โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ตอน: บทที่ 10 -60%
หลายวันมานี้พิมริสาแทบไม่ออกไปไหน เธอหมกมุ่นทำงานอยู่ในไร่ตั้งแต่เช้ายันเย็น การติดตั้งระบบน้ำในไร่เป็นงานใหญ่ที่ต้องลงทุนสูง มาถึงวันนี้เธอหมดเงินไปแล้วนับแสน เพราะมีค่าใช้จ่ายบานปลายอยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะค่าแรงของคนงานนั้น สูงกว่าที่เธอประมาณการไว้พอสมควร เดิมเธอคิดว่าช่วยทำกันเองในครอบครัวไม่กี่คน แต่พอลงมือเข้าจริงๆ ต้องจ้างคนมาช่วยมากกว่านั้น
ตอนนี้เงินที่สะสมมาถูกใช้ไปเกือบหมดบัญชี หากไม่พอ ก็ต้องใช้เงินของบิดามารดาซึ่งก็มีไม่มากนัก แต่อย่าเลย...ครอบครัวของเธอรวยที่ทางก็จริง แต่เงินสดนั้นค่อนข้างอัตคัด และควรมีติดบ้านบ้างเพราะพวกท่านอายุมากแล้ว เวลาป่วยไข้จะได้มีเงินไปหาหมอ ถ้าต้องใช้เงินก้อนจริงๆ เธอคงต้องไปหยิบยืมใคร หรือไม่ก็ต้องกู้ธนาคาร
ที่แน่ๆ เธออาจต้องขายรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งก็ช่างมันเถอะ อยู่ที่นี่ก็แทบไม่ได้ใช้มันเลย ไปไหนมาไหนก็ปั่นจักรยานเอา ถ้าไปไกลหน่อยก็ไปรถบิดา ให้ท่านหรือน้าชดช่วยขับ หรือไม่เธอก็หัดขับเจ้าเกียร์กระปุกนี้เอง มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
“พิม นั่นยืนเหม่ออยู่ทำไม ทำไมไม่กลับเข้าบ้าน เย็นแล้วนะ”
พี่ชายกลับจากทำงาน หยุดรถจักรยานยนต์ร้องทัก
“มา! ขึ้นรถ กลับไปอาบน้ำอาบท่า เตรียมกินข้าวได้แล้ว”
พิมริสาขึ้นซ้อนท้ายรถของภพพิชัยอย่างว่าง่าย ไม่กี่นาทีถัดจาก นั้น ทั้งคู่ก็พร้อมหน้าพร้อมตาที่โต๊ะอาหารค่ำร่วมกับคนอื่นๆ เช่นทุกวัน แต่วันนี้พิมพ์ใจกับไพโรจน์รับประทานล่วงหน้าไปก่อนแล้ว จึงมีเพียงลูกๆ สามคนกับชด ผู้เป็นน้าชายของทั้งสาม
“วันนี้คุณไผ่กับเกดเขาเข้าไปที่สำนักงานพี่...” ภพพิชัยมีเรื่องเล่า ทำเอาพิมริสาหูผึ่ง เขาไปกับเกดแก้วด้วยงั้นหรือ
“เขาเข้าไปขอให้ช่วยเหลือเรื่องต้นกล้าที่จะเอาไปปลูกป่า นี่พวกเรารู้เรื่องนี้กันหรือยัง อีกไม่นานหมู่บ้านเราจะมีงานใหญ่”
“มีอะไรหรือพี่ภพ” พรผกาถาม “งานอะไรที่ว่างานใหญ่”
“ก็รีสอร์ตอิงไพรกับปางช้างนทีทองเขาจับมือกันจัดงานล่องแพไปปลูกป่าอะไรนี่ละ” แล้วภพพิชัยก็เล่าให้ทุกคนฟัง จบแล้วก็บอกว่า “น่าสนุก ธารรุ้งน่ะเงียบมานานเกินไปแล้ว มีงานแบบนี้จะได้กระตุ้นให้คนมาเที่ยวกันเยอะๆ”
“เอางานปลูกป่ามาบังหน้า เพื่อกระตุ้นยอดขายว่างั้น” พิมริสาพูดเสียงขุ่น
“โธ่...หนูพิม ทำไมมองคุณไผ่ในแง่ร้ายอย่างนั้น” ชดร้องขึ้น ระยะหลังเขาย้ายมาอยู่กับครอบครัวพี่สาวพี่เขยอย่างสมบูรณ์แล้ว
“ก็ไม่จริงเหรอคะน้าชด มองยังไงก็กระตุ้นยอดขายเขา เรื่องปลูกป่านี่ พิมว่าสุดท้ายแล้วก็เหลว คอยดู พอปลูกเสร็จเป็นภาระพี่ภพกับเพื่อนๆ ต้องตามล้างตามเช็ดแน่นอน เพราะพวกที่ปลูก ไม่กลับมาดูแล”
“อืม ก็มีสิทธิ์” ภพพิชัยพยักหน้าหงึกๆ เขาเป็นคนประเภทที่ไม่ว่าใครพูดอะไรมา ก็จะคล้อยตามทุกคนโดยง่าย “ส่วนใหญ่ปลูกแล้วก็หายลับไปชั่วชีวิต”
“เอาน่ะพี่ภพ พรว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่” พรผกาพูดบ้างหลัง จากนั่งฟังคนนั้นคนนี้ “เจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแลเรื่องป่าอยู่แล้ว ใช่ว่าจะต้องรอให้คนปลูกมารดน้ำเช้าเย็นเสียที่ไหน ต้นไหนรอดก็รอด ไม่รอดก็ไม่เห็นเป็น ไร ดีกว่าเขาไม่ปลูก”
