กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง

Love go on, until the end of the world…

เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง


***************************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!


***************************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ

2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น

3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks

4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า

สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***

Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์

ตอน: บทที่ 18 -60%

ชานนท์นั่งคิดทบทวนบางสิ่งบางอย่างอยู่เงียบๆ คนเดียวบนเก้าอี้เอนริมระเบียง บนโต๊ะข้างกายเขานั้นมีเกรนวิสกี้ที่พร่องไปกว่าครึ่ง สีหน้าชายหนุ่มแดงก่ำครุ่นคิดไปถึงเรื่องที่เแอบได้ยิน...เมื่อช่วงหัวค่ำ น้ำเสียงของมารดาบุญธรรมทั้งร้อนรนทั้งเกรี้ยวกราดกับสิทธิ์อย่างน่าประหลาด

“คุณพี่จะให้ที่บนเนินเขานั่นกับอเล็กซ์ทำไมไม่บอกน้องสักคำ!”

“ก็กำลังบอกอยู่นี่ไง”

“ตะ...แต่บ้านหลังนั้นมัน...คุณพี่แน่ใจแล้วเหรอว่าจะให้อเล็กซ์ทำโรงแรมที่นั่น เกิดเขาจำได้ขึ้นมาจะทำยังไง ทำไมไม่ให้ที่ผืนอื่น คุณพี่ก็มีที่ทางออกเยอะแยะ”

ภิรณีย์กับสิทธิ์ยังคงคุยกันอยู่ในห้องเดิมคล้อยหลังจากที่ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ตอนนั้นชานนท์เองก็แค่จะย้อนกลับมาคุยกับสิทธิ์เรื่องโครงการโรงแรมที่เมืองไทยพอดี แต่พอได้ยินบทสนทนานั้นของทั้งสองจึงแอบฟังอยู่หน้าห้อง

“หึ อเล็กซ์มันจำได้ก็ดีสิ” สิทธิ์เอ่ยเสียงเย็น

“ยังไงความจริงก็คือความจริง แกก็รู้ว่าที่พี่ซื้อบ้านหลังนั้นไว้เพราะมันเป็นของของเขาตั้งแต่แรก”

“แต่คุณพี่เล่นไม่ถามกันสักคำ ตั้งใจจะแกล้งน้องใช่ไหม”

ภิรณีย์เอ่ยเสียงสั่นปนสะอื้น

“คุณพี่กำลังฟื้นฝอยหาตะเข็บทำให้น้องเจ็บปวดอีกครั้ง”

“เฮ้อ ยายภิ พูดอะไรอย่างนั้น” สิทธิ์มีสีหน้าเหนื่อยหน่าย

“ถึงแกจะเลวร้ายแค่ไหนยังไงแกก็ยังเป็นน้องฉันนะ บ้านนั้นทิ้งไว้ก็เปล่าประโยชน์ รังแต่ผู้คนจะนินทาว่าบ้านผีสิงบ้างอะไรบ้าง เจ้าอเล็กซ์เสนอโครงการอยากทำโรงแรมที่ไทยมาให้ เผอิญพี่ก็อยากได้โรงแรมริมทะเลก็เลยใช้ที่ตรงนี้” 

“แต่น้องกลัว”

“กลัวบ้ากลัวบออะไร ทีเมื่อก่อนไม่เคยกลัวอะไรสักอย่าง” สิทธิ์ขึ้นเสียง พอเห็นน้องสาวหงอก็เสียงอ่อนลง “เหตุผลที่พี่ให้อเล็กซ์ทำก็แค่เพราะสิทธรากรุ๊ปยังไม่เคยลงมาทำโรงแรมริมทะเลเต็มตัวแบบเจ้าอื่นก็แค่นั้น”

“ก็ให้คนอื่นทำก็ได้นี่คะ”

“คนอื่นจะไว้ใจได้เหมือนคนใกล้ชิดรึยายภิ!” สิทธิ์เอ็ดเสียงดังลั่น

ขณะนั้น คนแอบฟังอยู่ด้านนอกอย่างชานนท์ยืนหลบมุมอยู่ ขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดตาม ‘ที่’ ที่ทั้งสองกำลังถกเถียงกันคงไม่พ้นที่ดินบ้านสีขาวที่เขากำลังจะมาคุยกับสิทธิ์เช่นกัน สิทธิ์เปรยกับเขาไว้ว่าจะให้รีโนเวททำเป็นโรงแรมริมทะเลที่เมืองไทย

“ยังไงคุณพี่ก็ไม่มีสิทธิ์ให้อเล็กซ์ไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีก” ภิรณีย์แหวเสียงแหลมออกมาอีกรอบ “ตอนนี้เขาเป็นลูกชายน้อง!”

