุณอย่าคิดมากไปเลยนะคะ ความรักมันห้ามได้ที่ไหนกัน”
“ผมคงดูโง่มาก”
“ไม่เลยค่ะคุณอเล็กซ์ ไม่มีใครโง่เพราะความรักหรอกค่ะ คุณแค่ตามหัวใจของคุณไม่ทันเท่านั้นเอง ความรักมักทำให้คนตาบอด คนฉลาดก็กลายเป็นไม่ฉลาดเมื่อได้รู้จักความรัก มันมักจะพาเราไปในทิศทางที่คาดไม่ถึงและควบคุมไม่ได้”
ได้ยินเอรินเอ่ยเช่นนั้น ชานนท์ก็เงยหน้าจากพวงมาลัย เอนกายพิงพนักเบาะตามเดิม เหลือบมองสาวข้างกายทั้งที่ยังมีความเจ็บปวดเจืออยู่ในแววตาคู่นั้น
“คุณพูดเหมือนมีประสบการณ์ความรักโชกโชนงั้นแหละ”
“เหรอคะ” เอรินยิ้มแห้งๆ
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าความรักจริงๆ เป็นยังไง”
“ความรักมักจู่โจ่มเราโดยที่เราไม่รู้ตัว กว่าจะรู้เราก็โดนมันเล่นงานเข้าให้แล้ว” ชานนท์พูดขึ้นมาลอยๆ แต่เอรินรู้ว่าเขาสรุปสิ่งที่หล่อนเพิ่งบอกเขาไปเมื่อครู่ แถมยังมองหล่อนกลับยิ้มๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ส.ค. 2562, 09:21:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ส.ค. 2562, 09:21:17 น.
จำนวนการเข้าชม : 550
<< บทที่ 3 -100% | บทที่ 4 -100% >> |