“อืม คิดมุมนี้ก็ใช่” พี่คนโตเออออกับน้องสาวคนรอง “ปัญหาจิ๊บ จ๊อย การปลูกป่าคือการปลูกจิตสำนึกให้คนรักป่าอีกด้วยนะ”
“แล้วอะไรนี่อีก ให้ชาวบ้านร่วมล่องแก่ง นั่งช้าง” พิมริสาพูดพลางส่ายหน้าแบบระอาเต็มทน “ใครจะร่วมก็ร่วมนะ พิมไม่เอาด้วย ขี้เกียจไปส่ง เสริมการขายให้เขา”
“หนูพิมก็คิดมากไป” เป็นเสียงของชด “อย่าอคติคุณไผ่นักเลย วันก่อนน้าเห็นเข้าเมืองไปด้วยกัน คุณไผ่ก็ไปช่วยขับรถ ช่วยขนต้นไม้ตัวเป็นเกลียว นึกว่าจะญาติดีกันแล้วเสียอีก ทำไมดูจะหนักกว่าเก่า”
พิมริสาไม่ตอบ แต่เบือนหน้างอๆ ไปอีกทาง ชดพูดต่อ
“คุณไผ่อาจจะทำเพื่อธุรกิจของเขาก็จริง แต่คนที่ได้ก็คือชาวบ้านด้วย เขาก็ทำเพื่อส่วนรวมนา น้ากล้าพูดได้เลยว่า เขาไม่ใช่พวกนายทุนใจยักษ์อะไร เป็นคนดีทีเดียวละ ถามเกด เพื่อนหนูดูก็ได้”
“แหม...น้าชดนี่ ยังรักเคารพเจ้านายเก่าเหลือเกินนะ แบบนี้น่าจะให้กลับไปทำงานต่อกับเขาเลยดีกว่า เอาไหมคะ กลับไปขับรถ เป็นไกด์ให้เขาต่อ” คนพูดกระแทกเสียง
“ยายพิม” คราวนี้พรผกาขึ้นเสียงดังเอ็ดน้องสาว
“เสียมารยาทจริงๆ นิสัยไม่ดีเลย ทำไมพูดกับน้าอย่างนั้น”
“ก็ไม่จริงหรือคะพี่พร น้าชดเห็นพี่ไผ่เป็นเทวดา ยังเกรงอกเกรงใจทุกอย่าง ก็ไปทำงานต่อกับเขาซะหมดเรื่อง ทางนี้พิมหาคนใหม่ได้”
พูดแล้วพิมริสาก็ลุกจากโต๊ะอาหาร เดินผละไปอย่างเร็ว พรผกาส่งเสียงตาม
“นี่ พิม! กลับมาขอโทษน้าเดี๋ยวนี้นะ”
“ช่างเถอะหนูพร น้าไม่ถือสาหรอก...ช่วงสองสามวันมานี้เห็นเขาไม่ค่อยสบายใจ คงกังวลหลายเรื่อง”
“นั่นสิ” ภพพิชัยพูด “ช่วงเย็น ตอนผมกลับมา ก็เห็นยืนเหม่ออยู่ตั้งนาน ดูยายพิมเครียดๆ อาจจะอารมณ์ไม่ปกติ...พรก็อย่าไปอะไรน้องมันเลย”
“พรไม่ชอบเด็กไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่”
พรผกาพูดแบบอารมณ์กรุ่นๆ
“ไม่เป็นไรหรอก ปกติหนูพิมน่ารักกับทุกคน กับน้านี่แกก็เคารพออก แต่แกคงเกลียดขี้หน้าเจ้านายเก่าของน้าจริงๆ นั่นแหละ พอน้าไม่เข้า ข้าง แต่ดันไปยกย่องก็เลยวีนแตก น้าขำๆ มากกว่า”
พูดแล้วชดก็ยิ้มร่ากับหลานทั้งสอง อารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นมาของหลานสาวคนเล็กเมื่อครู่นี้ เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ ส่วนหนึ่งอาจจะชิงชังภาณุรุจเป็นทุน แต่อีกส่วน ชดก็อดคิดไม่ได้ว่า เหมือนอารมณ์ผู้หญิงขี้หึง สังเกตว่าแค่เขาพูดว่า ‘ถามเกดแก้วดูก็ได้’ แค่จบคำนั้นพิมริสาก็เป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา
ชดไม่อยากคิดคาดเดาอะไรให้มากเกินไป ทั้งเจ้านายเก่าทั้งเจ้านายใหม่ที่เป็นหลานรัก ต่างก็เป็นคนดีทั้งคู่ สวยหล่อ เหมาะสมกันทุกอย่าง ถ้าคู่นี้จะใจตรงกันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็นั่นแหละ ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นตัวแปร ซึ่งเขาก็บอกไม่ถูกว่าคืออะไร
หนุ่มใหญ่คิดแค่นั้นแล้วก็เลิกคิด หันมาสนใจผลไม้ตรงหน้าแทนหยิบทานล้างปาก