“แกจำได้ด้วยหรือว่ามันเป็นลูกแก!” สิทธิ์โต้

“ที่ผ่านมาแกเคยสนใจไยดีลูกแกอย่างที่รับปากกับพี่ไว้บ้างรึเปล่า!”

“โธ่ คุณพี่คะ น้องก็ดูแลเขาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วนะคะ”

“เหอะ มันเป็นหน้าที่ของแกนะ อย่าลืม!”

“น้องไม่มีวันลืมหรอกค่ะ คุณพี่เล่นพูดกรอกหูน้องอยู่ทุกวัน”

ประโยคสุดท้ายของภิรณีย์ สิทธิ์ฟังแล้วกระตุกยิ้มเยาะ จับจ้องน้องสาวด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาอารมณ์ได้ถูก

คราวนั้น...หากเขาไม่ช่วยไกล่เกลี่ย มีหรือที่ ‘ผู้ชายคนนั้น’ จะยอมปิดปากเงียบเรื่องของภิรณีย์มาได้จนถึงทุกวันนี้ และหากน้องสาวไม่ได้เขา มีหรือที่ทุกคนจะเข้าใจว่าเด็กหนุ่มคนนั้นหายสาบสูญไปแล้ว ที่ภิรณีย์น้องสาวของเขามีโอกาสอยู่สุขสบายเชิดหน้าชูคออยู่ได้จนทุกวันนี้ ก็เพราะเขา!

คิดดังนั้น สิทธิ์จึงจำต้องกำชับน้องสาวอีกครั้งว่า

“จำไว้ว่าในโลกนี้แกจะทำร้ายใครก็ได้ ยกเว้นอเล็กซ์...จำเอาไว้!”

สิ้นเสียงของสิทธิ์ คนถูกเอ่ยถึงถึงกับตัวเย็นเฉียบ ชานนท์พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวในความทรงจำของเขาทีละนิด แม้ยังสับสนอยู่ก็ตาม

“น้องรู้ตัวดีค่ะว่าควรทำอะไร แต่คุณพี่บังคับน้องได้ก็แค่เรื่องนี้เท่านั้น เรื่องอื่นคุณพี่ไม่มีสิทธิ์”

“แกว่าฉันไม่มีสิทธิ์หรือยายภิ! แกลืมแล้วใช่ไหมว่าฉันต้องแลกมันมาด้วยครอบครัวและขาทั้งสองข้างของฉัน! ทั้งหมดที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะความเอาแต่ใจบ้าบอของแก! ฉันต้องเสียแม่ยายมินไปเกือบสามสิบปี และปล่อยให้เรื่องบ้าๆ พวกนี้มันเกิดขึ้นจนเลยเถิดนานเกินจะแก้ไขแล้ว”

สิทธิ์ฉุนขาดตวาดใส่อย่างเหลืออดจนอีกฝ่ายหน้าเสีย ใบหน้าสวยของผู้น้องเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาไหลรินด้วยความคับแค้นใจเมื่อนึกถึงอดีต

“แต่ตอนนี้คุณอินก็กลับมาอยู่กับคุณพี่แล้วไง ถึงจะช้าไปหน่อย แต่น้องสิ น้องเสียคนที่รักที่สุดไปตลอดกาล”

“คนตายไปแล้วก็ปล่อยมันตายไปเถอะน่า แกจะมาคร่ำครวญให้มันได้อะไร”

“คุณพี่ได้คุณอินคืนมาแล้วก็พูดได้นี่คะ” ภิรณีย์แย้งอย่างช้ำใจ

“แล้วคุณพี่ไม่เห็นต้องพูดรุนแรงขนาดนี้เลย น้องก็แค่เป็นห่วงลูก ไม่อยากให้ลูกต้องมารับรู้เรื่องเก่าๆ อีก”

“แกเป็นแม่ที่ดีขนาดนั้นเชียว?” สิทธิ์ย้อน

“พอเถอะ พูดไปก็เหมือนพายเรือในอ่าง ไม่มีประโยชน์อะไรสักนิดเอาเป็นว่าแกอย่าขัดฉันเลย ยังไงคราวนี้ฉันก็ไม่ยอม”