*******************
พรผกาคนข้าวต้มในหม้อที่ตั้งบนเตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดไฟแล้วยกลง จากครัวที่มีหน้าต่างเปิดโล่งรอบทิศ หญิงสาวมองออกไปไกลๆ วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ฟ้าใส มีสายลมพัดพรูตั้งแต่เช้า เธอเห็นน้องสาวยืนผมปลิวไสวอยู่กลางไร่พร้อมกับคนงานอีกสอง พรผกาอดสงสัยไม่ได้ กลิ่นหอมของอาหารเช้าที่เธอบรรจงทำหลายอย่างเพื่อสมาชิกในครอบครัว ไม่เว้นคนงานอีกสองสามคน จะลอยลมไปถึงตรงนั้นไหม
ตั้งแต่ตีห้ามาแล้วที่เธอได้ยินเสียงกุกกักของน้องสาว เมื่อได้เริ่มงานอย่างจริงๆ จังๆ พิมริสาไม่เคยนอนตื่นสายเหมือนช่วงที่กลับมาอยู่บ้านใหม่ๆ อีกเลย เธอตื่นก่อนทุกคน อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกไปในไร่พร้อมกับบิดาและน้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
ใจที่เคยนึกหมิ่นว่า น้องคนสวยที่ไปเป็นชาวเมืองอยู่หลายปีจะมาทำอะไรที่นี่ได้ ตอนนี้ความคิดนั้นไม่มีอยู่ในสมองของครูสาวแล้ว เธอยอมรับว่าพิมริสาแกร่งเกินตัว ภายใต้ท่าทางที่ดูกรีดกรายและนิสัยเจ้าแง่เจ้างอนจนดูเหมือนคนเอาแต่ใจนั้น น้องคนนี้มีความมุ่งมั่นและมีพลังที่จะต่อสู้กับงานหนักได้ดีกว่าเธอเสียอีก
เธอเองอยู่กับไร่กับสวนของครอบครัวมาตลอดก็จริง รูปร่างหน้าตาก็ดูสูงใหญ่แข็งแรงกว่าพิมริสาที่บอบบางเป็นชาวเมือง ใครๆ พากันคิดว่าเธอจะต้องรับมรดกเป็นชาวสวนเหมือนบิดา แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น ที่ผ่านมา เธอแทบไม่เคยได้ช่วยบิดามารดาอย่างจริงจังเลย เรียนหนังสือจบในเมืองแล้ว เธอก็สมัครเป็นครูอนุบาล นั่นคือสิ่งที่เธอชอบและทำได้ดี
เธอเคยเอ่ยชมพิมริสาเรื่องสู้งานหนักว่า
‘ขอสารภาพว่าพี่ประเมินพิมต่ำไป พิมน่ะสู้งานกว่าที่พี่คิดไว้มากเลย’
มีรอยยิ้มกว้างโชว์ฟันเรียงซี่สวยบนใบหน้าเรียวของน้องสาวก่อนเจ้าตัวจะตอบกลับมา
‘ใครๆ ก็สู้งานทั้งนั้น สู้ไปตามแนวทางตัวเองไงคะ พี่พรก็เป็นครูที่ดี ให้พิมมาอยู่กับเด็กเล็กๆ แบบพี่ทั้งวัน ต้องนั่งถักเปียให้เด็กทุกคน พิมก็ไม่สู้’
คำตอบนั้นทำให้พรผการู้สึกรักน้องขึ้นไปอีก พิมริสาไม่ใช่นางเอกในนิยายที่ต้องมีบุคลิกกล้าแกร่ง หรือจะต้องมาทำงานพร้อมกับแรงบันดาลใจสวยหรูอะไร แต่น้องเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่พกพานิสัยดีบ้างแย่บ้างติดตัว บางครั้งก็ดื้อจนน่าระอา ใครพูดอะไรไม่เคยฟัง บางครั้งก็ปากกล้าบ้ากฎเกณฑ์เถรตรงจนกลายเป็นคนขวานผ่าซาก บางครั้งก็เหมือนเด็กปอดแหก ขี้กลัว กลัวกระทั่งช้างที่เดินมาไกลๆ และบ่อยครั้งก็ขี้อ้อนอ่อนหวานจนใครๆ หลงหัวปักหัวปำ
พรผกาจัดวางอาหารเช้าบนโต๊ะไปพลางก็คิดไปพลาง พิมริสาเป็นคนที่มีสีสันและมีเสน่ห์ในตัว ไม่จืดชืดเหมือนเธอ เหนืออื่นใด คุณสมบัติพิเศษของน้องคือ มีความเป็นนักสู้ที่ซ่อนคมเอาไว้ เป็นเด็กฉลาด แต่ก็ชอบที่จะทำตัวงี่เง่าในบางเวลาเหมือนกัน อย่างเช่นเมื่อคืนนี้เป็นต้น พอพูดถึงคนที่เจ้าตัวไม่ชอบขี้หน้าก็ออกอาการจนน่าเกลียด แล้วก็พาลไปหมดไม่เว้นผู้หลักผู้ใหญ่อย่างน้าชด
เมื่อคืนนี้เธอเอ็ดน้องสาวไป ไม่รู้ว่าเช้านี้พิมริสาจะยังเคืองเธออยู่หรือไม่ แต่ก็ช่างเถอะ เธอไม่เคยคิดโกรธ เช้านี้ยังทอดปลาที่น้องชอบเอาไว้ให้ด้วยซ้ำ
จัดอาหารเสร็จ พรผกาก็เดินออกมาหน้าบ้าน แต่แล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นใครคนหนึ่งเดินตรงมา รถคันใหญ่ของเขาจอดอยู่อีกฟากของลำธาร
ครูสาวนึกขำ ตั้งแต่พิมริสากลับมาอยู่บ้าน หัวบันไดบ้านนี้แทบไม่แห้ง ดูเหมือนสองหนุ่มนักธุรกิจใหญ่แห่งธารรุ้งจะมาเยือนบ่อยครั้ง บางครั้งมาคู่ บางครั้งก็สลับกันฉายเดี่ยว แม้การมานั้นจะด้วยเรื่องธุรกิจ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะความสวยของน้องสาวเธอด้วยหรือเปล่านะ ส่วนเธอเอง แม้ใครๆ จะชมว่าสวยคมขำ แต่ร้อยวันพันปีที่อยู่บ้านหรือกระทั่งอยู่ที่โรง เรียน ก็ไร้เงาเพศตรงข้ามมาเหลียวแล ซึ่งเธอก็ไม่เคยนึกน้อยอกน้อยใจอะไร พรผกาเชื่อเรื่องพรหมลิขิต เมื่อใดที่ถึงเวลา ฟ้าก็คงจะส่งเนื้อคู่ข้ามลำธารหน้าบ้านมาหาเธอเอง
“มาคนเดียวหรือคะคุณนที คุณไผ่ไม่มาด้วยหรือ”
เธอเอ่ยถามหลังจากที่ต้อนรับขับสู้ด้วยการพาเขาไปนั่งที่โถงรับ แขก นทีเองก็นั่งปล่อยตัวตามสบาย เพราะเริ่มคุ้นชินกับบ้านหลังนี้แล้ว
“มาคนเดียวครับ ต้องขออภัยที่มารบกวนแต่เช้า พอดีผมจะไปธุระ แล้วผ่านมาทางนี้น่ะครับ ก็เลยถือโอกาสแวะเสียหน่อย” เขาพูดพลางสอดส่ายสายตาเหมือนจะหาอะไรบางอย่าง พรผการู้ทันรีบตอบ
“ยายพิมอยู่ในไร่ค่ะ คุณมีธุระกับแกเหรอคะ”
“ก็ไม่เชิงครับ ที่จริงผมก็ เอ่อ มีธุระกับทุกคน กับครูด้วย แต่ถ้าคุณพิมเขาอยู่ด้วยจะได้คุยทีเดียวพร้อมกัน”
“ถ้างั้น เดี๋ยวพรไปเรียกมานะคะ”
“มะ ไม่ต้องหรอกครับ นั่นไง คุณพิมเดินมาแล้ว แหม...ขยันทำงานตั้งแต่เช้าเลย แบบนี้ผมคงหมดสิทธิ์เรื่องซื้อที่แน่นอนแล้วใช่ไหมครับครู”
“ใช่ค่ะ พิมเขาตั้งใจกับสวนปทุมมามาก ตอนนี้มองเห็นรายได้งามๆ อยู่ไม่ไกล พวกเราไม่มีทางเปลี่ยนใจแล้วละ และถ้าเป็นไปได้ พรก็ไม่อยากให้คุณพูดเรื่องนี้กับพิมอีกนะคะ กลัวน้องจะหงุดหงิดตั้งแต่เช้าอีก”
พรผกาพูดกลั้วหัวเราะ ทำให้นทีพลอยหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะบอกว่า
“ผมไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลหรอก ผมเป็นคนยอมเป็น แพ้เป็นครับครู”
พรผกามองนทีอย่างชื่นชม เธอคิดผิดไปถนัด คิดว่านักธุรกิจระดับนี้มักจะไม่ยอมอะไรง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องที่จะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์
************
มาต่อให้ช่วงเช้าเลย จุ๊บๆ ตอนนี้โอบรักธารรุ้งติด top อีบุ๊คขายดีหมวดนิยายรักแล้วด้วยค่ะ เมื่อวันอาทิตย์เห็นไต่ไปถึงอันดับ 8 เลย กีสสสส ชื่นใจที่สุด ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ขอพุ่งอีกได้มั้ย55555
พรุ่งนี้และวันที่ 1 มกราคม ทีมงานของดอัปนิยายนะคะรีดเดอร์ >< ส่วนใหญ่รีดเดอร์น่าจะไปฉลองปีใหม่กันแน่เลย หรือใครที่เที่ยวอยู่เดินทางโดยสวัสดิภาพน้าาา อย่าลืมกลับมาหาพี่ไผ่กับหนูพิมกันนะคะ^^
สุดท้ายนี้ ทีมงานและสนพ.ปลายปากกาขอสวัสดีปีใหม่รีดเดอร์ทุกท่านล่วงหน้าเลยค่ะ มีความสุขกันมากๆ จ้า โยนความเครียดทิ้งไป เริ่มต้นปีใหม่ด้วยจิตใจที่ผ่องใสกับนิยายของปลายปากกา 5555 รักรีดเดอร์ทุกคน จ๊วบ ฝากด้วยนะคะ
eBook โหลดได้ที่เว็บ mebmarket