สิทธิ์ตัดบทเสียงเข้ม แต่เข้ามาโอบไหล่น้องสาวที่ถึงกับเข่าทรุดนั่งลงบนโซฟาใกล้ๆ ไม่ต่างจากคนหมดแรง

“ทำใจเสียยายภิ มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ยังไงสักวันเด็กคนนั้นก็ต้องรู้ เราควรคืนสิ่งที่เป็นของเขาไป อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการไถ่โทษนะยายภิ”

สิทธิ์ปลอบโยนภิรณีย์ด้วยความสงสารน้องสาวจับใจ หากภาพตรงหน้านั้นทำให้ชานนท์กำหมัดแน่นไม่รู้ตัว ดวงตาวาวโรจน์

ภาพเลือนรางในความทรงจำของเขาไม่ต่างจากภาพจิกซอว์ที่ยังขาดหาย และวินาทีนี้เหมือนเขาจะได้เจอจิกซอว์ตัวที่ขาดหายไปแล้วจากผู้อุปการะทั้งสองของเขาเอง! แม้ยังเป็นแค่บางส่วน แต่ชานนท์เชื่อว่าจะต้องถูกเติมจนเต็มในไม่ช้า เมื่อได้เจอกับใครอีกคนหนึ่ง คนที่เขาบังเอิญได้ข้อมูลมา เพราะตั้งใจมาตามหาลูกสาวของใครคนนั้น!



****************



“คร่ำเคร่งขนาดนี้ จะสั่งไปฝากใครจ๊ะ”

อติมาเอ่ยถามเมื่อเดินมาแถวที่นั่งบริเวณต้อนรับของบ้านสวนโฮมสเตย์แล้วเห็นลูกสาวกำลังเปิดดูเมนูอาหารไปมา สีหน้าคร่ำเคร่ง เลือกรายการอาหารอยู่นั่นเอง

“หนูกำลังดูอาหารให้เพื่อนตัวน้อยของหนูค่ะ พรุ่งนี้แม่ให้พี่ก๊อเผาปลาหมึกย่างตัวโตๆ ให้หน่อยนะคะ”

“จะไปหาตาอาร์มอีกแล้วเหรอลูก” อติมารู้ทันทีว่าเพื่อนตัวน้อยที่ว่าคือลูกชายวัยสามขวบของสิมิลันกับอธิปก

เอรินพยักหน้าให้มารดา พลางจดรายการอาหารที่พอรู้ว่าเป็นของโปรดของเพื่อนตัวน้อยใส่ในกระดาษโน้ตเพื่อที่จะได้ให้ในครัวทำเตรียมไว้ให้

“เมื่อกี้คุณมินโทร.มาชวนไปกินข้าวที่บ้านพรุ่งนี้น่ะค่ะ เธอบอกว่ามีแบบบ้านใหม่น่าสนใจจะให้หนูฟรีด้วยค่ะแม่” เอรินแววตาเป็นประกายเมื่อพูดคำว่า ‘ฟรี’

“พอดีเธอออกแบบไว้ให้ลูกค้ารายนึงแต่ดูแล้วไม่ค่อยตรงคอนเซ็ปต์ เลยจะให้หนูไปดูเผื่อสนใจอยากใช้เป็นบ้านพักที่วิลลาต้นไม้อีกค่ะ”

“ดีจังลูก ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่จัดการอาหารให้เอง เขาอุตส่าห์ไม่คิดตังค์เรา...แต่ถ้าเพื่อนหนูจะเปลี่ยนใจพ่อกับแม่ก็ยินดีพร้อมจ่ายนะ” อติมาไม่รู้ตัวว่าเสียงแผ่วลงในตอนท้าย

แต่เอรินไม่ทันสังเกตหรอกเพราะกำลังตื่นเต้น

“งั้นพรุ่งนี้หนูขอเอารถไปเองนะคะแม่ ไหนๆ ก็ต้องออกไปบ้านคุณมินแล้ว หนูกะจะเลยไปวางโบรชัวร์ใบใหม่ที่บริษัททัวร์เพื่อนพ่อกับทัวร์ของคุณโอมด้วยค่ะ จะได้คุยเรื่องรับส่งแขกให้ทัวร์เขาเสียเลย”

แค่นึกถึงแผนงานในวันพรุ่งนี้เอรินก็ตาเป็นประกายแล้ว หล่อนจะไม่มัวแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปอีกแล้ว หล่อนจะหาจ็อบพิเศษทำผ่านทางเดอะเกรททราเวลของอธิปกอีกทาง ส่วนบริษัทที่กรุงเทพฯ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรณ์จัดการไป

“แล้วจะไปกี่โมงลูก พรุ่งนี้...”