สั่งจองหนังสือ เมล์ plaipakkabooks หรือinbox เข้ามาที่เพจ ‘ปลายปากกาสำนักพิมพ์’ หรือไลน์หา โดยแอดไอดี plaipakkabooks ก่อนนะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ตอนนี้เงินที่สะสมมาถูกใช้ไปเกือบหมดบัญชี หากไม่พอ ก็ต้องใช้เงินของบิดามารดาซึ่งก็มีไม่มากนัก แต่อย่าเลย...ครอบครัวของเธอรวยที่ทางก็จริง แต่เงินสดนั้นค่อนข้างอัตคัด และควรมีติดบ้านบ้างเพราะพวกท่านอายุมากแล้ว เวลาป่วยไข้จะได้มีเงินไปหาหมอ ถ้าต้องใช้เงินก้อนจริงๆ เธอคงต้องไปหยิบยืมใคร หรือไม่ก็ต้องกู้ธนาคาร
ที่แน่ๆ เธออาจต้องขายรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งก็ช่างมันเถอะ อยู่ที่นี่ก็แทบไม่ได้ใช้มันเลย ไปไหนมาไหนก็ปั่นจักรยานเอา ถ้าไปไกลหน่อยก็ไปรถบิดา ให้ท่านหรือน้าชดช่วยขับ หรือไม่เธอก็หัดขับเจ้าเกียร์กระปุกนี้เอง มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
“พิม นั่นยืนเหม่ออยู่ทำไม ทำไมไม่กลับเข้าบ้าน เย็นแล้วนะ”
พี่ชายกลับจากทำงาน หยุดรถจักรยานยนต์ร้องทัก
“มา! ขึ้นรถ กลับไปอาบน้ำอาบท่า เตรียมกินข้าวได้แล้ว”
พิมริสาขึ้นซ้อนท้ายรถของภพพิชัยอย่างว่าง่าย ไม่กี่นาทีถัดจาก นั้น ทั้งคู่ก็พร้อมหน้าพร้อมตาที่โต๊ะอาหารค่ำร่วมกับคนอื่นๆ เช่นทุกวัน แต่วันนี้พิมพ์ใจกับไพโรจน์รับประทานล่วงหน้าไปก่อนแล้ว จึงมีเพียงลูกๆ สามคนกับชด ผู้เป็นน้าชายของทั้งสาม
“วันนี้คุณไผ่กับเกดเขาเข้าไปที่สำนักงานพี่...” ภพพิชัยมีเรื่องเล่า ทำเอาพิมริสาหูผึ่ง เขาไปกับเกดแก้วด้วยงั้นหรือ
“เขาเข้าไปขอให้ช่วยเหลือเรื่องต้นกล้าที่จะเอาไปปลูกป่า นี่พวกเรารู้เรื่องนี้กันหรือยัง อีกไม่นานหมู่บ้านเราจะมีงานใหญ่”
“มีอะไรหรือพี่ภพ” พรผกาถาม “งานอะไรที่ว่างานใหญ่”
“ก็รีสอร์ตอิงไพรกับปางช้างนทีทองเขาจับมือกันจัดงานล่องแพไปปลูกป่าอะไรนี่ละ” แล้วภพพิชัยก็เล่าให้ทุกคนฟัง จบแล้วก็บอกว่า “น่าสนุก ธารรุ้งน่ะเงียบมานานเกินไปแล้ว มีงานแบบนี้จะได้กระตุ้นให้คนมาเที่ยวกันเยอะๆ”
“เอางานปลูกป่ามาบังหน้า เพื่อกระตุ้นยอดขายว่างั้น” พิมริสาพูดเสียงขุ่น
“โธ่...หนูพิม ทำไมมองคุณไผ่ในแง่ร้ายอย่างนั้น” ชดร้องขึ้น ระยะหลังเขาย้ายมาอยู่กับครอบครัวพี่สาวพี่เขยอย่างสมบูรณ์แล้ว
“ก็ไม่จริงเหรอคะน้าชด มองยังไงก็กระตุ้นยอดขายเขา เรื่องปลูกป่านี่ พิมว่าสุดท้ายแล้วก็เหลว คอยดู พอปลูกเสร็จเป็นภาระพี่ภพกับเพื่อนๆ ต้องตามล้างตามเช็ดแน่นอน เพราะพวกที่ปลูก ไม่กลับมาดูแล”
“อืม ก็มีสิทธิ์” ภพพิชัยพยักหน้าหงึกๆ เขาเป็นคนประเภทที่ไม่ว่าใครพูดอะไรมา ก็จะคล้อยตามทุกคนโดยง่าย “ส่วนใหญ่ปลูกแล้วก็หายลับไปชั่วชีวิต”
“เอาน่ะพี่ภพ พรว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่” พรผกาพูดบ้างหลัง จากนั่งฟังคนนั้นคนนี้ “เจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแลเรื่องป่าอยู่แล้ว ใช่ว่าจะต้องรอให้คนปลูกมารดน้ำเช้าเย็นเสียที่ไหน ต้นไหนรอดก็รอด ไม่รอดก็ไม่เห็นเป็น ไร ดีกว่าเขาไม่ปลูก”
“อืม คิดมุมนี้ก็ใช่” พี่คนโตเออออกับน้องสาวคนรอง “ปัญหาจิ๊บ จ๊อย การปลูกป่าคือการปลูกจิตสำนึกให้คนรักป่าอีกด้วยนะ”
“แล้วอะไรนี่อีก ให้ชาวบ้านร่วมล่องแก่ง นั่งช้าง” พิมริสาพูดพลางส่ายหน้าแบบระอาเต็มทน “ใครจะร่วมก็ร่วมนะ พิมไม่เอาด้วย ขี้เกียจไปส่ง เสริมการขายให้เขา”