“หนูนัดกับคุณมินไว้เที่ยงค่ะ แต่ออกสักสิบเอ็ดโมงก็ยังทัน บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง...งั้นหนูฝากแม่ดูอาหารให้ทีนะคะ หนูจะไปเดินดูวิลลาต้นไม้อีกหน่อย เผื่อมีไอเดียไปเสนอคุณมินบ้าง” ว่าแล้วลูกสาวก็ผละไปทันที

“เดี๋ยวก่อนยายเอริน” อติมาร้องเรียกแล้วต้องส่ายหัวให้กับความซนเป็นลิงเป็นค่างของลูกสาวอีกตามเคย ก็หล่อนพูดด้วยยังไม่ทันจบเลยน่ะสิ พัชระที่เพิ่งเดินมาจากทางหลังบ้านเห็นภรรยาบ่นงึมงำอยู่คนเดียวก็เข้ามา

“บ่นอะไรจ๊ะแม่”

“ไม่มีอะไรพ่อ” อติมาบอกแล้วถอนใจยาว

“แม่แค่จะบอกลูกว่า พรุ่งนี้แขกรายแรกของวิลลาต้นไม้จะมาแล้ว กะจะให้แกเป็นคนดูแลเสียหน่อย จะได้ศึกษางานไปในตัว แต่แกดันมีนัดกับคุณมิน”

“ไว้ค่อยบอกก็ได้แม่ เรายังไม่รู้เลยว่าเขาจะเช็กอินกี่โมง”

“จ้ะ แม่ก็คิดอย่างนั้น ไม่งั้นเอรินจะกังวล นี่ก็เห็นว่านัดคุยกับคุณโอมเรื่องขอวางโบรชัวร์บ้านสวนที่ทัวร์เขาด้วย ถ้าได้แขกจรมาเพิ่มก็ดีนะพ่อ” อติมาเอ่ยเสียงกังวลเล็กน้อย 

“ถ้าได้มันก็ดีอยู่แล้วละ พ่อเองก็กำลังเร่งให้คนสวนถางหญ้าที่มันเริ่มขึ้นรกเรื้อ เดี๋ยวจะเอาไม่ทัน หญ้าขึ้นเร็วเหลือเกิน”

พัชระมีสีหน้าหนักใจไม่แพ้กัน จนอติมาต้องกอดเอวสามีให้กำลังใจ เวลานี้ต่างคนก็ต่างไม่สบายใจกันทั้งคู่ เพราะไม่ว่าเขาหรือหล่อนจะหยิบจับทำอะไรก็ตาม โดยเฉพาะการบำรุงรักษาในหน้าฤดูกาลท่องเที่ยวที่ใกล้จะมาถึงนี้ มันหมายถึงเม็ดเงินจำนวนมากที่พวกเขาจำต้องใช้จ่าย

“แล้วเรื่องเงินกู้ที่ไปขอเพิ่มไว้ล่ะพ่อ”

คำถามสั้นๆ นั้นของภรรยา ยิ่งทำให้พัชระทอดถอนใจออกมาด้วยความรู้สึกที่หนักหน่วงไปถึงขั้วหัวใจ “ยังไม่คืบหน้าเลย ช่วงนี้พ่อคงงดออกทะเลสักพัก แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ พ่อก็พอมีหนทางหยิบยืมจากคนรู้จัก”

“พ่อต้องระวังหน่อยนะ อย่าไปเที่ยวกู้ยืมเจ้าหนี้เถื่อนอย่างที่ข่าวเขาลงกันโครมๆ ล่ะ แม่ก็ไม่สันทัดเรื่องพวกนี้เสียด้วย ช่วยพ่อไม่ได้เลย”

“ไม่เป็นไรแม่ เราค่อยๆ คิดหาทางออกกันไปทีละเปลาะก็แล้วกัน”

สีหน้าเคร่งเครียดปนท่าทีหนักใจของสามี ทำเอาคนเป็นภรรยากลัดกลุ้มตาม ทั้งยังอดเป็นห่วงไม่ได้



หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ต.ค. 2562, 19:05:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ต.ค. 2562, 19:05:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 528





<< บทที่ 17 -100%   บทที่ 18 -100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account