“หนูพิมก็คิดมากไป” เป็นเสียงของชด “อย่าอคติคุณไผ่นักเลย วันก่อนน้าเห็นเข้าเมืองไปด้วยกัน คุณไผ่ก็ไปช่วยขับรถ ช่วยขนต้นไม้ตัวเป็นเกลียว นึกว่าจะญาติดีกันแล้วเสียอีก ทำไมดูจะหนักกว่าเก่า”
พิมริสาไม่ตอบ แต่เบือนหน้างอๆ ไปอีกทาง ชดพูดต่อ
“คุณไผ่อาจจะทำเพื่อธุรกิจของเขาก็จริง แต่คนที่ได้ก็คือชาวบ้านด้วย เขาก็ทำเพื่อส่วนรวมนา น้ากล้าพูดได้เลยว่า เขาไม่ใช่พวกนายทุนใจยักษ์อะไร เป็นคนดีทีเดียวละ ถามเกด เพื่อนหนูดูก็ได้”
“แหม...น้าชดนี่ ยังรักเคารพเจ้านายเก่าเหลือเกินนะ แบบนี้น่าจะให้กลับไปทำงานต่อกับเขาเลยดีกว่า เอาไหมคะ กลับไปขับรถ เป็นไกด์ให้เขาต่อ” คนพูดกระแทกเสียง
“ยายพิม” คราวนี้พรผกาขึ้นเสียงดังเอ็ดน้องสาว
“เสียมารยาทจริงๆ นิสัยไม่ดีเลย ทำไมพูดกับน้าอย่างนั้น”
“ก็ไม่จริงหรือคะพี่พร น้าชดเห็นพี่ไผ่เป็นเทวดา ยังเกรงอกเกรงใจทุกอย่าง ก็ไปทำงานต่อกับเขาซะหมดเรื่อง ทางนี้พิมหาคนใหม่ได้”
พูดแล้วพิมริสาก็ลุกจากโต๊ะอาหาร เดินผละไปอย่างเร็ว พรผกาส่งเสียงตาม
“นี่ พิม! กลับมาขอโทษน้าเดี๋ยวนี้นะ”
“ช่างเถอะหนูพร น้าไม่ถือสาหรอก...ช่วงสองสามวันมานี้เห็นเขาไม่ค่อยสบายใจ คงกังวลหลายเรื่อง”
“นั่นสิ” ภพพิชัยพูด “ช่วงเย็น ตอนผมกลับมา ก็เห็นยืนเหม่ออยู่ตั้งนาน ดูยายพิมเครียดๆ อาจจะอารมณ์ไม่ปกติ...พรก็อย่าไปอะไรน้องมันเลย”
“พรไม่ชอบเด็กไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่”
พรผกาพูดแบบอารมณ์กรุ่นๆ
“ไม่เป็นไรหรอก ปกติหนูพิมน่ารักกับทุกคน กับน้านี่แกก็เคารพออก แต่แกคงเกลียดขี้หน้าเจ้านายเก่าของน้าจริงๆ นั่นแหละ พอน้าไม่เข้า ข้าง แต่ดันไปยกย่องก็เลยวีนแตก น้าขำๆ มากกว่า”
พูดแล้วชดก็ยิ้มร่ากับหลานทั้งสอง อารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นมาของหลานสาวคนเล็กเมื่อครู่นี้ เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ ส่วนหนึ่งอาจจะชิงชังภาณุรุจเป็นทุน แต่อีกส่วน ชดก็อดคิดไม่ได้ว่า เหมือนอารมณ์ผู้หญิงขี้หึง สังเกตว่าแค่เขาพูดว่า ‘ถามเกดแก้วดูก็ได้’ แค่จบคำนั้นพิมริสาก็เป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา
ชดไม่อยากคิดคาดเดาอะไรให้มากเกินไป ทั้งเจ้านายเก่าทั้งเจ้านายใหม่ที่เป็นหลานรัก ต่างก็เป็นคนดีทั้งคู่ สวยหล่อ เหมาะสมกันทุกอย่าง ถ้าคู่นี้จะใจตรงกันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็นั่นแหละ ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นตัวแปร ซึ่งเขาก็บอกไม่ถูกว่าคืออะไร
หนุ่มใหญ่คิดแค่นั้นแล้วก็เลิกคิด หันมาสนใจผลไม้ตรงหน้าแทนหยิบทานล้างปาก
*******************
พรผกาคนข้าวต้มในหม้อที่ตั้งบนเตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดไฟแล้วยกลง จากครัวที่มีหน้าต่างเปิดโล่งรอบทิศ หญิงสาวมองออกไปไกลๆ วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ฟ้าใส มีสายลมพัดพรูตั้งแต่เช้า เธอเห็นน้องสาวยืนผมปลิวไสวอยู่กลางไร่พร้อมกับคนงานอีกสอง พรผกาอดสงสัยไม่ได้ กลิ่นหอมของอาหารเช้าที่เธอบรรจงทำหลายอย่างเพื่อสมาชิกในครอบครัว ไม่เว้นคนงานอีกสองสามคน จะลอยลมไปถึงตรงนั้นไหม
ตั้งแต่ตีห้ามาแล้วที่เธอได้ยินเสียงกุกกักของน้องสาว เมื่อได้เริ่มงานอย่างจริงๆ จังๆ พิมริสาไม่เคยนอนตื่นสายเหมือนช่วงที่กลับมาอยู่บ้านใหม่ๆ อีกเลย เธอตื่นก่อนทุกคน อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกไปในไร่พร้อมกับบิดาและน้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
ใจที่เคยนึกหมิ่นว่า น้องคนสวยที่ไปเป็นชาวเมืองอยู่หลายปีจะมาทำอะไรที่นี่ได้ ตอนนี้ความคิดนั้นไม่มีอยู่ในสมองของครูสาวแล้ว เธอยอมรับว่าพิมริสาแกร่งเกินตัว ภายใต้ท่าทางที่ดูกรีดกรายและนิสัยเจ้าแง่เจ้างอนจนดูเหมือนคนเอาแต่ใจนั้น น้องคนนี้มีความมุ่งมั่นและมีพลังที่จะต่อสู้กับงานหนักได้ดีกว่าเธอเสียอีก
เธอเองอยู่กับไร่กับสวนของครอบครัวมาตลอดก็จริง รูปร่างหน้าตาก็ดูสูงใหญ่แข็งแรงกว่าพิมริสาที่บอบบางเป็นชาวเมือง ใครๆ พากันคิดว่าเธอจะต้องรับมรดกเป็นชาวสวนเหมือนบิดา แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น ที่ผ่านมา เธอแทบไม่เคยได้ช่วยบิดามารดาอย่างจริงจังเลย เรียนหนังสือจบในเมืองแล้ว เธอก็สมัครเป็นครูอนุบาล นั่นคือสิ่งที่เธอชอบและทำได้ดี
เธอเคยเอ่ยชมพิมริสาเรื่องสู้งานหนักว่า
‘ขอสารภาพว่าพี่ประเมินพิมต่ำไป พิมน่ะสู้งานกว่าที่พี่คิดไว้มากเลย’
มีรอยยิ้มกว้างโชว์ฟันเรียงซี่สวยบนใบหน้าเรียวของน้องสาวก่อนเจ้าตัวจะตอบกลับมา
‘ใครๆ ก็สู้งานทั้งนั้น สู้ไปตามแนวทางตัวเองไงคะ พี่พรก็เป็นครูที่ดี ให้พิมมาอยู่กับเด็กเล็กๆ แบบพี่ทั้งวัน ต้องนั่งถักเปียให้เด็กทุกคน พิมก็ไม่สู้’
คำตอบนั้นทำให้พรผการู้สึกรักน้องขึ้นไปอีก พิมริสาไม่ใช่นางเอกในนิยายที่ต้องมีบุคลิกกล้าแกร่ง หรือจะต้องมาทำงานพร้อมกับแรงบันดาลใจสวยหรูอะไร แต่น้องเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่พกพานิสัยดีบ้างแย่บ้างติดตัว บางครั้งก็ดื้อจนน่าระอา ใครพูดอะไรไม่เคยฟัง บางครั้งก็ปากกล้าบ้ากฎเกณฑ์เถรตรงจนกลายเป็นคนขวานผ่าซาก บางครั้งก็เหมือนเด็กปอดแหก ขี้กลัว กลัวกระทั่งช้างที่เดินมาไกลๆ และบ่อยครั้งก็ขี้อ้อนอ่อนหวานจนใครๆ หลงหัวปักหัวปำ
พรผกาจัดวางอาหารเช้าบนโต๊ะไปพลางก็คิดไปพลาง พิมริสาเป็นคนที่มีสีสันและมีเสน่ห์ในตัว ไม่จืดชืดเหมือนเธอ เหนืออื่นใด คุณสมบัติพิเศษของน้องคือ มีความเป็นนักสู้ที่ซ่อนคมเอาไว้ เป็นเด็กฉลาด แต่ก็ชอบที่จะทำตัวงี่เง่าในบางเวลาเหมือนกัน อย่างเช่นเมื่อคืนนี้เป็นต้น พอพูดถึงคนที่เจ้าตัวไม่ชอบขี้หน้าก็ออกอาการจนน่าเกลียด แล้วก็พาลไปหมดไม่เว้นผู้หลักผู้ใหญ่อย่างน้าชด
เมื่อคืนนี้เธอเอ็ดน้องสาวไป ไม่รู้ว่าเช้านี้พิมริสาจะยังเคืองเธออยู่หรือไม่ แต่ก็ช่างเถอะ เธอไม่เคยคิดโกรธ เช้านี้ยังทอดปลาที่น้องชอบเอาไว้ให้ด้วยซ้ำ
จัดอาหารเสร็จ พรผกาก็เดินออกมาหน้าบ้าน แต่แล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นใครคนหนึ่งเดินตรงมา รถคันใหญ่ของเขาจอดอยู่อีกฟากของลำธาร
ครูสาวนึกขำ ตั้งแต่พิมริสากลับมาอยู่บ้าน หัวบันไดบ้านนี้แทบไม่แห้ง ดูเหมือนสองหนุ่มนักธุรกิจใหญ่แห่งธารรุ้งจะมาเยือนบ่อยครั้ง บางครั้งมาคู่ บางครั้งก็สลับกันฉายเดี่ยว แม้การมานั้นจะด้วยเรื่องธุรกิจ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะความสวยของน้องสาวเธอด้วยหรือเปล่านะ ส่วนเธอเอง แม้ใครๆ จะชมว่าสวยคมขำ แต่ร้อยวันพันปีที่อยู่บ้านหรือกระทั่งอยู่ที่โรง เรียน ก็ไร้เงาเพศตรงข้ามมาเหลียวแล ซึ่งเธอก็ไม่เคยนึกน้อยอกน้อยใจอะไร พรผกาเชื่อเรื่องพรหมลิขิต เมื่อใดที่ถึงเวลา ฟ้าก็คงจะส่งเนื้อคู่ข้ามลำธารหน้าบ้านมาหาเธอเอง
“มาคนเดียวหรือคะคุณนที คุณไผ่ไม่มาด้วยหรือ”
เธอเอ่ยถามหลังจากที่ต้อนรับขับสู้ด้วยการพาเขาไปนั่งที่โถงรับ แขก นทีเองก็นั่งปล่อยตัวตามสบาย เพราะเริ่มคุ้นชินกับบ้านหลังนี้แล้ว
“มาคนเดียวครับ ต้องขออภัยที่มารบกวนแต่เช้า พอดีผมจะไปธุระ แล้วผ่านมาทางนี้น่ะครับ ก็เลยถือโอกาสแวะเสียหน่อย” เขาพูดพลางสอดส่ายสายตาเหมือนจะหาอะไรบางอย่าง พรผการู้ทันรีบตอบ
“ยายพิมอยู่ในไร่ค่ะ คุณมีธุระกับแกเหรอคะ”
“ก็ไม่เชิงครับ ที่จริงผมก็ เอ่อ มีธุระกับทุกคน กับครูด้วย แต่ถ้าคุณพิมเขาอยู่ด้วยจะได้คุยทีเดียวพร้อมกัน”
“ถ้างั้น เดี๋ยวพรไปเรียกมานะคะ”
“มะ ไม่ต้องหรอกครับ นั่นไง คุณพิมเดินมาแล้ว แหม...ขยันทำงานตั้งแต่เช้าเลย แบบนี้ผมคงหมดสิทธิ์เรื่องซื้อที่แน่นอนแล้วใช่ไหมครับครู”
“ใช่ค่ะ พิมเขาตั้งใจกับสวนปทุมมามาก ตอนนี้มองเห็นรายได้งามๆ อยู่ไม่ไกล พวกเราไม่มีทางเปลี่ยนใจแล้วละ และถ้าเป็นไปได้ พรก็ไม่อยากให้คุณพูดเรื่องนี้กับพิมอีกนะคะ กลัวน้องจะหงุดหงิดตั้งแต่เช้าอีก”
พรผกาพูดกลั้วหัวเราะ ทำให้นทีพลอยหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะบอกว่า
“ผมไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลหรอก ผมเป็นคนยอมเป็น แพ้เป็นครับครู”
พรผกามองนทีอย่างชื่นชม เธอคิดผิดไปถนัด คิดว่านักธุรกิจระดับนี้มักจะไม่ยอมอะไรง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องที่จะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์
************
มาต่อให้ช่วงเช้าเลย จุ๊บๆ ตอนนี้โอบรักธารรุ้งติด top อีบุ๊คขายดีหมวดนิยายรักแล้วด้วยค่ะ เมื่อวันอาทิตย์เห็นไต่ไปถึงอันดับ 8 เลย กีสสสส ชื่นใจที่สุด ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ขอพุ่งอีกได้มั้ย55555
พรุ่งนี้และวันที่ 1 มกราคม ทีมงานของดอัปนิยายนะคะรีดเดอร์ >< ส่วนใหญ่รีดเดอร์น่าจะไปฉลองปีใหม่กันแน่เลย หรือใครที่เที่ยวอยู่เดินทางโดยสวัสดิภาพน้าาา อย่าลืมกลับมาหาพี่ไผ่กับหนูพิมกันนะคะ^^
สุดท้ายนี้ ทีมงานและสนพ.ปลายปากกาขอสวัสดีปีใหม่รีดเดอร์ทุกท่านล่วงหน้าเลยค่ะ มีความสุขกันมากๆ จ้า โยนความเครียดทิ้งไป เริ่มต้นปีใหม่ด้วยจิตใจที่ผ่องใสกับนิยายของปลายปากกา 5555 รักรีดเดอร์ทุกคน จ๊วบ ฝากด้วยนะคะ
eBook โหลดได้ที่เว็บ mebmarket
สั่งจองหนังสือ เมล์ plaipakkabooks หรือinbox เข้ามาที่เพจ ‘ปลายปากกาสำนักพิมพ์’ หรือไลน์หา โดยแอดไอดี plaipakkabooks ก่อนนะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ธ.ค. 2562, 10:36:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ธ.ค. 2562, 10:36:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 557
<< บทที่ 9 -100% + วางขาย eBook แล้ว!! | บทที่ 10 -100% >> |